ค่ำคืนที่แสนอบอุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ร่างสูงเดินถือดอกกุหลาบสีขาวเดินไปหยุดตรงหน้าบ้านหลังหนึ่งด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าหล่อคมเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างชั้นสองที่ยังคงเปิดไฟสว่างไสวอยู่ เขาก้มลงดอมดมดอกกุหลายที่ตั้งใจซื้อมาก่อนจะเงยหน้ามองตรงไปยังหน้าต่างบานเดิมอีกครั้ง
“ยูแอล!”
โฮ่งๆ โฮ่งๆ ...ในขณะที่เสียงทุ้มเรียกชื่อแฟนสาวของเขา น้องหมาน่าตาน่ารักก็ยังคอยส่งเสียงเห่าช่วยราวกับว่าคุ้นชินกับเขามานาน หรืออาจจะเป็นเพราะเขามาที่นี่บ่อยๆ ไม่นานนักผ้าม่านของหน้าต่างบานนั้นก็เปิดออกพร้อมกับชะโงกหน้าลงไปมองคนที่มายืนเรียกชื่อตน ก่อนใบหน้าสวยจะยิ้มร่าออกมาและรีบวิ่งลงมาจากชั้นสองเพื่อมาหาคนที่ยืนรอเธออยู่หน้าบ้านอย่างดีใจ
ทั้งสองยืนอยู่ไม่ไกลกันนักมีเพียงรั้วไม้ระดับเอวกั้นเอาไว้ ชายหนุ่มในชุดเสื้อกล้ามสีขาวใส่เสื้อฮู้ดแขนยาวตัวใหญ่สีเทาคลุม กางเกงวอร์มสีเทาเข้ากับเสื้อนอกของเขา ชายหนุ่มยื่นดอกกุหลาบในมือให้เธอด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม...มันเป็นรอยยิ้มที่มองแล้วดูอบอุ่นใจและดูมีเสน่ห์ สายตาคมของเขาจ้องมองเธอด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม
“ดึกดื่นป่านนี้ทำไมยังไม่กลับหอพักอีก”
“ก็เอากุหลาบมาให้นี่ไงคะ”
“แค่นี้เหรอคะ? ถึงได้ยอมตากลมมาถึงที่นี่”
“คิดถึงด้วยค่ะ...อยากเห็นหน้า”
คำพูดหวานของชายหนุ่มในวัย28เอ่ยขึ้น ทำเอาหญิงสาววัย20เขินม้วนไปทั้งตัว มือเล็กเอื้อมไปรับดอกกุหลาบดอกนั้นมาถือไว้ในมือและมองมันอย่างดีใจ ชายหนุ่มเห็นท่าทีของเธอก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปยีผมของเธออย่างเอ็นดู
“เอามาให้ทุกวันแบบนี้ไม่เบื่อเหรอคะ?”
“จะเบื่อได้ยังไง ก็พี่รักของพี่นี่คะ”
“พี่เจซีปากหวานเกินไปแล้ว”
“เคยชิมเหรอ? ถึงได้รู้”
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เขายกยิ้มจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า เธอถึงกับเอนตัวหนีด้วยความเขิน แรกรักอะไรก็ดีไปหมด ใครจะคิดว่าจากวันนั้นเวลาผ่านล่วงเลยมาเป็นปีจะทำให้เขาเปลี่ยนไป...
ยิ่งมีชื่อเสียงความกดดันต่างๆ ยิ่งมากขึ้น ทั้งจากค่ายเพลงทั้งจากแฟนคลับ หลายครั้งที่ต้องเผชิญกับคำพูดจาดูถูกและความเกลียดชัง ยิ่งมีคนรักมากก็ยิ่งมีคนเกลียดมากเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนเรามักจะเก็บและจำแต่คำพูดแย่ๆ มาเป็นสำคัญเสมอ สังคมในวงการมายาหล่อหลอมให้เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เปลี่ยนทั้งคน เปลี่ยนทั้งความสัมพันธ์ที่มีอยู่ จากที่เคยฟังคำพูดปลอบโยนของหญิงสาวก็กลับกลายเป็นฟังคนอื่นมากกว่า...
“แม่งเอ้ย!!”
ชายหนุ่มที่กระฟัดกระเฟียดเตะข้าวของที่วางอยู่ตามทางหลังเวทีอย่างหัวเสีย หญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของเขาเดินเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง สองมือเล็กจับที่แขนแกร่งของชายหนุ่ม
“พี่เจซี...ใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวเรื่องก็ซาไปเอง อ๊ะ!”
เจซีหันไปปรายตามองหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าแฟนของเขา ก่อนจะสะบัดมือนั้นทิ้งเพราะยังตกอยู่ในห้วงอารมณ์โทสะ การที่เขาขึ้นแสดงในวันนี้ เพลงของเขาถูกเยาะเย้ยจากเอ็มซีของช่องก่อนที่เขาจะขึ้นเวที แต่เขาก็กัดฟันทนแสดงจนจบ แต่ถึงอย่างนั้นเอ็มซีก็ยังคงพูดแซะเกี่ยวกับเพลงของเขาไม่หยุด
“อย่ายุ่ง!เธอจะไปรู้อะไร” เจซีกล่าวเสียงแข็ง
“ไอ้เจซี มึงก็ไม่ควรลงกับน้องมันนะเว้ย” ท็อปเปอร์หนึ่งในสมาชิกในวงที่เขาสนิทที่สุดพูดขึ้น สมาชิกอีกสามคนไม่มีใครกล้าแย้ง เพราะรู้ว่าเจซีตอนนี้อารมณ์รุนแรงแค่ไหน มันจะพลอยให้พวกเขาซวยไปด้วย จะมีก็แต่ท็อปเปอร์ที่สนิทกับเขามากที่สุด
“ก็พวกแม่ง...”
“เออน่า ช่างหัวมัน...ไปหาอะไรคลายเครียดทำดีกว่า ไหนๆ งานก็เสร็จล่ะ”
“รอรับรางวัลอีก”
“ช่างรางวัลมัน เยอะจนไม่มีที่เก็บ ให้พวกมันส่งตามไป”
ท็อปเปอร์พูดอย่างไม่ใส่ใจใบหน้าเปื้อนยิ้มและตบบ่าเจซีเบาๆ เจซีหันไปมองโดยไม่พูดอะไรได้แต่พยักหน้า ยูแอลที่ยืนอยู่มองทั้งคู่สลับกันไปมาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวและคิดว่าคงไม่วายพากันไปดื่มเหมือนเช่นเคย
“พี่เจซีจะไปไหนหรือคะ?”
