คนมากมายล้วนได้รับข่าวในวังหลวงแล้วจู่ๆ ก็มีงานเลี้ยงในวัง ทุกคนล้วนรู้สึกแปลกใจ แต่นี่ก็เป็นรับสั่งจากองค์จักรพรรดิ ทุกคนแน่นอนว่าทำได้เพียงไปตระเตรียม วันถัดมาตอนบ่ายก็ทยอยกันเข้าวังงานเลี้ยงวังนี้จัดขึ้นในตำหนักเหอชิงตำหนักเหอชิงไม่ใหญ่มากนัก ดังนั้นวันนี้จึงไม่ได้มีมหรสพยิ่งใหญ่นัก คนที่เรียกเข้าส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเครือพระญาติในราชวงศ์ และยังมีพวกคนใหญ่โตที่มียศถาหน่อยอีกบางส่วน พาเหล่าภรรยาและทายาทเข้ามาแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่คนที่มาก็ยังมีไม่น้อยในตำหนักจัดโต๊ะไว้สองแถว ตรงกลางเว้นว่างเอาไว้เหล่าสาวชาวเดินเข้าออกจัดวางสำรับอาหารสุราเลิศรสไว้แล้วด้านนอกยังมองเห็นดอกไม้ที่เบ่งบานสะพรั่ง นี่อยู่ในวัง แต่ด้านนอกกลับเหมือนฤดูใบไม้ร่วง ไม่มีดอกไม้เหลืออยู่เลยนายท่านจ้าวก็พาจ้าวเฉินจ้าวหรูมาด้วยนายท่านจ้าวพอเข้ามาก็พูดคุยกับสหายก่อน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่เข้ามาประจบประแจงเยินยอเขา จนทำให้จ้าวเฉินจ้าวหรูที่ได้ยินยืดอกภูมิใจขึ้นมาดูเอาเถิด บิดาของพวกเขาจะได้รับการเอ็นดูจากองค์จักรพรรดิ คนอื่นๆ จึงยกยอพวกเขาเช่นนี้รอจนอันเหนียนอันชิงเข้ามา สีหน้าของพี่น้องก็ดูขรึมลงทันทีเ
พอคนคู่นี้เดินเข้ามา ครู่หนึ่งก็ดึงสายตาคนทั้งหมดไปทันทีในนี้มีคนไม่น้อยที่ตั้งอกตั้งใจแต่งหน้าแต่งตัวมา และยังมีหญิงสูงศักดิ์อีกลหายคนที่อยากจะเข้าวัง ดังนั้นวันนี้จึงแข่งกันสวยแข่งกันงามเดิมทีพวกนางล้วนกำลังแอบพิจารณาการแต่งกายของคนอื่น ต่างฝ่ายต่างมีความคิดขึ้นมาแต่ว่าขณะที่คู่สามีภรรยาอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา ความคิดเหล่านี้ก็ถูกสั่นสะเทือนลอยไปทั้งหมด คนอื่นๆ แต่งตัวกันอย่างไรก็ไม่มีใครสนใจแล้วอ๋องเจวี้ยนมาในชุดจักรพรรดิสีม่วง บนสีม่วงเข้มปักอินทรีเงิน คอปกสีดำ แขนเสื้อสีดำ เข็มขัดเอวสีดำรองเท้าสีดำ ทำให้คนล้วนต้องศิโรราบ ต่อให้เขาสวมหน้ากากเงินครึ่งหน้าอยู่ ก็ไม่ได้ทำลายท่วงท่าของเขาเลย ซ้ำยังทำให้เขาดูแล้วยิ่งเพิ่มความลึกลับขึ้นไปอีกฟู่จาวหนิงที่อยู่ข้างๆ เขาก็อยู่ในชุดชาววังสีม่วง ในสีม่วงมีประกายสีเงิน ขณะที่เดินก็ราวกับจันทราบนฟ้าราตรี ด้นบนปักโบตั๋นสีเงินไว้ ดูสูงส่งเรียบสงบและรูปร่างของนางก็สวยสง่า เรียวคอยาวราวหงส์ฟ้า ไหล่กลึงกลมเกลี้ยงทั้งสอง เอวที่โอบได้รอบ กระโปรงยาวลากพื้น ทรงสง่ามีระดับผมสีดำขลับของนางถูกรวบเป็นมวย เสียบเอาไว้ด้วยปิ่นไข่มุกสองเล่ม และยังมีด
