เหล่าข้ารับใช้ในตำหนักพากันคุกเข่าลงกับพื้น ส่งเสียงพร้อมกันว่า “ถวายบังคมฝ่าบาท” สตรีนางนั้นค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา มิได้ลุกขึ้นมาถวายบังคม นางมองไปที่ฮ่องเต้หย่งอัน กล่าวอย่างยากลำบากเล็กน้อยว่า “ฝ่าบาท ทรงเสด็จมาแล้วหรือเพคะ” ฮ่องเต้หย่งอันเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง คิ้วก็ขมวดเข้าหากันเป็นก้อนอีก เดินไปนั่งลงข้างกายนาง กุมมือที่ขาวเนียนละเอียดของนาง“กุ้ยเฟย วันนี้สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง?”กุ้ยเฟยถอนใจเบาๆ ครั้งหนึ่ง ดวงตาชั้นเดียวอันทรงเสน่ห์คู่นั้นเต็มไปด้วยความกังวล “ยังคงเป็นเช่นเดิม แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก อึดอัดมากเหลือเกินเพคะ” “เหตุใดวันนี้ฝ่าบาทจึงมีเวลาว่างแวะมาได้เพคะ?”ใบหน้าอันน่าเกรงขามของฮ่องเต้หย่งอันมีความอ่อนโยนอยู่หลายส่วน กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “เจ้าป่วยอยู่ ในใจของข้ารู้สึกเป็นห่วงอยู่ตลอด วันนี้จึงได้ตั้งใจมาเยี่ยมเจ้าเป็นพิเศษ” เขาเบี่ยงกายเล็กน้อย มองไปยังเป่ยซิวเยี่ยน “ผู้สำเร็จราชการกับพระชายาของอู่เฉิงอ๋องก็มาด้วย” เป่ยซิวเยี่ยนและเสิ่นหรูโจวก้าวออกมาหนึ่งก้าว ทำความเคารพว่า “คารวะกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง” กุ้ยเฟยเงยหน้ามองมา ใบหน้ายังคงอมทุกข์เช่นเดิม พ
อาการของกุ้ยเฟยเหมือนสตรีที่ตั้งครรภ์ผู้นั้นในชาติก่อนจริงๆ เมื่อกดลงไปชีพจรคล่องตัว ลื่นไหลเหมือนไข่มุกกลิ้งไปมาอย่างรวดเร็ว เป็นชีพจรการตั้งครรภ์ไม่ผิดแน่ แต่กลับมิใช่แฝดสามอย่างที่ร่ำลือกัน ในท้องน่าจะมีทารกเพียงแค่คนเดียว ท้องของกุ้ยเฟยใหญ่ถึงเพียงนี้เหมือนสตรีตั้งครรภ์นางนั้นไม่ผิด นางเป็นโรคแน่ นางเปลี่ยนตำแหน่งนิ้ว ตรวจลักษณะของชีพจรอย่างละเอียดฮ่องเต้หย่งอันนั่งอยู่ด้านข้าง กล่าวช้าๆ ว่า “ในท้องของกุ้ยเฟยเป็นครรภ์แฝดสาม ทว่าเป็นเพราะท้องใหญ่เกินไป ยามนี้จึงมักหายใจไม่ออก มีอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเมื่อ” “ในยามคลอดจะต้องมีอันตรายมากอย่างแน่นอน เจ้าต้องใส่ใจให้มากหน่อย เมื่อครู่ข้าได้กล่าวไปแล้ว หากสามารถรักษากุ้ยเฟยให้หาย และทำให้กุ้ยเฟยคลอดอย่างราบรื่นได้ ก็จะรับปากสัญญากับเจ้าข้อหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขใดเจ้าล้วนกล่าวมาได้” ในใจของเสิ่นหรูโจวรู้สึกยินดีขึ้นมา ฮ่องเต้พูดถึงสัญญานี้อีกครั้ง พอนางได้ยินทั่วทั้งร่างก็เต็มไปด้วยพลังการต่อสู้ แต่ยังไม่ทันจะได้ดีใจสักครู่ น้ำเสียงที่ทุ้มหนักนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง “แต่เจ้าต้องจำไว้ให้ดี ไม่อาจทำให้ร่างกายของกุ้ยเฟยได้รับความเส
