เมี่ยวตงเห็นว่าคุณหนูของตนแม้แต่ท่านหญิงที่ร้ายกาจผู้นั้นก็จัดการได้ ในใจก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่งนางไม่ต้องเป็นห่วงว่าคุณหนูจะถูกคนรังแกอีกแล้ว!มู่หว่านหรงมองเงาหลังที่เดินจากไปของเจียหนิงอย่างลนลาน ในใจราวถูกเปลวไฟเผาผลาญเดิมคิดจะหลอกใช้เจียหนิงให้ฆ่าเสิ่นหรูโจว เวลานี้กลับทำให้เจียหนิงมาสงสัยนางเสียเอง“นางหันกลับมา กล่าวด้วยใบหน้าดุร้ายและน้ำเสียงอำมหิตว่า “เสิ่นหรูโจว เจ้าถึงกลับกล้าเอาเลือดของหลิงเฟิงมาหลอกลวงข้า”“หลอกลวงเจ้าแล้วอย่างไร?” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเย้ยหยัน มองไปยังหลิงเฟิงที่อยู่บนพื้นในสภาพน่าอนาถอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ข้าเพียงทำต่อก็เท่านั้น”“นังสารเลว!” มู่หว่านหรงโมโหอย่างยิ่ง พุ่งเข้าหาเสิ่นหรูโจวดวงตาของเสิ่นหรูโจวแข็งกร้าวขึ้นมา พลันยกมือขึ้นมาตบหน้านางไปสองครั้งอย่างรุนแรง มู่หว่านหรงเจ็บจนร้องเสียงดัง กุมใบหน้าถลึงตาใส่เสิ่นหรูโจวอย่างโมโห “เจ้า!”“มู่หว่านหรง ข้าเคยบอกแล้ว หากกล้ามาหาเรื่องข้า เจ้าจะต้องเผชิญกับจุดจบที่น่าอนาถ” มุมปากของเสิ่นหรูโจวโค้งเป็นรอยยิ้มหยัน ดวงตาเฉิดฉันหนาวเหน็บราวหิมะ น้ำเสียงเหี้ยมเกรียม“พาสาวใช้ของเจ
เสิ่นหรูโจวหันมองไป เห็นพิราบสื่อสารตัวหนึ่งร่อนลงบนกรอบหน้าต่าง กำลังเอียงคอมองนางดวงตาของนางสว่างขึ้นมา รีบเดินเข้าไป ปลดจดหมายบนขานกพิราบลงมาบนจดหมายไม่มีการลงนาม แต่นางรู้ว่านี่มาจากจวนอุปราชเนื้อหาโดยรวมในจดหมาย บอกให้นางเข้าวังในอีกสองวันข้างหน้าเพื่อตรวจอาการป่วยให้กุ้ยเฟย นางยิ้มน้อยๆ รู้ว่าเป่ยซิวเยี่ยนกำลังมอบโอกาสให้นาง คิดจะทดสอบความสามารถของนางแล้วแต่เมื่อพูดถึงอาการป่วยของกุ้ยเฟยขึ้นมา ก็ทำให้รู้สึกปวดหัวจริงๆได้ยินว่ากุ้ยเฟยเป็นโรคประหลาด ท้องป่องขึ้นมาอย่างมาก หมอหลวงบอกว่าตั้งครรภ์แล้ว ทว่าเวลาผ่านไปก็ยังไม่คลอดสักที หมอจำนวนมากล้วนจนปัญญาชาติก่อนตัวนางในเวลานั้นทักษะทางการแพทย์ไม่ดีนัก และไม่มีโอกาสรู้ถึงรายละเอียดเรื่องโรคของกุ้ยเฟย เพียงได้ยินเกี่ยวกับอาการป่วยบางส่วนเท่านั้นอย่างไรก็ตาม แม้กุ้ยเฟยจะเป็นคนอารมณ์ร้อน ชาติก่อนกลับมิได้ปฏิบัติไม่ดีต่อนาง ยิ่งภายหลังยังได้ช่วยดูแลนางอยู่บ้างด้วยถือได้ว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในวังหลังที่ดีต่อนาง นางยังคงจดจำอยู่เสมอ หากจะให้นางรักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟย นางก็เต็มใจอย่างยิ่งหากสามารถช่วยกุ้ยเฟยได้ ทั้งสามา