“เธอเป็นคนเซ้าซี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” เจซีขมวดคิ้วหลุบตามองร่างเล็ก เขากล่าวอย่างหงุดหงิดที่แฟนสาวถามขึ้น
“ไม่ใช่อย่างนั้น...แค่จะบอกว่าพี่อย่าลืมทานยา...”
“เห็นฉันเป็นเด็กหรือไง พูดมากอยู่ได้”
“…….”
ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์โกรธหรือเพราะเขาเบื่อเธอแล้วกันแน่ถึงได้พูดจาทำร้ายน้ำใจเธอได้ขนาดนี้ ยูแอลเม้มปากแน่นเลือกที่จะเงียบ ก่อนที่เกรซ ซาซ่าและฮานิจะเดินเข้ามาดึงเธอให้ออกจากตรงนั้น เธอถึงยอมเดินตามเพื่อนๆ ออกมากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัว ในขณะที่นักเต้นทุกคนเก็บข้าวของฮานิก็ก้มหน้าก้มตายิ้มน้อยยิ้มใหญ่กดโทรศัพท์ไม่ยอมเก็บของสักที
“ฮานิ ไม่รีบเก็บของเหรอ?” ยูแอลหันไปถามาเพื่อนสนิทของตน เพราะนัดกันไว้ว่าจะที่คอนโดเกรซแล้วค่อยไปปาร์ตี้กันต่อหลังเสร็จงานเหมือนเช่นทุกครั้ง ฮานิเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนแล้วยิ้มแห้งๆ ก่อนจะพูดขึ้น
“วันนี้ฉันขอเทพวกแกนะ พอดีฉันมีนัดกับแฟน”
“แหม...ยัยฮานิฮาใจ เลือกผู้มากกว่าเพื่อนหรือยะ” ซาซ่ากล่าว
“แน่นอนสิยะ เพื่อนยังไงก็อยู่ด้วยกันเสมอ” ฮานิว่าตอบ
“จ้าๆ ว่าแต่แฟนคนนี้ไม่เคยพามาแนะนำเลย” ยูแอลกล่าวด้วยความอยากรู้ เพราะเพื่อนของตนไม่เคยพูดถึง
“นั่นสิ เดี๋ยวมีความลับกับเพื่อนนะยัยฮานิ” เกรซกล่าวเสริม
“บอกไม่ได้จ้ะ เขาเป็นคนดังต้องเป็นความลับ” ฮานิพูดอย่างเริงร่าหยอกเล่นเพื่อนๆ ของตน
“กับเพื่อนก็ความลับหรือยะ?” ซาซ่าอดไม่ได้ที่มองเพื่อนสาวตาขวาง ใช่ว่าฮานิจะไม่เคยคบคนดังแต่รอบนี้กลับไม่บอกเพื่อนพ้องว่าเป็นใครจากที่ปกติจะอวยยศแฟนตัวเองให้เพื่อนฟังไม่หยุด เพราะฮานิเป็นคนสวยจึงไม่แปลกที่เธอจะเปลี่ยนแฟนบ่อยๆ เพราะเบื่อบ้างล่ะ เพราะไม่ได้ดั่งใจบ้างล่ะ ก็สมกับนิสัยไฮโซติดหรูเอาแต่ใจของเธอ
“ฉันไปก่อนนะพวกแก ไว้คราวหน้าฉันเลี้ยงคืน”
ว่าจบฮานิก็รีบเก็บข้าวของรีบเดินออกไปทันทีโดยไม่รอฟังคำกล่าวลาของเพื่อนๆ เลย ซาซ่าที่ช่างเม้าอยู่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหันมาพูดกับเพื่อนสาวทั้งสองคนที่เหลืออยู่
“แสดงว่าชีได้ผู้มีเงิน...ดารานักร้องคนไหนจะมีเงินได้เท่าพี่เจซีของยัยแอลกันล่ะ”
“หรือว่ายัยฮานิโดนหลอก” เกรซเอ่ยอย่างหน้าตาตื่น ยูแอลหันไปมองเกรซด้วยความกังวลแต่ก็ไม่อยากคิดในแง่ลบมากเกินไป
“ไม่หรอก...พวกดารานักร้องที่มีเงินมากมายก็เยอะแยะน่า แค่วงพี่เจซีดังมากในช่วงนี้เท่านั้นถึงได้มีรายได้เยอะ”
“ก็จริงที่ยัยแอลพูด แต่อย่างยัยฮานิต้องคบระดับท็อปๆ เท่านั้น หรือว่า...” ซาซ่าพูดหน้าตาตื่นหันไปทางเพื่อนๆ ทั้งสองคนสลับกัน
“ว่า...” เกรซที่ตั้งหน้าตั้งตารอฟังมองซาซ่าอย่างลุ้นๆ
“นางจะคบกับคนในวงพี่เจซี!”
“พวกแกเลิกคิดเองเออเองได้แล้ว ไปกันสักทีเถอะ...จองโต๊ะไว้ไม่ใช่เหรอ?”
ยูแอลพูดตัดบทพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างกับว่าที่ซาซ่าพูดมันเป็นเรื่องไร้สาระ มันจะเป็นไปได้ยังไงเพราะคนในวงของเจซีล้วนแต่มีแฟนกันหมดแล้ว ถึงจะพยายามไม่คิดแต่ก็อดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้อยู่ดี เพราะเธอไม่อยากให้เพื่อนเจอเรื่องอื้อฉาวหรือเป็นมือที่สามของใครแบบนั้น
หลังจากที่กลับมาถึงคอนโดเกรซทุกคนก็อาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปคลับที่หนึ่งในสมาชิกของวงเจซีเป็นเจ้าของอยู่ แสงไฟวิบวับเต็มไปหมด เสียงเพลงดังกระหึ่มก้องไปทั่วคลับและไม่ต้องสงสัยว่าเพลงที่เปิดเป็นเพลงของวงใคร เกรซเดินจูงมือยูแอลเดินฝ่าฝูงชนตามซาซ่าไปที่โต๊ะวีไอพีที่จองไว้บนชั้นสอง สามารถมองลงเห็นฟลอร์ด้านล่างได้ถนัดๆ เครื่องดื่มถูกนำมาเสิร์ฟหลังจากที่ซาซ่าสั่งไปพร้อมกับมีบริกรคอยดูแลประจำโต๊ะ
“มาชนกันหน่อยเร็ว เหนื่อยกันมาทั้งวันกับค่อนคืนแล้ว”
ซาซ่าเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกแก้วสีอำพันขึ้นรอเพื่อนสาวทั้งสอง ก่อนที่ทั้งสามคนจะชนแก้วแล้วยกมันขึ้นดื่มจนหมด บริกรก็คอยชงเครื่องดื่มให้ไม่ขาด ทั้งสามคนกอดคอกันเต้นไปมาอย่างสนุกสนาน...ใครจะไปคิดว่าสายตาเจ้ากรรมดันหันไปสะดุดกับโต๊ะข้างๆ เห็นชายหนุ่มที่แสนจะคุ้นเคยกำลังลุกขึ้นจูงมือสาวสวยในชุดเดรสสีแดงรัดรูปเดินเข้าไปทางห้องวีไอพี
จังหวะที่ชายหนุ่มคนนั้นหันกลับมายิ้มให้หญิงสาวที่เดินตามตนทำเอายูแอลที่พยายามเพ่งมองอยู่ถึงกับชะงักงัน ใจดวงน้อยกระตุกวูบก่อนจะเต้นรัวๆ ภายในอกซ้ายหวิวไปหมด..
