พระชายาที่อภิเษกอย่างฉุกละหุกขนาดนั้น จะได้รับของดีมาตั้งมากมายได้อย่างไร?"อายวน เจ้าดูจะมีความรู้สึกให้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยนลึกซึ้งจริงๆ ของขนาดนี้ก็ยังมอบให้นางได้ พวกเจ้าคงไม่ได้รู้จักกันมาก่อนใช่ไหม?" องค์จักรพรรดิอดถามอ๋องเจวี้ยนขึ้นมาไม่ได้เซียวเหยียนจิ่งจ้องเขม็งที่ฟู่จาวหนิงเขาตอนนี้ก็สงสัยเช่นกัน!ฟู่จาวหนิงอาจจะไปยั่วยวนอ๋องเจวี้ยนเอาไว้ตั้งนานแล้วไหม? หลังจากถูกเขาปฏิเสธ นางก็พุ่งเข้าไปหาอ้อมกอดของอ๋องเจวี้ยนทันที!ก่อนหน้านี้เห็นๆ อยู่ว่านางเอาแต่ไล่ตามเขา นางอยากจะแต่งงานกับเขา หรือว่านางหลอกเขามาตลอดกัน?"จาวหนิงเป็นพระชายาของข้า ถ้าข้าไม่นำสิ่งของให้นาง แล้วจะเอาไปให้ใครกัน" อ๋องเจวี้ยนถามขึ้นมาคำหนึ่ง หลังจากนั้นก็ยื่นมือมาจับมือฟู่จาวหนิงเอาไว้ เอ่ยขึ้นกับนางอย่างอ่อนโยน "จาวหนิง นั่งเถอะ ยืนแล้วเหนื่อยนะ"เขาพานางนั่งลงมา ด้วยท่าทีเหมือนรักกันอย่างลึกซึ้งฟู่จาวหนิงยิ้มให้เขา ในดวงตากลับมีสายตาเย้ยหยันแสดง เขากำลังแสดง!ในจวนอ๋อง ตอนเขาให้คนเอาชุดนี้ออกมาก็บอกกับนางเอาไว้อย่างชัดเจน"ชุดกระโปรงนี้ให้เจ้ายืมใส่หนึ่งครั้ง คอยสนับสนุนสถานการณ์ ถึงอย่างไรตร
นี่ไม่ใช่การชม แต่ว่าแม่นางคนอื่นก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเออออกันพวกนางยอมรับคำพูดของฟู่จาวหนิง และเชื่อด้วยเพราะว่าพวกนางตอนนี้เห็นอ๋องเจวี้ยน แต่ในใจพวกนางก็ล้วนวาดโครงกันออกมาจนใจเต้นปึงปังถ้าสามารถสัมผัสระยะใกล้ได้ จากนั้นยังได้ยินอ่องเจวี้ยนใช้น้ำเสียงที่น่าดึงดูดนั่นพูดกับพวกนางอย่างอ่อนโยน พวกนางก็คงถูกทำให้เคลิบเคลิ้มอย่างแน่นอนภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นใบหน้าของอ๋องเจวี้ยนเลยเหล่าชายหนุ่มกลับมีไฟโกรธกันขึ้นมาพวกเขาถูกชายที่สวมหน้ากากคนหนึ่งแซงขึ้นหน้าไปเสียแล้วหลายวันนี้ ในเมืองหลวงล้วนมีคนไม่น้อยที่เดาว่าใบหน้าอ๋องเจวี้ยนน่าจะพิกลพิการไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่ยอมปลดหน้ากากลงมา แล้วยังมีคนที่แอบถากถางประชะประชันเขารับหลังอีกด้วยจะเป็นอ๋องเจวี้ยนได้อย่างไร? เจวี้ยนคำนี้ไม่ได้เหมาะกับเขาที่ใบหน้าพิกลพิการหรอก น่าจะเรียกว่าอ๋องพิการไปเลยดีกว่าพอบวกกับร่างกายของเขาที่ย่ำแย่ขนาดนี้ คอยชุบเลี้ยงอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงมาตลอดหลายปี นั่นคือป่วยหนักแล้วจริงๆแต่ว่าตอนนี้พอเห็นสายตาของเหล่าคณหนูที่นี่ พวกนางล้วนรู้สึกเหมือนถูกตบฉาดเข้ามา"ทำไมข้าถึงจำได้ ว่าแต่ก่อ