คิดจะใช้ร่างกายของตน สุขภาพของตน ไปแลกกับความอาทรของบุรุษผู้หนึ่ง ช่างเป็นเรื่องที่โง่เขลาที่สุดดวงตาเรียวยาวของเซียวเฉินเหยี่ยนเต็มไปด้วยความขุ่นหมอง คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย“เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับหว่านหรง ยามนั้นนางไม่ได้สติ ตัวข้าก็เอาความนักพรตให้เจ้าแล้ว ขับไล่เขาออกไปแล้ว และไม่อาจเป็นนักพรตได้อีก ยังไม่พออีกหรือ?”น้ำเสียงของเสิ่นหรูโจวเยาะหยันว่า “ตัวข้าถือได้ว่ามองออกแล้ว ไม่ว่ามู่หว่านหรงจะแต่งเรื่องที่เหลือเชื่อเพียงใดออกมา แม้แต่เรื่องที่ชะตาชีวิตเหมือนกันพวกนี้ท่านก็เชื่อโดยไม่สงสัย พวกท่านคนหนึ่งโง่งมอีกคนชั่วร้าย ช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน” เห็นได้ชัดว่ามู่หว่านหรงแสร้งป่วย ดังนั้นไม่ว่าจะดื่มเลือดของใครก็ไม่สำคัญ เขากลับยืนกรานจะคิดว่าเป็นเพราะมีชะตาเดียวกัน…เหอะ มีเรื่องที่บังเอิญเช่นนี้ด้วยหรือ มีคนที่มีดวงชะตาเหมือนกันอยู่ในจวนอ๋องถึงสองคน?เขาขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ยากนักที่จะเป็นฝ่ายมาหานางด้วยตัวเองสักครั้ง นางก็จะแสดงท่าทีเช่นนี้หรือ?“อะไรคือ หมายความว่าอย่างไร?” เสิ่นหรูโจวไม่คิดจะสนใจเขา ชาติก่อนหลังจากนางคิดตกแล้วก็ไร
บนใบหน้าอันงดงามของเสิ่นหรูโจวมีแววเยาะหยันวาบผ่าน กล่าวอย่างเย็นชาว่า“ได้ ท่านมีเหตุผล ข้าไปเอง” กล่าวจบ นางก็หันกายจากไปด้วยสีหน้าไม่แยแสเซียวเฉินเหยี่ยนกัดฟัน พลันจับมือของนางไว้อย่างกะทันหันเสิ่นหรูโจวพลันหยุดชะงักอยู่กับที่ มองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรและกล่าวว่า “อย่างไรกัน ท่านยังคิดจะลงมือด้วย?”เซียวเฉินเหยี่ยนมองดวงหน้าอันพิลาสล้ำของเสิ่นหรูโจว ในดวงตางดงามอย่างยิ่งนั้นไม่มีความอ่อนโยนอยู่แม้แต่น้อย ที่มีล้วนแต่เป็นความเย็นชาและแม้กระทั่งความรังเกียจความรู้สึกเจ็บจี๊ดชนิดหนึ่งแผ่ซ่านขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ไปจุกอยู่ที่ลำคอของเขา เกิดเป็นอาการเจ็บแปลบปลาบเขาอยากหาร่องรอยในอดีตบนใบหน้านางแม้เพียงเล็กน้อย ทว่าทั้งหมดที่เขามองเห็นมีเพียงความเย็นชาเท่านั้นเมื่อก่อนนั้น ทั้งนัยน์ตาและหัวใจของนางล้วนมีแต่เขา ไม่ลังเลที่จะใช้เล่ห์อุบายทุกวิถีทางเพื่อใกล้ชิดเขา บัดนี้ เขามาแล้ว แต่นางกลับปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชา กีดกันเขาออกไปความแตกต่างนี้ ถึงกับทำให้เขารู้สึกแย่อย่างยิ่ง อึดอัดนัก! เขาถึงกับเกิดความรู้สึกคาดหวังที่บรรยายไม่ถูกชนิดหนึ่ง หวังที่จะถูกเสิ่นหรูโจวดึงดูดคว
“ชีวิตเมื่อก่อนสงบสุข เจ้าเชื่อฟังรู้ความ แม้บางครั้งจะน่ารำคาญอยู่บ้าง แต่กับข้าแล้วถือได้ว่ามีความซื่อสัตย์ภักดี ขอเพียงเจ้าสงบเสงี่ยมลงบ้าง ข้าก็จะดีต่อเจ้าเพิ่มขึ้นอีกสักเล็กน้อย” เสิ่นหรูโจวหันใบหน้ามาอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าซับซ้อน ในก้นบึ้งของดวงตามีความคาดไม่ถึงนางรู้สึกสงสัยในหูของตนอยู่บ้าง เป็นนางเสียสติไปแล้ว หรือเซียวเฉินเหยี่ยนเป็นบ้าไปแล้วกันแน่เซียวเฉินเหยี่ยนถึงกับบอกว่าจะใช้ชีวิตกับนางดีๆ?