“เจ้าจะรับรองได้อย่างไรว่าข้ากับลูกในท้องจะปลอดภัย? ฝืนคลอดตอนอายุครรภ์เจ็ดเดือน ต่อให้เป็นหญิงตั้งครรภ์ทั่วไป ก็มีโอกาสรอดเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น!”นางลูบท้องของตน “นอกจากนี้ หากต้องการให้ข้าเชื่อเจ้า เจ้าจะต้องพิสูจน์ว่าสิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริง ข้ามีน้ำอะไรนั่นค้างอยู่ในท้องจริงๆ ไม่เช่นนั้นข้าไม่มีทางให้เจ้ารักษาอย่างเด็ดขาด!หัวใจของเสิ่นหรูโจวผ่อนคลายลง พระแม่เจ้าผู้นี้ในที่สุดก็ยอมฟังแล้วนางพยักหน้าอย่างสงบ ตอบรับอย่างไม่ลังเลว่า “ได้เพคะ ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการตรวจของข้าถูกต้องก่อนที่จะทำการรักษาเพคะ” เซียวเฉินเหยี่ยนยังคงไม่วางใจ ฐานะของกุ้ยเฟยมีความสำคัญมาก ไม่อาจไปมีเรื่องด้วยง่ายๆ จะไปยุ่งกับเรื่องของนางทำไม?“เจ้าอย่าได้เหลวไหล พระวรกายของกุ้ยเฟยล้ำค่า และยังตั้งครรภ์มังกรอยู่อีก ไม่ใช่ผู้ที่สตรีไม่รู้ความอย่างเจ้าจะดูแลได้” เสิ่นหรูโจวมองเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างเย็นชา “กุ้ยเฟยทรงรับปากแล้ว ท่านจะพูดมากไปทำไมอีก!”เห็นนางไม่รู้จักดีชั่วเช่นนี้ เซียวเฉินเหยี่ยนก็โมโหจนดวงตาแทบพ่นไฟได้ แทบอยากจะลากนางกลับไปขังไว้ในจวนอ๋องตลอดกาลเป่ยซิวเยี่ยนเอ่ยปากว่า “ฝ่าบาท ใน
ลู่หวายหนิงกอดอกมองเขา ไม่พอใจต่อท่าทีของเขาที่มีต่อเป่ยซิวเยี่ยนเล็กน้อยเป่ยซิวเยี่ยนท่าทางสงบนิ่ง เสิ่นหรูโจวเลิกคิ้วอย่างเหยียดหยาม กล่าวเสียงเย็นชา “เหตุใดต้องบอกท่าน? ไม่ได้ให้ท่านไปรักษาเสียหน่อย”“เจ้าหุบปาก!” เซียวเฉินเหยี่ยนค้อนนางแวบหนึ่ง กล่าวถามเป่ยซิวเยี่ยนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรื่องการรักษาอาการป่วยของกุ้ยเฟยเป็นเรื่องสำคัญ เพียงแค่ไม่ระวังก็อาจจะเสียชีวิตได้”“ไม่ใช่ว่าอุปราชแค้นใจที่ฉินอวี่ได้รับบาดเจ็บที่จวนอ๋องอู่เฉิง จึงเจตนาแนะนำพระชายาของข้าต่อหน้าฝ่าบาท อยากให้นางไปตายหรอกหรือ”เสิ่นหรูโจวขมวดคิ้วทันทีในใจของเขามืดมน/เขาจิตใจมืดมนแล้ว ยังจะหาว่าคนอื่นเป็นคนอำมหิตอีกด้วย! ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากพูด เป่ยซิวเยี่ยนก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน “อ๋องอู่เฉิงคิดมากไปแล้ว ข้าแนะนำพระชายาอ๋องอู่เฉิง ก็เป็นเพราะเมื่อครั้งก่อนฉินอวี่ได้นางเป็นผู้ช่วยชีวิต ทำให้ข้าเห็นถึงความสามารถของนาง”“ในเมื่อพระชายามีความสามารถ ก็ไม่ควรเก็บตัวอยู่เพียงแค่ที่จวนอ๋อง ควรใช้ความสามารถให้เต็มที่ ทำประโยชน์ต่อบ้านเมือง”เสิ่นหรูโจวเหลือบมองเป่ยซิวเยี่ยน ก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาจนทำให้ทุกคนตก
