“ไม่รู้จักดีชั่ว” เขาแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปเห็นสีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่ดีนัก เมี่ยวตงตัวสั่น รีบเข้าไปดูเสิ่นหรูโจว“พระชายาท่านไม่เป็นไรกระมัง?” นางสำรวจเสิ่นหรูโจวรอบหนึ่งด้วยความเป็นห่วงยิ่งเซิ่นหรูโจวทอดตามองเงาหลังของเซียวเฉินเหยี่ยน หัวเราะเสียงเย็นครั้งหนึ่ง จากนั้นกล่าวกับเมี่ยวตงว่า “ข้าไม่เป็นอันใด พรุ่งนี้ก็จะกลับบ้านเดิมแล้ว เจ้าไปเตรียมการเถิด”เมี่ยวตงเห็นนางไร้รอยขีดข่วนแม้เพียงปลายผม จึงได้วางใจ “เจ้าค่ะ ข้าน้อยทราบแล้ว”รุ่งเช้าวันถัดมา เสิ่นหรูโจวตื่นมาชำระกายแต่เช้าวันนี้นางสวมอาภรณ์สีแดงเจิดจ้าตลอดเรือนร่าง นางมีผิวขาว ชุดกระโปรงสีแดงยิ่งขับให้ผิวของนางดูขาวยิ่งกว่าหิมะ ดวงหน้าที่งดงามโดยกำเนิดเป็นสีชมพูจางๆ ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่แตกต่าง ทั่วทั้งร่างราวกับโบตั๋นดอกตูมที่ผลิบาน งดงามแต่ไม่ยั่วเย้า เฉิดฉายแต่ไม่ทิ้งรสนิยมเมี่อเมี่ยวตงได้เห็นก็อดตะลึงค้างไปไม่ได้ แม้ว่านางจะปรนนิบัติอยู่ข้างกายเสิ่นหรูโจวมานานหลายปี แต่ยังคงถูกรูปโฉมของนางทำให้ตกตะลึง“พระชายา ท่านงดงามเหลือเกินเจ้าค่ะ”รูปโฉมเช่นนี้ ท่านอ๋องกลับไม่ชอบ รอจนท่านอ
ทหารยามตอบอย่างเคารพว่า “ท่านแม่ทัพกับท่านแม่ทัพน้อยไปเข้าเฝ้าแล้วขอรับ แต่ว่า น่าจะใกล้กลับมาแล้วขอรับ”เสิ้นหรูโจวส่งเสียง “อ่อ” ครั้งหนึ่ง ก้นบึ้งของดวงตามีความผิดหวังวาบผ่านถึงขนาดเคยเอ่ยปากด้วยตนเองว่า ยินยอมแม้กระทั่งตัดขาดกับตระกูลเสิ่น แต่จะต้องแต่งงานกับเซียวเฉินเหยี่ยนให้ได้นางกล่าวคำพูดหนักเช่นนั้น จะต้องทำร้ายจิตใจของพวกเขาแน่ วันนี้พวกเขาไม่อยู่ก็เป็นเรื่องปกติ“เจ้าไปทำงานเถิด ข้าจะไปพบท่านย่าก่อน”ทหารยามคารวะอย่างเคารพ เสิ่นหรูโจวนำเมี่ยวตงเดินเข้าไปในเรือนนานแล้วที่ไม่ได้กลับบ้าน มองดูเครื่องใช้และสิ่งของตกแต่งทั้งหลายในจวน ในใจของเสิ่นหรูโจวรู้สึกซับซ้อน คัดจมูกขึ้นมาข้ารับใช้ในจวนเมื่อเห็นนางก็ปรากฏสีหน้าประหลาดใจและยินดีขึ้นมา ต่างพากันเข้ามาคารวะ นางล้วนยิ้มให้บางๆ เป็นการตอบรับเดิมนางคิดจะใช้ทางลัด เดินทะลุผ่านสวนดอกไม้ไปที่เรือนของท่านย่า คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเข้าในสวนดอกไม้แล้วแสงอาทิตย์เจิดจ้า บุพชาติเบ่งบานราวภาพปักหลากสีสัน เงาร่างสองสายหนึ่งชราหนึ่งเยาว์วัยเดินมาจากทางพุ่มดอกกุหลาบหญิงชราท่านนั้นมีผมขาวโพลนเต็มศีรษะ ใบหน้าแดงระเรื่อ บุคลิกงามส
