“ชีวิตเมื่อก่อนสงบสุข เจ้าเชื่อฟังรู้ความ แม้บางครั้งจะน่ารำคาญอยู่บ้าง แต่กับข้าแล้วถือได้ว่ามีความซื่อสัตย์ภักดี ขอเพียงเจ้าสงบเสงี่ยมลงบ้าง ข้าก็จะดีต่อเจ้าเพิ่มขึ้นอีกสักเล็กน้อย” เสิ่นหรูโจวหันใบหน้ามาอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าซับซ้อน ในก้นบึ้งของดวงตามีความคาดไม่ถึงนางรู้สึกสงสัยในหูของตนอยู่บ้าง เป็นนางเสียสติไปแล้ว หรือเซียวเฉินเหยี่ยนเป็นบ้าไปแล้วกันแน่เซียวเฉินเหยี่ยนถึงกับบอกว่าจะใช้ชีวิตกับนางดีๆ?เหอะ ชาติที่แล้วนางกับเซียวเฉินเหยี่ยนเป็นสามีภรรยากันมาเจ็ดปี นางก็ไม่เคยมีชีวิตที่ดีสักวันเขาเกลียดนาง แค้นนาง ไม่เคยมีสีหน้าที่ดีให้นางสักวัน เห็นความจริงใจของนางเป็นสิ่งไร้ค่ายันต์ป้องกันภัยที่นางไปขอมาจากอารามด้วยตนเอง มอบให้เขาอย่างระมัดระวัง เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองสักครั้งก็โยนมันทิ้งไปโดยไม่ใส่ใจแล้วเขากลับมาจากด้านนอกอย่างเร่งร้อน นางวิ่งไปหาเขาด้วยความคาดหวัง แต่กลับถูกกันไว้ด้านนอก ได้แต่ยืนฟังเสียงเขาหัวเราะพูดคุยกับมู่หว่านหรงอยู่นอกห้องชาติก่อน นางคิดว่าจะต้องมีสักวันที่สามารถทำให้หัวใจที่เย็นชาดุจน้ำแข็งของเขาอุ่นขึ้นมาได้ แต่ต่อมาหลังจากที่เขาขึ้นครองราชย์
กล่าวจบ เขาก็จากไปด้วยความโมโหรอจนเขาจากไป เมี่ยวตรงก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วเมี่ยวตงได้ยินการโต้ตอบเมื่อครู่ของคนทั้งสองหมดแล้ว เมื่อได้ยินเซียวเฉินเหยี่ยนพูดว่าจะใช้ชีวิตร่วมกับคุณหนูดีๆ ในใจก็ดีใจอย่างมาก แต่ไม่รู้ว่าคุณหนูเป็นอะไรขึ้นมา จึงได้ทำให้คนโมโหจนจากไปแล้วนางเดินไปที่ข้างกายของเสิ่นหรูโจว กล่าวเสียงเบาว่า “คุณหนู ในที่สุดท่าทีที่ท่านอ๋องมีต่อท่านก็ดีขึ้นแล้ว และยังจะอยู่กับท่านอย่างปรองดองอีก เหตุใดท่านยังพูดว่าจะหย่าอีกล่ะเจ้าคะ?”เสิ่นหรูโจวพลิกสมุนไพรบนโต๊ะไปมา กล่าวด้วยใบหน้าเฉยเมยว่า “ตอนนี้ถึงรู้ว่าเมื่อก่อนข้าดียังไง? สายไปเสียแล้ว!”เมี่ยวตงถอนใจครั้งหนึ่ง เมื่อก่อนคุณหนูได้รับความไม่เป็นธรรมมากเพียงใด ตัวนางรู้ดีเป็นที่สุด ในใจคุณหนูยังโกรธอยู่ก็เป็นเรื่องธรรมดา คิดจะมากล่อมคุณหนูให้หายโกรธ จะง่ายดายเพียงนั้นได้อย่างไร?“แต่ท่านอ๋องบอกว่าให้ท่านทบทวนตัวเองอยู่ในเรือนนี้ นี่ไม่เท่ากับเป็นการกักบริเวณท่านหรือเจ้าคะ? นี่จะทำเช่นไรดี?”เสิ่นหรูโจวหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง “เหอะ เขาขังข้าไม่อยู่หรอก! ข้าจะย้ายออกไป”เมี่ยวตงประหลาดใจจนเบิกตากว้าง “คุณหนู ท่านจะ
