ค่อนข้างจะเป็นความฟุ้งซ่านที่เขาไม่เคยคิดว่าตนต้องประสบมาก่อน การหมกมุ่นอยู่แต่กับงานของตระกูล ทำให้บางเรื่องที่ควรรู้จักมาตั้งนานแล้วกลับไม่รู้เลย อดีตมาเฟียพึ่งจะมีความรักครั้งแรกและไม่รู้ว่าต้องจัดการปัญหาเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อย่างไรดี
"จะไปทำงานอีกแล้วเหรอ" "วันนี้แค่จะไปดูลาดเลา" "ไม่ใช่งานอันตรายใช่ไหม" "ไม่อันตรายหรอก ช่วงนี้ไม่ได้ทำภารกิจอะไร" จางจื่อเสวียนโล่งใจขึ้นมากแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี แอบอยากหยิกตัวเองที่เคยคิดว่าก่อนหน้านี้นางไปทำงานที่หอคณิกา คิดสภาพดูแล้วใครจะกล้าแตะต้องนางได้ ไม่พ้นโดนทุบจนสลบตั้งแต่เอื้อมมือไป หลังจากจัดการเรื่องในบ้านเสร็จ หม่าเยี่ยนถิงก็ได้โลดแล่นไปตามเงาไม้ยามค่ำคืน ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ้านร้างหลังเดิมที่นางเคยผ่าน ตอนนี้มีเวรยามมาคอยดูแลวันละ สองคนผลัดเปลี่ยนกัน มีการจุดคบเพลิงไว้รอบ ๆ ให้แสงสว่าง ตรงหน้าถนนมีป้ายปักเอาไว้ว่าอยู่ระหว่างการประเมินราคา หม่าเยี่ยนถิงผิวปากด้วยความพอใจขึ้นมา ดูเหมือนว่าชะตาจะเป็นใจให้นางอยู่บ้าง นางข้ามกำแพงเข้าไปในเมือง"แค่ไปทำงานเท่านั้น สามวันก็กลับแล้ว" หม่าเยี่ยนถิงยกชายแขนเสื้อเช็ดน้ำหูน้ำตาให้ลูกสาว แล้วเอ่ยปลอบโยนอย่างหนักใจนางไม่คุ้นชินกับกการปลอบเด็กน้อยร้องไห้จริง ๆ"สามวันเชียว" จางจื่อเสวียนทำสายตาตัดพ้อ"ถ้าไม่มีเหตุอะไรก็คงกลับได้ในสามวัน""เหตุที่ว่าคืออะไร""ข้าอาจไม่สบายต้องพักอยู่ที่เมืองนั้นก่อน หรือข้าอาจบาดเจ็บต้องพักอยู่ที่เมืองนั้นก่อน เส้นทางมีปัญหาข้าก็ต้องพักอยู่ที่เมืองนั้นก่อน" หม่าเยี่ยนถิงเอ่ยบอกเพราะเรื่องฉุกเฉินเป็นอะไรที่ไม่สามารถคาดเดาได้นางจึงบอกเวลาเผื่อไว้ พวกเขาจะได้ไม่กระวนกระวายมากเกินไปบางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าสตรีผู้นี้ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก รวมถึงสายตาแข็งกร้าวนั้นก็ด้วย เขากลืนน้ำลายอึกหนึ่ง นอกจากยักษ์มารก็คงไม่มีใครเอานางลงแล้วท่านแม่ที่แข็งแกร่ง นับถือๆ"ข้าจะดูแลเด็ก ๆ ให้เอง เจ้าไปอย่างสบายใจเถอะ""ข้าไว้ใจท่าน จึงได้ฝากฝังลูกๆ" "ถ้าข้าทำอะไรพลาดพลั้งไป ฆ่าข้าได้เลย" หม่าเยี่ยนถิงยิ้มมุมปาก ตอบเสียงเรียบนิ่งว่า"ต้องเป็นแบบน
"ลวดหรือ?"