นางสาวเท้าเดินไปทางเรือนของฮูหยินเฒ่า เอ่ยกับเมี่ยวตง “ข้ายังมีธุระต้องจัดการ เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้วค่อยกลับมา”“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้” เมี่ยวตงไม่พูดอะไรอีก กลับไปเก็บข้าวของเสิ่นหรูโจวมาถึงที่เรือนของฮูหยินเฒ่า ทันทีที่เข้าไปก็เห็นภายในห้องจัดวางไปด้วยอาหารเลิศรสเต็มโต๊ะเมื่อฮูหยินเฒ่าเห็นนางมาถึง รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า“จูจูเอ๋อร์ พระสนมเต๋อเรียกเจ้าเข้าวัง มีธุระอะไรงั้นหรือ?”เสิ่นหรูโจวส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ก็แค่พูดคุยกันเท่านั้น”“ไม่มีอะไรก็ดี” ฮูหยินเฒ่าพยักหน้า แล้วก็ยื่นนิ้วหนึ่งออกไป ราวกับโอ๋เด็กน้อยพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รีบดูสิ ย่าให้คนทำอาหารเอาไว้เต็มโต๊ะ เป็นอาหารที่เจ้าชอบกินทั้งนั้น”ฮูหยินเฒ่ายิ้มจนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยย่น สายตาที่มองเสิ่นหรูโจวเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดูเสิ่นหรูหลันกล่าว “เดิมทีคิดว่าท่านพ่อกับฉู่มู่จะอยู่กินข้าวที่บ้านด้วยกัน จึงให้คนเตรียมเอาไว้มากหน่อย พวกเราห้าคนกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา คิดไม่ถึงว่าการศึกที่ชายแดนจะขอการสนับสนุนด่วน พวกเขาจึงเดินทางกันอย่างรีบร้อน เลยเหลือพวกเราแค่สามคน อาหารเต็มโต๊ะขนา
ชาติก่อนไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเขามากเท่าใดนัก แต่การเข้าวังหลวงครั้งนี้ เป่ยซิวเยี่ยนพูดต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทมีน้ำหนักมาก หากไม่ใช่เพราะเป่ยซิวเยี่ยนช่วยนางพูดครั้งแล้วครั้งเล่า เกรงว่านางคงถูกฝ่าบาทประหารไปแล้ว คงช่วงชิงโอกาสรักษาอาการป่วยของกุ้ยเฟยมาไม่ได้ลู่หวายหนิงก็เคยพูดเช่นกันว่า ถึงแม้ว่าวิธีการของเป่ยซิวเยี่ยนจะโหดเหี้ยม แต่หัวใจของเขามีความยิ่งใหญ่ มีประเทศชาติ มีคุณธรรม เรื่องส่งยาหากไหว้วานเป่ยซิวเยี่ยน อาจจะสำเร็จในขณะที่นางกำลังคิด ทันใดนั้นเมี่ยวตงก็มาเคาะประตูอยู่ด้านนอก“คุณหนู นายน้อยลู่มาแล้วเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินดังนั้น เสิ่นหรูโจวก็เก็บกล่องยา ตอบรับ “รู้แล้ว ให้เขาเข้ามาเถอะ”ไม่นานนัก ลู่หวายหนิงก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม“พี่สาว เรือนหลังนี้ของท่านไม่เลวเลยนี่นา สงบและงดงาม ในสวนยังมีดอกไม้มากมาย สวยมากเลย ต่อไปข้าจะต้องมาที่นี่บ่อย ๆ ”“ได้ ประตูของข้าเปิดต้อนรับเจ้าเสมอ” เสิ่นหรูโจวยิ้มทันที รินน้ำชาให้เขาถ้วยหนึ่งด้วยตนเอง“ไม่ใช่เพิ่งแยกจากกันหรือ เหตุใดจึงมาหาข้าอีกแล้วล่ะ?”ลู่หวายหนิงเบะปาก กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ“เมื่อครู่นี้
เขาตั้งมั่นตั้งแต่เด็กว่าจะเป็นเหมือนดั่งเช่นท่านอาจารย์ น่าเสียดายที่สุขภาพของเขาไม่ดี ไม่สามารถเรียนวรยุทธ์กับท่านอาจารย์ ไม่อย่างนั้นวิชากระบี่ระดับนี้ แม้ว่าจะเรียนแค่สองส่วน ก็มากพอที่จะใช้ได้แล้ว“ท่านอาจารย์ยอมให้พี่สาวดูฝีมือ หมายความว่าเขาไม่ได้เห็นท่านเป็นคนนอก”“งั้นหรือ?” เสิ่นหรูโจวตะลึงไปเล็กน้อย กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าก็ถือ...”“เป็นเกียรติ”สองคำนี้ยังไม่ทันพูดออกมาจากปาก ทันใดนั้นชี่กระบี่ที่แฝงไปด้วยอานุภาพรุนแรงพุ่งเข้ามาก็หยุดอยู่ตรงหน้าของเสิ่นหรูโจวในพริบตาสาวใช้ที่อยู่ด้านข้างเห็นเข้า ก็ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว ลู่หวายหนิงเองก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย กล่าวอย่างร้อนใจ “ท่านอาจารย์!”เพียงแต่สีหน้าที่แสดงออกที่บนใบหน้าอันงดงามของเสิ่นหรูโจว ไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย ดวงตาเปล่งประกายสดใสที่ราวกับสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง แสงกระบี่สีเงินสะท้อนอยู่ภายในดวงตาคู่นั้นกลายเป็นความเย็นชากระบี่นี้มาอย่างกะทันหัน ถึงแม้ว่านางจะประหลาดใจ แต่กลับไม่ลนลาน อย่างไรก็ตามเมื่อชาติก่อนคนที่เคยเป็นฮองเฮา เคยเห็นการต่อสู้มาไม่น้อย นี่จึงไม่ทำให้นางตกใจยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่ากระ
เสิ่นหรูโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย นางย่อมรู้ดีว่าการคลอดก่อนกำหนดนั้นมีอันตราย แต่จำต้องทำ“อาการท้องมานของกุ้ยเฟยสาหัสขนาดนี้แล้ว ถ้าหากยังลากยาวไปจนครบกำหนดคลอดอีก ร่างกายของนางอาจจะประสบเข้ากับความเสียหายที่เอากลับคืนไม่ได้แล้ว เด็กก็จะไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน”ลู่หวายหนิงตกใจทันที กล่าวพึมพำ “คิดไม่ถึงว่าจะร้ายแรงถึงเพียงนี้”สายตาของเป่ยซิวเยี่ยนเคร่งขรึม จ้องมองใบหน้าที่งดงามของเสิ่นหรูโจว“มีวิธีการรักษาหรือไม่?”เมื่อเสิ่นหรูโจวได้ยินดังนั้นก็เหลือบตาขึ้น ทันใดนั้นก็มองเข้าไปในดวงตาที่ล้ำลึกคู่นั้น นางจ้องมองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างสงสัย สีหน้าจริงจัง“ทั้งต้องแก้ปัญหาเรื่องท้องมาน ทั้งต้องคลอดลูก เช่นนั้นก็แบ่งเป็นสองวิธี——แทงเพื่อระบายน้ำในท้องก่อน แล้วค่อยเร่งคลอด แต่ว่าผลข้างเคียงของการแทงค่อนข้างมาก จะทำให้หญิงตั้งครรภ์เกิดอาการขาดน้ำ ถ้าแบบนั้นแล้วค่อยคลอดบุตรละก็ เด็กก็จะไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน”“หากคลอดก่อน แล้วค่อยแทงระบายน้ำออก เช่นนั้นก็ยิ่งอันตราย ในท้องของกุ้ยเฟยมีของเหลวสะสมมาก ไม่มีแรงเบ่งสำหรับคลอดลูก ในระหว่างการคลอด เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจจะสูญเสียทั้งสองชีวิต”ลู่ห
