“โผล่มาได้แล้วเหรอครับไอ้หน้าหล่อ”
หนึ่งในสมาชิกของวงเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นจีเซลเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูอารมณ์ดีมากผิดจากปกติ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจเพราะช่วงสองเดือนมานี้ ตั้งแต่ที่รับนักเต้นอิสระกลุ่มหนึ่งเข้ามาพวกเขาก็พอจะรู้เรื่องจีเซลที่ตามขายขนมจีบให้แดนเซอร์คนสวยคนดังอยู่ ขนาดพวกเขาเองตอนที่เห็นเธอครั้งแรกยังคิดว่าเป็นไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปเลยด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าแฟนเก่าของรุ่นพี่ในวงการบันเทิงที่พวกเขาชื่นชอบจะสวยขนาดนี้ สวยกว่าในรูปเป็นไหนๆ แต่เพราะว่าจีเซลออกตัวแรงตั้งแต่วันแรกคนอื่นๆ ในวงจึงไม่ได้ยุ่งกับเธอคนนั้นเลย ถือว่าเพื่อนของเขาจองแล้วกัน...อีกอย่างพวกเขาไม่ชอบที่จะมีปัญหากันเองในวงด้วย
“พูดเหมือนมึงไม่หล่อเนอะไอ้ชาย” จีเซลหันไปตอบกลับกวนๆ
“ผมชื่อซันชายน์ครับไอ้จีเซล ขอร้องเถอะ...เรียกเต็มๆ ชื่ออ่ะ อีกอย่างกูพี่มึงนะ”
ซันชายน์พูดตอบพร้อมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่เพื่อนของเขาชอบเรียกว่าไอ้ชาย (น์) มันดูเก่าแก่เข้มขลังเหมือนอยู่ในยุค80ยังไงอย่างนั้น เพื่อนคนอื่นๆ ต่างหัวเราะกับท่าทีของซันชายน์ที่ไม่ชินเรื่องนี้สักที
จีเซล หนึ่งในกลุ่มนักร้องบอยแบรนด์ชื่อดังยุคนี้ ดังทั้งในและต่างประเทศ ถือว่าในเหมู่เกาะเพอร์เพิลนี้วง Beyond the sun ความหมายที่ยิ่งใหญ่อย่าง เหนือกว่าดวงอาทิตย์ หรือที่ใครๆ ก็เรียกว่า วง beyond (บียอนด์) ซึ่งตอนนี้พวกเขาไม่ได้ดังแค่ในประเทศเท่านั้นแต่ดังไปทั่วโลกเลยก็ว่าได้
วงบียอนด์มีสมาชิกทั้งหมด 7คน หรือ 7s (เซเว่นเอส) โดยมี ดีน หนุ่มแว่นเป็นหัวหน้าวงของพวกเขา แต่ใครจะเชื่อว่าเขาเป็นนักRaper กับ ซันชายน์และ ไลก้าหนุ่มหล่อหน้าตี๋แสนเย็นชาขวางโลกหน่อยๆ ปากร้ายจนผู้หญิงยังอาย แต่ไลก้าทั้งเก่งและนิ่งขรึมที่สุดไม่จำเป็นเขาจะไม่พูดเลยด้วยซ้ำ ไม่หนำซ้ำเขายังเป็นคนแต่งเพลงให้กับวงอีกด้วย ส่วนซันชายน์นั้นเก่งมากเรื่องออกแบบท่าเต้นให้กับวงจะเรียกว่าครูสอนเต้นของวงคงไม่ผิด
จีเซล ชาร์วี วินซ์และจีนส์ ล้วนแต่เป็นนักร้องหลักผลัดกันคอรัสแล้วแต่เพลง จีเซลจะเด่นเรื่องไลน์การเต้นที่เป็นเอกลักษณ์มีคาริสม่าชัดเจนจนน่าหลงใหล (คาริสม่า=พรสวรรค์,มีเสนห์ดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้อยู่หมัด) กับการร้องเสียงสูงได้ทรงพลังและไพเราะ แต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ อุปนิสัยแตกต่างกันจนไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ากันได้
“เอาเถอะๆ ยังไงก็อย่าให้เสียงานละกัน”
ดีนกล่าวพร้อมปรายตามองไปทางจีเซลที่ยังคงยืนยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้านแถมยังยักไหล่เบาๆ เหมือนกับต้องการจะบอกดีนว่ามันไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่ถ้าตราบใดที่เขายังต้องการทำงานอยู่ เมื่อทุกคนทักทายกันเรียบร้อยต่างก็พากันไปยังห้องซ้อมที่นัดแดนเซอร์ไว้ อีกไม่กี่อาทิตย์พวกเขามีงานคอนเสิร์ตรวมนักร้องดังๆ จากทุกค่ายซึ่งเป็นงานประจำปีของเมืองหลวงนี้โดยเฉพาะ แฟนคลับจากทั่วสารทิศต่างพากันมารวมตัวที่นี่...เพราะอย่างนั้นพวกเขาจึงตั้งใจกับงานนี้มากเป็นพิเศษ
“สวัสดีครับ”
สมาชิกในวงต่างทักทายเหล่าแดนเซอร์ที่มารออยู่ก่อนแล้ว จีเซลมองไปรอบๆ ห้องแต่กลับไม่เห็นผู้หญิงที่เขาต้องการจะพบหน้าเลย อุตส่าห์ยอมแยกกันมาซ้อมแท้ๆ และดูเหมือนว่าเพื่อนๆ ของเขาจะรับรู้ว่าจีเซลต้องการจะเจอใครโดยเฉพาะซันชายน์ พี่หรือว่าเพื่อนที่สนิทที่สุดของจีเซล ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ เดินเข้าไปเตรียมตัวและทักทายคนอื่นๆ ซันชายน์กลับเอี้ยวตัวมาถามจีเซลเบาๆ
“ยูแอลไปไหนวะ?”
“ถ้ากูรู้จะมองหาไหมล่ะไอ้ชาย”
“อ้าว แล้วทำไมมึงไม่ไปถามเพื่อนของเขาล่ะ?”
“พี่ยูไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเรา”
“เวรเถอะครับ สรุปคือยังไม่ได้คบ?”
“อืม...ไหนๆ ก็เสือกแล้ว ไปถามให้กูหน่อยดิ”
“กูอีกแล้ว? มึงนี่อะไรๆ ก็กู”
“ช่วยไม่ได้ มึงเสือกมากไปหน่อย”
จีเซลพูดขำๆ แต่ซันชายน์ไม่ได้ขำด้วยเลยสักนิด ซันชายน์ส่ายหน้าไปมาแต่เพราะจีเซลเพื่อนรุ่นน้องของเขาพยายามผลักไสเขาเข้าไปหากลุ่มเพื่อนสนิทของยูแอล เขาจึงจำใจต้องหันไปปั้นหน้ายิ้มให้เกรซและซาซ่าอย่างเลี่ยงไม่ได้ จะเลี่ยงได้ยังไงล่ะในเมื่อเพื่อนๆ ของยูแอลหันมองทางเขาอย่างสงสัยตั้งแต่ที่จีเซลผลักเขาเข้าไปหาพวกเธอแล้ว
“มีอะไรคะ? คุณซันชายน์” เกรซเอ่ยถามด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“เอ่อ...คือว่า....”
