นางกล่าวน้ำเสียงดูถูกอย่างไม่ปิดบังและใช้สายตาการมองคนบ้ามองเซียวเฉินเหยี่ยน “ในสายตาของท่าน ถ้าข้าพูดกับผู้ชายก็แสดงว่าข้ากับเขาคนนั้นเป็นชู้กัน?”เซียวเฉินเหยี่ยนตกใจมากที่นางพูดตรงเช่นนี้ จึงกล่าวด้วยสีหน้าขุ่นเคือง: “เจ้ามีความละอายใจบ้างหรือไม่”“ท่านมากกว่าที่ไม่มีความละอายใจ! ลู่หวายหนิงอายุเพียงสิบเอ็ดปีและเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ท่านก็คิดออกมาได้!” เสิ่นหรูโจวพูดไม่ออก “ใจของท่านมันสกปรก ทุกสิ่งที่ท่านมองก็สกปรก! ปิดปากเงียบไปเถอะ!”เมื่อพูดเสร็จ นางก็หลับตาและไม่คุยกับเซียวเฉินเหยี่ยนอีกเซียวเฉินเหยี่ยนไม่ได้ตำหนินาง แต่กลับถูกนางด่ากลับ เขาโกรธจนเจ็บหน้าอกแต่เมื่อเขามองใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของเสิ่นหรูโจว เช่นเดียวกับในความฝันไม่มีผิด เขาแอบกำหมัดอีกครั้ง นางมีผลกระทบต่ออารมณ์ของเขาโดยสิ้นเชิงเขาคงป่วยจริง ๆ ทำไมเขาถึงสนใจเสิ่นหรูโจวเช่นนี้ ใส่ใจเมื่อนางใกล้ชิดกับผู้อื่นถึงกระทั่งใส่ใจกับการเล่นตลกของเด็กเหลือขอเมื่อก่อนเขาไม่สนใจเลยว่าเสิ่นหรูโจวจะอยู่ข้างกายเขาหรือไม่ นางออกไปได้ทุกเมื่อที่นางต้องการ เขาไม่สนใจ แต่ตอนนี้......เพราะความฝันอันนั้น เป็นความผิดของความ
รถม้าจอดลงที่หน้าประตูจวนอ๋องอู่เฉิงเซียวเฉินเหยี่ยนลงจากรถก่อน พึ่งก้าวเท้าเข้าไปในจวนก็ถูกคนเรียกหยุดไว้แล้วเป็นคนของฮ่องเต้ แจ้งว่าฮ่องเต้เรียกตัวเข้าเฝ้าเขาจึงได้แต่หันกายออกจากจวนไปอีกครั้ง เห็นเสิ่นหรูโจวเดินเข้ามา จึงกล่าวคำหนึ่งว่า “ข้ามีธุระ เจ้า…”เสิ่นหรูโจวไม่แม้แต่จะเหลือบมองเขา ตรงเข้าประตูจวนไปเลยสีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนพลันเคร่งขรึมขึ้นสองสามส่วน แค่นเสียงเย็นคำหนึ่ง จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อจากไปเมื่อเสิ่นหรูโจวกลับมาถึงเรือน ทันทีที่เข้าประตูมา เมี่ยวตรงก็ตรงเข้ามาต้อนรับ“คุณหนู ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!”ในวันที่มือสังหารลอบโจมตีนั้น เมี่ยวตรงถูกเสิ่นหรูโจวส่งตัวออกไปแล้ว เมื่อกลับมาก็ได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้น จากนั้นก็ถูกมู่หว่านหรงกักตัวอยู่ในห้องอย่างไม่มีเหตุผลอีก เมื่อวานตอนที่ถูกปล่อยออกมา ถึงได้ยินว่าเสิ่นหรูโจวถูกพาตัวไปที่จวนอุปราชเสิ่นหรูโจวยิ้มพร้อมบีบแก้มของนาง เดินเข้าไปด้านในพร้อมกับนาง “สองวันที่ข้าไม่ได้อยู่ในจวน เจ้าคงไม่เป็นไรกระมัง?”เมี่ยวตงรินชาให้เสิ่นหรูโจวจอกหนึ่ง กล่าวยิ้มแย้มว่า “ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ วันนั้น ทันทีที่กลับมาบ่าวก็ถู
