สีหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่เปลี่ยนแปลง “ที่ข้ารักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟย มิใช่เพราะต้องการเป็นจุดสนใจ แต่เพราะท่านผู้สำเร็จราชการเป็นผู้ร้องขอมา!”สีหน้าของเป่ยซิวเยี่ยนเรียบเฉย รับคำด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า“เป็นกระหม่อมเสนอให้พระชายาของอ๋องอู่เฉิงเป็นผู้รักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟยจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเคยเห็นพระชายาช่วยชีวิตผู้ที่ใกล้ตายด้วยตนเอง วิชาแพทย์สูงส่งยิ่ง ดังนั้นจึงเสนอไปเช่นนั้น เพื่อแบ่งเบาความกังวลพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” จิตใจของเต๋อเฟยพลันหนักอึ้ง สบตากับเซียวจิ่นซีครั้งหนึ่ง คนทั้งคู่ต่างไร้คำพูดแล้วเป่ยซิวเยี่ยนมีน้ำหนักมากเพียงใดต่อฮ่องเต้หย่งอัน เขาเป็นผู้แนะนำให้เสิ่นหรูโจวรักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟย ต่อให้ฮ่องเต้หย่งอันจะลังเลเพียงใด ก็ไม่มีทางพูดอะไร นอกจากนี้ วาจาของเป่ยซิวเยี่ยนกล่าวได้น่าฟังถึงเพียงนี้ แล้วยังจะมีผู้ใดขัดขวางได้อีก?“ผู้สำเร็จราชการเคยกล่าวไว้จริงๆ ว่า พระชายาของอ๋องอู่เฉิงวิชาแพทย์ไม่เลว ให้ชายาของอู่เฉิงอ๋องลองดูก็ไม่เสียหายอะไร” ฮ่องเต้หย่งอันยิ้มจางๆ ให้เสิ่นหรูโจวอย่างหาได้ยาก น้ำเสียงก็อ่อนโยนลงไม่น้อย“กุ้ยเฟยกำลังตั้งครรภ์ ยามรักษาอา
“เสด็จพ่อ ทรงดูสิเพคะ ยาน้ำนี้เป็นยาบำรุงชั้นยอด ข้างในไม่เพียงมีโสม หลินจือ และสมุนไพรล้ำค่าต่างๆเท่านั้น ยังมีความปรารถนาดีที่องค์หญิงมีต่อกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงด้วยนะเพคะ!”“รีบนำไปให้กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงดื่มเถิดเพคะ ไม่แน่ว่า เพียงครู่เดียวอาการป่วยของกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงก็จะหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว!”คิ้วของเป่ยซิวเยี่ยนเลิกสูงกว่าเดิมแล้ว เห็นเสิ่นหรูโจวแย้มยิ้มราวสุนัขจิ้งจอกตัวน้อย ประกอบกับท่าทางอมพะนำเช่นนั้นขององค์หญิงใหญ่ เพียงครู่เดียวก็เดาได้ว่ายานี้ต้องไม่ใช่ของดีอะไรอย่างแน่นอน“อย่าได้ปล่อยไว้นานจนสูญเสียประสิทธิภาพไป ฝ่าบาท ทรงย้ายไปประทับที่ตำหนักกุ้ยเฟยในยามนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ จะได้ไม่ผิดต่อความตั้งใจขององค์หญิง” ฮ่องเต้หย่งอันกล่าวอย่างพึงพอใจว่า “จิ่นซีเด็กคนนี้เป็นพวกภายนอกเย็นชาแต่จิตใจอบอุ่น ไปไปไป ตามข้าไปเยี่ยมกุ้ยเฟยด้วยกัน” สีหน้าของเซียวจิ่นซีซีดขาวเหมือนกระดาษ เหงื่อไหลไม่หยุด รีบยับยั้งว่า “เสด็จพ่อ จะทรงไปเยี่ยมกุ้ยเฟยก็ไม่จำเป็นต้องรีบไปเวลานี้ ทรงเพิ่งมาถึงตำหนักเสด็จแม่ จะอย่างไรก็ควรประทับที่นี่สักครู่นะเพคะ” เมี่อได้ยินเช่นนั้น ฮ่องเต้หย่งอันก็ลังเลเล็