เหอะ ชาติที่แล้วนางกับเซียวเฉินเหยี่ยนเป็นสามีภรรยากันมาเจ็ดปี นางก็ไม่เคยมีชีวิตที่ดีสักวันเขาเกลียดนาง แค้นนาง ไม่เคยมีสีหน้าที่ดีให้นางสักวัน เห็นความจริงใจของนางเป็นสิ่งไร้ค่ายันต์ป้องกันภัยที่นางไปขอมาจากอารามด้วยตนเอง มอบให้เขาอย่างระมัดระวัง เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองสักครั้งก็โยนมันทิ้งไปโดยไม่ใส่ใจแล้วเขากลับมาจากด้านนอกอย่างเร่งร้อน นางวิ่งไปหาเขาด้วยความคาดหวัง แต่กลับถูกกันไว้ด้านนอก ได้แต่ยืนฟังเสียงเขาหัวเราะพูดคุยกับมู่หว่านหรงอยู่นอกห้องชาติก่อน นางคิดว่าจะต้องมีสักวันที่สามารถทำให้หัวใจที่เย็นชาดุจน้ำแข็งของเขาอุ่นขึ้นมาได้ แต่ต่อมาหลังจากที่เขาขึ้นครองราชย์
กล่าวจบ เขาก็จากไปด้วยความโมโหรอจนเขาจากไป เมี่ยวตรงก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วเมี่ยวตงได้ยินการโต้ตอบเมื่อครู่ของคนทั้งสองหมดแล้ว เมื่อได้ยินเซียวเฉินเหยี่ยนพูดว่าจะใช้ชีวิตร่วมกับคุณหนูดีๆ ในใจก็ดีใจอย่างมาก แต่ไม่รู้ว่าคุณหนูเป็นอะไรขึ้นมา จึงได้ทำให้คนโมโหจนจากไปแล้วนางเดินไปที่ข้างกายของเสิ่นหรูโจว กล่าวเสียงเบาว่า “คุณหนู ในที่สุดท่าทีที่ท่านอ๋องมีต่อท่านก็ดีขึ้นแล้ว และยังจะอยู่กับท่านอย่างปรองดองอีก เหตุใดท่านยังพูดว่าจะหย่าอีกล่ะเจ้าคะ?”เสิ่นหรูโจวพลิกสมุนไพรบนโต๊ะไปมา กล่าวด้วยใบหน้าเฉยเมยว่า “ตอนนี้ถึงรู้ว่าเมื่อก่อนข้าดียังไง? สายไปเสียแล้ว!”เมี่ยวตงถอนใจครั้งหนึ่ง เมื่อก่อนคุณหนูได้รับความไม่เป็นธรรมมากเพียงใด ตัวนางรู้ดีเป็นที่สุด ในใจคุณหนูยังโกรธอยู่ก็เป็นเรื่องธรรมดา คิดจะมากล่อมคุณหนูให้หายโกรธ จะง่ายดายเพียงนั้นได้อย่างไร?“แต่ท่านอ๋องบอกว่าให้ท่านทบทวนตัวเองอยู่ในเรือนนี้ นี่ไม่เท่ากับเป็นการกักบริเวณท่านหรือเจ้าคะ? นี่จะทำเช่นไรดี?”เสิ่นหรูโจวหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง “เหอะ เขาขังข้าไม่อยู่หรอก! ข้าจะย้ายออกไป”เมี่ยวตงประหลาดใจจนเบิกตากว้าง “คุณหนู ท่านจะ
วันรุ่งขึ้น เลยยามซื่อ [1] ไปแล้ว เซียวเฉินเหยี่ยนจึงได้ตื่นขึ้นมาหลายวันมานี้ เขาค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน รวมกับความปวดหัวในเรื่องของเสิ่นหรูโจว เมื่อคืนจึงนอนไม่หลับได้แต่พลิกตัวไปมา กระทั่งค่อนคืนให้หลังจึงได้หลับตาลงการนอนในครั้งนี้หลับไปอย่างสะลึมสะลือ เมื่อตื่นมาดวงอาทิตย์ก็สูงโด่งแล้วเขาอาบน้ำชำระกายไปรอบหนึ่ง ขณะกำลังรับประทานอาหารเช้า ก็มีเสียงฝีเท้าเร่งร้อนดังมาอย่างกะทันหันจวินอู่ก้าวเข้ามากล่าวอย่างร้อนใจว่า“ท่านอ๋อง พระชายาหาเรือนได้แล้ว ยามนี้กำลังย้ายของอยู่ขอรับ!”เซียวเฉินเหยี่ยนที่กำลังกินอาหารอยู่สีหน้าชะงักค้าง เพียงครู่เดียวก็สำลัก ไอออกมาอย่างรุนแรงจวินอู่รีบรินน้ำจอกหนึ่งส่งให้เขา เขารับน้ำมาดื่มลงไปอึกหนึ่ง ปรับลมหายใจนิ้วทั้งห้ารวบจอกชาแน่น โมโหเสียแทบจะบีบจนแตก ใบหน้าหล่อเหล่ามืดมนจนน่ากลัว ปากพึมพำคำทั้งสามนั้นอย่างโมโห“เสิ่นหรูโจว!”เพลิงโทสะพวยพุ่งขึ้น เขาเงื้อมือขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วกระแทกถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง ใบหน้าอันหล่อเหลาปรากฏความโกรธเกรี้ยวออกมา “สารเลว!”เดิมคิดว่าเสิ่นหรูโจวเพียงแค่แง่งอนเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะทำจ
“เสิ่นหรูโจว เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรม หากต้องการการชดเชย ข้าสามารถมอบให้เจ้าได้ แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าจะเอาแต่ใจตัวเองและก่อเรื่องได้! ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด ทางที่ดีเจ้าควรรู้จักหยุดในจุดที่ควร!”เสิ่นหรูโจวมองสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชาของเซียวเฉินเหยี่ยน รู้สึกเพียงว่าน่าขำทั้งชาติก่อนและชาตินี้ ความอยุติธรรมที่นางได้รับมานั้น มิใช่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ชดเชย? ชดเชยได้หมดหรือ!แม้เขาจะลองสัมผัสกับความทุกข์ทนทั้งหมดที่นางได้รับดูสักรอบ เจ็บปวดเหมือนที่นางเคยเป็น เคยตาย ก็ถือได้เพียงว่าเป็นการเสมอกัน ไม่อาจเรียกว่าการชดเชยด้วยซ้ำนางคร้านที่จะพัวพันกับเซียวเฉินเหยี่ยนอีก “พวกเราตอนนี้เป็นเพียงสามีภรรยาแต่เพียงในนามเท่านั้น เมื่อถึงเวลาก็แยกย้ายกันไป สิ่งที่ท่านต้องการข้าจะพยายามมอบให้ท่าน ไม่เช่นนั้น ก็อดทนรอจนถึงเวลานั้น แล้วท่านจะมาขวางข้าทำไม” ทองคำห้าแสนตำลึงที่เขาต้องการ นางจะคิดหาวิธีรวบรวมจนได้เองเซียวเฉินเหยี่ยนโมโหจนกลายเป็นหัวเราะ“สามีภรรยาแต่ในนาม? การแต่งงานครั้งนี้เป็นเจ้าที่ร้องขอ! ตอนนี้กลับมาร้องว่าจะไป เจ้าทิ้งทุกอย่างไปไม่สนใจ ถึงเวลาผู้คนรับรู้แล้วลื
เสิ่นหรูโจวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว ในเวลานี้ ความสามารถในการทำงานของตับของพระองค์ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวจิ่นซีก็คล้ายจะเจ็บยิ่งกว่าเดิมแล้ว เจ็บจนยืดเอวไม่ขึ้นมองเซียวจิ่นซีที่มีสีหน้าเจ็บปวด เซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นมีวิธีการรักษาหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวมิได้รีบกล่าว นางหยิบขวดยาเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาจากถุงผ้า เทยาลงบนในกลางฝ่ามือเม็ดหนึ่งยื่นไปที่เบื้องหน้าเซียวจิ่นซี “ทรงเสวยสิ่งนี้ลงไปก่อน” เซียวจิ่นซีฝืนยืดเอวขึ้น มองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าหวาดระแวง “นี่คือสิ่งใด?”“สายพระเนตรขององค์หญิงทรงไม่ดีหรือเพคะ นี่คือยาอย่างไรเล่าเพคะ”เซียวจิ่นซีไม่เชื่อว่าเสิ่นหรูโจวจะปรารถนาดีเช่นนี้ ลังเลอยู่นานไม่ยอมรับไปเสิ่นหรูโจวจึงชักมือกลับมา กล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “ไม่เสวยก็ช่างเถอะ ปล่อยให้ทรงปวดตายก็แล้วกัน” เซียวจิ่นซีกัดฟัน คว้าแย่งมาจากนั้นยัดเข้าปากไปเสิ่นหรูโจวโค้งริมฝีปาก หัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง จากนั้นจึงพูดวิธีการรักษาออกมา “ตับของพระองค์ยามนี้เสียหายแล้ว หากทรงต้องการมีชีวิตรอด ก็จะต้องตัดตับของพระองค์ออก
