แม้ท่านพ่อจะเป็นทหารฝ่ายบู๊ ทว่าชื่นชมความสง่างามของเหล่าขุนนางบัณฑิต จึงมีเจตนาปล่อยให้นางได้สัมผัสกับกลิ่นอายของตำราอยู่บ้าง ให้นางตั้งใจฝึกคัดอักษรน่าเสียดายที่นางเกียจคร้านเกินไป ปล่อยที่ทับกระดาษอันล้ำค่านี้ไว้ไม่ให้ความสำคัญ ผิดต่อความตั้งใจของท่านมองดูของขวัญแต่ละชิ้นที่เต็มไปด้วยความรักที่อยู่ภายใน เสิ่นหรูโจวคิดถึงความดีที่คนในครอบครัวมีต่อนาง ในใจก็บังเกิดความเสียใจและเคียดแค้นขึ้นมาอีกครั้งชาติก่อน นางทำผิดอย่างมหันต์ไปจริงๆ คนในครอบครัวดีต่อนางถึงเพียงนี้ ถนอมนางไว้ในอุ้งมือ นางกลับต้องการจะตัดความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว ไปแต่งงานกับเซียวเฉินเหยี่ยนตนเองได้รับความทุกข์ถูกคนทรมานก็ช่างแล้ว แต่กลับยังทำให้คนทั้งบ้านต้องเดือดร้อนไม่อาจสงบสุขได้เกิดใหม่อีกครั้ง นางมองเห็นความจริงใจเสแสร้งได้อย่างชัดเจนแล้ว ได้มีคนในครอบครัวอีกครั้ง นางไม่มีทางปล่อยให้โศกนาฏกรรมในอดีตเกิดซ้ำอีกเป็นอันขาด!ถูกภาพเบื้องหน้าทำให้สะเทือนใจ ขอบตาของนางร้อนขึ้นมา หยาดน้ำตาสองหยดร่วงหล่นลงมาอย่างไม่อาจกลั้นเมี่ยวตงที่อยู่ด้านข้างเมื่อเห็นก็ตกตะลึงไป รีบเข้าไปดู“คุณหนู เหตุใดท่านจึงได้ร้อ
เห็นนางมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรุนแรงเช่นนี้ เจิ้งหมัวมัวยังคิดว่านางตื่นเต้นเพราะจะต้องไปเจอแม่สามี จึงปิดปากหัวเราะ เดินไปดึงนางขึ้นมาพาไปกดลงนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง“คุณหนูอย่างเพิ่งร้อนใจ ให้เมี่ยวตงเกล้าผมให้ท่านก่อนเจ้าค่ะ” เมี่ยวตงรีบล้างมือ จากนั้นมาจัดแต่งทรงผมให้นาง เสิ่นหรูโจวใจลอยอยู่บ้าง ความคิดลอยกลับไปที่ชาติก่อนอีกครั้งชาติก่อนที่นางแต่งกับเซียวเฉินเหยี่ยนนั้น เหตุผลส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะเต๋อเฟย ยังมีมู่หว่านชิงที่คอยยุยงส่งเสริมพวกนางบอกนางว่า เซียวเฉินเหยี่ยนชอบนางมากเพียงใด ทำให้นางคิดว่าเซียวเฉินเหยี่ยนปักใจรักนาง จริงใจต่อนางนางเชื่อว่าเป็นความจริง จึงไปขอราชโองการแต่งกับเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างโง่งม คิดไม่ถึงว่า หลังจากเซียวเฉินเหยี่ยนแต่งกับนางแล้ว จะแค้นนางเข้ากระดูก…การแต่งงานครั้งนี้ นับแต่เริ่มต้นก็เป็นแผนการหลอกลวงแผนหนึ่ง ที่จริงแล้วเซียวเฉินเหยี่ยนมิได้ชอบนางแม้แต่น้อย และที่เต๋อเฟยแสร้งทำเป็นชอบนาง ก็เพียงเพื่ออำนาจของจวนแม่ทัพเท่านั้น ในความเป็นจริงเต๋อเฟยไม่ถูกใจนางแม้แต่น้อย สะใภ้ที่นางถูกใจมีเพียงมู่หว่านชิงเท่านั้นครั้งนี้ที่เรียกนางเข้าวัง