วันรุ่งขึ้น เลยยามซื่อ [1] ไปแล้ว เซียวเฉินเหยี่ยนจึงได้ตื่นขึ้นมาหลายวันมานี้ เขาค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน รวมกับความปวดหัวในเรื่องของเสิ่นหรูโจว เมื่อคืนจึงนอนไม่หลับได้แต่พลิกตัวไปมา กระทั่งค่อนคืนให้หลังจึงได้หลับตาลงการนอนในครั้งนี้หลับไปอย่างสะลึมสะลือ เมื่อตื่นมาดวงอาทิตย์ก็สูงโด่งแล้วเขาอาบน้ำชำระกายไปรอบหนึ่ง ขณะกำลังรับประทานอาหารเช้า ก็มีเสียงฝีเท้าเร่งร้อนดังมาอย่างกะทันหันจวินอู่ก้าวเข้ามากล่าวอย่างร้อนใจว่า“ท่านอ๋อง พระชายาหาเรือนได้แล้ว ยามนี้กำลังย้ายของอยู่ขอรับ!”เซียวเฉินเหยี่ยนที่กำลังกินอาหารอยู่สีหน้าชะงักค้าง เพียงครู่เดียวก็สำลัก ไอออกมาอย่างรุนแรงจวินอู่รีบรินน้ำจอกหนึ่งส่งให้เขา เขารับน้ำมาดื่มลงไปอึกหนึ่ง ปรับลมหายใจนิ้วทั้งห้ารวบจอกชาแน่น โมโหเสียแทบจะบีบจนแตก ใบหน้าหล่อเหล่ามืดมนจนน่ากลัว ปากพึมพำคำทั้งสามนั้นอย่างโมโห“เสิ่นหรูโจว!”เพลิงโทสะพวยพุ่งขึ้น เขาเงื้อมือขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วกระแทกถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง ใบหน้าอันหล่อเหลาปรากฏความโกรธเกรี้ยวออกมา “สารเลว!”เดิมคิดว่าเสิ่นหรูโจวเพียงแค่แง่งอนเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะทำจ
“เสิ่นหรูโจว เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรม หากต้องการการชดเชย ข้าสามารถมอบให้เจ้าได้ แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าจะเอาแต่ใจตัวเองและก่อเรื่องได้! ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด ทางที่ดีเจ้าควรรู้จักหยุดในจุดที่ควร!”เสิ่นหรูโจวมองสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชาของเซียวเฉินเหยี่ยน รู้สึกเพียงว่าน่าขำทั้งชาติก่อนและชาตินี้ ความอยุติธรรมที่นางได้รับมานั้น มิใช่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ชดเชย? ชดเชยได้หมดหรือ!แม้เขาจะลองสัมผัสกับความทุกข์ทนทั้งหมดที่นางได้รับดูสักรอบ เจ็บปวดเหมือนที่นางเคยเป็น เคยตาย ก็ถือได้เพียงว่าเป็นการเสมอกัน ไม่อาจเรียกว่าการชดเชยด้วยซ้ำนางคร้านที่จะพัวพันกับเซียวเฉินเหยี่ยนอีก “พวกเราตอนนี้เป็นเพียงสามีภรรยาแต่เพียงในนามเท่านั้น เมื่อถึงเวลาก็แยกย้ายกันไป สิ่งที่ท่านต้องการข้าจะพยายามมอบให้ท่าน ไม่เช่นนั้น ก็อดทนรอจนถึงเวลานั้น แล้วท่านจะมาขวางข้าทำไม” ทองคำห้าแสนตำลึงที่เขาต้องการ นางจะคิดหาวิธีรวบรวมจนได้เองเซียวเฉินเหยี่ยนโมโหจนกลายเป็นหัวเราะ“สามีภรรยาแต่ในนาม? การแต่งงานครั้งนี้เป็นเจ้าที่ร้องขอ! ตอนนี้กลับมาร้องว่าจะไป เจ้าทิ้งทุกอย่างไปไม่สนใจ ถึงเวลาผู้คนรับรู้แล้วลื