“มัวแต่เอ่ออ่าแบบนี้จะรู้เรื่องไหมคะวันนี้?” เกรซไม่วายที่จะกัดเขาอย่างไม่สบอารมณ์อารมณ์กับท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ของเขา เธอเพียงแค่ไม่ปลื้มใจผู้ชายขี้ขลาดเท่าไหร่นัก และซันชายน์เองก็เป็นผู้ชายแบบที่ว่ามา ซาซ่าปรายตามองเพื่อนก่อนจะสะกิดเพื่อนสาวอย่างเกรซเบาๆ เพื่อให้เธอเก็บอาการและสีหน้าหน่อย ยังไงนั่นก็คือศิลปินที่พวกเธอต้องร่วมงานด้วยอีกยาว เพราะทางค่ายจ้างระยะยาว
“คุณซันซายน์มีอะไรคะเนี่ย?” กลับเป็นซาซ่าที่หันไปยิ้มให้ซันชายน์และถามเขาอย่างสุภาพ
“อ๋อ ผมแค่จะถามว่าวันนี้แดนเซอร์มาไม่ครบหรือครับ...ไม่เห็นยูแอล”
เมื่อได้รับทราบใจความสำคัญจากปากของไอดอลหนุ่มซาซ่าก็หันไปยิ้มให้เกรซที่ยังคงทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ก่อนจะหันไปมองจีเซลที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ไม่ไกลนักถึงจะยอมหันกลับมาตอบซันชายน์
“อ๋อ พอดีมีคนมาหานางน่ะค่ะ เลยออกไปคุยกันข้างนอกห้องซ้อม” ซาซ่าตอบ
“เมื่อกี้พวกผมเข้ามาไม่เห็นนะครับ”
จีเซลที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลนักได้ยินอย่างนั้นก็รีบเดินตรงปรี่เข้ามาหาทั้งสามคนแล้วพูดขึ้น ใบหน้าหล่อของเขาขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัยว่าใครกันถึงมาหาเธอถึงในค่ายได้ แถมยังเป็นในโซนที่ห้ามไม่ให้คนนอกเข้าอีกต่างหาก คงจะไม่ใช่คนที่ตำแหน่งธรรมดาๆ แน่ๆ
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ พอมีเพื่อนในกลุ่มมาบอก แล้วยูแอลก็ออกไปเลย”
เกรซตอบข้อสงสัยของจีเซลขึ้นมาด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่าพวกเธอไม่รู้จริงๆ จีเซลยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาว่าใกล้จะถึงเวลาซ้อมหรือยังก่อนจะรีบเดินพรวดพราดออกจากห้องซ้อมไปปล่อยให้ทั้งสามคนยืนมองหน้ากันไปมา
“อะไรของมันวะนั่น” ซันชายน์มองตามแผ่นหลังเพื่อนของตนอย่างไม่เข้าใจ นี่มันก็ใกล้จะถึงเวลาซ้อมแล้วแค่รอยูแอลก็กลับมาก็เท่านั้นเพราะยูแอลไม่เคยสายหรือขาดซ้อมเลยสักครั้ง แต่ท่าทางรีบร้อนของเพื่อนรุ่นน้องคนสนิททำให้เขาใจคอไม่ดีเลย คับคล้ายคับคลาเหมือนว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น...
“ขออย่าให้มีเรื่องอะไรเลยเถอะ” เกรซพูดขึ้น
“ผมก็คิดแบบนั้น” ซันชายน์ตอบกลับคำพูดของเธอ แต่เกรซกลับเมินคำพูดของเขาเสียอย่างนั้น....
จีเซลเดินออกจากห้องซ้อมก็มองซ้ายขวาไปมาก่อนจะเดินไปเปิดห้องอื่นๆ ภายในชั้นนี้ของตึกที่คิดว่าน่าจะพอเป็นที่คุยกันได้ แต่ไม่ว่าจะเปิดไปกี่ห้องก็ไม่เห็นวี่แววของยูแอลเลย ใจดวงโตเต้นไม่เป็นล่ำเป็นสันมันเต้นแรงจนหงุดหงิด...ไม่รู้ว่าเพราะความเหนื่อยหอบจากการที่เขาวิ่งหรือว่าเพราะใจกำลังกังวลอะไรบางอย่างกันแน่...
ไอดอลหนุ่มหยุดยืนอยู่ที่สุดท้ายคือหน้าประตูทางออกไปบันไดหนีไปของชั้น7 ซึ่งมันใกล้กับห้องซ้อมที่พวกเขาซ้อมอยู่ มีเพียงที่นี่ที่เดียวที่เขายังไม่ได้เข้าไปหา...แต่...ทำไมต้องมาคุยกันที่บันไดหนีไฟล่ะ คนที่มาหายูแอลเป็นใครกันแน่...
สองขาวยาวก้าวเข้าไปใกล้ประตูหนีไฟนั้นเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงของคนสองคนคุยกัน...ไม่สิ...ทะเลาะกันมากกว่า ยิ่งเดินใกล้ประตูบานนั้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ยินเสียงชัดขึ้น นั่นเป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยไม่ผิดแน่... มือหนาผลักประตูเข้าไปอย่างแรงเมื่อเสียงทะเลาะนั้นรุนแรงขึ้น...ก่อนที่เขาจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้า...
“เธอต้องครางเรียกชื่อฉันเท่านั้น...เรียกได้แค่ชื่อฉัน!เพราะเธอคือผู้หญิงของฉัน!”
“ไม่...อุ๊บ!!!”
ภาพของรุ่นพี่ในวงการที่เขาชื่นชอบและนับถือเป็นต้นแบบมาตลอด ตอนนี้กำลังบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่มของผู้หญิงที่เขาตั้งใจจะรักและมีสัมพันธ์กันมาตั้งแต่สองเดือนที่ผ่านมา เขาคือแฟนเก่าของเธอ...ซีอีโอของค่ายเพลงคู่แข่งของเขา...เจซี..
“พี่ยูแอล!!...”
แม้จะได้ยินเสียงเรียกของจีเซลและเห็นเขายืนทำหน้าอึ้งนิ่งค้างจากหางตา แต่เธอไม่สามารถผลักคนตรงหน้าให้ปล่อยเธอออกไปได้ทั้งที่ผลักสุดแรงกำลังที่มีแต่เขากลับกอดรัดเอวของเธอแน่นขึ้นมากกว่าเดิมโดยไม่สนใจผู้ที่เข้ามาเยือนเลยด้วยซ้ำ เจซีเห็นว่าจีเซลมองอยู่ เขาก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะปล่อยยูแอลเลยซ้ำยังบดป้อนจูบหนักหน่วงและดูดดื่มมากกว่าเดิมเสียอีก น้ำตาใสไหลลงอาบสองแก้มเนียนของเธออย่างห้ามไม่ได้ ทั้งอึดอัดใจ ทั้งอายและอีกหลายความรู้สึกถาโถมเข้ามา...เธอไม่อยากให้จีเซลเห็นอะไรแบบนี้เลย...ไม่อยากให้เห็นเลยสักนิด...
พรึ่บ!ผัวะ!!!
