สายตาเฉี่ยวยืนจ้องมองหญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่นานเหมือนต้องมนต์สะกด ไหนจะผิวขาวเนียนที่ต่างจากคนปกติธรรมดาในชุดสายเดี่ยวนั่นอีก มองดูก็รู้ว่าเธอเป็นคนที่ดูแลตัวเองและเขาก็คิดว่าเธออาจจะเป็นดารานักแสดงไม่ก็นักร้องวงใดวงหนึ่งก็ได้ ดูจากใบหน้าสวยที่เงยขึ้นมาปาดน้ำตานั้น...ผู้หญิงอะไรขนาดร้องไห้ยังสวยเลย แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาชื่นชมเธอตอนนี้ มันน่าแปลกที่เห็นเธอร้องไห้เขากลับเศร้าใจตามไปด้วย
“ใบหน้าสวยๆ แบบนี้ไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกนะครับ”
ชายหนุ่มในเสื้อฮู้ดใส่หมวกเบสบอลปิดบังใบหน้าหล่อๆ อีกทั้งยังใส่แมสทำให้ยูแอลที่เงยหน้าขึ้นมาถึงกับผงะและจ้องมองเขาอย่างระแวง แม้ว่าชายหนุ่มจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอก็ตาม...กลางดึกแบบนี้ใครจะไปคิดดีได้ล่ะ ...เขาอาจจะเป็น...
“ผมไม่ใช่โจรหรอกครับ...ผมแค่มาพักผ่อนแล้วบังเอิญผ่านมาได้ยินเสียงคุณ”
“...พักผ่อน? ...ตอนกลางคืนน่ะหรือคะ?”
เหมือนว่าเขาจะรู้ความคิดของหญิงสาวจึงได้รีบชิงพูดขึ้นก่อน แต่ก็ยังไม่คลายความระแวงของหญิงสาว เธอยังคงถามเขาทั้งที่ยืนอยู่คนละฝั่งของเก้าอี้ยาวอย่างไม่ไว้ใจ มือเล็กปาดน้ำตาตัวเองและพยายามตั้งสติอีกครั้งเพื่อจะขอตัวออกจากตรงนั้นให้เร็วที่สุดด้วยความหวาดระแวง ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นก็ถอดหมวกและแมสออกจ้องมองใบหน้าสวยของเธอเต็มๆ ตาเอ่ยแนะนำตัวเองก่อนทันที
“ผม จีเซลครับ เป็นนักร้องวงโนเนมของค่ายB-Krisวงหนึ่งที่พึ่งจะเดบิ้วท์ได้ไม่นาน”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นยูแอลก็ค่อยโล่งใจหน่อย เพราะใบหน้าของเขาก็ดูคุ้นตาอยู่บ้างเพียงแค่ทีมเต้นของเธอยังไม่ได้ร่วมงานกับวงของเขาก็เท่านั้น เรือนผมสีทองหม่นนั้นดูสะดุดตาไม่น้อยคงจะเป็นนักร้องอย่างที่เขาว่า จีเซลเห็นสีหน้าที่ดูหวาดระแวงน้อยลงของยูแอลก็ยิ้มออกมาพร้อมกับหย่อนตัวลงนั่งไขว่ห้างที่เก้าอี้ตัวเดิมอย่างเป็นกันเอง
“แล้วคุณล่ะครับ?”
“ฉัน....”
“เอาจริงๆ ผมก็รู้จักคุณอยู่แล้วจากข่าว...ถ้าจำไม่ผิดน่าจะนักเต้นชื่อยูแอล...ใช่ไหมครับ?”
“.........”
ยูแอลได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับหน้าเจื่อน ข่าวที่เขาพูดถึงคงไม่พ้นข่าวเดทกับเจซีคนที่ทำร้ายจิตใจเธอตอนนี้ เพราะอย่างนั้นมันเลยทำให้เธอพูดไม่ออก สีหน้าของเธอดูเศร้าลงจนคนที่เอ่ยถามสังเกตเห็น
“ตัวจริง...สวยกว่าในรูปที่พาดหัวข่าวอีกนะครับ”
“...ขอบคุณนะ...”
“นั่งก่อนสิครับ มีเพื่อนนั่งชมวิวยามดึกเงียบๆ ก็ดีเหมือนกัน”
พูดจบจีเซลก็เขยิบตัวเองไปนั่งติดพนักวางมือของเก้าอี้อีกฟากเพื่อให้เกียรติหญิงสาว ยูแอลเห็นว่าเขาก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรจึงยอมนั่งลงอีกฝั่งของเก้าอี้อย่างเงียบๆ เพราะตอนนี้เธอยังไม่อยากไปไหนเหมือนกัน อยากนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนี้ก่อน ทั้งสองทั้งมองวิวแม่น้ำและวิวเมืองอีกฟากของแม่น้ำ เธอมองเหม่อพร้อมกับความคิดต่างๆ นานาจนไม่ทันได้รู้ตัวว่าคนข้างๆ นั่งมองหน้าเธออยู่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่หันไปมองคนข้างๆ อย่างนึกสงสัยว่าเขากำลังมีสีหน้ายังไงตอนนี้ แต่ก็เห็นเขาจ้องมองเธอก่อนที่จะหันกลับไปมองวิวดังเดิมเมื่อเธอหันไปสบตาเขา
“คุณ...มีอะไรจะพูดหรือเปล่าคะ?”
“อ๋อ...เปล่าครับ...แค่จะบอกว่า คุณเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่า...ผมกำลังคิดอยู่ว่าถ้าคุณยิ้มจะดูดีแค่ไหน”
“ผู้ชายปากหวานกันแบบนี้ทุกคนเลยหรือเปล่าคะ?”
