“ท่านหญิงลองคิดดูว่า เหตุใดมู่หว่านหรงจึงต้องแสร้งป่วย? นั่นก็เพื่อให้ร่างกายของข้าได้รับความเสียหาย อ่อนแออย่างรุนแรง ในเวลานี้ ค่อยให้คนมาสังหารข้า มิใช่ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากหรือ เช่นนี้ก็สามารถเอาชีวิตข้าได้แล้ว”“แต่นางยังรู้สึกว่าไม่พออีก เพื่อรับประกันว่าเรื่องราวไร้ความผิดพลาด ก็ปล่อยข่าวลือว่าข้ามีทักษะทางการแพทย์สูงส่งเพื่อหลอกล่อฉินอวี่มาอีก” “ในวันที่ฉินอวี่มานั้น ก็ส่งมือส่งมือสังหารมา ต่อให้มือสังหารไม่อาจฆ่าข้า นางก็สามารถลงมือกับฉินอวี่ได้ ไม่ว่าจะเป็นนางผลักฉินอวี่ไปบังดาบ หรือสาวใช้ของนางเป็นผู้ผลัก ขอเพียงฉินอวี่ตายไป ข้าก็จะกลายเป็นคนผิด จำต้องชดใช้ชีวิตเช่นเดียวกัน” “เชื่อว่าเมื่อวานท่านหญิงก็ได้เห็นแล้วเช่นเดียวกัน หากมิใช่ข้าพยายามช่วยชีวิตฉินอวี่อย่างสุดกำลังของตน ยามนี้ เกรงว่าคงจะติดกับดักของนางไปแล้ว” “ท่านใส่ร้ายคน!” มู่หว่านหรงตะคอกเสียงดัง จากนั้นก็รีบกล่าวกับเจียหนิงว่า “ท่านหญิงอย่าได้ฟังนางพูดเหลวไหล นักฆ่าพวกนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับข้าจริงๆ!”เจียหนิงตะลึงไปเล็กน้อย ขมวดคิ้วกล่าวกับมู่หว่านหรงว่า “เช่นนั้น เรื่องที่เจ้าแสร้งป่วยจะอธิบายอย่าง
เมี่ยวตงเห็นว่าคุณหนูของตนแม้แต่ท่านหญิงที่ร้ายกาจผู้นั้นก็จัดการได้ ในใจก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่งนางไม่ต้องเป็นห่วงว่าคุณหนูจะถูกคนรังแกอีกแล้ว!มู่หว่านหรงมองเงาหลังที่เดินจากไปของเจียหนิงอย่างลนลาน ในใจราวถูกเปลวไฟเผาผลาญเดิมคิดจะหลอกใช้เจียหนิงให้ฆ่าเสิ่นหรูโจว เวลานี้กลับทำให้เจียหนิงมาสงสัยนางเสียเอง“นางหันกลับมา กล่าวด้วยใบหน้าดุร้ายและน้ำเสียงอำมหิตว่า “เสิ่นหรูโจว เจ้าถึงกลับกล้าเอาเลือดของหลิงเฟิงมาหลอกลวงข้า”“หลอกลวงเจ้าแล้วอย่างไร?” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเย้ยหยัน มองไปยังหลิงเฟิงที่อยู่บนพื้นในสภาพน่าอนาถอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ข้าเพียงทำต่อก็เท่านั้น”“นังสารเลว!” มู่หว่านหรงโมโหอย่างยิ่ง พุ่งเข้าหาเสิ่นหรูโจวดวงตาของเสิ่นหรูโจวแข็งกร้าวขึ้นมา พลันยกมือขึ้นมาตบหน้านางไปสองครั้งอย่างรุนแรง มู่หว่านหรงเจ็บจนร้องเสียงดัง กุมใบหน้าถลึงตาใส่เสิ่นหรูโจวอย่างโมโห “เจ้า!”“มู่หว่านหรง ข้าเคยบอกแล้ว หากกล้ามาหาเรื่องข้า เจ้าจะต้องเผชิญกับจุดจบที่น่าอนาถ” มุมปากของเสิ่นหรูโจวโค้งเป็นรอยยิ้มหยัน ดวงตาเฉิดฉันหนาวเหน็บราวหิมะ น้ำเสียงเหี้ยมเกรียม“พาสาวใช้ของเจ