เต๋อเฟยมองส่งฮ่องเต้และคนทั้งหมดจากไป สุดท้ายสายตาตกลงบนตัวของเสิ่นหรูโจว แววตาค่อยๆเยียบเย็นลงเด็กสาวคนนี้ เหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย…ในตำหนัก เซียวจิ่นซีราวเสียสติไปแล้วก็ไม่ปาน นางทรุดตัวอยู่บนพื้น พยายามล้วงคอของตนอย่างไม่ห่วงภาพลักษณ์ อาเจียนโดยไร้สิ่งใดออกมาไม่หยุดนางกำนัลที่รู้เบื้องหลังรีบนำกระโถนบ้วนน้ำลายมา จากนั้นตบหลังให้เซียวจิ่นซีอย่างร้อนรน “องค์หญิง รีบอาเจียนออกมาเพคะ เร็วเข้าเพคะ” ทันทีที่เต๋อเฟยกลับมาถึงห้องและเห็นภาพความวุ่นวายที่เละเป็นโจ๊กนี้ ก็ทั้งสงสัยทั้งเป็นห่วง รีบถามว่า “นี่เกิดสิ่งใดขึ้นกัน?”นางกำนัลร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว ตอบว่า “ที่องค์หญิงดื่มลงไปเมื่อครู่คือยาขับโลหิตเพคะ!”“อะไรนะ?” เต๋อเฟยร้องอุทานออกมาอย่างตระหนกนางรีบก้าวเข้าไปช่วยตบหลังให้เซียวจิ่นซี กล่าวอย่างร้อนใจว่า “เหตุใดเจ้าจึงดื่มของนั่นลงไปได้!”เซียวจิ่นซีจะมีเวลามาตอบได้อย่างไร นางกำนัลรีบตอบแทนว่า “เดิมจะมอบให้พระชายาของท่านอ๋องอู่เฉิงดื่มเพคะ แต่เพราะฝ่าบาทกับท่านผู้สำเร็จราชการเสด็จมาอย่างกะทันหัน จึงถูกขัดจังหวะลง พระชายาของอ๋องอู่เฉิงเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก จะส่งเจ้าขอ
เสิ่นหรูโจวพยักหน้า เป็นไปตามที่คาดเขายังต้องการให้นางไปรักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟย เพื่อดูความสามารถของนาง ย่อมไม่อาจให้นางตายอยู่ในมือของเซียวจิ่นซี จะเป็นห่วงนางก็เป็นเรื่องธรรมดาเป่ยซิวเยี่ยนไร้อารมณ์ “ทว่าข้าเป็นคิดมากเกินไปแล้ว เจ้าไม่ได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบ” เสิ่นหรูโจวครุ่นคิด “ท่านอ๋องมาแล้วความลำบากของข้าถึงคลี่คลาย ที่ข้าสามารถถอนตัวออกมาได้อย่างราบรื่น ต้องขอบคุณท่านอ๋องเป็นอย่างมาก” ตอนนั้นเซียวจิ่นซีจะให้นางดื่มยาขับโลหิตให้ได้ หากฮ่องเต้กับเป่ยซิวเยี่ยนไม่มา แม้นางจะสามารถหาจังหวะต่อต้านได้ แต่เกรงว่าคงได้แต่รักษาตัวให้รอด ยังไม่แน่ว่าจะสามารถโต้กลับได้สำเร็จดังนั้น เป่ยซิวเยี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของนางจริงๆทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ เขาได้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ลำบากให้แก่นาง หรือชาติที่แล้วนางพร่ำภาวนาให้เขาก่อกบฏ บ่นถึงค่อนข้างบ่อย ชาตินี้จึงได้มีวาสนาต่อกันเช่นนี้ขณะกำลังคิดอยู่ ไหล่ของเสิ่นหรูโจวก็ถูกคนตบเบาๆนางสะดุ้งขึ้นมา เมื่อหันกลับมาก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาน่ารักของลู่หวายหนิง จึงยิ้มออกมาทันที “หวายหนิง เจ้าก็เข้าวังมาด้วยแล้ว!”เป่ยซิวเยี่ยนมองลู่หวายหน
