มีบางครั้งเขายิ่งเป็นเป็นบ้า เสียสติถึงขั้นคิดจะล่วงเกินนาง เช่นนั้นยังน่ากลัวกว่าเซียวเฉินเหยี่ยนในยามนี้มากข้อมือบางถูกเซียวเฉินเหยี่ยนกุมจนเจ็บ ทว่าเสิ่นหรูโจวมิได้รีบดึงออก แต่กลับเชิดคางขึ้นเล็กน้อย แย้มริมฝีปากอย่างแผ่วบาง“เซียวเฉินเหยี่ยน ท่านอยากรู้ว่าข้าต้องการสิ่งใด ข้าสามารถบอกท่านได้ ก็ใช้เงื่อนไขที่ท่านติดค้างข้าอยู่สามข้อ ดูว่าท่านจะสามารถทำได้หรือไม่”“เวลานี้มาต่อรองเงื่อนไขกับเขา ช่างรู้จักเลือกเวลาเสียจริง!”เซียวเฉินเหยี่ยนจ้องนาง สีหน้ามืดครึ้มจนน่ากลัว สะกดกลั้นไฟโทสะ น้ำเสียงทุ้มต่ำแสดงอาการหมดความอดทน พ่นออกมาคำหนึ่งว่า “พูด”เสิ่นหรูโจวกล่าวโดยไม่ลังเลว่า “ข้าต้องการหย่า”เซียวเฉินเหยี่ยนพลันตกตะลึงไป เขาคิดว่านางจะเอ่ยถึงการร่วมหอ คิดไม่ถึงว่ายังคงเป็นการหย่าร้าง!จากนั้น หัวใจของเขาก็รู้สึกโมโหอย่างไม่รู้ที่มา พลันความโกรธเกรี้ยวที่ต้องการจะทำลายล้างสายหนึ่งก็โหมกระหน่ำเข้ามา “ไม่ได้”เนตรหงส์ของเสิ่นหรูโจวเลิกขึ้น ที่จริงแล้วนางก็ไม่ได้ตั้งความหวังสูงนัก การหย่าร้างมิใช่จะทำได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น“เช่นนั้นเงื่อนไขในการหย่าร้างต้องเปลี่ยนแปลง ทองคำล
ดวงตาใสกระจ่างของเสิ่นหรูโจวมองเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างแน่วแน่“เงื่อนไขที่สอง ยามนี้ข้ายังคงเป็นพระชายา ดังนั้นเมื่อข้าอยู่ในจวนอ๋อง ก็ควรมีฐานะเฉกเช่นที่พระชายาควรมี”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวเฉินเหยี่ยนก็เลิกคิ้วขึ้น มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน “เจ้ายังไม่มีฐานะ? เจ้าอยู่ในจวนอ๋องใช้อำนาจทำตามอำเภอใจ ไม่มีผู้ใดโอหังยิ่งไปกว่าเจ้าแล้ว!”เหอะ นางมีฐานะอย่างนั้นหรือ?แต่ไรมาเซียวเฉินเหยี่ยนล้วนคิดไปเองว่าได้มอบสิ่งต่างๆ ให้นางมากมาย นางเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด ไม่เห็นความไม่เป็นธรรมทั้งมวลที่นางได้รับอยู่ในสายตา ไม่รู้แม้แต่น้อยว่า นางต้องทนทุกข์ทรมานมากเพียงใดบนใบหน้าดวงน้อยที่ประณีตงดงามของเสิ่นหรูโจวไร้ซึ่งรอยยิ้มอีกต่อไป กล่าวอย่างเย็นชาว่า“ที่ข้าต้องการ คือให้เหล่าข้ารับใช้ในจวนอ๋อง รวมถึงมู่หว่านหรงที่มีฐานะเป็นชายารอง ปฏิบัติต่อข้าตามมารยาทที่ควรปฏิบัติต่อพระชายา ไม่อาจล่วงเกินข้า ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่มู่หว่านหรงจับข้าขังคุกใต้ดินในวันนี้ ไม่อาจเกิดขึ้นอีก”“อีกอย่าง ในเมื่อข้ามีฐานะเป็นพระชายา เยี่ยงนั้นท่านอ๋องเช่นท่านก็ควรอยู่ร่วมกับข้าอย่างให้เกียรติ อย่างน้
