ฟู่จาวหนิงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่นางยังต้องให้เจ้าเด็กน้อยนี่มาเลี้ยงดูหรือ?เจ้าเด็กน้อยไม่ได้เรื่องที่มาหาคนไกลถึงพันลี้ แต่กลับไม่มีเบาะแสอะไรเลย แล้วยังเกือบจะถูกคนตีจนตายเหมือนเหยื่อล่า อย่างเขาเนี่ยนะ คิดจะมาเลี้ยงดูนางกับท่านปู่?"จริงนะ ท่านอย่าไม่เชื่อสิ ตั้งแต่เด็กข้าไม่เคยมีผู้อาวุโสเลย มีแค่ท่านแม่คนเดียวเท่านั้น แต่ว่าท่านแม่เองก็ดูแลมากไม่ไหว ตอนที่ข้าเห็นท่านก็รู้สึกว่าท่านคือพี่สาวของข้า พอเห็นท่านปู่ก็รู้สึกว่าเขาคือท่านปู่ของข้า ข้าพักเข้ามา ก็รู้สึกว่าที่นี่เหมือนบ้านของข้า"เฮ่อเหลียนเฟยกลัวฟู่จาวหนิงจะไม่เชื่อ จึงคิดจะยกมือลั่นคำสาบาน่"เอาล่ะเอาล่ะ เจ้าดูแลตัวเองดีดี ถ้าหากมีคนจากบ้านอื่นมาหาเรื่อง เจ้าก็ให้พวกเขามาขวางเอาไว้แล้วกัน อย่าบุ่มบ่ามรู้ไหม?""ขอรับ พี่หญิง ข้าจะไม่เพิ่มความลำบากให้ท่านแน่""คุณหนู"เสี่ยวเถารีบร้อนวิ่งเข้ามา "ท่านพี่หงจั๋วมาอีกแล้ว"นางรู้จักหงจั๋วกับเฝิ่นซิงแล้ว"นางมาทำอะไรหรือ?"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกแปลกๆ มากันอีกทำไม?"ท่านพี่หงจั๋วบอกว่า องค์จักรพรรดิมีรับสั่ง ให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านเข้าวังไปร่วมงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ ด
คนมากมายล้วนได้รับข่าวในวังหลวงแล้วจู่ๆ ก็มีงานเลี้ยงในวัง ทุกคนล้วนรู้สึกแปลกใจ แต่นี่ก็เป็นรับสั่งจากองค์จักรพรรดิ ทุกคนแน่นอนว่าทำได้เพียงไปตระเตรียม วันถัดมาตอนบ่ายก็ทยอยกันเข้าวังงานเลี้ยงวังนี้จัดขึ้นในตำหนักเหอชิงตำหนักเหอชิงไม่ใหญ่มากนัก ดังนั้นวันนี้จึงไม่ได้มีมหรสพยิ่งใหญ่นัก คนที่เรียกเข้าส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเครือพระญาติในราชวงศ์ และยังมีพวกคนใหญ่โตที่มียศถาหน่อยอีกบางส่วน พาเหล่าภรรยาและทายาทเข้ามาแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่คนที่มาก็ยังมีไม่น้อยในตำหนักจัดโต๊ะไว้สองแถว ตรงกลางเว้นว่างเอาไว้เหล่าสาวชาวเดินเข้าออกจัดวางสำรับอาหารสุราเลิศรสไว้แล้วด้านนอกยังมองเห็นดอกไม้ที่เบ่งบานสะพรั่ง นี่อยู่ในวัง แต่ด้านนอกกลับเหมือนฤดูใบไม้ร่วง ไม่มีดอกไม้เหลืออยู่เลยนายท่านจ้าวก็พาจ้าวเฉินจ้าวหรูมาด้วยนายท่านจ้าวพอเข้ามาก็พูดคุยกับสหายก่อน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่เข้ามาประจบประแจงเยินยอเขา จนทำให้จ้าวเฉินจ้าวหรูที่ได้ยินยืดอกภูมิใจขึ้นมาดูเอาเถิด บิดาของพวกเขาจะได้รับการเอ็นดูจากองค์จักรพรรดิ คนอื่นๆ จึงยกยอพวกเขาเช่นนี้รอจนอันเหนียนอันชิงเข้ามา สีหน้าของพี่น้องก็ดูขรึมลงทันทีเ