เสิ่นหรูโจวยิ้มพลางส่ายหัว “อย่าพึ่งรีบชมข้า จะรักษากุ้ยเฟยได้หรือไม่ข้ายังไม่รู้เลย” ที่นางกล้าพูดว่าตนเองมีความมั่นใจ ก็เป็นเพราะรู้ข้อมูลมากกว่าพวกเขา ชาติก่อนแม้นางจะไม่ได้รักษากุ้ยเฟยด้วยตัวเอง แต่ก็ได้ยินมาบ้างภายหลังตอนที่อยู่ในหมู่ชาวบ้าน นางได้พบกับหญิงตั้งครรภ์นางหนึ่ง อาการของนางเหมือนกุ้ยเฟยไม่มีผิด…ทว่าสถานการณ์ของกุ้ยเฟยจะเป็นเช่นใดนั้น ต้องรอจนนางพบแล้วจึงจะรู้ความมั่นใจที่ลู่หวายหนิงมีต่อเสิ่นหรูโจวยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก กำหมัดเล็กทั้งสองข้างแน่น กล่าวว่า “พี่สาวจะต้องทำได้อย่างแน่นอน!”เป่ยซิวเยี่ยนมองรอยยิ้มบางๆ ของเสิ่นหรูโจว พูดขึ้นมาว่า “เจ้าคิดจะรักษาอย่างไร ?”เสิ่นหรูโจวหันหน้ามามองเป่ยซิวเยี่ยนครั้งหนึ่งกุ้ยเฟยมีฐานะสูงส่ง เป่ยซิวเยี่ยนเป็นผู้แนะนำให้นางรักษากุ้ยเฟย ย่อมต้องแบกรับความรับผิดชอบส่วนหนึ่ง นางควรจะบอกแผนการบางส่วนต่อเป่ยซิวเยี่ยน เขาจะได้วางใจขึ้นบ้างสีหน้าของนางจริงจังขึ้นมา หลบตาลงพลางใคร่ครวญแล้วกล่าวว่า “ที่ท้องของกุ้ยเฟยใหญ่เกินไป คิดว่าน่าจะมีของเหลวคั่งค้างอยู่ในช่องท้อง…”ความคิดของนางทั้งหมดจดจ่ออยู่กับโรคของกุ้ยเฟย โดยไม่ทันระว
แต่อาจารย์บรรยายลักษณะคนอย่างรายละเอียดน้อยเกินไปแล้ว รูปโฉมของสตรีนางนั้นเป็นอย่างไรก็ไม่ได้บอก บอกเพียงว่ารูปร่างผอมบาง นอกจากเรื่องนี้แล้ว เบาะแสเดียวที่มีก็คือในมือของผู้หญิงคนนั้นมีแหวนปานจื่อของเขาในยามนั้น พวกเขาต่างก็คิดว่าท่านอาจารย์เป็นต้นไม้เหล็กพันปีที่ในที่สุดก็ออกดอก ถูกตาสตรีนางนั้นเข้าแล้ว จะต้องหาตัวสตรีนางนั้นกลับมาเป็นชายาให้ได้ที่น่าเสียดายก็คือ จนถึงตอนนี้ก็ยังหาตัวสตรีนางนั้นไม่พบ ท่านอาจารย์ก็มิได้พูดถึงอีกพวกเขาเลยรู้สึกอีกว่าท่านอาจารย์คงจะเกิดความสนใจเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น เมื่อหาไม่เจอก็ปล่อยวางแล้ว เขาก็คิดว่า สุดท้ายแล้วผู้หญิงคนนั้นก็ไม่อาจเปิดประตูหัวใจของท่านอาจารย์ได้แต่ทว่า ในเวลานี้กลับได้เห็นอาจารย์กับพี่สาวคนสวยใกล้ชิดกันถึงเพียงนี้ หรือต้นไม้เหล็กพันปีจะออกดอกเป็นครั้งที่สองแล้วนะ?ลู่หวายหนิงอดแอบหัวเราะไม่ได้ ตามติดพวกเขาไปด้านหลังอย่างไร้สุ้มเสียง มองดูเงาหลังของพวกเขา คนหนึ่งองอาจสง่างาม อีกคนงดงามดุจดอกไม้ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เหมาะสมไปหมด!โดยเฉพาะใบหน้าที่ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้กันของพวกเขา และเสียงพูดที่ค่อยๆ ลดเบาลง ทั้งหมดนี้ล้วน
เหล่าข้ารับใช้ในตำหนักพากันคุกเข่าลงกับพื้น ส่งเสียงพร้อมกันว่า “ถวายบังคมฝ่าบาท” สตรีนางนั้นค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา มิได้ลุกขึ้นมาถวายบังคม นางมองไปที่ฮ่องเต้หย่งอัน กล่าวอย่างยากลำบากเล็กน้อยว่า “ฝ่าบาท ทรงเสด็จมาแล้วหรือเพคะ” ฮ่องเต้หย่งอันเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง คิ้วก็ขมวดเข้าหากันเป็นก้อนอีก เดินไปนั่งลงข้างกายนาง กุมมือที่ขาวเนียนละเอียดของนาง“กุ้ยเฟย วันนี้สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง?”กุ้ยเฟยถอนใจเบาๆ ครั้งหนึ่ง ดวงตาชั้นเดียวอันทรงเสน่ห์คู่นั้นเต็มไปด้วยความกังวล “ยังคงเป็นเช่นเดิม แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก อึดอัดมากเหลือเกินเพคะ” “เหตุใดวันนี้ฝ่าบาทจึงมีเวลาว่างแวะมาได้เพคะ?”