เต๋อเฟยมองส่งฮ่องเต้และคนทั้งหมดจากไป สุดท้ายสายตาตกลงบนตัวของเสิ่นหรูโจว แววตาค่อยๆเยียบเย็นลงเด็กสาวคนนี้ เหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย…ในตำหนัก เซียวจิ่นซีราวเสียสติไปแล้วก็ไม่ปาน นางทรุดตัวอยู่บนพื้น พยายามล้วงคอของตนอย่างไม่ห่วงภาพลักษณ์ อาเจียนโดยไร้สิ่งใดออกมาไม่หยุดนางกำนัลที่รู้เบื้องหลังรีบนำกระโถนบ้วนน้ำลายมา จากนั้นตบหลังให้เซียวจิ่นซีอย่างร้อนรน “องค์หญิง รีบอาเจียนออกมาเพคะ เร็วเข้าเพคะ” ทันทีที่เต๋อเฟยกลับมาถึงห้องและเห็นภาพความวุ่นวายที่เละเป็นโจ๊กนี้ ก็ทั้งสงสัยทั้งเป็นห่วง รีบถามว่า “นี่เกิดสิ่งใดขึ้นกัน?”นางกำนัลร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว ตอบว่า “ที่องค์หญิงดื่มลงไปเมื่อครู่คือยาขับโลหิตเพคะ!”“อะไรนะ?” เต๋อเฟยร้องอุทานออกมาอย่างตระหนกนางรีบก้าวเข้าไปช่วยตบหลังให้เซียวจิ่นซี กล่าวอย่างร้อนใจว่า “เหตุใดเจ้าจึงดื่มของนั่นลงไปได้!”เซียวจิ่นซีจะมีเวลามาตอบได้อย่างไร นางกำนัลรีบตอบแทนว่า “เดิมจะมอบให้พระชายาของท่านอ๋องอู่เฉิงดื่มเพคะ แต่เพราะฝ่าบาทกับท่านผู้สำเร็จราชการเสด็จมาอย่างกะทันหัน จึงถูกขัดจังหวะลง พระชายาของอ๋องอู่เฉิงเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก จะส่งเจ้าขอ
เสิ่นหรูโจวพยักหน้า เป็นไปตามที่คาดเขายังต้องการให้นางไปรักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟย เพื่อดูความสามารถของนาง ย่อมไม่อาจให้นางตายอยู่ในมือของเซียวจิ่นซี จะเป็นห่วงนางก็เป็นเรื่องธรรมดาเป่ยซิวเยี่ยนไร้อารมณ์ “ทว่าข้าเป็นคิดมากเกินไปแล้ว เจ้าไม่ได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบ” เสิ่นหรูโจวครุ่นคิด “ท่านอ๋องมาแล้วความลำบากของข้าถึงคลี่คลาย ที่ข้าสามารถถอนตัวออกมาได้อย่างราบรื่น ต้องขอบคุณท่านอ๋องเป็นอย่างมาก” ตอนนั้นเซียวจิ่นซีจะให้นางดื่มยาขับโลหิตให้ได้ หากฮ่องเต้กับเป่ยซิวเยี่ยนไม่มา แม้นางจะสามารถหาจังหวะต่อต้านได้ แต่เกรงว่าคงได้แต่รักษาตัวให้รอด ยังไม่แน่ว่าจะสามารถโต้กลับได้สำเร็จดังนั้น เป่ยซิวเยี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของนางจริงๆทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ เขาได้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ลำบากให้แก่นาง หรือชาติที่แล้วนางพร่ำภาวนาให้เขาก่อกบฏ บ่นถึงค่อนข้างบ่อย ชาตินี้จึงได้มีวาสนาต่อกันเช่นนี้ขณะกำลังคิดอยู่ ไหล่ของเสิ่นหรูโจวก็ถูกคนตบเบาๆนางสะดุ้งขึ้นมา เมื่อหันกลับมาก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาน่ารักของลู่หวายหนิง จึงยิ้มออกมาทันที “หวายหนิง เจ้าก็เข้าวังมาด้วยแล้ว!”เป่ยซิวเยี่ยนมองลู่หวายหน