ก็จริงนะรัฐทายาทเซียวตอนนั้นเป็นคู่หมั้นของนางนี่นางไล่ตามคู่หมั้นของตนเอง แม้จะเปิดกว้างไปหน่อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดประเพณีนี่? ไม่ถือว่าหน้าไม่อายด้วย?"ยิ่งไปกว่านั้น ท่านปู่ของข้าตอนนั้นสุขภาพร่างกายก็ไม่ดี คนเราไม่ใช่มีคำว่าเติมความสุขเพื่อขับไล่โชคร้ายหรือไรกัน?"ฟู่จาวหนิงประโยคนี้พอพูดออกมา พวกของลู่ทงก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้"เติมความสุขเพื่อขับไล่โชคร้าย?""ถูกต้อง ข้าก็คิดว่าจะเชื่อมันเสียหน่อย จึงไล่ตามคู่หมั้นของข้า อยากจะเติมความสุขเพื่อขับไล่โชคร้ายออกไป ถ้าทำให้อาการป่วยของปู่ข้าดีขึ้น มีอะไรไม่ถูกต้องกัน?"ฟู่จาวหนิงมององค์จักรพรรดิ "องค์จักรพรรดิ การกตัญญูเป็นสิ่งผิดหรือ? บิดามารดาข้าไม่อยู่ ท่านปู่เองก็ล้มป่วย ไม่มีผู้อาวุโสอยู่เลย เช่นนั้นข้าก็ต้องไปจัดการหารือเรื่องแต่งงานเอง มันไม่ถูกหรือ?"เอ่อองค์จักรพรรดิกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาตอนนี้ยังกล้าพูดว่าไม่ถูกได้หรือ?"ถูกสิ ฮะๆ ถูกต้อง"นี่มีอะไรที่ไม่ถูกต้องอีก?ก็แค่พฤติกรรมตรงไปตรงมาไปหน่อยเท่านั้น แต่อันที่จริงก็ไม่ถึงกับระดับที่คนต้องมาเย้ยหยันกันเสียหน่อย กลับกัน นางก็คิดถึงแต่ท่านปู่ พวกเขาเองที
องค์จักรพรรดิเข้าไกล่เกลี่ย ชินอ๋องเซียวรู้สึกขุ่นเคือง"อ๋องเจวี้ยนถึงแม้จะเป็นผู้อาวุโสของจิ่งเอ๋อร์ แต่ว่าเด็กก็แค่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ไปชั่วขณะ พอถูกคนอื่นทำให้หัวเราะก็โมโหขึ้นมา และไม่จำเป็นต้องมาเลาะฟันเาออกซี่นึงเช่นนี้นี่"ชินอ๋องเซียวมองเซียวหลันยวนมันน่าโกรธไหม? เขาโตกว่าเซียวหลันยวนถึงยี่สิบกว่าปี แต่ก็ยังอยู่ในระดับเดียวกันกับเขา กระทั่งฐานะยังต่ำกว่าเซียวหลันยวนหน่อยๆ อีกด้วยตอนที่เซียวหลันยวนยังเล็กมากในสมัยก่อน ตอนที่อายุสามขวบ เขาก็ต้องนอบน้อมคารวะต่อเด็กตัวเล็กคนหนึ่งไปแล้วตอนนี้เจ้าเด็กในตอนนั้นเติบโตมาแล้วยังแบกตัวตนฐานะอาวุโสมารังแกลูกชายเขาอีกนี่มันน่าโมโหจริงๆ"เด็ก?"เซียวหลันยวนเหล่พิจารณาตัวเซียวเหยียนจิ่งเรียบๆ"เขาเห็นโลกมากว่ายี่สิบปีแล้ว โตมาสูงกว่าเจ้าเสียอีก คนที่ทำให้สาวใช้ในห้องนอนมีลูกลับๆ ไปทั้งจวนเนี่ยนะ เรียกว่าเด็ก?"ประโยคนี้ของเซียวหลันยวนพอออกไป คนทั้งหมดในลานก็ครึกโครมขึ้นมา"อะไรนะ?""ข้าไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม? " รัฐทายาทเซียวบุกห้องในจวน? แล้วยังมีลูกด้วย?ลูกขุนนางอย่างพวกเขา ล้วนปิดบังสายเลือดกันอย่างพิถีพิถัน ก่อนหน้าที่ภรรยาต