ช่วงนี้นางก็ยังไปหาเซียวเหยียนจิ่งอยู่ตลอด แต่ว่าเขาก็ไม่เออไม่ออกับตนเองสักเท่าไร นางเดิมทีก็รู้สึกไม่วางใจอยู่แล้ว ตอนนี้พอเห็นเซียวเหยียนจิงเป็นแบบนี้ หลี่จื่อเหยาในใจจึงดำดิ่งอยู่ตลอด"องค์จักรพรรดิ"ฮองเฮากว่าจะหาเสียงตนเองเจอ หันหน้าไปมององค์จักรพรรดิ แต่กลับเห็นว่าในตาขององค์จักรพรรดิก็เผยความเคลิบเคลิ้มออกมาด้วย ใจก็ปะทุไฟโกรธขึ้นมาทันทีเจ้าผู้ชายต่ำช้า!นั่นมันน้องสะใภ้ของเจ้านะ!ก่อนหน้านี้เขาเห็นๆ อยู่ว่าไม่ชอบฟู่จาวหนิง ตอนนี้กลับมาเคลิบเคลิ้มเสียอย่างนั้น?ฟู่จาวหนิงนี่มันภัยพิบัติจริงๆ!นางจะต้องกำจัดฟู่จาวหนิงออกไปให้ได้!ถ้าหากหลังจากนี้อ๋องเจวี้ยนป่วยจนตาย ฟู่จาวหนิงในฐานะพระชายาอ๋องเจวี้ยน ก็คงจะมีโอกาสมากเลยทีเดียวที่จะต้องเข้าวัง พอถึงตอนนั้นใครจะรู้ว่านางจะอยากปีนตัวจักรพรรดิ ไปยั่วยวนองค์จักรพรรดิเพราะความเหงาหรือไม่?ตอนนี้ฮองเฮาเกลียดฟู่จาวหนิงแล้วจริงๆฟู่จาวหนิงไม่สนใจสายตาคนทั้งหมด เดินตามอ๋องเจวี้ยนไปหาที่นั่งด้านหน้าอ๋องเจวี้ยนเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"เจ้าดูนิ่งมากจริงๆ"เขารู้สึกว่าฟู่จาวหนิงทำนางเกินคาดจริงๆเดิมทีคิดว่าในฐานะคุณหนูตกอับคนหนึ
"ไม่หรอก ข้าไม่มีอะไรที่ไม่ยินดี เดิมทีข้าก็หน้าตาดีอยู่แล้ว"ฟู่จาวหนิงก็เหมือนฟังไม่ออกว่าอะไรไม่ถูกต้อง ยิ้มตาหยีเอ่ยออกมาคำหนึ่ง แต่ว่าก็เหมือนรู้สึกว่าชมตัวเองแบบนี้ดูไม่ค่อยดี ก็เลยเสริมไปอีกประโยคหนึ่ง "ก็แค่ดูดีกว่าฮองเฮาแค่นิดเดียวเท่านั้น"พูดถึงจุดนี้ นางยังใช้มือวาดเปรียบเทียบ แต่ก็วาดขนาดที่ใหญ่ขนาดแตงโมใหญ่ลูกหนึ่งออกมา ไม่ได้นิดเดียวเลยจริงๆนี่เหมือนกับตบฉาดไปที่หน้าฮองเฮาตรงๆเลยฮองเฮาลมหายใจเร่งถี่ขึ้นมาแล้ว"แต่ว่า ความงามเดิมทีก็มีอยู่นับพันรูปแบบ ไม่ใช่สิ่งที่เป็นเอกภาพ เหล่าคุณหนูฮูหยินก็ล้วนมีคุณค่าของตน ข้าแค่ชนะเพราะจันทราโน้มเมืองชุดนี้ที่ท่านอ๋องของข้าเตรียมไว้ก็เท่านั้น"ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นยืน หมุนตัวเบาๆนางหมุนเช่นนี้ ชายกระโปรงก็หมุนพริ้ว จนส่องแสงระยับจับตา ทำให้คนสัมผัสได้ถึงภาพฉาก "จันทราโน้มเมือง" จริงๆพอชมหญิงสาวที่อยู่ในลานทั้งหมด แล้วยังสาดความรักออกมาอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังขานชื่อชุดกระโปรงทั้งตัวนี้ของนางออกมาอีกเหล่าหญิงสาวในลานพอได้ยินคำพูดของนางก็ล้วนชื่นชมเห็นด้วย ความงามมีอยู่นับพันแบบ ดังนั้นพวกนางเองก็งดงามเช่นกัน ฟู่จาวหนิงพูดได้ถู
พระชายาที่อภิเษกอย่างฉุกละหุกขนาดนั้น จะได้รับของดีมาตั้งมากมายได้อย่างไร?"อายวน เจ้าดูจะมีความรู้สึกให้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยนลึกซึ้งจริงๆ ของขนาดนี้ก็ยังมอบให้นางได้ พวกเจ้าคงไม่ได้รู้จักกันมาก่อนใช่ไหม?" องค์จักรพรรดิอดถามอ๋องเจวี้ยนขึ้นมาไม่ได้เซียวเหยียนจิ่งจ้องเขม็งที่ฟู่จาวหนิงเขาตอนนี้ก็สงสัยเช่นกัน!ฟู่จาวหนิงอาจจะไปยั่วยวนอ๋องเจวี้ยนเอาไว้ตั้งนานแล้วไหม? หลังจากถูกเขาปฏิเสธ นางก็พุ่งเข้าไปหาอ้อมกอดของอ๋องเจวี้ยนทันที!ก่อนหน้านี้เห็นๆ อยู่ว่านางเอาแต่ไล่ตามเขา นางอยากจะแต่งงานกับเขา หรือว่านางหลอกเขามาตลอดกัน?"จาวหนิงเป็นพระชายาของข้า ถ้าข้าไม่นำสิ่งของให้นาง แล้วจะเอาไปให้ใครกัน" อ๋องเจวี้ยนถามขึ้นมาคำหนึ่ง หลังจากนั้นก็ยื่นมือมาจับมือฟู่จาวหนิงเอาไว้ เอ่ยขึ้นกับนางอย่างอ่อนโยน "จาวหนิง นั่งเถอะ ยืนแล้วเหนื่อยนะ"เขาพานางนั่งลงมา ด้วยท่าทีเหมือนรักกันอย่างลึกซึ้งฟู่จาวหนิงยิ้มให้เขา ในดวงตากลับมีสายตาเย้ยหยันแสดง เขากำลังแสดง!ในจวนอ๋อง ตอนเขาให้คนเอาชุดนี้ออกมาก็บอกกับนางเอาไว้อย่างชัดเจน"ชุดกระโปรงนี้ให้เจ้ายืมใส่หนึ่งครั้ง คอยสนับสนุนสถานการณ์ ถึงอย่างไรตร