ขึ้นมาเป็นหัวหน้าได้ก็คงไม่โง่เท่าลูกน้อง หม่าเยี่ยนถิงปาเข็มขนาดเล็กจิ๋วใส่อีกฝ่ายทันทีที่สังเกตเห็นอาวุธของนาง หัวหน้าโจรยังไม่ทันได้พูดอะไรก็สลบไปต่อหน้าต่อตา พวกลูกน้องลิ่วล้อตกใจมากจะรีบเข้าไปหานาย แต่ก็ถูกของมีคมที่มองไม่เห็นบาดเนื้อตัวจนเลือดไหลกันเป็นแถว"บอกครั้งที่สามแล้วก็ยังไม่ฟัง น่ารำคาญจริงๆ"หม่าเยี่ยนถิงสาวลวดดึงมีดกลับมาอยู่ในมือ สภาพแบบนี้พวกมันคงต่อสู้ไม่ไหวแล้ว"รีบไปกันต่อเถอะเดี๋ยวจะมืดเสียก่อน"เมื่อไม่ต้องออกแรงเกินจำเป็น สองกลุ่มจากสำนักคุ้มภัยก็รีบเออออตามแล้วเดินทางต่อทันที กลุ่มโจรที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ที่นางทาปลายเข็มขว้างไปเป็นยาสลบชนิดรุนแรง หัวหน้าโจรนั่นคงหลับไปอีกราว ๆ หนึ่งวันกว่าจะฟื้น แต่ถ้าเป็นผู้มีวิชาหน่อยคงได้สักครึ่งวันหม่าเยี่ยนถิงยังไม่เคยปะทะกับผู้มีวิชาตรง ๆ แต่คาดคะเนจากคนหลากหลายที่ได้พบที่สำนักคุ้มภัยแล้ว คาดว่าทางฝ่ายนั้นไม่ได้ใช้วิชาเต็มร้อย หรือปิดบังไว้อยู่ก็คงพอสู้ได้สูสีซึ่งนางก็หวังว่า คงไม่มีวันที่ตัวเองต้องท
หม่าเยี่ยนถิงกระชับมีดสั้นในมือแน่น มือถือกำคบเพลิง ตั้งท่าพร้อมสู้แล้วค่อยๆ ก้าวเข้าไปด้านใน หากโต๊ะอาหารของมันอยู่ปากถ้ำ ที่นอนของมันคงไม่ไกลจากตรงนั้นมากนัก นางเดินเข้ามาลึกพอสมควรก็ยังไม่รู้สึกถึงตัวตนอื่นนอกจากตัวเอง คาดว่ามันคงออกไปหามื้อต่อไปอยู่ เศษใบไม้แห้งและฟางหญ้ากองสุมกันอยู่มุมหนึ่งของทางเดิน ที่นี่คงเป็นส่วนรังจริง ๆ ไม่ผิดแน่ มันไม่อยู่ที่นี่ หม่าเยี่ยนถิงหายใจสะดุด รู้สึกว่ามือตัวเองเย็นเฉียบ ลึกเข้ามาอีกหลายสิบเก้าก็ไม่พบรอยเท้าและสัญลักษณ์ที่พวกสัตว์มักจะทำไว้เพื่อบ่งบอกอาณาเขต มันคงไม่เข้ามาถึงในนี้ หม่าเยี่ยนถิงหายใจทั่วท้องขึ้น นางเริ่มออกวิ่งไปด้านใน แล้วก็พบเครื่องมือขุดเจาะขึ้นสนิมที่ถูกทิ้งไว้ ใกล้กันนั้นก็มีซากโครงกระดูกมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์ ที่ว่าเป็นเหมืองแร่แห่งใหม่อาจไม่จริง คงมีคนเคยลอบเข้ามาขุดก่อนถูกนักสำรวจเจอแล้ว แต่ก็ถูกสัตว์อสูรบางตัวเล่นงาน ไม่เช่นนั้นก็เป็นการขัดผลประโยชน์กันเองของกลุ่มคนที่เข้ามา หม่าเยี่ยนถิงไม่สนใจอดีตมนุษย์พวกนั้น นางเห็นแสงสีน้ำเงินเป็นประกายวาววับในมุมมือหลายแห่ง เร
หม่าเยี่ยนถิงตกลงทันที และอันที่จริงนางไม่ได้ไม่พอใจราคาที่เสนอมาก่อนหน้า แค่อยากทวนดูให้แน่ใจว่าไม่ได้ฟังผิด แต่เหมือนอีกฝ่ายจะคิดว่านางไม่พอใจจึงเสนอเพิ่ม ทั้งที่ตัวเลขเดิมก็มากจนชวนตะลึงอยู่แล้ว นางไม่ลังเลที่จะคว้าเงินก้อนนั้นไว้หม่าเยี่ยนถิงให้เขาเปลี่ยนเป็นตั๋วเงินให้ทั้งหมดแทน หากถือเงินเป็นถุงขนาดนั้นเดินไปมา ก็เหมือนเรียกความซวยเข้าหาตัวหลังทำสัญญาซื้อขายและรับเงินมาเรียบร้อยหม่าเยี่ยนถิงก็กลับไปที่สำนักคุ้มภัยของเมืองเพื่อขอรับภารกิจ โชคดีที่บังเอิญมีคนต้องการผู้คุ้มกัน บัณฑิตหนุ่มต้องการกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ ไม่นึกว่าจากบ้านไปหลายปี กลับมาอีกทีเส้นทางผ่านก็กลายเป็นรังโจรไปเสียได้มีไม่น้อยที่ผู้ว่าจ้างรวมกลุ่มกันเพื่อลดค่าใช้จ่าย และจ้างวานคนเพื่อไปเป็นกลุ่มในงานที่ต้องเน้นจำนวนคนและปลายทางเดียวกัน ขากลับนี้หม่าเยี่ยนถิงจึงได้ร่วมงานกับคนกลุ่มเดิมเหมือนตอนขามา นอกจากบัณฑิตผู้นั้นก็มีพ่อค้าผ้าไหมร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วยเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาไม่มากกว่าที่บอกไป และไม่เจอโจรภูเขากลุ่มเดิมระหว่างทางจึงไร้อุปสรรค ไม่รู้