ใบหน้าอันน่าเกรงขามของฮ่องเต้หย่งอันมีความอ่อนโยนอยู่หลายส่วน กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “เจ้าป่วยอยู่ ในใจของข้ารู้สึกเป็นห่วงอยู่ตลอด วันนี้จึงได้ตั้งใจมาเยี่ยมเจ้าเป็นพิเศษ” เขาเบี่ยงกายเล็กน้อย มองไปยังเป่ยซิวเยี่ยน “ผู้สำเร็จราชการกับพระชายาของอู่เฉิงอ๋องก็มาด้วย” เป่ยซิวเยี่ยนและเสิ่นหรูโจวก้าวออกมาหนึ่งก้าว ทำความเคารพว่า “คารวะกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง” กุ้ยเฟยเงยหน้ามองมา ใบหน้ายังคงอมทุกข์เช่นเดิม พ
อาการของกุ้ยเฟยเหมือนสตรีที่ตั้งครรภ์ผู้นั้นในชาติก่อนจริงๆ เมื่อกดลงไปชีพจรคล่องตัว ลื่นไหลเหมือนไข่มุกกลิ้งไปมาอย่างรวดเร็ว เป็นชีพจรการตั้งครรภ์ไม่ผิดแน่ แต่กลับมิใช่แฝดสามอย่างที่ร่ำลือกัน ในท้องน่าจะมีทารกเพียงแค่คนเดียว ท้องของกุ้ยเฟยใหญ่ถึงเพียงนี้เหมือนสตรีตั้งครรภ์นางนั้นไม่ผิด นางเป็นโรคแน่ นางเปลี่ยนตำแหน่งนิ้ว ตรวจลักษณะของชีพจรอย่างละเอียดฮ่องเต้หย่งอันนั่งอยู่ด้านข้าง กล่าวช้าๆ ว่า “ในท้องของกุ้ยเฟยเป็นครรภ์แฝดสาม ทว่าเป็นเพราะท้องใหญ่เกินไป ยามนี้จึงมักหายใจไม่ออก มีอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเมื่อ” “ในยามคลอดจะต้องมีอันตรายมากอย่างแน่นอน เจ้าต้องใส่ใจให้มากหน่อย เมื่อครู่ข้าได้กล่าวไปแล้ว หากสามารถรักษากุ้ยเฟยให้หาย และทำให้กุ้ยเฟยคลอดอย่างราบรื่นได้ ก็จะรับปากสัญญากับเจ้าข้อหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขใดเจ้าล้วนกล่าวมาได้” ในใจของเสิ่นหรูโจวรู้สึกยินดีขึ้นมา ฮ่องเต้พูดถึงสัญญานี้อีกครั้ง พอนางได้ยินทั่วทั้งร่างก็เต็มไปด้วยพลังการต่อสู้ แต่ยังไม่ทันจะได้ดีใจสักครู่ น้ำเสียงที่ทุ้มหนักนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง “แต่เจ้าต้องจำไว้ให้ดี ไม่อาจทำให้ร่างกายของกุ้ยเฟยได้รับความเส
เสิ่นหรูโจวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว ในเวลานี้ ความสามารถในการทำงานของตับของพระองค์ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวจิ่นซีก็คล้ายจะเจ็บยิ่งกว่าเดิมแล้ว เจ็บจนยืดเอวไม่ขึ้นมองเซียวจิ่นซีที่มีสีหน้าเจ็บปวด เซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นมีวิธีการรักษาหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวมิได้รีบกล่าว นางหยิบขวดยาเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาจากถุงผ้า เทยาลงบนในกลางฝ่ามือเม็ดหนึ่งยื่นไปที่เบื้องหน้าเซียวจิ่นซี “ทรงเสวยสิ่งนี้ลงไปก่อน” เซียวจิ่นซีฝืนยืดเอวขึ้น มองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าหวาดระแวง “นี่คือสิ่งใด?”“สายพระเนตรขององค์หญิงทรงไม่ดีหรือเพคะ นี่คือยาอย่างไรเล่าเพคะ”เซียวจิ่นซีไม่เชื่อว่าเสิ่นหรูโจวจะปรารถนาดีเช่นนี้ ลังเลอยู่นานไม่ยอมรับไปเสิ่นหรูโจวจึงชักมือกลับมา กล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “ไม่เสวยก็ช่างเถอะ ปล่อยให้ทรงปวดตายก็แล้วกัน” เซียวจิ่นซีกัดฟัน คว้าแย่งมาจากนั้นยัดเข้าปากไปเสิ่นหรูโจวโค้งริมฝีปาก หัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง จากนั้นจึงพูดวิธีการรักษาออกมา “ตับของพระองค์ยามนี้เสียหายแล้ว หากทรงต้องการมีชีวิตรอด ก็จะต้องตัดตับของพระองค์ออก