นี่ไม่ใช่การชม แต่ว่าแม่นางคนอื่นก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเออออกันพวกนางยอมรับคำพูดของฟู่จาวหนิง และเชื่อด้วยเพราะว่าพวกนางตอนนี้เห็นอ๋องเจวี้ยน แต่ในใจพวกนางก็ล้วนวาดโครงกันออกมาจนใจเต้นปึงปังถ้าสามารถสัมผัสระยะใกล้ได้ จากนั้นยังได้ยินอ่องเจวี้ยนใช้น้ำเสียงที่น่าดึงดูดนั่นพูดกับพวกนางอย่างอ่อนโยน พวกนางก็คงถูกทำให้เคลิบเคลิ้มอย่างแน่นอนภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นใบหน้าของอ๋องเจวี้ยนเลยเหล่าชายหนุ่มกลับมีไฟโกรธกันขึ้นมาพวกเขาถูกชายที่สวมหน้ากากคนหนึ่งแซงขึ้นหน้าไปเสียแล้วหลายวันนี้ ในเมืองหลวงล้วนมีคนไม่น้อยที่เดาว่าใบหน้าอ๋องเจวี้ยนน่าจะพิกลพิการไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่ยอมปลดหน้ากากลงมา แล้วยังมีคนที่แอบถากถางประชะประชันเขารับหลังอีกด้วยจะเป็นอ๋องเจวี้ยนได้อย่างไร? เจวี้ยนคำนี้ไม่ได้เหมาะกับเขาที่ใบหน้าพิกลพิการหรอก น่าจะเรียกว่าอ๋องพิการไปเลยดีกว่าพอบวกกับร่างกายของเขาที่ย่ำแย่ขนาดนี้ คอยชุบเลี้ยงอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงมาตลอดหลายปี นั่นคือป่วยหนักแล้วจริงๆแต่ว่าตอนนี้พอเห็นสายตาของเหล่าคณหนูที่นี่ พวกนางล้วนรู้สึกเหมือนถูกตบฉาดเข้ามา"ทำไมข้าถึงจำได้ ว่าแต่ก่อ
ก็จริงนะรัฐทายาทเซียวตอนนั้นเป็นคู่หมั้นของนางนี่นางไล่ตามคู่หมั้นของตนเอง แม้จะเปิดกว้างไปหน่อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดประเพณีนี่? ไม่ถือว่าหน้าไม่อายด้วย?"ยิ่งไปกว่านั้น ท่านปู่ของข้าตอนนั้นสุขภาพร่างกายก็ไม่ดี คนเราไม่ใช่มีคำว่าเติมความสุขเพื่อขับไล่โชคร้ายหรือไรกัน?"ฟู่จาวหนิงประโยคนี้พอพูดออกมา พวกของลู่ทงก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้"เติมความสุขเพื่อขับไล่โชคร้าย?""ถูกต้อง ข้าก็คิดว่าจะเชื่อมันเสียหน่อย จึงไล่ตามคู่หมั้นของข้า อยากจะเติมความสุขเพื่อขับไล่โชคร้ายออกไป ถ้าทำให้อาการป่วยของปู่ข้าดีขึ้น มีอะไรไม่ถูกต้องกัน?"ฟู่จาวหนิงมององค์จักรพรรดิ "องค์จักรพรรดิ การกตัญญูเป็นสิ่งผิดหรือ? บิดามารดาข้าไม่อยู่ ท่านปู่เองก็ล้มป่วย ไม่มีผู้อาวุโสอยู่เลย เช่นนั้นข้าก็ต้องไปจัดการหารือเรื่องแต่งงานเอง มันไม่ถูกหรือ?"เอ่อองค์จักรพรรดิกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาตอนนี้ยังกล้าพูดว่าไม่ถูกได้หรือ?"ถูกสิ ฮะๆ ถูกต้อง"นี่มีอะไรที่ไม่ถูกต้องอีก?ก็แค่พฤติกรรมตรงไปตรงมาไปหน่อยเท่านั้น แต่อันที่จริงก็ไม่ถึงกับระดับที่คนต้องมาเย้ยหยันกันเสียหน่อย กลับกัน นางก็คิดถึงแต่ท่านปู่ พวกเขาเองที
