ลู่หวายหนิงกอดอกมองเขา ไม่พอใจต่อท่าทีของเขาที่มีต่อเป่ยซิวเยี่ยนเล็กน้อยเป่ยซิวเยี่ยนท่าทางสงบนิ่ง เสิ่นหรูโจวเลิกคิ้วอย่างเหยียดหยาม กล่าวเสียงเย็นชา “เหตุใดต้องบอกท่าน? ไม่ได้ให้ท่านไปรักษาเสียหน่อย”“เจ้าหุบปาก!” เซียวเฉินเหยี่ยนค้อนนางแวบหนึ่ง กล่าวถามเป่ยซิวเยี่ยนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรื่องการรักษาอาการป่วยของกุ้ยเฟยเป็นเรื่องสำคัญ เพียงแค่ไม่ระวังก็อาจจะเสียชีวิตได้”“ไม่ใช่ว่าอุปราชแค้นใจที่ฉินอวี่ได้รับบาดเจ็บที่จวนอ๋องอู่เฉิง จึงเจตนาแนะนำพระชายาของข้าต่อหน้าฝ่าบาท อยากให้นางไปตายหรอกหรือ”เสิ่นหรูโจวขมวดคิ้วทันทีในใจของเขามืดมน/เขาจิตใจมืดมนแล้ว ยังจะหาว่าคนอื่นเป็นคนอำมหิตอีกด้วย! ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากพูด เป่ยซิวเยี่ยนก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน “อ๋องอู่เฉิงคิดมากไปแล้ว ข้าแนะนำพระชายาอ๋องอู่เฉิง ก็เป็นเพราะเมื่อครั้งก่อนฉินอวี่ได้นางเป็นผู้ช่วยชีวิต ทำให้ข้าเห็นถึงความสามารถของนาง”“ในเมื่อพระชายามีความสามารถ ก็ไม่ควรเก็บตัวอยู่เพียงแค่ที่จวนอ๋อง ควรใช้ความสามารถให้เต็มที่ ทำประโยชน์ต่อบ้านเมือง”เสิ่นหรูโจวเหลือบมองเป่ยซิวเยี่ยน ก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาจนทำให้ทุกคนตก
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเซียวเฉินเหยี่ยนหมองหม่นราวกับก้นหม้อ เขาจ้องมองท่าทางทะเล้นของเสิ่นหรูโจว กัดฟันกล่าว “เจ้ายังยิ้มออกอีกหรือ?”เสิ่นหรูโจวที่คร้านจะสนใจเขา จึงหุบยิ้ม เดินตรงไปข้างหน้านางยังรีบร้อนจะกลับไปพบท่านพ่อ ไม่มีเวลามาพูดจาไร้สาระกับเขาเซียวเฉินเหยี่ยนกลับไม่อยากจะปล่อยนางไปเช่นนี้ นางชักจะอวดดีขึ้นทุกวัน วันนี้จะต้องสั่งสอนนางให้ดี ๆ สักรอบเขาเดินตามนางไปติด ๆ น้ำเสียงเย็นชาแฝงไปด้วยความโมโห“อีกประเดี๋ยวไม่เจอกันเจ้าก็จะก่อเรื่องให้ข้าอีก ไหนอยากจะรักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟย เหตุใดเจ้าไม่ขึ้นสวรรค์ไปเลยล่ะ?”เสิ่นหรูโจวไม่แม้แต่จะชายตามองเขา สายตามองตรงไปยังทางที่ตนเองเดิน กล่าวอย่างเย็นชา “ข้าทำอะไรท่านไม่จำเป็นต้องยุ่ง ต่อให้ขึ้นสวรรค์ก็ไม่เกี่ยวกับท่าน ไม่ต้องให้ท่านมาชี้นิ้วสั่ง”“ไม่ต้องสนใจ?” เซียวเฉินเหยี่ยนยิ้มด้วยความโมโห“เจ้าคิดว่าข้าอยากยุ่งกับเจ้า? หากข้าไม่จับตาดูเจ้า เจ้าก็คงถูกฟ้าผ่าตายไปนานแล้ว!”“กุ้ยเฟยสถานะอะไร? นางเป็นพระสนมที่ได้รับความโปรดปรานที่สุด ตระกูลฝั่งมารดาที่อยู่เบื้องหลังมีอำนาจทรงพลัง เจ้าล่วงเกินได้หรือ! หากนางเป็นอะไรไปแม้แต่น
