ดวงหน้าเล็กๆ อันงดงามของเสิ่นหรูโจวย่นเป็นก้อน ฝังหน้าไว้บนแขนของเขา บดบังดวงตาที่แดงระเรื่อ“พี่ชาย ตอนนั้นข้าเป็นเพราะภูตผีปีศาจบดบังจิตใจ พี่ชายกับท่านพ่อล้วนทำเพื่อข้า ข้าทำผิดอย่างใหญ่หลวง ล้วนเป็นข้าไม่ดีเอง ข้าเลอะเลือนเอง ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว ท่านก็อย่าได้โกรธอีกเลยนะ ให้อภัยข้าเถิด ได้หรือไม่?”เสิ่นฉู่มู่กวาดตามองนางทีหนึ่ง เมื่อเห็นชัดว่านางร้องไห้สะอึกสะอื้น ท่าทางน่าสงสารอย่างยิ่ง ความโมโหในใจก็หายไปนานแล้ว ทว่าสีหน้ายังคงไม่ยอมให้อภัยคน แกะเปลือกส้มไปด้วยสีหน้าดุร้าย“เหอะ เจ้ามิใช่ปีกกล้าขาแข็งแล้วหรือ? จะต้องบินออกไปให้ได้ มุ่งมั่นจะแต่งกับเจ้าอ๋องอู่เฉิงนั่น ยามนี้ออกไปอยู่ข้างนอกเผชิญกับความทุกข์ จึงได้รู้ว่าที่บ้านดีเพียงไรแล้ว?”เขาชักสีหน้า จู่ๆ ก็บีบแก้มของนาง ยื่นส้มที่ปลอกเสร็จแล้วมาเบื้องหน้าของเสิ่นหรูโจว“กินสิ ชอบกินส้มมากที่สุดไม่ใช่หรือ?”เสิ่นหรูโจวน้ำตาคลอมองเสิ่นฉู่มู่ เห็นเขาแม้ในยามโกรธ ส้มที่ปอกก็ยังปอกให้นาง หยดน้ำตาก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้น ความรู้สึกผิดและโทษตัวเอง กับความยินดีที่ได้คืนมาหลังสูญเสียผสมปนเปกัน จนแทบจะกลืนกินนางไป“พี่ชาย ขอโท
ก้นบึ้งดวงตาของเสิ่นหรูโจวสาดประกายเย็นชา ทว่าใบหน้ากลับยิ้มแย้ม ไม่อยากให้คนในครอบครัวต้องเป็นกังวล“ท่านหญิงเข้าใจว่าเป็นข้าที่ทำให้องครักษ์ผู้นั้นได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจึงได้เกิดความขัดแย้งขึ้นเล็กน้อย ยามนี้ความเข้าใจผิดได้ถูกแก้ไขแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรแล้วเจ้าค่ะ” ฮูหยินผู้เฒ่าถามต่ออีกว่า “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงได้ย้ายออกมากะทันหันเล่า?”เสิ่นหรูโจวยิ้มและกล่าวว่า “เพราะรู้สึกว่าเรือนของจวนอ๋องไม่ดี ย้ายออกมาอยู่ด้านนอกเรือนกว้างขวาง ดูแล้วสบายตากว่าเจ้าค่ะ” นางไม่อาจให้คนที่บ้านรู้เรื่องการหย่า เพราะพึ่งแต่งงานก็จะหย่า หากให้อดีตฮ่องเต้รู้เข้า เกรงว่าจะพาลโมโหจวนแม่ทัพได้เสิ่นฉู่มู่เมื่อได้เห็นสีหน้าของนาง ก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง กล่าวด้วยสีหน้าสงสัยว่า“มิใช่เพราะอ๋องอู่เฉิงรังแกเจ้า เจ้าจึงได้ย้ายออกมาหรือ?”เสิ่นหรูโจวปฏิเสธอย่างเต็มกำลัง “ไม่ใช่” เสิ่นฉู่มู่ยังคงไม่เชื่อ จึงมองไปที่เมี่ยวตงอีกครั้งแล้วถามว่า “เมี่ยวตง คุณหนูเพราะได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจจึงได้ย้ายออกมาใช่หรือไม่?”เมี่ยวตงที่ถูกขานชื่อตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมา เห็นเสิ่นหรูโจวกระพริบตาให้