เดิมข้ายังกังวลว่าเจ้ายังโกรธบิดากับพี่ชายของเจ้าอยู่ วันนี้จะไม่กลับบ้านเดิมแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้ายังคงกลับมา เช่นนี้ก็ดีมาก กับข้าวที่ข้าให้คนทำไว้จะได้ไม่เสียเปล่า ล้วนเป็นของที่เจ้าชอบทั้งสิ้น เสิ่นหรูโจวที่มิได้สัมผัสถึงความอบอุ่นจากคนในครอบครัวนานแล้ว ทันทีที่ได้ยินคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่า เพียงครู่เดียวขอบตาก็แดงแล้ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เศร้าโศก และหนักใจแต่ไรมาท่านยาก็รักใคร่เอ็นดูนาง แม้ว่าอายุจะมากแล้วแต่ยังคงคิดถึงนางอยู่ตลอด นางชอบกินอะไร ชอบสวมใส่สิ่งใด ล้วนจำได้อย่างแม่นยำยิ่งท่านย่าในยามนี้มีความสุขถึงเพียงนี้ แต่ในชาติที่แล้วนางกลับมิได้กลับจวน แม้จะกล่าวว่ามีเหตุผลที่สุขภาพไม่ดี แต่สุดท้ายก็ยังผิดต่อความคาดหวังแรงกล้าของผู้ชรา ท่านย่าคงจะรู้สึกผิดหวังและรู้สึกแย่มากใช่หรือไม่เสิ่นหรูหลันยกน้ำชามาให้พวกนางด้วยตนเอง กล่าวเสียงเบาว่า “เมื่อครู่ท่านย่าเดินมาสักพัก จะต้องกระหายน้ำแล้วเป็นแน่ ดื่มน้ำชาพักผ่อนหน่อยเถิดเจ้าค่ะ หรูโจวก็ดื่มน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ลำคอหน่อยเถิด อีกเดี๋ยวจะต้องพูดคุยเป็นเพื่อนท่านย่าให้มากหน่อย” กล่าวจบ นางก็ไปยืนอยู่ข้างฮูหยินผู้
เหล่าข้ารับใช้ที่อยู่ด้านข้างพากันพยักหน้า มองเสิ่นหรูโจวอย่างกังวล เกรงว่านางจะไม่ฟังคำเตือนแล้วทำเรื่องเหลวไหลเสิ่นหรูหลันก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย กังวลอยู่บ้างเช่นกันพวกเขาล้วนไม่เชื่อคุณหนู เพราะพวกเขามิเคยได้เห็นความร้ายกาจของคุณหนู อีกครู่ก็รอถูกคุณหนูทำให้ตกตะลึงเถิด!เสิ่นหรูโจวถูกแม่นมเจิ้งห้ามปรามก็มิได้โกรธ อธิบายอย่างใจเย็นว่า“แม่นมโปรดวางใจ หากไม่มีความมั่นใจ ข้าจะไม่มีทางรักษาท่านย่าอย่างเหลวไหลโดยเด็ดขาด ท่านย่าถูกโรคขาทรมานทั้งวันคืน ข้าเห็นแล้วในใจเป็นทุกข์นัก อีกอย่าง โรคนี้ไม่อาจปล่อยให้ล่าช้าต่อไปได้แล้ว” แม่นมเจิ้งทำสีหน้าเคร่งขรึม ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือ“หากคุณหนูเป็นห่วงฮูหยินผู้เฒ่า ก็ยิ่งมิอาจเหลวไหล การรักษาโรคมิใช่การเล่นสนุกของเด็ก มิอาจทดลองโดยสุ่มสี่สุ่มห้า หากอาการแย่ลงขึ้นมา นั่นเป็นเรื่องที่ถึงแก่ชีวิตได้! คุณหนูท่านไปพักผ่อนดีกว่านะเจ้าคะคนอื่นก็มองไปที่เสิ่นหรูโจวโดยไม่กล่าววาจาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าล้วนไม่ต้องการให้นางลงมือทดลองดูในยามนี้ ฮูหยินผู้เฒ่ากลับกุมมือของเสิ่นหรูโจว เอ่ยปากอย่างหนักแน่นยิ่งว่า “ในเมื่อจูจูเอ๋อร์ต้องการลอ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็ตะลึงไป พากันมองไปยังเสิ่นหรูโจวคิ้วงามของเสิ่นหรูโจวพลันขมวดเล็กน้อย ในดวงตามีความรำคาญอยู่บ้างเซียวเฉินเหยี่ยนสติไม่ดีหรืออย่างไร ไม่ง่ายเลยที่นางจะได้กลับบ้านสักครั้ง ยังจะมาสร้างเรื่องให้นางอีก ช่างไร้เหตุผลนัก!