เสิ่นหรูโจวกล่าวเสียงเข้มว่า “เสด็จพ่อ ที่ลูกกล่าวไปนั้นเป็นจริงทุกคำ ไม่มีความเท็จแม้แต่น้อยเพคะ!”แค่พูดไม่ถูกหูก็จะประหารนาง นี่จะใจร้อนเกินไปแล้ว!ฮ่องเต้หย่งอันตั้งความหวังกับท้องของกุ้ยเฟยไว้มาก ไม่เชื่อแม้แต่น้อยว่ามีเด็กแค่คนเดียว เสิ่นหรูโจวถือได้ว่าไปแตะต้องเกล็ดของเขาเข้าแล้วเดิมเขาก็คิดจะกำจัดเสิ่นหรูโจวอยู่แล้ว นางยังรนหาที่ตายพูดว่ามีทารกเพียงคนเดียวอีก เช่นนั้นก็ไม่ต้องปล่อยไว้ให้เนิ่นนานแล้ว“บังอาจนัก เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกล้ากล่าววาจาสามหาวไร้สาระต่อหน้าข้า” “ท้องของกุ้ยเฟยโตจนลงเดินไม่ได้แล้ว จะมีทารกเพียงคนเดียวได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าเป็นเจ้าที่วิชาแพทย์ไม่แตกฉาน กล่าววาจาโป้ปดเหลวไหล!”ฮ่องเต้ทรงพิโรธอย่างยิ่ง บรรยากาศพลันเคร่งเครียดขึ้นมาเป่ยซิวเยี่ยนหรี่ตาลง ในเวลานี้องครักษ์ที่อยู่ด้านนอกได้เข้ามาแล้ว พวกเขาเดินเข้าหาเสิ่นหรูโจวอย่างรวดเร็วเสิ่นหรูโจวคุกเข่าลงทันที มองไปที่ฮ่องเต้หย่งอัน“เสด็จพ่อ ลูกมิได้กล่าวเหลวไหล ลูกไม่กล้าเพ็ดทูลเบื้องสูงเด็ดขาด!”ชาติก่อนต่อให้ฮ่องเต้หย่งอันไม่ชอบนางอย่างไร เขาก็มิได้คิดสังหารนาง ยามนี้เพียงแค่คำพูดประโ
ในที่สุด เส้นประสาทที่เครียดขมึงของเสิ่นหรูโจวจึงได้ผ่อนคลายลง เหลือบมองเป่ยซิวเยี่ยนด้วยความขอบคุณทีหนึ่ง จากนั้นกล่าวอย่างจริงจังว่า“เสด็จพ่อ ลูกมั่นใจว่าในครรภ์ของกุ้ยเฟยมีทารกเพียงแค่คนเดียวจริงๆ เพคะ ส่วนที่ท้องของกุ้ยเฟยใหญ่เช่นนี้ เป็นเพราะพลังในกระเพาะอาหารเสียสมดุล การเคลื่อนไหวของพลังชี่ถูกขัดขวาง หยินไม่ลดหยางไม่กำเนิด ทำให้น้ำขังอยู่ในอวัยวะภายในและช่องท้อง จึงได้เกิดลักษณะที่ท้องป่องขึ้นมาเพคะ” เพื่อรักษาหน้าของราชวงศ์ นางกล่าววาจาอย่างคลุมเครือ ไม่เช่นนั้นทันทีที่ได้กุ้ยเฟยได้ยินว่าในท้องนางเต็มไปด้วยน้ำ เกรงว่าก็จะระเบิดอารมณ์ออกมาอีกแล้วเห็นว่าสีหน้าของฮ่องเต้กลับกุ้ยเฟยยังไม่แย่นัก นางรีบพูดต่อว่า“เพื่อรับประกันความปลอดภัยของกุ้ยเฟยกับทายาทมังกร จะต้องรีบจัดการอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมสำหรับการคลอด”“เจ้าว่าอย่างไรนะ?!” กุ้ยเฟยร้องออกมาอย่างตกใจ สายตาที่มองไปทางเสิ่นหรูโจวทั้งคาดไม่ถึงและโมโห “ความหมายของเจ้าก็คือ จะให้ข้าคลอดก่อนกำหนด?”เสิ่นหรูโจวรู้ว่านางจะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน จึงเกลี้ยกล่อมว่า “ใช่แล้วเพคะ หากลากเวลาไปจนครบกำหนด จะอันตรายอย่างมาก” “สาร