แม่สามีเหนื่อยแล้วก็ทุบขานวดไหล่ให้แม่สามี ทำตัวเป็นคนแสดงงิ้วสร้างความขำขันให้นางสิ่งที่สะใภ้ทั่วไปทำได้ นางล้วนทำได้ ที่ทำไม่ได้ นางก็ทำไปแล้ว คิดว่าใจคนสามารถแลกใจได้ ทว่าสิ่งที่นางแลกกลับมาได้กลับมีแต่ความเดียดฉันท์แววตาของเต๋อเฟยสั่นไหว ถอนใจคราหนึ่ง “เหตุใดต้องทำเช่นนี้ ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน” “เต๋อเฟยยกย่องนางไปแล้ว ข้าเห็นว่า นางไม่คิดว่าตัวเองเป็นสะใภ้ของท่านแม้แต่น้อย” สายตาเย็นชาของเซียวจิ่นซีทิ่มแทงมาที่เสิ่นหรูโจว “เพิ่งแต่งงานได้ไม่กี่วัน เจ้าก่อให้เกิดคำซุบซิบนินทามากเพียงใด? ตอนนี้ยิ่งดี ยังย้ายออกจากจวนอ๋องไปอยู่เองอีก เจ้ายังเห็นตนเองเป็นพระชายาของจวนอ๋องอู่เฉิงอยู่หรือไม่?”แค่เริ่มต้นก็จะข่มนางก่อนแล้ว?แววตาของเสิ่นหรูโจวแข็งกร้าวขึ้นมา เงยหน้าขึ้น มองไปยังองค์หญิงเจาหยาง บนใบหน้าอันงดงามปรากฏความหยิ่งทระนงออกมา“เรื่องที่ข้าย้ายออกจากจวนอ๋อง ได้แจ้งให้ท่านอ๋องทราบแล้ว เขาก็พูดด้วยตัวเองว่าให้ข้าไป ราชสำนักของเราไม่มีกฎหมายข้อใดที่ไม่อนุญาตให้พระชายาไปอยู่ที่อื่น ไม่ทราบว่าองค์หญิงกังวลสิ่งใด?“ยังกล้าเถียงอีก!” เซียวจิ่นซีเลิกคิ้ว ชี้หน้าขึ้นเสียงใส่
นางกำนัลสองนางก้าวเข้ามาทันที“ผู้ใดกล้า!” เสิ่นหรูโจวคำรามเสียงต่ำ ใบหน้าอันงดงามฉายพลังอันเฉียบคมออกมา“ข้าตีท่านหญิงเจียหนิงก็จริง ทว่าที่ข้าตีนาง ก็เพราะนางสมควรถูกตี!”เซียวจิ่นซีโมโหจนขึ้นเสียงด่าทอ อาศัยโอกาสที่ยืนขึ้นมา ตำหนิว่า “ไร้ยางอายนัก! ที่สมควรถูกตีคือเจ้า! วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองความเจ็บปวดดูบ้าง! ลงมือ!”เต๋อเฟยเกลี้ยกล่อมว่า “จิ่นซี เหตุใดต้องทำถึงเพียงนี้ อย่าทำลายความกลมเกลียวในครอบครัวเลย” ทว่านางกำนัลยังคงก้าวเข้ามาเพื่อจะกดตัวเสิ่นหรูโจวไว้ เสิ่นหรูโจวผลักนางกำนัลออกไป สายตามองไปที่เซียวจิ่นซี“องค์หญิงใหญ่ ข้าก็คิดว่าคนครอบครัวเดียวกันควรสมัครสมานโชคลาภจึงจะบังเกิด แต่คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงจะไม่ยอมปล่อยวางเยี่ยงนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว” “วันนี้ที่จวนอ๋องถูกลอบสังหาร ฉินอวี่ องครักษ์ของผู้สำเร็จราชการได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังท่านหญิงทราบก็ร้อนใจดั่งไฟเผา คิดว่าข้าเป็นคนทำร้ายชายในดวงใจของนาง ดังนั้นจึงได้ไปเอาเรื่องกับข้าที่จวนอ๋อง” “ไม่ถามไถ่อะไรก็จะใช่แส้โบยข้า ต่อมาก็กล่าววาจาอย่างไร้ขอบเขตล่วงเกินท่านผู้สำเร็จราชการอีก บอกว่าข้ามี
“มีฐานะเป็นถึงพระชายา แต่กลับไปเกี่ยวพันข้องแวะกับบุรุษอื่น ไร้ยางอายไร้คุณธรรม ต่อให้ประหารเจ้าซะก็ยังไม่เพียงพอ! ตอนนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าด้วยตัวเอง ให้เจ้ารู้ว่าสิ่งใดเรียกว่ายางอาย!”เซียวจิ่นซีพลันยกมือขึ้นมาแววตาของเสิ่นหรูโจวขรึมลง ยังไม่ทันได้ลงมือ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากเบื้องหลังของนางอย่างกะทันหัน“หยุดนะ”ฝ่ามือของเซียวจิ่นซีหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ มองไปยังผู้ที่มาก็เห็นเซียวเฉินเหยี่ยนสาวเท้าเข้ามาจากนอกตำหนักใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาปกคลุมไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ดวงเนตรสีนิลทั้งคู่เปล่งประกายเจิดจ้า