มือหนาคว้าข้อมือเล็กของยูแอลกระชากมายังด้านหลังของตนก่อนจะปล่อยหมัดหนักๆ เข้าเต็มเบ้าหน้าหล่อของเจซีอย่างสุดแรงจนเจซีหน้าหันไปตามแรงชกและเซเล็กน้อย เจซียกยิ้มขึ้น...เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้แสดงถึงความสะใจแต่เป็นรอยยิ้มที่หงุดหงิดสุดๆ ไม่คิดว่าคนอย่างจีเซลจะกล้าลูบคมคนอย่างเขา
“มึง!!”
ผลั่ก!! ผัวะ!!ผัวะ!!
“หยุด!!หยุดนะ!!ฉันบอกให้หยุด!!!”
ยูแอลพยายามร้องห้ามทั้งสองคนที่แลกหมัดฟัดกันไปมาอย่างเอาเป็นเอาตายไม่มีใครยอมใคร ก่อนจะเข้าไปดึงแขนของจีเซลที่ตอนนี้เขาคร่อมเหนือร่างเจซีและปล่อยหมัดไม่ยั้งด้วยอารมณ์ที่โกรธจัดโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเลยสักคำ จีเซลยอมลุกออกจากเจซีตามแรงดึงของยูแอลแต่ยังไม่วายจ้องมองคนที่ล้มไปกองกับพื้นเขม็งทั้งที่ตัวเองหอบหายใจแรงด้วยความเหนื่อยหลังจากออกหมัดไปหลายหมัดเต็มแรงจนเจซีถึงกับเลือดซิบ ทั้งโหนกแก้มและมุมปากหยักได้รูปนั้นของเขา
“หึๆๆ ...แรงดีใช้ได้นี่ไอ้น้อง”
“ใครน้องมึง!!กูขอเตือน...อย่ามายุ่งกับพี่ยูอีก!! และอย่าทำให้พี่ยูของกูร้องไห้อีก!!”
“ทำไมกูจะยุ่งไม่ได้? ในเมื่อนั่นเมียกู...กูจะทำให้ร้องไห้ หัวเราะ หรือแม้แต่ร้องครางชื่อกูมันก็เรื่องของกู...ผู้หญิงของกู...มึงหรือเปล่าที่อย่าเสือกยุ่ง”
“ไอ้เวร!!”
จีเซลที่เคยเป็นคนสุภาพหายหมดแล้ว ณ วินาทีนี้ ซ้ำยังรุดหน้าจะพุ่งเข้าใส่เจซีอีกครั้งด้วยอารมณ์ที่โกรธมากกว่าเดิม คำพูดของเจซีทำเขาฟีลขาด นั่นคือผู้หญิงที่เขาเฝ้าทะนุถนอมคนที่เขารักและตามหาเฝ้าจีบมาตลอด แต่ต้องมาโดนผู้ชายที่เขาเคยนับถือดูถูกเหมือนกับว่าเธอไม่ได้มีค่าจะทำยังไงกับเธอก็ได้แบบนั้น แต่....
“จีเซล....”
ยูแอลรีบเอาตัวเข้าไปขวางหน้าจีเซลไว้และเอ่ยเรียกชื่อของเขาอย่างแผ่วเบา ดวงตาสวยที่เปื้อนคราบน้ำตาจ้องมองมายังเขาด้วยความรู้สึกเจ็บปวด...นัยน์ตาที่ดูสับสน ใบหน้าสวยที่ดูอึดอัดกับสถานการณ์ตอนนี้อย่างเห็นได้ชัด จีเซลหยุดชะงักตรงหน้าของเธอพร้อมกับจ้องมองเธออย่างไม่เข้าใจ...ก่อนที่ความไม่เข้าใจนั้นหายไปเมื่อเธอค่อยๆ เดินถอยหลังไปหาเจซีอย่างเงียบๆ ทั้งที่ดวงตาสวยยังจ้องมองเขาอยู่....คิ้วเรียวกระตุกขมวดเล็กน้อย มือหนากำหมัดพร้อมสันกรามถูกขบแน่น...คนที่ดูเจ็บปวดมากกว่าเธอก็คือตัวเขาเอง...
“พี่ยูแอล...ทำไม....” จีเซลถามด้วยสายตาที่ดูเจ็บปวดไม่แพ้เธอ แต่เขาก็ยังมีความอ่อนโยนในแววตานั้นเมื่อมองเธอเสมอ...
“มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า? ....เฮ้ย!!ไอ้จีเซล!! ระ...รุ่นพี่....”
“สะ...เอ่อ...สวัสดีครับ”
ไม่ทันที่ยูแอลจะได้ตอบคำถามของจีเซล...ซันชายน์และวินซ์ก็เดินเข้ามาหลังจากที่ได้ยินเสียงเอะอะดังไปถึงข้างนอก มันเป็นจังหวะพอดีกับที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังมาตามหาจีเซลและยูแอลเพราะได้เวลาเริ่มซ้อมแล้ว แต่ก็ต้องช็อกกับสภาพสะบักสะบอมของจีเซลและเจซี ดูยังไงก็ต้องมีเรื่องชกต่อยกันแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นซันชายน์ก็ยังคงเอ่ยสวัสดีอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรหรือพูดอะไรดี สถานการณ์มันน่ากระอักกระอ่วนใจไปหมด ยังไงเจซีก็เป็นคนที่พวกเขานับถือ
“นายกลับไปห้องซ้อมก่อนเถอะ...เดี๋ยว...ฉันตามไป...”
“ผมถามว่าทำไมกันครับพี่ยูแอล…พี่ทำแบบนี้หมายความว่าไงครับ? ...แล้วที่เราคุยกัน....”
“ไอ้จีเซล ไปกันก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกันทีหลัง”
ซันชายน์พูดพร้อมกับทั้งลากทั้งดึงจีเซลที่ยังคงรั้งตัวเองไว้มองยูแอลอย่างต้องการคำตอบ แต่ยูแอลกลับเบือนหน้าเศร้าๆ นั้นหันไปมองทางอื่นโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำและยังคงยืนนิ่งให้เจซีที่หยัดตัวลุกขึ้นมาโอบไหล่เธออยู่อย่างนั้นต่อหน้าต่อตาจีเซล วินซ์เห็นอย่างนั้นจึงช่วยซันชายน์ลากเพื่อนของตนออกจากตรงนั้นทันที
“เลือกถูกแล้วค่ะที่รัก...ยังไงเธอก็หนีฉันไม่พ้น”
เจซีพูดขึ้นพร้อมยกยิ้มอย่างพอใจหลังจากที่ทั้งสามคนออกจากตรงนั้นไปเรียบร้อยแล้ว ยูแอลปัดมือหนาที่โอบไหล่ของเธออย่างไม่ไยดีก่อนจะหันไปมองเจซีด้วยแววตาที่ดูเจ็บปวดและโกรธเคืองเขา ...ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้ไปได้...ทำไมเขาถึงได้พูดไม่ให้เกียรติเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า...และทำไมเขาถึงไม่ยอมสำนึกได้เสียที...แววตานั้นของเธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เข้าใจเขาเลยสักนิดว่าเขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่ ทั้งที่เลิกกันไปแล้ว...เธอก็เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ของเขาแต่ทำไมเขาไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ และยังคงตามรังควานไม่เลิก ตามสืบตลอด6เดือนที่เลิกกันมา ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้แค่ไม่อยากสนใจ
“ฉันรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่...ขอโทษได้ไหมคะ?”