พูดถึงโจโฉโจโฉก็มา เจียหนิงที่ขมึงทึงดุร้ายยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าเต็มไปด้วยไอสังหารเมี่ยวตงตกใจจนตัวสั่นขึ้นมา พลันยอบกายลงคารวะ “บ่าวคารวะท่านหญิงเจ้าค่ะ” เสิ่นหรูโจวกลับสงบกว่ามาก ไม่ลนลานแม้แต่น้อยมุมปากของเจียหนิงโค้งเป็นรอยยิ้มเย็นขึ้นมา นับว่าจับเสิ่นหรูโจวได้สักที!“ความแค้นที่ถูกตบในวันนั้น แม้ตายนางก็ไม่มีทางลืม นับตั้งแต่เสิ่นหรูโจวไปที่จวนอุปราช นางก็คอยจับตามองจวนอุปราช เมื่อได้ยินว่าเสิ่นหรูโจวกลับมาแล้ว นางก็รีบมาทวงหนี้ถึงจวนทันที”นางค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ แววตาดุร้ายกราดเกรี้ยว ราวกำลังจับจ้องเหยื่อ“เสิ่นหรูโจว คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะยังรอดชีวิตกลับมา เช่นนี้ก็ดี วันนี้จะให้เจ้าตายในเงื้อมมือของข้าผู้นี้!”ในเวลานี้ มู่หว่านหรงก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเป็นห่วง ปากยังเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านหญิง ท่านอย่าได้วู่วาม” นางกลับมาที่จวนก่อน พึ่งทำแผลเสร็จก็ได้ยินว่าท่านหญิงเจียหนิงมาแล้ว นางจึงรีบมาชมเรื่องสนุกทันทีเสิ่นหรูโจวออกมาจากจวนอุปราชแล้ว ยังคิดว่าจะมีคนคุ้มครองอีกหรือ?นางได้เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้เสิ่นหรูโจวนานแล้ว นางได้รับจนหนำใจแ
เจียหนิงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรง เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ “นางยังต้องการหน้าอะไรอีก? ทำเรื่องฉาวโฉ่เช่นนี้ออกมาได้ ยังจะกลัวผู้อื่นกล่าวอีกหรือ?”“เสิ่นหรูโจว เจ้ามันน่ารังเกียจนัก! บังคับให้ท่านอาของข้าแต่งกับเจ้า ยึดครองตำแหน่งพระชายาไว้ แต่กลับไม่รู้จักรักษาความเป็นกุลสตรี ไปยั่วยวนชายอื่น”“เจ้าทำเรื่องต่ำช้าไร้ยางอายเช่นนี้ออกมา ก็ควรถูกแล่เนื้อเถือหนังพันดาบหมื่นดาบ! วันนี้ข้าจะกำจัดเจ้าซะ เจ้าจะได้ไม่ทำให้โลกมนุษย์ต้องสกปรกอีก”ทันใดนั้นแสงสีเงินก็วาบขึ้น เจียหนิงชักมีดสั้นเล่มหนึ่งออกมา ไม่พูดสิ่งใดก็แทงไปที่เสิ่นหรูโจวทันที“พระชายาระวัง!” เมี่ยวตงอุทานด้วยความตกใจแววตาของเสิ่นหรูโจวเยียบเย็นเสียดกระดูก นางตอบสนองในทันที เตะไปที่ขาของเจียหนิง เจียหนิงพลันสูญเสียการทรงตัว ร่างกายเอนเอียง จากนั้นทั่วทั้งร่างก็โถมเข้าหาโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง มีดสั้นหล่นลงบนพื้นเสียงดังเมี่ยวตงรีบเก็บมีดสั้นเล่มนั้นขึ้นมายัดไว้ในอ้อมอก ไม่ปล่อยให้เจียหนิงมีโอกาสได้ลงมือทำร้ายคนอีกมู่หว่านหรงยกมือปิดปาก ปากบอกว่าอย่า ให้หยุดมือ ทว่าก้นบึ้งของดวงตากลับมีแววยินดีวาบผ่าน ยิ้มอย่างสมใจ
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เจียหนิงพลันหยุดความเคลื่อนไหวที่จะพุ่งเข้าใส่ลง ตวัดสายตามา “เจ้ายังคิดจะแก้ตัวอีกหรือ!”เสิ่นหรูโจวส่งเสียงดูถูก สายตาเย็นชาลากผ่านร่างของมู่หว่านหรง“ท่านหญิง ข้าทำใจเห็นท่านถูกคนหลอกใช้ไม่ได้จริงๆ ดังนั้นจึงได้คิดเอ่ยปากกล่าวเตือน ข้าก็ไม่กลัวว่าท่านจะหัวเราะเยาะ วันนี้ ข้าจะให้ท่านได้เห็นเรื่องโสมมในจวนอ๋องแห่งนี้” เสิ่นหรูโจวเบี่ยงศีรษะส่งสายตาให้เมี่ยวตง เมี่ยวตงผงกศีรษะอย่างเข้าใจความหมาย จากนั้นก็ออกไปมู่หว่านหรงเห็นพวกนางสองนายบ่าวคล้ายกำลังวางแผนบางสิ่ง ในใจรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย เสิ่นหรูโจวคิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีก!“เจ้ากำลังพูดเหลวไหลไร้สาระอะไรกันแน่?” เจียหนิงขมวดคิ้วมองเสิ่นหรูโจว ในสายตามีทั้งความสงสัยและความรังเกียจเสิ่นหรูโจวยิ้มอ่อน กล่าวด้วยสีหน้าสงบราบเรียบว่า“ท่านหญิงอาจยังไม่ทราบ วันนั้นที่ฉินอวี่มาหาข้า มิใช่มาลักลอบพบปะกับข้า แต่เป็นเพราะมีคนไปลือว่าข้ามีทักษะการแพทย์สูงส่ง หลังจากนายน้อยลู่ได้ยิน จึงให้คนมาสืบข่าว ว่าที่แท้ข้ามีความสามารถที่จะรักษาอาการป่วยให้ท่านผู้สำเร็จราชการได้หรือไม่” นางมองมู่หว่านหรงอย่างเย็น
มู่หว่านหรงมองไปที่เจียหนิง อธิบายเรื่องราวอย่างชัดเจนด้วยเกรงว่าเจียหนิงจะเข้าใจผิดไป เพราะไม่ว่าอย่างไร เจียหนิงก็มีศักดิ์เป็นท่านหญิง นอกจากพี่สาวแล้ว เจียหนิงจึงเป็นคนหนุนหลังที่สำคัญที่สุดของนาง“ยามนั้นหว่านหรงสลบไม่ฟื้นเสียที ท่านอ๋องจึงได้ค้นหานักพรตมาขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้หว่านหรง นักพรตผู้นั้นพูดว่า ต้องให้หว่านหรงดื่มเลือดของพระชายาลงไปจึงจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ ดังนั้นท่านอ๋องจึงได้… หลังจากหว่านหรงฟื้นขึ้นมาก็รู้สึกทำใจไม่ได้เช่นกัน…”“แต่ไรมา พระชายาก็ไม่ชอบหว่านหรง ครั้งนี้ยังทำให้พระชายาต้องกรีดเลือดอีก คิดว่าพระชายาทรงรู้สึกไม่ยุติธรรม จึงได้เอ่ยวาจาให้ร้ายเช่นนี้” เจียหนิงรู้สึกรังเกียจขึ้นมา กล่าวกับเสิ่นหรูโจวว่า “ตัวเองทำเรื่องสกปรก ยังจะไปใส่ความคนอื่น ช่างปากแข็งจริงๆ!”“ท่านหญิงอย่าได้เร่งร้อน เรื่องนี้ยังพูดไม่จบ” เสิ่นหรูโจวสางผมอย่างช้าๆ เดินไปเบื้องหน้าของมู่หว่านหรง “เจ้าคิดว่า ที่เจ้าดื่มเป็นเลือดของข้าอย่างนั้นหรือ?”นางโค้งริมฝีปากหัวเราะ ส่งเสียงเรียกออกไปด้านนอกครั้งหนึ่ง “เมี่ยวตง พาคนเข้ามา” มู่หว่านหรงและเจียหนิงมองตามไปด้วยความสงสัยก็เห็นเมี
