เจียหนิงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรง เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ “นางยังต้องการหน้าอะไรอีก? ทำเรื่องฉาวโฉ่เช่นนี้ออกมาได้ ยังจะกลัวผู้อื่นกล่าวอีกหรือ?”“เสิ่นหรูโจว เจ้ามันน่ารังเกียจนัก! บังคับให้ท่านอาของข้าแต่งกับเจ้า ยึดครองตำแหน่งพระชายาไว้ แต่กลับไม่รู้จักรักษาความเป็นกุลสตรี ไปยั่วยวนชายอื่น”“เจ้าทำเรื่องต่ำช้าไร้ยางอายเช่นนี้ออกมา ก็ควรถูกแล่เนื้อเถือหนังพันดาบหมื่นดาบ! วันนี้ข้าจะกำจัดเจ้าซะ เจ้าจะได้ไม่ทำให้โลกมนุษย์ต้องสกปรกอีก”ทันใดนั้นแสงสีเงินก็วาบขึ้น เจียหนิงชักมีดสั้นเล่มหนึ่งออกมา ไม่พูดสิ่งใดก็แทงไปที่เสิ่นหรูโจวทันที“พระชายาระวัง!” เมี่ยวตงอุทานด้วยความตกใจแววตาของเสิ่นหรูโจวเยียบเย็นเสียดกระดูก นางตอบสนองในทันที เตะไปที่ขาของเจียหนิง เจียหนิงพลันสูญเสียการทรงตัว ร่างกายเอนเอียง จากนั้นทั่วทั้งร่างก็โถมเข้าหาโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง มีดสั้นหล่นลงบนพื้นเสียงดังเมี่ยวตงรีบเก็บมีดสั้นเล่มนั้นขึ้นมายัดไว้ในอ้อมอก ไม่ปล่อยให้เจียหนิงมีโอกาสได้ลงมือทำร้ายคนอีกมู่หว่านหรงยกมือปิดปาก ปากบอกว่าอย่า ให้หยุดมือ ทว่าก้นบึ้งของดวงตากลับมีแววยินดีวาบผ่าน ยิ้มอย่างสมใจ
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เจียหนิงพลันหยุดความเคลื่อนไหวที่จะพุ่งเข้าใส่ลง ตวัดสายตามา “เจ้ายังคิดจะแก้ตัวอีกหรือ!”เสิ่นหรูโจวส่งเสียงดูถูก สายตาเย็นชาลากผ่านร่างของมู่หว่านหรง“ท่านหญิง ข้าทำใจเห็นท่านถูกคนหลอกใช้ไม่ได้จริงๆ ดังนั้นจึงได้คิดเอ่ยปากกล่าวเตือน ข้าก็ไม่กลัวว่าท่านจะหัวเราะเยาะ วันนี้ ข้าจะให้ท่านได้เห็นเรื่องโสมมในจวนอ๋องแห่งนี้” เสิ่นหรูโจวเบี่ยงศีรษะส่งสายตาให้เมี่ยวตง เมี่ยวตงผงกศีรษะอย่างเข้าใจความหมาย จากนั้นก็ออกไปมู่หว่านหรงเห็นพวกนางสองนายบ่าวคล้ายกำลังวางแผนบางสิ่ง ในใจรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย เสิ่นหรูโจวคิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีก!“เจ้ากำลังพูดเหลวไหลไร้สาระอะไรกันแน่?” เจียหนิงขมวดคิ้วมองเสิ่นหรูโจว ในสายตามีทั้งความสงสัยและความรังเกียจเสิ่นหรูโจวยิ้มอ่อน กล่าวด้วยสีหน้าสงบราบเรียบว่า“ท่านหญิงอาจยังไม่ทราบ วันนั้นที่ฉินอวี่มาหาข้า มิใช่มาลักลอบพบปะกับข้า แต่เป็นเพราะมีคนไปลือว่าข้ามีทักษะการแพทย์สูงส่ง หลังจากนายน้อยลู่ได้ยิน จึงให้คนมาสืบข่าว ว่าที่แท้ข้ามีความสามารถที่จะรักษาอาการป่วยให้ท่านผู้สำเร็จราชการได้หรือไม่” นางมองมู่หว่านหรงอย่างเย็น