“เจ้าคิดว่าการที่เป่ยซิวเยี่ยนใกล้ชิดเจ้า เป็นเรื่องดีงั้นหรือ? เป่ยซิวเยี่ยนเป็นใคร? เขาเสนอแนะให้เจ้าไปรักษาอาการป่วยของกุ้ยเฟย จะให้สงบใจได้อย่างไร? รักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟยก็เป็นดั่งเผือกร้อน คนอื่นหลบ แต่เจ้ากลับเอามากอดไว้ในอ้อมแขน ข้าช่วยเจ้า เจ้ายังรู้สึกน้อยใจ!”พูดถึงตรงนี้ เซียวเฉินเหยี่ยนเกิดความอัดอั้นขึ้นภายในใจทันที เขาพูดกับเสิ่นหรูโจวว่าให้อยู่ห่างจากเป่ยซิวเยี่ยนตั้งแต่แรกแล้ว เหตุใดนางจึงไม่ยอมเชื่อฟัง ยังปิดบังเขาตอบรับคำเชิญของเป่ยซิวเยี่ยน ไปรักษาอาการป่วยของกุ้ยเฟยอีกด้วย!“เป่ยซิวเยี่ยนผู้นี้ความคิดลึกล้ำ เจ้าคิดว่าเขาชื่นชมเจ้างั้นหรือ? เขาอยากจะใช้เจ้าเพื่อมาจัดการกับข้าแน่นอน!”เสิ่นหรูโจวไม่พูดจา กำหมัดแน่นนางกลับอยากจะดูว่าเป่ยซิวเยี่ยนจะจัดการกับเขาอย่างไร น่าเสียดายที่ต้องรออีกหลายปี เป่ยซิวเยี่ยนถึงจะยกทัพก่อการกบฏ แต่ว่าคำพูดนี้ นางไม่มีทางบอกเซียวเฉินเหยี่ยนเดิมทีการกลับชาติมาเกิดใหม่ นางอยากจะดูเซียวเฉินเหยี่ยน เดินเข้าไปสู่หายนะ ทีละก้าว ๆ !เซียวเฉินเหยี่ยนจ้องมองการกระทำของนาง คิดว่านางฟังเข้าหูแล้ว สำนึกผิดแล้ว ในใจจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ไ
เซียวเฉินเหยี่ยนหรี่ดวงตาเรียวยาวเล็กน้อย หางตามีความเย็นยะเยือกเอ่อล้นออกมา “ข้าเกลียดผู้หญิงที่ข่มขู่หลอกล่อด้วยผลประโยชน์ที่สุด นางยิ่งทำเช่นนี้ ข้ายิ่งไม่มีทางให้นางสมปรารถนา!”เขายกเท้าเดินขึ้นไปบนรถม้า เข้าไปในห้องโดยสาร นั่งลงด้วยความอ่อนล้าเป็นอย่างยิ่ง แต่เรื่องราวกวนใจกองพะเนินนั่นยังคงวนเวียนอยู่ภายในหัวสมองของเขา บริเวณขมับปวดเป็นระยะ ๆ เมื่อนึกถึงมู่หว่านหรง เขากล่าวถามขึ้นอีก “อาการป่วยของพระชายารองดีขึ้นแล้วหรือไม่? ก่อนหน้านี้นางเป็นลมหมดสติเพราะโรคหัวใจ แต่ระยะนี้ดูท่าทางดีขึ้น”ฉางหลินที่อยู่ด้านนอกผ้าม่านตอบเสียงดัง “อาการป่วยของพระชายารองยังไม่หายดี ร่างกายยังอ่อนแอมาก ได้ยินมาว่านับตั้งแต่ที่พระชายารองกลับมาจากจวนอุปราช ก็เป็นลมอีกหลายครั้ง ปวดหัวตลอดทั้งวัน”เซียวเฉินเหยี่ยนกดบริเวณขมับ “อาการป่วยของนาง เหตุใดเดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ล่ะ?”ฉางหลินกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ตอนนั้นเพื่อช่วยชีวิตท่าน พระชายารองจึงกระโดดลงไปในสระน้ำเย็นอย่างไม่รีรอ น้ำเย็นขนาดนั้น นางเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะทนไหวได้อย่างไรกัน? ร่างกายบาดเจ็บ ทั้งยังเหลือโรคเรื้อรังเอาไว้ รักษายาก”เมื่