เสิ่นหรูโจวหันมองไป เห็นพิราบสื่อสารตัวหนึ่งร่อนลงบนกรอบหน้าต่าง กำลังเอียงคอมองนางดวงตาของนางสว่างขึ้นมา รีบเดินเข้าไป ปลดจดหมายบนขานกพิราบลงมาบนจดหมายไม่มีการลงนาม แต่นางรู้ว่านี่มาจากจวนอุปราชเนื้อหาโดยรวมในจดหมาย บอกให้นางเข้าวังในอีกสองวันข้างหน้าเพื่อตรวจอาการป่วยให้กุ้ยเฟย นางยิ้มน้อยๆ รู้ว่าเป่ยซิวเยี่ยนกำลังมอบโอกาสให้นาง คิดจะทดสอบความสามารถของนางแล้วแต่เมื่อพูดถึงอาการป่วยของกุ้ยเฟยขึ้นมา ก็ทำให้รู้สึกปวดหัวจริงๆได้ยินว่ากุ้ยเฟยเป็นโรคประหลาด ท้องป่องขึ้นมาอย่างมาก หมอหลวงบอกว่าตั้งครรภ์แล้ว ทว่าเวลาผ่านไปก็ยังไม่คลอดสักที หมอจำนวนมากล้วนจนปัญญาชาติก่อนตัวนางในเวลานั้นทักษะทางการแพทย์ไม่ดีนัก และไม่มีโอกาสรู้ถึงรายละเอียดเรื่องโรคของกุ้ยเฟย เพียงได้ยินเกี่ยวกับอาการป่วยบางส่วนเท่านั้นอย่างไรก็ตาม แม้กุ้ยเฟยจะเป็นคนอารมณ์ร้อน ชาติก่อนกลับมิได้ปฏิบัติไม่ดีต่อนาง ยิ่งภายหลังยังได้ช่วยดูแลนางอยู่บ้างด้วยถือได้ว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในวังหลังที่ดีต่อนาง นางยังคงจดจำอยู่เสมอ หากจะให้นางรักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟย นางก็เต็มใจอย่างยิ่งหากสามารถช่วยกุ้ยเฟยได้ ทั้งสามา
คิดจะใช้ร่างกายของตน สุขภาพของตน ไปแลกกับความอาทรของบุรุษผู้หนึ่ง ช่างเป็นเรื่องที่โง่เขลาที่สุดดวงตาเรียวยาวของเซียวเฉินเหยี่ยนเต็มไปด้วยความขุ่นหมอง คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย“เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับหว่านหรง ยามนั้นนางไม่ได้สติ ตัวข้าก็เอาความนักพรตให้เจ้าแล้ว ขับไล่เขาออกไปแล้ว และไม่อาจเป็นนักพรตได้อีก ยังไม่พออีกหรือ?”น้ำเสียงของเสิ่นหรูโจวเยาะหยันว่า “ตัวข้าถือได้ว่ามองออกแล้ว ไม่ว่ามู่หว่านหรงจะแต่งเรื่องที่เหลือเชื่อเพียงใดออกมา แม้แต่เรื่องที่ชะตาชีวิตเหมือนกันพวกนี้ท่านก็เชื่อโดยไม่สงสัย พวกท่านคนหนึ่งโง่งมอีกคนชั่วร้าย ช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน” เห็นได้ชัดว่ามู่หว่านหรงแสร้งป่วย ดังนั้นไม่ว่าจะดื่มเลือดของใครก็ไม่สำคัญ เขากลับยืนกรานจะคิดว่าเป็นเพราะมีชะตาเดียวกัน…เหอะ มีเรื่องที่บังเอิญเช่นนี้ด้วยหรือ มีคนที่มีดวงชะตาเหมือนกันอยู่ในจวนอ๋องถึงสองคน?เขาขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ยากนักที่จะเป็นฝ่ายมาหานางด้วยตัวเองสักครั้ง นางก็จะแสดงท่าทีเช่นนี้หรือ?“อะไรคือ หมายความว่าอย่างไร?” เสิ่นหรูโจวไม่คิดจะสนใจเขา ชาติก่อนหลังจากนางคิดตกแล้วก็ไร
