“แล้วให้เริ่มงานวันไหนดีครับคุณเจซี?”
“วันนี้ทีมเลิกซ้อมห้าโมงเย็นใช่ไหมครับ? เริ่มหนึ่งทุ่มวันนี้เลยครับ”
เจซีตอบแจ็คกี้อย่างยิ้มแย้มแต่สายตากับไม่ได้อยู่ที่คู่สนทนาด้วยเสียเท่าไหร่ เขากลับเอาแต่มองไปทางยูแอลไม่วางตา และเธอเองก็จ้องมองเขากลับด้วยสายตาบ่งบอกว่าไม่อยากคิดว่าเขาจะทำแบบนี้ เธอเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าที่เขาทำไปทั้งหมดเป็นเพราะเธอ...อาจจะเป็นแค่เกมที่เขาอยากจะเอาชนะชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น...ทุกอย่างมันดูกะทันหันไปหมด ยูแอลอดไม่ได้ที่จะหันไปมองจีเซลผู้ที่นัดเธอไว้ก่อนแล้ว ซึ่งตอนนี้สายตาของจีเซลมองไปยังเจซีอย่างไม่เป็นมิตร แล้วเขาจะพูดแย้งอะไรได้ล่ะ...
เวลาที่ยูแอลไม่อยากให้มาถึง...มันก็ได้มาถึง...ยูแอลมองนาฬิกาที่อยู่เหนือกระจกบานใหญ่ด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใบหน้าสวยดูเรียบนิ่งไร้อารมณ์ก็จริง แต่แววตาของเธอกลับดูเศร้าซึมเหมือนครั้งแรกที่จีเซลได้พบเธอ ไม่ได้มีแค่จีเซลที่มองไปทางยูแอล สมาชิกวงบียอนด์ต่างก็มองไปทางเธอทุกคน...ตั้งแต่ที่พวกเขายังไม่มีชื่อเสียงพวกเขาก็ได้ยินข่าวของรุ่นพี่อย่างเจซีอยู่บ้าง ทุกคนรู้ดีว่าถ้าไม่มีการปฏิเสธมันหมายความว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริง...
“ว่าแต่...มีใครรู้ไหมวะว่ายูแอลเลิกกับรุ่นพี่เจซีเพราะอะไร?”
อยู่ๆ ซันชายน์ก็ถามขึ้นชวนให้ทุกคนสงสัย เพื่อนๆ ของเขาต่างส่ายหน้าไปมาและหันไปมองทางจีเซลแทน จีเซลปรายตามองเพื่อนๆ ของเขาทุกคนก่อนจะส่ายหน้าเช่นกัน...เขา...แทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะเธอเลี่ยงที่จะตอบตลอด...แล้วอย่างนี้ยังมีหน้าไปขอคบกับเธอ...คิดแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองยังเด็กจริงๆ ...และเหมือนว่าจีนส์ผู้ที่เป็นพี่ใหญ่เพราะอายุมากที่สุดในวงจะรู้ถึงความคิดของจีเซลจากสีหน้าและสายตาของจีเซลหลุบลงมองพื้น เขาตบบ่าจีเซลปอยๆ ...
“อย่าคิดมากน่า...ไม่ใช่มึงคนเดียวหรอกที่ไม่รู้ ความลับขนาดนั้น...มันก็มีแค่เขาสองคนเท่านั้นที่รู้...”
ยิ่งได้ยินจีนส์พูดแบบนั้นมันยิ่งทำให้ใจของจีเซลรู้สึกเจ็บขึ้นมาเสียอย่างนั้น...เหมือนกับว่าเรื่องของทั้งสองคน เขามันก็แค่คนนอกเพียงเท่านั้น จีเซลไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย...เพื่อนร่วมวงของจีเซลต่างเข้ามาตบบ่าเขาเป็นเชิงให้กำลังใจก่อนจะเดินไปเก็บข้าวของทีละคน เพราะพวกเขารู้ดีว่าจีเซลเวลารักใครหรือคบใครมักจะผิดหวังเสมอ ทั้งที่พวกเขามั่นใจว่าจีเซลไม่ใช่คนไม่ดี...เพียงแค่ผู้หญิงมักหลงรักคนเลวก็เท่านั้น...ถึงแม้บนเวทีจีเซลจะเป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูด ดูแพรวพราวมากแค่ไหน แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นเพียงผู้ชายอ่อนโยนนิสัยดีหรือ...ผู้ชายที่ผู้หญิงเรียกว่าจืดชืดน่าเบื่อ ไม่ตื่นเต้น ไม่เร้าใจเหมือนผู้ชายที่ดูแบดบอยกว่า...
“จีเซล...”
“ครับ...”
รู้ตัวอีกทีหญิงสาวที่เขากำลังคิดเรื่องเธอวนเวียนอยู่ในหัวก็เดินมาหยุดยืนตรงหน้าพร้อมกับเพื่อนๆ ของเธอที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แต่ก็ไกลพอที่จะให้พวกเขาได้พูดคุยกันสองคนเป็นส่วนตัว ส่วนสมาชิกคนอื่นๆ เห็นว่ายูแอลเดินมาก็ปลีกตัวออกไปแล้วทีละคนในตอนแรก
“อย่า...คิดมากนะ...เชื่อใจฉัน”
“พี่ให้ผมเชื่อในฐานะอะไรเหรอครับ?”
“ยังจะให้พูดอีกเหรอ”
ยูแอลมองใบหน้าหล่อไร้รอยยิ้มที่เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสวยของเธอชัดๆ ก่อนที่เธอยิ้มบางๆ ให้คนตรงหน้า ถึงอย่างนั้นจีเซลก็รู้สึกกังวลใจอยู่ดี...เพราะนั่นคือคนรักเก่าที่เธอลืมไม่ได้ คนที่เธอรักมาตลอด 10ปี และตอนนี้พวกเขาก็กำลังจะมีเวลากลับไปเจอกัน อยู่ด้วยกันมากขึ้น...และดูเหมือนว่าคนรักเก่าคนนั้นของเธอจะพยายามกลับมาแย่งเธอไปอีกด้วย จากการกระทำเมื่อตอนสายๆ ที่เขาไปบังเอิญเห็นเข้า...
“พี่ยูแอล...”