“อย่าเข้าใจผิด...ฉันไม่ได้เลือกพี่”
“.........”
“ที่ฉันทำแบบนั้นก็เพื่อจีเซล...ไม่อยากให้พี่ยุ่งกับเขา”
“เฮอะ...เธอรักมันเหรอ?”
เจซีพูดก่อนจะเอาลิ้นดุนข้างแก้มบ่งบอกว่าเขาไม่พอใจอย่างหนัก ดวงตาคมหันกลับมามองเธออย่างแข็งกร้าว แม้ยูแอลจะไม่ได้ตอบแต่เขาก็พอจะรับรู้ได้ว่าเธอเริ่มเอนเอียงไปทางจีเซลมากพอสมควร ไม่อย่างนั้นคนอย่างยูแอลจะไม่มีทางทำเพื่อจีเซลขนาดนั้นโดยการที่ยอมให้คนอื่นเข้าใจเธอผิด เพื่อนของจีเซลอาจจะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงร่านรักที่ไม่รู้จักพอ จับปลาสองมือทั้งเขาและจีเซลแต่...ยูแอลกลับไม่สนใจ เธอดันสนใจแค่ว่าไม่ให้เจซียุ่งกับจีเซล...หรือง่ายๆ ...ไม่ให้เจซีทำลายชื่อเสียงของจีเซลด้วยอิทธิพลที่มี... แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังลืมเขาที่คบกันมานานถึง10ปีไม่ได้...
“ระหว่างฉันกับมัน...เธอรักใครมากกว่ากัน”
“..........”
เป็นคำถามที่ทำเอายูแอลถึงกับสะอึก ครั้นจะเค้นให้เธอตอบตอนนี้คงพูดไม่ได้...กับจีเซลเธอก็พึ่งเริ่มความสัมพันธ์นอกเหนือจากคู่นอนมันจึงยากที่จะตัดสินใจในตอนนี้ ยูแอลทำได้แต่เงียบแล้วเบือนหน้าหนีตามเคย เจซีเห็นอย่างนั้นก็ยกยิ้มอย่างได้ใจ...เพียงเท่านี้เขาก็พอรับรู้ได้แล้วว่ายูแอลยังลังเลและแน่นอนว่ายังมีเขาอยู่ในใจอยู่มากพอสมควร...จะลืมได้ยังไงล่ะ...ก็เขาเป็นรักแรก เป็นคนแรกของเธอนี่...
“แค่นี้ฉันก็รู้แล้วล่ะแอล”
“อะไรที่พี่คิด...มันไม่ใช่เสมอไป...”
“แล้วยังไงล่ะ? ในเมื่อใจเธอเองยังตอบคำถามฉันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
เจซีพูดพร้อมกับย่างเท้าเข้าไปใกล้ๆ มือหนาเอื้อมขึ้นลูบไรผมหญิงสาวตรงหน้าอย่างเบามือด้วยรอยยิ้มบางๆ สายตาจ้องมองเธออย่างนึกหลงใหล...ตอนนี้เขาอยากจะจัดการเธอให้อยู่ใต้อาณัติของเขาดังเดิมเสียจริงๆ ...แต่ยูแอลกลับเอี้ยวตัวหลบมือนั้นของเขาและกระแอมเบาๆ เหมือนเตือนสติชายตรงหน้า สายตาของเขามันบ่งบอกชัดเก็บไม่มิดว่าเขาต้องการอะไรจากเธอ
“ไม่ทราบว่าพี่มาที่นี่ทำไม?”
“มา...คุยงานนิดหน่อย”
“กับบริษัทคู่แข่งเนี่ยนะ?”
“หืม? สนใจเรื่องของฉันด้วยเหรอ?”
“เปล่า...ถ้ามีธุระก็ไปเถอะค่ะ ฉันต้องไปซ้อม”
ยูแอลพูดพร้อมกับเดินไปทางประตูทันทีโดยไม่รอให้เขาได้เอ่ยคำร่ำลาใดๆ เจซีเองก็ยอมปล่อยเธอไปแต่โดยดีเพราะตัวเขาก็ต้องไปจัดการเรื่องที่เขาเข้ามาที่นี่ มาที่ค่ายเพลงคู่แข่งในวันนี้ ก่อนที่ยูแอลจะเดินลับตาไปเขาก็ได้เอ่ยขึ้นมาพอให้เธอได้ยิน
“แล้วเจอกันครับที่รัก...”
ยูแอลเพียงแค่ชำเลืองมองเขาด้วยหางตาอย่างนึกสงสัย ถ้าเป็นไปได้เธอไม่อยากที่จะเจอเขาอีกครั้งแน่นอน...แต่การที่เขาพูดแบบนั้น...คนอย่างเจซีพูดก็ต้องเป็นไปตามนั้นด้วยนิสัยที่อยากได้อะไรต้องได้ของเขา ยูแอลสะบัดความคิดของตัวเอง พยายามไม่คิดไปก่อนแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องซ้อมพร้อมขอโทษเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ...แน่นอนว่าสายตาของจีเซล วินซ์และซันชายน์มองเธอเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่เลือกที่จะไม่พูด เพราะมันคือเวลางาน...