เซียวจิ่นซีคิดจะบันดาลโทสะอีกครั้ง ทว่าเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วมองนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสด็จพี่ แทนที่จะทรงตรัสสิ่งใดด้วยโทสะเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ มิสู้ทรงให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้พระองค์อย่างว่าง่ายดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ การรักษาพระวรกายให้หายดีสำคัญที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ"เต๋อเฟยก็เกลี้ยกล่อมเช่นกัน “นั่นสิ จิ่นซี อย่าได้เสียเวลาอีกเลย รีบให้หรูโจวตรวจให้เจ้าเถอะ” สุดท้ายแล้ว เซียวจิ่นซีก็ต้องการรักษาชีวิตตน ไม่ว่าจะเคียดแค้นเสิ่นหรูโจวอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะมาก่อเรื่อง นางจึงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีกเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปยังเสิ่นหรูโจว พูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นพระบัญชาของเสด็จพ่อ เจ้าก็อย่าได้เอาแต่ใจ” เดิมเสิ่นหรูโจวก็ไม่คิดจะจากไปจริงๆ เพียงแค่ขู่เซียวจิ่นซีไปอย่างนั้น บัญชาของฮ่องเต้ไม่อาจฝืน นอกจากนี้ นางก็จำเป็นจะต้องสร้างโอกาสให้ตนได้หย่าเช่นกันนางเดินกลับไปอย่างเรื่อยเฉื่อย นั่งลงข้างกายเซียวจิ่นซี “รบกวนองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ออกมาด้วยเพคะ” สีหน้าของเซียวจิ่นซีไม่น่ามอง ทว่ายังคงทำตามครั้งก่อนที่เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เซียวจิ
เมื่อเสิ่นหรูโจวได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยดูไปแล้ว จนถึงตอนนี้ยังคงถือได้ว่าราบรื่น ด่านเคราะห์ของท่านพ่ออยู่ที่การศึกครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าเวลานี้ยาของนางส่งไปถึงหรือยัง หากดูตามเวลาก็น่าจะทันการอยู่ขอเพียงท่านพ่อใช้ยาของนาง ก็จะไม่ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ในภายหลังแล้วนับแต่ได้ถือกำเนิดใหม่กลับมา นางยังมิได้พบท่านพ่อเลย นางจะต้องทำให้ท่านพ่อกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นว่าเมื่อนางได้ฟังข่าวของบิดาและพี่ชาย อารมณ์ก็คล้ายจะสงบลงไม่น้อย จึงลองกล่าวว่า “ในอนาคต เจ้ายังคงแก้นิสัยของเจ้าหน่อยเถิด” เสิ่นหรูโจวเงยหน้ามองเขา “นิสัยของข้าเป็นอย่างไร?”“ทุกครั้งที่เจ้าพบกับองค์หญิงเจาหยาง ล้วนมีเรื่องกันจนตึงเครียด” เซียวเฉินเหยี่ยนพยายามพูดอย่างละมุนละม่อม หวังว่านางจะรับฟัง “ถึงอย่างไรนางก็เป็นเสด็จพี่หญิงของข้า เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เจ้าก็แสดงท่าทีที่ดีสักหน่อย อย่าใช้อารมณ์ไปเสียทุกเรื่อง” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันทีหนึ่ง กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ท่านอย่าได้มาบงการข้า” บนใบหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนมีความไม่พอใจวาบผ่าน "หากเจ้ามีสิ่งใดไม่พอใจ อยาก