"ท่านแม่ เรากินเนื้อพวกนี้ได้จริง ๆ หรือขอรับ" เมื่อมานั่งโต๊ะจื่อเหวินยังไม่กล้าแตะอาหารสักอย่าง วันนี้มีเนื้อในมื้ออาหารเต็มไปหมดทั้งปกตินานวันจึงจะได้กินสักทีไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ความที่ว่าบ้านตัวเองยากจน ถึงจะอายุเท่านั้นเขาก็ช่างสังเกตและรู้อะไรหลายอย่างมากกว่าเด็กวัยเดียว รวมถึงรู้มากกว่าน้องสาวฝาแฝดด้วย พอถ้วยน้ำแกงวางลงน้องสาวผู้นั้นก็ตักกินไม่ฟังคำใคร"กินได้สิ หลังจากนี้ก็จะได้กินอีกบ่อยๆ ด้วย" หม่าเยี่ยนถิงกล่าวแล้วตักเนื้อใส่ชามของลูกชายคนโต มองก็อ่านออกว่าคิดอะไรอยู่ในใจเพียงมารดายิ้มให้ จื่อเหวินก็เชื่อโดยปราศจากความสงสัย เขาคีบเนื้อเข้าปาก ติดนิสัยละเลียดทีละคำด้วยความเสียดาย หากวันนั้นไม่ได้กินอีก หม่าเยี่ยนถิงมองแล้วก็เวทนานัก นางต้องขยันทำงานเยอะ ๆ แล้วนึกถึงแร่แซฟไฟร์ที่ได้มา หม่าเยี่ยนถิงก็เป็นห่วงคนที่จะไปสำรวจอยู่ว่าจะรับมือเจ้าสัตว์อสูรตัวนั้นไหวไหม อย่างดีที่สุดและไม่มีใครตายก็ต้องบังคับให้มันย้ายถิ่น อย่างเลวร้ายก็ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่หายใจซึ่งก็ไม่ควรต้องเป็นแบบนั้น เสือตัวนั้นต้
"มีธุระอะไรที่เมืองข้าง ๆ นั่นบ่อยนักหรือ?"จางจื่อเสวียนพิงประตูมองนางที่กำลังมัดปลอกแขนให้แน่น สุดท้ายเมื่อวานนี้ก็ไม่ได้ไป นั่งมัวแต่ใช้เวลาอยู่กับลูก ๆ ด้วยความคิดถึงจึงเลื่อนมาเป็นวันนี้แทนเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนไหวนางจึงไม่ได้สวมชุดลำลองปล่อยแขนอย่างปกติ แต่สวมปลอกแขนและรัดมันให้แน่นเพื่อความคล่องตัวเหมือนจอมยุทธหญิง"ไปดูที่ดินน่ะ ช่วงกลางวันนี้ที่ข้าไม่อยู่ก็รบกวนท่านอีกเช่นเคย อยากได้อะไรเป็นของฝากหรือค่าตอบแทนไหมล่ะ""ไม่ล่ะ รีบกลับมาเร็ว ๆ ก็พอแล้ว"พูดเหมือนภรรยามาส่งสามีออกจากบ้านไปได้เมื่อเขาไม่ต้องการนางก็ไหวไหล่แล้วออกเดินทาง เด็กๆ ยังไม่ตื่นจึงไม่ได้มาส่ง มีเพียงจางจื่อเสวียนที่ออกมาฝึกวิชายามเช้าทุกวันที่รู้ว่านางไปไหนมาไหนบ้าง แม้ที่ดินผืนนั้นจะอยู่ระหว่างทางแต่ก็ใกล้กับเมืองของนางมากกว่าเมืองอีกฝั่งหนึ่งที่ได้ครองที่ดินส่วนนั้นเล็กน้อยใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่หมาย ด้านหน้ามีป้ายปักไว้ชัดเจนว่าประกาศขาย รวมถึงการเสนอราคาและให้ไปติดต่อที่ว่าการหากต้องการซื้อขาย นางนำตั๋วเ