เพราะอะไรกัน?ทำไมเขาจึงรู้ละเอียดขนาดนี้?องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาเองก็มองเซียวเหยียนจิ่งอย่างตกตะลึง ทั้งสองคนสีหน้าดำทมึนไปแล้วเพราะพวกเขาไม่รู้เรื่องนี้เลย"เด็กคนนั้นพวกเจ้าแน่นอนว่าต้องรับไว้ ข้าจำได้ จวนชินอ๋องเซียวเมื่อหนึ่งปีครึ่งก่อนหน้านี้ซื้อตัวคนใช้ไปสองคน ฮูหยินคนนั้นตอนนั้นก็เพิ่งจะคลอดเด็กออกมา บอกว่าที่บ้านจนเพราะคลอดเด็ก จึงขายตัวเข้าไปในจวนชินอ๋องเซียว แต่ตัวเด็กให้คนแก่ที่บ้านดูแล บางครั้งพวกเขาก็ยังอุ้มเด็กไปเดินวนเวียนอยู่ที่จวนชินอ๋องเซียว บอกกับภายนอกว่าเป็นเด็กจากบ้านพวกเขา แต่อันที่จริงเด็กคนนั้นคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้า"เซียวหลันยวนพูดจบเหล่านี้ ก็มองไปทางฟู่จาวหนิงตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าสายตาตนเองแต่ก่อนมันแย่เสียเหลือเกิน?คนเช่นนี้ ผู้ชายเช่นนี้ นางกลับเอาแต่ไล่ตามจะเอามาให้ได้หรือ?พอคิดถึงเรื่องนี้ เซียวหลันยวนก็รู้สึกว่าในใจตนเองอึดอัดไปหมดฟู่จาวหนิงกระพริบตาปริบนางมองเห็นความดูถูกจากสายตาของเขาเอาล่ะๆๆ นางตาบอดไปเองก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่นางเสียด้วย"รัฐทายาทยังไม่รับพระชายาเลย แต่กลับมีลูกเสียแล้ว ตอนนี้มารดาของลูกชายคนโตก็ยังเป็นสาวใช้
เพราะอะไรกัน?ทำไมเขาจึงรู้ละเอียดขนาดนี้?องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาเองก็มองเซียวเหยียนจิ่งอย่างตกตะลึง ทั้งสองคนสีหน้าดำทมึนไปแล้วเพราะพวกเขาไม่รู้เรื่องนี้เลย"เด็กคนนั้นพวกเจ้าแน่นอนว่าต้องรับไว้ ข้าจำได้ จวนชินอ๋องเซียวเมื่อหนึ่งปีครึ่งก่อนหน้านี้ซื้อตัวคนใช้ไปสองคน ฮูหยินคนนั้นตอนนั้นก็เพิ่งจะคลอดเด็กออกมา บอกว่าที่บ้านจนเพราะคลอดเด็ก จึงขายตัวเข้าไปในจวนชินอ๋องเซียว แต่ตัวเด็กให้คนแก่ที่บ้านดูแล บางครั้งพวกเขาก็ยังอุ้มเด็กไปเดินวนเวียนอยู่ที่จวนชินอ๋องเซียว บอกกับภายนอกว่าเป็นเด็กจากบ้านพวกเขา แต่อันที่จริงเด็กคนนั้นคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้า"เซียวหลันยวนพูดจบเหล่านี้ ก็มองไปทางฟู่จาวหนิงตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าสายตาตนเองแต่ก่อนมันแย่เสียเหลือเกิน?คนเช่นนี้ ผู้ชายเช่นนี้ นางกลับเอาแต่ไล่ตามจะเอามาให้ได้หรือ?พอคิดถึงเรื่องนี้ เซียวหลันยวนก็รู้สึกว่าในใจตนเองอึดอัดไปหมดฟู่จาวหนิงกระพริบตาปริบนางมองเห็นความดูถูกจากสายตาของเขาเอาล่ะๆๆ นางตาบอดไปเองก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่นางเสียด้วย"รัฐทายาทยังไม่รับพระชายาเลย แต่กลับมีลูกเสียแล้ว ตอนนี้มารดาของลูกชายคนโตก็ยังเป็นสาวใช้
หมอเทวดาหลี่จ้องสีหน้าของเซียวเหยียนจิ่งเขม็งเขาเองก็มองออกแล้ว ปฏิกิริยานั่นของเซียวเหยียนจิ่ง ก็ถูกอ๋องเจวี้ยนพูดความจริงจี้ใจดำเรื่องนั้นเป็นความจริงเขามองไปทางลูกสาว"จื่อเหยา รัฐทายาทเซียว..."หลี่จื่อเหยากลับรับแรงกระแทกนี้ไม่ไหว ปิดปากร้องไห้โฮขึ้นมาการร้องไห้นี้ สายตาคนทั้งหมดจึงมองมาทางนางสีหน้าชินอ๋องเซียวกับเซียวเหยียนจิ่งดำทมึนขึ้นไปอีกหลี่จื่อเหยาจู่ๆ ก็ร้องไห้ขึ้นมาในช่วงสำคัญเช่นนี้มันเกิดอะไรขึ้น?"