มู่หว่านหรงมองไปที่เจียหนิง อธิบายเรื่องราวอย่างชัดเจนด้วยเกรงว่าเจียหนิงจะเข้าใจผิดไป เพราะไม่ว่าอย่างไร เจียหนิงก็มีศักดิ์เป็นท่านหญิง นอกจากพี่สาวแล้ว เจียหนิงจึงเป็นคนหนุนหลังที่สำคัญที่สุดของนาง“ยามนั้นหว่านหรงสลบไม่ฟื้นเสียที ท่านอ๋องจึงได้ค้นหานักพรตมาขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้หว่านหรง นักพรตผู้นั้นพูดว่า ต้องให้หว่านหรงดื่มเลือดของพระชายาลงไปจึงจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ ดังนั้นท่านอ๋องจึงได้… หลังจากหว่านหรงฟื้นขึ้นมาก็รู้สึกทำใจไม่ได้เช่นกัน…”“แต่ไรมา พระชายาก็ไม่ชอบหว่านหรง ครั้งนี้ยังทำให้พระชายาต้องกรีดเลือดอีก คิดว่าพระชายาทรงรู้สึกไม่ยุติธรรม จึงได้เอ่ยวาจาให้ร้ายเช่นนี้” เจียหนิงรู้สึกรังเกียจขึ้นมา กล่าวกับเสิ่นหรูโจวว่า “ตัวเองทำเรื่องสกปรก ยังจะไปใส่ความคนอื่น ช่างปากแข็งจริงๆ!”“ท่านหญิงอย่าได้เร่งร้อน เรื่องนี้ยังพูดไม่จบ” เสิ่นหรูโจวสางผมอย่างช้าๆ เดินไปเบื้องหน้าของมู่หว่านหรง “เจ้าคิดว่า ที่เจ้าดื่มเป็นเลือดของข้าอย่างนั้นหรือ?”นางโค้งริมฝีปากหัวเราะ ส่งเสียงเรียกออกไปด้านนอกครั้งหนึ่ง “เมี่ยวตง พาคนเข้ามา” มู่หว่านหรงและเจียหนิงมองตามไปด้วยความสงสัยก็เห็นเมี
“ท่านหญิงลองคิดดูว่า เหตุใดมู่หว่านหรงจึงต้องแสร้งป่วย? นั่นก็เพื่อให้ร่างกายของข้าได้รับความเสียหาย อ่อนแออย่างรุนแรง ในเวลานี้ ค่อยให้คนมาสังหารข้า มิใช่ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากหรือ เช่นนี้ก็สามารถเอาชีวิตข้าได้แล้ว”“แต่นางยังรู้สึกว่าไม่พออีก เพื่อรับประกันว่าเรื่องราวไร้ความผิดพลาด ก็ปล่อยข่าวลือว่าข้ามีทักษะทางการแพทย์สูงส่งเพื่อหลอกล่อฉินอวี่มาอีก” “ในวันที่ฉินอวี่มานั้น ก็ส่งมือส่งมือสังหารมา ต่อให้มือสังหารไม่อาจฆ่าข้า นางก็สามารถลงมือกับฉินอวี่ได้ ไม่ว่าจะเป็นนางผลักฉินอวี่ไปบังดาบ หรือสาวใช้ของนางเป็นผู้ผลัก ขอเพียงฉินอวี่ตายไป ข้าก็จะกลายเป็นคนผิด จำต้องชดใช้ชีวิตเช่นเดียวกัน” “เชื่อว่าเมื่อวานท่านหญิงก็ได้เห็นแล้วเช่นเดียวกัน หากมิใช่ข้าพยายามช่วยชีวิตฉินอวี่อย่างสุดกำลังของตน ยามนี้ เกรงว่าคงจะติดกับดักของนางไปแล้ว” “ท่านใส่ร้ายคน!” มู่หว่านหรงตะคอกเสียงดัง จากนั้นก็รีบกล่าวกับเจียหนิงว่า “ท่านหญิงอย่าได้ฟังนางพูดเหลวไหล นักฆ่าพวกนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับข้าจริงๆ!”เจียหนิงตะลึงไปเล็กน้อย ขมวดคิ้วกล่าวกับมู่หว่านหรงว่า “เช่นนั้น เรื่องที่เจ้าแสร้งป่วยจะอธิบายอย่าง