"ไม่หรอก เราจะอยู่ที่นี่เหมือนเดิม แต่อาจจะขยับขยายให้กว้างขวางขึ้นสักเล็กน้อย ส่วนบ้านอีกหลังเป็นเหมือนที่พักชั่วคราวเวลาต้องไปดูแลพืชผักข้ามวัน""เราจะมีแค่ฟักทองกับผักกาดขาวอีกมากมายหรือเจ้าคะ"พอนางพยักหน้าเด็ก ๆ ก็ส่งเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวกันใหญ่ กระโดดโลดเต้นไปรอบ ๆ ห้องด้วยความตื่นเต้น"ไปหาเงินมากขนาดนั้นมาจากไหน" จางจื่อเสวียนไม่คลายสงสัย เงินจำนวนมากที่หาได้ในไม่กี่วัน เขาคิดถึงแต่งานผิดกฎหมายเท่านั้น"คงต้องบอกว่าแค่โชคดีเท่านั้น ถ้าผลลัพธ์ไม่เป็นแบบนี้บางทีข้าอาจจะตายไปแล้ว""ข้าไม่แน่ใจว่าควรดีใจหรือเสียใจกับประโยคเมื่อครู่นี้ดี""ไม่ใช่งานที่ไปเบียดเบียนใคร สบายใจได้"เบียดเบียนก็แต่ตัวเองที่เกือบเอาชีวิตไปทิ้งแล้วไหมล่ะ"ถ้าเจ้าว่าอย่างนั้นข้าก็จะเชื่อ บอกตามตรงว่าข้าคิดเป็นห่วงจริง ๆ ถึงแม้มันจะดูล้ำเส้นไปหน่อยก็ตาม"ความสัมพันธ์ของนางและเขาตอนนี้เป็นเพียงเจ้าของบ้านกับผู้อาศัย ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น ตราบใดที่ความทรงจำยังไม่หวนคืนมาและสามีของนางยังไม่ปรากฏตัวหรือมีหลักฐานยื
หม่าเยี่ยนถิงตอบตามจริง เพราะชีวิตที่นางต้องเผชิญมาไม่มีสักช่วงเลยที่ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ทันทีที่บ้านเกิดเกิดสงครามนางก็ไม่สามารถหวนคืนสู่ชีวิตคนธรรมดาได้อีกกระทั่งตอนนี้ และที่ได้มาก็เป็นเพราะนางตายจากชีวิตเก่าก่อนร่างนี้ที่ไม่รู้ว่าเจ้าของตัวจริงอย่างหม่าเยี่ยนถิงเต็มใจมอบให้แน่หรือไม่ แต่นางก็สำนึกบุญคุณจากใจจริง หากสามีของนางปรารถนาแม้จะรับรู้ว่าภรรยาตัวจริงตายไปแล้ว นางก็จะไม่คัดค้านเลยหากเขาต้องการ ก่อนที่จะได้พบกับผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างกายนี้นางคิดแบบนั้นจริง ๆ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกขัดแย้งในใจตัวเองขึ้นมาเป็นอย่างมาก"ข้าพูดตามตรงว่าข้าไม่รู้""งั้นรอรู้ก่อนค่อยคิดก็ได้"หลังว่างเว้นจากงานรับจ้าง จางจื่อเสวียนมักไปนั่งที่เหลาสุราสักช่วงหนึ่งของวันเพื่อหาข่าว ได้ยินมาว่าแม่ทัพฝั่งตะวันออกหายตัวไป จนตอนนี้ก็ยังหาตัวไม่เจอ แอบคิดอยู่ว่านั่นคือตัวตนของเขาหรือเปล่า แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด มีเพียงป้ายหยกที่ติดตัวมาหากตัวตนที่หายไปนั้นใช่เขาจริง ๆ เรื่องมันก็จะง่ายในการสืบหาที่มาที่ไป รวมถึงรู้ด้วยว่าตัวตน