“ไม่รู้จักดีชั่ว” เขาแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปเห็นสีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่ดีนัก เมี่ยวตงตัวสั่น รีบเข้าไปดูเสิ่นหรูโจว“พระชายาท่านไม่เป็นไรกระมัง?” นางสำรวจเสิ่นหรูโจวรอบหนึ่งด้วยความเป็นห่วงยิ่งเซิ่นหรูโจวทอดตามองเงาหลังของเซียวเฉินเหยี่ยน หัวเราะเสียงเย็นครั้งหนึ่ง จากนั้นกล่าวกับเมี่ยวตงว่า “ข้าไม่เป็นอันใด พรุ่งนี้ก็จะกลับบ้านเดิมแล้ว เจ้าไปเตรียมการเถิด”เมี่ยวตงเห็นนางไร้รอยขีดข่วนแม้เพียงปลายผม จึงได้วางใจ “เจ้าค่ะ ข้าน้อยทราบแล้ว”รุ่งเช้าวันถัดมา เสิ่นหรูโจวตื่นมาชำระกายแต่เช้าวันนี้นางสวมอาภรณ์สีแดงเจิดจ้าตลอดเรือนร่าง นางมีผิวขาว ชุดกระโปรงสีแดงยิ่งขับให้ผิวของนางดูขาวยิ่งกว่าหิมะ ดวงหน้าที่งดงามโดยกำเนิดเป็นสีชมพูจางๆ ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่แตกต่าง ทั่วทั้งร่างราวกับโบตั๋นดอกตูมที่ผลิบาน งดงามแต่ไม่ยั่วเย้า เฉิดฉายแต่ไม่ทิ้งรสนิยมเมี่อเมี่ยวตงได้เห็นก็อดตะลึงค้างไปไม่ได้ แม้ว่านางจะปรนนิบัติอยู่ข้างกายเสิ่นหรูโจวมานานหลายปี แต่ยังคงถูกรูปโฉมของนางทำให้ตกตะลึง“พระชายา ท่านงดงามเหลือเกินเจ้าค่ะ”รูปโฉมเช่นนี้ ท่านอ๋องกลับไม่ชอบ รอจนท่านอ
ทหารยามตอบอย่างเคารพว่า “ท่านแม่ทัพกับท่านแม่ทัพน้อยไปเข้าเฝ้าแล้วขอรับ แต่ว่า น่าจะใกล้กลับมาแล้วขอรับ”เสิ้นหรูโจวส่งเสียง “อ่อ” ครั้งหนึ่ง ก้นบึ้งของดวงตามีความผิดหวังวาบผ่านถึงขนาดเคยเอ่ยปากด้วยตนเองว่า ยินยอมแม้กระทั่งตัดขาดกับตระกูลเสิ่น แต่จะต้องแต่งงานกับเซียวเฉินเหยี่ยนให้ได้นางกล่าวคำพูดหนักเช่นนั้น จะต้องทำร้ายจิตใจของพวกเขาแน่ วันนี้พวกเขาไม่อยู่ก็เป็นเรื่องปกติ“เจ้าไปทำงานเถิด ข้าจะไปพบท่านย่าก่อน”ทหารยามคารวะอย่างเคารพ เสิ่นหรูโจวนำเมี่ยวตงเดินเข้าไปในเรือนนานแล้วที่ไม่ได้กลับบ้าน มองดูเครื่องใช้และสิ่งของตกแต่งทั้งหลายในจวน ในใจของเสิ่นหรูโจวรู้สึกซับซ้อน คัดจมูกขึ้นมาข้ารับใช้ในจวนเมื่อเห็นนางก็ปรากฏสีหน้าประหลาดใจและยินดีขึ้นมา ต่างพากันเข้ามาคารวะ นางล้วนยิ้มให้บางๆ เป็นการตอบรับเดิมนางคิดจะใช้ทางลัด เดินทะลุผ่านสวนดอกไม้ไปที่เรือนของท่านย่า คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเข้าในสวนดอกไม้แล้วแสงอาทิตย์เจิดจ้า บุพชาติเบ่งบานราวภาพปักหลากสีสัน เงาร่างสองสายหนึ่งชราหนึ่งเยาว์วัยเดินมาจากทางพุ่มดอกกุหลาบหญิงชราท่านนั้นมีผมขาวโพลนเต็มศีรษะ ใบหน้าแดงระเรื่อ บุคลิกงามส