แหลมคมราวอินทรี ในยามที่เดินผ่านเสิ่นหรูโจว สายตาก็กวาดผ่านใบหน้าหยิ่งทระนงของนางอย่างเย็นชาเซียวจิ่นซีเห็นว่าเซียวเฉินเหยี่ยนมาแล้ว ก็สะกดกลั้นเพลิงโทสะไว้ชั่วขณะ ค้อนส่งหรูโจวอย่างรุนแรงทีหนึ่ง จากนั้นเก็บมือกลับไปอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ“เฉินเหยี่ยน ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว” เต๋อเฟยเข้าไปต้อนรับก่อนด้วยสีหน้าเป็นกังวล“เสด็จแม่ เสด็จพี่” เซียวเฉินเหยี่ยนแสดงความเคารพ สีหน้าอึมครึมอยู่บ้างเมื่อครู่เขาอยู่ด้านนอก ได้ยินเสด็จพี่พูดว่าเสิ่นหรูโจวกับเป่ยซิวเยี่ยนมีลับลมคมในต่อกัน
เต๋อเฟยขมวดคิ้วเสิ่นหรูโจวเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง หันกลับไปมองเซียวเฉินเหยี่ยน ในใจพลันเริงร่าขึ้นมาไม่คิดว่าการปะทะกับศัตรู กลับรอจนได้ยินศัตรูพูดคำนี้ได้ ช่างเป็นความน่ายินดีที่ตกลงมาจากฟ้าจริงๆ!รีบหย่านางเถอะ!ม่านตาของเซียวเฉินเหยี่ยนหดตัวลงเล็กน้อย ริมฝีปากบางเม้มแน่นจนเป็นเส้นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าก็คาดไม่ถึงเช่นกันรอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวจิ่นซีราบเรียบ“รอจนหย่านางทิ้งแล้ว พี่จะไปขอให้เสด็จพ่อพระราชทานสมรสให้ มอบรั่วหานให้เป็นพระชายาของเจ้า” ตัวนางในยามนี้มีความโปรดปรานจากเสด็จพ่อ มีอำนาจสูงเทียมฟ้า ในช่วงเวลานี้มีหน้ามีตาไร้ผู้ใดเทียบ แต่ภายภาคหน้าเมื่อราชบัลลังก์เปลี่ยนคนนั่ง สถานการณ์จะเป็นเช่นใด ก็ยากที่จะบอกแล้วหากนางจะสนับสนุนเขาให้ได้ครองบัลลังก์ จำต้องแอบส่งคนไปอยู่ข้างกายเขาอย่างลับๆ จำนวนหนึ่ง เพื่อสะดวกในการควบคุมเขาในอนาคตเซียวรั่วหานเป็นลูกสาวบุญธรรมของนาง เคารพนางเสมอมา ซื่อสัตย์ภักดี เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในห้องพลันเงียบงันลง เซียวเฉินหยี่ยนมิได้รับคำของเซียวจิ่นซี เหลือบมองเสิ่นหรูโจวด้วยดวงตาสีนิลที่ลึกล้ำเสิ่นหรูโจวก็จ้องเขาอย่างไม่ละ
ชาติก่อน เซียวเฉินเหยี่ยนไม่ผิดต่อผู้ใด แต่กลับผิดต่อนางเพียงคนเดียว นางเลิกคาดหวังในตัวเขาไปนานแล้วนอกจากนี้ เขาก็ไม่มีทางช่วยนาง แต่ไรมาเขาชื่นชอบเพียงการทรมานนางเท่านั้นเต๋อเฟยมองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าซับซ้อน จากนั้นตามไปส่งเซียวเฉินเหยี่ยนสุดท้าย เสิ่นหรูโจวยังคงตกอยู่ในมือของเซียวจิ่นซีเซียวจิ่นซีค่อยๆ เดินมาที่เบื้องหน้าของเสิ่นหรูโจว มองนางอย่างผู้เหนือกว่าอย่างเย็นชา มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นอย่างได้ใจ“เสิ่นหรูโจว ในเมื่อเซียวเฉินเหยี่ยนไม่หย่าเจ้า ข้าย่อมมีวิธีการสั่งสอนเจ้า! หากเจ้าไม่มีทายาท ดูว่าเจ้าจะปักหลักอยู่ในจวนอ๋องได้อย่างไร ถึงเวลานั้น ต่อให้เจ้าไม่อยากถูกหย่าก็เป็นเรื่องยาก!”“ใครเข้ามา” เซียวจิ่นซีเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากแดงเฉิดฉันราวโลหิตแย้มออกอย่างเย็นชา “ประทานยาขับโลหิต!”สีหน้าของเสิ่นหรูโจวแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันทีขับโลหิตเป็นยาพิษชนิดหนึ่ง ฤทธิ์ยารุนแรงอย่างยิ่ง หลังจากดื่มแล้ว ไม่เพียงตลอดชีวิตไม่อาจตั้งครรภ์ ยังสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับร่างกาย เพียงไม่กี่ปีก็จะพลังชีวิตเหือดแห้งสุดท้ายจนสิ้นลมเซียวจิ่นซีผู้นี้ลงมืออำมหิตนัก!มองเพ