พอคนคู่นี้เดินเข้ามา ครู่หนึ่งก็ดึงสายตาคนทั้งหมดไปทันทีในนี้มีคนไม่น้อยที่ตั้งอกตั้งใจแต่งหน้าแต่งตัวมา และยังมีหญิงสูงศักดิ์อีกลหายคนที่อยากจะเข้าวัง ดังนั้นวันนี้จึงแข่งกันสวยแข่งกันงามเดิมทีพวกนางล้วนกำลังแอบพิจารณาการแต่งกายของคนอื่น ต่างฝ่ายต่างมีความคิดขึ้นมาแต่ว่าขณะที่คู่สามีภรรยาอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา ความคิดเหล่านี้ก็ถูกสั่นสะเทือนลอยไปทั้งหมด คนอื่นๆ แต่งตัวกันอย่างไรก็ไม่มีใครสนใจแล้วอ๋องเจวี้ยนมาในชุดจักรพรรดิสีม่วง บนสีม่วงเข้มปักอินทรีเงิน คอปกสีดำ แขนเสื้อสีดำ เข็มขัดเอวสีดำรองเท้าสีดำ ทำให้คนล้วนต้องศิโรราบ ต่อให้เขาสวมหน้ากากเงินครึ่งหน้าอยู่ ก็ไม่ได้ทำลายท่วงท่าของเขาเลย ซ้ำยังทำให้เขาดูแล้วยิ่งเพิ่มความลึกลับขึ้นไปอีกฟู่จาวหนิงที่อยู่ข้างๆ เขาก็อยู่ในชุดชาววังสีม่วง ในสีม่วงมีประกายสีเงิน ขณะที่เดินก็ราวกับจันทราบนฟ้าราตรี ด้นบนปักโบตั๋นสีเงินไว้ ดูสูงส่งเรียบสงบและรูปร่างของนางก็สวยสง่า เรียวคอยาวราวหงส์ฟ้า ไหล่กลึงกลมเกลี้ยงทั้งสอง เอวที่โอบได้รอบ กระโปรงยาวลากพื้น ทรงสง่ามีระดับผมสีดำขลับของนางถูกรวบเป็นมวย เสียบเอาไว้ด้วยปิ่นไข่มุกสองเล่ม และยังมีด
ช่วงนี้นางก็ยังไปหาเซียวเหยียนจิ่งอยู่ตลอด แต่ว่าเขาก็ไม่เออไม่ออกับตนเองสักเท่าไร นางเดิมทีก็รู้สึกไม่วางใจอยู่แล้ว ตอนนี้พอเห็นเซียวเหยียนจิงเป็นแบบนี้ หลี่จื่อเหยาในใจจึงดำดิ่งอยู่ตลอด"องค์จักรพรรดิ"ฮองเฮากว่าจะหาเสียงตนเองเจอ หันหน้าไปมององค์จักรพรรดิ แต่กลับเห็นว่าในตาขององค์จักรพรรดิก็เผยความเคลิบเคลิ้มออกมาด้วย ใจก็ปะทุไฟโกรธขึ้นมาทันทีเจ้าผู้ชายต่ำช้า!นั่นมันน้องสะใภ้ของเจ้านะ!ก่อนหน้านี้เขาเห็นๆ อยู่ว่าไม่ชอบฟู่จาวหนิง ตอนนี้กลับมาเคลิบเคลิ้มเสียอย่างนั้น?ฟู่จาวหนิงนี่มันภัยพิบัติจริงๆ!นางจะต้องกำจัดฟู่จาวหนิงออกไปให้ได้!ถ้าหากหลังจากนี้อ๋องเจวี้ยนป่วยจนตาย ฟู่จาวหนิงในฐานะพระชายาอ๋องเจวี้ยน ก็คงจะมีโอกาสมากเลยทีเดียวที่จะต้องเข้าวัง พอถึงตอนนั้นใครจะรู้ว่านางจะอยากปีนตัวจักรพรรดิ ไปยั่วยวนองค์จักรพรรดิเพราะความเหงาหรือไม่?ตอนนี้ฮองเฮาเกลียดฟู่จาวหนิงแล้วจริงๆฟู่จาวหนิงไม่สนใจสายตาคนทั้งหมด เดินตามอ๋องเจวี้ยนไปหาที่นั่งด้านหน้าอ๋องเจวี้ยนเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"เจ้าดูนิ่งมากจริงๆ"เขารู้สึกว่าฟู่จาวหนิงทำนางเกินคาดจริงๆเดิมทีคิดว่าในฐานะคุณหนูตกอับคนหนึ
"ไม่หรอก ข้าไม่มีอะไรที่ไม่ยินดี เดิมทีข้าก็หน้าตาดีอยู่แล้ว"ฟู่จาวหนิงก็เหมือนฟังไม่ออกว่าอะไรไม่ถูกต้อง ยิ้มตาหยีเอ่ยออกมาคำหนึ่ง แต่ว่าก็เหมือนรู้สึกว่าชมตัวเองแบบนี้ดูไม่ค่อยดี ก็เลยเสริมไปอีกประโยคหนึ่ง "ก็แค่ดูดีกว่าฮองเฮาแค่นิดเดียวเท่านั้น"พูดถึงจุดนี้ นางยังใช้มือวาดเปรียบเทียบ แต่ก็วาดขนาดที่ใหญ่ขนาดแตงโมใหญ่ลูกหนึ่งออกมา ไม่ได้นิดเดียวเลยจริงๆนี่เหมือนกับตบฉาดไปที่หน้าฮองเฮาตรงๆเลยฮองเฮาลมหายใจเร่งถี่ขึ้นมาแล้ว"แต่ว่า ความงามเดิมทีก็มีอยู่นับพันรูปแบบ ไม่ใช่สิ่งที่เป็นเอกภาพ เหล่าคุณหนูฮูหยินก็ล้วนมีคุณค่าของตน ข้าแค่ชนะเพราะจันทราโน้มเมืองชุดนี้ที่ท่านอ๋องของข้าเตรียมไว้ก็เท่านั้น"ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นยืน หมุนตัวเบาๆนางหมุนเช่นนี้ ชายกระโปรงก็หมุนพริ้ว จนส่องแสงระยับจับตา ทำให้คนสัมผัสได้ถึงภาพฉาก "จันทราโน้มเมือง" จริงๆพอชมหญิงสาวที่อยู่ในลานทั้งหมด แล้วยังสาดความรักออกมาอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังขานชื่อชุดกระโปรงทั้งตัวนี้ของนางออกมาอีกเหล่าหญิงสาวในลานพอได้ยินคำพูดของนางก็ล้วนชื่นชมเห็นด้วย ความงามมีอยู่นับพันแบบ ดังนั้นพวกนางเองก็งดงามเช่นกัน ฟู่จาวหนิงพูดได้ถู
พระชายาที่อภิเษกอย่างฉุกละหุกขนาดนั้น จะได้รับของดีมาตั้งมากมายได้อย่างไร?"อายวน เจ้าดูจะมีความรู้สึกให้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยนลึกซึ้งจริงๆ ของขนาดนี้ก็ยังมอบให้นางได้ พวกเจ้าคงไม่ได้รู้จักกันมาก่อนใช่ไหม?" องค์จักรพรรดิอดถามอ๋องเจวี้ยนขึ้นมาไม่ได้เซียวเหยียนจิ่งจ้องเขม็งที่ฟู่จาวหนิงเขาตอนนี้ก็สงสัยเช่นกัน!ฟู่จาวหนิงอาจจะไปยั่วยวนอ๋องเจวี้ยนเอาไว้ตั้งนานแล้วไหม? หลังจากถูกเขาปฏิเสธ นางก็พุ่งเข้าไปหาอ้อมกอดของอ๋องเจวี้ยนทันที!ก่อนหน้านี้เห็นๆ อยู่ว่านางเอาแต่ไล่ตามเขา นางอยากจะแต่งงานกับเขา หรือว่านางหลอกเขามาตลอดกัน?"จาวหนิงเป็นพระชายาของข้า ถ้าข้าไม่นำสิ่งของให้นาง แล้วจะเอาไปให้ใครกัน" อ๋องเจวี้ยนถามขึ้นมาคำหนึ่ง หลังจากนั้นก็ยื่นมือมาจับมือฟู่จาวหนิงเอาไว้ เอ่ยขึ้นกับนางอย่างอ่อนโยน "จาวหนิง นั่งเถอะ ยืนแล้วเหนื่อยนะ"เขาพานางนั่งลงมา ด้วยท่าทีเหมือนรักกันอย่างลึกซึ้งฟู่จาวหนิงยิ้มให้เขา ในดวงตากลับมีสายตาเย้ยหยันแสดง เขากำลังแสดง!ในจวนอ๋อง ตอนเขาให้คนเอาชุดนี้ออกมาก็บอกกับนางเอาไว้อย่างชัดเจน"ชุดกระโปรงนี้ให้เจ้ายืมใส่หนึ่งครั้ง คอยสนับสนุนสถานการณ์ ถึงอย่างไรตร
นี่ไม่ใช่การชม แต่ว่าแม่นางคนอื่นก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเออออกันพวกนางยอมรับคำพูดของฟู่จาวหนิง และเชื่อด้วยเพราะว่าพวกนางตอนนี้เห็นอ๋องเจวี้ยน แต่ในใจพวกนางก็ล้วนวาดโครงกันออกมาจนใจเต้นปึงปังถ้าสามารถสัมผัสระยะใกล้ได้ จากนั้นยังได้ยินอ่องเจวี้ยนใช้น้ำเสียงที่น่าดึงดูดนั่นพูดกับพวกนางอย่างอ่อนโยน พวกนางก็คงถูกทำให้เคลิบเคลิ้มอย่างแน่นอนภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นใบหน้าของอ๋องเจวี้ยนเลยเหล่าชายหนุ่มกลับมีไฟโกรธกันขึ้นมาพวกเขาถูกชายที่สวมหน้ากากคนหนึ่งแซงขึ้นหน้าไปเสียแล้วหลายวันนี้ ในเมืองหลวงล้วนมีคนไม่น้อยที่เดาว่าใบหน้าอ๋องเจวี้ยนน่าจะพิกลพิการไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่ยอมปลดหน้ากากลงมา แล้วยังมีคนที่แอบถากถางประชะประชันเขารับหลังอีกด้วยจะเป็นอ๋องเจวี้ยนได้อย่างไร? เจวี้ยนคำนี้ไม่ได้เหมาะกับเขาที่ใบหน้าพิกลพิการหรอก น่าจะเรียกว่าอ๋องพิการไปเลยดีกว่าพอบวกกับร่างกายของเขาที่ย่ำแย่ขนาดนี้ คอยชุบเลี้ยงอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงมาตลอดหลายปี นั่นคือป่วยหนักแล้วจริงๆแต่ว่าตอนนี้พอเห็นสายตาของเหล่าคณหนูที่นี่ พวกนางล้วนรู้สึกเหมือนถูกตบฉาดเข้ามา"ทำไมข้าถึงจำได้ ว่าแต่ก่อ
ก็จริงนะรัฐทายาทเซียวตอนนั้นเป็นคู่หมั้นของนางนี่นางไล่ตามคู่หมั้นของตนเอง แม้จะเปิดกว้างไปหน่อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดประเพณีนี่? ไม่ถือว่าหน้าไม่อายด้วย?"ยิ่งไปกว่านั้น ท่านปู่ของข้าตอนนั้นสุขภาพร่างกายก็ไม่ดี คนเราไม่ใช่มีคำว่าเติมความสุขเพื่อขับไล่โชคร้ายหรือไรกัน?"ฟู่จาวหนิงประโยคนี้พอพูดออกมา พวกของลู่ทงก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้"เติมความสุขเพื่อขับไล่โชคร้าย?""ถูกต้อง ข้าก็คิดว่าจะเชื่อมันเสียหน่อย จึงไล่ตามคู่หมั้นของข้า อยากจะเติมความสุขเพื่อขับไล่โชคร้ายออกไป ถ้าทำให้อาการป่วยของปู่ข้าดีขึ้น มีอะไรไม่ถูกต้องกัน?"ฟู่จาวหนิงมององค์จักรพรรดิ "องค์จักรพรรดิ การกตัญญูเป็นสิ่งผิดหรือ? บิดามารดาข้าไม่อยู่ ท่านปู่เองก็ล้มป่วย ไม่มีผู้อาวุโสอยู่เลย เช่นนั้นข้าก็ต้องไปจัดการหารือเรื่องแต่งงานเอง มันไม่ถูกหรือ?"เอ่อองค์จักรพรรดิกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาตอนนี้ยังกล้าพูดว่าไม่ถูกได้หรือ?"ถูกสิ ฮะๆ ถูกต้อง"นี่มีอะไรที่ไม่ถูกต้องอีก?ก็แค่พฤติกรรมตรงไปตรงมาไปหน่อยเท่านั้น แต่อันที่จริงก็ไม่ถึงกับระดับที่คนต้องมาเย้ยหยันกันเสียหน่อย กลับกัน นางก็คิดถึงแต่ท่านปู่ พวกเขาเองที
อันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวหลังรู้เรื่องนี้ก็ปวดเศียรเวียนเกล้าผู้ประสบภัยสามคนนั้นก่อนหน้านี้กักกันไว้แล้ว แต่ก่อนหน้าที่จะหาตัวพวกเขาเจอ พวกเขาก็ไปที่ศูนย์พักพิงมาเรียบร้อย ที่นั่นอยู่กันอย่างแน่นขนัด คนหลายคนเพิ่งมาถึง ในใจก็กระวนกระวาย แล้วยังสับสนเป็นพิเศษอีก ไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่ ดังนั้นสามคนนี้จึงดึงคนไม่น้อยเข้ามาพูดคุยกันเพื่อถามนั่นถามนี่ถึงอย่างไรคนที่อยู่ใกล้ด้วยก็น่าจะมีถึงยี่สิบกว่าคน ยี่สิบกว่าคนนี้ก็ยังมีคนที่ตนเองออกไปสัมผัสอยู่อีกและเพราะสามคนนั้นเป็นคนมาใหม่ คนไม่น้อยจึงจำไม่ได้ไม่รู้จัก ถ้าจะให้พวกเขาชี้ตัวคือยากมากผู้บริหารท้องถิ่นโหยวอยากจะประกาศป่าว ให้คนเหล่านั้นลุกออกมากันเอง อันเหนียนกลับรู้สึกว่าถ้าเป็นเช่นนี้ ผู้ประสบภัยอาจจะยิ่งหวาดกลัวเพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกขเาจะกลัวและไม่สงบ แล้วจะเข้ามาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่"เรื่องพูดออกไปตรงๆ ไม่ได้ ต้องบอกว่าผู้ประสบภัยสามคนนั้นมีตัวตนฐานะน่าสงสัย ต้องทำการตรวจสอบ" อันเหนียนตัดสินใจแล้วผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเองก็เห็นด้วยแต่ว่าข้าราชการที่ออกไปประกาศตนเองก็กลัวเหมือนกัน ต้องการห
ถ้าหากฟู่จาวหนิงร้ว่านางกำลังคิดอะไร คงจะหัวเราะออกมาแน่องค์หญิงใหญ่ ตอนนี้กำลังตรวจรักษาอยู่นะ คิดอะไรกัน จะว่าไป ทางกดที่ปอดด้วย ไม่ใช่ที่หน้าอกตอนที่ตรวจฟู่จาวหนิงก็ใจจดใจจ่อมาก จะไปรู้ได้อย่างไรว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดเตลิดไปขนาดนั้น"อีกเดี๋ยวก็รีบต้มยาเสีย วันนี้ต้องดื่มยาสามห่อ ยาหนึ่งห่อต้มด้วยน้ำสามชามให้เหลือหนึ่งชาม"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "อีกเดี๋ยวยาจะส่งเข้ามา แน่ใจว่าจะต้มเองนะ?" ประโยคด้านหลัง ฟู่จาวหนิงมองไปทางเฉินเซียงเฉินเซ๊ยงพยักหน้าทันที "เจ้าค่ะ"ก็ต้องแน่สิ"ข้าจะตรวจเจ้าด้วย มานั่งลงตรงนี้" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆเฉินเซียงนั่งลงไปฟู่จาวหนิงก้มหน้าจับชีพจรให้นาง ตรวจอาการเฉินเซียงเองก็ติดแล้วเหมือนกัน แต่ยังไม่หนักเท่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่ว่านางเหนื่อยเกินไป ดวงตาเขียวคล้ำ"วันนี้ต้องนอนพักผ่อนให้ได้" นางเอ่ยขึ้นคำหนึ่งอาการป่วยจะรุกรานเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็วตอนที่ร่างกายอ่อนล้าขีดสุด"ข้าต้องปรนนิบัติองค์หญิงใหญ่" เฉินเซียงตอบเช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าเถอะฟู่จาวหนิงอยากจะตอบแบบนี้ แต่คำพูดค้างอยู่ที่มุมปาก จึงเปลี่ยนคำอื่น "ถ้าเหนื่อย
ความต้องการของเฉินเซ๊ยง ฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ยังรับปากไปนางยอมจะให้ตนเองเหนื่อยอีกนิด ก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธเพียงแต่เฉินเซียงไม่ค่อยฉลาด ตอนนี้นางเป็นหมอนะ ถ้าหากนางจะทำอะไรล่ะก็ นางห้ามได้เสียที่ไหนกัน?พวกนางไม่เข้าใจวัตถุดิบยาเลยด้วยซ้ำเดิมทีฟู่จาวหนิงก็คิดเช่นนี้ ผลลัพธ์คือเช้าวันต่อมาตอนที่นางเข้าไปตรวจ ก็ได้ยินเฉินเซียงกำลังพูดเสียงแผ่วกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"ข้าน้อยรู้ ว่าหมอเทวดาฟู่ไม่มีทางทำอะไรไม่ดีในวัตถุดิบยากับการรักษา แต่ถ้าหากในใจนางยังคงเคียดแค้นอยู่ล่ะ ให้คนถ่มน้ำลายหรืออะไรลงไปในยาน้ำ พวกเราจะทำอย่างไรกัน?""องค์หญิงใหญ๋ว่าไหม? เรื่องพวกนี้ แต่ก่อนข้าน้อยเคยได้ยินมา ในวังมีคนตั้งมากมายที่ทำ ป้องกันเท่าไรก็ไม่พอ ข้าน้อยไม่มีทางยอมให้องค์หญิงใหญ่ต้องถูกทำให้อัปยศเช่นนี้แน่"ฟู่จาวหนิงโมโหจนขำดังนั้นนิสัยของนางในใจเฉินเซียงต้องเลวร้ายแค่ไหนกันที่แท้ก็กันเรื่องพวกนี้อยู่ นางยังคิดว่ามาป้องกันตนเองจะทำอะไรในวัตถุดิบยาเสียอีก นี่นางคิดเยอะไปสินะแล้วจึงได้ยินเสียงแหบพร่าขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น วันนี้ตอนเช้า เสียงของนางก็เปลี่ยนไปแล้ว แหบลงเหมือนกระดาษทรายขัดอย
นางไม่ได้ถามอะไรอีก เดินไปจับชีพจรองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น วัดอุณหภูมิเกือบสี่สิบองศาเลย คิดไม่ถึงว่าเป็นไข้รุนแรงขนาดนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังทนมาคุยกับนางได้ตั้งหลายคำ"นอกจากตัวร้อน ยังมีตรงไหนไม่สบายอีกไหม? ตรงไหนที่รู้สึกแย่บ้าง?""แค่ก ปวดหัว แล้วก็ดวงตาร้อนผ่าวไปหมด..."องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ตรงหน้าก็มืดไป คอพับคงมาฟู่จาวหนิงปฏิกิริยารวดเร็ว เข้ารับนางไว้ทันทีเฉินเซียงตกใจ "องค์หญิงใหญ่!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็โดนเข้าซะแล้วฟู่จาวหนิงดูอยู่พักหนึ่ง ต้นกำเนิดโรคคือครอบครัวของป้าหนิวหลังจากสังเกตก็พบว่าเฉินเซียงก็เริ่มมีไข้อ่อนๆแต่ว่าองครักษ์คนอื่นยังไม่ติด น่าจะเพราะเดิมทีองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกว่าชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้กัน ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้เข้าใกล้พวกเขาแต่ยังต้องสังเกตต่อฟู่จาวหนิงให้องครักษ์หลายคนนั้นไปหาห้องพักพักผ่อนก่อน ส่วนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกับเฉินเซียงต้องอยู่ที่ห้องนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหมือนได้พักหายใจมาตอบคำถามฟู่จาวหนิงพอดี จากนั้นก็เป็นไข้จนมึนหัว จนไม่รู้สึกตัวไม่ได้สติฟู่จาวหนิงคิดจะฉีดยาให้นาง แต่เฉินเซียงก็ไม่ยอมไปไหนอ
ฟู่จาวหนิงไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาทำอะไรเหมือนกับสืออี นางเองก็อยากรู้มากว่าฝ่าบาทต้าชื่อยอมปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาได้อย่างไรแต่ว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองข้ามปัญหาชื่อเรียกของนางไปแล้ว แต่เอ่ยกับนางอย่างอบอุ่นว่า "เชิญหมอเทวดาฟู่ถามอาการเถิด รบกวนท่านรักษาข้าด้วย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่ใช่คนโง่ ดูจากชุดแต่งกายประหลาดของฟู่จาวหนิง และการที่ฟู่จาวหนิงไม่ให้นางถอดสิ่งที่เรียกว่าหน้ากากปิดปากออก นางก็เดาได้ทันที ว่าโรคของตนเองน่าจะไม่ใช่โรคธรรมดาแต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ไม่ลนลานเลยแม้แต่น้อยถึงแม้โชคดีของนางหลายครั้งจะเป็นสิ่งที่คนทำขึ้น แต่เรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของตัวนางเอง อันที่จริงก็ถือว่ามีโชคดีอยู่มากอย่างเช่นตั้งแต่เด็กนางไม่ค่อยป่วย ต่อให้จะป่วยก็เป็นปัญหาเล็กๆ กระทั่งบางครั้ง การป่วยของนางยังช่วยให้นางเลี่ยงเรื่องแย่ๆ อีกด้วยเหมือนก่อนหน้านี้ที่นี่ไม่รู้ว่าทำไมจึงเวียนหัวจนเป็ฯลม ดังนั้นจึงกลับเมืองหลวงช้าไปสองวัน ผลคือในสองวันนั้น ระหว่างทางมีคนถูกโจรปล้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางป่วยจนต้องเลื่อนเวลา เช่นนั้นนางอาจจะไปเจอกับโ
สิ่งนี้ทำให้เฉินเซียงรู้สึกไม่พอใจแล้ว ทำไมถึงให้องครักษ์มาอยู่ด้วยกันกับพวกนาง?ห้องส้วมล่ะ? หรือว่าพวกนางต้องใช้ร่วมกับองครักษ์สามคนนี้ด้วย?อย่างนี้ได้ที่ไหน!สืออีหลังจากกำชับเสร็จก็ออกไปเตรียมของสิ่งของที่เหลืออยู่ของพวกเขาตอนนี้ไม่พอแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงต้องแบ่งผ้าหุ่มของพวกเขาออกไปสามผืน แล้วนำออกไปของกิน ตอนนี้ก็เป็นแค่หมั่นโถวกับข้าวต้ม บวกกับกับข้าวอีกนิดหน่อย กับข้าวเองก็เหลือไม่มากแล้วหมั่นโถวของพวกเขาตอนนี้ก็ผสมแป้งอื่นเข้าไปด้วยแล้ว ไม่ได้อ่อนนุ่มหอมหวานเหมืนอตอนที่เพิ่งมาแล้ว ถึงอย่างไรกินให้ท้องอิ่มได้ก็ดีมากแล้วอันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวออกหาการบริจาคช่วยเหลือ หวังว่าสองสามวันนี้จะได้ผลลัพธ์อะไรบ้าง ไม่เช่นนั้นคงต้องเอาหมั่นโถวมานึ่งให้เล็กลงหน่อย ไม่แน่อาจจะต้องแบ่งของคนคนหนึ่งเป็นสองส่วนด้วยฟู่จาวหนิงพอดูเรื่องการฉีดยาให้ป้าหนิวเสร็จ ก็ดึงเข็มออก เก็บขวดเปล่ากับตะขอเกี่ยวเล็กกลับไป หลังจากออกประตูมาก็เปลี่ยนชุดป้องกันกับผ้าปิดปากและถุงมือใหม่ จากนั้นจึงไปยังฝั่งตรงข้ามเฉินเซียงพอเห็นนางเข้ามา ก็จำนางได้จากดวงตาของนางเพราะฟู่จาวหนิงห่อตัวมิดชิดย
ฟู่จาวหนิงเองก็คิดไม่ถึงว่าคนที่มาเมืองเจ้อจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกเขาก่อนหน้านี้คาดการณืไว้ ว่าฝ่าบาทของต้าชื่อไม่มีทางปล่อยให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาแน่ที่บอกว่าจะเลือกราชบุตรเขยให้นางแต่เดิม ก็เป็นแค่คำหลอกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทั้งเพองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนั้นไปที่เมืองจี้ ฝ่าบาทต้าชื่อยังส่งคนไปรับนางกลับวังหลวง ฝ่าบาทต้าชื่อรู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นดาวนำโชคของเขามาตลอด โชคบนตัวนางล้วนจะเอามาไว้บนตัวเขาทั้งหมด ดังนั้นจึงมัดนางไว้ข้างกายแต่ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่เพียงแค่ออกมาจากวังหลวง แต่ยังเดินทางมาไกลถึงแคว้นเจา?!นี่มันไม่น่าเชื่อจริงๆไม่น่าเชื่อจนฟู่จิ้นเชินกับต่งฮ่วนจือก็กำลังคาดเดาเจตนาการมาขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่ว่า ตอนนี้พวกเขาไม่มีโอกาสได้ถาม เพราะฟู่จาวหนิงมีคำสั่ง ไม่ให้ใครก็ตามสัมผัสกับกลุ่มขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกจัดไปยังห้องข้างฝั่งตะวันตก อยู่ตรงข้ามกับห้องผู้ป่วยของป้าคนนั้น คั่นไว้ด้วยสวนเล็กๆ ผืนหนึ่งสืออีให้พวกเขาสวมหน้ากากอนามัยทั้งหมดตอนแรกพวกเขาก้ไม่ค่อยยินดีนัก แต่ตอนนี้คนมาถึงแคว้นเจาแล้ว นี่เป็นถิ
สืออีขับรถม้าของตนเองออกไปรับคนแล้วเรื่องนี้เดิมทีก็แปลกอยู่หน่อยๆ ตอนนี้คนส่วนใหญ่ล้วนรู้ว่าเมืองเจ้อมีสถานการณ์เป็นอย่างไร ปกติจะไม่เข้ามากัน ต่อให้จะมาเยี่ยมญาติก็ตาม ไม่มีทางเลือกมาในเวลานี้หรือว่าคนที่มาจากต้าชื่อจะไม่เข้าใจสถานการณ์ของที่นี่?แต่ถ้าไม่ใช่ผู้ประสบภัย ถ้าหากในเมืองมีญาติอยู่ล่ะก็ บางทีอาจจะมีเงินอยู่ พอมาถึงจึงไม่ไปยังศูนย์สังเกตการณ์ น่าจะกลับไปที่บ้านญาติเลย หรืออาจจะไปพักโรงเตี๊ยมดังนั้น คนที่มาเป็นใครกันแน่?สืออีคาดเดาไปตลอดทาง แต่ตอนที่เห็นคนที่มา เขาก็ตกตะลึงไปแล้วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น!ไม่ว่าสืออีจะคิดอย่างไร ก็คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่มาจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาได้อย่างไรกัน?ชั่วขณะหนึ่ง ในสมองสืออีกคิดไปมากมาย จะมากน้อยก็มีทฤษฏีสมคบคิดอยู่บ้างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกว่าจะสงบลงมาได้ หยุดไปแล้ว พอเห็นสืออี นางก็งงงันไปนิดหน่อย ยังจำเขาไม่ได้เพราะสืออีตอนนี้สวมชุดประหลาดแล้วยังสวมหน้ากากอนามัยด้วยแต่เพราะสายตาที่สืออีมองนาง ทำให้นางเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าจะต้องรู้จักนางแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ตกตะลึงแบบนี้นางยังสวมผ้าคลุมอยู่ ถ้าม
"พระชายา เอาข้าวเช้ากับน้ำร้อนมาให้แล้วขอรับ"เสียงของสืออีดังลอดเข้าาฟู่จาวหนิงเดินออกไป "วางไว้ตรงนั้นเลย เจ้าอย่าเข้ามานะ"พอเหลือบมองไป นางยังเห็นฟู่จิ้นเชินด้วย พวกเขาคนหนึ่งหิ้วน้ำร้อน คนหนึ่งถืออาหารเช้า"จาวหนิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" ฟู่จิ้นเชินยืนนิ่ง ถึงแม้อยากจะเดินเข้ามา แต่ก็รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะไม่ให้เขาเข้าไป"ข้าไม่เป็นไร คนป่วยข้างนอกพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?"ฟู่จาวหนิงถามถึงสองพี่น้องเสี่ยวเฟิงเสี่ยวยา พอรู้ว่าพวกเขาไม่เป็นไร นางจึงวางใจลงได้ถือว่าโชคดีจริงๆ ที่หญิงสาวคนนี้มาถึงหลังจากที่พวกเขาทำงานไปแล้วหลายวัน ตอนนี้คนอื่นๆ ปรับตัวได้แล้ว ทำงานกันได้สมเหตุสมผลหมดแล้ว รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรถ้าเป็นเมื่อสามวันก่อน พอนางออกห่าง คนป่ววยพวกนั้นก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร คงจะวุ่นวายกันไปหมดแน่"ผู้ช่วยหมอสามคนที่ใต้เท้าอันหามาก็เพิ่งมาถึง ข้าให้เสี่ยวเยว่นำพวกเขาไปแล้ว ข้าเห็นว่าพวกเขาเองก็มือไม้คล่องแคล่วทำงานได้ดีอยู่ เจ้าไม่ต้องกังวล""ได้ สืออี ไปดูทหารขุนพลบัญชาการกับผู้ประสบภัยคนอื่นที่สัมผัสกับป้าคนนี้หน่อย ระวังด้วยนะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง"่ขอรับ"สืออี