ที่มาเป็นบ่าวรับใช้ธรรมดาผู้หนึ่ง เมื่อเห็นทุกคนก็รีบทำความเคารพอย่างนอบน้อม “คารวะพระชายา ฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่น และคุณหนูเสิ่นขอรับ” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวด้วยเสียงขรึมเล็กน้อยว่า “จวนอ๋องเกิดเรื่องใดขึ้นกัน จึงจะด้องให้กลับไปเดี๋ยวนี้ให้ได้?”“เรื่องนี้…” บ่าวรับใช้ถูมือ ใบหน้าเผยความลำบากใจ “ผู้น้อยเป็นเพียงผู้ถ่ายทอดคำพูดขอรับ เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ บ่าวก็ไม่แน่ใจ แต่ท่านอ๋องสั่งการไว้แล้ว ว่าจะต้องเชิญพระชายากลับไปให้ได้ขอรับ”เกิดสิ่งใดขึ้น? นั่นยังต้องคิดอีกหรือ จะต้องเป็นมู่หว่านหรงหาเรื่องอีกแล้วอย่างแน่นอน!วันนี้เป็นวันกลับบ้านเดิมของนาง ขอเพียงรู้ความสักเล็กน้อยล้วนไม่มีทางมารบกวน เซียวเฉินเหยี่ยนช่างรู้จักเหยียบย่ำคนยิ่งนักเสิ่นหรูโจวเหลือบมองบ่าวรับใช้ทีหนึ่ง น้ำเสียงแข็งกระด้างว่า “ข้าไม่กลับ เจ้ากลับไปเถิด”ใบหน้าของบ่าวรับใช้
บ่าวรับใช้มีสีหน้าไม่ดี กล่าวตามตรงว่า “ท่านอ๋อง พระชายาไม่เต็มใจกลับมา บอกว่า…บอกว่าที่จวนอ๋องมีเรื่องใดก็ให้ท่านจัดการเอาเองขอรับ”เซียวเฉินเหยี่ยนสีหน้าเคร่งขรึม โบกมือให้คนถอยออกไปถงอวิ๋นเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบร้องไห้ออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความร้อนใจว่า “ท่านอ๋อง ขอท่านโปรดคิดหาวิธี หากยังรีรอต่อไปเช่นนี้ พระชายารองเกรงว่า…”“ท่านมิอาจมองดูพระชายารองตายไปได้นะเจ้าคะ ยามนี้มีเพียงเลือดของพระชายาที่สามารถช่วยเหลือพระชายารองได้ แต่พระชายากลับไม่ยินยอมกลับจวน นี่จะทำเช่นใดดีเจ้าคะ?”สีหน้าบนใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่เปรียบของเซียนเฉินเหยี่ยน กลับไร้การเปลี่ยนแปลง“ที่เสิ่นหรูโจวไม่เต็มใจกลับมาก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะถึงอย่างไรวันนี้ก็เป็นวันกลับบ้านเดิมของนาง ไม่มีเหตุผลที่จะบีบบังคับคนให้กลับมาก่อนเวลา แต่สถานการณ์เบื้องหน้าในยามนี้เร่งร้อนเป็นอย่างมาก ไม่อาจเสียเวลาได้แล้วจริงๆ” เขาเหลือบมองมู่หว่านหรงที่ใบหน้าซีดขาวอยู่บนเตียงครั้งหนึ่ง เม้มปาก “ข้าจะไปพานางกลับมา เจ้าดูแลพระชายารองให้ดี” ถงอวิ๋นตาแดง “เจ้าค่ะ ท่านอ๋อง” ส่วนที่จวนแม่ทัพ เมื่อเสิ่นหรูโจวไล่บ่าวรับใช้กลับไปแล้ว ก็