องค์จักรพรรดิเข้าไกล่เกลี่ย ชินอ๋องเซียวรู้สึกขุ่นเคือง"อ๋องเจวี้ยนถึงแม้จะเป็นผู้อาวุโสของจิ่งเอ๋อร์ แต่ว่าเด็กก็แค่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ไปชั่วขณะ พอถูกคนอื่นทำให้หัวเราะก็โมโหขึ้นมา และไม่จำเป็นต้องมาเลาะฟันเาออกซี่นึงเช่นนี้นี่"ชินอ๋องเซียวมองเซียวหลันยวนมันน่าโกรธไหม? เขาโตกว่าเซียวหลันยวนถึงยี่สิบกว่าปี แต่ก็ยังอยู่ในระดับเดียวกันกับเขา กระทั่งฐานะยังต่ำกว่าเซียวหลันยวนหน่อยๆ อีกด้วยตอนที่เซียวหลันยวนยังเล็กมากในสมัยก่อน ตอนที่อายุสามขวบ เขาก็ต้องนอบน้อมคารวะต่อเด็กตัวเล็กคนหนึ่งไปแล้วตอนนี้เจ้าเด็กในตอนนั้นเติบโตมาแล้วยังแบกตัวตนฐานะอาวุโสมารังแกลูกชายเขาอีกนี่มันน่าโมโหจริงๆ"เด็ก?"เซียวหลันยวนเหล่พิจารณาตัวเซียวเหยียนจิ่งเรียบๆ"เขาเห็นโลกมากว่ายี่สิบปีแล้ว โตมาสูงกว่าเจ้าเสียอีก คนที่ทำให้สาวใช้ในห้องนอนมีลูกลับๆ ไปทั้งจวนเนี่ยนะ เรียกว่าเด็ก?"ประโยคนี้ของเซียวหลันยวนพอออกไป คนทั้งหมดในลานก็ครึกโครมขึ้นมา"อะไรนะ?""ข้าไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม? " รัฐทายาทเซียวบุกห้องในจวน? แล้วยังมีลูกด้วย?ลูกขุนนางอย่างพวกเขา ล้วนปิดบังสายเลือดกันอย่างพิถีพิถัน ก่อนหน้าที่ภรรยาต
ถัดจากนี้สำหรับพวกหลานหรงก็ถือเป็นการท้าทายที่มากกว่าแล้วจากที่ท่านอ๋องคาดการณื ตงฉิงจะต้องมีกลไกลและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแน่นอน น่าจะมีวิะีการที่ทำให้ตงฉิงได้กลับมาเห็นตะวันได้อีกครั้ง ที่ไม่ใช่การขุดทีละนิดๆ ของกำลังคนพวกของหลานหรงต้องหาวิะีให้พบ บางทีอาจจะเป็นกลไก?"ที่นี่ในเมื่อเป็นเมืองเก่าที่ตระกูลของราชครูตงฉิงอยู่ ก็น่าจะมีโอกาส นายท่านเคยพูดไว้ ตระกูลของราชครูตงฉิงมีพลังกำลังทรัพย์ที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ เมืองชิงเย่เป็นรากฐานของพวกเขา ไม่มีทางปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มสลายไปแบบนี้แน่"หลานหรงหยิบจดหมายที่เซียวหลันยวนเขียนไว้ออกมา ด้านบนยังวาดรูปของเครื่องพยากรณ์ไว้ บางทีคงต้องหาจุดที่สามารถใช้เครื่องพยากรณ์นี้จดหมาย เพียงไม่นานก็ถูกส่งไปหาเซียวหลันยวนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกำลังสาละวนอยู่ในภูเขาช่วงเช้า และได้รับอะไรมาไม่น้อยนางเจอโสมม่วงร้อยปีต้นหนึ่ง!เดิมทีสิ่งนี้ก็ถือเป็นของที่สุดยอดมากแล้ว ผลลัพธ์คือยังพบวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้เคยบอกกับนางแต่พันธมิตรโอสถไม่เคยพบมาก่อนอีกหลายชนิดด้วยวัตถุดิบยาพวกนั้น ว่ากันว่าในพันธมิตรโอสถมีแขกลึกลับ
นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากหาหยกดาราพบให้รีบส่งออกไปก่อน"ขอรับ"หลานหรงลองสังเกตุทะเลสาบนี้อีกหน่อย วักน้ำขึ้นมาชิม น้ำสะอาดหวาดชื่น น้ำดีที่หาได้ยาก!ที่นี่จะใช่ตำแหน่งที่เมืองหลวงตงฉิงอยู่จริงไหม?"พักกันดีแล้วใช่ไหม? เข้ามาตักน้ำ"หลานหรงเรียกคนเข้ามาทันทีทุกคนเห็นต้นกำเนิดน้ำแบบนี้ก็ดีอกดีใจ เมื่อวานตอนค่ำน้ำถูกดื่มไปจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากระหายกันจะแย่"ก่อไฟต้มน้ำ"เดิมทีตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของพวกเขา จะไปที่ไหนก็ล้วนกินน้ำดิบไปตรงๆ แบบนี้สะดวกดี ไม่ได้พิถีพิถันมาก แต่ฟู่จาวหนิงบอกพวกเขาไว้ น้ำจะอย่างไรก็ต้องต้มก่อนถึงจะดี ด้านในอาจจะมีไข่แมลงหรือเชื้อโรคอะไรอยู่ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงเชื่อฟัง ถ้ามีเวลาและเงื่อนไขเพียงพอ พวกเขาก็จะต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่มครั้งนี้พอเห็นน้ำสกปรกขยะแขยงมามากมาย พวกเขาจึงทำตามกฏนี้อย่างเคร่งครัดตอนที่พวกเขาต้มน้ำ หลานหรงเดินไปบนทางเดินเล็กๆ ในทะเลสาบเส้นนั้น ตรงไปทางดงดอกไม้ผืนนั้นเดินอยู่กลางทะเลสาบ สองด้านล้วนเป็นน้ำใสสะอาด สะท้อนภาพฟ้าเมฆคราม ทิวทัศน์งดงามดูกว้างใหญ่ถ้าตงฉิงในอดีตยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าจะงดงามขนา
หลานหรงพากลุ่มค้นหามานานมากแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาเจอเมืองเล็กเมืองหนึ่งถูกดินปกคลุมไป ถนนหนทางบ้านเรือนล้วนถูกกลบฝังไปแล้ว แต่ฝนตกมาห่าใหญ่ หลังจากดินภูเขาถูกชะล้างไป ก็มีหลังคาเรือนเล็กๆ บางส่วนโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาดังนั้นหลานหรงจึงยืนยันว่าตงฉิงตอนนั้นถูกกลับฝังไปแล้วจริงๆพวกเขาเจอกับทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากเข้ามาก็พบว่ายิ่งเดินก็ยิ่งยาว และไม่รู้ว่าตรงไปที่ไหนด้วยแต่สองด้านของทางเดินก็ปรากฏศาลาหรือบ้านเป็นระยะๆ อธิบายได้ว่าแต่ก่อนนี่เป็นถนนที่อยู่บนพื้นดิน ส่วนถนนของเมืองเล็กจะตรงไปที่ไหน นอจากเมืองใหญ๋แล้วก็อาจจะเป็นวังหลวงดังนั้นตอนนั้นหลานหรงจึงออกคำสั่งให้เดินตรงไป จนหาทางออกพบคิดไม่ถึงว่าเดินมาสิบกว่าวัน ยังดีที่ด้านในยังมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยังขุดน้ำขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายไปแล้วแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยหลังจากผ่านไปสิบวันในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว แล้วจึงเห็นสถานที่นี้เข้า"พี่ใหญ่ ที่นั่นคงไม่ได้ฝังเมืองไว้อีกแห่งหรอกกระมัง?" ลูกน้องเดินเข้ามา ยื่นถุงใส่น้ำให้เขา ด้านในเหลือแค่อึกเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้หลานหรงไม่ได้ดื่มเลย ให้พวกเขาไปจนหมด ตอนนี้