ขันทีน้อยรีบกล่าวว่า “ฝ่าบาทกับท่านผู้สำเร็จราชการเสด็จมาขอรับ!”อะไรนะ!เสด็จพ่อกับเป่ยซิวเยี่ยนกับเจ้ามารร้ายเป่ยซิวเยี่ยนมาด้วยกันแล้ว?สีหน้าของเซียวจิ่นซีเปลี่ยนไปในทันที ตะคอกเสียงเบา “รีบเก็บของไปเร็ว!”หากให้เสด็จพ่อ โดยเฉพาะผู้สำเร็จราชการเห็นภาพนี้เข้า เรื่องคงไม่จบง่ายๆนางกำนัลรีบปล่อยเสิ่นหรูโจว วางยาน้ำลงในกล่องอาหาร จากนั้นยกกล่องอาหารไปวางไว้ในมุมที่ไม่สะดุดตาในที่สุดเสิ่นหรูโจวก็ถูกปล่อยตัว อดไม่ได้ที่จะไอแห้งๆ ออกมาสองสามครั้งนางมองนางกำนัลเอายาน้ำถ้วยนั้นไปซ่อนไว้อย่างเย็นชา โค้งริมฝีปากเป็นรอยยิ้มเย็นชายามนี้ เซียวจิ่นซีจัดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว สายตาอันเหี้ยมโหดมองไปที่เสิ่นหรูโจว แค้นที่ตอนนี้ไม่อาจกับจัดการนาง!นางคว้าคอเสื้อของเสิ่นหรูโจวขึ้นมา ดึงคนมาอยู่เบื้องหน้าสายตา จากนั้นกล่าวเตือนว่า“ทางที่ดีที่สุดเจ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหล ไม่เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าตายโดยไร้ที่ฝัง!”พอกลบฝังฟังดูเหมือนขยะเลย ^^!เสิ่นหรูโจวมองเซียวจิ่นซีด้วยดวงตาเจิดจ้า สีหน้าไม่แยแส ค่อยๆ แกะนิ้วของนางออก กล่าวอย่างราบเรียบว่า“องค์หญิง รีบไปรับเสด็จเถิด!”แม้ในใจของเซียวจิ่นซ
เสิ่นหรูโจวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว ในเวลานี้ ความสามารถในการทำงานของตับของพระองค์ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวจิ่นซีก็คล้ายจะเจ็บยิ่งกว่าเดิมแล้ว เจ็บจนยืดเอวไม่ขึ้นมองเซียวจิ่นซีที่มีสีหน้าเจ็บปวด เซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นมีวิธีการรักษาหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวมิได้รีบกล่าว นางหยิบขวดยาเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาจากถุงผ้า เทยาลงบนในกลางฝ่ามือเม็ดหนึ่งยื่นไปที่เบื้องหน้าเซียวจิ่นซี “ทรงเสวยสิ่งนี้ลงไปก่อน” เซียวจิ่นซีฝืนยืดเอวขึ้น มองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าหวาดระแวง “นี่คือสิ่งใด?”“สายพระเนตรขององค์หญิงทรงไม่ดีหรือเพคะ นี่คือยาอย่างไรเล่าเพคะ”เซียวจิ่นซีไม่เชื่อว่าเสิ่นหรูโจวจะปรารถนาดีเช่นนี้ ลังเลอยู่นานไม่ยอมรับไปเสิ่นหรูโจวจึงชักมือกลับมา กล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “ไม่เสวยก็ช่างเถอะ ปล่อยให้ทรงปวดตายก็แล้วกัน” เซียวจิ่นซีกัดฟัน คว้าแย่งมาจากนั้นยัดเข้าปากไปเสิ่นหรูโจวโค้งริมฝีปาก หัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง จากนั้นจึงพูดวิธีการรักษาออกมา “ตับของพระองค์ยามนี้เสียหายแล้ว หากทรงต้องการมีชีวิตรอด ก็จะต้องตัดตับของพระองค์ออก