“แอล แกมองอะไรฮะ?” ซาซ่าที่เห็นเพื่อนยืนนิ่งค้างก็อดไม่ได้ที่จะถาม ยูแอลพยายามดึงสตืตัวเองและคิดว่าเพราะข้างในคลับมันมืดเธออาจจะมองเห็นไม่ชัด และอาจจะเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ทำให้สายตาของเธอเริ่มเบลอก็เป็นได้
“ไม่มีอะไร...ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
ยูแอลหันไปตอบเพื่อนอย่างเลี่ยงๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เพราะความคาใจเธอต้องการที่จะเดินตามชายหญิงคู่นั้นไปเพื่อให้ได้รู้ชัดๆ ว่าสิ่งที่เห็นนั้นเพราะสายตาเธอพร่ามัวหรือว่ามันคือเรื่องจริง ซาซ่าพยักหน้ารับคำเพื่อนแต่ยังคงขมวดคิ้วอย่างสงสัยจนยูแอลเดินลับตาไป
“แอลมันเป็นอะไรเหรอ?” เกรซเอ่ยถาม
“ไม่รู้สิ แต่...สีหน้านางไม่ค่อยจะดีเลย” ซาซ่าตอบพร้อมด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“เราตามไปดูดีไหม”
“นั่นสิ” ว่าจบซาซ่าก็หันไปฝากโต๊ะกับบริกรก่อนจะพากันเดินตามยูแอลไป
สองขาเรียวในชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีน้ำเงินเข้มเดินตามหลังหญิงสาวในชุดเดรสเกาะอกสีแดงที่ถูกชายหนุ่มจูงเข้าห้องวีไอพีซึ่งเป็นห้องปิดคล้ายกับห้องที่ต้องการเป็นส่วนตัวของคลับ ยูแอลชะงักฝีเท้าเป็นระยะเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องวีไอพีที่ทั้งคู่พึ่งเดินเข้าไป เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเอื้อมมือที่สั่นเทาไปแง้มประตูห้องวีไอพีบานนั้นอย่างช้าๆ
สองร่างกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างได้ที่ เสื้อผ้าอาภรณ์ถูกปลดเปลื้องออก...เสียงครางหวานดังเป็นระยะๆ แม้ภายในห้องจะสลัวๆ แต่เธอก็เห็นใบหน้าของทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน...ยูแอลยืนนิ่งค้างมองสองร่างกำลังเล่นสวาทกันอย่างไม่สนใจใคร ร่างกายเล็กสั่นเทา สองขาเรียวก้าวขาไม่ออก...หยดน้ำใสๆ ไหลลงอาบแก้ม ราวกับโดนสายฟ้าฟาดลงมาจนชาไปทั้งร่าง...หัวใจดวงน้อยเองก็ชาไปหมด...เป็นเขา..แฟนหนุ่มของเธอกับเพื่อนรักที่บอกว่ามีนัดกับแฟน...และแฟนคนดังของเพื่อนสาวไม่ใช่ใครที่ไหน ไม่ใช่สมาชิกในวงเจซีแต่เป็นเจซีเอง...ใช่แล้ว...เจซีที่เป็นแฟนหนุ่มของเธอ...
“แกไม่ต้องมองแล้วแอล” ซาซ่าและเกรซที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ช็อกไม่แพ้แอล แต่ที่แย่คือที่สุดตอนนี้คือเพื่อนของเขา ซาซ่าเดินเข้ามาประจันหน้ากับยูแอลเพื่อเอาตัวบดบังสายตาของยูแอลที่จ้องมองภาพตรงหน้าค้าง เกรซเข้ามาจับมือเพื่อนก่อนจะกอดไหล่เธอพร้อมกับพาเธอหันหลังกลับเดินไปที่โต๊ะของพวกเธออย่างช้าๆ
“แกไม่ไหวก็กลับกันเถอะ” เกรซเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงซึ่งยูแอลตอนนี้ยังคงช็อกค้างเดินตามเกรซเหมือนหุ่น ซาซ่าเองก็ไม่แพ้กันคอยเดินตามประคองเพื่อนสาวด้วยสีหน้าเป็นห่วง งานกร่อยไปหมดแล้ว...ใครจะไปดื่มต่อได้ลง
“พวกแก...อยู่ต่อเถอะ...ฉันขอไปสูดอากาศข้างนอกแป๊บนึง” ยูแอลเอ่ยขึ้นเสียงสั่น สภาพเธอตอนนี้หรือที่จะออกไปข้างนอกคนเดียว เพื่อนทั้งสองส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงปฏิเสธด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ได้ แกจะไปคนเดียวในสภาพนี้ได้ยังไง” เกรซเอ่ยค้าน
“ถือว่าฉันขอ...แค่แป๊บเดียว...ให้ฉันอยู่คนเดียว...”
