“จะมาเที่ยวที่นี่ทำไมหนูไม่บอกพี่คะ?”
เจซีเดินเข้ามาหายูแอลที่โต๊ะข้างๆ หลังจากที่เธอเดินมาเข้ามาหาเพื่อนๆ ของเธอ ใบหน้าของเขายังคงยิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตีหน้าซื่อจนทำให้ยูแอลที่จ้องมองเขานิ่งนึกระอาที่เขาเป็นแบบนี้ เป็นแบบที่เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็น...โกหกได้อย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่ทำกับเธอแบบนั้นรวมถึงคนที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนของเธอก็เช่นกัน และไหนจะคนทั้งวงของเขาที่ปิดเรื่องนี้มิดราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าโง่ ยูแอลเลื่อนสายตาไปยังโต๊ะที่เจซีพึ่งจากมาก็เห็นว่าคนในวงของเขาอยู่ครบ แต่กลับไม่เห็นเพื่อนสาวคนสนิทที่หักหลังเธอแล้ว
“หืม? อะไรหรือคะ? อยากย้ายไปนั่งกับพวกพี่ไหมล่ะ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ แอลอยากจอยกับเพื่อน”
“ไม่ใช่ว่าจะมาแอบเหล่มองผู้ชายคนอื่นใช่ไหมคะ? พี่หวงนะ”
ยูแอลได้แต่ทำหน้านิ่งตอบคนที่พูดหยอกล้อเธออย่างเริงร่าไม่รู้สึกรู้สาอะไร แม้แต่ความรู้สึกผิดยังไม่มีนัยน์ตาของเขาเลยสักนิด ยิ่งมองคนตรงหน้าปั้นหน้าโกหกเธอยิ้มแป้นออกมาแบบนั้นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บไปถึงขั้วหัวใจ เจ็บจนอดกลั้นน้ำตาไม่รื้นเอ่อคลอได้
“แอล...เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
“พี่เจซีคงอารมณ์ดีขึ้นแล้วสินะคะ...ก็ดีแล้วค่ะ”
“อ๋อ...พี่ขอโทษนะคะที่พูดจาไม่ดีใส่ อย่างอนพี่เลยนะคะ”
เจซีพูดพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้เอื้อมมือทำท่าจะโอบไหล่เพรียวของเธอ แต่เธอกลับเขยิบหนีเอี้ยวตัวหลับการโอบไหล่ของเขา ภายในใจนึกรังเกียจขึ้นมาเมื่อคิดว่ามือนั้นที่ลูบไล้ไปทั่วร่างกายของหญิงคนอื่นอย่างหยาบโลนกำลังจะมาแตะต้องเธอก็ยิ่งทำให้รู้สึกไม่อยากให้เขาโดนตัวเธอเลย เขาทำแบบนั้นตอนที่มีเธออยู่แล้ว เจซีขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีของแฟนสาวเปลี่ยนไป แต่เขาคิดแค่ว่ายูแอลคงโกรธที่เขาพูดจาไม่ดีใส่เธอก่อนหน้านี้เพียงเท่านั้นจึงหันไปคว้ามือของเธอมาจับไว้แทน
“พี่เจซี..!”
เธอตกใจสะดุ้งโหยงออกจากห้วงความคิดมองมือหนาที่จับมือเธอไว้ก็ถึงกับขมวดคิ้วแน่น...แค่จับมือเธอยังรู้สึกรังเกียจเขาขนาดนี้เลย...ยูแอลแกะมือของแฟนหนุ่มตรงหน้าสะบัดทิ้งแม้ว่าร่างกายของเธอจะสั่นเทาจากการสกัดกั้นอารมณ์ทั้งหมดเอาไว้ ทั้งรังเกียจทั้งเจ็บ ทั้งชา... แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกผิดหรือฉุกคิดเลยสักนิดว่าทำไมเธอเป็นแบบนี้ แต่เขากลับคิดว่าเธอเริ่มจะเอาแต่ใจมากเกินไปจนเขาเองก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก
“แอล ไม่เอาน่า...พี่ก็ขอโทษแล้วไง หนูอยากได้อะไรอีกล่ะ”
“แอลไม่เคยอยากได้อะไรจากพี่เจซีเลยค่ะตั้งแต่ที่เราคบกันมา...”
“เดี๋ยวนะ...แอลไปเจอเรื่องเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่าคะ? ...หรือว่า...หวงที่สาวๆ ในคลับมาชวนแก้วกับพี่เหรอ?”
“.........”
“พี่เป็นคนดังนี่...แอลก็ต้องเข้าใจพี่อยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ”
“ค่ะ...แอลเข้าใจดี...ขอแอลอยู่กับเพื่อนเถอะนะคะ”
ยูแอลสูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมกับพูดตัดบทแฟนหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะหันไปมองเพื่อนๆ ของตนที่ยืนเงียบเพราะไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก เพื่อนๆ ได้แต่จับไหล่เธอเบาๆ เท่านั้น เจซียกยิ้มเอาลิ้นดุนแก้มเพื่อเป็นการบ่งบอกว่าเขาไม่พอใจที่เธอทำปฏิกิริยาแบบนี้กับเขา มือหนาจึงคว้าข้อมือเล็กแล้วลากให้เดินตามตนไปอย่างเอาแต่ใจ
“พี่เจซี!! จะพาแอลไปไหนคะ?!แอลไม่ไป!!”
“ไปทำให้รู้ว่าพี่เป็นของหนูคนเดียวไงคะ”
“เดี๋ยว...ไม่นะ!!แอลบอกไม่ไปไงคะ!!”
“อย่าดื้อกับพี่นะแอล...ที่พี่ทำเพื่อให้หนูเลิกโกรธพี่เสียที”
เจซีไม่ฟังคำพูดของยูแอลเลยสักนิด ยังคงเดินลากเธอไปยังโซนห้องวีไอพีที่ลึกเข้าไปหลังคลับชั้นสอง ยูแอลมองทางที่เขากำลังจะพาเธอไปใจดวงน้อยก็กระตุกวูบ ภาวนาอย่าให้เป็นอย่างที่ตัวเองคิด แต่...เจซีก็ลากเธอเข้าไปในห้องเดิมที่เขาพึ่งเสพสมกับเพื่อนสาวคนสนิทอย่างฮานิไป...ห้องเดิมไม่มีมีผิดเพี้ยน
ไม่ทันที่เธอจะได้ตั้งตัวดีหลังจากถูกลากเข้าห้อง ร่างกายก็ถูกเหวี่ยงลงบนโซฟาตำแหน่งเดียวกับที่เธอพึ่งเห็นมากับตา ก่อนที่แฟนหนุ่มของเธอจะตามมาคร่อมทับร่างเธอไว้ทันที
“ก็บอกว่าไม่ไง!!”