เดิมข้ายังกังวลว่าเจ้ายังโกรธบิดากับพี่ชายของเจ้าอยู่ วันนี้จะไม่กลับบ้านเดิมแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้ายังคงกลับมา เช่นนี้ก็ดีมาก กับข้าวที่ข้าให้คนทำไว้จะได้ไม่เสียเปล่า ล้วนเป็นของที่เจ้าชอบทั้งสิ้น เสิ่นหรูโจวที่มิได้สัมผัสถึงความอบอุ่นจากคนในครอบครัวนานแล้ว ทันทีที่ได้ยินคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่า เพียงครู่เดียวขอบตาก็แดงแล้ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เศร้าโศก และหนักใจแต่ไรมาท่านยาก็รักใคร่เอ็นดูนาง แม้ว่าอายุจะมากแล้วแต่ยังคงคิดถึงนางอยู่ตลอด นางชอบกินอะไร ชอบสวมใส่สิ่งใด ล้วนจำได้อย่างแม่นยำยิ่งท่านย่าในยามนี้มีความสุขถึงเพียงนี้ แต่ในชาติที่แล้วนางกลับมิได้กลับจวน แม้จะกล่าวว่ามีเหตุผลที่สุขภาพไม่ดี แต่สุดท้ายก็ยังผิดต่อความคาดหวังแรงกล้าของผู้ชรา ท่านย่าคงจะรู้สึกผิดหวังและรู้สึกแย่มากใช่หรือไม่เสิ่นหรูหลันยกน้ำชามาให้พวกนางด้วยตนเอง กล่าวเสียงเบาว่า “เมื่อครู่ท่านย่าเดินมาสักพัก จะต้องกระหายน้ำแล้วเป็นแน่ ดื่มน้ำชาพักผ่อนหน่อยเถิดเจ้าค่ะ หรูโจวก็ดื่มน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ลำคอหน่อยเถิด อีกเดี๋ยวจะต้องพูดคุยเป็นเพื่อนท่านย่าให้มากหน่อย” กล่าวจบ นางก็ไปยืนอยู่ข้างฮูหยินผู้
เหล่าข้ารับใช้ที่อยู่ด้านข้างพากันพยักหน้า มองเสิ่นหรูโจวอย่างกังวล เกรงว่านางจะไม่ฟังคำเตือนแล้วทำเรื่องเหลวไหลเสิ่นหรูหลันก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย กังวลอยู่บ้างเช่นกันพวกเขาล้วนไม่เชื่อคุณหนู เพราะพวกเขามิเคยได้เห็นความร้ายกาจของคุณหนู อีกครู่ก็รอถูกคุณหนูทำให้ตกตะลึงเถิด!เสิ่นหรูโจวถูกแม่นมเจิ้งห้ามปรามก็มิได้โกรธ อธิบายอย่างใจเย็นว่า“แม่นมโปรดวางใจ หากไม่มีความมั่นใจ ข้าจะไม่มีทางรักษาท่านย่าอย่างเหลวไหลโดยเด็ดขาด ท่านย่าถูกโรคขาทรมานทั้งวันคืน ข้าเห็นแล้วในใจเป็นทุกข์นัก อีกอย่าง โรคนี้ไม่อาจปล่อยให้ล่าช้าต่อไปได้แล้ว” แม่นมเจิ้งทำสีหน้าเคร่งขรึม ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือ“หากคุณหนูเป็นห่วงฮูหยินผู้เฒ่า ก็ยิ่งมิอาจเหลวไหล การรักษาโรคมิใช่การเล่นสนุกของเด็ก มิอาจทดลองโดยสุ่มสี่สุ่มห้า หากอาการแย่ลงขึ้นมา นั่นเป็นเรื่องที่ถึงแก่ชีวิตได้! คุณหนูท่านไปพักผ่อนดีกว่านะเจ้าคะคนอื่นก็มองไปที่เสิ่นหรูโจวโดยไม่กล่าววาจาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าล้วนไม่ต้องการให้นางลงมือทดลองดูในยามนี้ ฮูหยินผู้เฒ่ากลับกุมมือของเสิ่นหรูโจว เอ่ยปากอย่างหนักแน่นยิ่งว่า “ในเมื่อจูจูเอ๋อร์ต้องการลอ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็ตะลึงไป พากันมองไปยังเสิ่นหรูโจวคิ้วงามของเสิ่นหรูโจวพลันขมวดเล็กน้อย ในดวงตามีความรำคาญอยู่บ้างเซียวเฉินเหยี่ยนสติไม่ดีหรืออย่างไร ไม่ง่ายเลยที่นางจะได้กลับบ้านสักครั้ง ยังจะมาสร้างเรื่องให้นางอีก ช่างไร้เหตุผลนัก!