ได้ยินเสียงเพื่อนสาวที่สั่นเครืออย่างร้องขอก็อดไม่ได้ที่จะตามใจ การดันทุรังมันจะทำให้เพื่อนยิ่งแย่ไปกันใหญ่ เรื่องพึ่งเจอใหม่ๆ ปล่อยให้รวบรวมสติสักพักก็คงดี และอีกอย่างจากที่ดูตอนนี้ยูแอลไม่กล้าที่จะร้องไห้โฮออกมาเสียด้วยซ้ำ คงจุกอยู่ในอก ซาซ่าและเกรซจึงพยักหน้าเบาๆ ยอมให้เพื่อนสนิทอย่างยูแอลเดินออกจากคลับไปเพียงลำพัง
ร่างเล็กเดินออกมาอย่างไร้จุดหมาย ท่าทางเหม่อลอยจนน่าเป็นห่วง นี่มันก็ดึกมากแล้วเส้นทางที่เดินก็ไร้ผู้คนจะมีก็แต่รถที่แล่นผ่านไปมาเท่านั้น นานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เธอเดินน้ำตาไหลพรากตลอดทางจนมาหยุดอยู่ที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำของเมือง หญิงสาวเดินเข้าไปนั่งอย่างหมดแรงที่เก้าอี้ข้างแม่น้ำกว้าง มองเหม่อไปยังแสงไฟและตึกสูงที่อยู่อีกฟากฝั่งของแม่น้ำนี้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอดอีกครั้งก่อนจะปล่อยน้ำตาและเสียงสะอื้นไห้ออกมาเหมือนคนกำลังจะขาดใจ...
“ดึกดื่นป่านนี้ผู้หญิงที่ไหนมานั่งร้องไห้อยู่อีก” ชายหนุ่มที่บังเอิญเดินผ่านมาพึมพำกับตัวเองพร้อมกับหยุดยืนมองหญิงสาวร่างเล็กที่นั่งปิดหน้าร้องไห้อยู่ตรงริมแม่น้ำ..
สายตาเฉี่ยวยืนจ้องมองหญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่นานเหมือนต้องมนต์สะกด ไหนจะผิวขาวเนียนที่ต่างจากคนปกติธรรมดาในชุดสายเดี่ยวนั่นอีก มองดูก็รู้ว่าเธอเป็นคนที่ดูแลตัวเองและเขาก็คิดว่าเธออาจจะเป็นดารานักแสดงไม่ก็นักร้องวงใดวงหนึ่งก็ได้ ดูจากใบหน้าสวยที่เงยขึ้นมาปาดน้ำตานั้น...ผู้หญิงอะไรขนาดร้องไห้ยังสวยเลย แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาชื่นชมเธอตอนนี้ มันน่าแปลกที่เห็นเธอร้องไห้เขากลับเศร้าใจตามไปด้วย“ใบหน้าสวยๆ แบบนี้ไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกนะครับ”ชายหนุ่มในเสื้อฮู้ดใส่หมวกเบสบอลปิดบังใบหน้าหล่อๆ อีกทั้งยังใส่แมสทำให้ยูแอลที่เงยหน้าขึ้นมาถึงกับผงะและจ้องมองเขาอย่างระแวง แม้ว่าชายหนุ่มจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอก็ตาม...กลางดึกแบบนี้ใครจะไปคิดดีได้ล่ะ ...เขาอาจจะเป็น...“ผมไม่ใช่โจรหรอกครับ...ผมแค่มาพักผ่อนแล้วบังเอิญผ่านมาได้ยินเสียงคุณ”“...พักผ่อน? ...ตอนกลางคืนน่ะหรือคะ?”เหมือนว่าเขาจะรู้ความคิดของหญิงสาวจึงได้รีบชิงพูดขึ้นก่อน แต่ก็ยังไม่คลายความระแวงของหญิงสาว เธอยั
“จะมาเที่ยวที่นี่ทำไมหนูไม่บอกพี่คะ?”เจซีเดินเข้ามาหายูแอลที่โต๊ะข้างๆ หลังจากที่เธอเดินมาเข้ามาหาเพื่อนๆ ของเธอ ใบหน้าของเขายังคงยิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตีหน้าซื่อจนทำให้ยูแอลที่จ้องมองเขานิ่งนึกระอาที่เขาเป็นแบบนี้ เป็นแบบที่เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็น...โกหกได้อย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่ทำกับเธอแบบนั้นรวมถึงคนที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนของเธอก็เช่นกัน และไหนจะคนทั้งวงของเขาที่ปิดเรื่องนี้มิดราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าโง่ ยูแอลเลื่อนสายตาไปยังโต๊ะที่เจซีพึ่งจากมาก็เห็นว่าคนในวงของเขาอยู่ครบ แต่กลับไม่เห็นเพื่อนสาวคนสนิทที่หักหลังเธอแล้ว“หืม? อะไรหรือคะ? อยากย้ายไปนั่งกับพวกพี่ไหมล่ะ?”“ไม่เป็นไรค่ะ แอลอยากจอยกับเพื่อน”“ไม่ใช่ว่าจะมาแอบเหล่มองผู้ชายคนอื่นใช่ไหมคะ? พี่หวงนะ”ยูแอลได้แต่ทำหน้านิ่งตอบคนที่พูดหยอกล้อเธออย่างเริงร่าไม่รู้สึกรู้สาอะไร แม้แต่ความรู้สึกผิดยังไม่มีนัยน์ตาของเขาเลยสักนิด ยิ่งมองคนตรงหน้าปั้นหน้าโกหกเธอยิ้มแป้นออกมาแบบนั้นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเ
“อื้ม....”ร่างสูงป้อนจูบที่แสนเร่าร้อนบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่ม สองแขนแกร่งกอดรัดร่างเล็กตั้งแต่หน้าประตูห้อง...ลิ้นเล็กไม่ยอมแพ้ยังคงหยอกล้อดูดดึงลิ้นหนาอย่างชำนาญ สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไปมาทั่วห้อง ทุกการย่างก้าวเข้าห้องเสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูกปลดเปลื้องเหวี่ยงไปคนละทิศละทางทั่วพื้น ข้าวของกระจัดกระจายในทุกๆ ที่ที่พวกเขาพักผ่าน ก่อนที่ร่างเล็กจะถูกอุ้มมาวางไว้บนเตียงนุ่มอย่างทะนุถนอมต่างจากการกระทำที่หิวกระหายโดยสิ้นเชิงร่างหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงสวยเข้าทาบทับหญิงสาวร่างเล็กในทันที รูปร่างที่พอดิบพอดีนั้นชวนให้หลงใหลเมื่อได้มอง... เขาป้อนจูบอย่างดูดดื่มให้เธออีกครั้ง และเธอเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้จูบนั้นของเขาเลยสักครั้งผลัดรับผลัดสู้กันอยู่อย่างนั้น สองแขนเรียวเล็กโอบรั้งคอหนาของเขาด้วยอารมณ์ที่คลุกรุ่น กลิ่นแอลกอฮอล์คลุกเคล้าในโพรงปากของทั้งคู่...ทั้งหวานทั้งขม... ก่อนที่ร่างเล็กจะพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างหนาของเขาไว้พร้อมกับพรมจูบไล่ลงไปยังกล้ามหน้าท้องและขบเม้มมันพอหยอกเย้าให้คนร่างหนาสะดุ้ง...ปากรูปกระจับครอบครองตัวตนใหญ่ยักษ์ของเขาทันที“ซี้ดดดดดส์