“ทำไมล่ะ? ไม่ใช่เราไม่เคยทำกันนี่”
“มันไม่เกี่ยวกัน แอลไม่ต้องการให้พี่ทำแบบนี้!”
“จะหวงตัวไปทำไม แอลเป็นแฟนพี่นะ”
“ไม่ใช่อีกต่อไปแล้วพี่เจซี! ..ฮึกๆ ...แอลไม่ต้องการจะทับรอยใคร! ฮืออออ...”
“หมายความว่าไง...”
“เรื่องของพี่กับฮานิ แอลรู้เรื่องแล้ว..ฮึกๆ พอเถอะค่ะ”
พูดทั้งน้ำตาพร้อมกับเอามือเล็กที่สั่นเทาดันอกแกร่งคนตรงหน้าไว้อย่างสุดแรงกำลังที่มี เจซีทำหน้าตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยังปั้นหน้ายกยิ้มราวกับว่าเรื่องที่เธอพูดนั้นไม่เป็นความจริง มือหนาเอื้อมไปลูบศีรษะของคนใต้ร่างอย่างอ่อนโยนเหมือนเป็นการปลอบประโลม แต่มันกลับไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด
“....แอลเข้าใจผิดแล้ว...ไม่ว่าข่าวลืออะไรอย่าเชื่อสิคะ...พี่กับฮานิไม่ได้ยุ่งกันเลยนะ...แค่พูดคุยนิดหน่อย”
“ฮือออๆ ฮึกๆ ...ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ ไม่อยากฟังคำโกหก”
“ไม่เชื่อพี่เหรอคะ? ...พี่ขอโทษ พี่ไม่คิดว่าหนูจะหึงพี่กับเพื่อนของหนูเองขนาดนี้...”
“หึงงั้นเหรอ? ...เข้าใจผิดเหรอ? ...”
“ใช่ค่ะ...”
“เข้าใจผิดบ้าอะไร!!ก็เห็นกับตามานอนเอากันอยู่ตรงนี้!!! ฮืออออ!”
คำพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์โทสะและน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาอย่างเหลืออด...ทนฟังคำโกหกหน้าตาเฉยของคนตรงหน้าไม่ได้อีกต่อไป เจซีชะงักงันอย่างอึ้งๆ ไม่คิดว่ายูแอลจะเข้ามาเห็นพอดิบพอดีขนาดนั้น เพราะเธอบอกว่าเห็นเองกับตาทำเอาเขาถึงกับพูดไม่ออก เขาไม่ได้อยากให้ยูแอลรู้เรื่องนี้ เขาแค่ระบายอารมณ์ชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น..แต่ไม่ได้คิดจะเอาฮานิมาเป็นแฟนหรือพูดง่ายๆ ว่าเขาไม่ได้อยากจะเสียยูแอลไป...การกระทำที่เห็นแก่ตัวและโง่งมของเขาทำให้กำลังจะเธอไปเสียแล้ว...
“เรา...ฮึกๆ ...ละ...”
“อย่า..อย่า!อย่าพูดมันออกมา!!”
“เราเลิกกันเถอะ!!!”
“ก็บอกว่าอย่าพูดไง!!”
“ฉันจะเลิก!! ฮึกๆ ฮืออ”
“ไม่เลิกแอล!!พี่ไม่เลิก!พี่ขอโทษ!”
“ไม่!! ปล่อยฉันไปเถอะ!!”
ยูแอลพยายามที่หยัดตัวลุกขึ้นเพื่อหนีจากเขาแต่มีหรือที่เขาจะยอม เจซีจับมือทั้งสองข้างของเธอล็อกติดกับโซฟาแน่นแม้ว่าเธอจะพยายามขัดขืนขึ้นมาปัดป้องเขาให้ไปให้พ้นหลายครั้งก็ตาม เธอก็ไม่อาจจะสู้แรงที่เขามีได้...เธอก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ นี่ จะมีแรงไหนไปขัดขืนเขา
“ฮึกๆ ฮือๆ ปล่อยฉัน...ขอร้อง...ฮือออ”
“ไม่แอล...พี่ไม่มีทางปล่อยหนูไป...ยังไงพี่ก็ไม่เลิก”
“ฉันจะเลิก!!ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ฉันก็จเลิกกับพี่!!”
เธอตะคอกใส่เขาทั้งน้ำตา ความรู้สึกที่แสนจะเจ็บปวดและเสียใจเอ่อล้นออกมาจนกลายเป็นอารมณ์ที่รุนแรง จากคนที่ใจเย็นและอดทนตอนนี้มันได้ระเบิดออกมาเพราะเขา...เพราะการทำลายความเชื่อใจมาตลอดหลายปี เขาทำมันพังลงหมดแล้ว..เหลือแค่เพียงความรู้สึกขยะแขยงคนตรงหน้าเสียเต็มประดา...แม้ตอนนี้จะรักแต่ก็รู้สึกรังเกียจเช่นกัน...
“หนูจะไปไหนได้แอล...คิดเหรอว่าจะหนีพี่พ้น!”
“ลองดูสิ!แอลอดทนและใจเย็นมากๆ มาตลอด แค่เลิกกับพี่ทำไมแอลจะทนไม่ได้!”
“หึ...หนูเลือกเองนะ... สักวันหนูจะซมซานกลับมาหาพี่”
“ไม่มีวัน!...ให้ตายยังไงก็ไม่กลับ...เพราะไม่อยากเจ็บแบบนี้อีกแล้ว...ไม่เอาแล้ว...ฮึก”
ยิ่งพูดน้ำตายิ่งไหลไม่หยุดยิ่งกว่าสายน้ำ เธอเจ็บ...เสียใจ...จุกอก...และรู้สึกไม่อยากที่จะมีความรักอีกแล้ว ไม่อยากมานั่งเจอเรื่องแบบนี้หรือรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว ไม่อยากเป็นเหมือนคนโง่เหมือนตอนนี้...ภายในใจได้แต่ปฏิเสธ
“ได้สิ...พี่จะลองปล่อยให้เธอไปตามที่ต้องการ...อยากรู้เหมือนกันว่าใครมันจะมารักหนูถ้าหนูยังเป็นของพี่”
“ไม่...ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว...ฮือๆ ...เรื่องของเราให้มันจบในคืนนี้...ฮึกๆ”
“หึ...แล้วใครมันจะมาสนใจผู้หญิงที่ผ่านมือชายมาเยอะ”
“พี่เจซี...หมายความว่าไง....”