การซ้อมดำเนินไปอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง แม้ยูแอลจะพยายามมองที่กระจกและตั้งใจซ้อมแค่ไหนแต่ก็ต้องสบตากับจีเซลผ่านกระจกทุกครั้ง หรือไม่ก็จีเซลตั้งใจหันมองเธอโดยที่เธอมองเห็นสายตาของเขาผ่านกระจกบานใหญ่นั้น และแน่นอนว่าคนอื่นๆ ก็เห็นเหมือนกันว่าจีเซลไม่ค่อยมีสมาธิซ้อมเท่าไหร่นัก“ผิดแล้ว!จีเซล!นายตั้งใจซ้อมหน่อยสิวะ!” ซันชายน์อดที่จะหันไปดุเพื่อนรุ่นน้องร่วมวงของเขาไม่ได้ ในขณะที่เขาสอนท่าเต้นอยู่แต่จีเซลกลับไม่ได้สนใจมองที่เขาสอนจนเต้นผิดไปหมด จีเซลเองก็ยืนหน้าสลดหลังจากโดนเพื่อนร่วมวงว่า...เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่มีสมาธิเลยจริงนั่นแหละ“ขอโทษครับ...”“เอาล่ะๆ พักสักหน่อยเถอะ”ดีนเลือกที่จะตัดบท ถึงคนอื่นๆ ในวงจะไม่รู้ว่าจีเซลไปมีเรื่องอะไรมา แต่พวกเขาก็เลือกที่จะให้พักซ้อมเผื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้น เมื่อได้ยินอย่างนั้นคนอื่นๆ ก็ต่างพากันไปดื่มน้ำนั่งพัก ยูแอลเองก็ถูกซาซ่าและเกรซลากออกไปยังมุมห้องซ้อมเหมือนกัน“ยัยแอล!เกิดอะไรขึ้น? คนที่มาหาแกคือซีอีโอใช่ไหม?&rdq
“แล้วให้เริ่มงานวันไหนดีครับคุณเจซี?”“วันนี้ทีมเลิกซ้อมห้าโมงเย็นใช่ไหมครับ? เริ่มหนึ่งทุ่มวันนี้เลยครับ”เจซีตอบแจ็คกี้อย่างยิ้มแย้มแต่สายตากับไม่ได้อยู่ที่คู่สนทนาด้วยเสียเท่าไหร่ เขากลับเอาแต่มองไปทางยูแอลไม่วางตา และเธอเองก็จ้องมองเขากลับด้วยสายตาบ่งบอกว่าไม่อยากคิดว่าเขาจะทำแบบนี้ เธอเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าที่เขาทำไปทั้งหมดเป็นเพราะเธอ...อาจจะเป็นแค่เกมที่เขาอยากจะเอาชนะชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น...ทุกอย่างมันดูกะทันหันไปหมด ยูแอลอดไม่ได้ที่จะหันไปมองจีเซลผู้ที่นัดเธอไว้ก่อนแล้ว ซึ่งตอนนี้สายตาของจีเซลมองไปยังเจซีอย่างไม่เป็นมิตร แล้วเขาจะพูดแย้งอะไรได้ล่ะ...เวลาที่ยูแอลไม่อยากให้มาถึง...มันก็ได้มาถึง...ยูแอลมองนาฬิกาที่อยู่เหนือกระจกบานใหญ่ด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใบหน้าสวยดูเรียบนิ่งไร้อารมณ์ก็จริง แต่แววตาของเธอกลับดูเศร้าซึมเหมือนครั้งแรกที่จีเซลได้พบเธอ ไม่ได้มีแค่จีเซลที่มองไปทางยูแอล สมาชิกวงบียอนด์ต่างก็มองไปทางเธอทุกคน...ตั้งแต่ที่พวกเขายังไม่มีชื่อเสียงพวกเขาก็ได้ยินข่าวของรุ่นพี่อย่างเจซีอยู่บ้าง ทุกคนรู้ดีว
เป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้วจึงเห็นใจ...หรือว่ารู้สึกสงสารหลังจากที่เห็นแววตาเศร้าผ่านนัยน์ตาคมของเขา...หรือว่าเป็นเพราะยังรักและห่วงเขากันแน่ ถึงได้พาตัวเองมาอยู่ข้างๆ เขาตามที่เขาร้องขอในตอนนี้ ทั้งที่ความจริงเธอจะกลับเลยก็ได้ จะปฏิเสธก็ได้...ทำไมถึงไม่ทำ...ยูแอลนั่งอยู่ในสตูดิโอส่วนตัวของเจซีในตึกสูงที่ประดับป้ายหน้าตึกว่า JC Entertainment บรรยากาศที่เจซีพยายามสร้างขึ้นเหมือนเมื่อก่อนที่พวกเขาเคยรักกัน...แต่ยูแอลกลับไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิม ในตอนนี้เธอกลับไร้ความรู้สึกใดๆ เพียงแค่ต้องการจะอยู่เป็นเพื่อนให้เขาดีขึ้นจากความรู้สึกแย่ๆ เท่านั้น ภายในใจของเธอตอนนี้กลับคิดถึงจีเซลเสียมากกว่า เธอก้มมองโทรศัพท์ของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าแต่...ก็ไม่เห็นสายเรียกเข้าหรือข้อความใดๆ ส่งมาเลย...เขายังไม่เลิกงานหรือเปล่านะ...“หนูลองมาฟังเพลงที่พี่แต่งสิ เพลงนี้พี่ตั้งใจจะแต่งขึ้นโชว์เลยนะ...หนูว่าดีไหม?”เจซีหันมาพูดกับยูแอลที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างๆ ยูแอลหันไปทางเขาเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ เป็นการบอกว่าเธอจะฟ
ค่ำคืนที่แสนอบอุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ร่างสูงเดินถือดอกกุหลาบสีขาวเดินไปหยุดตรงหน้าบ้านหลังหนึ่งด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าหล่อคมเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างชั้นสองที่ยังคงเปิดไฟสว่างไสวอยู่ เขาก้มลงดอมดมดอกกุหลายที่ตั้งใจซื้อมาก่อนจะเงยหน้ามองตรงไปยังหน้าต่างบานเดิมอีกครั้ง“ยูแอล!”โฮ่งๆ โฮ่งๆ ...ในขณะที่เสียงทุ้มเรียกชื่อแฟนสาวของเขา น้องหมาน่าตาน่ารักก็ยังคอยส่งเสียงเห่าช่วยราวกับว่าคุ้นชินกับเขามานาน หรืออาจจะเป็นเพราะเขามาที่นี่บ่อยๆ ไม่นานนักผ้าม่านของหน้าต่างบานนั้นก็เปิดออกพร้อมกับชะโงกหน้าลงไปมองคนที่มายืนเรียกชื่อตน ก่อนใบหน้าสวยจะยิ้มร่าออกมาและรีบวิ่งลงมาจากชั้นสองเพื่อมาหาคนที่ยืนรอเธออยู่หน้าบ้านอย่างดีใจทั้งสองยืนอยู่ไม่ไกลกันนักมีเพียงรั้วไม้ระดับเอวกั้นเอาไว้ ชายหนุ่มในชุดเสื้อกล้ามสีขาวใส่เสื้อฮู้ดแขนยาวตัวใหญ่สีเทาคลุม กางเกงวอร์มสีเทาเข้ากับเสื้อนอกของเขา ชายหนุ่มยื่นดอกกุหลาบในมือให้เธอด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม...มันเป็นรอยยิ้มที่มองแล้วดูอบอุ่นใจและดูมีเสน่ห์ สายตาคมของเขาจ้องมองเธอด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม&nbs