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเซียวเฉินเหยี่ยนหมองหม่นราวกับก้นหม้อ เขาจ้องมองท่าทางทะเล้นของเสิ่นหรูโจว กัดฟันกล่าว “เจ้ายังยิ้มออกอีกหรือ?”เสิ่นหรูโจวที่คร้านจะสนใจเขา จึงหุบยิ้ม เดินตรงไปข้างหน้านางยังรีบร้อนจะกลับไปพบท่านพ่อ ไม่มีเวลามาพูดจาไร้สาระกับเขาเซียวเฉินเหยี่ยนกลับไม่อยากจะปล่อยนางไปเช่นนี้ นางชักจะอวดดีขึ้นทุกวัน วันนี้จะต้องสั่งสอนนางให้ดี ๆ สักรอบเขาเดินตามนางไปติด ๆ น้ำเสียงเย็นชาแฝงไปด้วยความโมโห“อีกประเดี๋ยวไม่เจอกันเจ้าก็จะก่อเรื่องให้ข้าอีก ไหนอยากจะรักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟย เหตุใดเจ้าไม่ขึ้นสวรรค์ไปเลยล่ะ?”เสิ่นหรูโจวไม่แม้แต่จะชายตามองเขา สายตามองตรงไปยังทางที่ตนเองเดิน กล่าวอย่างเย็นชา “ข้าทำอะไรท่านไม่จำเป็นต้องยุ่ง ต่อให้ขึ้นสวรรค์ก็ไม่เกี่ยวกับท่าน ไม่ต้องให้ท่านมาชี้นิ้วสั่ง”“ไม่ต้องสนใจ?” เซียวเฉินเหยี่ยนยิ้มด้วยความโมโห“เจ้าคิดว่าข้าอยากยุ่งกับเจ้า? หากข้าไม่จับตาดูเจ้า เจ้าก็คงถูกฟ้าผ่าตายไปนานแล้ว!”“กุ้ยเฟยสถานะอะไร? นางเป็นพระสนมที่ได้รับความโปรดปรานที่สุด ตระกูลฝั่งมารดาที่อยู่เบื้องหลังมีอำนาจทรงพลัง เจ้าล่วงเกินได้หรือ! หากนางเป็นอะไรไปแม้แต่น
“เจ้าคิดว่าการที่เป่ยซิวเยี่ยนใกล้ชิดเจ้า เป็นเรื่องดีงั้นหรือ? เป่ยซิวเยี่ยนเป็นใคร? เขาเสนอแนะให้เจ้าไปรักษาอาการป่วยของกุ้ยเฟย จะให้สงบใจได้อย่างไร? รักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟยก็เป็นดั่งเผือกร้อน คนอื่นหลบ แต่เจ้ากลับเอามากอดไว้ในอ้อมแขน ข้าช่วยเจ้า เจ้ายังรู้สึกน้อยใจ!”พูดถึงตรงนี้ เซียวเฉินเหยี่ยนเกิดความอัดอั้นขึ้นภายในใจทันที เขาพูดกับเสิ่นหรูโจวว่าให้อยู่ห่างจากเป่ยซิวเยี่ยนตั้งแต่แรกแล้ว เหตุใดนางจึงไม่ยอมเชื่อฟัง ยังปิดบังเขาตอบรับคำเชิญของเป่ยซิวเยี่ยน ไปรักษาอาการป่วยของกุ้ยเฟยอีกด้วย!“เป่ยซิวเยี่ยนผู้นี้ความคิดลึกล้ำ เจ้าคิดว่าเขาชื่นชมเจ้างั้นหรือ? เขาอยากจะใช้เจ้าเพื่อมาจัดการกับข้าแน่นอน!”เสิ่นหรูโจวไม่พูดจา กำหมัดแน่นนางกลับอยากจะดูว่าเป่ยซิวเยี่ยนจะจัดการกับเขาอย่างไร น่าเสียดายที่ต้องรออีกหลายปี เป่ยซิวเยี่ยนถึงจะยกทัพก่อการกบฏ แต่ว่าคำพูดนี้ นางไม่มีทางบอกเซียวเฉินเหยี่ยนเดิมทีการกลับชาติมาเกิดใหม่ นางอยากจะดูเซียวเฉินเหยี่ยน เดินเข้าไปสู่หายนะ ทีละก้าว ๆ !เซียวเฉินเหยี่ยนจ้องมองการกระทำของนาง คิดว่านางฟังเข้าหูแล้ว สำนึกผิดแล้ว ในใจจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ไ
เซียวเฉินเหยี่ยนหรี่ดวงตาเรียวยาวเล็กน้อย หางตามีความเย็นยะเยือกเอ่อล้นออกมา “ข้าเกลียดผู้หญิงที่ข่มขู่หลอกล่อด้วยผลประโยชน์ที่สุด นางยิ่งทำเช่นนี้ ข้ายิ่งไม่มีทางให้นางสมปรารถนา!”เขายกเท้าเดินขึ้นไปบนรถม้า เข้าไปในห้องโดยสาร นั่งลงด้วยความอ่อนล้าเป็นอย่างยิ่ง แต่เรื่องราวกวนใจกองพะเนินนั่นยังคงวนเวียนอยู่ภายในหัวสมองของเขา บริเวณขมับปวดเป็นระยะ ๆ เมื่อนึกถึงมู่หว่านหรง เขากล่าวถามขึ้นอีก “อาการป่วยของพระชายารองดีขึ้นแล้วหรือไม่? ก่อนหน้านี้นางเป็นลมหมดสติเพราะโรคหัวใจ แต่ระยะนี้ดูท่าทางดีขึ้น”ฉางหลินที่อยู่ด้านนอกผ้าม่านตอบเสียงดัง “อาการป่วยของพระชายารองยังไม่หายดี ร่างกายยังอ่อนแอมาก ได้ยินมาว่านับตั้งแต่ที่พระชายารองกลับมาจากจวนอุปราช ก็เป็นลมอีกหลายครั้ง ปวดหัวตลอดทั้งวัน”เซียวเฉินเหยี่ยนกดบริเวณขมับ “อาการป่วยของนาง เหตุใดเดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ล่ะ?”ฉางหลินกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ตอนนั้นเพื่อช่วยชีวิตท่าน พระชายารองจึงกระโดดลงไปในสระน้ำเย็นอย่างไม่รีรอ น้ำเย็นขนาดนั้น นางเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะทนไหวได้อย่างไรกัน? ร่างกายบาดเจ็บ ทั้งยังเหลือโรคเรื้อรังเอาไว้ รักษายาก”เมื่
นางสาวเท้าเดินไปทางเรือนของฮูหยินเฒ่า เอ่ยกับเมี่ยวตง “ข้ายังมีธุระต้องจัดการ เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้วค่อยกลับมา”“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้” เมี่ยวตงไม่พูดอะไรอีก กลับไปเก็บข้าวของเสิ่นหรูโจวมาถึงที่เรือนของฮูหยินเฒ่า ทันทีที่เข้าไปก็เห็นภายในห้องจัดวางไปด้วยอาหารเลิศรสเต็มโต๊ะเมื่อฮูหยินเฒ่าเห็นนางมาถึง รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า“จูจูเอ๋อร์ พระสนมเต๋อเรียกเจ้าเข้าวัง มีธุระอะไรงั้นหรือ?”เสิ่นหรูโจวส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ก็แค่พูดคุยกันเท่านั้น”“ไม่มีอะไรก็ดี” ฮูหยินเฒ่าพยักหน้า แล้วก็ยื่นนิ้วหนึ่งออกไป ราวกับโอ๋เด็กน้อยพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รีบดูสิ ย่าให้คนทำอาหารเอาไว้เต็มโต๊ะ เป็นอาหารที่เจ้าชอบกินทั้งนั้น”ฮูหยินเฒ่ายิ้มจนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยย่น สายตาที่มองเสิ่นหรูโจวเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดูเสิ่นหรูหลันกล่าว “เดิมทีคิดว่าท่านพ่อกับฉู่มู่จะอยู่กินข้าวที่บ้านด้วยกัน จึงให้คนเตรียมเอาไว้มากหน่อย พวกเราห้าคนกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา คิดไม่ถึงว่าการศึกที่ชายแดนจะขอการสนับสนุนด่วน พวกเขาจึงเดินทางกันอย่างรีบร้อน เลยเหลือพวกเราแค่สามคน อาหารเต็มโต๊ะขนา
ชาติก่อนไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเขามากเท่าใดนัก แต่การเข้าวังหลวงครั้งนี้ เป่ยซิวเยี่ยนพูดต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทมีน้ำหนักมาก หากไม่ใช่เพราะเป่ยซิวเยี่ยนช่วยนางพูดครั้งแล้วครั้งเล่า เกรงว่านางคงถูกฝ่าบาทประหารไปแล้ว คงช่วงชิงโอกาสรักษาอาการป่วยของกุ้ยเฟยมาไม่ได้ลู่หวายหนิงก็เคยพูดเช่นกันว่า ถึงแม้ว่าวิธีการของเป่ยซิวเยี่ยนจะโหดเหี้ยม แต่หัวใจของเขามีความยิ่งใหญ่ มีประเทศชาติ มีคุณธรรม เรื่องส่งยาหากไหว้วานเป่ยซิวเยี่ยน อาจจะสำเร็จในขณะที่นางกำลังคิด ทันใดนั้นเมี่ยวตงก็มาเคาะประตูอยู่ด้านนอก“คุณหนู นายน้อยลู่มาแล้วเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินดังนั้น เสิ่นหรูโจวก็เก็บกล่องยา ตอบรับ “รู้แล้ว ให้เขาเข้ามาเถอะ”ไม่นานนัก ลู่หวายหนิงก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม“พี่สาว เรือนหลังนี้ของท่านไม่เลวเลยนี่นา สงบและงดงาม ในสวนยังมีดอกไม้มากมาย สวยมากเลย ต่อไปข้าจะต้องมาที่นี่บ่อย ๆ ”“ได้ ประตูของข้าเปิดต้อนรับเจ้าเสมอ” เสิ่นหรูโจวยิ้มทันที รินน้ำชาให้เขาถ้วยหนึ่งด้วยตนเอง“ไม่ใช่เพิ่งแยกจากกันหรือ เหตุใดจึงมาหาข้าอีกแล้วล่ะ?”ลู่หวายหนิงเบะปาก กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ“เมื่อครู่นี้