“ยูแอลไปกันได้แล้ว...เราต้องไปคุยเรื่องเพลงกันที่ค่ายเจซีอีก”
แจ็คกี้หันมาเรียกเร่งยูแอลที่ยืนคุยกับจีเซลอยู่ เธอหันไปทางต้นเสียงและพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้จีเซลเพื่อเป็นการบอกลากลายๆ แล้วรีบเดินไปหาแจ็คกี้และคนในทีมที่ยืนรออยู่ จีเซลทำได้แค่มองแผ่นหลังเล็กของร่างบางที่ค่อยๆ ไกลและหายลับตาไปในที่สุด...
“ไปเถอะเพื่อน...เรามีรายการที่ต้องไปถ่ายทำต่อ” วินซ์พูดพร้อมกับเดินเข้ามากอดคอจีเซลและยื่นกระเป๋าของจีเซลให้..
ค่ายJC Ent.
ถึงจะบอกให้เริ่มซ้อมหนึ่งทุ่มแต่ก็ต้องมาประชุมเรื่องเพลงและคิดท่าเต้นก่อนเวลาอยู่ดี ยูแอลนึกแปลกใจไม่น้อยที่ทำไมค่ายเพลงคู่แข่งถึงยอมง่ายๆ ทั้งๆ ที่ถ้าเจซีกลับมาทำเพลงก็ต้องเป็นคู่แข่งกับวงบียอนด์วงของค่ายแท้ๆ ...ก็อย่างว่านั่นแหละ เธอเป็นเพลงทีมเต้น แดนเซอร์ที่เคยเป็นแดนเซอร์อิสระมาก่อน...แม้จะเซ็นสัญญาจ้างกับค่ายใดไปแล้วมันก็เปลี่ยนแปลงได้ด้วยเม็ดเงิน ยิ่งทางCEOคุยตกลงกันเองแล้วมันก็ยิ่งง่ายสำหรับเม็ดเงินมหาศาลถ้าทีมเต้นผิดสัญญาคงจ่ายไม่ไหว หรืออาจจะเป็นการให้เช่าทีมเต้นก็เพื่อนำเม็ดเงินนั้นเข้าบริษัทตัวเอง...
“เพลงนี้ผมอยากให้ยูแอลเต้นเป็นตัวหลักของเพลงผม...เพราะบนเวทีจะมีโชว์พิเศษ...”
ยูแอลที่ตกอยู่ในภวังค์ถึงกับเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่เจซีพูดและจ้องมองมายังเธอ ยูแอลไม่ได้ตอบอะไรเพราะรู้ดีว่ายังไงแจ็คกี้ก็ต้องยอมอยู่แล้ว เงินพิเศษมหาศาลมันค้ำคออยู่นี่
“เอ่อ...ฉันตัวเท่าๆ กับยูแอล...ฉันเต้นตำแหน่งนั้นแทนได้ไหมคะ? ...คือ...”
อยู่ๆ เกรซก็ยกมือขึ้นแล้วพูดเสนอ เธอยังไม่วายปรายตามองหน้าเพื่อนสนิทของตน...ยูแอลหันไปมองเกรซอย่างเข้าใจว่าทำไมเกรซถึงยอมเสนอตัวกับผู้ชายอันตรายแบบนี้ถ้าไม่ใช่เพราะอยากปกป้องยูแอลเพื่อนของเธอ
“...เหตุผล...”
“ก็แบบ...ฉันอยากเด่นบ้างจะได้มีชื่อเสียงบ้างน่ะค่ะ อีกอย่างยูแอลก็มีชื่อเสียงอยู่แล้ว...เปลี่ยนคนอื่นบ้างจะเป็นไรไปคะ”
เกรซพูดตอบตามจริตของเธอ เพราะเธอเป็นคนที่กล้าพูดกล้าทำห้าวหาญพอตัว เกรซสามารถทำทุกอย่างโดยไม่สนใจใครถ้าสิ่งนั้นมันขัดใจเธอหรือว่าเธอรู้สึกไม่ชอบก็จะหาวิธีการมายับยั้งทันที และที่สำคัญ...เธอเป็นคนรักเพื่อนมาก
“ผมว่า...ผมทำงานกับคุณมานานเหมือนกันนะครับ...ทำไมผมจะไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่...”
“ฮะๆ คุณเจซี...คิดมากไปแล้วค่ะ” เกรซแค่นหัวเราะทำหน้าเจื่อน
“หึ...อยากเด่นอยากดังมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น...ก็แค่ใช้เต้าไต่ ผมจะพิจารณาเป็นพิเศษ”
“ฉันว่าคุณเจซีพูดจาเกินไปหน่อยนะคะ”
ยูแอลรีบท้วงพูดสวนขึ้นทันทีที่เจซีพูดจบประโยค แจ็คกี้ เกรซ ซาซ่าและยูแอลรู้นิสัยของเขาดีว่าเขาเป็นคนแบบนี้และไม่สนใจใครหรืออะไรทั้งนั้นเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่นักเต้นคนอื่นๆ ที่พึ่งเข้ามาร่วมทีมกับเธอไม่กี่ปียังไม่รู้และยังดีที่ที่ประชุมอยู่ตอนนี้มีเพียงนักเต้นอย่างพวกเธอสี่คน แจ็คกี้จะสรุปประชุมให้คนอื่นๆ ทราบภายหลัง
“...แอล...แกใจเย็นๆ ก่อน..”
ซาซ่ารีบดึงเพื่อนสาวของตัวเองที่นั่งตรงตัวตรงแข็งจ้องมองเจซีเขม็งอย่างขัดค้านและโกรธเคืองกับคำพูดของเขาเมื่อครู่ แต่เจซีกลับยกยิ้มกับปฏิกิริยาของเธอเหมือนกับว่าเขากำลังสนุก...และคิดว่าเธอไม่อยากให้เขาเข้าใกล้ผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนของเธออีกเพราะหึง...
“แล้วเธอคิดว่ายังไงล่ะ? จะให้เพื่อนมาเต้นแทนหรือเธอจะเต้นกับพี่เอง”
เจซีเงยหน้ามองเธอ ใบหน้าหล่อคมเลิกคิ้วแล้วยกยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามหญิงสาวที่จ้องมองเขาตาแข็ง ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเธอกลับมาแสดงสีหน้าให้เขาเห็นอีกครั้ง...ความรู้สึกเหมือนผู้ชนะและยังเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อใจของเธออยู่
คำพูดที่พูดกับยูแอลที่แตกต่างออกไปทำให้แจ็คกี้อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจซีและยูแอลสลับกันไปมาอย่างนึกสงสัยว่าทั้งสองคนกลับไปคืนดีกันแล้วงั้นหรือ...ตั้งแต่เมื่อไหร่? ..