“เปล่านะครับ...ผมแค่พูดตามจริง ตามที่ผมคิด”
เขาเขินที่พูดแบบนั้นออกไปจนเผลอลูบท้ายทอยตัวเองไปมา ใบหน้าเนียนใสของเขาแดงเรื่อขึ้นยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าเขาเขินจริงๆ นั่นทำให้เขาดูน่ารักและดูจริงใจจนเธออดเผลอยิ้มออกมาอย่างนึกขำ..ไม่คิดว่าจะมีผู้ชายที่ชมผู้หญิงแล้วเขินเองแบบจริงจังขนาดนี้
“นั่นไง...ดูดีจริงด้วย...สวยกว่าตอนร้องไห้อีกนะครับ”
“เขินแล้วยังจะชมไม่หยุดเลยนะคะ”
ทั้งสองพูดคุยกันไปยิ้มไปเขินไปจนลืมเรื่องที่มานั่งกลุ้มหรือเรื่องที่เจ็บปวดใจไปเสียสนิท จะว่าถูกชะตาก็คงไม่ผิด เธอเองก็รู้สึกสบายใจกับผู้ชายคนนี้อย่างบอกไม่ถูกทั้งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนหรืออาจจะเป็นเพราะว่าใจเธอตอนนี้กำลังอ่อนแอถึงได้ไว้ใจคนง่ายขนาดนี้
“ถ้าผมถามอะไรสักอย่างจะเป็นการละลาบละล้วงไหมครับ?”
“ถามเรื่องข่าวหรือคะ?”
“เรื่องนั้นผมพอจะรู้ว่ามันคงจะเป็นเรื่องจริง...แต่เรื่องที่คุณยูแอลร้องไห้นี่ใช่เรื่องรุ่นพี่เจซีด้วยหรือเปล่าครับ”
“.......”
ยูแอลไม่ได้ตอบอะไรเธอได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ แล้วหลบสายตาของเขาก็เท่านั้น เพียงเท่านี้จีเซลก็รู้แล้วว่าคงจะเป็นเรื่องรุ่นพี่ที่เขานับถือแน่ๆ ถึงเขาจะรู้สึกถูกใจยูแอลมากแต่เขาก็ไม่ได้มีความคิดที่จะเป็นมือที่สามของใครหรือแย่งของคนอื่น ยิ่งเป็นรุ่นพี่ที่เขานับถือด้วยแล้วยิ่งทำไม่ได้ไปกันใหญ่
“แล้วคุณละคะ? มาที่นี่เพราะเรื่องงานหรือเรื่องความรัก?”
“เรื่องเดียวกับคุณนั่นแหละครับ...ของผมคงแย่หน่อย”
พูดแล้วจีเซลก็ก้มหน้ามองมือตัวเองที่ประสานกันไว้แน่น พอโดนถามก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมาทันที...อำนาจเงินมันน่ากลัวจริงๆ เขาจึงได้ตัดใจว่าจะเป็นคนที่มีเงินเยอะกว่านี้และประสบความสำเร็จในงานที่เขาทำให้ได้ ไม่ให้เป็นอย่างคำพูดของผู้หญิงที่ทิ้งเขาไปหาชายวัยกลางคนที่มีทรัพย์สมบัติมากพอปรนเปรอเธอจนซื้อใจเธอและทิ้งเขาไปได้
“ฉันว่าเรา...ไม่คิดต้องคิดเรื่องนั้นจะมีกว่าค่ะ...มันจะทำให้ใจเราแย่มากกว่าเดิม”
“นี่ผมได้คำปลอบใจจากคนที่พึ่งนั่งร้องไห้มานานเป็นชั่วโมงหรือครับเนี่ย”
“ฮะ? นี่คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย?”
ยูแอลถึงกับทำหน้าเหรอหราเมื่อได้ยินว่าเขาเห็นเธอร้องไห้มานานแล้ว จีเซลหันมายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนแต่ก็ไม่ได้พูดอธิบายให้เธอไขข้อข้องใจ เขากลับลุกยืนเสียดื้อๆ พร้อมกับยื่นมือให้
“ดึกแล้ว กลับกันเถอะครับ...เดี๋ยวผมไปส่ง”
“เอ่อ....”
ยูแอลลังเลมองมือหนาของเขาและใบหน้าหล่อนั้นอยู่นานอย่างช่างใจ ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือออกไปจับมือหนานั้น....เขาแค่ช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นก็เท่านั้น...
“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรดีกว่า...ไว้...เรามีโอกาสได้ร่วมงานกันนะคะ”
“ผู้หญิงคนเดียวกลับบ้านเองดึกๆ ในชุดแบบนี้...คงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่มั้งครับ”
“ฉันยังไม่ได้กลับบ้านหรอกค่ะ พอดีเพื่อนๆ รออยู่”
“ที่ไหนล่ะครับ เดี๋ยวผมไปส่งก็ได้...เว้นแต่ว่าคุณจะยังไม่ไว้ใจผม”
จีเซลพูดพร้อมเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งทั้งที่ยังยิ้มให้เธอ ยูแอลเห็นอย่างนั้นก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ เพราะยังเขาก็ดูน่าไว้ใจกว่าคนอื่นๆ จริงๆ นั่นแหละ เธอก้มสำรวจตัวเองก่อนจะเหลือบตามองจีเซลที่ยังเลิกคิ้วยืนรอคำตอบอยู่ และจากชุดที่เธอใส่ด้วยแล้วก็เป็นจริงอย่างที่เขาว่า
“งั้น...ต้องรบกวนคุณจีเซลแล้วค่ะ”
“หึๆ ...ได้เลยครับคุณผู้หญิง”
“ส่งที่คลับ Blue sky ละกันค่ะ”
“โอ๊ะ...พอดีเลย...ผมก็นัดเพื่อนๆ ไว้ที่นั่น”
“จะว่าบังเอิญหรือโชคดีกันคะเนี่ย”
“นั่นสิครับ เชิญทางนี้ครับ...รถผมจอดอยู่ตรงนั้น”
จีเซลพร้อมผายมือไปทางรถของเขาที่จอดอยู่ข้างทางไม่ไกลนัก ยูแอลมองไปยังรถเปอเช่คาเยนน์สีดำคันหรูที่มือหนาผายไปก็หันไปยิ้มให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามเขาไปยังรถ...แต่ไม่คิดว่าเขาจะเดินอ้อมไปเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับให้กับเธอ
“ฉันนั่งข้างหลังก็ได้นะคะ...เดี๋ยว....”
“ผมไม่มีแฟนครับ...พึ่งเลิกกันวันนี้เอง...”
“เอ่อ.....”
“เชิญเถอะครับ...คุณคงไม่เห็นว่าผมเป็นคนขับรถหรอกนะครับ”
การพูดทีเล่นทีจริงของจีเซลทำเอาหญิงสาวเกรงใจไม่น้อย การนั่งข้างหลังก็เหมือนกับว่าเห็นเขาเป็นคนขับจริงๆ นั่นแหละ เธอจึงได้แต่พยักหน้ายิ้มๆ แล้วยอมขึ้นไปนั่งข้างคนขับตามที่เขาเสนอ...แต่ในใจก็แอบคิดอยูว่าจะถามเรื่องที่เขาพึ่งพูดเมื่อครู่ดีไหม...เรื่องที่ว่าพึ่งเลิกกับแฟนวันนี้... ถึงจะคิดอย่างนั้นยูแอลกลับไม่ได้เอ่ยถามอะไรตลอดทาง เธอเอาแต่นั่งเงียบเพราะรู้สึกขัดๆ เขินๆ แฟนคนแรกของเธอก็คือเจซี...เวลาไปไหนมาไหนเพียงลำพังก็ไปกับเจซีเสมอ ที่นั่งข้างคนขับที่เคยนั่งก็มีเจซีเป็นคนขับ แต่ตอนนี้กลับเป็นชายคนอื่น...นึกแล้วใจก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาเสียอย่างนั้น...
ไม่นานนักรถเปอเช่สีดำคันหรูก็แล่นเข้ามาจอดที่หลังผับที่เธอพึ่งเจอเรื่องที่น่าเจ็บปวดใจมาไม่กี่ชั่วโมงก่อน ยูแอลสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะทำท่าหันไปเปิดประตูแต่ก็ไม่ทันหนุ่มหล่อคนขับที่ลงจากรถเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ในช่วงที่เธอกำลังตกอยู่ในภวังค์ เขาเดินมาเปิดประตูรถให้เธออย่างสุภาพด้วยรอยยิ้ม
“...ขอบคุณค่ะ ที่จริงไม่ต้องก็ได้...”
“ไม่เป็นไรครับผมยินดี”
จีเซลพูดพร้อมรอยยิ้มหวานเธอจึงทำได้แค่ยิ้มตอบบางๆ ก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถคันหรูนั้นแล้วไปหยุดยืนประจันหน้ากับเขา เพื่อที่จะเอ่ยคำขอบคุณอีกครั้งพร้อมกับต้องขอตัวลาจากเขาเสียแล้ว
“ยังไงก็ขอบคุณนะคะ...ฉันคงต้องขอตัวเข้าไปหาเพื่อนๆ ก่อน ขอให้สนุกนะคะ”
“ครับ...แล้วเราจะ...”
ไม่ทันที่จีเซลจะได้พูดอะไรต่อหรืออาจจะเพราะเขาทิ้งช่วงที่ต้องการจะพูดนานเกินไปด้วยความที่กำลังช่างใจว่าจะถามเธอดีไหม แต่เธอคนนั้นก็รีบเดินเข้าในคลับไปเสียก่อน จึงทำให้เขาได้แต่ยินเก้อมองแผ่นหลังขาวเนียนนั้นไปจนลับตา
“จะแลกช่องทางติดต่อกัน...ได้ไหม..เฮ้อ...ไปซะละ”
จีเซลยืนลูบท้ายทอยตัวเองอย่างเซ็งๆ ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปในคลับตามเธอไป เขาเองก็ต้องไปเจอเพื่อนๆ ของเขาเหมือนกัน...แต่จะให้ลืมผู้หญิงที่เขาพึ่งเจอแล้วถูกใจเมื่อครู่ก็เห็นทีจะยาก เมื่อใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาและใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มอย่างลืมตัวของเธอยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
“ช้าจังเลยวะเพื่อน!งานนี้จัดเพื่อปลอบใจมึงนะครับ” วินซ์กล่าว
“เจ้าภาพเสือกมาช้า”
ซันชายน์ว่าเสริมพร้อมกับมองไปยังเพื่อนของเขาอย่างยิ้มๆ คนอื่นๆ ที่มาก่อนแล้วก็ยังคงนั่งดื่มและชูแก้วให้เขาหลังจากที่เขามาถึงตามนัดจนได้ จีเซลไม่ได้ตอบอะไรเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาพร้อมกับรับแก้วสีอำพันจากบริกรจ้องมองไปยังฟลอร์คล้ายจะมองหาใครสักคน
“มาถึงก็หาสาวเลยหรือวะ”
ดีนอดที่จะแซวไม่ได้เมื่อเห็นเพื่อนสมาชิกรุ่นน้องในวงจ้องมองไปโซนด้านล่างไม่วางตา คนอื่นๆ ก็ต่างส่ายหน้าไปมาพร้อมกับโยกตัวไปตามจังหวะเพลงมองด้านล่างที่สาวๆ ต่างปล่อยลีลาการเต้นอย่างไม่มีใครยอมใครเช่นกัน จะมีก็แต่ไลก้าที่นั่งดื่มนิ่งๆ เหมือนหุ่นก็ไม่เชิง
“แต่คนนั้นสวยชิบเลยว่ะ”
ชาร์วีเอ่ยพร้อมกับมองแตกต่างไปจากเพื่อนๆ เขามองตรงไปยังโซนวีไอพีตรงข้ามโต๊ะที่พวกเขานั่ง คนอื่นๆ ต่างมองไปตามสายตาของชาร์วีรวมถึงจีเซลด้วยเช่นกัน หญิงสาวในชุดเดรสสายเดี่ยวสั้นสีน้ำเงินตัดกับสีผิวขาวเนียนออร่าของเธออย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าสวยเด่นชัดมาแต่ไกลพอๆ กับเพื่อนสาวของเธอ แต่ที่มันสะดุดตาจีเซลเพราะเธอคือคนที่ติดรถของเขามาที่นี่ คนที่เขายังนึกภาพวนเวียนในหัวไม่หาย
“หึ...นึกว่าใคร...” ไลก้าเอ่ย
“หือ? มึงรู้จักคนอื่นด้วยเหรอไอ้ก้า” จีนส์หันไปแซวพร้อมกับทำหน้าไม่อยากเชื่อ
“ว่าแต่หน้าคุ้นๆ นะ” ซันชายน์เอ่ยพร้อมกับพยายามเพ่งมองหญิงสาวตรงข้าม
“คลับมันก็ไม่ได้กว้างอย่างที่คิดสินะ...” จีเซลเอ่ย สายตาจ้องมองเธอไม่วางตาราวกับกลัวว่าจะหายไปจากสายตาของตนก่อนที่เขาจะยกยิ้มขึ้น ทั้งคำพูดและท่าทางของจีเซลทำเพื่อนๆ ของเขาต่างหันไปมองหน้าเขาอย่างสงสัยไม่น้อย...เพราะไม่คิดว่าจีเซลจะทำใจเรื่องแฟนคนล่าสุดได้เร็วขนาดที่เล็งสาวคนอื่นได้แบบนี้...