“วันนี้เป็นข้าเสียมารยาท ผิดต่อฮูหยินผู้เฒ่า วันหน้า ข้าค่อยมาเยือนเพื่อขออภัยอีกครั้ง” จะพานางกลับจวนจริงๆ!เสิ่นหรูโจวมองท่าทีสูงส่งเย็นชาของเซียวเฉินเหยี่ยน หัวเราะเสียงเย็นครั้งหนึ่ง“วันนี้ข้ากลับมาบ้านเดิม จะมีเรื่องใหญ่เทียมฟ้าใดกัน ท่านอ๋องก็อดทนรอหน่อยเถิด” หัวคิ้วของฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นก็ขมวดเข้าหากันเช่นกันเซียวเฉินเหยี่ยนรู้ว่าผิดมารยาท เม้มปากแล้วจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้องตามหลักเหตุผล ทว่าเรื่องนี้มีเหตุผล เจ้ากลับไปกับข้าก่อน” เสิ่นหรูโจวรู้สึกว่าน่าขำ ดวงตาเย็นชา “หากท่านยังรู้ว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผล ก็ไม่ควรมาที่จวนเพื่อบังคับข้า!”ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่กล้ากล่าววาจาเซียวเฉินเหลี่ยนถูกเสิ่นหรูโจวฉีกหน้าอย่างไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ใบหน้าอันหล่อเหลาพลันไม่น่าดูขึ้นมานี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาทำเรื่องเสียมารยาทเช่นนี้ ทว่าเขาเป็นท่านอ๋อง เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของจวนอ๋อง เสิ่นหรูโจวถึงกลับกล้าทำให้เขาอับอายต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ นี่ไม่ต่างกับการดูหมิ่นเลยทีเดียว“เสิ่นหรูโจว อย่าให้มากเกินไปนัก” เขาพลันคว้ามือของนางไว้อย่างกะทันหัน
ดูท่า จวนอ๋องคงเกิดเรื่องที่ไม่อาจกล่าวออกมาอย่างเปิดเผยได้จริงๆ นางมองฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นที่มีสีหน้าไม่ดี ยังมีเสิ่นหรูหลันที่มีสีหน้าเย็นชา ก็กำมือเข้าหากันอย่างอดไม่ได้จวนแม้ทัพเข้าข้างคนของตน หากนางยืนกรานไม่ยอมกลับไป ท่านย่ากับพี่สะใภ้ก็จะต่อต้านเพื่อนางจนถึงที่สุดแต่นิสัยเซียวเฉินเหยี่ยนนั้นดื้อรั้น เรื่องที่เขาต้องการทำ ก็มีน้อยคนนักที่จะแปรเปลี่ยนได้ หากเป็นเช่นนี้ จวนแม่ทัพคงเกิดความวุ่นวาย วันนี้ท่านย่ายังป่วยอยู่ อีกทั้งหากท่านพ่อพี่ชายกลับมาเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็จะวุ่นวายใจอีกรอบฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นสีหน้าบึ้งตึง กล่าวส่งแขกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ท่านอ๋อง หญิงชราผู้นี้…”คำพูดของนางยังไม่ทันกล่าวจบ ก็ถูกเสิ่นหรูโจวกล่าวแทรก “ได้ ข้ากลับจวนก็ได้ ท่านไปรอที่หน้าประตูก่อนเถิด” ฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นมองเสิ่นหรูโจวอย่างคาดไม่ถึง “จูจูเอ๋อร์…”เสิ่นหรูโจวส่ายหัวให้นาง ฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นเม้มปาก ทว่าสีหน้าตึงเครียดของเซียวเฉินเหยี่ยนกลับผ่อนคลายลงเล็กน้อยเพียงแต่น้ำเสียงของเสิ่นหรูโจวราวกับออกคำสั่งก็ไม่ปาน คนจำนวนมากดูอยู่เช่นนี้ เขาเสียหน้าอย่างยิ่ง เมื่อก่อนเขาจึงจะเป็นผู้ที่อ