“ในความเป็นจริงแล้วเจ้าไม่ชำนาญเรื่องการแพทย์แม้แต่น้อย อย่าได้กล่าววาจาเหลวไหลอีกเลย รีบยอมรับผิดกับเสด็จพ่อและกุ้ยเฟย จากนั้นตามข้ากลับไปเถิด” อาการป่วยนี้ของกุ้ยเฟยแม้แต่สำนักหมอหลวงก็รักษาไม่ได้ แล้วนางมายุ่งสิ่งใดกัน นางก็ไม่รู้จักคิดบ้างว่า หากเกิดความผิดพลาดใดขึ้นมา จนทำให้จวนอ๋องเดือดร้อนไปด้วยแล้วจะทำเช่นใดเสิ่นหรูโจวมองเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างเย็นชา ในก้นบึ้งของดวงตามีประกายเยาะหยันวาบผ่านไม่ว่าเมื่อใดเขาก็ไม่มีวันเชื่อนาง มีแต่จะปฏิเสธนางเท่านั้น!ชาติก่อนก็เป็นเช่นนี้ ตัวนางในสายตาของเขาก็คือขยะที่ไม่มีค่าแม้แต่อีแปะเดียว ยามนี้ยังพยายามดูถูกนางไม่หยุดอีก!“ข้ามิได้กล่าววาจาเหลวไหล ในท้องของกุ้ยเฟยมีทารกเพียงคนเดียวอย่างจริงแท้แน่นอน!”ก่อนที่กุ้ยเฟยจะบันดาลโทสะอีกครั้ง นางก็กล่าวว่า “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง ขอถามว่านับแต่ตั้งครรภ์มา ความอยากอาหารของท่านลดลง และมักจะกระหายน้ำใช่หรือไม่?”กุ้ยเฟยตะลึงไป ถึงกับถูกนางพูดถูกแล้ว แต่ก็ยังคงพยักหน้าทุกคนต่างก็สงบลง เป่ยซิวเยี่ยนสีหน้าเรียบเฉย จับจ้องบ่าบอบบางที่เหยียดตรงของหญิงสาวอย่างเงียบงันแววตาของเสิ่นหรูโจวสงบนิ่ง “กุ
“เจ้าจะรับรองได้อย่างไรว่าข้ากับลูกในท้องจะปลอดภัย? ฝืนคลอดตอนอายุครรภ์เจ็ดเดือน ต่อให้เป็นหญิงตั้งครรภ์ทั่วไป ก็มีโอกาสรอดเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น!”นางลูบท้องของตน “นอกจากนี้ หากต้องการให้ข้าเชื่อเจ้า เจ้าจะต้องพิสูจน์ว่าสิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริง ข้ามีน้ำอะไรนั่นค้างอยู่ในท้องจริงๆ ไม่เช่นนั้นข้าไม่มีทางให้เจ้ารักษาอย่างเด็ดขาด!หัวใจของเสิ่นหรูโจวผ่อนคลายลง พระแม่เจ้าผู้นี้ในที่สุดก็ยอมฟังแล้วนางพยักหน้าอย่างสงบ ตอบรับอย่างไม่ลังเลว่า “ได้เพคะ ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการตรวจของข้าถูกต้องก่อนที่จะทำการรักษาเพคะ” เซียวเฉินเหยี่ยนยังคงไม่วางใจ ฐานะของกุ้ยเฟยมีความสำคัญมาก ไม่อาจไปมีเรื่องด้วยง่ายๆ จะไปยุ่งกับเรื่องของนางทำไม?“เจ้าอย่าได้เหลวไหล พระวรกายของกุ้ยเฟยล้ำค่า และยังตั้งครรภ์มังกรอยู่อีก ไม่ใช่ผู้ที่สตรีไม่รู้ความอย่างเจ้าจะดูแลได้” เสิ่นหรูโจวมองเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างเย็นชา “กุ้ยเฟยทรงรับปากแล้ว ท่านจะพูดมากไปทำไมอีก!”เห็นนางไม่รู้จักดีชั่วเช่นนี้ เซียวเฉินเหยี่ยนก็โมโหจนดวงตาแทบพ่นไฟได้ แทบอยากจะลากนางกลับไปขังไว้ในจวนอ๋องตลอดกาลเป่ยซิวเยี่ยนเอ่ยปากว่า “ฝ่าบาท ใน