“จะมาเที่ยวที่นี่ทำไมหนูไม่บอกพี่คะ?”เจซีเดินเข้ามาหายูแอลที่โต๊ะข้างๆ หลังจากที่เธอเดินมาเข้ามาหาเพื่อนๆ ของเธอ ใบหน้าของเขายังคงยิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตีหน้าซื่อจนทำให้ยูแอลที่จ้องมองเขานิ่งนึกระอาที่เขาเป็นแบบนี้ เป็นแบบที่เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็น...โกหกได้อย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่ทำกับเธอแบบนั้นรวมถึงคนที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนของเธอก็เช่นกัน และไหนจะคนทั้งวงของเขาที่ปิดเรื่องนี้มิดราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าโง่ ยูแอลเลื่อนสายตาไปยังโต๊ะที่เจซีพึ่งจากมาก็เห็นว่าคนในวงของเขาอยู่ครบ แต่กลับไม่เห็นเพื่อนสาวคนสนิทที่หักหลังเธอแล้ว“หืม? อะไรหรือคะ? อยากย้ายไปนั่งกับพวกพี่ไหมล่ะ?”“ไม่เป็นไรค่ะ แอลอยากจอยกับเพื่อน”“ไม่ใช่ว่าจะมาแอบเหล่มองผู้ชายคนอื่นใช่ไหมคะ? พี่หวงนะ”ยูแอลได้แต่ทำหน้านิ่งตอบคนที่พูดหยอกล้อเธออย่างเริงร่าไม่รู้สึกรู้สาอะไร แม้แต่ความรู้สึกผิดยังไม่มีนัยน์ตาของเขาเลยสักนิด ยิ่งมองคนตรงหน้าปั้นหน้าโกหกเธอยิ้มแป้นออกมาแบบนั้นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเ
“อื้ม....”ร่างสูงป้อนจูบที่แสนเร่าร้อนบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่ม สองแขนแกร่งกอดรัดร่างเล็กตั้งแต่หน้าประตูห้อง...ลิ้นเล็กไม่ยอมแพ้ยังคงหยอกล้อดูดดึงลิ้นหนาอย่างชำนาญ สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไปมาทั่วห้อง ทุกการย่างก้าวเข้าห้องเสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูกปลดเปลื้องเหวี่ยงไปคนละทิศละทางทั่วพื้น ข้าวของกระจัดกระจายในทุกๆ ที่ที่พวกเขาพักผ่าน ก่อนที่ร่างเล็กจะถูกอุ้มมาวางไว้บนเตียงนุ่มอย่างทะนุถนอมต่างจากการกระทำที่หิวกระหายโดยสิ้นเชิงร่างหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงสวยเข้าทาบทับหญิงสาวร่างเล็กในทันที รูปร่างที่พอดิบพอดีนั้นชวนให้หลงใหลเมื่อได้มอง... เขาป้อนจูบอย่างดูดดื่มให้เธออีกครั้ง และเธอเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้จูบนั้นของเขาเลยสักครั้งผลัดรับผลัดสู้กันอยู่อย่างนั้น สองแขนเรียวเล็กโอบรั้งคอหนาของเขาด้วยอารมณ์ที่คลุกรุ่น กลิ่นแอลกอฮอล์คลุกเคล้าในโพรงปากของทั้งคู่...ทั้งหวานทั้งขม... ก่อนที่ร่างเล็กจะพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างหนาของเขาไว้พร้อมกับพรมจูบไล่ลงไปยังกล้ามหน้าท้องและขบเม้มมันพอหยอกเย้าให้คนร่างหนาสะดุ้ง...ปากรูปกระจับครอบครองตัวตนใหญ่ยักษ์ของเขาทันที“ซี้ดดดดดส์
ในห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงสลัวๆ เล็ดลอดผ่านม่านบานเกร็ดเข้ามาเพียงเล็กน้อย บนโซฟาสีน้ำตาลอ่อนเรียบหรูชายหนุ่มหน้าคมหล่อเหลานั่งเท้าแขนกุมขมับ ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ที่ไรผมไปมา ผมดำขลับถูกเซ็ตอย่างดีไปด้านหลังจนหมดเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเด่นชัด อีกมือถือบุหรี่มวนใหญ่สายตาจ้องมองโต๊ะทำงานของตนอย่างเหม่อลอย“ยังไม่ไปตามเมียกลับมาอีกหรือวะไอ้เจซี...ถ้านั่งทำหน้าเครียดขนาดนี้”“........”“ปากบอกไม่รัก แต่ท่าทีของมึงมันไม่ใช่”ท็อปเปอร์พูดขึ้นกับเพื่อนรักของตนพร้อมกับยกไวน์แบรนด์ตัวเองขึ้นมาจิบ รอบกายรายล้อมด้วยหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยอัวเอียอยู่ข้างกาย เจซีปรายสายตามองท็อปเปอร์นิ่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ของตนเชิดหน้าขึ้นมองเพื่อนหนุ่มของเขาอีกครั้ง“เธอหนีไม่ไหนไม่รอดหรอก...เดี๋ยวก็กลับมา”“นี่มันจะหกเดือนแล้วนะเพื่อน”“.........”“กูว่าคงไม่กลับมาแล้วล่ะ...มึงเล่นทำกับเธอขนาดนั้น”&ldqu