มือน้อย ๆ ดึงแก้มผู้เป็นพ่อเบา ๆ บุตรชายที่เป็นคนเกาะหลังเลยยื่นหน้ามาอีกฝั่งหนึ่งเพื่อดึงแก้มบิดายืดออกเหมือนน้องสาว ภาพนั้นทำเอาหม่าเยี่ยนถิงหัวเราะออกมาเพราะจางจื่อเสวียนก็ไม่ห้ามลูกเลย "ท่านจะค้างหรือ?" "มาถึงขนาดนี้แล้วจะไม่ให้ข้านอนด้วยสักคืนเชียว" "ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย แค่ถามดูเท่านั้น" เป็นเวลาเย็นแล้ว จะให้กลับไปทั้งแบบนี้ก็กระไรอยู่ อีกทั้งนี่ก็ช่วยให้ลูกหายเศร้าจากการลาจากกระทันหันเมื่อไม่กี่วันก่อนนั้นด้วย แบบนี้เด็ก ๆ ก็เชื่อได้ว่าพวกเขาได้ลาจากกันนานนัก แต่อย่างไรวันพรุ่งนี้จางจื่อเสวียนก็ต้องรีบกลับไปทำงานราชการต่อ ห้องครัวเดิมมีขนาดคับแคบ การทำอาหารให้พวกนายท่านจึงทุลักทุเลเล็กน้อย หม่าเยี่ยนจะต่อเติมให้พวกเขาใช้งานสะดวกขึ้นพร้อม ๆ กับการขยายที่ดิน หม่าเยี่ยนถิงมาส่งเด็ก ๆ เข้านอนแล้วก็กลับออกไป นางสูดลมหายใจก่อนจะเปิดประตูห้องนอนของตัวเองที่ทำใหม่ ห้องเดิมที่เคยให้สามีใช้ก็กำลังต่อเติมอยู่เช่นกันจางจื่อเสวียนจึงต้องมานอนกับนาง พอเห็นภรรยาเข้ามาจางจื่อเสวียนก็ตบที่นอนปุ ๆ นอกจากผู้เป็นภรรยาจะไม่แสดงสีหน้าอะไรแล้วยังเดินผ่านไปนั่งสางผมหน้าโต๊ะกระจก "เย็นชาเ
สถานการณ์ทั่วไปในแคว้นนั้นสงบสุขมาก หลังการเปลี่ยนผ่านรัชสมัยก็มีการเฉลิมฉลองไปตามเมืองต่างๆ เมืองที่หม่าเยี่ยนถิงอยู่ก็เริ่มมีการประดับตกแต่งที่เห็นได้มากมายตามท้องถนน บ้านหลังน้อยที่ไม่ได้กลับมาเสียนานดูแคบไปถนัดเมื่อมีสาวใช้สิบคนติดตามมาด้วย ต้องขยับขยายแล้วสินะ หม่าเยี่ยนถิงฝากเด็ก ๆ ไว้กับพี่เลี้ยงก่อนจะไปติดต่อสำนักที่ดินประจำเมือง ก่อนนั้นก็ไม่ลืมมอบหมายงานให้คืนอื่น ๆ ช่วยกำจัดวัชพืชในสวนรอ หม่าเยี่ยนถิงมีสาวใช้สองคนติดตามไปด้วย หลังจากไปติดต่อกรมที่ดินประจำเมืองแล้วก็พบว่าที่ว่างติดกับรั้วของนางยังไม่มีเจ้าของ หม่าเยี่ยนถิงซื้อทันทีโดยไม่ต้องคิด นางนำเงินส่วนตัวของตัวเองจ่าย ส่วนหนึ่งเป็นสินเดิมของมารดาที่บิดาจัดเตรียมให้ ส่วนพี่สาวต่างมารดาผู้นั้นก็ถูกส่งขึ้นเกี้ยวโดยไม่อาจทัดทานได้อีก นางไม่ได้สนใจนักว่าสตรีผู้นั้นจะเป็นอย่างไรต่อ ตอนนี้ลำพังแค่เรื่องตัวเองหม่าเยี่ยนถิงก็แทบปลีกตัวไปไหนไม่ได้แล้ว เพราะพวกสาวใช้มาแต่ตัวกับเสื้อผ้าไม่กี่ชุด ขากลับหม่าเยี่ยนถิงจึงแวะร้านขายผ้าและติดต่อช่างตัดเย็บเอาไว้ "ฮูหยินนึกถึงพวกข้าเช่นนี้ บ่าวรู้สึกซาบซึ้งใจจริง ๆ เจ้าค่ะ" "เรื่อ
จางจื่อเสวียนจะคิดถึงช่วงเวลานี้อย่างแน่นอน รอคอยวันที่ได้พบกันอีกครั้ง เขาจะต้องตั้งใจทำงานและรีบหาวันหยุดเสียแล้ว ไม่รู้ว่าที่นี่มีระบบวันลาพักร้อนให้ใช้ไหม แต่หากทนขอก็น่าจะได้กระมัง หาไม่แล้วเขาอาจจะต้องขอให้พระพันปีออกหน้าช่วยเหลือ คิดวิธีได้ดังนั้นชายหนุ่มก็รู้สึกเบาใจขึ้น เดินยิ้มกลับเข้าไปในจวนเพื่อสะสางงานที่เหลือของวันนี้ เด็ กๆ นั่งหงอยซึมตลอดทางกลับบ้าน เพราะจำต้องจากกับผู้เป็นพ่อ หม่าเยี่ยนถิงจนใจจะปลอบ ได้แต่หวังว่าหากโตไปกว่านี้เด็ก ๆ จะเข้าใจได้เอง ถึงอย่างไรนางก็มีกำหนดการที่จะเข้ามาซื้อของในเมืองหลวงเดือนละครั้ง