เขาตั้งมั่นตั้งแต่เด็กว่าจะเป็นเหมือนดั่งเช่นท่านอาจารย์ น่าเสียดายที่สุขภาพของเขาไม่ดี ไม่สามารถเรียนวรยุทธ์กับท่านอาจารย์ ไม่อย่างนั้นวิชากระบี่ระดับนี้ แม้ว่าจะเรียนแค่สองส่วน ก็มากพอที่จะใช้ได้แล้ว“ท่านอาจารย์ยอมให้พี่สาวดูฝีมือ หมายความว่าเขาไม่ได้เห็นท่านเป็นคนนอก”“งั้นหรือ?” เสิ่นหรูโจวตะลึงไปเล็กน้อย กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าก็ถือ...”“เป็นเกียรติ”สองคำนี้ยังไม่ทันพูดออกมาจากปาก ทันใดนั้นชี่กระบี่ที่แฝงไปด้วยอานุภาพรุนแรงพุ่งเข้ามาก็หยุดอยู่ตรงหน้าของเสิ่นหรูโจวในพริบตาสาวใช้ที่อยู่ด้านข้างเห็นเข้า ก็ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว ลู่หวายหนิงเองก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย กล่าวอย่างร้อนใจ “ท่านอาจารย์!”เพียงแต่สีหน้าที่แสดงออกที่บนใบหน้าอันงดงามของเสิ่นหรูโจว ไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย ดวงตาเปล่งประกายสดใสที่ราวกับสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง แสงกระบี่สีเงินสะท้อนอยู่ภายในดวงตาคู่นั้นกลายเป็นความเย็นชากระบี่นี้มาอย่างกะทันหัน ถึงแม้ว่านางจะประหลาดใจ แต่กลับไม่ลนลาน อย่างไรก็ตามเมื่อชาติก่อนคนที่เคยเป็นฮองเฮา เคยเห็นการต่อสู้มาไม่น้อย นี่จึงไม่ทำให้นางตกใจยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่ากระ
เสิ่นหรูโจวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว ในเวลานี้ ความสามารถในการทำงานของตับของพระองค์ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวจิ่นซีก็คล้ายจะเจ็บยิ่งกว่าเดิมแล้ว เจ็บจนยืดเอวไม่ขึ้นมองเซียวจิ่นซีที่มีสีหน้าเจ็บปวด เซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นมีวิธีการรักษาหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวมิได้รีบกล่าว นางหยิบขวดยาเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาจากถุงผ้า เทยาลงบนในกลางฝ่ามือเม็ดหนึ่งยื่นไปที่เบื้องหน้าเซียวจิ่นซี “ทรงเสวยสิ่งนี้ลงไปก่อน” เซียวจิ่นซีฝืนยืดเอวขึ้น มองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าหวาดระแวง “นี่คือสิ่งใด?”“สายพระเนตรขององค์หญิงทรงไม่ดีหรือเพคะ นี่คือยาอย่างไรเล่าเพคะ”เซียวจิ่นซีไม่เชื่อว่าเสิ่นหรูโจวจะปรารถนาดีเช่นนี้ ลังเลอยู่นานไม่ยอมรับไปเสิ่นหรูโจวจึงชักมือกลับมา กล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “ไม่เสวยก็ช่างเถอะ ปล่อยให้ทรงปวดตายก็แล้วกัน” เซียวจิ่นซีกัดฟัน คว้าแย่งมาจากนั้นยัดเข้าปากไปเสิ่นหรูโจวโค้งริมฝีปาก หัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง จากนั้นจึงพูดวิธีการรักษาออกมา “ตับของพระองค์ยามนี้เสียหายแล้ว หากทรงต้องการมีชีวิตรอด ก็จะต้องตัดตับของพระองค์ออก