เซียวจิ่นซีคิดจะบันดาลโทสะอีกครั้ง ทว่าเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วมองนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสด็จพี่ แทนที่จะทรงตรัสสิ่งใดด้วยโทสะเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ มิสู้ทรงให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้พระองค์อย่างว่าง่ายดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ การรักษาพระวรกายให้หายดีสำคัญที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ"เต๋อเฟยก็เกลี้ยกล่อมเช่นกัน “นั่นสิ จิ่นซี อย่าได้เสียเวลาอีกเลย รีบให้หรูโจวตรวจให้เจ้าเถอะ” สุดท้ายแล้ว เซียวจิ่นซีก็ต้องการรักษาชีวิตตน ไม่ว่าจะเคียดแค้นเสิ่นหรูโจวอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะมาก่อเรื่อง นางจึงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีกเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปยังเสิ่นหรูโจว พูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นพระบัญชาของเสด็จพ่อ เจ้าก็อย่าได้เอาแต่ใจ” เดิมเสิ่นหรูโจวก็ไม่คิดจะจากไปจริงๆ เพียงแค่ขู่เซียวจิ่นซีไปอย่างนั้น บัญชาของฮ่องเต้ไม่อาจฝืน นอกจากนี้ นางก็จำเป็นจะต้องสร้างโอกาสให้ตนได้หย่าเช่นกันนางเดินกลับไปอย่างเรื่อยเฉื่อย นั่งลงข้างกายเซียวจิ่นซี “รบกวนองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ออกมาด้วยเพคะ” สีหน้าของเซียวจิ่นซีไม่น่ามอง ทว่ายังคงทำตามครั้งก่อนที่เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เซียวจิ
เมื่อเสิ่นหรูโจวได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยดูไปแล้ว จนถึงตอนนี้ยังคงถือได้ว่าราบรื่น ด่านเคราะห์ของท่านพ่ออยู่ที่การศึกครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าเวลานี้ยาของนางส่งไปถึงหรือยัง หากดูตามเวลาก็น่าจะทันการอยู่ขอเพียงท่านพ่อใช้ยาของนาง ก็จะไม่ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ในภายหลังแล้วนับแต่ได้ถือกำเนิดใหม่กลับมา นางยังมิได้พบท่านพ่อเลย นางจะต้องทำให้ท่านพ่อกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นว่าเมื่อนางได้ฟังข่าวของบิดาและพี่ชาย อารมณ์ก็คล้ายจะสงบลงไม่น้อย จึงลองกล่าวว่า “ในอนาคต เจ้ายังคงแก้นิสัยของเจ้าหน่อยเถิด” เสิ่นหรูโจวเงยหน้ามองเขา “นิสัยของข้าเป็นอย่างไร?”“ทุกครั้งที่เจ้าพบกับองค์หญิงเจาหยาง ล้วนมีเรื่องกันจนตึงเครียด” เซียวเฉินเหยี่ยนพยายามพูดอย่างละมุนละม่อม หวังว่านางจะรับฟัง “ถึงอย่างไรนางก็เป็นเสด็จพี่หญิงของข้า เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เจ้าก็แสดงท่าทีที่ดีสักหน่อย อย่าใช้อารมณ์ไปเสียทุกเรื่อง” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันทีหนึ่ง กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ท่านอย่าได้มาบงการข้า” บนใบหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนมีความไม่พอใจวาบผ่าน "หากเจ้ามีสิ่งใดไม่พอใจ อยาก
