“พระชายาของอ๋องอู่เฉิง การตรวจรักษาให้กุ้ยเฟยในอีกสองวันข้างหน้า เตรียมการไปถึงไหนแล้ว?”เสิ่นหรูโจวประหลาดอยู่บ้าง เป่ยซิวเยี่ยนถึงกับพูดเรื่องนี้ขึ้นมาต่อหน้าฮ่องเต้ นางพยักหน้า “สามารถทำการรักษาได้ทุกเวลาเพคะ” ฮ่องเต้หย่งอันมองที่เสิ่นหรูโจว กล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเล็กน้อยว่า“อ้อ ชายาของอ๋องอู่เฉิงจะรักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟยหรือ” หัวคิ้วของเต๋อเฟยพลันขมวดเข้าหากันกุ้ยเฟยค่อนข้างได้รับความรักจากฮ่องเต้ เป็นสนมที่ได้รับความโปรดปรานที่สุด แต่อาการป่วยของนางมีความพิเศษ ทั่วทั้งสำนักหมอหลวงล้วนรักษาไม่หาย แล้วบุตรีจากภริยาเอกของแม่ทัพจะรักษาได้อย่างไร?และต่อให้เสิ่นหรูโจวมีความสามารถนั้นจริง จะรักษาให้ใครก็ไม่ควรรักษาให้กุ้ยเฟย! ปล่อยให้นางทรมานจนตายจึงจะดี!“หรูโจวรู้เรื่องการแพทย์เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น พี่กุ้ยเฟยตั้งครรภ์มังกร อาการป่วยมีความพิเศษ ให้นางไปรักษาอาการให้กุ้ยเฟยเกรงว่าจะไม่เหมาะ” สายตาอันลึกล้ำของฮ่องเต้หย่งอันกวาดมองใบหน้าที่อ่อนเยาว์และงดงามของเสิ่นหรูโจวรอบหนึ่งเซียวจิ่นซีก็รีบกล่าวสนับสนุนว่า “เสด็จพ่อหาหมอมีชื่อเสียงมามากมาย ก็ยังไม่สามารถรักษาอากา
สีหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่เปลี่ยนแปลง “ที่ข้ารักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟย มิใช่เพราะต้องการเป็นจุดสนใจ แต่เพราะท่านผู้สำเร็จราชการเป็นผู้ร้องขอมา!”สีหน้าของเป่ยซิวเยี่ยนเรียบเฉย รับคำด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า“เป็นกระหม่อมเสนอให้พระชายาของอ๋องอู่เฉิงเป็นผู้รักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟยจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเคยเห็นพระชายาช่วยชีวิตผู้ที่ใกล้ตายด้วยตนเอง วิชาแพทย์สูงส่งยิ่ง ดังนั้นจึงเสนอไปเช่นนั้น เพื่อแบ่งเบาความกังวลพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” จิตใจของเต๋อเฟยพลันหนักอึ้ง สบตากับเซียวจิ่นซีครั้งหนึ่ง คนทั้งคู่ต่างไร้คำพูดแล้วเป่ยซิวเยี่ยนมีน้ำหนักมากเพียงใดต่อฮ่องเต้หย่งอัน เขาเป็นผู้แนะนำให้เสิ่นหรูโจวรักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟย ต่อให้ฮ่องเต้หย่งอันจะลังเลเพียงใด ก็ไม่มีทางพูดอะไร นอกจากนี้ วาจาของเป่ยซิวเยี่ยนกล่าวได้น่าฟังถึงเพียงนี้ แล้วยังจะมีผู้ใดขัดขวางได้อีก?“ผู้สำเร็จราชการเคยกล่าวไว้จริงๆ ว่า พระชายาของอ๋องอู่เฉิงวิชาแพทย์ไม่เลว ให้ชายาของอู่เฉิงอ๋องลองดูก็ไม่เสียหายอะไร” ฮ่องเต้หย่งอันยิ้มจางๆ ให้เสิ่นหรูโจวอย่างหาได้ยาก น้ำเสียงก็อ่อนโยนลงไม่น้อย“กุ้ยเฟยกำลังตั้งครรภ์ ยามรักษาอา
“เสด็จพ่อ ทรงดูสิเพคะ ยาน้ำนี้เป็นยาบำรุงชั้นยอด ข้างในไม่เพียงมีโสม หลินจือ และสมุนไพรล้ำค่าต่างๆเท่านั้น ยังมีความปรารถนาดีที่องค์หญิงมีต่อกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงด้วยนะเพคะ!”“รีบนำไปให้กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงดื่มเถิดเพคะ ไม่แน่ว่า เพียงครู่เดียวอาการป่วยของกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงก็จะหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว!”คิ้วของเป่ยซิวเยี่ยนเลิกสูงกว่าเดิมแล้ว เห็นเสิ่นหรูโจวแย้มยิ้มราวสุนัขจิ้งจอกตัวน้อย ประกอบกับท่าทางอมพะนำเช่นนั้นขององค์หญิงใหญ่ เพียงครู่เดียวก็เดาได้ว่ายานี้ต้องไม่ใช่ของดีอะไรอย่างแน่นอน“อย่าได้ปล่อยไว้นานจนสูญเสียประสิทธิภาพไป ฝ่าบาท ทรงย้ายไปประทับที่ตำหนักกุ้ยเฟยในยามนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ จะได้ไม่ผิดต่อความตั้งใจขององค์หญิง” ฮ่องเต้หย่งอันกล่าวอย่างพึงพอใจว่า “จิ่นซีเด็กคนนี้เป็นพวกภายนอกเย็นชาแต่จิตใจอบอุ่น ไปไปไป ตามข้าไปเยี่ยมกุ้ยเฟยด้วยกัน” สีหน้าของเซียวจิ่นซีซีดขาวเหมือนกระดาษ เหงื่อไหลไม่หยุด รีบยับยั้งว่า “เสด็จพ่อ จะทรงไปเยี่ยมกุ้ยเฟยก็ไม่จำเป็นต้องรีบไปเวลานี้ ทรงเพิ่งมาถึงตำหนักเสด็จแม่ จะอย่างไรก็ควรประทับที่นี่สักครู่นะเพคะ” เมี่อได้ยินเช่นนั้น ฮ่องเต้หย่งอันก็ลังเลเล็
เต๋อเฟยมองส่งฮ่องเต้และคนทั้งหมดจากไป สุดท้ายสายตาตกลงบนตัวของเสิ่นหรูโจว แววตาค่อยๆเยียบเย็นลงเด็กสาวคนนี้ เหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย…ในตำหนัก เซียวจิ่นซีราวเสียสติไปแล้วก็ไม่ปาน นางทรุดตัวอยู่บนพื้น พยายามล้วงคอของตนอย่างไม่ห่วงภาพลักษณ์ อาเจียนโดยไร้สิ่งใดออกมาไม่หยุดนางกำนัลที่รู้เบื้องหลังรีบนำกระโถนบ้วนน้ำลายมา จากนั้นตบหลังให้เซียวจิ่นซีอย่างร้อนรน “องค์หญิง รีบอาเจียนออกมาเพคะ เร็วเข้าเพคะ” ทันทีที่เต๋อเฟยกลับมาถึงห้องและเห็นภาพความวุ่นวายที่เละเป็นโจ๊กนี้ ก็ทั้งสงสัยทั้งเป็นห่วง รีบถามว่า “นี่เกิดสิ่งใดขึ้นกัน?”นางกำนัลร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว ตอบว่า “ที่องค์หญิงดื่มลงไปเมื่อครู่คือยาขับโลหิตเพคะ!”“อะไรนะ?” เต๋อเฟยร้องอุทานออกมาอย่างตระหนกนางรีบก้าวเข้าไปช่วยตบหลังให้เซียวจิ่นซี กล่าวอย่างร้อนใจว่า “เหตุใดเจ้าจึงดื่มของนั่นลงไปได้!”เซียวจิ่นซีจะมีเวลามาตอบได้อย่างไร นางกำนัลรีบตอบแทนว่า “เดิมจะมอบให้พระชายาของท่านอ๋องอู่เฉิงดื่มเพคะ แต่เพราะฝ่าบาทกับท่านผู้สำเร็จราชการเสด็จมาอย่างกะทันหัน จึงถูกขัดจังหวะลง พระชายาของอ๋องอู่เฉิงเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก จะส่งเจ้าขอ
เสิ่นหรูโจวพยักหน้า เป็นไปตามที่คาดเขายังต้องการให้นางไปรักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟย เพื่อดูความสามารถของนาง ย่อมไม่อาจให้นางตายอยู่ในมือของเซียวจิ่นซี จะเป็นห่วงนางก็เป็นเรื่องธรรมดาเป่ยซิวเยี่ยนไร้อารมณ์ “ทว่าข้าเป็นคิดมากเกินไปแล้ว เจ้าไม่ได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบ” เสิ่นหรูโจวครุ่นคิด “ท่านอ๋องมาแล้วความลำบากของข้าถึงคลี่คลาย ที่ข้าสามารถถอนตัวออกมาได้อย่างราบรื่น ต้องขอบคุณท่านอ๋องเป็นอย่างมาก” ตอนนั้นเซียวจิ่นซีจะให้นางดื่มยาขับโลหิตให้ได้ หากฮ่องเต้กับเป่ยซิวเยี่ยนไม่มา แม้นางจะสามารถหาจังหวะต่อต้านได้ แต่เกรงว่าคงได้แต่รักษาตัวให้รอด ยังไม่แน่ว่าจะสามารถโต้กลับได้สำเร็จดังนั้น เป่ยซิวเยี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของนางจริงๆทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ เขาได้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ลำบากให้แก่นาง หรือชาติที่แล้วนางพร่ำภาวนาให้เขาก่อกบฏ บ่นถึงค่อนข้างบ่อย ชาตินี้จึงได้มีวาสนาต่อกันเช่นนี้ขณะกำลังคิดอยู่ ไหล่ของเสิ่นหรูโจวก็ถูกคนตบเบาๆนางสะดุ้งขึ้นมา เมื่อหันกลับมาก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาน่ารักของลู่หวายหนิง จึงยิ้มออกมาทันที “หวายหนิง เจ้าก็เข้าวังมาด้วยแล้ว!”เป่ยซิวเยี่ยนมองลู่หวายหน
เสิ่นหรูโจวยิ้มพลางส่ายหัว “อย่าพึ่งรีบชมข้า จะรักษากุ้ยเฟยได้หรือไม่ข้ายังไม่รู้เลย” ที่นางกล้าพูดว่าตนเองมีความมั่นใจ ก็เป็นเพราะรู้ข้อมูลมากกว่าพวกเขา ชาติก่อนแม้นางจะไม่ได้รักษากุ้ยเฟยด้วยตัวเอง แต่ก็ได้ยินมาบ้างภายหลังตอนที่อยู่ในหมู่ชาวบ้าน นางได้พบกับหญิงตั้งครรภ์นางหนึ่ง อาการของนางเหมือนกุ้ยเฟยไม่มีผิด…ทว่าสถานการณ์ของกุ้ยเฟยจะเป็นเช่นใดนั้น ต้องรอจนนางพบแล้วจึงจะรู้ความมั่นใจที่ลู่หวายหนิงมีต่อเสิ่นหรูโจวยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก กำหมัดเล็กทั้งสองข้างแน่น กล่าวว่า “พี่สาวจะต้องทำได้อย่างแน่นอน!”เป่ยซิวเยี่ยนมองรอยยิ้มบางๆ ของเสิ่นหรูโจว พูดขึ้นมาว่า “เจ้าคิดจะรักษาอย่างไร ?”เสิ่นหรูโจวหันหน้ามามองเป่ยซิวเยี่ยนครั้งหนึ่งกุ้ยเฟยมีฐานะสูงส่ง เป่ยซิวเยี่ยนเป็นผู้แนะนำให้นางรักษากุ้ยเฟย ย่อมต้องแบกรับความรับผิดชอบส่วนหนึ่ง นางควรจะบอกแผนการบางส่วนต่อเป่ยซิวเยี่ยน เขาจะได้วางใจขึ้นบ้างสีหน้าของนางจริงจังขึ้นมา หลบตาลงพลางใคร่ครวญแล้วกล่าวว่า “ที่ท้องของกุ้ยเฟยใหญ่เกินไป คิดว่าน่าจะมีของเหลวคั่งค้างอยู่ในช่องท้อง…”ความคิดของนางทั้งหมดจดจ่ออยู่กับโรคของกุ้ยเฟย โดยไม่ทันระว
แต่อาจารย์บรรยายลักษณะคนอย่างรายละเอียดน้อยเกินไปแล้ว รูปโฉมของสตรีนางนั้นเป็นอย่างไรก็ไม่ได้บอก บอกเพียงว่ารูปร่างผอมบาง นอกจากเรื่องนี้แล้ว เบาะแสเดียวที่มีก็คือในมือของผู้หญิงคนนั้นมีแหวนปานจื่อของเขาในยามนั้น พวกเขาต่างก็คิดว่าท่านอาจารย์เป็นต้นไม้เหล็กพันปีที่ในที่สุดก็ออกดอก ถูกตาสตรีนางนั้นเข้าแล้ว จะต้องหาตัวสตรีนางนั้นกลับมาเป็นชายาให้ได้ที่น่าเสียดายก็คือ จนถึงตอนนี้ก็ยังหาตัวสตรีนางนั้นไม่พบ ท่านอาจารย์ก็มิได้พูดถึงอีกพวกเขาเลยรู้สึกอีกว่าท่านอาจารย์คงจะเกิดความสนใจเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น เมื่อหาไม่เจอก็ปล่อยวางแล้ว เขาก็คิดว่า สุดท้ายแล้วผู้หญิงคนนั้นก็ไม่อาจเปิดประตูหัวใจของท่านอาจารย์ได้แต่ทว่า ในเวลานี้กลับได้เห็นอาจารย์กับพี่สาวคนสวยใกล้ชิดกันถึงเพียงนี้ หรือต้นไม้เหล็กพันปีจะออกดอกเป็นครั้งที่สองแล้วนะ?ลู่หวายหนิงอดแอบหัวเราะไม่ได้ ตามติดพวกเขาไปด้านหลังอย่างไร้สุ้มเสียง มองดูเงาหลังของพวกเขา คนหนึ่งองอาจสง่างาม อีกคนงดงามดุจดอกไม้ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เหมาะสมไปหมด!โดยเฉพาะใบหน้าที่ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้กันของพวกเขา และเสียงพูดที่ค่อยๆ ลดเบาลง ทั้งหมดนี้ล้วน
เหล่าข้ารับใช้ในตำหนักพากันคุกเข่าลงกับพื้น ส่งเสียงพร้อมกันว่า “ถวายบังคมฝ่าบาท” สตรีนางนั้นค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา มิได้ลุกขึ้นมาถวายบังคม นางมองไปที่ฮ่องเต้หย่งอัน กล่าวอย่างยากลำบากเล็กน้อยว่า “ฝ่าบาท ทรงเสด็จมาแล้วหรือเพคะ” ฮ่องเต้หย่งอันเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง คิ้วก็ขมวดเข้าหากันเป็นก้อนอีก เดินไปนั่งลงข้างกายนาง กุมมือที่ขาวเนียนละเอียดของนาง“กุ้ยเฟย วันนี้สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง?”กุ้ยเฟยถอนใจเบาๆ ครั้งหนึ่ง ดวงตาชั้นเดียวอันทรงเสน่ห์คู่นั้นเต็มไปด้วยความกังวล “ยังคงเป็นเช่นเดิม แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก อึดอัดมากเหลือเกินเพคะ” “เหตุใดวันนี้ฝ่าบาทจึงมีเวลาว่างแวะมาได้เพคะ?”ใบหน้าอันน่าเกรงขามของฮ่องเต้หย่งอันมีความอ่อนโยนอยู่หลายส่วน กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “เจ้าป่วยอยู่ ในใจของข้ารู้สึกเป็นห่วงอยู่ตลอด วันนี้จึงได้ตั้งใจมาเยี่ยมเจ้าเป็นพิเศษ” เขาเบี่ยงกายเล็กน้อย มองไปยังเป่ยซิวเยี่ยน “ผู้สำเร็จราชการกับพระชายาของอู่เฉิงอ๋องก็มาด้วย” เป่ยซิวเยี่ยนและเสิ่นหรูโจวก้าวออกมาหนึ่งก้าว ทำความเคารพว่า “คารวะกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง” กุ้ยเฟยเงยหน้ามองมา ใบหน้ายังคงอมทุกข์เช่นเดิม พ