เริ่มจากชายแดนส่งข่าวด่วนมา บิดาและพี่ชายของเสิ่นหรูโจวจึงนำทัพไปช่วยที่ชายแดน ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป กลายเป็นฉากที่รายงานการรบถูกส่งมา ท่านแม่ทัพเสิ่นถูกธนูของศัตรูยิงทะลุมือ เนื่องจากขาดแคลนยาและสิ่งของทำให้ไม่มียารักษา ทว่าก็ยังคงรบชนะต่อมา หลังจากแม่ทัพใหญ่เสิ่นกลับมาถึงเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ก็ล้มป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด ส่วนที่จวนอ๋อง เสิ่นหรูโจวกับมู่หว่านหรงทะเลาะกันครั้ง เขาจึงลงโทษกักบริเวณให้นางสำนึกตน นางบังเอิญเป็นหวัดพอดี จึงนอนซมลุกไม่ขึ้น ทำให้ไม่รู้เรื่องที่ท่านแม่ทัพใหญ่เสิ่นได้รับบาดเจ็บผ่านไปไม่กี่วันเมื่อนางรู้ข่าว ก็มาขอร้องต่อหน้าเขา ต้องการให้เขาไปส่งของบำรุงจำนวนหนึ่งไปให้บิดา เขามองใบหน้าที่อ่อนแรงและซีดขาวของนาง ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย มองดูนางอย่างเย็นชาท้ายที่สุดเขายังคงให้คนไปส่งของ ทว่าเด็กรับใช้ส่งไปในนามของเขา รอจนพวกเขารู้เรื่อง เรื่องราวก็ผ่านไปนานแล้ว ความสัมพันธ์ของเสิ่นหรูโจวและตระกูลเสิ่นก็มาถึงจุดเยือกแข็งแล้วเช่นกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่นางปวดใจอย่างที่สุด และก็เป็นครั้งแรกที่นางใส่อารมณ์กับเขา ดั่งเช่นในยามนี้เซียวเฉิยเหยี่ยนยันรถม้าไว้
สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่ามองอยู่บ้าง “หรือเจ้าจะให้ข้ายืนรอเจ้าอยู่ด้านนอก?”“ท่านจะนั่งยองลงก็ได้เช่นกัน” ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าขอบอกท่านไว้เลย เวลานี้ไม่ว่าข้าจะมองท่านที่ใดก็ขัดตาไปหมด หากท่านไม่ต้องการสร้างความอับอายให้ตนเอง ก็อย่าได้มายั่วโมโหข้า!”กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินเข้าประตูไป จากนั้นปิดประตูลงดัง ‘ปัง’เซียวเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม เขากำหมัดแน่นมองประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิท เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ทว่าในใจก็เกิดความรู้สึกถึงความแตกต่างขึ้นมาเช่นกันในอดีต ทั้งดวงตาและหัวใจของเสิ่นหรูโจวล้วนมีแต่เขา ไม่มีทางกีดกันเขาไว้ภายนอกอย่างเด็ดขาด ทว่า ในยามนี้ เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะเหยียบเข้าประตูเรือนของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?ทว่า ความรู้สึกของคนเปลี่ยนแปลงได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เหตุใดเขาจึงโชคไม่ดีเช่นนี้ แต่งงานได้เพียงช่วงสั้นๆ สิบกว่าวัน นางก็ไม่หลงเหลือความรักให้เขาแล้วหลังเสิ่นหรูโจวปิดประตูลง ก็เข้าสู่ห้องของตนเมี่ยวตงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านอยากทานสิ่งใด บ่าวจะไปเตรียมให้เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องแล้
ชาติก่อนมู่หว่านหรงอาศัยว่าได้รับความโปรดปราน มักแย่งของนางอย่างเปิดเผย ของพระราชทานที่ในวังประทานให้ชายาเอกทุกงานเทศกาลนางก็จะแย่ง ไปช่วยเหลือราษฎรจนสร้างผลงาน นางก็จะแย่งอีก เซียวเฉินเหยี่ยนไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย เวลานี้ยิ่งดี แม้แต่ตัวเขาเองก็จะมาแย่งรางวัลของนางด้วย!เซียวเฉินเหยี่ยนถูกคำพูดของเสิ่นหรูโจวซัดไปเป็นชุด ทำให้ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างเขาจับข้อมือเสิ่นหรูโจวแน่นไม่ยอมปล่อย ความโมโหในก้นบึ้งของดวงตาปรากฏขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด จับจ้องไปที่เสิ่นหรูโจวแล้วกล่าวว่า “หากข้าไม่ชิงลงมือก่อนเจ้าก้าวหนึ่ง เจ้าก็คงจะไปขอให้เสด็จพ่อประทานการหย่าให้แล้ว” “ไม่ผิด!” เสิ่นหรูโจวตอบอย่างไม่ลังเลนี่เป็นเรื่องที่นางเฝ้าปรารถนา รอคอยมาสองชาติ!“เจ้า…" เซียวเฉินเหยี่ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อนนับหมื่นอัดอั้นอยู่ในอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก”โดยพื้นฐานแล้ว เขาดูแคลนต่อการแย่งผลงานสตรี ที่ทำเช่นนี้ ประการแรก เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นของมู่หว่านชิง ประการที่สอง…เขาคิดได้ว่า เสิ่นหรูโจวจะใช้คำสัญญานี้มาหย่ากับเขา เขารู้สึกไม่อยากห
ฉินหมิงตะลึงไป ถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านอ๋องไม่เป็นอะไร? คำพูดนี้ของนายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”ลู่หวายหนิงดึงฉินหมิงเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด พยายามระงับความตื่นเต้น ลดเสียงเบาลงแล้วกล่าวว่า “ความหมายก็คือบนร่างของอาจารย์ไม่มีผื่นขึ้น อาจารย์อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบตอนอยู่กับพี่สาวน่ะสิ” ดวงตาทั้งคู่ของฉินหมิงเบิกกว้าง พูดอย่างตกใจว่า “จริงหรือขอรับ?”ลู่หวายหนิงหัวเราะออกมา “จริงแท้แน่นอน ข้าทำการยืนยันแล้ว” ฉินหมิงรู้สึกไม่อยากเชื่อ “หลายปีมานี้ ไม่ว่าสตรีนางใดสัมผัสท่านอ๋อง ก็ล้วนทำให้ท่านอ๋องเกินอาการแพ้ มีเพียงหญิงที่นายท่านพบในปีที่แล้วนางนั้นที่ไม่เป็นไร” “พูดไปแล้ว ตามหาสตรีนางนั้นไม่เจอเสียที ช่างน่าเสียดายนัก คิดไม่ถึงว่าพระชายาของอ๋องอู่เฉิงก็ไม่ทำให้นายท่านเกิดอาการแพ้เช่นกัน ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ราวสวรรค์ได้สรรค์สร้างมา” “นั่นสิ!” ลู่หวายหนิงเห็นด้วยอย่างมาก “อาจารย์หาผู้หญิงคนนั้นไม่เจอสักที อย่างนั้นพี่สาวก็เป็นคู่ชะตาที่สวรรค์ลิขิตมาให้อาจารย์แล้ว! ถ้าพวกเขามาอยู่ด้วยกันเร็วหน่อยก็ดี ข้าแทบรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว!”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นก็รีบส่ายหน้าอย่างรุนแรงทันที “