“ถูกต้อง ขอเพียงแค่หาผู้ป่วยที่มีอาการทำนองเดียวกันได้สำเร็จ พระนางกุ้ยเฟย รวมถึงฝ่าบาท ก็คงยอมวางพระทัยได้”สีหน้าเรียบเฉยปรากฏอยู่บนใบหน้าอันหล่อเหลาของเป่ยซิวเยี่ยน “เตรียมการรักษาก่อน การรักษากุ้ยเฟยถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”เสิ่นหรูโจวมองเป่ยซิวเยี่ยน รู้ว่าเป่ยซิวเยี่ยนกล่าวเช่นนี้เป็นเพราะกำลังเตือนสตินาง ผู้ที่นางต้องช่วยเหลือคือกุ้ยเฟย จะต้องระมัดระวังรอบคอบทุกฝีก้าว ถ้าหากทำผิดพลาดแม้แต่ก้าวเดียว ก็จะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรักษาอาการป่วยให้แก่เป่ยซิวเยี่ยน“อุปราชวางใจ ข้าจะเตรียมตัวให้ดี เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน”เมื่อได้ยินว่านางจะกลับ ลู่หวายหนิงก็เดินออกมาส่งนางด้วยตนเองหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ลู่หวายหนิงก็ย้อนกลับมา“ท่านอาจารย์ พี่สาวกลับไปแล้ว” ลู่หวายหนิงเดินไปที่ข้างกายของเป่ยซิวเยี่ยน จ้องมองสีหน้าที่ไม่แยแสของเขา จึงกล่าวถามด้วยความสงสัย “ท่านอาจารย์ จะให้พี่สาวรักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟยจริงหรือ?”เขาเชื่อในความสามารถของพี่สาวคนสวย แต่กุ้ยเฟยไม่ใช่คนป่วยทั่วไป อย่างไรเขาก็คิดว่าเรื่องนี้อันตรายไปสักหน่อย ถ้าหากรักษาไม่ดี ก็อาจจะมีภัยมาถึง
“นายท่าน ด่านชายแดนส่งข่าวด่วน ท่านแม่ทัพใหญ่เสิ่นกับท่านแม่ทัพน้อยได้เดินทางไปก่อนแล้ว”เป่ยซิวเยี่ยนดวงตาเย็นชาทันที “เป็นคนของแคว้นเซี่ย?”ฉินหมิงพยักหน้า “ขอรับ”ลู่หวายหนิงเองก็หุบยิ้มเช่นกัน ขมวดคิ้วเข้าหากัน สีหน้าไม่พอใจ“ก่อปัญหาอีกแล้ว! ท่านอาจารย์เคยทูลกับฝ่าบาทตั้งแต่แรกแล้วว่า คนของชายแดนแคว้นเซี่ยประพฤติตัวออกนอกลู่นอกทาง ต้องจัดการโจมตีโดยเร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต แต่ฝ่าบาทก็ไม่ทรงเชื่อ ตอนนี้เป็นอย่างไรล่ะ คนแคว้นเซี่ยกำเริบเสิบสานขึ้นมาอีกแล้ว!”ฉินหมิงถอนหายใจทีหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม“แคว้นเซี่ยถวายเครื่องราชบรรณาการทุกปี ทุกเทศกาลสำคัญ ยังส่งคณะทูตมาเข้าเฝ้า ฝ่าบาททรงคิดว่าพวกมันไม่มีใจเป็นอื่น จึงไม่ได้เข่นฆ่าให้สิ้นซาก”ลู่หวายหนิงอารมณ์เดือดดาลเล็กน้อย แอบด่าฝ่าบาทในใจว่าถือดีมากเกินไป คิดว่าเป็นแค้วนแข็งแกร่งก็จะดูถูกแคว้นเพื่อนบ้านได้ คิดว่าพวกมันจะยอมก้มหัวยอมแพ้จริง ๆ ตอนนี้เป็นอย่างไร เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!เขากล่าวเชิงตำหนิ “ตอนนั้นไม่ยอมรับข้อคิดเห็นของท่านอาจารย์ ตอนนี้ต้องการให้ท่านอาจารย์ไปช่วยเพื่อให้รอดพ้นจากสถานการณ์วุ่นว