ในห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงสลัวๆ เล็ดลอดผ่านม่านบานเกร็ดเข้ามาเพียงเล็กน้อย บนโซฟาสีน้ำตาลอ่อนเรียบหรูชายหนุ่มหน้าคมหล่อเหลานั่งเท้าแขนกุมขมับ ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ที่ไรผมไปมา ผมดำขลับถูกเซ็ตอย่างดีไปด้านหลังจนหมดเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเด่นชัด อีกมือถือบุหรี่มวนใหญ่สายตาจ้องมองโต๊ะทำงานของตนอย่างเหม่อลอย“ยังไม่ไปตามเมียกลับมาอีกหรือวะไอ้เจซี...ถ้านั่งทำหน้าเครียดขนาดนี้”“........”“ปากบอกไม่รัก แต่ท่าทีของมึงมันไม่ใช่”ท็อปเปอร์พูดขึ้นกับเพื่อนรักของตนพร้อมกับยกไวน์แบรนด์ตัวเองขึ้นมาจิบ รอบกายรายล้อมด้วยหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยอัวเอียอยู่ข้างกาย เจซีปรายสายตามองท็อปเปอร์นิ่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ของตนเชิดหน้าขึ้นมองเพื่อนหนุ่มของเขาอีกครั้ง“เธอหนีไม่ไหนไม่รอดหรอก...เดี๋ยวก็กลับมา”“นี่มันจะหกเดือนแล้วนะเพื่อน”“.........”“กูว่าคงไม่กลับมาแล้วล่ะ...มึงเล่นทำกับเธอขนาดนั้น”&ldqu
“โผล่มาได้แล้วเหรอครับไอ้หน้าหล่อ”หนึ่งในสมาชิกของวงเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นจีเซลเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูอารมณ์ดีมากผิดจากปกติ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจเพราะช่วงสองเดือนมานี้ ตั้งแต่ที่รับนักเต้นอิสระกลุ่มหนึ่งเข้ามาพวกเขาก็พอจะรู้เรื่องจีเซลที่ตามขายขนมจีบให้แดนเซอร์คนสวยคนดังอยู่ ขนาดพวกเขาเองตอนที่เห็นเธอครั้งแรกยังคิดว่าเป็นไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปเลยด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าแฟนเก่าของรุ่นพี่ในวงการบันเทิงที่พวกเขาชื่นชอบจะสวยขนาดนี้ สวยกว่าในรูปเป็นไหนๆ แต่เพราะว่าจีเซลออกตัวแรงตั้งแต่วันแรกคนอื่นๆ ในวงจึงไม่ได้ยุ่งกับเธอคนนั้นเลย ถือว่าเพื่อนของเขาจองแล้วกัน...อีกอย่างพวกเขาไม่ชอบที่จะมีปัญหากันเองในวงด้วย“พูดเหมือนมึงไม่หล่อเนอะไอ้ชาย” จีเซลหันไปตอบกลับกวนๆ“ผมชื่อซันชายน์ครับไอ้จีเซล ขอร้องเถอะ...เรียกเต็มๆ ชื่ออ่ะ อีกอย่างกูพี่มึงนะ”ซันชายน์พูดตอบพร้อมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่เพื่อนของเขาชอบเรียกว่าไอ้ชาย (น์) มันดูเก่าแก่เข้มขลังเหมือนอยู่ในยุค80ยังไงอย่างนั้น เพื่อนคนอื่นๆ ต่างหัวเราะก
การซ้อมดำเนินไปอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง แม้ยูแอลจะพยายามมองที่กระจกและตั้งใจซ้อมแค่ไหนแต่ก็ต้องสบตากับจีเซลผ่านกระจกทุกครั้ง หรือไม่ก็จีเซลตั้งใจหันมองเธอโดยที่เธอมองเห็นสายตาของเขาผ่านกระจกบานใหญ่นั้น และแน่นอนว่าคนอื่นๆ ก็เห็นเหมือนกันว่าจีเซลไม่ค่อยมีสมาธิซ้อมเท่าไหร่นัก“ผิดแล้ว!จีเซล!นายตั้งใจซ้อมหน่อยสิวะ!” ซันชายน์อดที่จะหันไปดุเพื่อนรุ่นน้องร่วมวงของเขาไม่ได้ ในขณะที่เขาสอนท่าเต้นอยู่แต่จีเซลกลับไม่ได้สนใจมองที่เขาสอนจนเต้นผิดไปหมด จีเซลเองก็ยืนหน้าสลดหลังจากโดนเพื่อนร่วมวงว่า...เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่มีสมาธิเลยจริงนั่นแหละ“ขอโทษครับ...”“เอาล่ะๆ พักสักหน่อยเถอะ”ดีนเลือกที่จะตัดบท ถึงคนอื่นๆ ในวงจะไม่รู้ว่าจีเซลไปมีเรื่องอะไรมา แต่พวกเขาก็เลือกที่จะให้พักซ้อมเผื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้น เมื่อได้ยินอย่างนั้นคนอื่นๆ ก็ต่างพากันไปดื่มน้ำนั่งพัก ยูแอลเองก็ถูกซาซ่าและเกรซลากออกไปยังมุมห้องซ้อมเหมือนกัน“ยัยแอล!เกิดอะไรขึ้น? คนที่มาหาแกคือซีอีโอใช่ไหม?&rdq