ในขณะที่พูด เขาก็ยื่นศีรษะเข้าไป มองซ้ายมองขวาเป่ยซิวเยี่ยนยื่นมือออกไปผลักหัวของเขาเบาๆ “ไม่ต้องดูแล้ว ไม่มีหรอก” ลู่หวายหนิงตกใจอย่างมาก ดวงตาเบิกจนกลมโตมองไปที่เป่ยซิวเยี่ยนบนใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของเป่ยซิวเยี่ยน ก็มีความประหลาดใจอยู่อย่างเลือนรางเช่นกันลู่หวายหนิงยังคงรู้สึกไม่ยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง จึงทำการยืนยันอีกครั้ง “อาจารย์ขอรับ เมื่อครู่พี่สาวสัมผัสถูกท่านแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?” เป่ยซิวเยี่ยนเอนกายไปด้านหลัง พิงลงบนพนักเก้าอี้ ดวงตาล้ำลึกดุจบึงน้ำอันเยือกเย็นหรี่ลงเล็กน้อยเรื่องที่เขาเป็นภูมิแพ้ผู้หญิงมีน้อยคนนักที่จะรู้ เมื่อครู่คิดจะหยุดนางเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง แต่กลับทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปกุมมือของนางเข้าโดยบังเอิญ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจว่าอีกครู่อาการของตนต้องกำเริบ จึงปล่อยให้นางเปลี่ยนยาให้ตนเสียเลย คิดไม่ถึงว่า จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรอาการคันชาบริเวณเอวคล้ายจะยังไม่จางหายไป ปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยตกลงบนหน้าท้องของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับการยั่วเย้า เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่หวายหนิงร้อ
เป่ยซิวเยี่ยนมองดวงหน้าที่งดงามดั่งหยกของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างน่าประหลาด “ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีทางผิดคำสัญญา เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน”เสิ่นหรูโจวพลันหัวเราะออกมาแล้ว มองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างซาบซึ้ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านเป็นคนดีจริงๆ ข้าจะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาท่านให้ได้แน่” ไม่ว่าในชาติก่อนเขาจะก่อกบฏ เพราะเหตุใด เหตุใดจึงถูกคนขนานนามว่าเป็นพญามัจจุราชที่มีชีวิต แต่สำหรับนางแล้ว เขาก็คือคนดีคนหนึ่งเป่ยซิวเยี่ยนตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แย้มบานราวบุปผาของนาง ริมฝีปากบางก็อดโค้งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน “คำชมของพระชายาช่างแปลกใหม่เหลือเกิน” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดว่าเขาเป็นคนดีแปลกใหม่? แปลกใหม่ตรงที่ใดกัน?เสิ่นหรูโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าบาดแผลของเขาได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจึงถือกล่องยาขึ้นมา“ท่านผู้สำเร็จราชการ สองสามวันนี้บาดแผลของท่านกำลังสมานตัว จะคันอย่างมาก เพียงระวังอย่าไปเกาก็จะหายดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ รอจนเสิ่