เขากุมมือนางแน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ซษงจื่อหยิบตำราเก่าม้วนหนึ่งเข้ามา ด้านบนเขียนเรื่องตระกูลถังเขาชิงถงไว้""แล้วยังไงหรือ?"นี่มันเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?"หนิงหนิงรู้ไหมว่าเขาชิงถงมีชื่อเสียงในการผลิตอะไร?""อะไรหรือ?""วัตถุดิบยาน่ะ" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วไม่ใช่สิ แม้ว่านางจะเป็นหมอ แม้ว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบยามาก แม้จะคิดหาวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่ตลอด แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดต้องยอมนับญาติเพื่อวัตถุดิบยานี่?"เซียวหลันยวนท่านรู้ไหมว่าอะไรคือความมั่งคั่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจ?" นางใช้ศอกกระทุ้งเขาไปทีนึงถังอู๋เจวี้ยนฟังพวกเขาแอบกระซิบกระซาบกัน ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ"ข้าว่านะ พวกท่านต้องมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้าแบบนี้ด้วยรึ? มีอะไรบอกมาตรงๆ ก็พอแล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ปู่ข้าเพิ่งจะพบว่า สมัยหนุ่มๆ เขาเคยท่องยุทธภพไปกับผู้อาวุดสจี้กับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจึงนับว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน""อ๋า?"จุดนี้ฟู่จาวหนิงกลับไม่รู้เรื่องเลย!"ผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ของท่านหรือ?" ถังอู๋เจวี้ยนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าฟู่จาวหนิง "น
ไปแท่นชมดาวช่วงจื่อ(23.00-01.00น.)หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "แท่นชมดาวเป็นสถานที่แบบไหน?""แท่นชมดาวต้องเดินขึ้นไปจากตำหนักถวายเครื่องหอม อีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีศาลาอยู่ ด้านนอกศาลามีลานอยู่แห่งหนึ่ง เวลาที่อากาศดีจะมองเห็นดาวระยิบระยับ เหมือนยื่นมือไปเด็ดมาได้เลย"เซียวหลันยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าแท่นชมดาวเคยมีศิษย์คนหนึ่งตกลงไป หลังจากนั้นจึงปิดตายไว้ ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว"สถานที่อันตรายหรือ? ทำไมถึงมีคนตกลงไปได้?"แล้วเจ้าอารามให้พวกเราไปที่นั่นทำไมกัน?"เซียวหลันยวนมองซางจื่อซางจื่อส่ายหัว "เจ้าอารามไม่ได้บอกอะไร แต่ว่า เหมือนน่าจะไปชมดาวกระมัง"แท่นชมดาวถ้าไม่ไปชมดาวแล้วจะไปทำอะไรได้?แต่พวกเขาดูชวนฝันขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วยังนัดไปดูดาวช่วงจื่ออีกฟู่จาวหนิงถามซางจื่อ "นอกจากเราสองคน ยังเรียกใครไปอีกไหม?""เจ้าอารามให้องค์หญิงใหญ่ไปด้วย"โอ๋? ฟู่จาวหนิงอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ "แยกกันไม่ได้เลยว่างั้น?"สวรรค์ให้อภัยนางด้วย เดิมทีนางไม่ใช่คนใจแคบช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ ใครให้เจ้าอารามสร้างภวังค์เฮงซวยให้นาง แล้วไปสร้างภวังค์ที่เซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่เป็นสา
"เรียนพระชายา ชามนี้เป็นของท่านอ๋อง พ่อครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องจนชินแล้ว ทำตามรสชาติที่ท่านอ๋องชอบ"คนที่เข้ามายกชามหมี่น้ำใสไปไว้ตรงหน้าเซียวหลันยวน ส่วนอีกชามวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ชามนี้คุณชายถังเป็นคนทำ คุณชายถังบอกว่านี่เป็นหมี่ที่คนเขาชิงถงชื่นชอบ ลุงของเขาก็ชอบมาก ดังนั้นจึงลงมือทำชามนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ เชิญพระชายาชิม""ถังอู๋เจวี้ยนเป็นคนทำหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นเขาหน้าขรึมลงจริงๆ"กลัวว่าเขาจะวางยาพิษไหม?" ฟู่จาวหนิงพูดติดตลก"พระชายาวางใจ คุณชายถังตอนที่ปรุงในห้องครัวพวกเราคอยดูอยู่ตลอด ใช้แต่วัตถุดิบในห้องครัวเท่านั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน" คนที่นำเข้ามาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนแม้จะรู้สึกจี๊ดในใจที่ถังอู๋เจวี้ยนประจบนางขนาดนี้ แต่จุดนี้ก็ยังต้องยอมรับ: "ถ้าเขากล้ามาวางยาพิษเจ้าที่นี่จริงก็แสดงว่าไม่กลัวตาย"เขากวาดล้างเขาชิงถงทิ้งทั้งหมดได้ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หยิบตะเกียบขึ้น "สู้ท่านลองชิมไหม? แล้วชามนั้นท่านให้ข้ากิน"นางรู้ว่าถ้าตนเองก
ฟู่จาวหนิงเห็นปฏิกิริยาของเซียวหลันยวน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอารามฝึกบำเพ็ญ แต่งงานไม่ได้หรือ?"ก่อนหน้านี้นางเหมือนได้ยินว่าอารามนี้ของเจ้าอาราม ไม่ใช่อารามเต๋าที่ไว้สำหรับฝึกบำเพ็ญเต๋า แล้วก็ไม่เคยได้ยินด้วยว่าจะแต่งงานไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของเจ้าอารามยังน่าหลงใหลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงสาวมาชอบแต่จากคำพูดของเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ บนยอดเขาโยวชิงนี้ไม่มีนายหญิงอยู่จริงๆ ไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่ติดตามเจ้าอารามแล้วเลี้ยงดูเขามาจนโต"ได้ยินว่า ตอนเจ้าอารามยังหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่" เซียวหลันยวนนึกๆ จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ "แต่ต่อมาไม่รู้ทำไมจึงไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญสมัยยังเด็กน่ะ""แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ?""ไม่รู้สิ ต่อมาข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย และยิ่งไม่เคยถามด้วย"เซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้าน นิสัยเองก็ค่อนข้างเย็นชา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองก็จะไม่ถามไม่ไถ่ให้มันมากความ"ก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้าอารามไม่ค่อยคุยเร่องส่วนตัวกันนัก เคารพเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แขาแค่เอ็นดูข้า ไม่ได้สนิท