เซียวจิ่นซีคิดจะบันดาลโทสะอีกครั้ง ทว่าเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วมองนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสด็จพี่ แทนที่จะทรงตรัสสิ่งใดด้วยโทสะเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ มิสู้ทรงให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้พระองค์อย่างว่าง่ายดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ การรักษาพระวรกายให้หายดีสำคัญที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ"เต๋อเฟยก็เกลี้ยกล่อมเช่นกัน “นั่นสิ จิ่นซี อย่าได้เสียเวลาอีกเลย รีบให้หรูโจวตรวจให้เจ้าเถอะ” สุดท้ายแล้ว เซียวจิ่นซีก็ต้องการรักษาชีวิตตน ไม่ว่าจะเคียดแค้นเสิ่นหรูโจวอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะมาก่อเรื่อง นางจึงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีกเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปยังเสิ่นหรูโจว พูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นพระบัญชาของเสด็จพ่อ เจ้าก็อย่าได้เอาแต่ใจ” เดิมเสิ่นหรูโจวก็ไม่คิดจะจากไปจริงๆ เพียงแค่ขู่เซียวจิ่นซีไปอย่างนั้น บัญชาของฮ่องเต้ไม่อาจฝืน นอกจากนี้ นางก็จำเป็นจะต้องสร้างโอกาสให้ตนได้หย่าเช่นกันนางเดินกลับไปอย่างเรื่อยเฉื่อย นั่งลงข้างกายเซียวจิ่นซี “รบกวนองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ออกมาด้วยเพคะ” สีหน้าของเซียวจิ่นซีไม่น่ามอง ทว่ายังคงทำตามครั้งก่อนที่เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เซียวจิ
เมื่อเสิ่นหรูโจวได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยดูไปแล้ว จนถึงตอนนี้ยังคงถือได้ว่าราบรื่น ด่านเคราะห์ของท่านพ่ออยู่ที่การศึกครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าเวลานี้ยาของนางส่งไปถึงหรือยัง หากดูตามเวลาก็น่าจะทันการอยู่ขอเพียงท่านพ่อใช้ยาของนาง ก็จะไม่ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ในภายหลังแล้วนับแต่ได้ถือกำเนิดใหม่กลับมา นางยังมิได้พบท่านพ่อเลย นางจะต้องทำให้ท่านพ่อกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นว่าเมื่อนางได้ฟังข่าวของบิดาและพี่ชาย อารมณ์ก็คล้ายจะสงบลงไม่น้อย จึงลองกล่าวว่า “ในอนาคต เจ้ายังคงแก้นิสัยของเจ้าหน่อยเถิด” เสิ่นหรูโจวเงยหน้ามองเขา “นิสัยของข้าเป็นอย่างไร?”“ทุกครั้งที่เจ้าพบกับองค์หญิงเจาหยาง ล้วนมีเรื่องกันจนตึงเครียด” เซียวเฉินเหยี่ยนพยายามพูดอย่างละมุนละม่อม หวังว่านางจะรับฟัง “ถึงอย่างไรนางก็เป็นเสด็จพี่หญิงของข้า เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เจ้าก็แสดงท่าทีที่ดีสักหน่อย อย่าใช้อารมณ์ไปเสียทุกเรื่อง” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันทีหนึ่ง กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ท่านอย่าได้มาบงการข้า” บนใบหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนมีความไม่พอใจวาบผ่าน "หากเจ้ามีสิ่งใดไม่พอใจ อยาก