สายตาเฉี่ยวยืนจ้องมองหญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่นานเหมือนต้องมนต์สะกด ไหนจะผิวขาวเนียนที่ต่างจากคนปกติธรรมดาในชุดสายเดี่ยวนั่นอีก มองดูก็รู้ว่าเธอเป็นคนที่ดูแลตัวเองและเขาก็คิดว่าเธออาจจะเป็นดารานักแสดงไม่ก็นักร้องวงใดวงหนึ่งก็ได้ ดูจากใบหน้าสวยที่เงยขึ้นมาปาดน้ำตานั้น...ผู้หญิงอะไรขนาดร้องไห้ยังสวยเลย แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาชื่นชมเธอตอนนี้ มันน่าแปลกที่เห็นเธอร้องไห้เขากลับเศร้าใจตามไปด้วย“ใบหน้าสวยๆ แบบนี้ไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกนะครับ”ชายหนุ่มในเสื้อฮู้ดใส่หมวกเบสบอลปิดบังใบหน้าหล่อๆ อีกทั้งยังใส่แมสทำให้ยูแอลที่เงยหน้าขึ้นมาถึงกับผงะและจ้องมองเขาอย่างระแวง แม้ว่าชายหนุ่มจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอก็ตาม...กลางดึกแบบนี้ใครจะไปคิดดีได้ล่ะ ...เขาอาจจะเป็น...“ผมไม่ใช่โจรหรอกครับ...ผมแค่มาพักผ่อนแล้วบังเอิญผ่านมาได้ยินเสียงคุณ”“...พักผ่อน? ...ตอนกลางคืนน่ะหรือคะ?”เหมือนว่าเขาจะรู้ความคิดของหญิงสาวจึงได้รีบชิงพูดขึ้นก่อน แต่ก็ยังไม่คลายความระแวงของหญิงสาว เธอยั
“จะมาเที่ยวที่นี่ทำไมหนูไม่บอกพี่คะ?”เจซีเดินเข้ามาหายูแอลที่โต๊ะข้างๆ หลังจากที่เธอเดินมาเข้ามาหาเพื่อนๆ ของเธอ ใบหน้าของเขายังคงยิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตีหน้าซื่อจนทำให้ยูแอลที่จ้องมองเขานิ่งนึกระอาที่เขาเป็นแบบนี้ เป็นแบบที่เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็น...โกหกได้อย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่ทำกับเธอแบบนั้นรวมถึงคนที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนของเธอก็เช่นกัน และไหนจะคนทั้งวงของเขาที่ปิดเรื่องนี้มิดราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าโง่ ยูแอลเลื่อนสายตาไปยังโต๊ะที่เจซีพึ่งจากมาก็เห็นว่าคนในวงของเขาอยู่ครบ แต่กลับไม่เห็นเพื่อนสาวคนสนิทที่หักหลังเธอแล้ว“หืม? อะไรหรือคะ? อยากย้ายไปนั่งกับพวกพี่ไหมล่ะ?”“ไม่เป็นไรค่ะ แอลอยากจอยกับเพื่อน”“ไม่ใช่ว่าจะมาแอบเหล่มองผู้ชายคนอื่นใช่ไหมคะ? พี่หวงนะ”ยูแอลได้แต่ทำหน้านิ่งตอบคนที่พูดหยอกล้อเธออย่างเริงร่าไม่รู้สึกรู้สาอะไร แม้แต่ความรู้สึกผิดยังไม่มีนัยน์ตาของเขาเลยสักนิด ยิ่งมองคนตรงหน้าปั้นหน้าโกหกเธอยิ้มแป้นออกมาแบบนั้นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเ
“อื้ม....”ร่างสูงป้อนจูบที่แสนเร่าร้อนบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่ม สองแขนแกร่งกอดรัดร่างเล็กตั้งแต่หน้าประตูห้อง...ลิ้นเล็กไม่ยอมแพ้ยังคงหยอกล้อดูดดึงลิ้นหนาอย่างชำนาญ สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไปมาทั่วห้อง ทุกการย่างก้าวเข้าห้องเสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูกปลดเปลื้องเหวี่ยงไปคนละทิศละทางทั่วพื้น ข้าวของกระจัดกระจายในทุกๆ ที่ที่พวกเขาพักผ่าน ก่อนที่ร่างเล็กจะถูกอุ้มมาวางไว้บนเตียงนุ่มอย่างทะนุถนอมต่างจากการกระทำที่หิวกระหายโดยสิ้นเชิงร่างหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงสวยเข้าทาบทับหญิงสาวร่างเล็กในทันที รูปร่างที่พอดิบพอดีนั้นชวนให้หลงใหลเมื่อได้มอง... เขาป้อนจูบอย่างดูดดื่มให้เธออีกครั้ง และเธอเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้จูบนั้นของเขาเลยสักครั้งผลัดรับผลัดสู้กันอยู่อย่างนั้น สองแขนเรียวเล็กโอบรั้งคอหนาของเขาด้วยอารมณ์ที่คลุกรุ่น กลิ่นแอลกอฮอล์คลุกเคล้าในโพรงปากของทั้งคู่...ทั้งหวานทั้งขม... ก่อนที่ร่างเล็กจะพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างหนาของเขาไว้พร้อมกับพรมจูบไล่ลงไปยังกล้ามหน้าท้องและขบเม้มมันพอหยอกเย้าให้คนร่างหนาสะดุ้ง...ปากรูปกระจับครอบครองตัวตนใหญ่ยักษ์ของเขาทันที“ซี้ดดดดดส์
ในห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงสลัวๆ เล็ดลอดผ่านม่านบานเกร็ดเข้ามาเพียงเล็กน้อย บนโซฟาสีน้ำตาลอ่อนเรียบหรูชายหนุ่มหน้าคมหล่อเหลานั่งเท้าแขนกุมขมับ ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ที่ไรผมไปมา ผมดำขลับถูกเซ็ตอย่างดีไปด้านหลังจนหมดเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเด่นชัด อีกมือถือบุหรี่มวนใหญ่สายตาจ้องมองโต๊ะทำงานของตนอย่างเหม่อลอย“ยังไม่ไปตามเมียกลับมาอีกหรือวะไอ้เจซี...ถ้านั่งทำหน้าเครียดขนาดนี้”“........”“ปากบอกไม่รัก แต่ท่าทีของมึงมันไม่ใช่”ท็อปเปอร์พูดขึ้นกับเพื่อนรักของตนพร้อมกับยกไวน์แบรนด์ตัวเองขึ้นมาจิบ รอบกายรายล้อมด้วยหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยอัวเอียอยู่ข้างกาย เจซีปรายสายตามองท็อปเปอร์นิ่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ของตนเชิดหน้าขึ้นมองเพื่อนหนุ่มของเขาอีกครั้ง“เธอหนีไม่ไหนไม่รอดหรอก...เดี๋ยวก็กลับมา”“นี่มันจะหกเดือนแล้วนะเพื่อน”“.........”“กูว่าคงไม่กลับมาแล้วล่ะ...มึงเล่นทำกับเธอขนาดนั้น”&ldqu
“จะมาเที่ยวที่นี่ทำไมหนูไม่บอกพี่คะ?”เจซีเดินเข้ามาหายูแอลที่โต๊ะข้างๆ หลังจากที่เธอเดินมาเข้ามาหาเพื่อนๆ ของเธอ ใบหน้าของเขายังคงยิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตีหน้าซื่อจนทำให้ยูแอลที่จ้องมองเขานิ่งนึกระอาที่เขาเป็นแบบนี้ เป็นแบบที่เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็น...โกหกได้อย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่ทำกับเธอแบบนั้นรวมถึงคนที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนของเธอก็เช่นกัน และไหนจะคนทั้งวงของเขาที่ปิดเรื่องนี้มิดราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าโง่ ยูแอลเลื่อนสายตาไปยังโต๊ะที่เจซีพึ่งจากมาก็เห็นว่าคนในวงของเขาอยู่ครบ แต่กลับไม่เห็นเพื่อนสาวคนสนิทที่หักหลังเธอแล้ว“หืม? อะไรหรือคะ? อยากย้ายไปนั่งกับพวกพี่ไหมล่ะ?”“ไม่เป็นไรค่ะ แอลอยากจอยกับเพื่อน”“ไม่ใช่ว่าจะมาแอบเหล่มองผู้ชายคนอื่นใช่ไหมคะ? พี่หวงนะ”ยูแอลได้แต่ทำหน้านิ่งตอบคนที่พูดหยอกล้อเธออย่างเริงร่าไม่รู้สึกรู้สาอะไร แม้แต่ความรู้สึกผิดยังไม่มีนัยน์ตาของเขาเลยสักนิด ยิ่งมองคนตรงหน้าปั้นหน้าโกหกเธอยิ้มแป้นออกมาแบบนั้นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเ
สายตาเฉี่ยวยืนจ้องมองหญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่นานเหมือนต้องมนต์สะกด ไหนจะผิวขาวเนียนที่ต่างจากคนปกติธรรมดาในชุดสายเดี่ยวนั่นอีก มองดูก็รู้ว่าเธอเป็นคนที่ดูแลตัวเองและเขาก็คิดว่าเธออาจจะเป็นดารานักแสดงไม่ก็นักร้องวงใดวงหนึ่งก็ได้ ดูจากใบหน้าสวยที่เงยขึ้นมาปาดน้ำตานั้น...ผู้หญิงอะไรขนาดร้องไห้ยังสวยเลย แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาชื่นชมเธอตอนนี้ มันน่าแปลกที่เห็นเธอร้องไห้เขากลับเศร้าใจตามไปด้วย“ใบหน้าสวยๆ แบบนี้ไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกนะครับ”ชายหนุ่มในเสื้อฮู้ดใส่หมวกเบสบอลปิดบังใบหน้าหล่อๆ อีกทั้งยังใส่แมสทำให้ยูแอลที่เงยหน้าขึ้นมาถึงกับผงะและจ้องมองเขาอย่างระแวง แม้ว่าชายหนุ่มจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอก็ตาม...กลางดึกแบบนี้ใครจะไปคิดดีได้ล่ะ ...เขาอาจจะเป็น...“ผมไม่ใช่โจรหรอกครับ...ผมแค่มาพักผ่อนแล้วบังเอิญผ่านมาได้ยินเสียงคุณ”“...พักผ่อน? ...ตอนกลางคืนน่ะหรือคะ?”เหมือนว่าเขาจะรู้ความคิดของหญิงสาวจึงได้รีบชิงพูดขึ้นก่อน แต่ก็ยังไม่คลายความระแวงของหญิงสาว เธอยั
ค่ำคืนที่แสนอบอุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ร่างสูงเดินถือดอกกุหลาบสีขาวเดินไปหยุดตรงหน้าบ้านหลังหนึ่งด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าหล่อคมเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างชั้นสองที่ยังคงเปิดไฟสว่างไสวอยู่ เขาก้มลงดอมดมดอกกุหลายที่ตั้งใจซื้อมาก่อนจะเงยหน้ามองตรงไปยังหน้าต่างบานเดิมอีกครั้ง“ยูแอล!”โฮ่งๆ โฮ่งๆ ...ในขณะที่เสียงทุ้มเรียกชื่อแฟนสาวของเขา น้องหมาน่าตาน่ารักก็ยังคอยส่งเสียงเห่าช่วยราวกับว่าคุ้นชินกับเขามานาน หรืออาจจะเป็นเพราะเขามาที่นี่บ่อยๆ ไม่นานนักผ้าม่านของหน้าต่างบานนั้นก็เปิดออกพร้อมกับชะโงกหน้าลงไปมองคนที่มายืนเรียกชื่อตน ก่อนใบหน้าสวยจะยิ้มร่าออกมาและรีบวิ่งลงมาจากชั้นสองเพื่อมาหาคนที่ยืนรอเธออยู่หน้าบ้านอย่างดีใจทั้งสองยืนอยู่ไม่ไกลกันนักมีเพียงรั้วไม้ระดับเอวกั้นเอาไว้ ชายหนุ่มในชุดเสื้อกล้ามสีขาวใส่เสื้อฮู้ดแขนยาวตัวใหญ่สีเทาคลุม กางเกงวอร์มสีเทาเข้ากับเสื้อนอกของเขา ชายหนุ่มยื่นดอกกุหลาบในมือให้เธอด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม...มันเป็นรอยยิ้มที่มองแล้วดูอบอุ่นใจและดูมีเสน่ห์ สายตาคมของเขาจ้องมองเธอด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม&nbs
เป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้วจึงเห็นใจ...หรือว่ารู้สึกสงสารหลังจากที่เห็นแววตาเศร้าผ่านนัยน์ตาคมของเขา...หรือว่าเป็นเพราะยังรักและห่วงเขากันแน่ ถึงได้พาตัวเองมาอยู่ข้างๆ เขาตามที่เขาร้องขอในตอนนี้ ทั้งที่ความจริงเธอจะกลับเลยก็ได้ จะปฏิเสธก็ได้...ทำไมถึงไม่ทำ...ยูแอลนั่งอยู่ในสตูดิโอส่วนตัวของเจซีในตึกสูงที่ประดับป้ายหน้าตึกว่า JC Entertainment บรรยากาศที่เจซีพยายามสร้างขึ้นเหมือนเมื่อก่อนที่พวกเขาเคยรักกัน...แต่ยูแอลกลับไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิม ในตอนนี้เธอกลับไร้ความรู้สึกใดๆ เพียงแค่ต้องการจะอยู่เป็นเพื่อนให้เขาดีขึ้นจากความรู้สึกแย่ๆ เท่านั้น ภายในใจของเธอตอนนี้กลับคิดถึงจีเซลเสียมากกว่า เธอก้มมองโทรศัพท์ของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าแต่...ก็ไม่เห็นสายเรียกเข้าหรือข้อความใดๆ ส่งมาเลย...เขายังไม่เลิกงานหรือเปล่านะ...“หนูลองมาฟังเพลงที่พี่แต่งสิ เพลงนี้พี่ตั้งใจจะแต่งขึ้นโชว์เลยนะ...หนูว่าดีไหม?”เจซีหันมาพูดกับยูแอลที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างๆ ยูแอลหันไปทางเขาเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ เป็นการบอกว่าเธอจะฟ
“แล้วให้เริ่มงานวันไหนดีครับคุณเจซี?”“วันนี้ทีมเลิกซ้อมห้าโมงเย็นใช่ไหมครับ? เริ่มหนึ่งทุ่มวันนี้เลยครับ”เจซีตอบแจ็คกี้อย่างยิ้มแย้มแต่สายตากับไม่ได้อยู่ที่คู่สนทนาด้วยเสียเท่าไหร่ เขากลับเอาแต่มองไปทางยูแอลไม่วางตา และเธอเองก็จ้องมองเขากลับด้วยสายตาบ่งบอกว่าไม่อยากคิดว่าเขาจะทำแบบนี้ เธอเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าที่เขาทำไปทั้งหมดเป็นเพราะเธอ...อาจจะเป็นแค่เกมที่เขาอยากจะเอาชนะชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น...ทุกอย่างมันดูกะทันหันไปหมด ยูแอลอดไม่ได้ที่จะหันไปมองจีเซลผู้ที่นัดเธอไว้ก่อนแล้ว ซึ่งตอนนี้สายตาของจีเซลมองไปยังเจซีอย่างไม่เป็นมิตร แล้วเขาจะพูดแย้งอะไรได้ล่ะ...เวลาที่ยูแอลไม่อยากให้มาถึง...มันก็ได้มาถึง...ยูแอลมองนาฬิกาที่อยู่เหนือกระจกบานใหญ่ด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใบหน้าสวยดูเรียบนิ่งไร้อารมณ์ก็จริง แต่แววตาของเธอกลับดูเศร้าซึมเหมือนครั้งแรกที่จีเซลได้พบเธอ ไม่ได้มีแค่จีเซลที่มองไปทางยูแอล สมาชิกวงบียอนด์ต่างก็มองไปทางเธอทุกคน...ตั้งแต่ที่พวกเขายังไม่มีชื่อเสียงพวกเขาก็ได้ยินข่าวของรุ่นพี่อย่างเจซีอยู่บ้าง ทุกคนรู้ดีว