เมี่ยวตงเห็นว่าคุณหนูของตนแม้แต่ท่านหญิงที่ร้ายกาจผู้นั้นก็จัดการได้ ในใจก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่งนางไม่ต้องเป็นห่วงว่าคุณหนูจะถูกคนรังแกอีกแล้ว!มู่หว่านหรงมองเงาหลังที่เดินจากไปของเจียหนิงอย่างลนลาน ในใจราวถูกเปลวไฟเผาผลาญเดิมคิดจะหลอกใช้เจียหนิงให้ฆ่าเสิ่นหรูโจว เวลานี้กลับทำให้เจียหนิงมาสงสัยนางเสียเอง“นางหันกลับมา กล่าวด้วยใบหน้าดุร้ายและน้ำเสียงอำมหิตว่า “เสิ่นหรูโจว เจ้าถึงกลับกล้าเอาเลือดของหลิงเฟิงมาหลอกลวงข้า”“หลอกลวงเจ้าแล้วอย่างไร?” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเย้ยหยัน มองไปยังหลิงเฟิงที่อยู่บนพื้นในสภาพน่าอนาถอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ข้าเพียงทำต่อก็เท่านั้น”“นังสารเลว!” มู่หว่านหรงโมโหอย่างยิ่ง พุ่งเข้าหาเสิ่นหรูโจวดวงตาของเสิ่นหรูโจวแข็งกร้าวขึ้นมา พลันยกมือขึ้นมาตบหน้านางไปสองครั้งอย่างรุนแรง มู่หว่านหรงเจ็บจนร้องเสียงดัง กุมใบหน้าถลึงตาใส่เสิ่นหรูโจวอย่างโมโห “เจ้า!”“มู่หว่านหรง ข้าเคยบอกแล้ว หากกล้ามาหาเรื่องข้า เจ้าจะต้องเผชิญกับจุดจบที่น่าอนาถ” มุมปากของเสิ่นหรูโจวโค้งเป็นรอยยิ้มหยัน ดวงตาเฉิดฉันหนาวเหน็บราวหิมะ น้ำเสียงเหี้ยมเกรียม“พาสาวใช้ของเจ
เสิ่นหรูโจวหันมองไป เห็นพิราบสื่อสารตัวหนึ่งร่อนลงบนกรอบหน้าต่าง กำลังเอียงคอมองนางดวงตาของนางสว่างขึ้นมา รีบเดินเข้าไป ปลดจดหมายบนขานกพิราบลงมาบนจดหมายไม่มีการลงนาม แต่นางรู้ว่านี่มาจากจวนอุปราชเนื้อหาโดยรวมในจดหมาย บอกให้นางเข้าวังในอีกสองวันข้างหน้าเพื่อตรวจอาการป่วยให้กุ้ยเฟย นางยิ้มน้อยๆ รู้ว่าเป่ยซิวเยี่ยนกำลังมอบโอกาสให้นาง คิดจะทดสอบความสามารถของนางแล้วแต่เมื่อพูดถึงอาการป่วยของกุ้ยเฟยขึ้นมา ก็ทำให้รู้สึกปวดหัวจริงๆได้ยินว่ากุ้ยเฟยเป็นโรคประหลาด ท้องป่องขึ้นมาอย่างมาก หมอหลวงบอกว่าตั้งครรภ์แล้ว ทว่าเวลาผ่านไปก็ยังไม่คลอดสักที หมอจำนวนมากล้วนจนปัญญาชาติก่อนตัวนางในเวลานั้นทักษะทางการแพทย์ไม่ดีนัก และไม่มีโอกาสรู้ถึงรายละเอียดเรื่องโรคของกุ้ยเฟย เพียงได้ยินเกี่ยวกับอาการป่วยบางส่วนเท่านั้นอย่างไรก็ตาม แม้กุ้ยเฟยจะเป็นคนอารมณ์ร้อน ชาติก่อนกลับมิได้ปฏิบัติไม่ดีต่อนาง ยิ่งภายหลังยังได้ช่วยดูแลนางอยู่บ้างด้วยถือได้ว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในวังหลังที่ดีต่อนาง นางยังคงจดจำอยู่เสมอ หากจะให้นางรักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟย นางก็เต็มใจอย่างยิ่งหากสามารถช่วยกุ้ยเฟยได้ ทั้งสามา
