เสื้อผ้าของเขายังไม่ได้เปิดขึ้น พอเห็นว่าบนตัวมีผ้าขาวพันไว้หนา หน้าอกเองก็ยังพันเอาไว้บนหัวโกนไปเล็กน้อย พันผ้าไว้ด้วยฮูหยินหลินมองสภาพของเข้าก็ร้องไห้ขึ้นมา "หมอเทวดาฟู่ เขา เขา...""หัวของเขาถูกกระแทกอย่างแรง ทำการผ่าตัดเล็กๆ ไปแล้ว แผลที่หน้าอกก็ลึกมาก อวัยวะภายในบาดเจ็บจนเลือดคั่ง ดูดออกมาแล้ว ก่อนหน้าที่จะสลบเป็นไปได้มากว่าถูกมัดแล้วตีทำร้าย แต่ว่าตอนนี้เขายังเคลื่นอย้ายไปไหนมาไหนไม่ได้ พวกท่านถ้าคิดจะพาเขากลับไป ต้องระมัดระวังอย่างมาก ต้องทำแคร่มาคอยแบกยก"ฟู่จาวหนิงเอาส่วนใหญ่บอกกับแม่สามีลูกสะใภ้แล้ว"ไม่ใช่บอกว่า แค่ล้มตกลงมาจากหน้าผาในเขาหรอกหรือ? ทำไมถึงถูกมัดแล้วเฆี่ยนตีได้กัน?" ฮูหยินร้องไห้จนเงยหน้าไม่ขึ้นฟู่จาวหนิงตอนนี้จึงพบว่าพวกเขายังไม่รู้ว่าแผลของหลินต๋าไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เกิดจากคนกระทำ"แผลที่หน้าอกเขา ก็น่าจะเกิดจากคนกระทำด้วย แม้สิ่งที่ทำร้ายจะเป็นเถาวัลย์หนาม แต่ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่ กำลังแตกต่างกัน บาดแผลก็แตกต่างกัน""ใครกันแน่ที่มาทำร้ายลูกๆ ของบ้านเรา ต๋าเอ๋อร์ของพวกเราปกติแม้จะเกเรบ้าง แต่ก็ไม่ได้ไปทำเรื่องที่ร้ายแรงอะไรนี่นา!""คืนนี้ยังต้องสัง
ใครจะมาเป็นพ่อแม่คนที่สองให้ท่านกัน?ฟู่จาวหนิงมองชายกลางคนร่างใหญ่ตรงหน้า พูดอะไรไม่ออกไปพักหนึ่ง"รองผู้บัญชาการหลิน ท่านเองก็อายุใกล้จะสี่สิบแล้วกระมัง? ท่านมองหมอเทวดาฟู่ดีดีสิ คนเขาเพิ่งจะอยู่วัยหนุ่มสาว..." ผิงเหอกงเองก็พูดไม่ออกคนเขาเป็นหมอเทวดาอายุยังไม่ทันยี่สิบ ดอกไม้ที่เพิ่งจะเบ่งบาน แล้วจะให้มาเป็นพ่อแม่คนที่สองชายตัวเขื่องอย่างท่านเนี่ยนะ?ให้ตายเถอะ เขารังเกียจแทนฟู่จาวหนิงขึ้นมา"เอ่อ! หมอเทวดาฟู่ท่านอายุน้อยเพียงนี้เชียว?!"รองผู้บัญชาการหลินเงยหน้าขึ้น ตอนนี้จึงเพิ่งได้เห็นหน้าตาฟู่จาวหนิงชัดๆเขาเองก็งงงันไปแล้วฟู่จาวหนิงยิ่งพูดไม่ออก นี่เมื่อครู่เขายังไม่ทันจะมองนางเลย ก็โขกหัวตึงตึงตึงสามครั้งเสียแล้ว"รองผู้บัญชาการหลินรีบลุกขึ้นเถิด"ฮูหยินหลินใหญ่เองก็ยังไม่ทันเห็นลูกชายของตน นางก้มหน้ารองไห้มองหลานชายบนเตียง ในใจรู้สึกยิ่งซาบซึ้งกับฟู่จาวหนิงลูกชายคนนี้ร่างใหญ่โต แล้วยังดูดุร้ายด้วย กว่าจะเลี้ยงดูหลานให้ดูดีเช่นนี้ ถ้าต้องมาตายจากไป นางคงไม่มีนางไปพบสามีแล้วรอจนรองผู้บัญชาการหลินฟังเรื่องทั้งหมดจบ ในใจก็หวาดผวาขึ้นมาเขาขอบคุณฟู่จาวหนิงอีกหลายคร
ฟู่จาวหนิงบอกเรื่องที่ต้องระวังกับพวกเขาอย่างละเอียด จากนั้นจึงออกจากจวนตระกูลหลิวนางขี่ม้าของจวนผิงเหอกงมา เซียวหลันยวนกลับใช้วิชาตัวเบาเข้ามา ตอนนี้ขากลับจึงขี่ม้ากลับพร้อมนางผิงเหอกงขี่ม้าตามอยู่ด้านหลัง ตอนนี้ฟ้ามืดแล้วเขายังไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงยังจะไปรักษาขาให้เซี่ยนอันไหมแต่เขากลับรู้สึกว่าชายหนุ่มสวมหน้ากากที่วิทยายุทธ์สูงส่งคนนี้ไม่ควรเข้าไปยั่วโมโห จึงไม่กล้าเอ่ยขึ้นตรงๆยังดีที่ฟู่จาวหนิงกลับไปที่เรือนผิงเหอกงก่อนไป๋หู่กับเสี่ยวชิ่นขับรถม้าไปรับจวนผิงเหอกง เตรียมรับตัวฟู่จาวหนิง"ข้าไปรักษาให้คุณชายน้อยเหอก่อนเดี๋ยวกลับมา" ฟู่จาวหนิงลงจากรถม้า บอกกับเซียวหลันยวน "ท่านจะกลับไปก่อนไหม?""