“แล้วให้เริ่มงานวันไหนดีครับคุณเจซี?”“วันนี้ทีมเลิกซ้อมห้าโมงเย็นใช่ไหมครับ? เริ่มหนึ่งทุ่มวันนี้เลยครับ”เจซีตอบแจ็คกี้อย่างยิ้มแย้มแต่สายตากับไม่ได้อยู่ที่คู่สนทนาด้วยเสียเท่าไหร่ เขากลับเอาแต่มองไปทางยูแอลไม่วางตา และเธอเองก็จ้องมองเขากลับด้วยสายตาบ่งบอกว่าไม่อยากคิดว่าเขาจะทำแบบนี้ เธอเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าที่เขาทำไปทั้งหมดเป็นเพราะเธอ...อาจจะเป็นแค่เกมที่เขาอยากจะเอาชนะชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น...ทุกอย่างมันดูกะทันหันไปหมด ยูแอลอดไม่ได้ที่จะหันไปมองจีเซลผู้ที่นัดเธอไว้ก่อนแล้ว ซึ่งตอนนี้สายตาของจีเซลมองไปยังเจซีอย่างไม่เป็นมิตร แล้วเขาจะพูดแย้งอะไรได้ล่ะ...เวลาที่ยูแอลไม่อยากให้มาถึง...มันก็ได้มาถึง...ยูแอลมองนาฬิกาที่อยู่เหนือกระจกบานใหญ่ด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใบหน้าสวยดูเรียบนิ่งไร้อารมณ์ก็จริง แต่แววตาของเธอกลับดูเศร้าซึมเหมือนครั้งแรกที่จีเซลได้พบเธอ ไม่ได้มีแค่จีเซลที่มองไปทางยูแอล สมาชิกวงบียอนด์ต่างก็มองไปทางเธอทุกคน...ตั้งแต่ที่พวกเขายังไม่มีชื่อเสียงพวกเขาก็ได้ยินข่าวของรุ่นพี่อย่างเจซีอยู่บ้าง ทุกคนรู้ดีว
เป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้วจึงเห็นใจ...หรือว่ารู้สึกสงสารหลังจากที่เห็นแววตาเศร้าผ่านนัยน์ตาคมของเขา...หรือว่าเป็นเพราะยังรักและห่วงเขากันแน่ ถึงได้พาตัวเองมาอยู่ข้างๆ เขาตามที่เขาร้องขอในตอนนี้ ทั้งที่ความจริงเธอจะกลับเลยก็ได้ จะปฏิเสธก็ได้...ทำไมถึงไม่ทำ...ยูแอลนั่งอยู่ในสตูดิโอส่วนตัวของเจซีในตึกสูงที่ประดับป้ายหน้าตึกว่า JC Entertainment บรรยากาศที่เจซีพยายามสร้างขึ้นเหมือนเมื่อก่อนที่พวกเขาเคยรักกัน...แต่ยูแอลกลับไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิม ในตอนนี้เธอกลับไร้ความรู้สึกใดๆ เพียงแค่ต้องการจะอยู่เป็นเพื่อนให้เขาดีขึ้นจากความรู้สึกแย่ๆ เท่านั้น ภายในใจของเธอตอนนี้กลับคิดถึงจีเซลเสียมากกว่า เธอก้มมองโทรศัพท์ของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าแต่...ก็ไม่เห็นสายเรียกเข้าหรือข้อความใดๆ ส่งมาเลย...เขายังไม่เลิกงานหรือเปล่านะ...“หนูลองมาฟังเพลงที่พี่แต่งสิ เพลงนี้พี่ตั้งใจจะแต่งขึ้นโชว์เลยนะ...หนูว่าดีไหม?”เจซีหันมาพูดกับยูแอลที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างๆ ยูแอลหันไปทางเขาเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ เป็นการบอกว่าเธอจะฟ
“จะมาเที่ยวที่นี่ทำไมหนูไม่บอกพี่คะ?”เจซีเดินเข้ามาหายูแอลที่โต๊ะข้างๆ หลังจากที่เธอเดินมาเข้ามาหาเพื่อนๆ ของเธอ ใบหน้าของเขายังคงยิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตีหน้าซื่อจนทำให้ยูแอลที่จ้องมองเขานิ่งนึกระอาที่เขาเป็นแบบนี้ เป็นแบบที่เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็น...โกหกได้อย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่ทำกับเธอแบบนั้นรวมถึงคนที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนของเธอก็เช่นกัน และไหนจะคนทั้งวงของเขาที่ปิดเรื่องนี้มิดราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าโง่ ยูแอลเลื่อนสายตาไปยังโต๊ะที่เจซีพึ่งจากมาก็เห็นว่าคนในวงของเขาอยู่ครบ แต่กลับไม่เห็นเพื่อนสาวคนสนิทที่หักหลังเธอแล้ว“หืม? อะไรหรือคะ? อยากย้ายไปนั่งกับพวกพี่ไหมล่ะ?”“ไม่เป็นไรค่ะ แอลอยากจอยกับเพื่อน”“ไม่ใช่ว่าจะมาแอบเหล่มองผู้ชายคนอื่นใช่ไหมคะ? พี่หวงนะ”ยูแอลได้แต่ทำหน้านิ่งตอบคนที่พูดหยอกล้อเธออย่างเริงร่าไม่รู้สึกรู้สาอะไร แม้แต่ความรู้สึกผิดยังไม่มีนัยน์ตาของเขาเลยสักนิด ยิ่งมองคนตรงหน้าปั้นหน้าโกหกเธอยิ้มแป้นออกมาแบบนั้นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเ
สายตาเฉี่ยวยืนจ้องมองหญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่นานเหมือนต้องมนต์สะกด ไหนจะผิวขาวเนียนที่ต่างจากคนปกติธรรมดาในชุดสายเดี่ยวนั่นอีก มองดูก็รู้ว่าเธอเป็นคนที่ดูแลตัวเองและเขาก็คิดว่าเธออาจจะเป็นดารานักแสดงไม่ก็นักร้องวงใดวงหนึ่งก็ได้ ดูจากใบหน้าสวยที่เงยขึ้นมาปาดน้ำตานั้น...ผู้หญิงอะไรขนาดร้องไห้ยังสวยเลย แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาชื่นชมเธอตอนนี้ มันน่าแปลกที่เห็นเธอร้องไห้เขากลับเศร้าใจตามไปด้วย“ใบหน้าสวยๆ แบบนี้ไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกนะครับ”ชายหนุ่มในเสื้อฮู้ดใส่หมวกเบสบอลปิดบังใบหน้าหล่อๆ อีกทั้งยังใส่แมสทำให้ยูแอลที่เงยหน้าขึ้นมาถึงกับผงะและจ้องมองเขาอย่างระแวง แม้ว่าชายหนุ่มจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอก็ตาม...กลางดึกแบบนี้ใครจะไปคิดดีได้ล่ะ ...เขาอาจจะเป็น...“ผมไม่ใช่โจรหรอกครับ...ผมแค่มาพักผ่อนแล้วบังเอิญผ่านมาได้ยินเสียงคุณ”“...พักผ่อน? ...ตอนกลางคืนน่ะหรือคะ?”เหมือนว่าเขาจะรู้ความคิดของหญิงสาวจึงได้รีบชิงพูดขึ้นก่อน แต่ก็ยังไม่คลายความระแวงของหญิงสาว เธอยั