“โผล่มาได้แล้วเหรอครับไอ้หน้าหล่อ”หนึ่งในสมาชิกของวงเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นจีเซลเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูอารมณ์ดีมากผิดจากปกติ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจเพราะช่วงสองเดือนมานี้ ตั้งแต่ที่รับนักเต้นอิสระกลุ่มหนึ่งเข้ามาพวกเขาก็พอจะรู้เรื่องจีเซลที่ตามขายขนมจีบให้แดนเซอร์คนสวยคนดังอยู่ ขนาดพวกเขาเองตอนที่เห็นเธอครั้งแรกยังคิดว่าเป็นไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปเลยด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าแฟนเก่าของรุ่นพี่ในวงการบันเทิงที่พวกเขาชื่นชอบจะสวยขนาดนี้ สวยกว่าในรูปเป็นไหนๆ แต่เพราะว่าจีเซลออกตัวแรงตั้งแต่วันแรกคนอื่นๆ ในวงจึงไม่ได้ยุ่งกับเธอคนนั้นเลย ถือว่าเพื่อนของเขาจองแล้วกัน...อีกอย่างพวกเขาไม่ชอบที่จะมีปัญหากันเองในวงด้วย“พูดเหมือนมึงไม่หล่อเนอะไอ้ชาย” จีเซลหันไปตอบกลับกวนๆ“ผมชื่อซันชายน์ครับไอ้จีเซล ขอร้องเถอะ...เรียกเต็มๆ ชื่ออ่ะ อีกอย่างกูพี่มึงนะ”ซันชายน์พูดตอบพร้อมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่เพื่อนของเขาชอบเรียกว่าไอ้ชาย (น์) มันดูเก่าแก่เข้มขลังเหมือนอยู่ในยุค80ยังไงอย่างนั้น เพื่อนคนอื่นๆ ต่างหัวเราะก
การซ้อมดำเนินไปอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง แม้ยูแอลจะพยายามมองที่กระจกและตั้งใจซ้อมแค่ไหนแต่ก็ต้องสบตากับจีเซลผ่านกระจกทุกครั้ง หรือไม่ก็จีเซลตั้งใจหันมองเธอโดยที่เธอมองเห็นสายตาของเขาผ่านกระจกบานใหญ่นั้น และแน่นอนว่าคนอื่นๆ ก็เห็นเหมือนกันว่าจีเซลไม่ค่อยมีสมาธิซ้อมเท่าไหร่นัก“ผิดแล้ว!จีเซล!นายตั้งใจซ้อมหน่อยสิวะ!” ซันชายน์อดที่จะหันไปดุเพื่อนรุ่นน้องร่วมวงของเขาไม่ได้ ในขณะที่เขาสอนท่าเต้นอยู่แต่จีเซลกลับไม่ได้สนใจมองที่เขาสอนจนเต้นผิดไปหมด จีเซลเองก็ยืนหน้าสลดหลังจากโดนเพื่อนร่วมวงว่า...เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่มีสมาธิเลยจริงนั่นแหละ“ขอโทษครับ...”“เอาล่ะๆ พักสักหน่อยเถอะ”ดีนเลือกที่จะตัดบท ถึงคนอื่นๆ ในวงจะไม่รู้ว่าจีเซลไปมีเรื่องอะไรมา แต่พวกเขาก็เลือกที่จะให้พักซ้อมเผื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้น เมื่อได้ยินอย่างนั้นคนอื่นๆ ก็ต่างพากันไปดื่มน้ำนั่งพัก ยูแอลเองก็ถูกซาซ่าและเกรซลากออกไปยังมุมห้องซ้อมเหมือนกัน“ยัยแอล!เกิดอะไรขึ้น? คนที่มาหาแกคือซีอีโอใช่ไหม?&rdq
“แล้วให้เริ่มงานวันไหนดีครับคุณเจซี?”“วันนี้ทีมเลิกซ้อมห้าโมงเย็นใช่ไหมครับ? เริ่มหนึ่งทุ่มวันนี้เลยครับ”เจซีตอบแจ็คกี้อย่างยิ้มแย้มแต่สายตากับไม่ได้อยู่ที่คู่สนทนาด้วยเสียเท่าไหร่ เขากลับเอาแต่มองไปทางยูแอลไม่วางตา และเธอเองก็จ้องมองเขากลับด้วยสายตาบ่งบอกว่าไม่อยากคิดว่าเขาจะทำแบบนี้ เธอเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าที่เขาทำไปทั้งหมดเป็นเพราะเธอ...อาจจะเป็นแค่เกมที่เขาอยากจะเอาชนะชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น...ทุกอย่างมันดูกะทันหันไปหมด ยูแอลอดไม่ได้ที่จะหันไปมองจีเซลผู้ที่นัดเธอไว้ก่อนแล้ว ซึ่งตอนนี้สายตาของจีเซลมองไปยังเจซีอย่างไม่เป็นมิตร แล้วเขาจะพูดแย้งอะไรได้ล่ะ...เวลาที่ยูแอลไม่อยากให้มาถึง...มันก็ได้มาถึง...ยูแอลมองนาฬิกาที่อยู่เหนือกระจกบานใหญ่ด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใบหน้าสวยดูเรียบนิ่งไร้อารมณ์ก็จริง แต่แววตาของเธอกลับดูเศร้าซึมเหมือนครั้งแรกที่จีเซลได้พบเธอ ไม่ได้มีแค่จีเซลที่มองไปทางยูแอล สมาชิกวงบียอนด์ต่างก็มองไปทางเธอทุกคน...ตั้งแต่ที่พวกเขายังไม่มีชื่อเสียงพวกเขาก็ได้ยินข่าวของรุ่นพี่อย่างเจซีอยู่บ้าง ทุกคนรู้ดีว
เป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้วจึงเห็นใจ...หรือว่ารู้สึกสงสารหลังจากที่เห็นแววตาเศร้าผ่านนัยน์ตาคมของเขา...หรือว่าเป็นเพราะยังรักและห่วงเขากันแน่ ถึงได้พาตัวเองมาอยู่ข้างๆ เขาตามที่เขาร้องขอในตอนนี้ ทั้งที่ความจริงเธอจะกลับเลยก็ได้ จะปฏิเสธก็ได้...ทำไมถึงไม่ทำ...ยูแอลนั่งอยู่ในสตูดิโอส่วนตัวของเจซีในตึกสูงที่ประดับป้ายหน้าตึกว่า JC Entertainment บรรยากาศที่เจซีพยายามสร้างขึ้นเหมือนเมื่อก่อนที่พวกเขาเคยรักกัน...แต่ยูแอลกลับไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิม ในตอนนี้เธอกลับไร้ความรู้สึกใดๆ เพียงแค่ต้องการจะอยู่เป็นเพื่อนให้เขาดีขึ้นจากความรู้สึกแย่ๆ เท่านั้น ภายในใจของเธอตอนนี้กลับคิดถึงจีเซลเสียมากกว่า เธอก้มมองโทรศัพท์ของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าแต่...ก็ไม่เห็นสายเรียกเข้าหรือข้อความใดๆ ส่งมาเลย...เขายังไม่เลิกงานหรือเปล่านะ...“หนูลองมาฟังเพลงที่พี่แต่งสิ เพลงนี้พี่ตั้งใจจะแต่งขึ้นโชว์เลยนะ...หนูว่าดีไหม?”เจซีหันมาพูดกับยูแอลที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างๆ ยูแอลหันไปทางเขาเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ เป็นการบอกว่าเธอจะฟ