ที่มาเป็นบ่าวรับใช้ธรรมดาผู้หนึ่ง เมื่อเห็นทุกคนก็รีบทำความเคารพอย่างนอบน้อม “คารวะพระชายา ฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่น และคุณหนูเสิ่นขอรับ” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวด้วยเสียงขรึมเล็กน้อยว่า “จวนอ๋องเกิดเรื่องใดขึ้นกัน จึงจะด้องให้กลับไปเดี๋ยวนี้ให้ได้?”“เรื่องนี้…” บ่าวรับใช้ถูมือ ใบหน้าเผยความลำบากใจ “ผู้น้อยเป็นเพียงผู้ถ่ายทอดคำพูดขอรับ เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ บ่าวก็ไม่แน่ใจ แต่ท่านอ๋องสั่งการไว้แล้ว ว่าจะต้องเชิญพระชายากลับไปให้ได้ขอรับ”เกิดสิ่งใดขึ้น? นั่นยังต้องคิดอีกหรือ จะต้องเป็นมู่หว่านหรงหาเรื่องอีกแล้วอย่างแน่นอน!วันนี้เป็นวันกลับบ้านเดิมของนาง ขอเพียงรู้ความสักเล็กน้อยล้วนไม่มีทางมารบกวน เซียวเฉินเหยี่ยนช่างรู้จักเหยียบย่ำคนยิ่งนักเสิ่นหรูโจวเหลือบมองบ่าวรับใช้ทีหนึ่ง น้ำเสียงแข็งกระด้างว่า “ข้าไม่กลับ เจ้ากลับไปเถิด”ใบหน้าของบ่าวรับใช้
บ่าวรับใช้มีสีหน้าไม่ดี กล่าวตามตรงว่า “ท่านอ๋อง พระชายาไม่เต็มใจกลับมา บอกว่า…บอกว่าที่จวนอ๋องมีเรื่องใดก็ให้ท่านจัดการเอาเองขอรับ”เซียวเฉินเหยี่ยนสีหน้าเคร่งขรึม โบกมือให้คนถอยออกไปถงอวิ๋นเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบร้องไห้ออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความร้อนใจว่า “ท่านอ๋อง ขอท่านโปรดคิดหาวิธี หากยังรีรอต่อไปเช่นนี้ พระชายารองเกรงว่า…”“ท่านมิอาจมองดูพระชายารองตายไปได้นะเจ้าคะ ยามนี้มีเพียงเลือดของพระชายาที่สามารถช่วยเหลือพระชายารองได้ แต่พระชายากลับไม่ยินยอมกลับจวน นี่จะทำเช่นใดดีเจ้าคะ?”สีหน้าบนใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่เปรียบของเซียนเฉินเหยี่ยน กลับไร้การเปลี่ยนแปลง“ที่เสิ่นหรูโจวไม่เต็มใจกลับมาก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะถึงอย่างไรวันนี้ก็เป็นวันกลับบ้านเดิมของนาง ไม่มีเหตุผลที่จะบีบบังคับคนให้กลับมาก่อนเวลา แต่สถานการณ์เบื้องหน้าในยามนี้เร่งร้อนเป็นอย่างมาก ไม่อาจเสียเวลาได้แล้วจริงๆ” เขาเหลือบมองมู่หว่านหรงที่ใบหน้าซีดขาวอยู่บนเตียงครั้งหนึ่ง เม้มปาก “ข้าจะไปพานางกลับมา เจ้าดูแลพระชายารองให้ดี” ถงอวิ๋นตาแดง “เจ้าค่ะ ท่านอ๋อง” ส่วนที่จวนแม่ทัพ เมื่อเสิ่นหรูโจวไล่บ่าวรับใช้กลับไปแล้ว ก็