เสิ่นหรูโจวยิ้มพลางส่ายหัว “อย่าพึ่งรีบชมข้า จะรักษากุ้ยเฟยได้หรือไม่ข้ายังไม่รู้เลย” ที่นางกล้าพูดว่าตนเองมีความมั่นใจ ก็เป็นเพราะรู้ข้อมูลมากกว่าพวกเขา ชาติก่อนแม้นางจะไม่ได้รักษากุ้ยเฟยด้วยตัวเอง แต่ก็ได้ยินมาบ้างภายหลังตอนที่อยู่ในหมู่ชาวบ้าน นางได้พบกับหญิงตั้งครรภ์นางหนึ่ง อาการของนางเหมือนกุ้ยเฟยไม่มีผิด…ทว่าสถานการณ์ของกุ้ยเฟยจะเป็นเช่นใดนั้น ต้องรอจนนางพบแล้วจึงจะรู้ความมั่นใจที่ลู่หวายหนิงมีต่อเสิ่นหรูโจวยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก กำหมัดเล็กทั้งสองข้างแน่น กล่าวว่า “พี่สาวจะต้องทำได้อย่างแน่นอน!”เป่ยซิวเยี่ยนมองรอยยิ้มบางๆ ของเสิ่นหรูโจว พูดขึ้นมาว่า “เจ้าคิดจะรักษาอย่างไร ?”เสิ่นหรูโจวหันหน้ามามองเป่ยซิวเยี่ยนครั้งหนึ่งกุ้ยเฟยมีฐานะสูงส่ง เป่ยซิวเยี่ยนเป็นผู้แนะนำให้นางรักษากุ้ยเฟย ย่อมต้องแบกรับความรับผิดชอบส่วนหนึ่ง นางควรจะบอกแผนการบางส่วนต่อเป่ยซิวเยี่ยน เขาจะได้วางใจขึ้นบ้างสีหน้าของนางจริงจังขึ้นมา หลบตาลงพลางใคร่ครวญแล้วกล่าวว่า “ที่ท้องของกุ้ยเฟยใหญ่เกินไป คิดว่าน่าจะมีของเหลวคั่งค้างอยู่ในช่องท้อง…”ความคิดของนางทั้งหมดจดจ่ออยู่กับโรคของกุ้ยเฟย โดยไม่ทันระว
แต่อาจารย์บรรยายลักษณะคนอย่างรายละเอียดน้อยเกินไปแล้ว รูปโฉมของสตรีนางนั้นเป็นอย่างไรก็ไม่ได้บอก บอกเพียงว่ารูปร่างผอมบาง นอกจากเรื่องนี้แล้ว เบาะแสเดียวที่มีก็คือในมือของผู้หญิงคนนั้นมีแหวนปานจื่อของเขาในยามนั้น พวกเขาต่างก็คิดว่าท่านอาจารย์เป็นต้นไม้เหล็กพันปีที่ในที่สุดก็ออกดอก ถูกตาสตรีนางนั้นเข้าแล้ว จะต้องหาตัวสตรีนางนั้นกลับมาเป็นชายาให้ได้ที่น่าเสียดายก็คือ จนถึงตอนนี้ก็ยังหาตัวสตรีนางนั้นไม่พบ ท่านอาจารย์ก็มิได้พูดถึงอีกพวกเขาเลยรู้สึกอีกว่าท่านอาจารย์คงจะเกิดความสนใจเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น เมื่อหาไม่เจอก็ปล่อยวางแล้ว เขาก็คิดว่า สุดท้ายแล้วผู้หญิงคนนั้นก็ไม่อาจเปิดประตูหัวใจของท่านอาจารย์ได้แต่ทว่า ในเวลานี้กลับได้เห็นอาจารย์กับพี่สาวคนสวยใกล้ชิดกันถึงเพียงนี้ หรือต้นไม้เหล็กพันปีจะออกดอกเป็นครั้งที่สองแล้วนะ?ลู่หวายหนิงอดแอบหัวเราะไม่ได้ ตามติดพวกเขาไปด้านหลังอย่างไร้สุ้มเสียง มองดูเงาหลังของพวกเขา คนหนึ่งองอาจสง่างาม อีกคนงดงามดุจดอกไม้ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เหมาะสมไปหมด!โดยเฉพาะใบหน้าที่ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้กันของพวกเขา และเสียงพูดที่ค่อยๆ ลดเบาลง ทั้งหมดนี้ล้วน