คิดจะใช้ร่างกายของตน สุขภาพของตน ไปแลกกับความอาทรของบุรุษผู้หนึ่ง ช่างเป็นเรื่องที่โง่เขลาที่สุดดวงตาเรียวยาวของเซียวเฉินเหยี่ยนเต็มไปด้วยความขุ่นหมอง คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย“เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับหว่านหรง ยามนั้นนางไม่ได้สติ ตัวข้าก็เอาความนักพรตให้เจ้าแล้ว ขับไล่เขาออกไปแล้ว และไม่อาจเป็นนักพรตได้อีก ยังไม่พออีกหรือ?”น้ำเสียงของเสิ่นหรูโจวเยาะหยันว่า “ตัวข้าถือได้ว่ามองออกแล้ว ไม่ว่ามู่หว่านหรงจะแต่งเรื่องที่เหลือเชื่อเพียงใดออกมา แม้แต่เรื่องที่ชะตาชีวิตเหมือนกันพวกนี้ท่านก็เชื่อโดยไม่สงสัย พวกท่านคนหนึ่งโง่งมอีกคนชั่วร้าย ช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน” เห็นได้ชัดว่ามู่หว่านหรงแสร้งป่วย ดังนั้นไม่ว่าจะดื่มเลือดของใครก็ไม่สำคัญ เขากลับยืนกรานจะคิดว่าเป็นเพราะมีชะตาเดียวกัน…เหอะ มีเรื่องที่บังเอิญเช่นนี้ด้วยหรือ มีคนที่มีดวงชะตาเหมือนกันอยู่ในจวนอ๋องถึงสองคน?เขาขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ยากนักที่จะเป็นฝ่ายมาหานางด้วยตัวเองสักครั้ง นางก็จะแสดงท่าทีเช่นนี้หรือ?“อะไรคือ หมายความว่าอย่างไร?” เสิ่นหรูโจวไม่คิดจะสนใจเขา ชาติก่อนหลังจากนางคิดตกแล้วก็ไร
บนใบหน้าอันงดงามของเสิ่นหรูโจวมีแววเยาะหยันวาบผ่าน กล่าวอย่างเย็นชาว่า“ได้ ท่านมีเหตุผล ข้าไปเอง” กล่าวจบ นางก็หันกายจากไปด้วยสีหน้าไม่แยแสเซียวเฉินเหยี่ยนกัดฟัน พลันจับมือของนางไว้อย่างกะทันหันเสิ่นหรูโจวพลันหยุดชะงักอยู่กับที่ มองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรและกล่าวว่า “อย่างไรกัน ท่านยังคิดจะลงมือด้วย?”เซียวเฉินเหยี่ยนมองดวงหน้าอันพิลาสล้ำของเสิ่นหรูโจว ในดวงตางดงามอย่างยิ่งนั้นไม่มีความอ่อนโยนอยู่แม้แต่น้อย ที่มีล้วนแต่เป็นความเย็นชาและแม้กระทั่งความรังเกียจความรู้สึกเจ็บจี๊ดชนิดหนึ่งแผ่ซ่านขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ไปจุกอยู่ที่ลำคอของเขา เกิดเป็นอาการเจ็บแปลบปลาบเขาอยากหาร่องรอยในอดีตบนใบหน้านางแม้เพียงเล็กน้อย ทว่าทั้งหมดที่เขามองเห็นมีเพียงความเย็นชาเท่านั้นเมื่อก่อนนั้น ทั้งนัยน์ตาและหัวใจของนางล้วนมีแต่เขา ไม่ลังเลที่จะใช้เล่ห์อุบายทุกวิถีทางเพื่อใกล้ชิดเขา บัดนี้ เขามาแล้ว แต่นางกลับปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชา กีดกันเขาออกไปความแตกต่างนี้ ถึงกับทำให้เขารู้สึกแย่อย่างยิ่ง อึดอัดนัก! เขาถึงกับเกิดความรู้สึกคาดหวังที่บรรยายไม่ถูกชนิดหนึ่ง หวังที่จะถูกเสิ่นหรูโจวดึงดูดคว