นิ้วของเจ้าอารามเคาะเบาๆ บนโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบเบาๆ วาดผ่านบนเตาถ่านข้างๆ พริบตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไม่เห็น ก็มีผงฝุ่นลอดจากระหว่างนิ้วของเขาปลิวเข้าไปในไฟของเตา แล้วเผาไหม้เป็นกลิ่นหอมจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ทันได้รู้สึกเลยนางกำลังมองเจ้าอารามอย่างตกตะลึง"เจ้าอารามกำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? ข้าจำได้ชัดเจนแท้ๆ แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"ชายคนนั้นที่นางกอด ความรู้สึกที่ริมฝีปากชุ่มชื้นอ่อนนุ่มตอนที่จูบ ใจที่เต้นระรัว มันแจ่มชัดอย่างมาก แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ เจ้ามองข้านะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองดวงตาเขาข้างหูยังได้ยินจังหวะเคาะโต๊ะเบาๆ ของเขามองดวงตาที่ดูเหมือนมีความเมตตาต่อสรรพชีวิตของเจ้าอาราม นางก็ตะลึงงันไป"ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เป็นแค่ภวังค์ อีกไม่นานเจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ถ้ามีคนพูดเรื่องนี้อีก เจ้าก็แค่บอกว่าตนเองพูดเล่นไปก็พอ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น"เสียงของเจ้าอารามค่อยๆ ไหลเข้ามาในหู แฝงไว้ด้วยการปลอบโยนที่แข็งแกร่งสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มเลือนรางไปบ้าง"เป็นแค่ภวังค์หรือ?""ใช่แล้ว""ไม่เกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆเจ้าอารามกำลังล้างถ้วยชา ไม่มองนาง"ใช่แล้ว""ตอนองค์หญิงใหญ่ยังเล็ก ข้าเคยทำนายว่าเจ้าจะมีเคราะห์ภัย ขอแค่ผ่านเคราะห์ภัยนั้นได้ แล้วมาอยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ชะตาของเจ้าก็จะดีขึ้น โชคดีตลอดไปสงบสุขจนแก่เฒ่า"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำพูดเขาในที่สุดก็ได้สติกลับมา"เคราะห์อะไรหรือ?""ตอนนี้ดูแล้ว เคราะห์นั้นน่าจะอยู่บนตัวฝ่าบาทต้าชื่อ และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นแม่นางที่ฉลาด ตัดสินใจเด็ดขาด หนีออกมาจากวังหลวงต้าชื่อ วังจักรพรรดิต้าชื่อกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเข้าประตูวังไปก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเล คำนี้นำมาพูดกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ถือว่าถูกต้องอย่างมาก"เจ้าอารามล้างชาไปรอบหนึ่ง ชงชามาสองถ้วย ยกขึ้นมาให้นาง "ดื่มชาเถอะ ชาของอายวน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเมื่อครู่ร้องไห้ไปยกใหญ่ ตอนนี้คอเองก็แหบพร่าไปหมดแล้ว กระหายมากด้วย พอสูดๆ จมูก นางจึงยกถ้วยช้านั่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น"ดื่มทีละนิด ระวังลวกปาก" เจ้าอารามเตือนนางทันที"โอ้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ต่อหน้าเขาก็ดูว่าง่ายขึ้นมาก ถอนหายใจแล้วหันมาจิบเบาๆในที่สุดก็ได้ดื่มชานี้แล้ว ทำไมนางถึงไม่ดีใ