เหล่าข้ารับใช้ในตำหนักพากันคุกเข่าลงกับพื้น ส่งเสียงพร้อมกันว่า “ถวายบังคมฝ่าบาท” สตรีนางนั้นค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา มิได้ลุกขึ้นมาถวายบังคม นางมองไปที่ฮ่องเต้หย่งอัน กล่าวอย่างยากลำบากเล็กน้อยว่า “ฝ่าบาท ทรงเสด็จมาแล้วหรือเพคะ” ฮ่องเต้หย่งอันเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง คิ้วก็ขมวดเข้าหากันเป็นก้อนอีก เดินไปนั่งลงข้างกายนาง กุมมือที่ขาวเนียนละเอียดของนาง“กุ้ยเฟย วันนี้สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง?”กุ้ยเฟยถอนใจเบาๆ ครั้งหนึ่ง ดวงตาชั้นเดียวอันทรงเสน่ห์คู่นั้นเต็มไปด้วยความกังวล “ยังคงเป็นเช่นเดิม แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก อึดอัดมากเหลือเกินเพคะ” “เหตุใดวันนี้ฝ่าบาทจึงมีเวลาว่างแวะมาได้เพคะ?”ใบหน้าอันน่าเกรงขามของฮ่องเต้หย่งอันมีความอ่อนโยนอยู่หลายส่วน กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “เจ้าป่วยอยู่ ในใจของข้ารู้สึกเป็นห่วงอยู่ตลอด วันนี้จึงได้ตั้งใจมาเยี่ยมเจ้าเป็นพิเศษ” เขาเบี่ยงกายเล็กน้อย มองไปยังเป่ยซิวเยี่ยน “ผู้สำเร็จราชการกับพระชายาของอู่เฉิงอ๋องก็มาด้วย” เป่ยซิวเยี่ยนและเสิ่นหรูโจวก้าวออกมาหนึ่งก้าว ทำความเคารพว่า “คารวะกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง” กุ้ยเฟยเงยหน้ามองมา ใบหน้ายังคงอมทุกข์เช่นเดิม พ
อาการของกุ้ยเฟยเหมือนสตรีที่ตั้งครรภ์ผู้นั้นในชาติก่อนจริงๆ เมื่อกดลงไปชีพจรคล่องตัว ลื่นไหลเหมือนไข่มุกกลิ้งไปมาอย่างรวดเร็ว เป็นชีพจรการตั้งครรภ์ไม่ผิดแน่ แต่กลับมิใช่แฝดสามอย่างที่ร่ำลือกัน ในท้องน่าจะมีทารกเพียงแค่คนเดียว ท้องของกุ้ยเฟยใหญ่ถึงเพียงนี้เหมือนสตรีตั้งครรภ์นางนั้นไม่ผิด นางเป็นโรคแน่ นางเปลี่ยนตำแหน่งนิ้ว ตรวจลักษณะของชีพจรอย่างละเอียดฮ่องเต้หย่งอันนั่งอยู่ด้านข้าง กล่าวช้าๆ ว่า “ในท้องของกุ้ยเฟยเป็นครรภ์แฝดสาม ทว่าเป็นเพราะท้องใหญ่เกินไป ยามนี้จึงมักหายใจไม่ออก มีอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเมื่อ” “ในยามคลอดจะต้องมีอันตรายมากอย่างแน่นอน เจ้าต้องใส่ใจให้มากหน่อย เมื่อครู่ข้าได้กล่าวไปแล้ว หากสามารถรักษากุ้ยเฟยให้หาย และทำให้กุ้ยเฟยคลอดอย่างราบรื่นได้ ก็จะรับปากสัญญากับเจ้าข้อหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขใดเจ้าล้วนกล่าวมาได้” ในใจของเสิ่นหรูโจวรู้สึกยินดีขึ้นมา ฮ่องเต้พูดถึงสัญญานี้อีกครั้ง พอนางได้ยินทั่วทั้งร่างก็เต็มไปด้วยพลังการต่อสู้ แต่ยังไม่ทันจะได้ดีใจสักครู่ น้ำเสียงที่ทุ้มหนักนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง “แต่เจ้าต้องจำไว้ให้ดี ไม่อาจทำให้ร่างกายของกุ้ยเฟยได้รับความเส