ไม่ทันที่น้ำตาจะเหือดแห้งดี ดวงตาสวยก็เบิกกว้างขึ้นมองคนตรงหน้าที่พูดจาน่าสงสัยผ่านม่านน้ำตา ก่อนจะหันไปเห็นชายหนุ่มอีกสองเดินเข้าห้องมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มกระหยิ่มหกระหย่อง เจซียกยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย...รอยยิ้มที่เธอรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว ไม่คิดว่าเขาจะมีอาการทางจิตหนักหนาขนาดนี้ทั้งที่เธอเองก็ดูแลเขาอย่างดีมาตลอด ยูแอลมองหน้าเจซีอย่างไม่เข้าใจ พร้อมกับระแวงชายหนุ่มทั้งสองคนที่เดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ
“พี่อยากเห็นสีหน้าของหนูตอนที่มีความสุขสุดๆ เป็นครั้งสุดท้าย”
“มะ...ไม่นะ...พี่เจซี...อย่าทำแบบนี้...ขอร้อง...ฮึกๆ”
“งั้นพี่ให้พูดใหม่ว่าหนูจะยังอยู่กับพี่หรือว่าจะยอมเลิกแล้วต้องเจอกับ....”
เจซีพูดพร้อมหันมองเพื่อนๆ ของเขาที่กำลังเตรียมปลดเข็มขัดของตัวเอง ยูแอลกัดฟันแน่นด้วยความกลัวและไม่คิดว่าเจซีจะกล้าทำแบบนี้กับเธอที่เป็นแฟนของเขา ไหนบอกว่ารัก...ไอ้คำว่ารักของเขาเป็นแบบไหนกัน
“ไม่!!พี่เจซี!..ขอร้อง!!ฮือๆ”
“ไม่ดีเหรอคะ? ก่อนจะไปจากพี่...มีคนได้เห็นเรือนร่างที่น่าหลงใหลของหนู...เผื่อคนอื่นจะติดใจไงคะ?”
“พี่เจซี...ฮึกๆ ...อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”
“จะเป็นคนดังก็เจอแบบนี้ทั้งนั้นแหละ...เอาน่า...ให้พี่ได้เห็นใบหน้าหนูทุกอารมณ์เป็นครั้งสุดท้าย”
“พี่เจซี!!! กรี๊ดดดดดดด!!”
ยูแอลกรีดร้องสุดเสียงเมื่อชายหนุ่มอีกสองคนเดินเข้ามาจับแขนทั้งสองข้างของเธอไว้ จนเธอถึงกับภาพตัดไปเพราะรับไม่ไหวกับสิ่งที่กำลังเผชิญ เจซียกมือห้ามเพื่อนของเขาที่ล็อกแขนของเธอไว้เมื่อเห็นว่าเธอแน่นิ่งไปก่อนจะปัดมือกลายๆ เพื่อให้พวกเขาออกไป...เขาต้องการขู่ขวัญเธอเท่านั้น...เพื่อให้เธอยอมพูดว่าจะไม่เลิกกับเขา...เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเธอรู้เรื่องของเขากับฮานิจากท็อปเปอร์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ แต่ไม่คิดว่าเธอจะกล้าตามมาดูถึงในห้องแบบนั้น...
“พี่แค่ไม่อยากให้หนูพูดว่าเลิกก็เท่านั้น....”
พูดจบร่างหน้าก็โน้มหน้าเข้าไปป้อนจูบให้เธอเบาๆ ก่อนจะเลื่อนใบหน้าไปประทับริมฝีปากบนหน้าผากมนราวกับกำลังปลอบประโลม ถ้าเป็นฮานิคงไม่รอดแน่ๆ แต่เพราะเป็นเธอ...เป็นคนที่เขารักจนไม่อยากให้เธอไปไหน ไม่ว่าเขาจะทำอะไรผิดพลาดไปทั้งตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจเขาก็ยังอยากหันกลับไปเห็นเธอรอให้อภัยเขาอยู่...
สองแขนแกร่งช้อนอุ้มร่างของหญิงสาวที่นอนสลบไม่รู้เรื่องไปยังรถแลมโบกินีสีขาวของตน ก่อนจะเดินไปนั่งประจำที่คนขับ แต่เขายังไม่วายโทรเข้าไปหาเพื่อนๆ ที่ยังนั่งรอสังสรรค์กันอยู่
“กูกลับก่อน...มีเรื่องนิดหน่อย”
(เออ จะให้กูบอกเพื่อนของแอลให้ไหม?)
“เออ...บอกให้ด้วยจะได้ไม่วุ่นวายมาตามหา”
(ได้ๆ คืนนี้อย่าหักโหมนักนะเว้ย พรุ่งนี้มีงาน)
“ไม่ชัวร์ แต่กูไหว”
(รู้เรื่องครับท่านลีดเดอร์ แต่น้องมันจะไม่ไหวเอานา)
“เออ”
ว่าจบท็อปเปอร์ก็วางสายจากเพื่อนของเขาก่อนจะเดินไปบอกโต๊ะข้างๆ ที่เป็นเพื่อนของยูแอลว่าเธอกลับไปแล้วกับเจซี แม้ว่าเพื่อนทั้งสองจะงงไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าคนอย่างยูแอลจะยอมให้อภัยเจซีง่ายๆ แน่ ยิ่งเป็นเรื่องนอกกายด้วยแล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้ไปกันใหญ่ แต่พวกเธอก็เลือกที่จะเก็บไว้ถามเจ้าตัวเองในวันพรุ่งนี้แทน...ไม่แน่...ความรักอาจจะทำให้คนตาบอดจนยอมให้อภัยก็ได้ ยังไงเขาก็คนนอนคุยกันไม่เหมือนกับคนที่ยืนคุยกันอย่างพวกเธอ...นั่นคือสิ่งที่เกรซและซาซ่าคิด...