เริ่มจากชายแดนส่งข่าวด่วนมา บิดาและพี่ชายของเสิ่นหรูโจวจึงนำทัพไปช่วยที่ชายแดน ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป กลายเป็นฉากที่รายงานการรบถูกส่งมา ท่านแม่ทัพเสิ่นถูกธนูของศัตรูยิงทะลุมือ เนื่องจากขาดแคลนยาและสิ่งของทำให้ไม่มียารักษา ทว่าก็ยังคงรบชนะต่อมา หลังจากแม่ทัพใหญ่เสิ่นกลับมาถึงเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ก็ล้มป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด ส่วนที่จวนอ๋อง เสิ่นหรูโจวกับมู่หว่านหรงทะเลาะกันครั้ง เขาจึงลงโทษกักบริเวณให้นางสำนึกตน นางบังเอิญเป็นหวัดพอดี จึงนอนซมลุกไม่ขึ้น ทำให้ไม่รู้เรื่องที่ท่านแม่ทัพใหญ่เสิ่นได้รับบาดเจ็บผ่านไปไม่กี่วันเมื่อนางรู้ข่าว ก็มาขอร้องต่อหน้าเขา ต้องการให้เขาไปส่งของบำรุงจำนวนหนึ่งไปให้บิดา เขามองใบหน้าที่อ่อนแรงและซีดขาวของนาง ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย มองดูนางอย่างเย็นชาท้ายที่สุดเขายังคงให้คนไปส่งของ ทว่าเด็กรับใช้ส่งไปในนามของเขา รอจนพวกเขารู้เรื่อง เรื่องราวก็ผ่านไปนานแล้ว ความสัมพันธ์ของเสิ่นหรูโจวและตระกูลเสิ่นก็มาถึงจุดเยือกแข็งแล้วเช่นกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่นางปวดใจอย่างที่สุด และก็เป็นครั้งแรกที่นางใส่อารมณ์กับเขา ดั่งเช่นในยามนี้เซียวเฉิยเหยี่ยนยันรถม้าไว้
สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่ามองอยู่บ้าง “หรือเจ้าจะให้ข้ายืนรอเจ้าอยู่ด้านนอก?”“ท่านจะนั่งยองลงก็ได้เช่นกัน” ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าขอบอกท่านไว้เลย เวลานี้ไม่ว่าข้าจะมองท่านที่ใดก็ขัดตาไปหมด หากท่านไม่ต้องการสร้างความอับอายให้ตนเอง ก็อย่าได้มายั่วโมโหข้า!”กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินเข้าประตูไป จากนั้นปิดประตูลงดัง ‘ปัง’เซียวเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม เขากำหมัดแน่นมองประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิท เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ทว่าในใจก็เกิดความรู้สึกถึงความแตกต่างขึ้นมาเช่นกันในอดีต ทั้งดวงตาและหัวใจของเสิ่นหรูโจวล้วนมีแต่เขา ไม่มีทางกีดกันเขาไว้ภายนอกอย่างเด็ดขาด ทว่า ในยามนี้ เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะเหยียบเข้าประตูเรือนของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?ทว่า ความรู้สึกของคนเปลี่ยนแปลงได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เหตุใดเขาจึงโชคไม่ดีเช่นนี้ แต่งงานได้เพียงช่วงสั้นๆ สิบกว่าวัน นางก็ไม่หลงเหลือความรักให้เขาแล้วหลังเสิ่นหรูโจวปิดประตูลง ก็เข้าสู่ห้องของตนเมี่ยวตงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านอยากทานสิ่งใด บ่าวจะไปเตรียมให้เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องแล้