นางสาวเท้าเดินไปทางเรือนของฮูหยินเฒ่า เอ่ยกับเมี่ยวตง “ข้ายังมีธุระต้องจัดการ เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้วค่อยกลับมา”“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้” เมี่ยวตงไม่พูดอะไรอีก กลับไปเก็บข้าวของเสิ่นหรูโจวมาถึงที่เรือนของฮูหยินเฒ่า ทันทีที่เข้าไปก็เห็นภายในห้องจัดวางไปด้วยอาหารเลิศรสเต็มโต๊ะเมื่อฮูหยินเฒ่าเห็นนางมาถึง รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า“จูจูเอ๋อร์ พระสนมเต๋อเรียกเจ้าเข้าวัง มีธุระอะไรงั้นหรือ?”เสิ่นหรูโจวส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ก็แค่พูดคุยกันเท่านั้น”“ไม่มีอะไรก็ดี” ฮูหยินเฒ่าพยักหน้า แล้วก็ยื่นนิ้วหนึ่งออกไป ราวกับโอ๋เด็กน้อยพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รีบดูสิ ย่าให้คนทำอาหารเอาไว้เต็มโต๊ะ เป็นอาหารที่เจ้าชอบกินทั้งนั้น”ฮูหยินเฒ่ายิ้มจนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยย่น สายตาที่มองเสิ่นหรูโจวเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดูเสิ่นหรูหลันกล่าว “เดิมทีคิดว่าท่านพ่อกับฉู่มู่จะอยู่กินข้าวที่บ้านด้วยกัน จึงให้คนเตรียมเอาไว้มากหน่อย พวกเราห้าคนกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา คิดไม่ถึงว่าการศึกที่ชายแดนจะขอการสนับสนุนด่วน พวกเขาจึงเดินทางกันอย่างรีบร้อน เลยเหลือพวกเราแค่สามคน อาหารเต็มโต๊ะขนา
ชาติก่อนไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเขามากเท่าใดนัก แต่การเข้าวังหลวงครั้งนี้ เป่ยซิวเยี่ยนพูดต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทมีน้ำหนักมาก หากไม่ใช่เพราะเป่ยซิวเยี่ยนช่วยนางพูดครั้งแล้วครั้งเล่า เกรงว่านางคงถูกฝ่าบาทประหารไปแล้ว คงช่วงชิงโอกาสรักษาอาการป่วยของกุ้ยเฟยมาไม่ได้ลู่หวายหนิงก็เคยพูดเช่นกันว่า ถึงแม้ว่าวิธีการของเป่ยซิวเยี่ยนจะโหดเหี้ยม แต่หัวใจของเขามีความยิ่งใหญ่ มีประเทศชาติ มีคุณธรรม เรื่องส่งยาหากไหว้วานเป่ยซิวเยี่ยน อาจจะสำเร็จในขณะที่นางกำลังคิด ทันใดนั้นเมี่ยวตงก็มาเคาะประตูอยู่ด้านนอก“คุณหนู นายน้อยลู่มาแล้วเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินดังนั้น เสิ่นหรูโจวก็เก็บกล่องยา ตอบรับ “รู้แล้ว ให้เขาเข้ามาเถอะ”ไม่นานนัก ลู่หวายหนิงก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม“พี่สาว เรือนหลังนี้ของท่านไม่เลวเลยนี่นา สงบและงดงาม ในสวนยังมีดอกไม้มากมาย สวยมากเลย ต่อไปข้าจะต้องมาที่นี่บ่อย ๆ ”“ได้ ประตูของข้าเปิดต้อนรับเจ้าเสมอ” เสิ่นหรูโจวยิ้มทันที รินน้ำชาให้เขาถ้วยหนึ่งด้วยตนเอง“ไม่ใช่เพิ่งแยกจากกันหรือ เหตุใดจึงมาหาข้าอีกแล้วล่ะ?”ลู่หวายหนิงเบะปาก กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ“เมื่อครู่นี้