ค่ำคืนที่แสนอบอุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ร่างสูงเดินถือดอกกุหลาบสีขาวเดินไปหยุดตรงหน้าบ้านหลังหนึ่งด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าหล่อคมเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างชั้นสองที่ยังคงเปิดไฟสว่างไสวอยู่ เขาก้มลงดอมดมดอกกุหลายที่ตั้งใจซื้อมาก่อนจะเงยหน้ามองตรงไปยังหน้าต่างบานเดิมอีกครั้ง“ยูแอล!”โฮ่งๆ โฮ่งๆ ...ในขณะที่เสียงทุ้มเรียกชื่อแฟนสาวของเขา น้องหมาน่าตาน่ารักก็ยังคอยส่งเสียงเห่าช่วยราวกับว่าคุ้นชินกับเขามานาน หรืออาจจะเป็นเพราะเขามาที่นี่บ่อยๆ ไม่นานนักผ้าม่านของหน้าต่างบานนั้นก็เปิดออกพร้อมกับชะโงกหน้าลงไปมองคนที่มายืนเรียกชื่อตน ก่อนใบหน้าสวยจะยิ้มร่าออกมาและรีบวิ่งลงมาจากชั้นสองเพื่อมาหาคนที่ยืนรอเธออยู่หน้าบ้านอย่างดีใจทั้งสองยืนอยู่ไม่ไกลกันนักมีเพียงรั้วไม้ระดับเอวกั้นเอาไว้ ชายหนุ่มในชุดเสื้อกล้ามสีขาวใส่เสื้อฮู้ดแขนยาวตัวใหญ่สีเทาคลุม กางเกงวอร์มสีเทาเข้ากับเสื้อนอกของเขา ชายหนุ่มยื่นดอกกุหลาบในมือให้เธอด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม...มันเป็นรอยยิ้มที่มองแล้วดูอบอุ่นใจและดูมีเสน่ห์ สายตาคมของเขาจ้องมองเธอด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม&nbs
เป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้วจึงเห็นใจ...หรือว่ารู้สึกสงสารหลังจากที่เห็นแววตาเศร้าผ่านนัยน์ตาคมของเขา...หรือว่าเป็นเพราะยังรักและห่วงเขากันแน่ ถึงได้พาตัวเองมาอยู่ข้างๆ เขาตามที่เขาร้องขอในตอนนี้ ทั้งที่ความจริงเธอจะกลับเลยก็ได้ จะปฏิเสธก็ได้...ทำไมถึงไม่ทำ...ยูแอลนั่งอยู่ในสตูดิโอส่วนตัวของเจซีในตึกสูงที่ประดับป้ายหน้าตึกว่า JC Entertainment บรรยากาศที่เจซีพยายามสร้างขึ้นเหมือนเมื่อก่อนที่พวกเขาเคยรักกัน...แต่ยูแอลกลับไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิม ในตอนนี้เธอกลับไร้ความรู้สึกใดๆ เพียงแค่ต้องการจะอยู่เป็นเพื่อนให้เขาดีขึ้นจากความรู้สึกแย่ๆ เท่านั้น ภายในใจของเธอตอนนี้กลับคิดถึงจีเซลเสียมากกว่า เธอก้มมองโทรศัพท์ของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าแต่...ก็ไม่เห็นสายเรียกเข้าหรือข้อความใดๆ ส่งมาเลย...เขายังไม่เลิกงานหรือเปล่านะ...“หนูลองมาฟังเพลงที่พี่แต่งสิ เพลงนี้พี่ตั้งใจจะแต่งขึ้นโชว์เลยนะ...หนูว่าดีไหม?”เจซีหันมาพูดกับยูแอลที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างๆ ยูแอลหันไปทางเขาเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ เป็นการบอกว่าเธอจะฟ
“แล้วให้เริ่มงานวันไหนดีครับคุณเจซี?”“วันนี้ทีมเลิกซ้อมห้าโมงเย็นใช่ไหมครับ? เริ่มหนึ่งทุ่มวันนี้เลยครับ”เจซีตอบแจ็คกี้อย่างยิ้มแย้มแต่สายตากับไม่ได้อยู่ที่คู่สนทนาด้วยเสียเท่าไหร่ เขากลับเอาแต่มองไปทางยูแอลไม่วางตา และเธอเองก็จ้องมองเขากลับด้วยสายตาบ่งบอกว่าไม่อยากคิดว่าเขาจะทำแบบนี้ เธอเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าที่เขาทำไปทั้งหมดเป็นเพราะเธอ...อาจจะเป็นแค่เกมที่เขาอยากจะเอาชนะชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น...ทุกอย่างมันดูกะทันหันไปหมด ยูแอลอดไม่ได้ที่จะหันไปมองจีเซลผู้ที่นัดเธอไว้ก่อนแล้ว ซึ่งตอนนี้สายตาของจีเซลมองไปยังเจซีอย่างไม่เป็นมิตร แล้วเขาจะพูดแย้งอะไรได้ล่ะ...เวลาที่ยูแอลไม่อยากให้มาถึง...มันก็ได้มาถึง...ยูแอลมองนาฬิกาที่อยู่เหนือกระจกบานใหญ่ด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใบหน้าสวยดูเรียบนิ่งไร้อารมณ์ก็จริง แต่แววตาของเธอกลับดูเศร้าซึมเหมือนครั้งแรกที่จีเซลได้พบเธอ ไม่ได้มีแค่จีเซลที่มองไปทางยูแอล สมาชิกวงบียอนด์ต่างก็มองไปทางเธอทุกคน...ตั้งแต่ที่พวกเขายังไม่มีชื่อเสียงพวกเขาก็ได้ยินข่าวของรุ่นพี่อย่างเจซีอยู่บ้าง ทุกคนรู้ดีว