เสิ่นหรูโจวกล่าวเสียงเข้มว่า “เสด็จพ่อ ที่ลูกกล่าวไปนั้นเป็นจริงทุกคำ ไม่มีความเท็จแม้แต่น้อยเพคะ!”แค่พูดไม่ถูกหูก็จะประหารนาง นี่จะใจร้อนเกินไปแล้ว!ฮ่องเต้หย่งอันตั้งความหวังกับท้องของกุ้ยเฟยไว้มาก ไม่เชื่อแม้แต่น้อยว่ามีเด็กแค่คนเดียว เสิ่นหรูโจวถือได้ว่าไปแตะต้องเกล็ดของเขาเข้าแล้วเดิมเขาก็คิดจะกำจัดเสิ่นหรูโจวอยู่แล้ว นางยังรนหาที่ตายพูดว่ามีทารกเพียงคนเดียวอีก เช่นนั้นก็ไม่ต้องปล่อยไว้ให้เนิ่นนานแล้ว“บังอาจนัก เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกล้ากล่าววาจาสามหาวไร้สาระต่อหน้าข้า” “ท้องของกุ้ยเฟยโตจนลงเดินไม่ได้แล้ว จะมีทารกเพียงคนเดียวได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าเป็นเจ้าที่วิชาแพทย์ไม่แตกฉาน กล่าววาจาโป้ปดเหลวไหล!”ฮ่องเต้ทรงพิโรธอย่างยิ่ง บรรยากาศพลันเคร่งเครียดขึ้นมาเป่ยซิวเยี่ยนหรี่ตาลง ในเวลานี้องครักษ์ที่อยู่ด้านนอกได้เข้ามาแล้ว พวกเขาเดินเข้าหาเสิ่นหรูโจวอย่างรวดเร็วเสิ่นหรูโจวคุกเข่าลงทันที มองไปที่ฮ่องเต้หย่งอัน“เสด็จพ่อ ลูกมิได้กล่าวเหลวไหล ลูกไม่กล้าเพ็ดทูลเบื้องสูงเด็ดขาด!”ชาติก่อนต่อให้ฮ่องเต้หย่งอันไม่ชอบนางอย่างไร เขาก็มิได้คิดสังหารนาง ยามนี้เพียงแค่คำพูดประโ
ในที่สุด เส้นประสาทที่เครียดขมึงของเสิ่นหรูโจวจึงได้ผ่อนคลายลง เหลือบมองเป่ยซิวเยี่ยนด้วยความขอบคุณทีหนึ่ง จากนั้นกล่าวอย่างจริงจังว่า“เสด็จพ่อ ลูกมั่นใจว่าในครรภ์ของกุ้ยเฟยมีทารกเพียงแค่คนเดียวจริงๆ เพคะ ส่วนที่ท้องของกุ้ยเฟยใหญ่เช่นนี้ เป็นเพราะพลังในกระเพาะอาหารเสียสมดุล การเคลื่อนไหวของพลังชี่ถูกขัดขวาง หยินไม่ลดหยางไม่กำเนิด ทำให้น้ำขังอยู่ในอวัยวะภายในและช่องท้อง จึงได้เกิดลักษณะที่ท้องป่องขึ้นมาเพคะ” เพื่อรักษาหน้าของราชวงศ์ นางกล่าววาจาอย่างคลุมเครือ ไม่เช่นนั้นทันทีที่ได้กุ้ยเฟยได้ยินว่าในท้องนางเต็มไปด้วยน้ำ เกรงว่าก็จะระเบิดอารมณ์ออกมาอีกแล้วเห็นว่าสีหน้าของฮ่องเต้กลับกุ้ยเฟยยังไม่แย่นัก นางรีบพูดต่อว่า“เพื่อรับประกันความปลอดภัยของกุ้ยเฟยกับทายาทมังกร จะต้องรีบจัดการอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมสำหรับการคลอด”“เจ้าว่าอย่างไรนะ?!” กุ้ยเฟยร้องออกมาอย่างตกใจ สายตาที่มองไปทางเสิ่นหรูโจวทั้งคาดไม่ถึงและโมโห “ความหมายของเจ้าก็คือ จะให้ข้าคลอดก่อนกำหนด?”เสิ่นหรูโจวรู้ว่านางจะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน จึงเกลี้ยกล่อมว่า “ใช่แล้วเพคะ หากลากเวลาไปจนครบกำหนด จะอันตรายอย่างมาก” “สาร