เริ่มจากชายแดนส่งข่าวด่วนมา บิดาและพี่ชายของเสิ่นหรูโจวจึงนำทัพไปช่วยที่ชายแดน ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป กลายเป็นฉากที่รายงานการรบถูกส่งมา ท่านแม่ทัพเสิ่นถูกธนูของศัตรูยิงทะลุมือ เนื่องจากขาดแคลนยาและสิ่งของทำให้ไม่มียารักษา ทว่าก็ยังคงรบชนะต่อมา หลังจากแม่ทัพใหญ่เสิ่นกลับมาถึงเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ก็ล้มป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด ส่วนที่จวนอ๋อง เสิ่นหรูโจวกับมู่หว่านหรงทะเลาะกันครั้ง เขาจึงลงโทษกักบริเวณให้นางสำนึกตน นางบังเอิญเป็นหวัดพอดี จึงนอนซมลุกไม่ขึ้น ทำให้ไม่รู้เรื่องที่ท่านแม่ทัพใหญ่เสิ่นได้รับบาดเจ็บผ่านไปไม่กี่วันเมื่อนางรู้ข่าว ก็มาขอร้องต่อหน้าเขา ต้องการให้เขาไปส่งของบำรุงจำนวนหนึ่งไปให้บิดา เขามองใบหน้าที่อ่อนแรงและซีดขาวของนาง ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย มองดูนางอย่างเย็นชาท้ายที่สุดเขายังคงให้คนไปส่งของ ทว่าเด็กรับใช้ส่งไปในนามของเขา รอจนพวกเขารู้เรื่อง เรื่องราวก็ผ่านไปนานแล้ว ความสัมพันธ์ของเสิ่นหรูโจวและตระกูลเสิ่นก็มาถึงจุดเยือกแข็งแล้วเช่นกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่นางปวดใจอย่างที่สุด และก็เป็นครั้งแรกที่นางใส่อารมณ์กับเขา ดั่งเช่นในยามนี้เซียวเฉิยเหยี่ยนยันรถม้าไว้
สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่ามองอยู่บ้าง “หรือเจ้าจะให้ข้ายืนรอเจ้าอยู่ด้านนอก?”“ท่านจะนั่งยองลงก็ได้เช่นกัน” ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าขอบอกท่านไว้เลย เวลานี้ไม่ว่าข้าจะมองท่านที่ใดก็ขัดตาไปหมด หากท่านไม่ต้องการสร้างความอับอายให้ตนเอง ก็อย่าได้มายั่วโมโหข้า!”กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินเข้าประตูไป จากนั้นปิดประตูลงดัง ‘ปัง’เซียวเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม เขากำหมัดแน่นมองประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิท เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ทว่าในใจก็เกิดความรู้สึกถึงความแตกต่างขึ้นมาเช่นกันในอดีต ทั้งดวงตาและหัวใจของเสิ่นหรูโจวล้วนมีแต่เขา ไม่มีทางกีดกันเขาไว้ภายนอกอย่างเด็ดขาด ทว่า ในยามนี้ เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะเหยียบเข้าประตูเรือนของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?ทว่า ความรู้สึกของคนเปลี่ยนแปลงได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เหตุใดเขาจึงโชคไม่ดีเช่นนี้ แต่งงานได้เพียงช่วงสั้นๆ สิบกว่าวัน นางก็ไม่หลงเหลือความรักให้เขาแล้วหลังเสิ่นหรูโจวปิดประตูลง ก็เข้าสู่ห้องของตนเมี่ยวตงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านอยากทานสิ่งใด บ่าวจะไปเตรียมให้เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องแล้