ค่ำคืนที่แสนอบอุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ร่างสูงเดินถือดอกกุหลาบสีขาวเดินไปหยุดตรงหน้าบ้านหลังหนึ่งด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าหล่อคมเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างชั้นสองที่ยังคงเปิดไฟสว่างไสวอยู่ เขาก้มลงดอมดมดอกกุหลายที่ตั้งใจซื้อมาก่อนจะเงยหน้ามองตรงไปยังหน้าต่างบานเดิมอีกครั้ง“ยูแอล!”โฮ่งๆ โฮ่งๆ ...ในขณะที่เสียงทุ้มเรียกชื่อแฟนสาวของเขา น้องหมาน่าตาน่ารักก็ยังคอยส่งเสียงเห่าช่วยราวกับว่าคุ้นชินกับเขามานาน หรืออาจจะเป็นเพราะเขามาที่นี่บ่อยๆ ไม่นานนักผ้าม่านของหน้าต่างบานนั้นก็เปิดออกพร้อมกับชะโงกหน้าลงไปมองคนที่มายืนเรียกชื่อตน ก่อนใบหน้าสวยจะยิ้มร่าออกมาและรีบวิ่งลงมาจากชั้นสองเพื่อมาหาคนที่ยืนรอเธออยู่หน้าบ้านอย่างดีใจทั้งสองยืนอยู่ไม่ไกลกันนักมีเพียงรั้วไม้ระดับเอวกั้นเอาไว้ ชายหนุ่มในชุดเสื้อกล้ามสีขาวใส่เสื้อฮู้ดแขนยาวตัวใหญ่สีเทาคลุม กางเกงวอร์มสีเทาเข้ากับเสื้อนอกของเขา ชายหนุ่มยื่นดอกกุหลาบในมือให้เธอด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม...มันเป็นรอยยิ้มที่มองแล้วดูอบอุ่นใจและดูมีเสน่ห์ สายตาคมของเขาจ้องมองเธอด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม&nbs
“จะมาเที่ยวที่นี่ทำไมหนูไม่บอกพี่คะ?”เจซีเดินเข้ามาหายูแอลที่โต๊ะข้างๆ หลังจากที่เธอเดินมาเข้ามาหาเพื่อนๆ ของเธอ ใบหน้าของเขายังคงยิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตีหน้าซื่อจนทำให้ยูแอลที่จ้องมองเขานิ่งนึกระอาที่เขาเป็นแบบนี้ เป็นแบบที่เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็น...โกหกได้อย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่ทำกับเธอแบบนั้นรวมถึงคนที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนของเธอก็เช่นกัน และไหนจะคนทั้งวงของเขาที่ปิดเรื่องนี้มิดราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าโง่ ยูแอลเลื่อนสายตาไปยังโต๊ะที่เจซีพึ่งจากมาก็เห็นว่าคนในวงของเขาอยู่ครบ แต่กลับไม่เห็นเพื่อนสาวคนสนิทที่หักหลังเธอแล้ว“หืม? อะไรหรือคะ? อยากย้ายไปนั่งกับพวกพี่ไหมล่ะ?”“ไม่เป็นไรค่ะ แอลอยากจอยกับเพื่อน”“ไม่ใช่ว่าจะมาแอบเหล่มองผู้ชายคนอื่นใช่ไหมคะ? พี่หวงนะ”ยูแอลได้แต่ทำหน้านิ่งตอบคนที่พูดหยอกล้อเธออย่างเริงร่าไม่รู้สึกรู้สาอะไร แม้แต่ความรู้สึกผิดยังไม่มีนัยน์ตาของเขาเลยสักนิด ยิ่งมองคนตรงหน้าปั้นหน้าโกหกเธอยิ้มแป้นออกมาแบบนั้นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเ
สายตาเฉี่ยวยืนจ้องมองหญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่นานเหมือนต้องมนต์สะกด ไหนจะผิวขาวเนียนที่ต่างจากคนปกติธรรมดาในชุดสายเดี่ยวนั่นอีก มองดูก็รู้ว่าเธอเป็นคนที่ดูแลตัวเองและเขาก็คิดว่าเธออาจจะเป็นดารานักแสดงไม่ก็นักร้องวงใดวงหนึ่งก็ได้ ดูจากใบหน้าสวยที่เงยขึ้นมาปาดน้ำตานั้น...ผู้หญิงอะไรขนาดร้องไห้ยังสวยเลย แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาชื่นชมเธอตอนนี้ มันน่าแปลกที่เห็นเธอร้องไห้เขากลับเศร้าใจตามไปด้วย“ใบหน้าสวยๆ แบบนี้ไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกนะครับ”ชายหนุ่มในเสื้อฮู้ดใส่หมวกเบสบอลปิดบังใบหน้าหล่อๆ อีกทั้งยังใส่แมสทำให้ยูแอลที่เงยหน้าขึ้นมาถึงกับผงะและจ้องมองเขาอย่างระแวง แม้ว่าชายหนุ่มจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอก็ตาม...กลางดึกแบบนี้ใครจะไปคิดดีได้ล่ะ ...เขาอาจจะเป็น...“ผมไม่ใช่โจรหรอกครับ...ผมแค่มาพักผ่อนแล้วบังเอิญผ่านมาได้ยินเสียงคุณ”“...พักผ่อน? ...ตอนกลางคืนน่ะหรือคะ?”เหมือนว่าเขาจะรู้ความคิดของหญิงสาวจึงได้รีบชิงพูดขึ้นก่อน แต่ก็ยังไม่คลายความระแวงของหญิงสาว เธอยั