แต่ละครั้งคงได้พักอยู่ราวหนึ่งสัปดาห์ ระหว่างนั้นก็ไปเยี่ยมเจ้าสัตว์อสูรนั่นด้วย พ่อกับลูกมิได้จากกันนานขนาดนั้น ไม่นานเด็ก ๆ ก็คงหายเศร้า แต่ช่วงแรกนี้ต้องให้เวลาพวกเขาได้ปรับตัวเสียหน่อย พวกเขายังต้องไว้พักที่เมืองหนึ่งระหว่างทางเหมือนเช่นตอนขามา "เป่าเปา เหมียวเหมียว อยากไปเดินตลาดกลางคืนหรือไม่" บังเอิญที่วันที่มาถึงนี้มีขบวนคาราวานผ่านเมือง จึงมีการตั้งซุ้มร้านค้าและแผงลอยมากมายเต็มถนนสายหลัก ท่านเจ้าเมืองเห็นว่าเป็นการดึงดูดผู้ผ่านทางที่ดีจึงอนุญาต
หม่าเยี่ยนถิงระบายยิ้มบาง ๆ กล่าวตอบฮองเฮาด้วยความนอบน้อม "เป็นพระกรุณาเพคะ" อุทยานแห่งนี้ไม่มีคนสวนเข้ามาดูแลเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ใบไม้แห้งที่ร่วงโรยลงมาจึงกองระเกะระกะเต็มพื้น ระหว่างที่ฮองเฮาประทับอยู่ที่นี่จึงเป็นหม่าเยี่ยนถิงที่ช่วยดูแล เพราะนางกำนัลส่วนพระองค์จะต้องอยู่ด้านนอก ทำเสมือนว่าเจ้านายตายไปแล้ว ระหว่างกำลังผ่อนคลายกันอยู่นั้น ประตูอุทยานที่ถูกคล้องโซ่ไว้จากด้านนอกก็เปิดออก เป็นจางจื่อเสวียนที่เข้ามาพร้อมคณะขุนนาง "สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ขอเชิญฮองเฮาเสด็จกลับตำหนักพ่ะย่ะค่ะ" "คลี่คลายแล้วหรือ" "องค์ชายและพระชายากับเสนาบดีที่มีส่วนเกี่ยวข้องสามคนถูกคุมตัวไว้ที่คุกใต้ดิน ฮองเฮาโปรดวางพระทัย" นางอุดอู้อยู่ในนี้มาหลายวันอย่างจำใจเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ตอนนี้ออกไปเดินเหินได้อย่างอิสระเหมือนเก่าแล้วจึงทำให้โล่งใจเป็นอย่างมาก นางกำนันคนสนิทที่ติดตามมาเข้ามาประคองพระนางออกไปด้านนอกโดยมีหม่าเยี่ยนถิงเดินตามหลัง ทุกคนมารวมกันที่ท้องพระโรงอีกครั้ง ของที่ประกาศสละราชสมบัติ องค์รัชทายาทรับสืบทอดตำแหน่งต่อ ด้วยความดีความชอบในครั้งนี้สามีของนางจึงได้รับประทานรางวัลมากมาย ห
"ขุนนางฉ้อฉล คดโกงบ้านเมือง ริบทรัพย์สินทั้งหมดคืนท้องพระคลัง ปลดเป็นสามัญชน!" "ฝ่าบาทโปรเมตตาด้วย ฝ่าบาทโปรดเมตตาด้วย ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ" "เอาตัวออกไป!" ท้องพระรองตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง โอรสสวรรค์ปรับลมหายใจให้สงบแม้ในใจจะร้อนรุ่มแทบมอดไหม้แล้วก็ตาม "มีใครจะพูดอะไรอีกไหม" ฮ่องเต้ถอนหายใจด้วยความหนักอกหนักใจ ใบหน้าแสนเหนื่อยล้าแสดงออกมาให้เห็นชัดเจน ความรับผิดชอบอันหนังอึ้งของแผ่นดินนี้เขาเป็นผู้แบกรับ ฉะนั้นผู้ที่จะมาสืบทอดต่อหากไม่เทียบเท่ากันแล้วก็ต้องหนักแน่นให้ได้มากกว่าตน "ฝ่าบาทกระหม่อมมีเรื่องจะถวายฎีกาพ่ะย่ะค่ะ" ขุนนางผู้หนึ่งก้าวออกมาแล้วเอ่ยขึ้น "ว่ามา" "จวนช่างหยูลักลอบเปิดบ่อนพนัน ใช้ทรัพย์สินราชการในทางมิชอบ" "มะ ไม่จริงนะพะยะค่ะฝ่าบาท! กระหม่อมโดนใส่ร้าย!" "เอาจวนที่ข้าประทานให้ไปเป็นบอลพนัน ช่างกล้าจริงๆ" ฮ่องเต้ไม่เอ่ยเสียงกรรโชกเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน ทว่าในเนื้อเสียงเจือความผิดหวังและดูแคลนอยู่หลายส่วน "ฝ่าบาทกระหม่อมไม่กล้า กระหม่อมโดนใส่ร้าย! เสนาบดีฮ่วนท่านอย่าพูดจาซี้ซั้ว!" "หัวข้อพนันและหลักฐานทั้งหมดอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ" เ
เมื่อตำแหน่งหงส์เคียงมังกรว่างเว้น โอรสธิดาทั้งหลายก็หวังอยากจะให้มารดาของตนขึ้นตำแหน่งแทน บางคนที่ไม่ได้มาหาพระบิดาบ่อยนักก็ยังมาเยี่ยมเยียนและพูดคุยด้วยบ่อย ๆ พูดชมมารดาในแง่ดีให้ฝ่าบาททรงเห็นใจหรือสนพระทัยบ้าง แม้มีโอกาสเพียงนิดที่จะเป็นมารดาของตนพวกนางก็ต้องเสี่ยง ยิ่งกับตระกูลเล็กตระกูลน้อยที่ไม่มีใครสนับสนุนหรือคุ้มหัวได้ในวังหลวง ก็เหมือนชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลา แต่เรื่องก็ไม่ได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น เมื่อฝ่ายองค์ชายเองก็ปรารถนาที่จะให้ตนขึ้นไปแทนที่พระบิดาได้ ไม่ใช่องค์รัชทายาทที่ถูกวางไว้ ฮ่องเต้มีโอรสด้วยกันทั้งสิ้นเจ็ดพระองค์ องค์หญิงสิบพระองค์ ทั้งหมดเกิดจากหนึ่งฮองเฮา สิบสนม โอรสและธิดาทั้งหมดยังมีนิสัยแตกต่างกัน แต่ผู้ที่ใฝ่สูงอยากเทียบเคียงองค์รัชทายาทอย่างชัดเจนมีเพียงองค์ชายรอง องค์ชายสี่ก็เป็นผู้มีคุณสมบัติอีกคนหนึ่ง ทว่าไม่ปรารถนาจะสืบทอด จึงหลบเป็นสงครามชิงบัลลังก์ปลีกวิเวกไปเฝ้าระวังที่ชายแดน เวลานี้ราชสำนักไม่มั่นคงแล้ว เพื่อเป็นการหยุดองค์ชายรองให้ได้อย่างเด็ดขาด สองสามีภรรยาจวนแม่ทัพทำงานกันอย่างหนัก หนักเสียจนจางจื่อเสวียนแอบคิดว่าหลังสร้างความดีความ
"งานราชกิจยุ่งมากหรือ ท่านถึงกลับมาป่านนี้" "ไปคุยกันที่ห้องหนังสือหลังมื้อเย็นเถิด" เขาส่งสายตาเป็นสัญญาณ นางพยักหน้าเข้าใจได้ทันที "เด็ก ๆ วันนี้พอก่อน ไปกินข้าวกันเถอะ" เพราะได้เล่นมาสักพักแล้วพวกเขาจึงไม่งอแงที่ต้องเลิกเร็ว เด็กทั้งสองเก็บของที่กระจายอยู่ใส่หีบไม้อย่างระมัดระวังแล้วยกไปเก็บห้องใครห้องมันโดยไม่ขอพี่เลี้ยงให้ช่วย แม้จะมีสิทธิ์ทำได้แต่หม่าเยี่ยนถิงไม่อยากให้ลูกพึ่งพาคนอื่นมากเกินไปจนเคยตัว มียศได้ก็เสียยศได้ หากวันหนึ่งถูกใส่ร้ายโดนริบทรัพย์ขึ้นมาจะลำบากตน และใช่ว่าการใส่ร้ายจะได้รับการเปิดโปงเสียทุกครั้งไป หลายครั้งที่ความยุติธรรมไปไม่ถึงความจริง ด้วยเหตุปัจจัยหลาย ๆ อย่างนั้น ดังนั้นหากเลี่ยงได้ก็จงเลี่ยงให้ถึงที่สุด หาไม่แล้วก็ต้องสู้ยิบตา หลังทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ ก็ส่งเด็ก ๆ เข้านอน หม่าเยี่ยนถิงก็มาพบสามีที่ห้องอักษรห้องเดิม สีหน้าของเขาตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด "องค์ชายรองสั่งการมาอีกแล้วสินะ" "ใช่ คราวนี้จะใช้อุบายอะไรล่ะ" จางจื่อเสวียนพยักหน้ายอมรับ และเล่าเรื่องทั้งหมดรวมทั้งถามหาอุบายที่จะเข้าไปในวังในครั้งนี้ด้วย "เขาอยากให้ข้าไปพบฮองเฮา เช่นนั้นห