“พระชายา ท่านกลับมาแล้ว!” สาวใช้กล่าวเสียงดังก้องกังวาน พร้อมกับทำความเคารพเสิ่นหรูโจวอึ้งไปทันที มีความสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าแวบหนึ่งสาวใช้คนนี้มาจากไหนกัน หรือว่าเป็นคนที่เซียวเฉินเหยี่ยนส่งมาเพื่อคอยจับตาดูนาง?“เจ้าคือ?”ในขณะที่กำลังสงสัย เมี่ยวตงเดินเข้ามาหานาง ด้านหลังยังมีสาวใช้ติดตามมาด้วยอีกสองคน“คุณหนู พวกนางทั้งหมดเป็นสาวใช้ใหม่ที่ฮูหยินเฒ่าส่งมาเจ้าค่ะ”เมี่ยวตงยิ้มพร้อมกับแนะนำชื่อของพวกนางทั้งสามทีละคนที่แท้เป็นคนที่ท่านย่าส่งมานี่เองเสิ่นหรูโจวยิ้มทีหนึ่ง “มิน่าพวกเจ้าทั้งหลายถึงได้ดูคุ้นตายิ่งนัก”สาวใช้ที่มีนามว่าชุนซิ่ว ซึ่งอายุมากที่สุดในบรรดาทั้งสามคน ยิ้มพร้อมกล่าวตอบ“ฮูหยินเฒ่าเป็นห่วงที่พระชายาย้ายออกมา ข้างกายมีเมี่ยวตงที่คอยปรนนิบัติเพียงคนเดียวคงจะไม่สะดวก จึงส่งบ่าวทั้งสามคนมาเจ้าค่ะ พระชายาโปรดวางใจ บ่าวจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ”ในใจของเสิ่นหรูโจวอบอุ่นขึ้นมาทันที อย่างไรเสียคนในครอบครัวของตนเองก็รักใครเอ็นดูนาง“ได้ เช่นนั้นพวกเจ้าไปทำงานเถอะ”ทั้งสามคนกล่าวพร้อมโค้งตัวคำนับ “เจ้าค่ะ พระชายา”เสิ่นหรูโจวพูดจบกำลังจะเข้าห้อง ทันทีที
“เรื่องของกุ้ยเฟยข้าจะจัดการเอง เจ้าอย่าได้ก่อเรื่องอีกเลย กลับไปกับข้าเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าต่อไปเจ้าอยากจะหย่าหรือไม่ อย่างน้อยตอนนี้ เจ้ายังเป็นพระชายาของจวนอ๋องอู่เฉิงอยู่”ขอเพียงแค่เสิ่นหรูโจวกลับไปกับเขา เขาจะไม่ซักถามอีก นี่เป็นการยอมอ่อนข้อที่เขาสามารถทำได้มากที่สุดแล้วหลังจากเสิ่นหรูโจวได้ยินกลับทำหน้าเยาะหยัน จนถึงตอนนี้เซียวเฉินเหยี่ยนยังติดว่านางกำลังก่อเรื่อง ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อให้ได้ความสนใจของเขา ช่างน่าขันเสียจริง !นางไม่ใช่เสิ่นหรูโจว ผู้ที่ในดวงตามีเพียงแค่ความรักเช่นชาติก่อนอีกต่อไปแล้วนางแสยะยิ้ม จ้องมองเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างเย็นชา “ที่ท่านมาในวันนี้ก็เพื่อพูดเรื่องเหล่านี้?”เซียวเฉินเหยี่ยนสีหน้าเคร่งขรึมทันที จ้องมองนางโดยไม่พูดอะไร“ในเมื่ออยากจะเชิญข้ากลับ เช่นนั้นก็ต้องแสดงความจริงใจเสียหน่อย เพียงแค่คำพูดจะมีประโยชน์อันใด?” เสิ่นหรูโจวเลิกคิ้ว “เมื่อใดที่ท่านจัดการลงโทษมู่หว่านหรง ค่อยมาพูดเรื่องเหล่านี้กับข้า”เซียวเฉินเหยี่ยนสายตาหม่นหมอง “เจ้าอยากจะบีบบังคับข้าให้ลงโทษหว่านหรง ดั่งที่คิดไว้จริง ๆ !”ดังนั้นถึงได้ไม่สนใจอะไร ย้ายออกมาจากในจวนอ๋อง ยัง