เสิ่นหรูโจวพาเมี่ยวตงออกจากจวนอ๋องไปอย่างปราศจากความอาลัยรถม้าเคลื่อนไปราวหนึ่งชั่วยาม จึงหยุดลงหน้าเรือนที่มีบรรยากาศเงียบสงบหลังหนึ่งเมี่ยวตงหยิบกุญแจออกมาไขกลอนที่ประตู จากนั้นผลักประตูใหญ่ให้เปิดออกนี่เป็นเรือนสองส่วน ตั้งอยู่ทางทิศเหนือและหันหน้าไปทางทิศใต้ มีแสงสว่างส่องถึงอย่างเต็มที่ ในลานบ้านยังปลูกดอกไม้นานาชนิดไว้ด้วยเสิ่นหรูโจวมองไปรอบๆ ครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจแล้วเมี่ยวตงจัดสัมภาระเข้าที่เรียบร้อย ปัดฝุ่นบนมือออก จากนั้นก็แหงนหน้ามองด้วยท่าทางรอคำชม “เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะคุณหนู ที่นี่ไม่เลวกระมัง?”“ไม่เลว เมี่ยวตงเจ้ามีรสนิยมที่ดีมาก” เสิ่นหรูโจวตบบ่าของนางอย่างพึงพอใจ ดวงตาที่ราวสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิเปล่งประกายรอยยิ้มออกมา จากนั้นก็ค่อยๆ แผ่กระจายไปทั่วใบหน้าเมี่ยวตงกล่าวอย่างเบิกบานว่า “บ่าวเพิ่งออกมาเสาะหา ก็ได้ยินว่าที่นี่มีเรือนว่างอยู่หลังหนึ่ง ตอนมาดู พอเห็นในลานบ้านปลูกดอกไม้ไว้มากมาย ก็รู้ว่าคุณหนูจะต้องชอบอย่างแน่นอน ที่สำคัญที่สุดคือ ที่นี่อยู่ใกล้จวนแม่ทัพมากด้วยเจ้าค่ะ” เสิ่นหรูโจวพยักหน้า เดินไปบริเวณทางเดิน แหงนหน้ามองกระดิ่งลม
สีหน้าของเสิ่นฉู่มู่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เงยหน้าขึ้นมองนางแม้แต่น้อย ยิ่งมิได้รับคำฮูหยินผู้เฒ่ากับเสิ่นหรูหลันเห็นนางมาแล้ว ล้วนแย้มยิ้มอย่างเบิกบาน เห็นเสิ่นหรูโจวจ้องมองเสิ่นฉู่มู่ รอยยิ้มก็ยิ่งลึกมากขึ้น“ยายหนูจูจู เจ้ามาแล้ว รีบมานั่งเร็วเข้า รีบมานั่งเร็วเข้า” เสิ่นหรูโจวจิตใจปั่นป่วนจนเดินไม่ถูกแล้ว ถูกท่านย่าเรียกครั้งหนึ่งจึงได้สติกลับมา นางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่หางตาของตน หันไปมองท่านย่าก่อน“ท่านย่า ขาของท่านยังเจ็บอยู่หรือไม่เจ้าคะ?”“ใช้ตำรับของเจ้าแล้วดีขึ้นไม่น้อยจริงๆ” ฮูหยินผู้เฒ่ากุมมือของนางไว้ ยิ้มจนรอยย่นที่หางตาขมวดรวมกัน “พี่หรูหลันของเจ้านวดให้ข้าทั้งวัน คิดจะไม่ให้ดีขึ้นก็ไม่ได้” เสิ่นหรูโจวหันศีรษะพูดกับเสิ่นหรูหลันด้วยรอยยิ้มว่า “ลำบากพี่หรูหลันแล้ว” “นี่เป็นหน้าที่ มีสิ่งใดให้ลำบากกัน” เสิ่นหรูหลันตบบ่านางเบาๆ ทีหนึ่ง เป็นสัญญาณให้นางไปชวนเสิ่นฉู่มู่คุย“ครั้งก่อนไม่ได้พบพี่ชายของเจ้า ครั้งนี้ได้เจอแล้ว ไม่รีบพูดอะไรสักหน่อยหรือ?”เสิ่นหรูโจวกัดริมฝีปากแดงแน่น จ้องมองใบหน้าที่เย็นชาดุจน้ำค้างแข็งของพี่ชายตอนที่นางเพิ่งแต่งกับเซียวเฉินเหยี่ยน คำพู