หลังจากคืนนั้นยูแอลตื่นขึ้นมาตอนฟ้าสาง เธอหนีออกมาจากคฤหาสน์หลังโตโดยที่เจซียังไม่ตื่นด้วยซ้ำ พาร่างกายอันบอบช้ำรวมถึงหัวใจที่บอบช้ำเดินโซซัดโซเซมาไปตามทาง ก่อนที่จะกดโทรศัพท์หาเพื่อนสาวที่ไว้ใจ เธอนั่งมองเหม่อที่ป้ายรถเมล์ไม่สนสายตาผู้คนที่เริ่มมารอรถเพื่อทำงานและใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขา แม้ผู้คนพลุกพล่านก็ไม่ได้ทำให้จิตใจของเธอกระเตื้องขึ้นบ้างเลย มันยังคงเต้นช้าลงราวกับว่าหมดแรงที่จะเต้นต่อไปแล้ว เธอจำไม่ได้เลยว่าเรื่องที่เกิดชึ้นเมื่อคืนมันเป็นยังไงต่อ ทำไมเธอถึงกลับมายังคฤหาสน์ของเจซีได้ แต่ที่รู้ๆ ...เธอปวดร้าวร่างกายตัวเองอย่างมาก...นั่นทำให้เธอไม่อยากที่จะจินตานการอะไรต่อ...“แอล...แก...”ไม่นานเกินรอเพื่อนสาวอย่างเกรซที่พ่วงซาซ่ามาด้วยเดินลงมาจากรถที่จอดเลยจากป้ายไปนิดหน่อย เพื่อนทั้งสองเห็นสภาพเพื่อนของตัวเองที่รอยช้ำเป็นจ้ำๆ เต็มตัวก็อดที่จะสงสารเพื่อนสาวไม่ได้ ทั้งสามคนโผเข้ากอดกันแน่นปล่อยให้น้ำตาทำหน้าที่ของมันอย่างห้ามไม่อยู่และไม่สนใจใครทั้งนั้น....จากเหตุการณ์นั้นทำให้ยูแอลเลือกที่จะหลบหน้าเจซีมาโดยตลอด
“อื้ม....”ร่างสูงป้อนจูบที่แสนเร่าร้อนบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่ม สองแขนแกร่งกอดรัดร่างเล็กตั้งแต่หน้าประตูห้อง...ลิ้นเล็กไม่ยอมแพ้ยังคงหยอกล้อดูดดึงลิ้นหนาอย่างชำนาญ สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไปมาทั่วห้อง ทุกการย่างก้าวเข้าห้องเสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูกปลดเปลื้องเหวี่ยงไปคนละทิศละทางทั่วพื้น ข้าวของกระจัดกระจายในทุกๆ ที่ที่พวกเขาพักผ่าน ก่อนที่ร่างเล็กจะถูกอุ้มมาวางไว้บนเตียงนุ่มอย่างทะนุถนอมต่างจากการกระทำที่หิวกระหายโดยสิ้นเชิงร่างหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงสวยเข้าทาบทับหญิงสาวร่างเล็กในทันที รูปร่างที่พอดิบพอดีนั้นชวนให้หลงใหลเมื่อได้มอง... เขาป้อนจูบอย่างดูดดื่มให้เธออีกครั้ง และเธอเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้จูบนั้นของเขาเลยสักครั้งผลัดรับผลัดสู้กันอยู่อย่างนั้น สองแขนเรียวเล็กโอบรั้งคอหนาของเขาด้วยอารมณ์ที่คลุกรุ่น กลิ่นแอลกอฮอล์คลุกเคล้าในโพรงปากของทั้งคู่...ทั้งหวานทั้งขม... ก่อนที่ร่างเล็กจะพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างหนาของเขาไว้พร้อมกับพรมจูบไล่ลงไปยังกล้ามหน้าท้องและขบเม้มมันพอหยอกเย้าให้คนร่างหนาสะดุ้ง...ปากรูปกระจับครอบครองตัวตนใหญ่ยักษ์ของเขาทันที“ซี้ดดดดดส์
ในห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงสลัวๆ เล็ดลอดผ่านม่านบานเกร็ดเข้ามาเพียงเล็กน้อย บนโซฟาสีน้ำตาลอ่อนเรียบหรูชายหนุ่มหน้าคมหล่อเหลานั่งเท้าแขนกุมขมับ ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ที่ไรผมไปมา ผมดำขลับถูกเซ็ตอย่างดีไปด้านหลังจนหมดเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเด่นชัด อีกมือถือบุหรี่มวนใหญ่สายตาจ้องมองโต๊ะทำงานของตนอย่างเหม่อลอย“ยังไม่ไปตามเมียกลับมาอีกหรือวะไอ้เจซี...ถ้านั่งทำหน้าเครียดขนาดนี้”“........”“ปากบอกไม่รัก แต่ท่าทีของมึงมันไม่ใช่”ท็อปเปอร์พูดขึ้นกับเพื่อนรักของตนพร้อมกับยกไวน์แบรนด์ตัวเองขึ้นมาจิบ รอบกายรายล้อมด้วยหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยอัวเอียอยู่ข้างกาย เจซีปรายสายตามองท็อปเปอร์นิ่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ของตนเชิดหน้าขึ้นมองเพื่อนหนุ่มของเขาอีกครั้ง“เธอหนีไม่ไหนไม่รอดหรอก...เดี๋ยวก็กลับมา”“นี่มันจะหกเดือนแล้วนะเพื่อน”“.........”“กูว่าคงไม่กลับมาแล้วล่ะ...มึงเล่นทำกับเธอขนาดนั้น”&ldqu