ชาติก่อนมู่หว่านหรงอาศัยว่าได้รับความโปรดปราน มักแย่งของนางอย่างเปิดเผย ของพระราชทานที่ในวังประทานให้ชายาเอกทุกงานเทศกาลนางก็จะแย่ง ไปช่วยเหลือราษฎรจนสร้างผลงาน นางก็จะแย่งอีก เซียวเฉินเหยี่ยนไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย เวลานี้ยิ่งดี แม้แต่ตัวเขาเองก็จะมาแย่งรางวัลของนางด้วย!เซียวเฉินเหยี่ยนถูกคำพูดของเสิ่นหรูโจวซัดไปเป็นชุด ทำให้ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างเขาจับข้อมือเสิ่นหรูโจวแน่นไม่ยอมปล่อย ความโมโหในก้นบึ้งของดวงตาปรากฏขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด จับจ้องไปที่เสิ่นหรูโจวแล้วกล่าวว่า “หากข้าไม่ชิงลงมือก่อนเจ้าก้าวหนึ่ง เจ้าก็คงจะไปขอให้เสด็จพ่อประทานการหย่าให้แล้ว” “ไม่ผิด!” เสิ่นหรูโจวตอบอย่างไม่ลังเลนี่เป็นเรื่องที่นางเฝ้าปรารถนา รอคอยมาสองชาติ!“เจ้า…" เซียวเฉินเหยี่ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อนนับหมื่นอัดอั้นอยู่ในอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก”โดยพื้นฐานแล้ว เขาดูแคลนต่อการแย่งผลงานสตรี ที่ทำเช่นนี้ ประการแรก เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นของมู่หว่านชิง ประการที่สอง…เขาคิดได้ว่า เสิ่นหรูโจวจะใช้คำสัญญานี้มาหย่ากับเขา เขารู้สึกไม่อยากห
ฉินหมิงตะลึงไป ถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านอ๋องไม่เป็นอะไร? คำพูดนี้ของนายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”ลู่หวายหนิงดึงฉินหมิงเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด พยายามระงับความตื่นเต้น ลดเสียงเบาลงแล้วกล่าวว่า “ความหมายก็คือบนร่างของอาจารย์ไม่มีผื่นขึ้น อาจารย์อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบตอนอยู่กับพี่สาวน่ะสิ” ดวงตาทั้งคู่ของฉินหมิงเบิกกว้าง พูดอย่างตกใจว่า “จริงหรือขอรับ?”ลู่หวายหนิงหัวเราะออกมา “จริงแท้แน่นอน ข้าทำการยืนยันแล้ว” ฉินหมิงรู้สึกไม่อยากเชื่อ “หลายปีมานี้ ไม่ว่าสตรีนางใดสัมผัสท่านอ๋อง ก็ล้วนทำให้ท่านอ๋องเกินอาการแพ้ มีเพียงหญิงที่นายท่านพบในปีที่แล้วนางนั้นที่ไม่เป็นไร” “พูดไปแล้ว ตามหาสตรีนางนั้นไม่เจอเสียที ช่างน่าเสียดายนัก คิดไม่ถึงว่าพระชายาของอ๋องอู่เฉิงก็ไม่ทำให้นายท่านเกิดอาการแพ้เช่นกัน ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ราวสวรรค์ได้สรรค์สร้างมา” “นั่นสิ!” ลู่หวายหนิงเห็นด้วยอย่างมาก “อาจารย์หาผู้หญิงคนนั้นไม่เจอสักที อย่างนั้นพี่สาวก็เป็นคู่ชะตาที่สวรรค์ลิขิตมาให้อาจารย์แล้ว! ถ้าพวกเขามาอยู่ด้วยกันเร็วหน่อยก็ดี ข้าแทบรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว!”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นก็รีบส่ายหน้าอย่างรุนแรงทันที “