หลังจากหม่าเยี่ยนถิงไปพบพระนางวันนั้น ฮองเฮาก็เริ่มแสดงอาการป่วยกระเสาะกระแสออกมา ทั้งยังหนักขึ้นเรื่อย ๆ แค่เพียงข้ามวันราวกับถูกพิษ แต่อาหารของพระนางและเครื่องสำรับคาวหวานกลับตรวจไม่พบพิษเลย กระทั่งถ้วยชาก็ไม่ ฮ่องเต้เป็นห่วงฮองเฮาจนเจียนประชวรตาม สร้างความระส่ำระสายให้แก่ขุนนางเป็นอันมาก กลางดึกคืนหนึ่ง จางจื่อเสวียนก็ได้รับคำเชิญอีกเช่นเคย ทั้งที่กลางค่ำกลางคืนอย่างควรได้นอนหลับสบาย ๆ อยู่จวนกับภรรยา กลับต้องมาวิ่งเต้นเป็นนกสองหัวปลอมอยู่นี่ ทำเอาชายหนุ่มหงุดหงิดไม่น้อย "องค์ชายรองมีสิ่งใดต้องการหรือพ่ะย่ะค่ะ" "ควรถึงเวลาที่ตำแหน่งมารดาแผ่นดินจะว่างลงชั่วคราวได้แล้ว" ประโยคนี้ทำให้จางจื่อเสวียนหายใจไม่ทั่วท้องสักเท่าไหร่ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงรักษาท่าทีนิ่งขรึม "องค์ชายรองเรื่องนี้ใจร้อนไม่ได้ ฮองเฮาประชวรฝ่าบาทจึงได้มีการเพิ่มมาตรการป้องกันมากขึ้นทั้งการตรวจพิษ และคนเข้าออกของวังหลังเข้มงวดมาก แม้แต่ภรรยาของกระหม่อมก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปโดยง่ายดังเก่าแล้ว" "เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงไป เพราะครั้งนี้คนที่ลงมือจะเป็นพระชายา" พระชายาหงเตี๋ยเป็นบุตรสาวคนโตของเสนาบดีหง นิสัยมักใหญ่ใฝ่สู
ยามค่ำคืนในรถมาเช่นนี้มีเพียงแสงจันทร์ให้ความสว่าง องค์ชายรองนั่งกลมกลืนไปกับเงาด้านหลังจึงเห็นได้เพียงรอยยิ้มจากเสี้ยวหน้าที่ต้องแสงจันทร์นั้น "แต่กระหม่อมไม่ได้เข้าวังกับภรรยา" "นั่นก็นับพอดีแล้วไม่ใช่หรือ นางไม่เคยมีบุญคุณความแค้นกับฮองเฮา ใครจะสงสัยภรรยาเจ้าได้เล่า" ที่กล่าวมานั้นก็มีเหตุผล นับว่าองค์ชายรองคาดการณ์ได้รอบคอบนัก แต่อุบายนี้ทั้งเขาและหม่าเยี่ยนถิงเห็นผ่านตาจากภาพยนตร์ในโลกก่อนมานับไม่ถ้วนแล้ว เพราะฉะนั้นแผนการนี้จึงมีช่องโหว่ไม่น้อย และจะนับว่าเป็นโชคเข้าข้างหรืออย่างไรดี ที่พวกเขาทั้งคู่ต่างก็มีองค์ความรู้จากโลกในกาลข้างหน้า จึงสามารถผลิกสถานการณ์กลับมาที่ฝั่งตนเองได้โดยที่องค์ชายรองไม่รู้ตัว ที่เหลือนั้นก็ต้องฝากให้เป็นหน้าที่ของหม่าเยี่ยนถิงว่าจะเกลี้ยกล่อมฮองเฮาสำเร็จหรือไม่ กำหนดการเดินทางที่ฮองเฮานัดหมายมาในเทียบเชิญนั้นคืออีกสองวันให้หลังหรือก็คือวันมะรืน หม่าเยี่ยนถิงทอนหายใจโล่งอกทันทีที่แม่สามีมาช่วยทันเวลา เพราะหากนางทำลำพังกับพ่อบ้าน เกรงว่าจะเสร็จไม่ทันการแน่ จวนแม่ทัพจางยังคงวุ่นวาย แต่ก็อยู่ในความดูแลของฮูหยินใหญ่ แม้สะใภ้จะออกปากว่าจะกลับบ้านส