ฮูหยินผู้เฒ่ามองเสิ่นหรูโจวอย่างเบิกบาน ในดวงตาเปี่ยมด้วยความรักใคร่ นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ นางจึงเรียกเจิ้งหมัวมัวมาถามว่า“เรือนของยายหนูจูจู เก็บกวาดเรียบร้อยแล้วหรือไม่?”เจิ้งหมัวมัวรับคำอย่างแย้มยิ้มว่า“จัดไว้เรียบร้อยนานแล้วเจ้าค่ะ ห้องของคุณหนูทุกวันล้วนมีคนทำความสะอาด สิ่งของทั้งหมดล้วนไม่มีการแตะต้อง ยังคงเป็นเช่นเดิม คุณหนูเข้าไปอยู่จะต้องสะดวกสบายใจอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นหรูโจวก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย คืนนี้ ท่านย่าจะให้นางพักที่บ้านหรือ?ความปีติสายหนึ่งวาบขึ้นมาในจิตใจ แต่ก็ดับสลายไปอย่างรวดเร็ว นางมองท่านย่าด้วยความลำบากใจ กล่าวอย่างลังเลว่า“ท่านย่า ข้าไม่อยู่ดีกว่าเจ้าค่ะ จะได้ไม่ทำให้เกิดคำนินทาขึ้นมา”ตัวนางนั้นมิได้ใส่ใจ ทว่าไม่อยากให้ตระกูลเสิ่นต้องเสียชื่อว่าไม่รู้ธรรมเนียมไปด้วยฮูหยินผู้เฒ่าสนใจเพียงการแสดงความรักต่อหลานสาว ไหนเลยจะไปสนใจรายละเอียดเล็กน้อยพวกนี้ได้ ส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจว่า“กลับมาค้างบ้านเดิมสักคืนเหตุใดจึงจะไม่ได้? ก็ถือว่าชดเชยเรื่องกลับบ้านเดิมหลังแต่งงานแล้ว”“นั่นสิ จะไปมีคำนินทาอะไรกัน? ใครกล้าพูดจาเหลวไหล ข้าจะไ
แม้ท่านพ่อจะเป็นทหารฝ่ายบู๊ ทว่าชื่นชมความสง่างามของเหล่าขุนนางบัณฑิต จึงมีเจตนาปล่อยให้นางได้สัมผัสกับกลิ่นอายของตำราอยู่บ้าง ให้นางตั้งใจฝึกคัดอักษรน่าเสียดายที่นางเกียจคร้านเกินไป ปล่อยที่ทับกระดาษอันล้ำค่านี้ไว้ไม่ให้ความสำคัญ ผิดต่อความตั้งใจของท่านมองดูของขวัญแต่ละชิ้นที่เต็มไปด้วยความรักที่อยู่ภายใน เสิ่นหรูโจวคิดถึงความดีที่คนในครอบครัวมีต่อนาง ในใจก็บังเกิดความเสียใจและเคียดแค้นขึ้นมาอีกครั้งชาติก่อน นางทำผิดอย่างมหันต์ไปจริงๆ คนในครอบครัวดีต่อนางถึงเพียงนี้ ถนอมนางไว้ในอุ้งมือ นางกลับต้องการจะตัดความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว ไปแต่งงานกับเซียวเฉินเหยี่ยนตนเองได้รับความทุกข์ถูกคนทรมานก็ช่างแล้ว แต่กลับยังทำให้คนทั้งบ้านต้องเดือดร้อนไม่อาจสงบสุขได้เกิดใหม่อีกครั้ง นางมองเห็นความจริงใจเสแสร้งได้อย่างชัดเจนแล้ว ได้มีคนในครอบครัวอีกครั้ง นางไม่มีทางปล่อยให้โศกนาฏกรรมในอดีตเกิดซ้ำอีกเป็นอันขาด!ถูกภาพเบื้องหน้าทำให้สะเทือนใจ ขอบตาของนางร้อนขึ้นมา หยาดน้ำตาสองหยดร่วงหล่นลงมาอย่างไม่อาจกลั้นเมี่ยวตงที่อยู่ด้านข้างเมื่อเห็นก็ตกตะลึงไป รีบเข้าไปดู“คุณหนู เหตุใดท่านจึงได้ร้อ