การซ้อมดำเนินไปอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง แม้ยูแอลจะพยายามมองที่กระจกและตั้งใจซ้อมแค่ไหนแต่ก็ต้องสบตากับจีเซลผ่านกระจกทุกครั้ง หรือไม่ก็จีเซลตั้งใจหันมองเธอโดยที่เธอมองเห็นสายตาของเขาผ่านกระจกบานใหญ่นั้น และแน่นอนว่าคนอื่นๆ ก็เห็นเหมือนกันว่าจีเซลไม่ค่อยมีสมาธิซ้อมเท่าไหร่นัก“ผิดแล้ว!จีเซล!นายตั้งใจซ้อมหน่อยสิวะ!” ซันชายน์อดที่จะหันไปดุเพื่อนรุ่นน้องร่วมวงของเขาไม่ได้ ในขณะที่เขาสอนท่าเต้นอยู่แต่จีเซลกลับไม่ได้สนใจมองที่เขาสอนจนเต้นผิดไปหมด จีเซลเองก็ยืนหน้าสลดหลังจากโดนเพื่อนร่วมวงว่า...เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่มีสมาธิเลยจริงนั่นแหละ“ขอโทษครับ...”“เอาล่ะๆ พักสักหน่อยเถอะ”ดีนเลือกที่จะตัดบท ถึงคนอื่นๆ ในวงจะไม่รู้ว่าจีเซลไปมีเรื่องอะไรมา แต่พวกเขาก็เลือกที่จะให้พักซ้อมเผื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้น เมื่อได้ยินอย่างนั้นคนอื่นๆ ก็ต่างพากันไปดื่มน้ำนั่งพัก ยูแอลเองก็ถูกซาซ่าและเกรซลากออกไปยังมุมห้องซ้อมเหมือนกัน“ยัยแอล!เกิดอะไรขึ้น? คนที่มาหาแกคือซีอีโอใช่ไหม?&rdq
“โผล่มาได้แล้วเหรอครับไอ้หน้าหล่อ”หนึ่งในสมาชิกของวงเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นจีเซลเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูอารมณ์ดีมากผิดจากปกติ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจเพราะช่วงสองเดือนมานี้ ตั้งแต่ที่รับนักเต้นอิสระกลุ่มหนึ่งเข้ามาพวกเขาก็พอจะรู้เรื่องจีเซลที่ตามขายขนมจีบให้แดนเซอร์คนสวยคนดังอยู่ ขนาดพวกเขาเองตอนที่เห็นเธอครั้งแรกยังคิดว่าเป็นไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปเลยด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าแฟนเก่าของรุ่นพี่ในวงการบันเทิงที่พวกเขาชื่นชอบจะสวยขนาดนี้ สวยกว่าในรูปเป็นไหนๆ แต่เพราะว่าจีเซลออกตัวแรงตั้งแต่วันแรกคนอื่นๆ ในวงจึงไม่ได้ยุ่งกับเธอคนนั้นเลย ถือว่าเพื่อนของเขาจองแล้วกัน...อีกอย่างพวกเขาไม่ชอบที่จะมีปัญหากันเองในวงด้วย“พูดเหมือนมึงไม่หล่อเนอะไอ้ชาย” จีเซลหันไปตอบกลับกวนๆ“ผมชื่อซันชายน์ครับไอ้จีเซล ขอร้องเถอะ...เรียกเต็มๆ ชื่ออ่ะ อีกอย่างกูพี่มึงนะ”ซันชายน์พูดตอบพร้อมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่เพื่อนของเขาชอบเรียกว่าไอ้ชาย (น์) มันดูเก่าแก่เข้มขลังเหมือนอยู่ในยุค80ยังไงอย่างนั้น เพื่อนคนอื่นๆ ต่างหัวเราะก
ในห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงสลัวๆ เล็ดลอดผ่านม่านบานเกร็ดเข้ามาเพียงเล็กน้อย บนโซฟาสีน้ำตาลอ่อนเรียบหรูชายหนุ่มหน้าคมหล่อเหลานั่งเท้าแขนกุมขมับ ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ที่ไรผมไปมา ผมดำขลับถูกเซ็ตอย่างดีไปด้านหลังจนหมดเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเด่นชัด อีกมือถือบุหรี่มวนใหญ่สายตาจ้องมองโต๊ะทำงานของตนอย่างเหม่อลอย“ยังไม่ไปตามเมียกลับมาอีกหรือวะไอ้เจซี...ถ้านั่งทำหน้าเครียดขนาดนี้”“........”“ปากบอกไม่รัก แต่ท่าทีของมึงมันไม่ใช่”ท็อปเปอร์พูดขึ้นกับเพื่อนรักของตนพร้อมกับยกไวน์แบรนด์ตัวเองขึ้นมาจิบ รอบกายรายล้อมด้วยหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยอัวเอียอยู่ข้างกาย เจซีปรายสายตามองท็อปเปอร์นิ่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ของตนเชิดหน้าขึ้นมองเพื่อนหนุ่มของเขาอีกครั้ง“เธอหนีไม่ไหนไม่รอดหรอก...เดี๋ยวก็กลับมา”“นี่มันจะหกเดือนแล้วนะเพื่อน”“.........”“กูว่าคงไม่กลับมาแล้วล่ะ...มึงเล่นทำกับเธอขนาดนั้น”&ldqu
“อื้ม....”ร่างสูงป้อนจูบที่แสนเร่าร้อนบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่ม สองแขนแกร่งกอดรัดร่างเล็กตั้งแต่หน้าประตูห้อง...ลิ้นเล็กไม่ยอมแพ้ยังคงหยอกล้อดูดดึงลิ้นหนาอย่างชำนาญ สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไปมาทั่วห้อง ทุกการย่างก้าวเข้าห้องเสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูกปลดเปลื้องเหวี่ยงไปคนละทิศละทางทั่วพื้น ข้าวของกระจัดกระจายในทุกๆ ที่ที่พวกเขาพักผ่าน ก่อนที่ร่างเล็กจะถูกอุ้มมาวางไว้บนเตียงนุ่มอย่างทะนุถนอมต่างจากการกระทำที่หิวกระหายโดยสิ้นเชิงร่างหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงสวยเข้าทาบทับหญิงสาวร่างเล็กในทันที รูปร่างที่พอดิบพอดีนั้นชวนให้หลงใหลเมื่อได้มอง... เขาป้อนจูบอย่างดูดดื่มให้เธออีกครั้ง และเธอเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้จูบนั้นของเขาเลยสักครั้งผลัดรับผลัดสู้กันอยู่อย่างนั้น สองแขนเรียวเล็กโอบรั้งคอหนาของเขาด้วยอารมณ์ที่คลุกรุ่น กลิ่นแอลกอฮอล์คลุกเคล้าในโพรงปากของทั้งคู่...ทั้งหวานทั้งขม... ก่อนที่ร่างเล็กจะพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างหนาของเขาไว้พร้อมกับพรมจูบไล่ลงไปยังกล้ามหน้าท้องและขบเม้มมันพอหยอกเย้าให้คนร่างหนาสะดุ้ง...ปากรูปกระจับครอบครองตัวตนใหญ่ยักษ์ของเขาทันที“ซี้ดดดดดส์