“ท่านหญิงลองคิดดูว่า เหตุใดมู่หว่านหรงจึงต้องแสร้งป่วย? นั่นก็เพื่อให้ร่างกายของข้าได้รับความเสียหาย อ่อนแออย่างรุนแรง ในเวลานี้ ค่อยให้คนมาสังหารข้า มิใช่ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากหรือ เช่นนี้ก็สามารถเอาชีวิตข้าได้แล้ว”“แต่นางยังรู้สึกว่าไม่พออีก เพื่อรับประกันว่าเรื่องราวไร้ความผิดพลาด ก็ปล่อยข่าวลือว่าข้ามีทักษะทางการแพทย์สูงส่งเพื่อหลอกล่อฉินอวี่มาอีก” “ในวันที่ฉินอวี่มานั้น ก็ส่งมือส่งมือสังหารมา ต่อให้มือสังหารไม่อาจฆ่าข้า นางก็สามารถลงมือกับฉินอวี่ได้ ไม่ว่าจะเป็นนางผลักฉินอวี่ไปบังดาบ หรือสาวใช้ของนางเป็นผู้ผลัก ขอเพียงฉินอวี่ตายไป ข้าก็จะกลายเป็นคนผิด จำต้องชดใช้ชีวิตเช่นเดียวกัน” “เชื่อว่าเมื่อวานท่านหญิงก็ได้เห็นแล้วเช่นเดียวกัน หากมิใช่ข้าพยายามช่วยชีวิตฉินอวี่อย่างสุดกำลังของตน ยามนี้ เกรงว่าคงจะติดกับดักของนางไปแล้ว” “ท่านใส่ร้ายคน!” มู่หว่านหรงตะคอกเสียงดัง จากนั้นก็รีบกล่าวกับเจียหนิงว่า “ท่านหญิงอย่าได้ฟังนางพูดเหลวไหล นักฆ่าพวกนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับข้าจริงๆ!”เจียหนิงตะลึงไปเล็กน้อย ขมวดคิ้วกล่าวกับมู่หว่านหรงว่า “เช่นนั้น เรื่องที่เจ้าแสร้งป่วยจะอธิบายอย่าง
เมี่ยวตงเห็นว่าคุณหนูของตนแม้แต่ท่านหญิงที่ร้ายกาจผู้นั้นก็จัดการได้ ในใจก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่งนางไม่ต้องเป็นห่วงว่าคุณหนูจะถูกคนรังแกอีกแล้ว!มู่หว่านหรงมองเงาหลังที่เดินจากไปของเจียหนิงอย่างลนลาน ในใจราวถูกเปลวไฟเผาผลาญเดิมคิดจะหลอกใช้เจียหนิงให้ฆ่าเสิ่นหรูโจว เวลานี้กลับทำให้เจียหนิงมาสงสัยนางเสียเอง“นางหันกลับมา กล่าวด้วยใบหน้าดุร้ายและน้ำเสียงอำมหิตว่า “เสิ่นหรูโจว เจ้าถึงกลับกล้าเอาเลือดของหลิงเฟิงมาหลอกลวงข้า”“หลอกลวงเจ้าแล้วอย่างไร?” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเย้ยหยัน มองไปยังหลิงเฟิงที่อยู่บนพื้นในสภาพน่าอนาถอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ข้าเพียงทำต่อก็เท่านั้น”“นังสารเลว!” มู่หว่านหรงโมโหอย่างยิ่ง พุ่งเข้าหาเสิ่นหรูโจวดวงตาของเสิ่นหรูโจวแข็งกร้าวขึ้นมา พลันยกมือขึ้นมาตบหน้านางไปสองครั้งอย่างรุนแรง มู่หว่านหรงเจ็บจนร้องเสียงดัง กุมใบหน้าถลึงตาใส่เสิ่นหรูโจวอย่างโมโห “เจ้า!”“มู่หว่านหรง ข้าเคยบอกแล้ว หากกล้ามาหาเรื่องข้า เจ้าจะต้องเผชิญกับจุดจบที่น่าอนาถ” มุมปากของเสิ่นหรูโจวโค้งเป็นรอยยิ้มหยัน ดวงตาเฉิดฉันหนาวเหน็บราวหิมะ น้ำเสียงเหี้ยมเกรียม“พาสาวใช้ของเจ