บนใบหน้าอันงดงามของเสิ่นหรูโจวมีแววเยาะหยันวาบผ่าน กล่าวอย่างเย็นชาว่า“ได้ ท่านมีเหตุผล ข้าไปเอง” กล่าวจบ นางก็หันกายจากไปด้วยสีหน้าไม่แยแสเซียวเฉินเหยี่ยนกัดฟัน พลันจับมือของนางไว้อย่างกะทันหันเสิ่นหรูโจวพลันหยุดชะงักอยู่กับที่ มองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรและกล่าวว่า “อย่างไรกัน ท่านยังคิดจะลงมือด้วย?”เซียวเฉินเหยี่ยนมองดวงหน้าอันพิลาสล้ำของเสิ่นหรูโจว ในดวงตางดงามอย่างยิ่งนั้นไม่มีความอ่อนโยนอยู่แม้แต่น้อย ที่มีล้วนแต่เป็นความเย็นชาและแม้กระทั่งความรังเกียจความรู้สึกเจ็บจี๊ดชนิดหนึ่งแผ่ซ่านขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ไปจุกอยู่ที่ลำคอของเขา เกิดเป็นอาการเจ็บแปลบปลาบเขาอยากหาร่องรอยในอดีตบนใบหน้านางแม้เพียงเล็กน้อย ทว่าทั้งหมดที่เขามองเห็นมีเพียงความเย็นชาเท่านั้นเมื่อก่อนนั้น ทั้งนัยน์ตาและหัวใจของนางล้วนมีแต่เขา ไม่ลังเลที่จะใช้เล่ห์อุบายทุกวิถีทางเพื่อใกล้ชิดเขา บัดนี้ เขามาแล้ว แต่นางกลับปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชา กีดกันเขาออกไปความแตกต่างนี้ ถึงกับทำให้เขารู้สึกแย่อย่างยิ่ง อึดอัดนัก! เขาถึงกับเกิดความรู้สึกคาดหวังที่บรรยายไม่ถูกชนิดหนึ่ง หวังที่จะถูกเสิ่นหรูโจวดึงดูดคว
“ชีวิตเมื่อก่อนสงบสุข เจ้าเชื่อฟังรู้ความ แม้บางครั้งจะน่ารำคาญอยู่บ้าง แต่กับข้าแล้วถือได้ว่ามีความซื่อสัตย์ภักดี ขอเพียงเจ้าสงบเสงี่ยมลงบ้าง ข้าก็จะดีต่อเจ้าเพิ่มขึ้นอีกสักเล็กน้อย” เสิ่นหรูโจวหันใบหน้ามาอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าซับซ้อน ในก้นบึ้งของดวงตามีความคาดไม่ถึงนางรู้สึกสงสัยในหูของตนอยู่บ้าง เป็นนางเสียสติไปแล้ว หรือเซียวเฉินเหยี่ยนเป็นบ้าไปแล้วกันแน่เซียวเฉินเหยี่ยนถึงกับบอกว่าจะใช้ชีวิตกับนางดีๆ?เหอะ ชาติที่แล้วนางกับเซียวเฉินเหยี่ยนเป็นสามีภรรยากันมาเจ็ดปี นางก็ไม่เคยมีชีวิตที่ดีสักวันเขาเกลียดนาง แค้นนาง ไม่เคยมีสีหน้าที่ดีให้นางสักวัน เห็นความจริงใจของนางเป็นสิ่งไร้ค่ายันต์ป้องกันภัยที่นางไปขอมาจากอารามด้วยตนเอง มอบให้เขาอย่างระมัดระวัง เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองสักครั้งก็โยนมันทิ้งไปโดยไม่ใส่ใจแล้วเขากลับมาจากด้านนอกอย่างเร่งร้อน นางวิ่งไปหาเขาด้วยความคาดหวัง แต่กลับถูกกันไว้ด้านนอก ได้แต่ยืนฟังเสียงเขาหัวเราะพูดคุยกับมู่หว่านหรงอยู่นอกห้องชาติก่อน นางคิดว่าจะต้องมีสักวันที่สามารถทำให้หัวใจที่เย็นชาดุจน้ำแข็งของเขาอุ่นขึ้นมาได้ แต่ต่อมาหลังจากที่เขาขึ้นครองราชย์