พี่เซียวทำไมจึงเป็นเช่นนี้!"หลี่จื่อเหยายืนขึ้นมา ร้องไปทางเซียวเหยียนจิ่งอย่างเสียใจ จากนั้นก็ร้องไห้วิ่งไปทางประตูตำหนักได้ยินเสียงร้องไห้ของนางห่างออกไป ทั่วทั้งลานก็เงียบงันคนทั้งหมดล้วนมองไปทางเซียวเหยียนจิ่งเรื่องนี้คงอธิบายได้ยากแล้วใช่ไหม?แม่นางหลี่ที่อยู่กับเซียวเหยียนจิ่งมาตลอดพอรู้ว่าเรื่องที่อ๋องเจวี้ยนพูดเป็นเรื่องจริง! ยิ่งไปกว่านั้นท่าทางเช่นนี้ของแม่นางหลี่ ก็อธิบายได้แล้วใช่ไหมว่าระหว่างนางกับรัฐทายาทเซียวเองก็ยังไม่แน่ไม่นอน?ตอนนี้แม่นางหลี่รู้สึกว่าถูกหลอก จึงเสียอกเสียใจสินะรัฐทายาทเซียวยังล้อเล่นกับแม่นางอีกคนหรือ?"่จุ๊ๆๆ รู
อ๋องเจวี้ยนให้ความรู้สึกแปลกๆ กับนาง ที่แปลกก็คือฟู่จาวหนิงก็ให้ความรู้สึกเช่นนี้กับนางดื่มกินสุราอาหารกันแล้ว บรรยากาศเปลี่ยนกลับมาเสียทีจากนั้นก็มีนางรำขึ้นมาร่ายรำไปบทเพลงหนึ่ง ดูสนุกสนานมากขึ้นด้วยฟู่จาวหนิงไม่ค่อยได้กินอาหารบนโต๊ะเท่าไรนักเซียวหลันยวนพบว่าในมือนางถือถุงผ้าใบเล็กไว้ ประเดี๋ยวประด๋าวก็หยิบเม็ดถั่วด้านในออกมากิน"อาหารไม่ถูกปากหรือ?" เขาถามนางขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่"เย็นหมดแล้ว ไม่เห็นจะน่าสนใจ" ฟู่จาวหนิงตอบกลับคำหนึ่ง "ท่านเองก็ไม่เห็นจะกินนี่?"นางชิมไปแล้วหลายคำ แต่เขากลับไม่แตะเลยแม้แต่น้อย"กระเพาะไม่ค่อยดี" เซียวหลันยวนตอบกลับมาคำหนึ่ง"เมื่อครู่เรื่องนั้นที่พูดมาเป็นเรื่องจริงไหม?" ฟู่จาวหนิงเขยิบชิดเข้าไป"แล้วเจ้าว่าอย่างไรล่ะ?"ตอบกลับดีดีหน่อยไม่ได้หรือไรกัน?ฟู่จาวหนิงร้องเชอะ ไม่เดาแล้ว อันที่จริงที่นางรู้มาจะต้องเป็นเรื่องจริงแน่ เขาไม่จำเป็นต้องดึงคนอื่นลากลงน้ำไปด้วยเรื่องราวเดิมทีจะต้องเป็นเช่นนี้แน่ เขาก็แค่เปิดโปงออกมาฮองเฮาตอนนี้มองไปทางอันชิง"คุณหนูตระกูลอันเข้าวังมาเป็นครั้งแรกหรือ?"ถึงแม้ตอนที่นางพูดประโยคนี้น้ำเสียงจะดูอ
ป้าหนิวคิดถึงครอบครัวตนเองที่ป่วยตายระหว่างทาง ก็ก้มหน้าลงปาดน้ำตาในใจนางเองก็เจ็บปวดมากในบ้านเหลือนางแค่คนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นครอบครัวก็ล้วนป่วยตายกลางทางในจุดที่แตกต่างกัน กระทั่งไม่ได้จัดการฝังไว้ด้วยกันดีดี พอคิดแล้ว ก็เหมือนทั้งห้าคน ราวกับเป็นหลุมศพทิ้งร้างข้างทางห้าหลุมตอนนั้นนางไม่รู้จริงๆ ว่าโรคนี้จะระบาดได้รุนแรงขนาดนี้ คิดแค่ว่าครอบครัวพวกเขาเดิมทีก็อยู่ด้วยกัน ร่างกายก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ดังนั้นจะป่วยไปด้วยกันก็ไม่แปลกบ้านเกิดพวกเขาเองก็มีคนมากมายที่เป็นดรคหวัด ไม่กินไม่ดื่ม และไม่ได้รักษากินยา จนกระทั่งป่วยตายไปการป่วยตายสำหรับคนจนอย่างพวกเขาถือว่าเป็นเรื่องปกติ นางไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้นตอนที่สามีนางตายบอกกับนางว่า ตายไปยังสู้มีชีวิตอยู่ไม่ได้ ต่อให้ในบ้านจะป่วยตายกัน เหลือนางแค่คนเดียวก็ยังต้องมีชีวิตต่อ หลังจากนี้จะได้ยังพอเผากระดาษให้ครอบครัวได้ด้วยประโยคนี้ ป้าหนิวจึงยืนหยัดต่อมาไม่เช่นนางนั้นคงตามคนในครอบครัวไปด้วยกันแล้ว"ป้าหนิว ท่านอย่าไปคิดมาก ท่านช่วงนี้ช่วยเหลือมามากมายแล้ว เป็นคนดีแน่นอน" ฟู่จาวหนิงตบลงบนบ่านาง"ขอบคุณมากหมอฟู่ ท่านมีงานอะไร
เป็นเจ้าโรคนั้นแล้วหรือ?"ฮูหยิน ท่านไม่สบายตรงไหน?""มีไข้ มึนหัว ตอนนี้ทั้งตัวไม่มีแรงแล้ว เอว เอวก็ปวด แล้วยังไออีก"ต่งฮ่วนจือพอได้ยินก็รู้สึกว่าแย่แล้วเหมือนอาการจะตรงกันหมดเลยตอนนี้เองอาเหอก็ออกมา พอเห็นหญิงสาว แม้นางจะสวมหน้ากากปิดจมูกอยู่ แต่เนื่องจากหลายวันนี้เขายุ่งอยู่กับการจัดแจงที่พั จึงจำนางได้"ป้าอาหลี่?""ข้า ข้าเอง""ผู้จัดการต่ง นาง นางคือคนในท้องถิ่นขอรับ" อาเหอบอกต่งฮ่วนจือสองคนสบตากัน สายตาเคร่งขรึมฟู่จาวหนิงบอกไว้ว่ากังวลเรื่องที่คนท้องถิ่นจะติดโรคระบาด นั่นอาจจะระบาดออกเป็นวงกว้างได้ ตอนนี้มีคนท้องถิ่นติดโรคแล้วจริงๆป้าหาหลี่เอ่ยขึ้น "แล้วก้ พวกเราในซอยนั้นยังมีตาเฒ๋าอู๋ที่อาศัยอยู่คนเดียวอีกคน เมื่อครู่ตอนที่ข้าเดินผ่านบ้านเขา ก็ได้ยินเสียงไออย่างรุนแรง ข้าไม่กล้าไปดู ไม่รู้ว่าต้องรายงานใต้เท้าโหยวไหม?""ซู๊ด"สถานการณ์แย่แล้วจริงๆ"ป้าอาหลี่ ท่านรอก่อน"อาเหอเข้าไปบอกคำหนึ่ง ให้คนถอยออกไปก่อน จากนั้นจึงให้ป้าอาหลี่เข้ามา เดินตามตนเองไปยังห้องข้างฝั่งตะวันตกที่ประตูวงกลม ฟู่จิ้นเชินตรวจดูนางให้ก่อน จากนั้นค่อยตะโกนเรียกฟู่จาวหนิงส่วนอาเห
ภรรยาอายุน้อยคนหนึ่งกำลังหอบฟืนเดินเข้ามา พอได้ยินเสียงไอของแม่สามี จึงรีบเดินเข้าไป"ท่านแม่ ไม่สบายตรงไหนหรือเลป่า ให้ข้าต้มแทนให้เถอะ""แค่ต้มข้าวต้มเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่กๆๆ"ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพอเห็ฯนาง แม้จะรู้สึกพูดลำบาก แต่พอได้ยินนางไออีกครั้งก็ยังทนไม่ไหว"ท่านแม่ ใต้เท้าโหยวไม่ใช่บอกแล้วหรือ ว่าคนที่ไปช่วยแจกข้าวต้มไม่ให้กลับมาบ้านชั่วคราว? เพราะว่ากลัวผู้ประสบภัยพวกนั้นระบาดโรคใส่หรือเปล่า ก่อนหน้านี้ท่านก็ไปช่วยมานี่นา ถ้าอย่างนั้น..."หญิงสาวตัวแข็งไป "ไม่ ไม่หรอกกระมัง? เมื่อวานข้าไม่ได้ไป วันก่อนเลยกลับมา"เมื่อวานบอกว่าคนที่ไปช่วยอย่าเพิ่งกลับบ้านชั่วคราว ให้อยู่ที่ศูนย์พักพิงกันก่อนเมื่อวันก่อนตอนกลางคืนนางมีธุระพอดีจึงขอลากลับมา พอได้ยินข่าวก็เลยไม่ได้ไปอีกเมื่อวานยังมีข้าราชการเข้ามาถามอยู่เลย ว่านางมีตรงไหนไม่สบายบ้างไหม แต่เมื่อวานนังยังไม่เริ่มไป แค่รู้สึกตัวเย็นหน่อยๆ ตอนนั้นรู้สึกว่าน่าจะเหนื่อยเกินไป ไม่ได้นอนดีดี ไม่รู้สึกว่าตนเองป่วยเลยบอกไปว่าไม่มีผลคือวันนี้กลับเริ่มไอเสียแล้ว"ศูนย์พักพิงทางนั้นวันนี้พาคนไปแล้วหลายคน ครั้งนี้บอกว่