เขาตั้งมั่นตั้งแต่เด็กว่าจะเป็นเหมือนดั่งเช่นท่านอาจารย์ น่าเสียดายที่สุขภาพของเขาไม่ดี ไม่สามารถเรียนวรยุทธ์กับท่านอาจารย์ ไม่อย่างนั้นวิชากระบี่ระดับนี้ แม้ว่าจะเรียนแค่สองส่วน ก็มากพอที่จะใช้ได้แล้ว“ท่านอาจารย์ยอมให้พี่สาวดูฝีมือ หมายความว่าเขาไม่ได้เห็นท่านเป็นคนนอก”“งั้นหรือ?” เสิ่นหรูโจวตะลึงไปเล็กน้อย กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าก็ถือ...”“เป็นเกียรติ”สองคำนี้ยังไม่ทันพูดออกมาจากปาก ทันใดนั้นชี่กระบี่ที่แฝงไปด้วยอานุภาพรุนแรงพุ่งเข้ามาก็หยุดอยู่ตรงหน้าของเสิ่นหรูโจวในพริบตาสาวใช้ที่อยู่ด้านข้างเห็นเข้า ก็ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว ลู่หวายหนิงเองก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย กล่าวอย่างร้อนใจ “ท่านอาจารย์!”เพียงแต่สีหน้าที่แสดงออกที่บนใบหน้าอันงดงามของเสิ่นหรูโจว ไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย ดวงตาเปล่งประกายสดใสที่ราวกับสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง แสงกระบี่สีเงินสะท้อนอยู่ภายในดวงตาคู่นั้นกลายเป็นความเย็นชากระบี่นี้มาอย่างกะทันหัน ถึงแม้ว่านางจะประหลาดใจ แต่กลับไม่ลนลาน อย่างไรก็ตามเมื่อชาติก่อนคนที่เคยเป็นฮองเฮา เคยเห็นการต่อสู้มาไม่น้อย นี่จึงไม่ทำให้นางตกใจยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่ากระ
เสิ่นหรูโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย นางย่อมรู้ดีว่าการคลอดก่อนกำหนดนั้นมีอันตราย แต่จำต้องทำ“อาการท้องมานของกุ้ยเฟยสาหัสขนาดนี้แล้ว ถ้าหากยังลากยาวไปจนครบกำหนดคลอดอีก ร่างกายของนางอาจจะประสบเข้ากับความเสียหายที่เอากลับคืนไม่ได้แล้ว เด็กก็จะไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน”ลู่หวายหนิงตกใจทันที กล่าวพึมพำ “คิดไม่ถึงว่าจะร้ายแรงถึงเพียงนี้”สายตาของเป่ยซิวเยี่ยนเคร่งขรึม จ้องมองใบหน้าที่งดงามของเสิ่นหรูโจว“มีวิธีการรักษาหรือไม่?”เมื่อเสิ่นหรูโจวได้ยินดังนั้นก็เหลือบตาขึ้น ทันใดนั้นก็มองเข้าไปในดวงตาที่ล้ำลึกคู่นั้น นางจ้องมองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างสงสัย สีหน้าจริงจัง“ทั้งต้องแก้ปัญหาเรื่องท้องมาน ทั้งต้องคลอดลูก เช่นนั้นก็แบ่งเป็นสองวิธี——แทงเพื่อระบายน้ำในท้องก่อน แล้วค่อยเร่งคลอด แต่ว่าผลข้างเคียงของการแทงค่อนข้างมาก จะทำให้หญิงตั้งครรภ์เกิดอาการขาดน้ำ ถ้าแบบนั้นแล้วค่อยคลอดบุตรละก็ เด็กก็จะไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน”“หากคลอดก่อน แล้วค่อยแทงระบายน้ำออก เช่นนั้นก็ยิ่งอันตราย ในท้องของกุ้ยเฟยมีของเหลวสะสมมาก ไม่มีแรงเบ่งสำหรับคลอดลูก ในระหว่างการคลอด เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจจะสูญเสียทั้งสองชีวิต”ลู่ห