“แอล ฉันเต้นได้...” เกรซเอ่ย
“ฉันเต้นเองค่ะ เพราะถึงยังไงคุณก็ไม่ยอมอยู่แล้วและคงจะหาวิธีสกปรกทำให้เพื่อนของฉันถอนตัว”
“หึๆ ...หนูนี่รู้ใจพี่ดีที่สุด..”
“กรุณาให้เกียรติเรียกฉันดีๆ ด้วยค่ะ คนอื่นจะได้ไม่เข้าใจผิด”
ยูแอลพูดพร้อมกับปรายตามองไปทางแจ็คกี้ที่นั่งมองหน้าเธอและเจซีอย่างอยากรู้อยากเห็น ก่อนที่แจ็คกี้จะกระแอมเบาๆ พร้อมกับเฉมองไปทางอื่นแทน ไม่ใช่ว่าเธอเป็นอริกับแจ็คกี้ที่เป็นหัวหน้าทีม แค่เธอไม่พอใจในครั้งนี้ที่เขาไม่ยอมปรึกษาใครเลยก่อนจะรับงาน ไม่เหมือนกับทุกที
“ได้สิ...ฉันจะทำตามที่เธอขอ เพราะเธอก็ยอมทำตามใจฉันเหมือนกัน”
เจซีพูดเปลี่ยนบทบาททันทีเหมือนกับว่ากำลังแสดงละครตามบทที่เธอต้องการให้เล่นอย่างรู้สึกชอบใจ ยูแอลพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยดังเดิมพร้อมกับสะบัดหน้าไปทางอื่น
“เอาเป็นว่าตกลงตามที่คุยกันนะครับ...เรา...จะไปที่ห้องซ้อมกันเลยไหมครับ?”
“ยังก่อน...พอดีวันนี้ผมมีธุระ”
เจซีพูดทั้งที่ยังมองยูแอลที่ไม่ยอมหันไปมองหน้าเขานั่นมันทำให้เขาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แจ็คกี้เตรียมเก็บโน๊ตจากการประชุมแล้วลุกออกจากเก้าอี้พร้อมกับเกรซ ซาซ่าและยูแอล เตรียมที่จะกลับไปพักผ่อน แต่เจซีกลับเดินไปดักยูแอลหน้าประตูทางออกของห้องประชุมทันที คนอื่นๆ ต่างหันไปมองทั้งคู่ ซาซ่าเห็นอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหาเพื่อนสาวของตนแต่แจ็คกี้กลับดึงแขนของเขาเอาไว้
“อย่าเข้าไปยุ่งน่า...ไม่ใช่เรื่องของเราแล้ว”
“แต่นั่นเพื่อนฉันนะ”
แจ็คกี้ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับดึงทั้งเกรซและซาซ่าเดินออกจากห้องไป ปล่อยทิ้งให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันภายในห้องประชุมสองต่อสอง แจ็คกี้อยากให้ทั้งสองคนกลับมาคืนดีกันเพราะเขารู้ดีว่ายูแอลรักเจซีมากแค่ไหนและยังลืมเจซีไม่ได้ เขาแค่หวังดีไม่อยากเห็นยูแอลกลายเป็นคนไร้อารมณ์ความรู้สึก ทำหน้าเศร้าตลอดเวลาเหมือนทุกวันนี้ก็เท่านั้น ทั้งที่เมื่อก่อนเธอเป็นเป็นคนยิ้มเก่งร่าเริงและมองโลกในแง่ดีเสมอ
“มีธุระอะไรกับฉันอีกหรือคะ?”
“แอล...ที่พี่ทำไปทั้งหมดเพราะหนูคนเดียวเลยนะคะ”
“ทำตัวแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นแฟนพี่คงรู้สึกไม่ดีแน่ๆ ค่ะ เลิกเป็นแบบนี้เถอะค่ะ”
ยูแอลพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและทำท่าจะเดินจากเขาไป เจซีรีบคว้าแขนเล็กดึงเข้ามาสู่อ้อมกอดของตน...ยูแอลพยายามดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดนั้นแต่มันกลับทำให้เขากอดเธอแน่นขึ้น...ความรู้สึกที่มาจากอ้อมกอดของเขาทำให้เธอใจสั่น...เหมือนกับว่า...เขากลัวเธอจะหายไปตลอดกาลอย่างไรอย่างนั้น...
“คุณเจซี! อย่าทำแบบนี้!ฉันไม่ชอ...”
“อะไรทำให้แอลของพี่เปลี่ยนใจกันนะ...แอลที่เคยน่ารัก ยิ้มเก่ง...คอยให้กำลังใจพี่...หายไปไหนกัน...”
“..........”
“ตอนนี้พี่กลัวทุกอย่าง...เหมือนกับว่าสู้คนเดียว...ไม่เหมือนตอนที่มีหนูอยู่เลย....”
“คุณ....”
“แอล...อยู่กับพี่ก่อนนะคะ...แค่อยู่ข้างๆ ตอนนี้...”
น้ำเสียงของเจซีที่ซุกไหล่ของเธอมันเศร้าจนเธอไม่กล้าที่จะปฏิเสธ...เมื่อกี้ยังดูท่าทางมั่นใจอยู่เลย เจซีกระชับกอดของเขาแน่นขึ้น...ร่างกายของเขาเริ่มสั่นเทา...แต่ยูแอลกลับสับสนว่าเขาแสดงหรือว่าเขารู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ
“มีธุระไม่ใช่หรือคะ?”
“ธุระของพี่คืออยู่หนูไง...พี่ทำทุกทางเพื่อให้หนูกลับมาอยู่ใกล้ๆ พี่...”
“มัน...เป็นไปไม่ได้แล้วล่ะค่ะ...เลิกทำแบบนี้เถอะค่ะ...”
ยูแอลกลั้นใจผลักเขาออกพร้อมเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาจริงจัง...แต่แล้วสายตาของเธอต้องเปลี่ยนไปเมื่อใบหน้าหล่อของเขาถูกแต่งแต้มไปด้วยหยดน้ำตา...แววตาของเขาดูเศร้าจนใจเธอเจ็บ...อะไรที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้กัน...เพราะเธองั้นหรือ? ถึงเธอจะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า...ที่ผ่านมาที่เขาทำกับเธอ...เธอก็คิดว่าเขาหายดีแล้วถึงได้ทำลายความรักของเธอได้ลง ความสัมพันธ์มันพังเพราะเขา...