“โผล่มาได้แล้วเหรอครับไอ้หน้าหล่อ”หนึ่งในสมาชิกของวงเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นจีเซลเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูอารมณ์ดีมากผิดจากปกติ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจเพราะช่วงสองเดือนมานี้ ตั้งแต่ที่รับนักเต้นอิสระกลุ่มหนึ่งเข้ามาพวกเขาก็พอจะรู้เรื่องจีเซลที่ตามขายขนมจีบให้แดนเซอร์คนสวยคนดังอยู่ ขนาดพวกเขาเองตอนที่เห็นเธอครั้งแรกยังคิดว่าเป็นไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปเลยด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าแฟนเก่าของรุ่นพี่ในวงการบันเทิงที่พวกเขาชื่นชอบจะสวยขนาดนี้ สวยกว่าในรูปเป็นไหนๆ แต่เพราะว่าจีเซลออกตัวแรงตั้งแต่วันแรกคนอื่นๆ ในวงจึงไม่ได้ยุ่งกับเธอคนนั้นเลย ถือว่าเพื่อนของเขาจองแล้วกัน...อีกอย่างพวกเขาไม่ชอบที่จะมีปัญหากันเองในวงด้วย“พูดเหมือนมึงไม่หล่อเนอะไอ้ชาย” จีเซลหันไปตอบกลับกวนๆ“ผมชื่อซันชายน์ครับไอ้จีเซล ขอร้องเถอะ...เรียกเต็มๆ ชื่ออ่ะ อีกอย่างกูพี่มึงนะ”ซันชายน์พูดตอบพร้อมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่เพื่อนของเขาชอบเรียกว่าไอ้ชาย (น์) มันดูเก่าแก่เข้มขลังเหมือนอยู่ในยุค80ยังไงอย่างนั้น เพื่อนคนอื่นๆ ต่างหัวเราะก
การซ้อมดำเนินไปอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง แม้ยูแอลจะพยายามมองที่กระจกและตั้งใจซ้อมแค่ไหนแต่ก็ต้องสบตากับจีเซลผ่านกระจกทุกครั้ง หรือไม่ก็จีเซลตั้งใจหันมองเธอโดยที่เธอมองเห็นสายตาของเขาผ่านกระจกบานใหญ่นั้น และแน่นอนว่าคนอื่นๆ ก็เห็นเหมือนกันว่าจีเซลไม่ค่อยมีสมาธิซ้อมเท่าไหร่นัก“ผิดแล้ว!จีเซล!นายตั้งใจซ้อมหน่อยสิวะ!” ซันชายน์อดที่จะหันไปดุเพื่อนรุ่นน้องร่วมวงของเขาไม่ได้ ในขณะที่เขาสอนท่าเต้นอยู่แต่จีเซลกลับไม่ได้สนใจมองที่เขาสอนจนเต้นผิดไปหมด จีเซลเองก็ยืนหน้าสลดหลังจากโดนเพื่อนร่วมวงว่า...เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่มีสมาธิเลยจริงนั่นแหละ“ขอโทษครับ...”“เอาล่ะๆ พักสักหน่อยเถอะ”ดีนเลือกที่จะตัดบท ถึงคนอื่นๆ ในวงจะไม่รู้ว่าจีเซลไปมีเรื่องอะไรมา แต่พวกเขาก็เลือกที่จะให้พักซ้อมเผื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้น เมื่อได้ยินอย่างนั้นคนอื่นๆ ก็ต่างพากันไปดื่มน้ำนั่งพัก ยูแอลเองก็ถูกซาซ่าและเกรซลากออกไปยังมุมห้องซ้อมเหมือนกัน“ยัยแอล!เกิดอะไรขึ้น? คนที่มาหาแกคือซีอีโอใช่ไหม?&rdq
“แล้วให้เริ่มงานวันไหนดีครับคุณเจซี?”“วันนี้ทีมเลิกซ้อมห้าโมงเย็นใช่ไหมครับ? เริ่มหนึ่งทุ่มวันนี้เลยครับ”เจซีตอบแจ็คกี้อย่างยิ้มแย้มแต่สายตากับไม่ได้อยู่ที่คู่สนทนาด้วยเสียเท่าไหร่ เขากลับเอาแต่มองไปทางยูแอลไม่วางตา และเธอเองก็จ้องมองเขากลับด้วยสายตาบ่งบอกว่าไม่อยากคิดว่าเขาจะทำแบบนี้ เธอเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าที่เขาทำไปทั้งหมดเป็นเพราะเธอ...อาจจะเป็นแค่เกมที่เขาอยากจะเอาชนะชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น...ทุกอย่างมันดูกะทันหันไปหมด ยูแอลอดไม่ได้ที่จะหันไปมองจีเซลผู้ที่นัดเธอไว้ก่อนแล้ว ซึ่งตอนนี้สายตาของจีเซลมองไปยังเจซีอย่างไม่เป็นมิตร แล้วเขาจะพูดแย้งอะไรได้ล่ะ...เวลาที่ยูแอลไม่อยากให้มาถึง...มันก็ได้มาถึง...ยูแอลมองนาฬิกาที่อยู่เหนือกระจกบานใหญ่ด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใบหน้าสวยดูเรียบนิ่งไร้อารมณ์ก็จริง แต่แววตาของเธอกลับดูเศร้าซึมเหมือนครั้งแรกที่จีเซลได้พบเธอ ไม่ได้มีแค่จีเซลที่มองไปทางยูแอล สมาชิกวงบียอนด์ต่างก็มองไปทางเธอทุกคน...ตั้งแต่ที่พวกเขายังไม่มีชื่อเสียงพวกเขาก็ได้ยินข่าวของรุ่นพี่อย่างเจซีอยู่บ้าง ทุกคนรู้ดีว
เป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้วจึงเห็นใจ...หรือว่ารู้สึกสงสารหลังจากที่เห็นแววตาเศร้าผ่านนัยน์ตาคมของเขา...หรือว่าเป็นเพราะยังรักและห่วงเขากันแน่ ถึงได้พาตัวเองมาอยู่ข้างๆ เขาตามที่เขาร้องขอในตอนนี้ ทั้งที่ความจริงเธอจะกลับเลยก็ได้ จะปฏิเสธก็ได้...ทำไมถึงไม่ทำ...ยูแอลนั่งอยู่ในสตูดิโอส่วนตัวของเจซีในตึกสูงที่ประดับป้ายหน้าตึกว่า JC Entertainment บรรยากาศที่เจซีพยายามสร้างขึ้นเหมือนเมื่อก่อนที่พวกเขาเคยรักกัน...แต่ยูแอลกลับไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิม ในตอนนี้เธอกลับไร้ความรู้สึกใดๆ เพียงแค่ต้องการจะอยู่เป็นเพื่อนให้เขาดีขึ้นจากความรู้สึกแย่ๆ เท่านั้น ภายในใจของเธอตอนนี้กลับคิดถึงจีเซลเสียมากกว่า เธอก้มมองโทรศัพท์ของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าแต่...ก็ไม่เห็นสายเรียกเข้าหรือข้อความใดๆ ส่งมาเลย...เขายังไม่เลิกงานหรือเปล่านะ...“หนูลองมาฟังเพลงที่พี่แต่งสิ เพลงนี้พี่ตั้งใจจะแต่งขึ้นโชว์เลยนะ...หนูว่าดีไหม?”เจซีหันมาพูดกับยูแอลที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างๆ ยูแอลหันไปทางเขาเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ เป็นการบอกว่าเธอจะฟ