เฉินเซ๊ยงเดินไปเดินมา กัดฟัน ทำความเคาระ "หมอเทวดาฟู่ แค่กๆ รบกวนท่านไปฝังเข็มให้พวกเราที...""ยุ่งอยู่ ตอนนี้ยังไปไม่ได้" ฟู่จาวหนิงไม่แม้แต่จะเงยหน้าเฉินเซียงขบฟันแน่น "เช่นนั้นพวกเราจะรอ ขอเชิญหมอเทวดาฟู่รีบมาด้วย!"องค์หญิงใหญ่อ่อนข้อให้แล้ว นางเองก็ทำได้แค่ก้มหัวต่ำรอจนนางออกไปแล้ว ป้าหนิวจึงเบ้ปาก "กว่าจะมากันได้?"วิชาแพทย์ของหมอฟู่นั้นยอดเยี่ยมมาก ถ้าไม่ใช่พวกนางรนหาที่ตายกัน ต่อให้อาจจะไม่ได้ดีขึ้นทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ต้องดีขึ้นบ้างตอนนี้องค์หญิงใหญ่นั่นแค่ลุกจากเตียงก็ยังไม่ได้ เฉินเซียงนี่ก็เหมือนจะเป็นลมแหล่ไม่เป็นลมแหล่อยู่แล้วร่างกายของตัวเองแท้ๆ ทำไมต้องมาทะเลาะกับหมอแบบนี้กัน?ฟู่จาวหนิงกว่าจะจัดการเสร็จ มานั่งพักใต้ต้นไม้กับฟู่จิ้นเชินด้านนอกฟู่จิ้นเชินยื่นน้ำให้นางแก้วหนึ่ง จากนั้นลุกไปยืนด้านหลังนาง "รังเกียจที่ข้าจะนวดไหล่ให้ไหม?"ไม่รอให้ฟู่จาวหนิงพูด มือของเขาก็วางอยู่บนบ่านางแล้ว ออกแรงกดนวดให้นางหลายวันนี้ ฟู่จาวหนิงเหนื่อยเกินไปแล้ว ทุกวันเหมือนสองมือไม่ใช่ของตนเอง บ่ากับคอก็เมื่อยไปหมด ตอนนี้มีคนมาเป็นห่วงตนเองแบบนี้ ช่วยนวดให้ซักหน่อย นางก็ร
"ป้าหนิว ท่านพาคนป่วยที่อาการเบาลงแล้วพวกนั้นย้ายมาที่ห้องนี้ แล้วให้คนป่วยใหม่เข้ามา"ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ห้องที่นางพักอยู่ข้างๆ นี้ ตอนนี้มีแค่ห้องนี้แล้วที่ยังว่าง"อะไรนะ? ท่านจะให้พวกเขาเข้ามาอีกหรือ? แค่กๆๆ ไม่ได้นะ..."เฉินเซียงพอได้ยิน ก็คัดค้านทันที"ก่อนหน้านี้คุยกันไว้ดีแล้ว ว่าจะไม่ให้คนพวกนี้เข้ามา ตอนนี้ทำไมถึงกลับคำ...""ใครคุยไว้ดีแล้วกับเจ้ากัน?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยเสียงเย็นชาขึ้นมา ไม่สนใจนางคนป่วยห้าคนนั้นถูกส่งตัวเข้ามา ฟู่จาวหนิงวุ่นอยู่กับการจัดพวกเขา แล้วต้องไปรักษาพวกเขาอีกฟู่จิ้นเชินเองก็รีบเข้ามาช่วยเฉินเซียงโมโหจนทนไม่ไหว ปิดประตูดังปัง เข้าไปฟ้องกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"องค์หญิงใหญ่ ฟู่จาวหนิงน่ารังเกียจนัก นางไม่ญาติดีกับท่านจริงๆ! ตามหลักการแล้ว ก่อนหน้านี้ท่านก็แค่คิดจะเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนที่ทัดเทียมกับนางแค่นนั้นเอง ไม่ได้คิดจะให้นางออกจากตำแหน่งเสียหน่ยอ ท่านเป็นถึงองคืหญิงใหญ่ก็ถือว่าลดตัวลงมาแล้ว แต่นางกลับทำตัวหยิ่งยโส?"ความอ่อนโยนขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเกือบจะถูกทำลายลงเพราะอาการป่วยนี่แล้วนางนอนอยู่บนเตียง ไอจนแทบไม่อาลัยอาวรณ์ในชีวิตอีก