เซียวจิ่นซีคิดจะบันดาลโทสะอีกครั้ง ทว่าเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วมองนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสด็จพี่ แทนที่จะทรงตรัสสิ่งใดด้วยโทสะเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ มิสู้ทรงให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้พระองค์อย่างว่าง่ายดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ การรักษาพระวรกายให้หายดีสำคัญที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ"เต๋อเฟยก็เกลี้ยกล่อมเช่นกัน “นั่นสิ จิ่นซี อย่าได้เสียเวลาอีกเลย รีบให้หรูโจวตรวจให้เจ้าเถอะ” สุดท้ายแล้ว เซียวจิ่นซีก็ต้องการรักษาชีวิตตน ไม่ว่าจะเคียดแค้นเสิ่นหรูโจวอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะมาก่อเรื่อง นางจึงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีกเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปยังเสิ่นหรูโจว พูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นพระบัญชาของเสด็จพ่อ เจ้าก็อย่าได้เอาแต่ใจ” เดิมเสิ่นหรูโจวก็ไม่คิดจะจากไปจริงๆ เพียงแค่ขู่เซียวจิ่นซีไปอย่างนั้น บัญชาของฮ่องเต้ไม่อาจฝืน นอกจากนี้ นางก็จำเป็นจะต้องสร้างโอกาสให้ตนได้หย่าเช่นกันนางเดินกลับไปอย่างเรื่อยเฉื่อย นั่งลงข้างกายเซียวจิ่นซี “รบกวนองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ออกมาด้วยเพคะ” สีหน้าของเซียวจิ่นซีไม่น่ามอง ทว่ายังคงทำตามครั้งก่อนที่เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เซียวจิ
เมื่อเสิ่นหรูโจวได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยดูไปแล้ว จนถึงตอนนี้ยังคงถือได้ว่าราบรื่น ด่านเคราะห์ของท่านพ่ออยู่ที่การศึกครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าเวลานี้ยาของนางส่งไปถึงหรือยัง หากดูตามเวลาก็น่าจะทันการอยู่ขอเพียงท่านพ่อใช้ยาของนาง ก็จะไม่ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ในภายหลังแล้วนับแต่ได้ถือกำเนิดใหม่กลับมา นางยังมิได้พบท่านพ่อเลย นางจะต้องทำให้ท่านพ่อกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นว่าเมื่อนางได้ฟังข่าวของบิดาและพี่ชาย อารมณ์ก็คล้ายจะสงบลงไม่น้อย จึงลองกล่าวว่า “ในอนาคต เจ้ายังคงแก้นิสัยของเจ้าหน่อยเถิด” เสิ่นหรูโจวเงยหน้ามองเขา “นิสัยของข้าเป็นอย่างไร?”“ทุกครั้งที่เจ้าพบกับองค์หญิงเจาหยาง ล้วนมีเรื่องกันจนตึงเครียด” เซียวเฉินเหยี่ยนพยายามพูดอย่างละมุนละม่อม หวังว่านางจะรับฟัง “ถึงอย่างไรนางก็เป็นเสด็จพี่หญิงของข้า เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เจ้าก็แสดงท่าทีที่ดีสักหน่อย อย่าใช้อารมณ์ไปเสียทุกเรื่อง” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันทีหนึ่ง กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ท่านอย่าได้มาบงการข้า” บนใบหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนมีความไม่พอใจวาบผ่าน "หากเจ้ามีสิ่งใดไม่พอใจ อยาก
เริ่มจากชายแดนส่งข่าวด่วนมา บิดาและพี่ชายของเสิ่นหรูโจวจึงนำทัพไปช่วยที่ชายแดน ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป กลายเป็นฉากที่รายงานการรบถูกส่งมา ท่านแม่ทัพเสิ่นถูกธนูของศัตรูยิงทะลุมือ เนื่องจากขาดแคลนยาและสิ่งของทำให้ไม่มียารักษา ทว่าก็ยังคงรบชนะต่อมา หลังจากแม่ทัพใหญ่เสิ่นกลับมาถึงเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ก็ล้มป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด ส่วนที่จวนอ๋อง เสิ่นหรูโจวกับมู่หว่านหรงทะเลาะกันครั้ง เขาจึงลงโทษกักบริเวณให้นางสำนึกตน นางบังเอิญเป็นหวัดพอดี จึงนอนซมลุกไม่ขึ้น ทำให้ไม่รู้เรื่องที่ท่านแม่ทัพใหญ่เสิ่นได้รับบาดเจ็บผ่านไปไม่กี่วันเมื่อนางรู้ข่าว ก็มาขอร้องต่อหน้าเขา ต้องการให้เขาไปส่งของบำรุงจำนวนหนึ่งไปให้บิดา เขามองใบหน้าที่อ่อนแรงและซีดขาวของนาง ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย มองดูนางอย่างเย็นชาท้ายที่สุดเขายังคงให้คนไปส่งของ ทว่าเด็กรับใช้ส่งไปในนามของเขา รอจนพวกเขารู้เรื่อง เรื่องราวก็ผ่านไปนานแล้ว ความสัมพันธ์ของเสิ่นหรูโจวและตระกูลเสิ่นก็มาถึงจุดเยือกแข็งแล้วเช่นกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่นางปวดใจอย่างที่สุด และก็เป็นครั้งแรกที่นางใส่อารมณ์กับเขา ดั่งเช่นในยามนี้เซียวเฉิยเหยี่ยนยันรถม้าไว้
สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่ามองอยู่บ้าง “หรือเจ้าจะให้ข้ายืนรอเจ้าอยู่ด้านนอก?”“ท่านจะนั่งยองลงก็ได้เช่นกัน” ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าขอบอกท่านไว้เลย เวลานี้ไม่ว่าข้าจะมองท่านที่ใดก็ขัดตาไปหมด หากท่านไม่ต้องการสร้างความอับอายให้ตนเอง ก็อย่าได้มายั่วโมโหข้า!”กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินเข้าประตูไป จากนั้นปิดประตูลงดัง ‘ปัง’เซียวเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม เขากำหมัดแน่นมองประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิท เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ทว่าในใจก็เกิดความรู้สึกถึงความแตกต่างขึ้นมาเช่นกันในอดีต ทั้งดวงตาและหัวใจของเสิ่นหรูโจวล้วนมีแต่เขา ไม่มีทางกีดกันเขาไว้ภายนอกอย่างเด็ดขาด ทว่า ในยามนี้ เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะเหยียบเข้าประตูเรือนของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?ทว่า ความรู้สึกของคนเปลี่ยนแปลงได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เหตุใดเขาจึงโชคไม่ดีเช่นนี้ แต่งงานได้เพียงช่วงสั้นๆ สิบกว่าวัน นางก็ไม่หลงเหลือความรักให้เขาแล้วหลังเสิ่นหรูโจวปิดประตูลง ก็เข้าสู่ห้องของตนเมี่ยวตงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านอยากทานสิ่งใด บ่าวจะไปเตรียมให้เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องแล้
ชาติก่อนมู่หว่านหรงอาศัยว่าได้รับความโปรดปราน มักแย่งของนางอย่างเปิดเผย ของพระราชทานที่ในวังประทานให้ชายาเอกทุกงานเทศกาลนางก็จะแย่ง ไปช่วยเหลือราษฎรจนสร้างผลงาน นางก็จะแย่งอีก เซียวเฉินเหยี่ยนไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย เวลานี้ยิ่งดี แม้แต่ตัวเขาเองก็จะมาแย่งรางวัลของนางด้วย!เซียวเฉินเหยี่ยนถูกคำพูดของเสิ่นหรูโจวซัดไปเป็นชุด ทำให้ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างเขาจับข้อมือเสิ่นหรูโจวแน่นไม่ยอมปล่อย ความโมโหในก้นบึ้งของดวงตาปรากฏขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด จับจ้องไปที่เสิ่นหรูโจวแล้วกล่าวว่า “หากข้าไม่ชิงลงมือก่อนเจ้าก้าวหนึ่ง เจ้าก็คงจะไปขอให้เสด็จพ่อประทานการหย่าให้แล้ว” “ไม่ผิด!” เสิ่นหรูโจวตอบอย่างไม่ลังเลนี่เป็นเรื่องที่นางเฝ้าปรารถนา รอคอยมาสองชาติ!“เจ้า…" เซียวเฉินเหยี่ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อนนับหมื่นอัดอั้นอยู่ในอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก”โดยพื้นฐานแล้ว เขาดูแคลนต่อการแย่งผลงานสตรี ที่ทำเช่นนี้ ประการแรก เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นของมู่หว่านชิง ประการที่สอง…เขาคิดได้ว่า เสิ่นหรูโจวจะใช้คำสัญญานี้มาหย่ากับเขา เขารู้สึกไม่อยากห
ฉินหมิงตะลึงไป ถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านอ๋องไม่เป็นอะไร? คำพูดนี้ของนายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”ลู่หวายหนิงดึงฉินหมิงเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด พยายามระงับความตื่นเต้น ลดเสียงเบาลงแล้วกล่าวว่า “ความหมายก็คือบนร่างของอาจารย์ไม่มีผื่นขึ้น อาจารย์อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบตอนอยู่กับพี่สาวน่ะสิ” ดวงตาทั้งคู่ของฉินหมิงเบิกกว้าง พูดอย่างตกใจว่า “จริงหรือขอรับ?”ลู่หวายหนิงหัวเราะออกมา “จริงแท้แน่นอน ข้าทำการยืนยันแล้ว” ฉินหมิงรู้สึกไม่อยากเชื่อ “หลายปีมานี้ ไม่ว่าสตรีนางใดสัมผัสท่านอ๋อง ก็ล้วนทำให้ท่านอ๋องเกินอาการแพ้ มีเพียงหญิงที่นายท่านพบในปีที่แล้วนางนั้นที่ไม่เป็นไร” “พูดไปแล้ว ตามหาสตรีนางนั้นไม่เจอเสียที ช่างน่าเสียดายนัก คิดไม่ถึงว่าพระชายาของอ๋องอู่เฉิงก็ไม่ทำให้นายท่านเกิดอาการแพ้เช่นกัน ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ราวสวรรค์ได้สรรค์สร้างมา” “นั่นสิ!” ลู่หวายหนิงเห็นด้วยอย่างมาก “อาจารย์หาผู้หญิงคนนั้นไม่เจอสักที อย่างนั้นพี่สาวก็เป็นคู่ชะตาที่สวรรค์ลิขิตมาให้อาจารย์แล้ว! ถ้าพวกเขามาอยู่ด้วยกันเร็วหน่อยก็ดี ข้าแทบรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว!”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นก็รีบส่ายหน้าอย่างรุนแรงทันที “
ในขณะที่พูด เขาก็ยื่นศีรษะเข้าไป มองซ้ายมองขวาเป่ยซิวเยี่ยนยื่นมือออกไปผลักหัวของเขาเบาๆ “ไม่ต้องดูแล้ว ไม่มีหรอก” ลู่หวายหนิงตกใจอย่างมาก ดวงตาเบิกจนกลมโตมองไปที่เป่ยซิวเยี่ยนบนใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของเป่ยซิวเยี่ยน ก็มีความประหลาดใจอยู่อย่างเลือนรางเช่นกันลู่หวายหนิงยังคงรู้สึกไม่ยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง จึงทำการยืนยันอีกครั้ง “อาจารย์ขอรับ เมื่อครู่พี่สาวสัมผัสถูกท่านแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?” เป่ยซิวเยี่ยนเอนกายไปด้านหลัง พิงลงบนพนักเก้าอี้ ดวงตาล้ำลึกดุจบึงน้ำอันเยือกเย็นหรี่ลงเล็กน้อยเรื่องที่เขาเป็นภูมิแพ้ผู้หญิงมีน้อยคนนักที่จะรู้ เมื่อครู่คิดจะหยุดนางเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง แต่กลับทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปกุมมือของนางเข้าโดยบังเอิญ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจว่าอีกครู่อาการของตนต้องกำเริบ จึงปล่อยให้นางเปลี่ยนยาให้ตนเสียเลย คิดไม่ถึงว่า จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรอาการคันชาบริเวณเอวคล้ายจะยังไม่จางหายไป ปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยตกลงบนหน้าท้องของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับการยั่วเย้า เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่หวายหนิงร้อ
เป่ยซิวเยี่ยนมองดวงหน้าที่งดงามดั่งหยกของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างน่าประหลาด “ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีทางผิดคำสัญญา เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน”เสิ่นหรูโจวพลันหัวเราะออกมาแล้ว มองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างซาบซึ้ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านเป็นคนดีจริงๆ ข้าจะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาท่านให้ได้แน่” ไม่ว่าในชาติก่อนเขาจะก่อกบฏ เพราะเหตุใด เหตุใดจึงถูกคนขนานนามว่าเป็นพญามัจจุราชที่มีชีวิต แต่สำหรับนางแล้ว เขาก็คือคนดีคนหนึ่งเป่ยซิวเยี่ยนตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แย้มบานราวบุปผาของนาง ริมฝีปากบางก็อดโค้งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน “คำชมของพระชายาช่างแปลกใหม่เหลือเกิน” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดว่าเขาเป็นคนดีแปลกใหม่? แปลกใหม่ตรงที่ใดกัน?เสิ่นหรูโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าบาดแผลของเขาได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจึงถือกล่องยาขึ้นมา“ท่านผู้สำเร็จราชการ สองสามวันนี้บาดแผลของท่านกำลังสมานตัว จะคันอย่างมาก เพียงระวังอย่าไปเกาก็จะหายดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ รอจนเสิ่