ลู่หวายหนิงกอดอกมองเขา ไม่พอใจต่อท่าทีของเขาที่มีต่อเป่ยซิวเยี่ยนเล็กน้อยเป่ยซิวเยี่ยนท่าทางสงบนิ่ง เสิ่นหรูโจวเลิกคิ้วอย่างเหยียดหยาม กล่าวเสียงเย็นชา “เหตุใดต้องบอกท่าน? ไม่ได้ให้ท่านไปรักษาเสียหน่อย”“เจ้าหุบปาก!” เซียวเฉินเหยี่ยนค้อนนางแวบหนึ่ง กล่าวถามเป่ยซิวเยี่ยนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรื่องการรักษาอาการป่วยของกุ้ยเฟยเป็นเรื่องสำคัญ เพียงแค่ไม่ระวังก็อาจจะเสียชีวิตได้”“ไม่ใช่ว่าอุปราชแค้นใจที่ฉินอวี่ได้รับบาดเจ็บที่จวนอ๋องอู่เฉิง จึงเจตนาแนะนำพระชายาของข้าต่อหน้าฝ่าบาท อยากให้นางไปตายหรอกหรือ”เสิ่นหรูโจวขมวดคิ้วทันทีในใจของเขามืดมน/เขาจิตใจมืดมนแล้ว ยังจะหาว่าคนอื่นเป็นคนอำมหิตอีกด้วย! ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากพูด เป่ยซิวเยี่ยนก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน “อ๋องอู่เฉิงคิดมากไปแล้ว ข้าแนะนำพระชายาอ๋องอู่เฉิง ก็เป็นเพราะเมื่อครั้งก่อนฉินอวี่ได้นางเป็นผู้ช่วยชีวิต ทำให้ข้าเห็นถึงความสามารถของนาง”“ในเมื่อพระชายามีความสามารถ ก็ไม่ควรเก็บตัวอยู่เพียงแค่ที่จวนอ๋อง ควรใช้ความสามารถให้เต็มที่ ทำประโยชน์ต่อบ้านเมือง”เสิ่นหรูโจวเหลือบมองเป่ยซิวเยี่ยน ก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาจนทำให้ทุกคนตก
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเซียวเฉินเหยี่ยนหมองหม่นราวกับก้นหม้อ เขาจ้องมองท่าทางทะเล้นของเสิ่นหรูโจว กัดฟันกล่าว “เจ้ายังยิ้มออกอีกหรือ?”เสิ่นหรูโจวที่คร้านจะสนใจเขา จึงหุบยิ้ม เดินตรงไปข้างหน้านางยังรีบร้อนจะกลับไปพบท่านพ่อ ไม่มีเวลามาพูดจาไร้สาระกับเขาเซียวเฉินเหยี่ยนกลับไม่อยากจะปล่อยนางไปเช่นนี้ นางชักจะอวดดีขึ้นทุกวัน วันนี้จะต้องสั่งสอนนางให้ดี ๆ สักรอบเขาเดินตามนางไปติด ๆ น้ำเสียงเย็นชาแฝงไปด้วยความโมโห“อีกประเดี๋ยวไม่เจอกันเจ้าก็จะก่อเรื่องให้ข้าอีก ไหนอยากจะรักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟย เหตุใดเจ้าไม่ขึ้นสวรรค์ไปเลยล่ะ?”เสิ่นหรูโจวไม่แม้แต่จะชายตามองเขา สายตามองตรงไปยังทางที่ตนเองเดิน กล่าวอย่างเย็นชา “ข้าทำอะไรท่านไม่จำเป็นต้องยุ่ง ต่อให้ขึ้นสวรรค์ก็ไม่เกี่ยวกับท่าน ไม่ต้องให้ท่านมาชี้นิ้วสั่ง”“ไม่ต้องสนใจ?” เซียวเฉินเหยี่ยนยิ้มด้วยความโมโห“เจ้าคิดว่าข้าอยากยุ่งกับเจ้า? หากข้าไม่จับตาดูเจ้า เจ้าก็คงถูกฟ้าผ่าตายไปนานแล้ว!”“กุ้ยเฟยสถานะอะไร? นางเป็นพระสนมที่ได้รับความโปรดปรานที่สุด ตระกูลฝั่งมารดาที่อยู่เบื้องหลังมีอำนาจทรงพลัง เจ้าล่วงเกินได้หรือ! หากนางเป็นอะไรไปแม้แต่น