ชาติก่อนมู่หว่านหรงอาศัยว่าได้รับความโปรดปราน มักแย่งของนางอย่างเปิดเผย ของพระราชทานที่ในวังประทานให้ชายาเอกทุกงานเทศกาลนางก็จะแย่ง ไปช่วยเหลือราษฎรจนสร้างผลงาน นางก็จะแย่งอีก เซียวเฉินเหยี่ยนไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย เวลานี้ยิ่งดี แม้แต่ตัวเขาเองก็จะมาแย่งรางวัลของนางด้วย!เซียวเฉินเหยี่ยนถูกคำพูดของเสิ่นหรูโจวซัดไปเป็นชุด ทำให้ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างเขาจับข้อมือเสิ่นหรูโจวแน่นไม่ยอมปล่อย ความโมโหในก้นบึ้งของดวงตาปรากฏขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด จับจ้องไปที่เสิ่นหรูโจวแล้วกล่าวว่า “หากข้าไม่ชิงลงมือก่อนเจ้าก้าวหนึ่ง เจ้าก็คงจะไปขอให้เสด็จพ่อประทานการหย่าให้แล้ว” “ไม่ผิด!” เสิ่นหรูโจวตอบอย่างไม่ลังเลนี่เป็นเรื่องที่นางเฝ้าปรารถนา รอคอยมาสองชาติ!“เจ้า…" เซียวเฉินเหยี่ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อนนับหมื่นอัดอั้นอยู่ในอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก”โดยพื้นฐานแล้ว เขาดูแคลนต่อการแย่งผลงานสตรี ที่ทำเช่นนี้ ประการแรก เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นของมู่หว่านชิง ประการที่สอง…เขาคิดได้ว่า เสิ่นหรูโจวจะใช้คำสัญญานี้มาหย่ากับเขา เขารู้สึกไม่อยากห
ฉินหมิงตะลึงไป ถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านอ๋องไม่เป็นอะไร? คำพูดนี้ของนายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”ลู่หวายหนิงดึงฉินหมิงเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด พยายามระงับความตื่นเต้น ลดเสียงเบาลงแล้วกล่าวว่า “ความหมายก็คือบนร่างของอาจารย์ไม่มีผื่นขึ้น อาจารย์อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบตอนอยู่กับพี่สาวน่ะสิ” ดวงตาทั้งคู่ของฉินหมิงเบิกกว้าง พูดอย่างตกใจว่า “จริงหรือขอรับ?”ลู่หวายหนิงหัวเราะออกมา “จริงแท้แน่นอน ข้าทำการยืนยันแล้ว” ฉินหมิงรู้สึกไม่อยากเชื่อ “หลายปีมานี้ ไม่ว่าสตรีนางใดสัมผัสท่านอ๋อง ก็ล้วนทำให้ท่านอ๋องเกินอาการแพ้ มีเพียงหญิงที่นายท่านพบในปีที่แล้วนางนั้นที่ไม่เป็นไร” “พูดไปแล้ว ตามหาสตรีนางนั้นไม่เจอเสียที ช่างน่าเสียดายนัก คิดไม่ถึงว่าพระชายาของอ๋องอู่เฉิงก็ไม่ทำให้นายท่านเกิดอาการแพ้เช่นกัน ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ราวสวรรค์ได้สรรค์สร้างมา” “นั่นสิ!” ลู่หวายหนิงเห็นด้วยอย่างมาก “อาจารย์หาผู้หญิงคนนั้นไม่เจอสักที อย่างนั้นพี่สาวก็เป็นคู่ชะตาที่สวรรค์ลิขิตมาให้อาจารย์แล้ว! ถ้าพวกเขามาอยู่ด้วยกันเร็วหน่อยก็ดี ข้าแทบรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว!”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นก็รีบส่ายหน้าอย่างรุนแรงทันที “