การซ้อมดำเนินไปอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง แม้ยูแอลจะพยายามมองที่กระจกและตั้งใจซ้อมแค่ไหนแต่ก็ต้องสบตากับจีเซลผ่านกระจกทุกครั้ง หรือไม่ก็จีเซลตั้งใจหันมองเธอโดยที่เธอมองเห็นสายตาของเขาผ่านกระจกบานใหญ่นั้น และแน่นอนว่าคนอื่นๆ ก็เห็นเหมือนกันว่าจีเซลไม่ค่อยมีสมาธิซ้อมเท่าไหร่นัก“ผิดแล้ว!จีเซล!นายตั้งใจซ้อมหน่อยสิวะ!” ซันชายน์อดที่จะหันไปดุเพื่อนรุ่นน้องร่วมวงของเขาไม่ได้ ในขณะที่เขาสอนท่าเต้นอยู่แต่จีเซลกลับไม่ได้สนใจมองที่เขาสอนจนเต้นผิดไปหมด จีเซลเองก็ยืนหน้าสลดหลังจากโดนเพื่อนร่วมวงว่า...เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่มีสมาธิเลยจริงนั่นแหละ“ขอโทษครับ...”“เอาล่ะๆ พักสักหน่อยเถอะ”ดีนเลือกที่จะตัดบท ถึงคนอื่นๆ ในวงจะไม่รู้ว่าจีเซลไปมีเรื่องอะไรมา แต่พวกเขาก็เลือกที่จะให้พักซ้อมเผื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้น เมื่อได้ยินอย่างนั้นคนอื่นๆ ก็ต่างพากันไปดื่มน้ำนั่งพัก ยูแอลเองก็ถูกซาซ่าและเกรซลากออกไปยังมุมห้องซ้อมเหมือนกัน“ยัยแอล!เกิดอะไรขึ้น? คนที่มาหาแกคือซีอีโอใช่ไหม?&rdq
“โผล่มาได้แล้วเหรอครับไอ้หน้าหล่อ”หนึ่งในสมาชิกของวงเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นจีเซลเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูอารมณ์ดีมากผิดจากปกติ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจเพราะช่วงสองเดือนมานี้ ตั้งแต่ที่รับนักเต้นอิสระกลุ่มหนึ่งเข้ามาพวกเขาก็พอจะรู้เรื่องจีเซลที่ตามขายขนมจีบให้แดนเซอร์คนสวยคนดังอยู่ ขนาดพวกเขาเองตอนที่เห็นเธอครั้งแรกยังคิดว่าเป็นไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปเลยด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าแฟนเก่าของรุ่นพี่ในวงการบันเทิงที่พวกเขาชื่นชอบจะสวยขนาดนี้ สวยกว่าในรูปเป็นไหนๆ แต่เพราะว่าจีเซลออกตัวแรงตั้งแต่วันแรกคนอื่นๆ ในวงจึงไม่ได้ยุ่งกับเธอคนนั้นเลย ถือว่าเพื่อนของเขาจองแล้วกัน...อีกอย่างพวกเขาไม่ชอบที่จะมีปัญหากันเองในวงด้วย“พูดเหมือนมึงไม่หล่อเนอะไอ้ชาย” จีเซลหันไปตอบกลับกวนๆ“ผมชื่อซันชายน์ครับไอ้จีเซล ขอร้องเถอะ...เรียกเต็มๆ ชื่ออ่ะ อีกอย่างกูพี่มึงนะ”ซันชายน์พูดตอบพร้อมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่เพื่อนของเขาชอบเรียกว่าไอ้ชาย (น์) มันดูเก่าแก่เข้มขลังเหมือนอยู่ในยุค80ยังไงอย่างนั้น เพื่อนคนอื่นๆ ต่างหัวเราะก
ในห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงสลัวๆ เล็ดลอดผ่านม่านบานเกร็ดเข้ามาเพียงเล็กน้อย บนโซฟาสีน้ำตาลอ่อนเรียบหรูชายหนุ่มหน้าคมหล่อเหลานั่งเท้าแขนกุมขมับ ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ที่ไรผมไปมา ผมดำขลับถูกเซ็ตอย่างดีไปด้านหลังจนหมดเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเด่นชัด อีกมือถือบุหรี่มวนใหญ่สายตาจ้องมองโต๊ะทำงานของตนอย่างเหม่อลอย“ยังไม่ไปตามเมียกลับมาอีกหรือวะไอ้เจซี...ถ้านั่งทำหน้าเครียดขนาดนี้”“........”“ปากบอกไม่รัก แต่ท่าทีของมึงมันไม่ใช่”ท็อปเปอร์พูดขึ้นกับเพื่อนรักของตนพร้อมกับยกไวน์แบรนด์ตัวเองขึ้นมาจิบ รอบกายรายล้อมด้วยหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยอัวเอียอยู่ข้างกาย เจซีปรายสายตามองท็อปเปอร์นิ่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ของตนเชิดหน้าขึ้นมองเพื่อนหนุ่มของเขาอีกครั้ง“เธอหนีไม่ไหนไม่รอดหรอก...เดี๋ยวก็กลับมา”“นี่มันจะหกเดือนแล้วนะเพื่อน”“.........”“กูว่าคงไม่กลับมาแล้วล่ะ...มึงเล่นทำกับเธอขนาดนั้น”&ldqu
“อื้ม....”ร่างสูงป้อนจูบที่แสนเร่าร้อนบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่ม สองแขนแกร่งกอดรัดร่างเล็กตั้งแต่หน้าประตูห้อง...ลิ้นเล็กไม่ยอมแพ้ยังคงหยอกล้อดูดดึงลิ้นหนาอย่างชำนาญ สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไปมาทั่วห้อง ทุกการย่างก้าวเข้าห้องเสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูกปลดเปลื้องเหวี่ยงไปคนละทิศละทางทั่วพื้น ข้าวของกระจัดกระจายในทุกๆ ที่ที่พวกเขาพักผ่าน ก่อนที่ร่างเล็กจะถูกอุ้มมาวางไว้บนเตียงนุ่มอย่างทะนุถนอมต่างจากการกระทำที่หิวกระหายโดยสิ้นเชิงร่างหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงสวยเข้าทาบทับหญิงสาวร่างเล็กในทันที รูปร่างที่พอดิบพอดีนั้นชวนให้หลงใหลเมื่อได้มอง... เขาป้อนจูบอย่างดูดดื่มให้เธออีกครั้ง และเธอเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้จูบนั้นของเขาเลยสักครั้งผลัดรับผลัดสู้กันอยู่อย่างนั้น สองแขนเรียวเล็กโอบรั้งคอหนาของเขาด้วยอารมณ์ที่คลุกรุ่น กลิ่นแอลกอฮอล์คลุกเคล้าในโพรงปากของทั้งคู่...ทั้งหวานทั้งขม... ก่อนที่ร่างเล็กจะพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างหนาของเขาไว้พร้อมกับพรมจูบไล่ลงไปยังกล้ามหน้าท้องและขบเม้มมันพอหยอกเย้าให้คนร่างหนาสะดุ้ง...ปากรูปกระจับครอบครองตัวตนใหญ่ยักษ์ของเขาทันที“ซี้ดดดดดส์