ค่ำคืนที่แสนอบอุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ร่างสูงเดินถือดอกกุหลาบสีขาวเดินไปหยุดตรงหน้าบ้านหลังหนึ่งด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าหล่อคมเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างชั้นสองที่ยังคงเปิดไฟสว่างไสวอยู่ เขาก้มลงดอมดมดอกกุหลายที่ตั้งใจซื้อมาก่อนจะเงยหน้ามองตรงไปยังหน้าต่างบานเดิมอีกครั้ง“ยูแอล!”โฮ่งๆ โฮ่งๆ ...ในขณะที่เสียงทุ้มเรียกชื่อแฟนสาวของเขา น้องหมาน่าตาน่ารักก็ยังคอยส่งเสียงเห่าช่วยราวกับว่าคุ้นชินกับเขามานาน หรืออาจจะเป็นเพราะเขามาที่นี่บ่อยๆ ไม่นานนักผ้าม่านของหน้าต่างบานนั้นก็เปิดออกพร้อมกับชะโงกหน้าลงไปมองคนที่มายืนเรียกชื่อตน ก่อนใบหน้าสวยจะยิ้มร่าออกมาและรีบวิ่งลงมาจากชั้นสองเพื่อมาหาคนที่ยืนรอเธออยู่หน้าบ้านอย่างดีใจทั้งสองยืนอยู่ไม่ไกลกันนักมีเพียงรั้วไม้ระดับเอวกั้นเอาไว้ ชายหนุ่มในชุดเสื้อกล้ามสีขาวใส่เสื้อฮู้ดแขนยาวตัวใหญ่สีเทาคลุม กางเกงวอร์มสีเทาเข้ากับเสื้อนอกของเขา ชายหนุ่มยื่นดอกกุหลาบในมือให้เธอด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม...มันเป็นรอยยิ้มที่มองแล้วดูอบอุ่นใจและดูมีเสน่ห์ สายตาคมของเขาจ้องมองเธอด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม&nbs
เป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้วจึงเห็นใจ...หรือว่ารู้สึกสงสารหลังจากที่เห็นแววตาเศร้าผ่านนัยน์ตาคมของเขา...หรือว่าเป็นเพราะยังรักและห่วงเขากันแน่ ถึงได้พาตัวเองมาอยู่ข้างๆ เขาตามที่เขาร้องขอในตอนนี้ ทั้งที่ความจริงเธอจะกลับเลยก็ได้ จะปฏิเสธก็ได้...ทำไมถึงไม่ทำ...ยูแอลนั่งอยู่ในสตูดิโอส่วนตัวของเจซีในตึกสูงที่ประดับป้ายหน้าตึกว่า JC Entertainment บรรยากาศที่เจซีพยายามสร้างขึ้นเหมือนเมื่อก่อนที่พวกเขาเคยรักกัน...แต่ยูแอลกลับไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิม ในตอนนี้เธอกลับไร้ความรู้สึกใดๆ เพียงแค่ต้องการจะอยู่เป็นเพื่อนให้เขาดีขึ้นจากความรู้สึกแย่ๆ เท่านั้น ภายในใจของเธอตอนนี้กลับคิดถึงจีเซลเสียมากกว่า เธอก้มมองโทรศัพท์ของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าแต่...ก็ไม่เห็นสายเรียกเข้าหรือข้อความใดๆ ส่งมาเลย...เขายังไม่เลิกงานหรือเปล่านะ...“หนูลองมาฟังเพลงที่พี่แต่งสิ เพลงนี้พี่ตั้งใจจะแต่งขึ้นโชว์เลยนะ...หนูว่าดีไหม?”เจซีหันมาพูดกับยูแอลที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างๆ ยูแอลหันไปทางเขาเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ เป็นการบอกว่าเธอจะฟ
“แล้วให้เริ่มงานวันไหนดีครับคุณเจซี?”“วันนี้ทีมเลิกซ้อมห้าโมงเย็นใช่ไหมครับ? เริ่มหนึ่งทุ่มวันนี้เลยครับ”เจซีตอบแจ็คกี้อย่างยิ้มแย้มแต่สายตากับไม่ได้อยู่ที่คู่สนทนาด้วยเสียเท่าไหร่ เขากลับเอาแต่มองไปทางยูแอลไม่วางตา และเธอเองก็จ้องมองเขากลับด้วยสายตาบ่งบอกว่าไม่อยากคิดว่าเขาจะทำแบบนี้ เธอเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าที่เขาทำไปทั้งหมดเป็นเพราะเธอ...อาจจะเป็นแค่เกมที่เขาอยากจะเอาชนะชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น...ทุกอย่างมันดูกะทันหันไปหมด ยูแอลอดไม่ได้ที่จะหันไปมองจีเซลผู้ที่นัดเธอไว้ก่อนแล้ว ซึ่งตอนนี้สายตาของจีเซลมองไปยังเจซีอย่างไม่เป็นมิตร แล้วเขาจะพูดแย้งอะไรได้ล่ะ...เวลาที่ยูแอลไม่อยากให้มาถึง...มันก็ได้มาถึง...ยูแอลมองนาฬิกาที่อยู่เหนือกระจกบานใหญ่ด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใบหน้าสวยดูเรียบนิ่งไร้อารมณ์ก็จริง แต่แววตาของเธอกลับดูเศร้าซึมเหมือนครั้งแรกที่จีเซลได้พบเธอ ไม่ได้มีแค่จีเซลที่มองไปทางยูแอล สมาชิกวงบียอนด์ต่างก็มองไปทางเธอทุกคน...ตั้งแต่ที่พวกเขายังไม่มีชื่อเสียงพวกเขาก็ได้ยินข่าวของรุ่นพี่อย่างเจซีอยู่บ้าง ทุกคนรู้ดีว
การซ้อมดำเนินไปอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง แม้ยูแอลจะพยายามมองที่กระจกและตั้งใจซ้อมแค่ไหนแต่ก็ต้องสบตากับจีเซลผ่านกระจกทุกครั้ง หรือไม่ก็จีเซลตั้งใจหันมองเธอโดยที่เธอมองเห็นสายตาของเขาผ่านกระจกบานใหญ่นั้น และแน่นอนว่าคนอื่นๆ ก็เห็นเหมือนกันว่าจีเซลไม่ค่อยมีสมาธิซ้อมเท่าไหร่นัก“ผิดแล้ว!จีเซล!นายตั้งใจซ้อมหน่อยสิวะ!” ซันชายน์อดที่จะหันไปดุเพื่อนรุ่นน้องร่วมวงของเขาไม่ได้ ในขณะที่เขาสอนท่าเต้นอยู่แต่จีเซลกลับไม่ได้สนใจมองที่เขาสอนจนเต้นผิดไปหมด จีเซลเองก็ยืนหน้าสลดหลังจากโดนเพื่อนร่วมวงว่า...เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่มีสมาธิเลยจริงนั่นแหละ“ขอโทษครับ...”“เอาล่ะๆ พักสักหน่อยเถอะ”ดีนเลือกที่จะตัดบท ถึงคนอื่นๆ ในวงจะไม่รู้ว่าจีเซลไปมีเรื่องอะไรมา แต่พวกเขาก็เลือกที่จะให้พักซ้อมเผื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้น เมื่อได้ยินอย่างนั้นคนอื่นๆ ก็ต่างพากันไปดื่มน้ำนั่งพัก ยูแอลเองก็ถูกซาซ่าและเกรซลากออกไปยังมุมห้องซ้อมเหมือนกัน“ยัยแอล!เกิดอะไรขึ้น? คนที่มาหาแกคือซีอีโอใช่ไหม?&rdq