ในขณะที่พูด เขาก็ยื่นศีรษะเข้าไป มองซ้ายมองขวาเป่ยซิวเยี่ยนยื่นมือออกไปผลักหัวของเขาเบาๆ “ไม่ต้องดูแล้ว ไม่มีหรอก” ลู่หวายหนิงตกใจอย่างมาก ดวงตาเบิกจนกลมโตมองไปที่เป่ยซิวเยี่ยนบนใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของเป่ยซิวเยี่ยน ก็มีความประหลาดใจอยู่อย่างเลือนรางเช่นกันลู่หวายหนิงยังคงรู้สึกไม่ยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง จึงทำการยืนยันอีกครั้ง “อาจารย์ขอรับ เมื่อครู่พี่สาวสัมผัสถูกท่านแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?” เป่ยซิวเยี่ยนเอนกายไปด้านหลัง พิงลงบนพนักเก้าอี้ ดวงตาล้ำลึกดุจบึงน้ำอันเยือกเย็นหรี่ลงเล็กน้อยเรื่องที่เขาเป็นภูมิแพ้ผู้หญิงมีน้อยคนนักที่จะรู้ เมื่อครู่คิดจะหยุดนางเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง แต่กลับทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปกุมมือของนางเข้าโดยบังเอิญ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจว่าอีกครู่อาการของตนต้องกำเริบ จึงปล่อยให้นางเปลี่ยนยาให้ตนเสียเลย คิดไม่ถึงว่า จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรอาการคันชาบริเวณเอวคล้ายจะยังไม่จางหายไป ปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยตกลงบนหน้าท้องของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับการยั่วเย้า เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่หวายหนิงร้อ
เป่ยซิวเยี่ยนมองดวงหน้าที่งดงามดั่งหยกของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างน่าประหลาด “ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีทางผิดคำสัญญา เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน”เสิ่นหรูโจวพลันหัวเราะออกมาแล้ว มองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างซาบซึ้ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านเป็นคนดีจริงๆ ข้าจะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาท่านให้ได้แน่” ไม่ว่าในชาติก่อนเขาจะก่อกบฏ เพราะเหตุใด เหตุใดจึงถูกคนขนานนามว่าเป็นพญามัจจุราชที่มีชีวิต แต่สำหรับนางแล้ว เขาก็คือคนดีคนหนึ่งเป่ยซิวเยี่ยนตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แย้มบานราวบุปผาของนาง ริมฝีปากบางก็อดโค้งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน “คำชมของพระชายาช่างแปลกใหม่เหลือเกิน” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดว่าเขาเป็นคนดีแปลกใหม่? แปลกใหม่ตรงที่ใดกัน?เสิ่นหรูโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าบาดแผลของเขาได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจึงถือกล่องยาขึ้นมา“ท่านผู้สำเร็จราชการ สองสามวันนี้บาดแผลของท่านกำลังสมานตัว จะคันอย่างมาก เพียงระวังอย่าไปเกาก็จะหายดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ รอจนเสิ่