ในขณะที่พูด เขาก็ยื่นศีรษะเข้าไป มองซ้ายมองขวาเป่ยซิวเยี่ยนยื่นมือออกไปผลักหัวของเขาเบาๆ “ไม่ต้องดูแล้ว ไม่มีหรอก” ลู่หวายหนิงตกใจอย่างมาก ดวงตาเบิกจนกลมโตมองไปที่เป่ยซิวเยี่ยนบนใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของเป่ยซิวเยี่ยน ก็มีความประหลาดใจอยู่อย่างเลือนรางเช่นกันลู่หวายหนิงยังคงรู้สึกไม่ยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง จึงทำการยืนยันอีกครั้ง “อาจารย์ขอรับ เมื่อครู่พี่สาวสัมผัสถูกท่านแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?” เป่ยซิวเยี่ยนเอนกายไปด้านหลัง พิงลงบนพนักเก้าอี้ ดวงตาล้ำลึกดุจบึงน้ำอันเยือกเย็นหรี่ลงเล็กน้อยเรื่องที่เขาเป็นภูมิแพ้ผู้หญิงมีน้อยคนนักที่จะรู้ เมื่อครู่คิดจะหยุดนางเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง แต่กลับทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปกุมมือของนางเข้าโดยบังเอิญ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจว่าอีกครู่อาการของตนต้องกำเริบ จึงปล่อยให้นางเปลี่ยนยาให้ตนเสียเลย คิดไม่ถึงว่า จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรอาการคันชาบริเวณเอวคล้ายจะยังไม่จางหายไป ปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยตกลงบนหน้าท้องของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับการยั่วเย้า เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่หวายหนิงร้อ
เป่ยซิวเยี่ยนมองดวงหน้าที่งดงามดั่งหยกของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างน่าประหลาด “ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีทางผิดคำสัญญา เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน”เสิ่นหรูโจวพลันหัวเราะออกมาแล้ว มองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างซาบซึ้ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านเป็นคนดีจริงๆ ข้าจะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาท่านให้ได้แน่” ไม่ว่าในชาติก่อนเขาจะก่อกบฏ เพราะเหตุใด เหตุใดจึงถูกคนขนานนามว่าเป็นพญามัจจุราชที่มีชีวิต แต่สำหรับนางแล้ว เขาก็คือคนดีคนหนึ่งเป่ยซิวเยี่ยนตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แย้มบานราวบุปผาของนาง ริมฝีปากบางก็อดโค้งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน “คำชมของพระชายาช่างแปลกใหม่เหลือเกิน” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดว่าเขาเป็นคนดีแปลกใหม่? แปลกใหม่ตรงที่ใดกัน?เสิ่นหรูโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าบาดแผลของเขาได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจึงถือกล่องยาขึ้นมา“ท่านผู้สำเร็จราชการ สองสามวันนี้บาดแผลของท่านกำลังสมานตัว จะคันอย่างมาก เพียงระวังอย่าไปเกาก็จะหายดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ รอจนเสิ่