ดวงหน้าเล็กๆ อันงดงามของเสิ่นหรูโจวย่นเป็นก้อน ฝังหน้าไว้บนแขนของเขา บดบังดวงตาที่แดงระเรื่อ“พี่ชาย ตอนนั้นข้าเป็นเพราะภูตผีปีศาจบดบังจิตใจ พี่ชายกับท่านพ่อล้วนทำเพื่อข้า ข้าทำผิดอย่างใหญ่หลวง ล้วนเป็นข้าไม่ดีเอง ข้าเลอะเลือนเอง ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว ท่านก็อย่าได้โกรธอีกเลยนะ ให้อภัยข้าเถิด ได้หรือไม่?”เสิ่นฉู่มู่กวาดตามองนางทีหนึ่ง เมื่อเห็นชัดว่านางร้องไห้สะอึกสะอื้น ท่าทางน่าสงสารอย่างยิ่ง ความโมโหในใจก็หายไปนานแล้ว ทว่าสีหน้ายังคงไม่ยอมให้อภัยคน แกะเปลือกส้มไปด้วยสีหน้าดุร้าย“เหอะ เจ้ามิใช่ปีกกล้าขาแข็งแล้วหรือ? จะต้องบินออกไปให้ได้ มุ่งมั่นจะแต่งกับเจ้าอ๋องอู่เฉิงนั่น ยามนี้ออกไปอยู่ข้างนอกเผชิญกับความทุกข์ จึงได้รู้ว่าที่บ้านดีเพียงไรแล้ว?”เขาชักสีหน้า จู่ๆ ก็บีบแก้มของนาง ยื่นส้มที่ปลอกเสร็จแล้วมาเบื้องหน้าของเสิ่นหรูโจว“กินสิ ชอบกินส้มมากที่สุดไม่ใช่หรือ?”เสิ่นหรูโจวน้ำตาคลอมองเสิ่นฉู่มู่ เห็นเขาแม้ในยามโกรธ ส้มที่ปอกก็ยังปอกให้นาง หยดน้ำตาก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้น ความรู้สึกผิดและโทษตัวเอง กับความยินดีที่ได้คืนมาหลังสูญเสียผสมปนเปกัน จนแทบจะกลืนกินนางไป“พี่ชาย ขอโท
ก้นบึ้งดวงตาของเสิ่นหรูโจวสาดประกายเย็นชา ทว่าใบหน้ากลับยิ้มแย้ม ไม่อยากให้คนในครอบครัวต้องเป็นกังวล“ท่านหญิงเข้าใจว่าเป็นข้าที่ทำให้องครักษ์ผู้นั้นได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจึงได้เกิดความขัดแย้งขึ้นเล็กน้อย ยามนี้ความเข้าใจผิดได้ถูกแก้ไขแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรแล้วเจ้าค่ะ” ฮูหยินผู้เฒ่าถามต่ออีกว่า “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงได้ย้ายออกมากะทันหันเล่า?”เสิ่นหรูโจวยิ้มและกล่าวว่า “เพราะรู้สึกว่าเรือนของจวนอ๋องไม่ดี ย้ายออกมาอยู่ด้านนอกเรือนกว้างขวาง ดูแล้วสบายตากว่าเจ้าค่ะ” นางไม่อาจให้คนที่บ้านรู้เรื่องการหย่า เพราะพึ่งแต่งงานก็จะหย่า หากให้อดีตฮ่องเต้รู้เข้า เกรงว่าจะพาลโมโหจวนแม่ทัพได้เสิ่นฉู่มู่เมื่อได้เห็นสีหน้าของนาง ก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง กล่าวด้วยสีหน้าสงสัยว่า“มิใช่เพราะอ๋องอู่เฉิงรังแกเจ้า เจ้าจึงได้ย้ายออกมาหรือ?”เสิ่นหรูโจวปฏิเสธอย่างเต็มกำลัง “ไม่ใช่” เสิ่นฉู่มู่ยังคงไม่เชื่อ จึงมองไปที่เมี่ยวตงอีกครั้งแล้วถามว่า “เมี่ยวตง คุณหนูเพราะได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจจึงได้ย้ายออกมาใช่หรือไม่?”เมี่ยวตงที่ถูกขานชื่อตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมา เห็นเสิ่นหรูโจวกระพริบตาให้