“...ทำไมถึง...”
“...ขอแค่คืนนี้...อยู่เป็นเพื่อนพี่นะคะ...พี่สัญญาจะไม่ทำอะไรหนูเลย...แค่อยู่ข้างๆ พี่...แป๊บเดียวก็ยังดี”
“..........”
เป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้วจึงเห็นใจ...หรือว่ารู้สึกสงสารหลังจากที่เห็นแววตาเศร้าผ่านนัยน์ตาคมของเขา...หรือว่าเป็นเพราะยังรักและห่วงเขากันแน่ ถึงได้พาตัวเองมาอยู่ข้างๆ เขาตามที่เขาร้องขอในตอนนี้ ทั้งที่ความจริงเธอจะกลับเลยก็ได้ จะปฏิเสธก็ได้...ทำไมถึงไม่ทำ...ยูแอลนั่งอยู่ในสตูดิโอส่วนตัวของเจซีในตึกสูงที่ประดับป้ายหน้าตึกว่า JC Entertainment บรรยากาศที่เจซีพยายามสร้างขึ้นเหมือนเมื่อก่อนที่พวกเขาเคยรักกัน...แต่ยูแอลกลับไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิม ในตอนนี้เธอกลับไร้ความรู้สึกใดๆ เพียงแค่ต้องการจะอยู่เป็นเพื่อนให้เขาดีขึ้นจากความรู้สึกแย่ๆ เท่านั้น ภายในใจของเธอตอนนี้กลับคิดถึงจีเซลเสียมากกว่า เธอก้มมองโทรศัพท์ของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าแต่...ก็ไม่เห็นสายเรียกเข้าหรือข้อความใดๆ ส่งมาเลย...เขายังไม่เลิกงานหรือเปล่านะ...“หนูลองมาฟังเพลงที่พี่แต่งสิ เพลงนี้พี่ตั้งใจจะแต่งขึ้นโชว์เลยนะ...หนูว่าดีไหม?”เจซีหันมาพูดกับยูแอลที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างๆ ยูแอลหันไปทางเขาเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ เป็นการบอกว่าเธอจะฟ
ค่ำคืนที่แสนอบอุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ร่างสูงเดินถือดอกกุหลาบสีขาวเดินไปหยุดตรงหน้าบ้านหลังหนึ่งด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าหล่อคมเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างชั้นสองที่ยังคงเปิดไฟสว่างไสวอยู่ เขาก้มลงดอมดมดอกกุหลายที่ตั้งใจซื้อมาก่อนจะเงยหน้ามองตรงไปยังหน้าต่างบานเดิมอีกครั้ง“ยูแอล!”โฮ่งๆ โฮ่งๆ ...ในขณะที่เสียงทุ้มเรียกชื่อแฟนสาวของเขา น้องหมาน่าตาน่ารักก็ยังคอยส่งเสียงเห่าช่วยราวกับว่าคุ้นชินกับเขามานาน หรืออาจจะเป็นเพราะเขามาที่นี่บ่อยๆ ไม่นานนักผ้าม่านของหน้าต่างบานนั้นก็เปิดออกพร้อมกับชะโงกหน้าลงไปมองคนที่มายืนเรียกชื่อตน ก่อนใบหน้าสวยจะยิ้มร่าออกมาและรีบวิ่งลงมาจากชั้นสองเพื่อมาหาคนที่ยืนรอเธออยู่หน้าบ้านอย่างดีใจทั้งสองยืนอยู่ไม่ไกลกันนักมีเพียงรั้วไม้ระดับเอวกั้นเอาไว้ ชายหนุ่มในชุดเสื้อกล้ามสีขาวใส่เสื้อฮู้ดแขนยาวตัวใหญ่สีเทาคลุม กางเกงวอร์มสีเทาเข้ากับเสื้อนอกของเขา ชายหนุ่มยื่นดอกกุหลาบในมือให้เธอด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม...มันเป็นรอยยิ้มที่มองแล้วดูอบอุ่นใจและดูมีเสน่ห์ สายตาคมของเขาจ้องมองเธอด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม&nbs
สายตาเฉี่ยวยืนจ้องมองหญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่นานเหมือนต้องมนต์สะกด ไหนจะผิวขาวเนียนที่ต่างจากคนปกติธรรมดาในชุดสายเดี่ยวนั่นอีก มองดูก็รู้ว่าเธอเป็นคนที่ดูแลตัวเองและเขาก็คิดว่าเธออาจจะเป็นดารานักแสดงไม่ก็นักร้องวงใดวงหนึ่งก็ได้ ดูจากใบหน้าสวยที่เงยขึ้นมาปาดน้ำตานั้น...ผู้หญิงอะไรขนาดร้องไห้ยังสวยเลย แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาชื่นชมเธอตอนนี้ มันน่าแปลกที่เห็นเธอร้องไห้เขากลับเศร้าใจตามไปด้วย“ใบหน้าสวยๆ แบบนี้ไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกนะครับ”ชายหนุ่มในเสื้อฮู้ดใส่หมวกเบสบอลปิดบังใบหน้าหล่อๆ อีกทั้งยังใส่แมสทำให้ยูแอลที่เงยหน้าขึ้นมาถึงกับผงะและจ้องมองเขาอย่างระแวง แม้ว่าชายหนุ่มจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอก็ตาม...กลางดึกแบบนี้ใครจะไปคิดดีได้ล่ะ ...เขาอาจจะเป็น...“ผมไม่ใช่โจรหรอกครับ...ผมแค่มาพักผ่อนแล้วบังเอิญผ่านมาได้ยินเสียงคุณ”“...พักผ่อน? ...ตอนกลางคืนน่ะหรือคะ?”เหมือนว่าเขาจะรู้ความคิดของหญิงสาวจึงได้รีบชิงพูดขึ้นก่อน แต่ก็ยังไม่คลายความระแวงของหญิงสาว เธอยั
“จะมาเที่ยวที่นี่ทำไมหนูไม่บอกพี่คะ?”เจซีเดินเข้ามาหายูแอลที่โต๊ะข้างๆ หลังจากที่เธอเดินมาเข้ามาหาเพื่อนๆ ของเธอ ใบหน้าของเขายังคงยิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตีหน้าซื่อจนทำให้ยูแอลที่จ้องมองเขานิ่งนึกระอาที่เขาเป็นแบบนี้ เป็นแบบที่เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็น...โกหกได้อย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่ทำกับเธอแบบนั้นรวมถึงคนที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนของเธอก็เช่นกัน และไหนจะคนทั้งวงของเขาที่ปิดเรื่องนี้มิดราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าโง่ ยูแอลเลื่อนสายตาไปยังโต๊ะที่เจซีพึ่งจากมาก็เห็นว่าคนในวงของเขาอยู่ครบ แต่กลับไม่เห็นเพื่อนสาวคนสนิทที่หักหลังเธอแล้ว“หืม? อะไรหรือคะ? อยากย้ายไปนั่งกับพวกพี่ไหมล่ะ?”“ไม่เป็นไรค่ะ แอลอยากจอยกับเพื่อน”“ไม่ใช่ว่าจะมาแอบเหล่มองผู้ชายคนอื่นใช่ไหมคะ? พี่หวงนะ”ยูแอลได้แต่ทำหน้านิ่งตอบคนที่พูดหยอกล้อเธออย่างเริงร่าไม่รู้สึกรู้สาอะไร แม้แต่ความรู้สึกผิดยังไม่มีนัยน์ตาของเขาเลยสักนิด ยิ่งมองคนตรงหน้าปั้นหน้าโกหกเธอยิ้มแป้นออกมาแบบนั้นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเ
“อื้ม....”ร่างสูงป้อนจูบที่แสนเร่าร้อนบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่ม สองแขนแกร่งกอดรัดร่างเล็กตั้งแต่หน้าประตูห้อง...ลิ้นเล็กไม่ยอมแพ้ยังคงหยอกล้อดูดดึงลิ้นหนาอย่างชำนาญ สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไปมาทั่วห้อง ทุกการย่างก้าวเข้าห้องเสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูกปลดเปลื้องเหวี่ยงไปคนละทิศละทางทั่วพื้น ข้าวของกระจัดกระจายในทุกๆ ที่ที่พวกเขาพักผ่าน ก่อนที่ร่างเล็กจะถูกอุ้มมาวางไว้บนเตียงนุ่มอย่างทะนุถนอมต่างจากการกระทำที่หิวกระหายโดยสิ้นเชิงร่างหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงสวยเข้าทาบทับหญิงสาวร่างเล็กในทันที รูปร่างที่พอดิบพอดีนั้นชวนให้หลงใหลเมื่อได้มอง... เขาป้อนจูบอย่างดูดดื่มให้เธออีกครั้ง และเธอเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้จูบนั้นของเขาเลยสักครั้งผลัดรับผลัดสู้กันอยู่อย่างนั้น สองแขนเรียวเล็กโอบรั้งคอหนาของเขาด้วยอารมณ์ที่คลุกรุ่น กลิ่นแอลกอฮอล์คลุกเคล้าในโพรงปากของทั้งคู่...ทั้งหวานทั้งขม... ก่อนที่ร่างเล็กจะพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างหนาของเขาไว้พร้อมกับพรมจูบไล่ลงไปยังกล้ามหน้าท้องและขบเม้มมันพอหยอกเย้าให้คนร่างหนาสะดุ้ง...ปากรูปกระจับครอบครองตัวตนใหญ่ยักษ์ของเขาทันที“ซี้ดดดดดส์
ในห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงสลัวๆ เล็ดลอดผ่านม่านบานเกร็ดเข้ามาเพียงเล็กน้อย บนโซฟาสีน้ำตาลอ่อนเรียบหรูชายหนุ่มหน้าคมหล่อเหลานั่งเท้าแขนกุมขมับ ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ที่ไรผมไปมา ผมดำขลับถูกเซ็ตอย่างดีไปด้านหลังจนหมดเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเด่นชัด อีกมือถือบุหรี่มวนใหญ่สายตาจ้องมองโต๊ะทำงานของตนอย่างเหม่อลอย“ยังไม่ไปตามเมียกลับมาอีกหรือวะไอ้เจซี...ถ้านั่งทำหน้าเครียดขนาดนี้”“........”“ปากบอกไม่รัก แต่ท่าทีของมึงมันไม่ใช่”ท็อปเปอร์พูดขึ้นกับเพื่อนรักของตนพร้อมกับยกไวน์แบรนด์ตัวเองขึ้นมาจิบ รอบกายรายล้อมด้วยหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยอัวเอียอยู่ข้างกาย เจซีปรายสายตามองท็อปเปอร์นิ่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ของตนเชิดหน้าขึ้นมองเพื่อนหนุ่มของเขาอีกครั้ง“เธอหนีไม่ไหนไม่รอดหรอก...เดี๋ยวก็กลับมา”“นี่มันจะหกเดือนแล้วนะเพื่อน”“.........”“กูว่าคงไม่กลับมาแล้วล่ะ...มึงเล่นทำกับเธอขนาดนั้น”&ldqu
“โผล่มาได้แล้วเหรอครับไอ้หน้าหล่อ”หนึ่งในสมาชิกของวงเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นจีเซลเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูอารมณ์ดีมากผิดจากปกติ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจเพราะช่วงสองเดือนมานี้ ตั้งแต่ที่รับนักเต้นอิสระกลุ่มหนึ่งเข้ามาพวกเขาก็พอจะรู้เรื่องจีเซลที่ตามขายขนมจีบให้แดนเซอร์คนสวยคนดังอยู่ ขนาดพวกเขาเองตอนที่เห็นเธอครั้งแรกยังคิดว่าเป็นไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปเลยด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าแฟนเก่าของรุ่นพี่ในวงการบันเทิงที่พวกเขาชื่นชอบจะสวยขนาดนี้ สวยกว่าในรูปเป็นไหนๆ แต่เพราะว่าจีเซลออกตัวแรงตั้งแต่วันแรกคนอื่นๆ ในวงจึงไม่ได้ยุ่งกับเธอคนนั้นเลย ถือว่าเพื่อนของเขาจองแล้วกัน...อีกอย่างพวกเขาไม่ชอบที่จะมีปัญหากันเองในวงด้วย“พูดเหมือนมึงไม่หล่อเนอะไอ้ชาย” จีเซลหันไปตอบกลับกวนๆ“ผมชื่อซันชายน์ครับไอ้จีเซล ขอร้องเถอะ...เรียกเต็มๆ ชื่ออ่ะ อีกอย่างกูพี่มึงนะ”ซันชายน์พูดตอบพร้อมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่เพื่อนของเขาชอบเรียกว่าไอ้ชาย (น์) มันดูเก่าแก่เข้มขลังเหมือนอยู่ในยุค80ยังไงอย่างนั้น เพื่อนคนอื่นๆ ต่างหัวเราะก