กล่าวจบ เขาก็จากไปด้วยความโมโหรอจนเขาจากไป เมี่ยวตรงก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วเมี่ยวตงได้ยินการโต้ตอบเมื่อครู่ของคนทั้งสองหมดแล้ว เมื่อได้ยินเซียวเฉินเหยี่ยนพูดว่าจะใช้ชีวิตร่วมกับคุณหนูดีๆ ในใจก็ดีใจอย่างมาก แต่ไม่รู้ว่าคุณหนูเป็นอะไรขึ้นมา จึงได้ทำให้คนโมโหจนจากไปแล้วนางเดินไปที่ข้างกายของเสิ่นหรูโจว กล่าวเสียงเบาว่า “คุณหนู ในที่สุดท่าทีที่ท่านอ๋องมีต่อท่านก็ดีขึ้นแล้ว และยังจะอยู่กับท่านอย่างปรองดองอีก เหตุใดท่านยังพูดว่าจะหย่าอีกล่ะเจ้าคะ?”เสิ่นหรูโจวพลิกสมุนไพรบนโต๊ะไปมา กล่าวด้วยใบหน้าเฉยเมยว่า “ตอนนี้ถึงรู้ว่าเมื่อก่อนข้าดียังไง? สายไปเสียแล้ว!”เมี่ยวตงถอนใจครั้งหนึ่ง เมื่อก่อนคุณหนูได้รับความไม่เป็นธรรมมากเพียงใด ตัวนางรู้ดีเป็นที่สุด ในใจคุณหนูยังโกรธอยู่ก็เป็นเรื่องธรรมดา คิดจะมากล่อมคุณหนูให้หายโกรธ จะง่ายดายเพียงนั้นได้อย่างไร?“แต่ท่านอ๋องบอกว่าให้ท่านทบทวนตัวเองอยู่ในเรือนนี้ นี่ไม่เท่ากับเป็นการกักบริเวณท่านหรือเจ้าคะ? นี่จะทำเช่นไรดี?”เสิ่นหรูโจวหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง “เหอะ เขาขังข้าไม่อยู่หรอก! ข้าจะย้ายออกไป”เมี่ยวตงประหลาดใจจนเบิกตากว้าง “คุณหนู ท่านจะ
วันรุ่งขึ้น เลยยามซื่อ [1] ไปแล้ว เซียวเฉินเหยี่ยนจึงได้ตื่นขึ้นมาหลายวันมานี้ เขาค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน รวมกับความปวดหัวในเรื่องของเสิ่นหรูโจว เมื่อคืนจึงนอนไม่หลับได้แต่พลิกตัวไปมา กระทั่งค่อนคืนให้หลังจึงได้หลับตาลงการนอนในครั้งนี้หลับไปอย่างสะลึมสะลือ เมื่อตื่นมาดวงอาทิตย์ก็สูงโด่งแล้วเขาอาบน้ำชำระกายไปรอบหนึ่ง ขณะกำลังรับประทานอาหารเช้า ก็มีเสียงฝีเท้าเร่งร้อนดังมาอย่างกะทันหันจวินอู่ก้าวเข้ามากล่าวอย่างร้อนใจว่า“ท่านอ๋อง พระชายาหาเรือนได้แล้ว ยามนี้กำลังย้ายของอยู่ขอรับ!”เซียวเฉินเหยี่ยนที่กำลังกินอาหารอยู่สีหน้าชะงักค้าง เพียงครู่เดียวก็สำลัก ไอออกมาอย่างรุนแรงจวินอู่รีบรินน้ำจอกหนึ่งส่งให้เขา เขารับน้ำมาดื่มลงไปอึกหนึ่ง ปรับลมหายใจนิ้วทั้งห้ารวบจอกชาแน่น โมโหเสียแทบจะบีบจนแตก ใบหน้าหล่อเหล่ามืดมนจนน่ากลัว ปากพึมพำคำทั้งสามนั้นอย่างโมโห“เสิ่นหรูโจว!”เพลิงโทสะพวยพุ่งขึ้น เขาเงื้อมือขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วกระแทกถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง ใบหน้าอันหล่อเหลาปรากฏความโกรธเกรี้ยวออกมา “สารเลว!”เดิมคิดว่าเสิ่นหรูโจวเพียงแค่แง่งอนเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะทำจ