องค์จักรพรรดิเข้าไกล่เกลี่ย ชินอ๋องเซียวรู้สึกขุ่นเคือง"อ๋องเจวี้ยนถึงแม้จะเป็นผู้อาวุโสของจิ่งเอ๋อร์ แต่ว่าเด็กก็แค่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ไปชั่วขณะ พอถูกคนอื่นทำให้หัวเราะก็โมโหขึ้นมา และไม่จำเป็นต้องมาเลาะฟันเาออกซี่นึงเช่นนี้นี่"ชินอ๋องเซียวมองเซียวหลันยวนมันน่าโกรธไหม? เขาโตกว่าเซียวหลันยวนถึงยี่สิบกว่าปี แต่ก็ยังอยู่ในระดับเดียวกันกับเขา กระทั่งฐานะยังต่ำกว่าเซียวหลันยวนหน่อยๆ อีกด้วยตอนที่เซียวหลันยวนยังเล็กมากในสมัยก่อน ตอนที่อายุสามขวบ เขาก็ต้องนอบน้อมคารวะต่อเด็กตัวเล็กคนหนึ่งไปแล้วตอนนี้เจ้าเด็กในตอนนั้นเติบโตมาแล้วยังแบกตัวตนฐานะอาวุโสมารังแกลูกชายเขาอีกนี่มันน่าโมโหจริงๆ"เด็ก?"เซียวหลันยวนเหล่พิจารณาตัวเซียวเหยียนจิ่งเรียบๆ"เขาเห็นโลกมากว่ายี่สิบปีแล้ว โตมาสูงกว่าเจ้าเสียอีก คนที่ทำให้สาวใช้ในห้องนอนมีลูกลับๆ ไปทั้งจวนเนี่ยนะ เรียกว่าเด็ก?"ประโยคนี้ของเซียวหลันยวนพอออกไป คนทั้งหมดในลานก็ครึกโครมขึ้นมา"อะไรนะ?""ข้าไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม? " รัฐทายาทเซียวบุกห้องในจวน? แล้วยังมีลูกด้วย?ลูกขุนนางอย่างพวกเขา ล้วนปิดบังสายเลือดกันอย่างพิถีพิถัน ก่อนหน้าที่ภรรยาต
เพราะอะไรกัน?ทำไมเขาจึงรู้ละเอียดขนาดนี้?องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาเองก็มองเซียวเหยียนจิ่งอย่างตกตะลึง ทั้งสองคนสีหน้าดำทมึนไปแล้วเพราะพวกเขาไม่รู้เรื่องนี้เลย"เด็กคนนั้นพวกเจ้าแน่นอนว่าต้องรับไว้ ข้าจำได้ จวนชินอ๋องเซียวเมื่อหนึ่งปีครึ่งก่อนหน้านี้ซื้อตัวคนใช้ไปสองคน ฮูหยินคนนั้นตอนนั้นก็เพิ่งจะคลอดเด็กออกมา บอกว่าที่บ้านจนเพราะคลอดเด็ก จึงขายตัวเข้าไปในจวนชินอ๋องเซียว แต่ตัวเด็กให้คนแก่ที่บ้านดูแล บางครั้งพวกเขาก็ยังอุ้มเด็กไปเดินวนเวียนอยู่ที่จวนชินอ๋องเซียว บอกกับภายนอกว่าเป็นเด็กจากบ้านพวกเขา แต่อันที่จริงเด็กคนนั้นคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้า"เซียวหลันยวนพูดจบเหล่านี้ ก็มองไปทางฟู่จาวหนิงตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าสายตาตนเองแต่ก่อนมันแย่เสียเหลือเกิน?คนเช่นนี้ ผู้ชายเช่นนี้ นางกลับเอาแต่ไล่ตามจะเอามาให้ได้หรือ?พอคิดถึงเรื่องนี้ เซียวหลันยวนก็รู้สึกว่าในใจตนเองอึดอัดไปหมดฟู่จาวหนิงกระพริบตาปริบนางมองเห็นความดูถูกจากสายตาของเขาเอาล่ะๆๆ นางตาบอดไปเองก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่นางเสียด้วย"รัฐทายาทยังไม่รับพระชายาเลย แต่กลับมีลูกเสียแล้ว ตอนนี้มารดาของลูกชายคนโตก็ยังเป็นสาวใช้
เพราะอะไรกัน?ทำไมเขาจึงรู้ละเอียดขนาดนี้?องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาเองก็มองเซียวเหยียนจิ่งอย่างตกตะลึง ทั้งสองคนสีหน้าดำทมึนไปแล้วเพราะพวกเขาไม่รู้เรื่องนี้เลย"เด็กคนนั้นพวกเจ้าแน่นอนว่าต้องรับไว้ ข้าจำได้ จวนชินอ๋องเซียวเมื่อหนึ่งปีครึ่งก่อนหน้านี้ซื้อตัวคนใช้ไปสองคน ฮูหยินคนนั้นตอนนั้นก็เพิ่งจะคลอดเด็กออกมา บอกว่าที่บ้านจนเพราะคลอดเด็ก จึงขายตัวเข้าไปในจวนชินอ๋องเซียว แต่ตัวเด็กให้คนแก่ที่บ้านดูแล บางครั้งพวกเขาก็ยังอุ้มเด็กไปเดินวนเวียนอยู่ที่จวนชินอ๋องเซียว บอกกับภายนอกว่าเป็นเด็กจากบ้านพวกเขา แต่อันที่จริงเด็กคนนั้นคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้า"เซียวหลันยวนพูดจบเหล่านี้ ก็มองไปทางฟู่จาวหนิงตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าสายตาตนเองแต่ก่อนมันแย่เสียเหลือเกิน?คนเช่นนี้ ผู้ชายเช่นนี้ นางกลับเอาแต่ไล่ตามจะเอามาให้ได้หรือ?พอคิดถึงเรื่องนี้ เซียวหลันยวนก็รู้สึกว่าในใจตนเองอึดอัดไปหมดฟู่จาวหนิงกระพริบตาปริบนางมองเห็นความดูถูกจากสายตาของเขาเอาล่ะๆๆ นางตาบอดไปเองก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่นางเสียด้วย"รัฐทายาทยังไม่รับพระชายาเลย แต่กลับมีลูกเสียแล้ว ตอนนี้มารดาของลูกชายคนโตก็ยังเป็นสาวใช้
หมอเทวดาหลี่จ้องสีหน้าของเซียวเหยียนจิ่งเขม็งเขาเองก็มองออกแล้ว ปฏิกิริยานั่นของเซียวเหยียนจิ่ง ก็ถูกอ๋องเจวี้ยนพูดความจริงจี้ใจดำเรื่องนั้นเป็นความจริงเขามองไปทางลูกสาว"จื่อเหยา รัฐทายาทเซียว..."หลี่จื่อเหยากลับรับแรงกระแทกนี้ไม่ไหว ปิดปากร้องไห้โฮขึ้นมาการร้องไห้นี้ สายตาคนทั้งหมดจึงมองมาทางนางสีหน้าชินอ๋องเซียวกับเซียวเหยียนจิ่งดำทมึนขึ้นไปอีกหลี่จื่อเหยาจู่ๆ ก็ร้องไห้ขึ้นมาในช่วงสำคัญเช่นนี้มันเกิดอะไรขึ้น?"พี่เซียวทำไมจึงเป็นเช่นนี้!"หลี่จื่อเหยายืนขึ้นมา ร้องไปทางเซียวเหยียนจิ่งอย่างเสียใจ จากนั้นก็ร้องไห้วิ่งไปทางประตูตำหนักได้ยินเสียงร้องไห้ของนางห่างออกไป ทั่วทั้งลานก็เงียบงันคนทั้งหมดล้วนมองไปทางเซียวเหยียนจิ่งเรื่องนี้คงอธิบายได้ยากแล้วใช่ไหม?แม่นางหลี่ที่อยู่กับเซียวเหยียนจิ่งมาตลอดพอรู้ว่าเรื่องที่อ๋องเจวี้ยนพูดเป็นเรื่องจริง! ยิ่งไปกว่านั้นท่าทางเช่นนี้ของแม่นางหลี่ ก็อธิบายได้แล้วใช่ไหมว่าระหว่างนางกับรัฐทายาทเซียวเองก็ยังไม่แน่ไม่นอน?ตอนนี้แม่นางหลี่รู้สึกว่าถูกหลอก จึงเสียอกเสียใจสินะรัฐทายาทเซียวยังล้อเล่นกับแม่นางอีกคนหรือ?"่จุ๊ๆๆ รู
อ๋องเจวี้ยนให้ความรู้สึกแปลกๆ กับนาง ที่แปลกก็คือฟู่จาวหนิงก็ให้ความรู้สึกเช่นนี้กับนางดื่มกินสุราอาหารกันแล้ว บรรยากาศเปลี่ยนกลับมาเสียทีจากนั้นก็มีนางรำขึ้นมาร่ายรำไปบทเพลงหนึ่ง ดูสนุกสนานมากขึ้นด้วยฟู่จาวหนิงไม่ค่อยได้กินอาหารบนโต๊ะเท่าไรนักเซียวหลันยวนพบว่าในมือนางถือถุงผ้าใบเล็กไว้ ประเดี๋ยวประด๋าวก็หยิบเม็ดถั่วด้านในออกมากิน"อาหารไม่ถูกปากหรือ?" เขาถามนางขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่"เย็นหมดแล้ว ไม่เห็นจะน่าสนใจ" ฟู่จาวหนิงตอบกลับคำหนึ่ง "ท่านเองก็ไม่เห็นจะกินนี่?"นางชิมไปแล้วหลายคำ แต่เขากลับไม่แตะเลยแม้แต่น้อย"กระเพาะไม่ค่อยดี" เซียวหลันยวนตอบกลับมาคำหนึ่ง"เมื่อครู่เรื่องนั้นที่พูดมาเป็นเรื่องจริงไหม?" ฟู่จาวหนิงเขยิบชิดเข้าไป"แล้วเจ้าว่าอย่างไรล่ะ?"ตอบกลับดีดีหน่อยไม่ได้หรือไรกัน?ฟู่จาวหนิงร้องเชอะ ไม่เดาแล้ว อันที่จริงที่นางรู้มาจะต้องเป็นเรื่องจริงแน่ เขาไม่จำเป็นต้องดึงคนอื่นลากลงน้ำไปด้วยเรื่องราวเดิมทีจะต้องเป็นเช่นนี้แน่ เขาก็แค่เปิดโปงออกมาฮองเฮาตอนนี้มองไปทางอันชิง"คุณหนูตระกูลอันเข้าวังมาเป็นครั้งแรกหรือ?"ถึงแม้ตอนที่นางพูดประโยคนี้น้ำเสียงจะดูอ
"บังอาจนัก!"ฮองเฮารู้สึกทนไม่ไหวแล้ว ตะคอกใส่ฟู่จาวหนิงขึ้นมาคำหนึ่งมาบอกว่าฮองเฮาอย่างนางเอาแต่ฟังคนพูดเรื่องไร้สาระหรือ!ฟู่จาวหนิงเห็นนางเป็นฮองเฮาในสายตาหรือไม่กัน?"ฮองเฮา ข้าแค่อยากจะบอกความจริงกับท่านเท่านั้น ไม่ได้บังอาจอะไร เรื่องที่ฮองเฮาถามข้าเองก็เข้าใจมากกว่าจริงๆ จะบอกว่าข้าพูดไม่ได้หรือ?"ฟู่จาวหนิงย้อนถาม สีหน้าดูบริสุทธิ์ไม่มีความผิดคนทั้งหมดล้วนถูกยั่วน้ำลายกันหมดแล้วพวกเขาอันที่จริงก็อยากรู้ ว่าทำไมเรื่องของอันชิง ฟู่จาวหนิงจึงบอกว่านางเข้าใจชัดเจนกว่าตัวอันชิงไม่ใช่กำลังจะส่งตัวอันชิงไปหาอ๋องเจวี้ยนแล้วหรอกหรือ? ฟู่จาวหนิงในฐานะพระชายาอ๋องเจวี้ยนทำไมจึงดูไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย?"เอาล่ะ เช่นนั้นเจ้าพูดมา ข้าจะฟัง พระชายาอ๋องเจวี้ยน""อันที่จริงก็ง่ายดายมาก มีพวกสุนัขใจดำบางคน ใช้พิษที่รุนแรง ทำเรื่องที่ฟ้ายังต้องแค้นคนยังต้องเคืองขึ้นมา"ฟังถึงจุดนี้ อี้ไห่ก็รู้สึกว่าตนเองถูกด่ากราดไปแล้วโดยเฉพาะตอนที่ฟู่จาวหนิงกำลังด่าก็ยังเหลือบมองมาทางเขา คนทั้งหมดก็สังเกตเห็น ตอนนี้ทุกคนก็มองมาทางเขาเช่นกัน"พระชายาอ๋องเจวี้ยน! เจ้าต้องระวังหน่อยนะ!"ฮองเฮาตะค
ไม่ค่อยเหมือนกับที่เคยได้ยินข่าวลือมาแต่ก่อนเลย"ข้าพูดถึงไหนแล้วนะ?"ฟู่จาวหนิงขบคิดอย่างละบากขึ้นมาลู่ทงยกมือขึ้น "ข้ารู้ข้ารู้ พูดถึงคนใช้ของเจ้าสุนัขคนนั้น!""อ่าใช่ๆๆ"ฟู่จาวหนิงยกนิ้วโป้งให้เขา ลู่ทงเองก็ดูสนุกขึ้นมาเสียแล้วลูกพี่หนิงนี่สนุกดีจริงๆ!"คนใช้ของเจ้าสุนัขคนนั้นจะเอาภาระรับผิดชอบมาแบกไว้เอง เพียงแต่ทุกคนที่มีสมองเสียหน่อยก็จะรู้ว่า เรื่องนี้คนที่ได้ประโยชน์ตอนหลังสุด ถึงเป็นไปได้ว่าจะเป็นคนที่อยู่หลังม่าน หลังจากเรื่องของแม่นางอันถูกลือไปในเมืองหลวง ทั่วทั้งเมืองมีใครสักคนพูดบ้างไหมว่านางสุดท้ายต้องออกเรือนกับต้วนจ้ง?ทุกคนฟังแล้วใจสั่นกึกขนาดอี้ไห่เองก็ยังได้สติขึ้นมาจริงด้วย ไม่มีเลย!ทิศทางการปล่อยข่าวลือ ล้วนตรงไปที่ตนเองกับอ๋องเจวี้ยนทั้งนั้นพวกเขาไม่ได้คิดถึงต้วนจ้งเลย!เพราะอี้ไห่ตนเองไม่เคยคิดจะให้อันชิงกับต้วนจ้งไปอยู่ด้วยกันนั่นไง เขามองอันชิงเป็นเหมือนสิ่งของที่ตนเองครอบครองไปแล้ว แล้วจะให้นางไปข้องเกี่ยวกับคนใช้ของตนเองทำไม?ตอนนี้จึงมีช่องโหว่ขึ้นมาแล้ว!เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิงด้วยสายตาลึกหยั่งขนาดเขาก็ยังไม่ได้คิดถึงมุมมองนี้มาก่อ
ฮองเฮารู้สึกอึดอัดแน่นหน้าอกขึ้นมา แน่นเสียจนเกือบจะตาเหลือกหงายหลังสลบไปน่าโมโหมันน่าโมโหเสียจริง!ฟู่จาวหนิงนางกล้าดีอย่างไรกัน!นางเป็นฮองเฮานะ!เดิมทีก็เป็นพระมารดาแห่งใต้หล้า อยู่ใต้เพียงคนเดียวแต่อยู่เหนือคนนับหมื่น คนอื่นเวลาพูดกับนางก็ยังต้องเคารพยำเกรง แล้วฟู่จาวหนิงมาบอกว่ายาที่นางรู้จักมันเป็นยาชั่วร้าย เป็นยาสกปรกที่เอาไว้ทำเรื่องเลวๆ!ถึงแม้นี่จะเป็นเรื่องจริง แต่ใครบ้างที่กล้าถามมาตรงๆ เช่นนี้?องค์จักรพรรดิเห็นฮองเฮาโมโหจนหน้าแดงก่ำ จึงรีบตะคอกใส่ฟู่จาวหนิงคำหนึ่ง "พระชายาอ๋องเจวี้ยน เจ้านี่พูดจาอย่างไรกัน?"องค์จักรพรรดิมาปกป้องภรรยาแล้ว เซียวหลันยวนก็หัวเราะเรียบๆ เอ่ยขึ้นบ้างแล้วเช่นกัน"หนิงหนิงพูดผิดหรือไรกัน? ยาที่ลือกันไปทั้งเมือง พรรณนากันว่าเป็นยาสกปรก""นี่ มันก็ใช่นั่นล่ะ"องค์จักรพรรดิตะลึงงันรู้สึกตัวขึ้นมา พวกเขาเพราะอะไรถึงเดินตามจังหวะของฟู่จาวหนิงอยู่ตลอด?เขาหน้าขรึมลงอีกครั้ง "ตอนนี้พูดกันถึงแต่ยานี้ แล้วยังบอกว่าไม่สามารถถอนพิษได้ พระชายาอ๋องเจวี้ยนนางบอกว่าทำไม แต่ก็ยังพูดว่าพูดจนเหลวไหลหรือ?""ข้ากล้าพูดออกมา แน่นอนว่าเพราะข้ายืนยันได้น
อันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวหลังรู้เรื่องนี้ก็ปวดเศียรเวียนเกล้าผู้ประสบภัยสามคนนั้นก่อนหน้านี้กักกันไว้แล้ว แต่ก่อนหน้าที่จะหาตัวพวกเขาเจอ พวกเขาก็ไปที่ศูนย์พักพิงมาเรียบร้อย ที่นั่นอยู่กันอย่างแน่นขนัด คนหลายคนเพิ่งมาถึง ในใจก็กระวนกระวาย แล้วยังสับสนเป็นพิเศษอีก ไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่ ดังนั้นสามคนนี้จึงดึงคนไม่น้อยเข้ามาพูดคุยกันเพื่อถามนั่นถามนี่ถึงอย่างไรคนที่อยู่ใกล้ด้วยก็น่าจะมีถึงยี่สิบกว่าคน ยี่สิบกว่าคนนี้ก็ยังมีคนที่ตนเองออกไปสัมผัสอยู่อีกและเพราะสามคนนั้นเป็นคนมาใหม่ คนไม่น้อยจึงจำไม่ได้ไม่รู้จัก ถ้าจะให้พวกเขาชี้ตัวคือยากมากผู้บริหารท้องถิ่นโหยวอยากจะประกาศป่าว ให้คนเหล่านั้นลุกออกมากันเอง อันเหนียนกลับรู้สึกว่าถ้าเป็นเช่นนี้ ผู้ประสบภัยอาจจะยิ่งหวาดกลัวเพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกขเาจะกลัวและไม่สงบ แล้วจะเข้ามาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่"เรื่องพูดออกไปตรงๆ ไม่ได้ ต้องบอกว่าผู้ประสบภัยสามคนนั้นมีตัวตนฐานะน่าสงสัย ต้องทำการตรวจสอบ" อันเหนียนตัดสินใจแล้วผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเองก็เห็นด้วยแต่ว่าข้าราชการที่ออกไปประกาศตนเองก็กลัวเหมือนกัน ต้องการห
ถ้าหากฟู่จาวหนิงร้ว่านางกำลังคิดอะไร คงจะหัวเราะออกมาแน่องค์หญิงใหญ่ ตอนนี้กำลังตรวจรักษาอยู่นะ คิดอะไรกัน จะว่าไป ทางกดที่ปอดด้วย ไม่ใช่ที่หน้าอกตอนที่ตรวจฟู่จาวหนิงก็ใจจดใจจ่อมาก จะไปรู้ได้อย่างไรว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดเตลิดไปขนาดนั้น"อีกเดี๋ยวก็รีบต้มยาเสีย วันนี้ต้องดื่มยาสามห่อ ยาหนึ่งห่อต้มด้วยน้ำสามชามให้เหลือหนึ่งชาม"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "อีกเดี๋ยวยาจะส่งเข้ามา แน่ใจว่าจะต้มเองนะ?" ประโยคด้านหลัง ฟู่จาวหนิงมองไปทางเฉินเซียงเฉินเซ๊ยงพยักหน้าทันที "เจ้าค่ะ"ก็ต้องแน่สิ"ข้าจะตรวจเจ้าด้วย มานั่งลงตรงนี้" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆเฉินเซียงนั่งลงไปฟู่จาวหนิงก้มหน้าจับชีพจรให้นาง ตรวจอาการเฉินเซียงเองก็ติดแล้วเหมือนกัน แต่ยังไม่หนักเท่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่ว่านางเหนื่อยเกินไป ดวงตาเขียวคล้ำ"วันนี้ต้องนอนพักผ่อนให้ได้" นางเอ่ยขึ้นคำหนึ่งอาการป่วยจะรุกรานเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็วตอนที่ร่างกายอ่อนล้าขีดสุด"ข้าต้องปรนนิบัติองค์หญิงใหญ่" เฉินเซียงตอบเช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าเถอะฟู่จาวหนิงอยากจะตอบแบบนี้ แต่คำพูดค้างอยู่ที่มุมปาก จึงเปลี่ยนคำอื่น "ถ้าเหนื่อย
ความต้องการของเฉินเซ๊ยง ฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ยังรับปากไปนางยอมจะให้ตนเองเหนื่อยอีกนิด ก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธเพียงแต่เฉินเซียงไม่ค่อยฉลาด ตอนนี้นางเป็นหมอนะ ถ้าหากนางจะทำอะไรล่ะก็ นางห้ามได้เสียที่ไหนกัน?พวกนางไม่เข้าใจวัตถุดิบยาเลยด้วยซ้ำเดิมทีฟู่จาวหนิงก็คิดเช่นนี้ ผลลัพธ์คือเช้าวันต่อมาตอนที่นางเข้าไปตรวจ ก็ได้ยินเฉินเซียงกำลังพูดเสียงแผ่วกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"ข้าน้อยรู้ ว่าหมอเทวดาฟู่ไม่มีทางทำอะไรไม่ดีในวัตถุดิบยากับการรักษา แต่ถ้าหากในใจนางยังคงเคียดแค้นอยู่ล่ะ ให้คนถ่มน้ำลายหรืออะไรลงไปในยาน้ำ พวกเราจะทำอย่างไรกัน?""องค์หญิงใหญ๋ว่าไหม? เรื่องพวกนี้ แต่ก่อนข้าน้อยเคยได้ยินมา ในวังมีคนตั้งมากมายที่ทำ ป้องกันเท่าไรก็ไม่พอ ข้าน้อยไม่มีทางยอมให้องค์หญิงใหญ่ต้องถูกทำให้อัปยศเช่นนี้แน่"ฟู่จาวหนิงโมโหจนขำดังนั้นนิสัยของนางในใจเฉินเซียงต้องเลวร้ายแค่ไหนกันที่แท้ก็กันเรื่องพวกนี้อยู่ นางยังคิดว่ามาป้องกันตนเองจะทำอะไรในวัตถุดิบยาเสียอีก นี่นางคิดเยอะไปสินะแล้วจึงได้ยินเสียงแหบพร่าขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น วันนี้ตอนเช้า เสียงของนางก็เปลี่ยนไปแล้ว แหบลงเหมือนกระดาษทรายขัดอย
นางไม่ได้ถามอะไรอีก เดินไปจับชีพจรองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น วัดอุณหภูมิเกือบสี่สิบองศาเลย คิดไม่ถึงว่าเป็นไข้รุนแรงขนาดนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังทนมาคุยกับนางได้ตั้งหลายคำ"นอกจากตัวร้อน ยังมีตรงไหนไม่สบายอีกไหม? ตรงไหนที่รู้สึกแย่บ้าง?""แค่ก ปวดหัว แล้วก็ดวงตาร้อนผ่าวไปหมด..."องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ตรงหน้าก็มืดไป คอพับคงมาฟู่จาวหนิงปฏิกิริยารวดเร็ว เข้ารับนางไว้ทันทีเฉินเซียงตกใจ "องค์หญิงใหญ่!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็โดนเข้าซะแล้วฟู่จาวหนิงดูอยู่พักหนึ่ง ต้นกำเนิดโรคคือครอบครัวของป้าหนิวหลังจากสังเกตก็พบว่าเฉินเซียงก็เริ่มมีไข้อ่อนๆแต่ว่าองครักษ์คนอื่นยังไม่ติด น่าจะเพราะเดิมทีองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกว่าชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้กัน ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้เข้าใกล้พวกเขาแต่ยังต้องสังเกตต่อฟู่จาวหนิงให้องครักษ์หลายคนนั้นไปหาห้องพักพักผ่อนก่อน ส่วนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกับเฉินเซียงต้องอยู่ที่ห้องนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหมือนได้พักหายใจมาตอบคำถามฟู่จาวหนิงพอดี จากนั้นก็เป็นไข้จนมึนหัว จนไม่รู้สึกตัวไม่ได้สติฟู่จาวหนิงคิดจะฉีดยาให้นาง แต่เฉินเซียงก็ไม่ยอมไปไหนอ
ฟู่จาวหนิงไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาทำอะไรเหมือนกับสืออี นางเองก็อยากรู้มากว่าฝ่าบาทต้าชื่อยอมปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาได้อย่างไรแต่ว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองข้ามปัญหาชื่อเรียกของนางไปแล้ว แต่เอ่ยกับนางอย่างอบอุ่นว่า "เชิญหมอเทวดาฟู่ถามอาการเถิด รบกวนท่านรักษาข้าด้วย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่ใช่คนโง่ ดูจากชุดแต่งกายประหลาดของฟู่จาวหนิง และการที่ฟู่จาวหนิงไม่ให้นางถอดสิ่งที่เรียกว่าหน้ากากปิดปากออก นางก็เดาได้ทันที ว่าโรคของตนเองน่าจะไม่ใช่โรคธรรมดาแต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ไม่ลนลานเลยแม้แต่น้อยถึงแม้โชคดีของนางหลายครั้งจะเป็นสิ่งที่คนทำขึ้น แต่เรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของตัวนางเอง อันที่จริงก็ถือว่ามีโชคดีอยู่มากอย่างเช่นตั้งแต่เด็กนางไม่ค่อยป่วย ต่อให้จะป่วยก็เป็นปัญหาเล็กๆ กระทั่งบางครั้ง การป่วยของนางยังช่วยให้นางเลี่ยงเรื่องแย่ๆ อีกด้วยเหมือนก่อนหน้านี้ที่นี่ไม่รู้ว่าทำไมจึงเวียนหัวจนเป็ฯลม ดังนั้นจึงกลับเมืองหลวงช้าไปสองวัน ผลคือในสองวันนั้น ระหว่างทางมีคนถูกโจรปล้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางป่วยจนต้องเลื่อนเวลา เช่นนั้นนางอาจจะไปเจอกับโ
สิ่งนี้ทำให้เฉินเซียงรู้สึกไม่พอใจแล้ว ทำไมถึงให้องครักษ์มาอยู่ด้วยกันกับพวกนาง?ห้องส้วมล่ะ? หรือว่าพวกนางต้องใช้ร่วมกับองครักษ์สามคนนี้ด้วย?อย่างนี้ได้ที่ไหน!สืออีหลังจากกำชับเสร็จก็ออกไปเตรียมของสิ่งของที่เหลืออยู่ของพวกเขาตอนนี้ไม่พอแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงต้องแบ่งผ้าหุ่มของพวกเขาออกไปสามผืน แล้วนำออกไปของกิน ตอนนี้ก็เป็นแค่หมั่นโถวกับข้าวต้ม บวกกับกับข้าวอีกนิดหน่อย กับข้าวเองก็เหลือไม่มากแล้วหมั่นโถวของพวกเขาตอนนี้ก็ผสมแป้งอื่นเข้าไปด้วยแล้ว ไม่ได้อ่อนนุ่มหอมหวานเหมืนอตอนที่เพิ่งมาแล้ว ถึงอย่างไรกินให้ท้องอิ่มได้ก็ดีมากแล้วอันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวออกหาการบริจาคช่วยเหลือ หวังว่าสองสามวันนี้จะได้ผลลัพธ์อะไรบ้าง ไม่เช่นนั้นคงต้องเอาหมั่นโถวมานึ่งให้เล็กลงหน่อย ไม่แน่อาจจะต้องแบ่งของคนคนหนึ่งเป็นสองส่วนด้วยฟู่จาวหนิงพอดูเรื่องการฉีดยาให้ป้าหนิวเสร็จ ก็ดึงเข็มออก เก็บขวดเปล่ากับตะขอเกี่ยวเล็กกลับไป หลังจากออกประตูมาก็เปลี่ยนชุดป้องกันกับผ้าปิดปากและถุงมือใหม่ จากนั้นจึงไปยังฝั่งตรงข้ามเฉินเซียงพอเห็นนางเข้ามา ก็จำนางได้จากดวงตาของนางเพราะฟู่จาวหนิงห่อตัวมิดชิดย
ฟู่จาวหนิงเองก็คิดไม่ถึงว่าคนที่มาเมืองเจ้อจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกเขาก่อนหน้านี้คาดการณืไว้ ว่าฝ่าบาทของต้าชื่อไม่มีทางปล่อยให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาแน่ที่บอกว่าจะเลือกราชบุตรเขยให้นางแต่เดิม ก็เป็นแค่คำหลอกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทั้งเพองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนั้นไปที่เมืองจี้ ฝ่าบาทต้าชื่อยังส่งคนไปรับนางกลับวังหลวง ฝ่าบาทต้าชื่อรู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นดาวนำโชคของเขามาตลอด โชคบนตัวนางล้วนจะเอามาไว้บนตัวเขาทั้งหมด ดังนั้นจึงมัดนางไว้ข้างกายแต่ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่เพียงแค่ออกมาจากวังหลวง แต่ยังเดินทางมาไกลถึงแคว้นเจา?!นี่มันไม่น่าเชื่อจริงๆไม่น่าเชื่อจนฟู่จิ้นเชินกับต่งฮ่วนจือก็กำลังคาดเดาเจตนาการมาขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่ว่า ตอนนี้พวกเขาไม่มีโอกาสได้ถาม เพราะฟู่จาวหนิงมีคำสั่ง ไม่ให้ใครก็ตามสัมผัสกับกลุ่มขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกจัดไปยังห้องข้างฝั่งตะวันตก อยู่ตรงข้ามกับห้องผู้ป่วยของป้าคนนั้น คั่นไว้ด้วยสวนเล็กๆ ผืนหนึ่งสืออีให้พวกเขาสวมหน้ากากอนามัยทั้งหมดตอนแรกพวกเขาก้ไม่ค่อยยินดีนัก แต่ตอนนี้คนมาถึงแคว้นเจาแล้ว นี่เป็นถิ
สืออีขับรถม้าของตนเองออกไปรับคนแล้วเรื่องนี้เดิมทีก็แปลกอยู่หน่อยๆ ตอนนี้คนส่วนใหญ่ล้วนรู้ว่าเมืองเจ้อมีสถานการณ์เป็นอย่างไร ปกติจะไม่เข้ามากัน ต่อให้จะมาเยี่ยมญาติก็ตาม ไม่มีทางเลือกมาในเวลานี้หรือว่าคนที่มาจากต้าชื่อจะไม่เข้าใจสถานการณ์ของที่นี่?แต่ถ้าไม่ใช่ผู้ประสบภัย ถ้าหากในเมืองมีญาติอยู่ล่ะก็ บางทีอาจจะมีเงินอยู่ พอมาถึงจึงไม่ไปยังศูนย์สังเกตการณ์ น่าจะกลับไปที่บ้านญาติเลย หรืออาจจะไปพักโรงเตี๊ยมดังนั้น คนที่มาเป็นใครกันแน่?สืออีคาดเดาไปตลอดทาง แต่ตอนที่เห็นคนที่มา เขาก็ตกตะลึงไปแล้วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น!ไม่ว่าสืออีจะคิดอย่างไร ก็คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่มาจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาได้อย่างไรกัน?ชั่วขณะหนึ่ง ในสมองสืออีกคิดไปมากมาย จะมากน้อยก็มีทฤษฏีสมคบคิดอยู่บ้างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกว่าจะสงบลงมาได้ หยุดไปแล้ว พอเห็นสืออี นางก็งงงันไปนิดหน่อย ยังจำเขาไม่ได้เพราะสืออีตอนนี้สวมชุดประหลาดแล้วยังสวมหน้ากากอนามัยด้วยแต่เพราะสายตาที่สืออีมองนาง ทำให้นางเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าจะต้องรู้จักนางแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ตกตะลึงแบบนี้นางยังสวมผ้าคลุมอยู่ ถ้าม
"พระชายา เอาข้าวเช้ากับน้ำร้อนมาให้แล้วขอรับ"เสียงของสืออีดังลอดเข้าาฟู่จาวหนิงเดินออกไป "วางไว้ตรงนั้นเลย เจ้าอย่าเข้ามานะ"พอเหลือบมองไป นางยังเห็นฟู่จิ้นเชินด้วย พวกเขาคนหนึ่งหิ้วน้ำร้อน คนหนึ่งถืออาหารเช้า"จาวหนิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" ฟู่จิ้นเชินยืนนิ่ง ถึงแม้อยากจะเดินเข้ามา แต่ก็รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะไม่ให้เขาเข้าไป"ข้าไม่เป็นไร คนป่วยข้างนอกพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?"ฟู่จาวหนิงถามถึงสองพี่น้องเสี่ยวเฟิงเสี่ยวยา พอรู้ว่าพวกเขาไม่เป็นไร นางจึงวางใจลงได้ถือว่าโชคดีจริงๆ ที่หญิงสาวคนนี้มาถึงหลังจากที่พวกเขาทำงานไปแล้วหลายวัน ตอนนี้คนอื่นๆ ปรับตัวได้แล้ว ทำงานกันได้สมเหตุสมผลหมดแล้ว รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรถ้าเป็นเมื่อสามวันก่อน พอนางออกห่าง คนป่ววยพวกนั้นก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร คงจะวุ่นวายกันไปหมดแน่"ผู้ช่วยหมอสามคนที่ใต้เท้าอันหามาก็เพิ่งมาถึง ข้าให้เสี่ยวเยว่นำพวกเขาไปแล้ว ข้าเห็นว่าพวกเขาเองก็มือไม้คล่องแคล่วทำงานได้ดีอยู่ เจ้าไม่ต้องกังวล""ได้ สืออี ไปดูทหารขุนพลบัญชาการกับผู้ประสบภัยคนอื่นที่สัมผัสกับป้าคนนี้หน่อย ระวังด้วยนะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง"่ขอรับ"สืออี