ฟู่จาวหนิงหลายวันนี้ก็วุ่นจนแทบบ้า เป็นไปไม่ได้ที่ทุกวันจะคอยมาจับตาดูองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่านางยังไปสระหัวด้วยในยุคปัจจุบันการเป็นหวัดเป็นไข้แล้วสระหัวล้างตัวมันทำได้ ผมทุกคนไม่ได้ยาวมาก มีน้ำใช้อย่างเพียงพอ ห้องอาบน้ำก็ยังอุ่น สระเสร็จก็เป่าให้แห้งได้ทันทีแต่ที่นี่ สภาพแวดล้อมกับปัจจัยมันแตกต่างกันนะ!ในห้องแค่จุดถ่านไว้ อันที่จริงก็ยังไม่อุ่นพอเลย เพราะถ่านของพวกเขาไม่พอ!แล้วก็ ผมพวกนางก็ยาวมาก ผมยาวดกหนา พอไม่มีเครื่องเป่าผม สระครั้งหนึ่ง ต้องใช้ผ้าเช็ดกันอยู่กนาน แล้วยังต้องรอให้แห้งอีกบางครั้งเวลาที่ใช้ก็ต้องมากถึงสองชั่วยามป่วยขนาดนี้แล้วแท้ๆ...ฟู่จาวหนิงเกือบจะโมโหจนหัวเราะออกมา"ข้าไม่สนที่พวกเจ้าจะสระผม เพราะร่างกายเป็นของพวกเจ้าเอง คำพูดดีดีมันโน้มน้าวพวกผีสมควรตายลำบาก" นางหัวเราะเย็นชา"แต่ว่า รู้ไหมว่าตอนนี้พวกเจ้าอยู่ที่ไหน? อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน? ที่นี่มันเมืองเจ้อ คนทั้งหมดวุ่นกันจนไม่มีเวลานอน ที่นี่ไม่มีคนใช้มาคอยปรนนิบัติพวกเจ้า ทุกวันเพื่อต้มน้ำให้เพียงพอกับทุกคน องครักษ์ของพวกเราต้องไปผ่าฟืนยกน้ำมากันอย่างสุดกำลัง เรื่องนี้พวกเจ
ฟู่จาวหนิงยังคิดจะอธิบย ต่อให้เป็นเชื้อร้ายแบบเดียวกัน บนคนป่วยที่ไม่เหมือนกันก็ยังมีระดับปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน นี่ต้องดูภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วย...แต่คำพูดของนางยังไม่ทันพูดจบ เฉินเซียงก็โมโหจนตัดบทนาง"ข้าได้ยินมาแค่ว่า คนที่สุขภาพยิ่งดี ก็จะยิ่งหายป่วยง่าย องค์หญิงใหญ๋ของเราเป็นหญิงสาวชั้นสูง ร่างกายต้องดีกว่าประชาชนทั่วไปอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่นั้นองค์หญิงใหญ่ของพวกเราก็ไม่ได้ท้องหิวอีกด้วย แต่นาง!"เฉินเซียงชี้ไปทางป้าหนิว "ข้าได้ยินว่า ระหว่างทางที่นางมาเมืองเจ้อก็ทนหิวมาตลอดทาง สุขภาพนางต้องแย่กว่าพวกเรามาก ดังนั้น เพราะอะไรนางถึงหายได้ไวกว่าพวกเรากัน?!"ความเร็วในการดีขึ้นของอาการเกี่ยวข้องกับสุขภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย นี่ก็เป็นคำพูดที่ฟู่จาวหนิงเคยพูดไว้ฟู่จาวหนิงคิดในใจ ป้าหนิวต้องหายไวอยู่แล้ว นางได้รับการฉีดยาให้ยานะ แล้วยังใช้ยาที่ค้นคว้ามาแล้วด้วยยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายป้าหนิวเดิมทีก็มีภูมิคุ้มกันกับโรคนี้มาระดับหนึ่งแล้ว ครอบครัวหกคน คนอื่นทนไม่ไหวตายกันไปก่อน เหลือแค่ป้าหนิว ร่างกายของนางต่อต้านกับไวรัสชนิดนี้แล้วแต่พวกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แค่ยาก็ยังจะต้มกินเ
โชคขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตั้งแต่เด็กจนโตนั้นลือกันมาอยู่ไม่น้อย ปีที่แล้วหลังจากกลับเมืองหลวงมาจากสุสานจักรพรรดิ นางก็มีเรื่องราวอีกไม่น้อยที่ทำให้คนรู้สึกว่าโชคดี และมีฟ้ามาคุ้มครองแล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ซวยแบบนี้?ฟู่จิ้นเชินเองก็ยังรู้สึกแปลกประหลาด เพราะตอนอยู่ที่ต้าชื่อเขาเคยได้ยินมาแล้ว ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีโชคดีมาโดยตลอด"ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นางยังป่วยหนักมาก หลายวันแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น" ฟู่จิ้นเชินขมวดคิ้วเขาตอนนี้กังวลหน่อยๆ กลัวว่าถ้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาเกิดเรื่องอะไรที่นี่เข้า ฝ่าบาทต้าชื่อถึงตอนนั้นจะเอาความผิดมายัดไว้บนหัวฟู่จาวหนิงจะคิดไหมว่านางไม่ยอมรักษาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นดีดี?และอาจจะคิดไปในทางลบ รู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกคนที่นี่ทำร้ายจนตายหรือเปล่า?สิ่งที่ฟู่จิ้นเชินไม่รู้ก็คือ ตอนนี้ในห้องข้างฝั่งตะวันตก เฉินเซ๊ยงก็ทะเลาะกับฟู่จาวหนิงขึ้นมาแล้วเพราะวันนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไอจนพูดออกมาไม่ได้เลยสักคำคนที่เคยไออย่างรุนแรงจะเข้าใจ ว่าการไอต่อเนื่องไม่หยุดนี้มันทรมานมากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกทรมานจนไอไปด้วยร้องไห้ไปด้วย ดวงตาเองก็แดงก่ำ และเพราะไอมา
ผู้ประสบภัยที่สัมผัสใกล้ชิดหลายคนนั้น ติดโรคกันจริงๆ ด้วยพวกเขาเองก็โชคไม่ดี ตอนนั้นก็นอนกันไม่หลับ เลยมารวมตัวกันพูดคุยสัพเพเหระ ทุกคนได้เล่าเรื่องสนุกๆ กันออกมา รู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่ทำให้พวกเขาลืมความเหนื่อยยากวิตกกังวลในปัจจุบันไปได้ชั่วคราวผลคือพอคุยถึงเรื่องสนุก ก็หัวเราะร่ากัน น้ำลายแตกฟองตอนนั้นเสียงก็ดังมาก ดึงดูดคนรอบๆ เข้ามาร่วมวงด้วย คุยสัพเพเหระไปกับพวกเขาคืนนั้นสนุกสนานเฮฮา แต่ตอนนี้ต้องมาอกสั่นขวัญหาย"หมอฟู่เองก็เคยบอกพวกเขาแล้ว ว่าหลายวันนี้ให้พยายามอย่ารวมกลุ่มกันพูดคุย ห่างกันได้มากหน่อยก็ให้ห่าง แล้วทำไมยังมาทำเรื่องแบบนี้กันอีก?"ผู้ช่วยหมอคนหนึ่งโกรธมากหลังจากได้ยินสาเหตุที่คนมากขนาดนี้ติดโรค คนของที่นี่ก็โกรธกันขึ้นมาจริงๆวันที่สองที่ป้าหนิวเข้ามาที่นี่ ฟู่จาวหนิงก็ให้คนออกไปเตือนผู้ประสบภัยแล้ว เรื่องที่ต้องระมัดระวัง แจ้งเตือนพวกเขาไปทั้งหมดแต่ตอนนี้ดูท่า ยังมีคนมากมายที่ไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ"ห้องข้างฝั่งตะวันตกทางนั้นยังรับคนได้อีกไหม?"อันเหนียนตามเข้ามา แม้จะเป็นช่วงเดือนสองแล้ว แต่เขาก็ยังมีเหงื่อเต็มหน้าผากวิ่งไปวิ่งมาตลอด ทั้งเร่งท