ค่ำคืนที่แสนอบอุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ร่างสูงเดินถือดอกกุหลาบสีขาวเดินไปหยุดตรงหน้าบ้านหลังหนึ่งด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าหล่อคมเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างชั้นสองที่ยังคงเปิดไฟสว่างไสวอยู่ เขาก้มลงดอมดมดอกกุหลายที่ตั้งใจซื้อมาก่อนจะเงยหน้ามองตรงไปยังหน้าต่างบานเดิมอีกครั้ง“ยูแอล!”โฮ่งๆ โฮ่งๆ ...ในขณะที่เสียงทุ้มเรียกชื่อแฟนสาวของเขา น้องหมาน่าตาน่ารักก็ยังคอยส่งเสียงเห่าช่วยราวกับว่าคุ้นชินกับเขามานาน หรืออาจจะเป็นเพราะเขามาที่นี่บ่อยๆ ไม่นานนักผ้าม่านของหน้าต่างบานนั้นก็เปิดออกพร้อมกับชะโงกหน้าลงไปมองคนที่มายืนเรียกชื่อตน ก่อนใบหน้าสวยจะยิ้มร่าออกมาและรีบวิ่งลงมาจากชั้นสองเพื่อมาหาคนที่ยืนรอเธออยู่หน้าบ้านอย่างดีใจทั้งสองยืนอยู่ไม่ไกลกันนักมีเพียงรั้วไม้ระดับเอวกั้นเอาไว้ ชายหนุ่มในชุดเสื้อกล้ามสีขาวใส่เสื้อฮู้ดแขนยาวตัวใหญ่สีเทาคลุม กางเกงวอร์มสีเทาเข้ากับเสื้อนอกของเขา ชายหนุ่มยื่นดอกกุหลาบในมือให้เธอด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม...มันเป็นรอยยิ้มที่มองแล้วดูอบอุ่นใจและดูมีเสน่ห์ สายตาคมของเขาจ้องมองเธอด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม&nbs
หลังจากคืนนั้นยูแอลตื่นขึ้นมาตอนฟ้าสาง เธอหนีออกมาจากคฤหาสน์หลังโตโดยที่เจซียังไม่ตื่นด้วยซ้ำ พาร่างกายอันบอบช้ำรวมถึงหัวใจที่บอบช้ำเดินโซซัดโซเซมาไปตามทาง ก่อนที่จะกดโทรศัพท์หาเพื่อนสาวที่ไว้ใจ เธอนั่งมองเหม่อที่ป้ายรถเมล์ไม่สนสายตาผู้คนที่เริ่มมารอรถเพื่อทำงานและใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขา แม้ผู้คนพลุกพล่านก็ไม่ได้ทำให้จิตใจของเธอกระเตื้องขึ้นบ้างเลย มันยังคงเต้นช้าลงราวกับว่าหมดแรงที่จะเต้นต่อไปแล้ว เธอจำไม่ได้เลยว่าเรื่องที่เกิดชึ้นเมื่อคืนมันเป็นยังไงต่อ ทำไมเธอถึงกลับมายังคฤหาสน์ของเจซีได้ แต่ที่รู้ๆ ...เธอปวดร้าวร่างกายตัวเองอย่างมาก...นั่นทำให้เธอไม่อยากที่จะจินตานการอะไรต่อ...“แอล...แก...”ไม่นานเกินรอเพื่อนสาวอย่างเกรซที่พ่วงซาซ่ามาด้วยเดินลงมาจากรถที่จอดเลยจากป้ายไปนิดหน่อย เพื่อนทั้งสองเห็นสภาพเพื่อนของตัวเองที่รอยช้ำเป็นจ้ำๆ เต็มตัวก็อดที่จะสงสารเพื่อนสาวไม่ได้ ทั้งสามคนโผเข้ากอดกันแน่นปล่อยให้น้ำตาทำหน้าที่ของมันอย่างห้ามไม่อยู่และไม่สนใจใครทั้งนั้น....จากเหตุการณ์นั้นทำให้ยูแอลเลือกที่จะหลบหน้าเจซีมาโดยตลอด
“จะมาเที่ยวที่นี่ทำไมหนูไม่บอกพี่คะ?”เจซีเดินเข้ามาหายูแอลที่โต๊ะข้างๆ หลังจากที่เธอเดินมาเข้ามาหาเพื่อนๆ ของเธอ ใบหน้าของเขายังคงยิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตีหน้าซื่อจนทำให้ยูแอลที่จ้องมองเขานิ่งนึกระอาที่เขาเป็นแบบนี้ เป็นแบบที่เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็น...โกหกได้อย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่ทำกับเธอแบบนั้นรวมถึงคนที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนของเธอก็เช่นกัน และไหนจะคนทั้งวงของเขาที่ปิดเรื่องนี้มิดราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าโง่ ยูแอลเลื่อนสายตาไปยังโต๊ะที่เจซีพึ่งจากมาก็เห็นว่าคนในวงของเขาอยู่ครบ แต่กลับไม่เห็นเพื่อนสาวคนสนิทที่หักหลังเธอแล้ว“หืม? อะไรหรือคะ? อยากย้ายไปนั่งกับพวกพี่ไหมล่ะ?”“ไม่เป็นไรค่ะ แอลอยากจอยกับเพื่อน”“ไม่ใช่ว่าจะมาแอบเหล่มองผู้ชายคนอื่นใช่ไหมคะ? พี่หวงนะ”ยูแอลได้แต่ทำหน้านิ่งตอบคนที่พูดหยอกล้อเธออย่างเริงร่าไม่รู้สึกรู้สาอะไร แม้แต่ความรู้สึกผิดยังไม่มีนัยน์ตาของเขาเลยสักนิด ยิ่งมองคนตรงหน้าปั้นหน้าโกหกเธอยิ้มแป้นออกมาแบบนั้นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเ
สายตาเฉี่ยวยืนจ้องมองหญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่นานเหมือนต้องมนต์สะกด ไหนจะผิวขาวเนียนที่ต่างจากคนปกติธรรมดาในชุดสายเดี่ยวนั่นอีก มองดูก็รู้ว่าเธอเป็นคนที่ดูแลตัวเองและเขาก็คิดว่าเธออาจจะเป็นดารานักแสดงไม่ก็นักร้องวงใดวงหนึ่งก็ได้ ดูจากใบหน้าสวยที่เงยขึ้นมาปาดน้ำตานั้น...ผู้หญิงอะไรขนาดร้องไห้ยังสวยเลย แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาชื่นชมเธอตอนนี้ มันน่าแปลกที่เห็นเธอร้องไห้เขากลับเศร้าใจตามไปด้วย“ใบหน้าสวยๆ แบบนี้ไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกนะครับ”ชายหนุ่มในเสื้อฮู้ดใส่หมวกเบสบอลปิดบังใบหน้าหล่อๆ อีกทั้งยังใส่แมสทำให้ยูแอลที่เงยหน้าขึ้นมาถึงกับผงะและจ้องมองเขาอย่างระแวง แม้ว่าชายหนุ่มจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอก็ตาม...กลางดึกแบบนี้ใครจะไปคิดดีได้ล่ะ ...เขาอาจจะเป็น...“ผมไม่ใช่โจรหรอกครับ...ผมแค่มาพักผ่อนแล้วบังเอิญผ่านมาได้ยินเสียงคุณ”“...พักผ่อน? ...ตอนกลางคืนน่ะหรือคะ?”เหมือนว่าเขาจะรู้ความคิดของหญิงสาวจึงได้รีบชิงพูดขึ้นก่อน แต่ก็ยังไม่คลายความระแวงของหญิงสาว เธอยั
ค่ำคืนที่แสนอบอุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ร่างสูงเดินถือดอกกุหลาบสีขาวเดินไปหยุดตรงหน้าบ้านหลังหนึ่งด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าหล่อคมเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างชั้นสองที่ยังคงเปิดไฟสว่างไสวอยู่ เขาก้มลงดอมดมดอกกุหลายที่ตั้งใจซื้อมาก่อนจะเงยหน้ามองตรงไปยังหน้าต่างบานเดิมอีกครั้ง“ยูแอล!”โฮ่งๆ โฮ่งๆ ...ในขณะที่เสียงทุ้มเรียกชื่อแฟนสาวของเขา น้องหมาน่าตาน่ารักก็ยังคอยส่งเสียงเห่าช่วยราวกับว่าคุ้นชินกับเขามานาน หรืออาจจะเป็นเพราะเขามาที่นี่บ่อยๆ ไม่นานนักผ้าม่านของหน้าต่างบานนั้นก็เปิดออกพร้อมกับชะโงกหน้าลงไปมองคนที่มายืนเรียกชื่อตน ก่อนใบหน้าสวยจะยิ้มร่าออกมาและรีบวิ่งลงมาจากชั้นสองเพื่อมาหาคนที่ยืนรอเธออยู่หน้าบ้านอย่างดีใจทั้งสองยืนอยู่ไม่ไกลกันนักมีเพียงรั้วไม้ระดับเอวกั้นเอาไว้ ชายหนุ่มในชุดเสื้อกล้ามสีขาวใส่เสื้อฮู้ดแขนยาวตัวใหญ่สีเทาคลุม กางเกงวอร์มสีเทาเข้ากับเสื้อนอกของเขา ชายหนุ่มยื่นดอกกุหลาบในมือให้เธอด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม...มันเป็นรอยยิ้มที่มองแล้วดูอบอุ่นใจและดูมีเสน่ห์ สายตาคมของเขาจ้องมองเธอด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม&nbs
เป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้วจึงเห็นใจ...หรือว่ารู้สึกสงสารหลังจากที่เห็นแววตาเศร้าผ่านนัยน์ตาคมของเขา...หรือว่าเป็นเพราะยังรักและห่วงเขากันแน่ ถึงได้พาตัวเองมาอยู่ข้างๆ เขาตามที่เขาร้องขอในตอนนี้ ทั้งที่ความจริงเธอจะกลับเลยก็ได้ จะปฏิเสธก็ได้...ทำไมถึงไม่ทำ...ยูแอลนั่งอยู่ในสตูดิโอส่วนตัวของเจซีในตึกสูงที่ประดับป้ายหน้าตึกว่า JC Entertainment บรรยากาศที่เจซีพยายามสร้างขึ้นเหมือนเมื่อก่อนที่พวกเขาเคยรักกัน...แต่ยูแอลกลับไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิม ในตอนนี้เธอกลับไร้ความรู้สึกใดๆ เพียงแค่ต้องการจะอยู่เป็นเพื่อนให้เขาดีขึ้นจากความรู้สึกแย่ๆ เท่านั้น ภายในใจของเธอตอนนี้กลับคิดถึงจีเซลเสียมากกว่า เธอก้มมองโทรศัพท์ของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าแต่...ก็ไม่เห็นสายเรียกเข้าหรือข้อความใดๆ ส่งมาเลย...เขายังไม่เลิกงานหรือเปล่านะ...“หนูลองมาฟังเพลงที่พี่แต่งสิ เพลงนี้พี่ตั้งใจจะแต่งขึ้นโชว์เลยนะ...หนูว่าดีไหม?”เจซีหันมาพูดกับยูแอลที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างๆ ยูแอลหันไปทางเขาเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ เป็นการบอกว่าเธอจะฟ
“แล้วให้เริ่มงานวันไหนดีครับคุณเจซี?”“วันนี้ทีมเลิกซ้อมห้าโมงเย็นใช่ไหมครับ? เริ่มหนึ่งทุ่มวันนี้เลยครับ”เจซีตอบแจ็คกี้อย่างยิ้มแย้มแต่สายตากับไม่ได้อยู่ที่คู่สนทนาด้วยเสียเท่าไหร่ เขากลับเอาแต่มองไปทางยูแอลไม่วางตา และเธอเองก็จ้องมองเขากลับด้วยสายตาบ่งบอกว่าไม่อยากคิดว่าเขาจะทำแบบนี้ เธอเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าที่เขาทำไปทั้งหมดเป็นเพราะเธอ...อาจจะเป็นแค่เกมที่เขาอยากจะเอาชนะชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น...ทุกอย่างมันดูกะทันหันไปหมด ยูแอลอดไม่ได้ที่จะหันไปมองจีเซลผู้ที่นัดเธอไว้ก่อนแล้ว ซึ่งตอนนี้สายตาของจีเซลมองไปยังเจซีอย่างไม่เป็นมิตร แล้วเขาจะพูดแย้งอะไรได้ล่ะ...เวลาที่ยูแอลไม่อยากให้มาถึง...มันก็ได้มาถึง...ยูแอลมองนาฬิกาที่อยู่เหนือกระจกบานใหญ่ด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใบหน้าสวยดูเรียบนิ่งไร้อารมณ์ก็จริง แต่แววตาของเธอกลับดูเศร้าซึมเหมือนครั้งแรกที่จีเซลได้พบเธอ ไม่ได้มีแค่จีเซลที่มองไปทางยูแอล สมาชิกวงบียอนด์ต่างก็มองไปทางเธอทุกคน...ตั้งแต่ที่พวกเขายังไม่มีชื่อเสียงพวกเขาก็ได้ยินข่าวของรุ่นพี่อย่างเจซีอยู่บ้าง ทุกคนรู้ดีว