เห็นนางมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรุนแรงเช่นนี้ เจิ้งหมัวมัวยังคิดว่านางตื่นเต้นเพราะจะต้องไปเจอแม่สามี จึงปิดปากหัวเราะ เดินไปดึงนางขึ้นมาพาไปกดลงนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง“คุณหนูอย่างเพิ่งร้อนใจ ให้เมี่ยวตงเกล้าผมให้ท่านก่อนเจ้าค่ะ” เมี่ยวตงรีบล้างมือ จากนั้นมาจัดแต่งทรงผมให้นาง เสิ่นหรูโจวใจลอยอยู่บ้าง ความคิดลอยกลับไปที่ชาติก่อนอีกครั้งชาติก่อนที่นางแต่งกับเซียวเฉินเหยี่ยนนั้น เหตุผลส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะเต๋อเฟย ยังมีมู่หว่านชิงที่คอยยุยงส่งเสริมพวกนางบอกนางว่า เซียวเฉินเหยี่ยนชอบนางมากเพียงใด ทำให้นางคิดว่าเซียวเฉินเหยี่ยนปักใจรักนาง จริงใจต่อนางนางเชื่อว่าเป็นความจริง จึงไปขอราชโองการแต่งกับเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างโง่งม คิดไม่ถึงว่า หลังจากเซียวเฉินเหยี่ยนแต่งกับนางแล้ว จะแค้นนางเข้ากระดูก…การแต่งงานครั้งนี้ นับแต่เริ่มต้นก็เป็นแผนการหลอกลวงแผนหนึ่ง ที่จริงแล้วเซียวเฉินเหยี่ยนมิได้ชอบนางแม้แต่น้อย และที่เต๋อเฟยแสร้งทำเป็นชอบนาง ก็เพียงเพื่ออำนาจของจวนแม่ทัพเท่านั้น ในความเป็นจริงเต๋อเฟยไม่ถูกใจนางแม้แต่น้อย สะใภ้ที่นางถูกใจมีเพียงมู่หว่านชิงเท่านั้นครั้งนี้ที่เรียกนางเข้าวัง
แม่สามีเหนื่อยแล้วก็ทุบขานวดไหล่ให้แม่สามี ทำตัวเป็นคนแสดงงิ้วสร้างความขำขันให้นางสิ่งที่สะใภ้ทั่วไปทำได้ นางล้วนทำได้ ที่ทำไม่ได้ นางก็ทำไปแล้ว คิดว่าใจคนสามารถแลกใจได้ ทว่าสิ่งที่นางแลกกลับมาได้กลับมีแต่ความเดียดฉันท์แววตาของเต๋อเฟยสั่นไหว ถอนใจคราหนึ่ง “เหตุใดต้องทำเช่นนี้ ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน” “เต๋อเฟยยกย่องนางไปแล้ว ข้าเห็นว่า นางไม่คิดว่าตัวเองเป็นสะใภ้ของท่านแม้แต่น้อย” สายตาเย็นชาของเซียวจิ่นซีทิ่มแทงมาที่เสิ่นหรูโจว “เพิ่งแต่งงานได้ไม่กี่วัน เจ้าก่อให้เกิดคำซุบซิบนินทามากเพียงใด? ตอนนี้ยิ่งดี ยังย้ายออกจากจวนอ๋องไปอยู่เองอีก เจ้ายังเห็นตนเองเป็นพระชายาของจวนอ๋องอู่เฉิงอยู่หรือไม่?”แค่เริ่มต้นก็จะข่มนางก่อนแล้ว?แววตาของเสิ่นหรูโจวแข็งกร้าวขึ้นมา เงยหน้าขึ้น มองไปยังองค์หญิงเจาหยาง บนใบหน้าอันงดงามปรากฏความหยิ่งทระนงออกมา“เรื่องที่ข้าย้ายออกจากจวนอ๋อง ได้แจ้งให้ท่านอ๋องทราบแล้ว เขาก็พูดด้วยตัวเองว่าให้ข้าไป ราชสำนักของเราไม่มีกฎหมายข้อใดที่ไม่อนุญาตให้พระชายาไปอยู่ที่อื่น ไม่ทราบว่าองค์หญิงกังวลสิ่งใด?“ยังกล้าเถียงอีก!” เซียวจิ่นซีเลิกคิ้ว ชี้หน้าขึ้นเสียงใส่
นางกำนัลสองนางก้าวเข้ามาทันที“ผู้ใดกล้า!” เสิ่นหรูโจวคำรามเสียงต่ำ ใบหน้าอันงดงามฉายพลังอันเฉียบคมออกมา“ข้าตีท่านหญิงเจียหนิงก็จริง ทว่าที่ข้าตีนาง ก็เพราะนางสมควรถูกตี!”เซียวจิ่นซีโมโหจนขึ้นเสียงด่าทอ อาศัยโอกาสที่ยืนขึ้นมา ตำหนิว่า “ไร้ยางอายนัก! ที่สมควรถูกตีคือเจ้า! วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองความเจ็บปวดดูบ้าง! ลงมือ!”เต๋อเฟยเกลี้ยกล่อมว่า “จิ่นซี เหตุใดต้องทำถึงเพียงนี้ อย่าทำลายความกลมเกลียวในครอบครัวเลย” ทว่านางกำนัลยังคงก้าวเข้ามาเพื่อจะกดตัวเสิ่นหรูโจวไว้ เสิ่นหรูโจวผลักนางกำนัลออกไป สายตามองไปที่เซียวจิ่นซี“องค์หญิงใหญ่ ข้าก็คิดว่าคนครอบครัวเดียวกันควรสมัครสมานโชคลาภจึงจะบังเกิด แต่คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงจะไม่ยอมปล่อยวางเยี่ยงนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว” “วันนี้ที่จวนอ๋องถูกลอบสังหาร ฉินอวี่ องครักษ์ของผู้สำเร็จราชการได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังท่านหญิงทราบก็ร้อนใจดั่งไฟเผา คิดว่าข้าเป็นคนทำร้ายชายในดวงใจของนาง ดังนั้นจึงได้ไปเอาเรื่องกับข้าที่จวนอ๋อง” “ไม่ถามไถ่อะไรก็จะใช่แส้โบยข้า ต่อมาก็กล่าววาจาอย่างไร้ขอบเขตล่วงเกินท่านผู้สำเร็จราชการอีก บอกว่าข้ามี
“มีฐานะเป็นถึงพระชายา แต่กลับไปเกี่ยวพันข้องแวะกับบุรุษอื่น ไร้ยางอายไร้คุณธรรม ต่อให้ประหารเจ้าซะก็ยังไม่เพียงพอ! ตอนนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าด้วยตัวเอง ให้เจ้ารู้ว่าสิ่งใดเรียกว่ายางอาย!”เซียวจิ่นซีพลันยกมือขึ้นมาแววตาของเสิ่นหรูโจวขรึมลง ยังไม่ทันได้ลงมือ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากเบื้องหลังของนางอย่างกะทันหัน“หยุดนะ”ฝ่ามือของเซียวจิ่นซีหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ มองไปยังผู้ที่มาก็เห็นเซียวเฉินเหยี่ยนสาวเท้าเข้ามาจากนอกตำหนักใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาปกคลุมไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ดวงเนตรสีนิลทั้งคู่เปล่งประกายเจิดจ้า แหลมคมราวอินทรี ในยามที่เดินผ่านเสิ่นหรูโจว สายตาก็กวาดผ่านใบหน้าหยิ่งทระนงของนางอย่างเย็นชาเซียวจิ่นซีเห็นว่าเซียวเฉินเหยี่ยนมาแล้ว ก็สะกดกลั้นเพลิงโทสะไว้ชั่วขณะ ค้อนส่งหรูโจวอย่างรุนแรงทีหนึ่ง จากนั้นเก็บมือกลับไปอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ“เฉินเหยี่ยน ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว” เต๋อเฟยเข้าไปต้อนรับก่อนด้วยสีหน้าเป็นกังวล“เสด็จแม่ เสด็จพี่” เซียวเฉินเหยี่ยนแสดงความเคารพ สีหน้าอึมครึมอยู่บ้างเมื่อครู่เขาอยู่ด้านนอก ได้ยินเสด็จพี่พูดว่าเสิ่นหรูโจวกับเป่ยซิวเยี่ยนมีลับลมคมในต่อกัน