การซ้อมดำเนินไปอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง แม้ยูแอลจะพยายามมองที่กระจกและตั้งใจซ้อมแค่ไหนแต่ก็ต้องสบตากับจีเซลผ่านกระจกทุกครั้ง หรือไม่ก็จีเซลตั้งใจหันมองเธอโดยที่เธอมองเห็นสายตาของเขาผ่านกระจกบานใหญ่นั้น และแน่นอนว่าคนอื่นๆ ก็เห็นเหมือนกันว่าจีเซลไม่ค่อยมีสมาธิซ้อมเท่าไหร่นัก“ผิดแล้ว!จีเซล!นายตั้งใจซ้อมหน่อยสิวะ!” ซันชายน์อดที่จะหันไปดุเพื่อนรุ่นน้องร่วมวงของเขาไม่ได้ ในขณะที่เขาสอนท่าเต้นอยู่แต่จีเซลกลับไม่ได้สนใจมองที่เขาสอนจนเต้นผิดไปหมด จีเซลเองก็ยืนหน้าสลดหลังจากโดนเพื่อนร่วมวงว่า...เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่มีสมาธิเลยจริงนั่นแหละ“ขอโทษครับ...”“เอาล่ะๆ พักสักหน่อยเถอะ”ดีนเลือกที่จะตัดบท ถึงคนอื่นๆ ในวงจะไม่รู้ว่าจีเซลไปมีเรื่องอะไรมา แต่พวกเขาก็เลือกที่จะให้พักซ้อมเผื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้น เมื่อได้ยินอย่างนั้นคนอื่นๆ ก็ต่างพากันไปดื่มน้ำนั่งพัก ยูแอลเองก็ถูกซาซ่าและเกรซลากออกไปยังมุมห้องซ้อมเหมือนกัน“ยัยแอล!เกิดอะไรขึ้น? คนที่มาหาแกคือซีอีโอใช่ไหม?&rdq
“จะมาเที่ยวที่นี่ทำไมหนูไม่บอกพี่คะ?”เจซีเดินเข้ามาหายูแอลที่โต๊ะข้างๆ หลังจากที่เธอเดินมาเข้ามาหาเพื่อนๆ ของเธอ ใบหน้าของเขายังคงยิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตีหน้าซื่อจนทำให้ยูแอลที่จ้องมองเขานิ่งนึกระอาที่เขาเป็นแบบนี้ เป็นแบบที่เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็น...โกหกได้อย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่ทำกับเธอแบบนั้นรวมถึงคนที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนของเธอก็เช่นกัน และไหนจะคนทั้งวงของเขาที่ปิดเรื่องนี้มิดราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าโง่ ยูแอลเลื่อนสายตาไปยังโต๊ะที่เจซีพึ่งจากมาก็เห็นว่าคนในวงของเขาอยู่ครบ แต่กลับไม่เห็นเพื่อนสาวคนสนิทที่หักหลังเธอแล้ว“หืม? อะไรหรือคะ? อยากย้ายไปนั่งกับพวกพี่ไหมล่ะ?”“ไม่เป็นไรค่ะ แอลอยากจอยกับเพื่อน”“ไม่ใช่ว่าจะมาแอบเหล่มองผู้ชายคนอื่นใช่ไหมคะ? พี่หวงนะ”ยูแอลได้แต่ทำหน้านิ่งตอบคนที่พูดหยอกล้อเธออย่างเริงร่าไม่รู้สึกรู้สาอะไร แม้แต่ความรู้สึกผิดยังไม่มีนัยน์ตาของเขาเลยสักนิด ยิ่งมองคนตรงหน้าปั้นหน้าโกหกเธอยิ้มแป้นออกมาแบบนั้นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเ
สายตาเฉี่ยวยืนจ้องมองหญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่นานเหมือนต้องมนต์สะกด ไหนจะผิวขาวเนียนที่ต่างจากคนปกติธรรมดาในชุดสายเดี่ยวนั่นอีก มองดูก็รู้ว่าเธอเป็นคนที่ดูแลตัวเองและเขาก็คิดว่าเธออาจจะเป็นดารานักแสดงไม่ก็นักร้องวงใดวงหนึ่งก็ได้ ดูจากใบหน้าสวยที่เงยขึ้นมาปาดน้ำตานั้น...ผู้หญิงอะไรขนาดร้องไห้ยังสวยเลย แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาชื่นชมเธอตอนนี้ มันน่าแปลกที่เห็นเธอร้องไห้เขากลับเศร้าใจตามไปด้วย“ใบหน้าสวยๆ แบบนี้ไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกนะครับ”ชายหนุ่มในเสื้อฮู้ดใส่หมวกเบสบอลปิดบังใบหน้าหล่อๆ อีกทั้งยังใส่แมสทำให้ยูแอลที่เงยหน้าขึ้นมาถึงกับผงะและจ้องมองเขาอย่างระแวง แม้ว่าชายหนุ่มจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอก็ตาม...กลางดึกแบบนี้ใครจะไปคิดดีได้ล่ะ ...เขาอาจจะเป็น...“ผมไม่ใช่โจรหรอกครับ...ผมแค่มาพักผ่อนแล้วบังเอิญผ่านมาได้ยินเสียงคุณ”“...พักผ่อน? ...ตอนกลางคืนน่ะหรือคะ?”เหมือนว่าเขาจะรู้ความคิดของหญิงสาวจึงได้รีบชิงพูดขึ้นก่อน แต่ก็ยังไม่คลายความระแวงของหญิงสาว เธอยั
ค่ำคืนที่แสนอบอุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ร่างสูงเดินถือดอกกุหลาบสีขาวเดินไปหยุดตรงหน้าบ้านหลังหนึ่งด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าหล่อคมเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างชั้นสองที่ยังคงเปิดไฟสว่างไสวอยู่ เขาก้มลงดอมดมดอกกุหลายที่ตั้งใจซื้อมาก่อนจะเงยหน้ามองตรงไปยังหน้าต่างบานเดิมอีกครั้ง“ยูแอล!”โฮ่งๆ โฮ่งๆ ...ในขณะที่เสียงทุ้มเรียกชื่อแฟนสาวของเขา น้องหมาน่าตาน่ารักก็ยังคอยส่งเสียงเห่าช่วยราวกับว่าคุ้นชินกับเขามานาน หรืออาจจะเป็นเพราะเขามาที่นี่บ่อยๆ ไม่นานนักผ้าม่านของหน้าต่างบานนั้นก็เปิดออกพร้อมกับชะโงกหน้าลงไปมองคนที่มายืนเรียกชื่อตน ก่อนใบหน้าสวยจะยิ้มร่าออกมาและรีบวิ่งลงมาจากชั้นสองเพื่อมาหาคนที่ยืนรอเธออยู่หน้าบ้านอย่างดีใจทั้งสองยืนอยู่ไม่ไกลกันนักมีเพียงรั้วไม้ระดับเอวกั้นเอาไว้ ชายหนุ่มในชุดเสื้อกล้ามสีขาวใส่เสื้อฮู้ดแขนยาวตัวใหญ่สีเทาคลุม กางเกงวอร์มสีเทาเข้ากับเสื้อนอกของเขา ชายหนุ่มยื่นดอกกุหลาบในมือให้เธอด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม...มันเป็นรอยยิ้มที่มองแล้วดูอบอุ่นใจและดูมีเสน่ห์ สายตาคมของเขาจ้องมองเธอด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม&nbs
เป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้วจึงเห็นใจ...หรือว่ารู้สึกสงสารหลังจากที่เห็นแววตาเศร้าผ่านนัยน์ตาคมของเขา...หรือว่าเป็นเพราะยังรักและห่วงเขากันแน่ ถึงได้พาตัวเองมาอยู่ข้างๆ เขาตามที่เขาร้องขอในตอนนี้ ทั้งที่ความจริงเธอจะกลับเลยก็ได้ จะปฏิเสธก็ได้...ทำไมถึงไม่ทำ...ยูแอลนั่งอยู่ในสตูดิโอส่วนตัวของเจซีในตึกสูงที่ประดับป้ายหน้าตึกว่า JC Entertainment บรรยากาศที่เจซีพยายามสร้างขึ้นเหมือนเมื่อก่อนที่พวกเขาเคยรักกัน...แต่ยูแอลกลับไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิม ในตอนนี้เธอกลับไร้ความรู้สึกใดๆ เพียงแค่ต้องการจะอยู่เป็นเพื่อนให้เขาดีขึ้นจากความรู้สึกแย่ๆ เท่านั้น ภายในใจของเธอตอนนี้กลับคิดถึงจีเซลเสียมากกว่า เธอก้มมองโทรศัพท์ของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าแต่...ก็ไม่เห็นสายเรียกเข้าหรือข้อความใดๆ ส่งมาเลย...เขายังไม่เลิกงานหรือเปล่านะ...“หนูลองมาฟังเพลงที่พี่แต่งสิ เพลงนี้พี่ตั้งใจจะแต่งขึ้นโชว์เลยนะ...หนูว่าดีไหม?”เจซีหันมาพูดกับยูแอลที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างๆ ยูแอลหันไปทางเขาเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ เป็นการบอกว่าเธอจะฟ
“แล้วให้เริ่มงานวันไหนดีครับคุณเจซี?”“วันนี้ทีมเลิกซ้อมห้าโมงเย็นใช่ไหมครับ? เริ่มหนึ่งทุ่มวันนี้เลยครับ”เจซีตอบแจ็คกี้อย่างยิ้มแย้มแต่สายตากับไม่ได้อยู่ที่คู่สนทนาด้วยเสียเท่าไหร่ เขากลับเอาแต่มองไปทางยูแอลไม่วางตา และเธอเองก็จ้องมองเขากลับด้วยสายตาบ่งบอกว่าไม่อยากคิดว่าเขาจะทำแบบนี้ เธอเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าที่เขาทำไปทั้งหมดเป็นเพราะเธอ...อาจจะเป็นแค่เกมที่เขาอยากจะเอาชนะชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น...ทุกอย่างมันดูกะทันหันไปหมด ยูแอลอดไม่ได้ที่จะหันไปมองจีเซลผู้ที่นัดเธอไว้ก่อนแล้ว ซึ่งตอนนี้สายตาของจีเซลมองไปยังเจซีอย่างไม่เป็นมิตร แล้วเขาจะพูดแย้งอะไรได้ล่ะ...เวลาที่ยูแอลไม่อยากให้มาถึง...มันก็ได้มาถึง...ยูแอลมองนาฬิกาที่อยู่เหนือกระจกบานใหญ่ด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใบหน้าสวยดูเรียบนิ่งไร้อารมณ์ก็จริง แต่แววตาของเธอกลับดูเศร้าซึมเหมือนครั้งแรกที่จีเซลได้พบเธอ ไม่ได้มีแค่จีเซลที่มองไปทางยูแอล สมาชิกวงบียอนด์ต่างก็มองไปทางเธอทุกคน...ตั้งแต่ที่พวกเขายังไม่มีชื่อเสียงพวกเขาก็ได้ยินข่าวของรุ่นพี่อย่างเจซีอยู่บ้าง ทุกคนรู้ดีว
การซ้อมดำเนินไปอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง แม้ยูแอลจะพยายามมองที่กระจกและตั้งใจซ้อมแค่ไหนแต่ก็ต้องสบตากับจีเซลผ่านกระจกทุกครั้ง หรือไม่ก็จีเซลตั้งใจหันมองเธอโดยที่เธอมองเห็นสายตาของเขาผ่านกระจกบานใหญ่นั้น และแน่นอนว่าคนอื่นๆ ก็เห็นเหมือนกันว่าจีเซลไม่ค่อยมีสมาธิซ้อมเท่าไหร่นัก“ผิดแล้ว!จีเซล!นายตั้งใจซ้อมหน่อยสิวะ!” ซันชายน์อดที่จะหันไปดุเพื่อนรุ่นน้องร่วมวงของเขาไม่ได้ ในขณะที่เขาสอนท่าเต้นอยู่แต่จีเซลกลับไม่ได้สนใจมองที่เขาสอนจนเต้นผิดไปหมด จีเซลเองก็ยืนหน้าสลดหลังจากโดนเพื่อนร่วมวงว่า...เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่มีสมาธิเลยจริงนั่นแหละ“ขอโทษครับ...”“เอาล่ะๆ พักสักหน่อยเถอะ”ดีนเลือกที่จะตัดบท ถึงคนอื่นๆ ในวงจะไม่รู้ว่าจีเซลไปมีเรื่องอะไรมา แต่พวกเขาก็เลือกที่จะให้พักซ้อมเผื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้น เมื่อได้ยินอย่างนั้นคนอื่นๆ ก็ต่างพากันไปดื่มน้ำนั่งพัก ยูแอลเองก็ถูกซาซ่าและเกรซลากออกไปยังมุมห้องซ้อมเหมือนกัน“ยัยแอล!เกิดอะไรขึ้น? คนที่มาหาแกคือซีอีโอใช่ไหม?&rdq
“โผล่มาได้แล้วเหรอครับไอ้หน้าหล่อ”หนึ่งในสมาชิกของวงเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นจีเซลเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูอารมณ์ดีมากผิดจากปกติ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจเพราะช่วงสองเดือนมานี้ ตั้งแต่ที่รับนักเต้นอิสระกลุ่มหนึ่งเข้ามาพวกเขาก็พอจะรู้เรื่องจีเซลที่ตามขายขนมจีบให้แดนเซอร์คนสวยคนดังอยู่ ขนาดพวกเขาเองตอนที่เห็นเธอครั้งแรกยังคิดว่าเป็นไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปเลยด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าแฟนเก่าของรุ่นพี่ในวงการบันเทิงที่พวกเขาชื่นชอบจะสวยขนาดนี้ สวยกว่าในรูปเป็นไหนๆ แต่เพราะว่าจีเซลออกตัวแรงตั้งแต่วันแรกคนอื่นๆ ในวงจึงไม่ได้ยุ่งกับเธอคนนั้นเลย ถือว่าเพื่อนของเขาจองแล้วกัน...อีกอย่างพวกเขาไม่ชอบที่จะมีปัญหากันเองในวงด้วย“พูดเหมือนมึงไม่หล่อเนอะไอ้ชาย” จีเซลหันไปตอบกลับกวนๆ“ผมชื่อซันชายน์ครับไอ้จีเซล ขอร้องเถอะ...เรียกเต็มๆ ชื่ออ่ะ อีกอย่างกูพี่มึงนะ”ซันชายน์พูดตอบพร้อมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่เพื่อนของเขาชอบเรียกว่าไอ้ชาย (น์) มันดูเก่าแก่เข้มขลังเหมือนอยู่ในยุค80ยังไงอย่างนั้น เพื่อนคนอื่นๆ ต่างหัวเราะก
ในห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงสลัวๆ เล็ดลอดผ่านม่านบานเกร็ดเข้ามาเพียงเล็กน้อย บนโซฟาสีน้ำตาลอ่อนเรียบหรูชายหนุ่มหน้าคมหล่อเหลานั่งเท้าแขนกุมขมับ ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ที่ไรผมไปมา ผมดำขลับถูกเซ็ตอย่างดีไปด้านหลังจนหมดเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเด่นชัด อีกมือถือบุหรี่มวนใหญ่สายตาจ้องมองโต๊ะทำงานของตนอย่างเหม่อลอย“ยังไม่ไปตามเมียกลับมาอีกหรือวะไอ้เจซี...ถ้านั่งทำหน้าเครียดขนาดนี้”“........”“ปากบอกไม่รัก แต่ท่าทีของมึงมันไม่ใช่”ท็อปเปอร์พูดขึ้นกับเพื่อนรักของตนพร้อมกับยกไวน์แบรนด์ตัวเองขึ้นมาจิบ รอบกายรายล้อมด้วยหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยอัวเอียอยู่ข้างกาย เจซีปรายสายตามองท็อปเปอร์นิ่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ของตนเชิดหน้าขึ้นมองเพื่อนหนุ่มของเขาอีกครั้ง“เธอหนีไม่ไหนไม่รอดหรอก...เดี๋ยวก็กลับมา”“นี่มันจะหกเดือนแล้วนะเพื่อน”“.........”“กูว่าคงไม่กลับมาแล้วล่ะ...มึงเล่นทำกับเธอขนาดนั้น”&ldqu
“อื้ม....”ร่างสูงป้อนจูบที่แสนเร่าร้อนบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่ม สองแขนแกร่งกอดรัดร่างเล็กตั้งแต่หน้าประตูห้อง...ลิ้นเล็กไม่ยอมแพ้ยังคงหยอกล้อดูดดึงลิ้นหนาอย่างชำนาญ สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไปมาทั่วห้อง ทุกการย่างก้าวเข้าห้องเสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูกปลดเปลื้องเหวี่ยงไปคนละทิศละทางทั่วพื้น ข้าวของกระจัดกระจายในทุกๆ ที่ที่พวกเขาพักผ่าน ก่อนที่ร่างเล็กจะถูกอุ้มมาวางไว้บนเตียงนุ่มอย่างทะนุถนอมต่างจากการกระทำที่หิวกระหายโดยสิ้นเชิงร่างหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงสวยเข้าทาบทับหญิงสาวร่างเล็กในทันที รูปร่างที่พอดิบพอดีนั้นชวนให้หลงใหลเมื่อได้มอง... เขาป้อนจูบอย่างดูดดื่มให้เธออีกครั้ง และเธอเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้จูบนั้นของเขาเลยสักครั้งผลัดรับผลัดสู้กันอยู่อย่างนั้น สองแขนเรียวเล็กโอบรั้งคอหนาของเขาด้วยอารมณ์ที่คลุกรุ่น กลิ่นแอลกอฮอล์คลุกเคล้าในโพรงปากของทั้งคู่...ทั้งหวานทั้งขม... ก่อนที่ร่างเล็กจะพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างหนาของเขาไว้พร้อมกับพรมจูบไล่ลงไปยังกล้ามหน้าท้องและขบเม้มมันพอหยอกเย้าให้คนร่างหนาสะดุ้ง...ปากรูปกระจับครอบครองตัวตนใหญ่ยักษ์ของเขาทันที“ซี้ดดดดดส์