การซ้อมดำเนินไปอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง แม้ยูแอลจะพยายามมองที่กระจกและตั้งใจซ้อมแค่ไหนแต่ก็ต้องสบตากับจีเซลผ่านกระจกทุกครั้ง หรือไม่ก็จีเซลตั้งใจหันมองเธอโดยที่เธอมองเห็นสายตาของเขาผ่านกระจกบานใหญ่นั้น และแน่นอนว่าคนอื่นๆ ก็เห็นเหมือนกันว่าจีเซลไม่ค่อยมีสมาธิซ้อมเท่าไหร่นัก“ผิดแล้ว!จีเซล!นายตั้งใจซ้อมหน่อยสิวะ!” ซันชายน์อดที่จะหันไปดุเพื่อนรุ่นน้องร่วมวงของเขาไม่ได้ ในขณะที่เขาสอนท่าเต้นอยู่แต่จีเซลกลับไม่ได้สนใจมองที่เขาสอนจนเต้นผิดไปหมด จีเซลเองก็ยืนหน้าสลดหลังจากโดนเพื่อนร่วมวงว่า...เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่มีสมาธิเลยจริงนั่นแหละ“ขอโทษครับ...”“เอาล่ะๆ พักสักหน่อยเถอะ”ดีนเลือกที่จะตัดบท ถึงคนอื่นๆ ในวงจะไม่รู้ว่าจีเซลไปมีเรื่องอะไรมา แต่พวกเขาก็เลือกที่จะให้พักซ้อมเผื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้น เมื่อได้ยินอย่างนั้นคนอื่นๆ ก็ต่างพากันไปดื่มน้ำนั่งพัก ยูแอลเองก็ถูกซาซ่าและเกรซลากออกไปยังมุมห้องซ้อมเหมือนกัน“ยัยแอล!เกิดอะไรขึ้น? คนที่มาหาแกคือซีอีโอใช่ไหม?&rdq
“โผล่มาได้แล้วเหรอครับไอ้หน้าหล่อ”หนึ่งในสมาชิกของวงเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นจีเซลเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูอารมณ์ดีมากผิดจากปกติ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจเพราะช่วงสองเดือนมานี้ ตั้งแต่ที่รับนักเต้นอิสระกลุ่มหนึ่งเข้ามาพวกเขาก็พอจะรู้เรื่องจีเซลที่ตามขายขนมจีบให้แดนเซอร์คนสวยคนดังอยู่ ขนาดพวกเขาเองตอนที่เห็นเธอครั้งแรกยังคิดว่าเป็นไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปเลยด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าแฟนเก่าของรุ่นพี่ในวงการบันเทิงที่พวกเขาชื่นชอบจะสวยขนาดนี้ สวยกว่าในรูปเป็นไหนๆ แต่เพราะว่าจีเซลออกตัวแรงตั้งแต่วันแรกคนอื่นๆ ในวงจึงไม่ได้ยุ่งกับเธอคนนั้นเลย ถือว่าเพื่อนของเขาจองแล้วกัน...อีกอย่างพวกเขาไม่ชอบที่จะมีปัญหากันเองในวงด้วย“พูดเหมือนมึงไม่หล่อเนอะไอ้ชาย” จีเซลหันไปตอบกลับกวนๆ“ผมชื่อซันชายน์ครับไอ้จีเซล ขอร้องเถอะ...เรียกเต็มๆ ชื่ออ่ะ อีกอย่างกูพี่มึงนะ”ซันชายน์พูดตอบพร้อมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่เพื่อนของเขาชอบเรียกว่าไอ้ชาย (น์) มันดูเก่าแก่เข้มขลังเหมือนอยู่ในยุค80ยังไงอย่างนั้น เพื่อนคนอื่นๆ ต่างหัวเราะก
ในห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงสลัวๆ เล็ดลอดผ่านม่านบานเกร็ดเข้ามาเพียงเล็กน้อย บนโซฟาสีน้ำตาลอ่อนเรียบหรูชายหนุ่มหน้าคมหล่อเหลานั่งเท้าแขนกุมขมับ ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ที่ไรผมไปมา ผมดำขลับถูกเซ็ตอย่างดีไปด้านหลังจนหมดเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเด่นชัด อีกมือถือบุหรี่มวนใหญ่สายตาจ้องมองโต๊ะทำงานของตนอย่างเหม่อลอย“ยังไม่ไปตามเมียกลับมาอีกหรือวะไอ้เจซี...ถ้านั่งทำหน้าเครียดขนาดนี้”“........”“ปากบอกไม่รัก แต่ท่าทีของมึงมันไม่ใช่”ท็อปเปอร์พูดขึ้นกับเพื่อนรักของตนพร้อมกับยกไวน์แบรนด์ตัวเองขึ้นมาจิบ รอบกายรายล้อมด้วยหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยอัวเอียอยู่ข้างกาย เจซีปรายสายตามองท็อปเปอร์นิ่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ของตนเชิดหน้าขึ้นมองเพื่อนหนุ่มของเขาอีกครั้ง“เธอหนีไม่ไหนไม่รอดหรอก...เดี๋ยวก็กลับมา”“นี่มันจะหกเดือนแล้วนะเพื่อน”“.........”“กูว่าคงไม่กลับมาแล้วล่ะ...มึงเล่นทำกับเธอขนาดนั้น”&ldqu