“โผล่มาได้แล้วเหรอครับไอ้หน้าหล่อ”หนึ่งในสมาชิกของวงเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นจีเซลเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูอารมณ์ดีมากผิดจากปกติ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจเพราะช่วงสองเดือนมานี้ ตั้งแต่ที่รับนักเต้นอิสระกลุ่มหนึ่งเข้ามาพวกเขาก็พอจะรู้เรื่องจีเซลที่ตามขายขนมจีบให้แดนเซอร์คนสวยคนดังอยู่ ขนาดพวกเขาเองตอนที่เห็นเธอครั้งแรกยังคิดว่าเป็นไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปเลยด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าแฟนเก่าของรุ่นพี่ในวงการบันเทิงที่พวกเขาชื่นชอบจะสวยขนาดนี้ สวยกว่าในรูปเป็นไหนๆ แต่เพราะว่าจีเซลออกตัวแรงตั้งแต่วันแรกคนอื่นๆ ในวงจึงไม่ได้ยุ่งกับเธอคนนั้นเลย ถือว่าเพื่อนของเขาจองแล้วกัน...อีกอย่างพวกเขาไม่ชอบที่จะมีปัญหากันเองในวงด้วย“พูดเหมือนมึงไม่หล่อเนอะไอ้ชาย” จีเซลหันไปตอบกลับกวนๆ“ผมชื่อซันชายน์ครับไอ้จีเซล ขอร้องเถอะ...เรียกเต็มๆ ชื่ออ่ะ อีกอย่างกูพี่มึงนะ”ซันชายน์พูดตอบพร้อมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่เพื่อนของเขาชอบเรียกว่าไอ้ชาย (น์) มันดูเก่าแก่เข้มขลังเหมือนอยู่ในยุค80ยังไงอย่างนั้น เพื่อนคนอื่นๆ ต่างหัวเราะก
ในห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงสลัวๆ เล็ดลอดผ่านม่านบานเกร็ดเข้ามาเพียงเล็กน้อย บนโซฟาสีน้ำตาลอ่อนเรียบหรูชายหนุ่มหน้าคมหล่อเหลานั่งเท้าแขนกุมขมับ ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ที่ไรผมไปมา ผมดำขลับถูกเซ็ตอย่างดีไปด้านหลังจนหมดเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเด่นชัด อีกมือถือบุหรี่มวนใหญ่สายตาจ้องมองโต๊ะทำงานของตนอย่างเหม่อลอย“ยังไม่ไปตามเมียกลับมาอีกหรือวะไอ้เจซี...ถ้านั่งทำหน้าเครียดขนาดนี้”“........”“ปากบอกไม่รัก แต่ท่าทีของมึงมันไม่ใช่”ท็อปเปอร์พูดขึ้นกับเพื่อนรักของตนพร้อมกับยกไวน์แบรนด์ตัวเองขึ้นมาจิบ รอบกายรายล้อมด้วยหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยอัวเอียอยู่ข้างกาย เจซีปรายสายตามองท็อปเปอร์นิ่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ของตนเชิดหน้าขึ้นมองเพื่อนหนุ่มของเขาอีกครั้ง“เธอหนีไม่ไหนไม่รอดหรอก...เดี๋ยวก็กลับมา”“นี่มันจะหกเดือนแล้วนะเพื่อน”“.........”“กูว่าคงไม่กลับมาแล้วล่ะ...มึงเล่นทำกับเธอขนาดนั้น”&ldqu
“อื้ม....”ร่างสูงป้อนจูบที่แสนเร่าร้อนบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่ม สองแขนแกร่งกอดรัดร่างเล็กตั้งแต่หน้าประตูห้อง...ลิ้นเล็กไม่ยอมแพ้ยังคงหยอกล้อดูดดึงลิ้นหนาอย่างชำนาญ สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไปมาทั่วห้อง ทุกการย่างก้าวเข้าห้องเสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูกปลดเปลื้องเหวี่ยงไปคนละทิศละทางทั่วพื้น ข้าวของกระจัดกระจายในทุกๆ ที่ที่พวกเขาพักผ่าน ก่อนที่ร่างเล็กจะถูกอุ้มมาวางไว้บนเตียงนุ่มอย่างทะนุถนอมต่างจากการกระทำที่หิวกระหายโดยสิ้นเชิงร่างหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงสวยเข้าทาบทับหญิงสาวร่างเล็กในทันที รูปร่างที่พอดิบพอดีนั้นชวนให้หลงใหลเมื่อได้มอง... เขาป้อนจูบอย่างดูดดื่มให้เธออีกครั้ง และเธอเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้จูบนั้นของเขาเลยสักครั้งผลัดรับผลัดสู้กันอยู่อย่างนั้น สองแขนเรียวเล็กโอบรั้งคอหนาของเขาด้วยอารมณ์ที่คลุกรุ่น กลิ่นแอลกอฮอล์คลุกเคล้าในโพรงปากของทั้งคู่...ทั้งหวานทั้งขม... ก่อนที่ร่างเล็กจะพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างหนาของเขาไว้พร้อมกับพรมจูบไล่ลงไปยังกล้ามหน้าท้องและขบเม้มมันพอหยอกเย้าให้คนร่างหนาสะดุ้ง...ปากรูปกระจับครอบครองตัวตนใหญ่ยักษ์ของเขาทันที“ซี้ดดดดดส์