ข้าจะรอเจ้า""คุณชายเองก็เข้ามาด้วยเถิด ข้าจะให้คนนำน้ำชามาให้!" ผิงเหอกงรีบต้อนรับคนเข้าไปองค์หญิงใหญ่รอพวกเขาอยู่นานแล้ว พอเห็นฟู่จาวหนิง นางก็รีบเดินเข้ามาตำหนิด้วยสีหน้าไม่พอใจ"เจ้าไปที่ไหนมากัน? ทำไมไปทั้งครึ่งค่อนวัน! เชิญเจ้าให้มาช่วยรักษาขาของอันเอ๋อร์ แต่เจ้ากลับวิ่งไปสนใจคนอื่นทำไม? เจ้าเป็นหมอของอันเอ๋อร์ แล้วปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน เจ้า..."ผิงเหอกงคิดไม่ถ
ฟู่จาวหนิงพยักหน้า "อืม ยังไม่ตายชั่วคราว"เหอเซี่ยนอันน้ำตาไหลอาบลงมา"ดีจริงๆ หลังจากนี้รอให้พวกเขาหายดี ข้าจะต้องให้พวกเขามาโขกศีรษะให้ท่านให้ได้"ฟู่จาวหนิงนึกถึงตอนที่รองผู้บัญชาการหลินโขกศีรษะตึงๆๆ วันนี้ขึ้นมา "ไม่ต้องหรอก"นางไม่ได้มีงานอดิเรกที่จะต้องให้คนมาโขกศีรษะให้ส่งเดชแบบนั้นพอรักษาครั้งที่สองให้กับเหอเซี่ยนอัน ปฏิเสธการเลี้ยงอาหารอย่างอบอุ่นของผิงเหอกง ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนก็ขึ้นรถม้ากลับไป"คุณหนู นายท่านบอกว่า ทางนั้นมีคนมากมายรู้จักแล้ว ให้ย้ายไปพักอีกที่หนึ่ง ของไว้จะย้ายตามไปให้"ฟู่จาวหนิงเลิกม่านออกมอง ไม่ได้กลับไปยังเส้นทางเรือนนั้นจริงๆนางเองก็ไม่ได้ใส่ใจ"สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินก็พาไปด้วยแล้ว ไม่ต้องกังวล" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นหลานหรงบอกกับเขาไว้แล้วพวกเขาจะต้องตามไปด้วยแน่เดิมทีที่นั่นพวกของท่านอารองก็รู้จัก ไม่ได้ปลอดภัยเอาเสียเลย ใครจะรู้ว่าตอนไหนจะพาคนเข้าไปหาอีก?ฟู่จาวหนิงพอนึกถึงคนป่วยที่อยู่ในมือตอนนี้ ก็ถอนหายใจออกมา"คิดไม่ถึงว่าแค่ครู่เดียวก็จะต้องมารักษามากถึงขนาดนี้"นางยังคิดว่าพรุ่งนี้จะดึงเอาของประหลาดนั่นออกมาจากหัวของฟู่จิ
"ดีเลย"เสิ่นเสวียนเปลี่ยนที่พักมาอีกแห่ง ครั้งนี้คือเรือนที่ไม่เด่นสะดุดตาในซอยที่ค่อนข้างเงียบสงบมืดสลัวเส้นหนึ่งสวนคะนึงหลังจากเข้าประตูมาจึงพบว่า ด้านในยังใหญ่กว่าเรือนเดิมระดับหนึ่งเซียวหลันยวนหลังจากเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสงบเยือกเย็นรอบๆ"ที่นี่ท่านลุงจัดวางองครักษ์ลับไว้ไม่น้อย" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงต่ำกับฟู่จาวหนิงเดินมาไม่กี่ก้าวไป๋รื่อก็ออกมาต้อนรับเซียวหลันยวนมองการก้าวเดินเข้ามาของเขา สายตาขรึมลงเล็กน้อย"คุณหนูจาวหนิง อาเขย เชิญตามข้ามา"ไป๋รื่อมาพาพวกเขาเข้าไป แล้วยังกำชับให้เดินตามเขาด้วยเซียวหลันยวนจูงมือฟู่จาวหนิงพูดขึ้นมาก็แปลก แม้จะเห็นทางเดินปูด้วยหินเรียบง่าย มีต้นไม้ดอกไม้สูงเท่าคนอยู่สองฝั่ง แต่พอเดินขึ้นมากลับรู้สึกสับสน"ที่นี่วางค่ายกลประตูพิเศษไว้" เซียวหลันยวนพูดบาๆ ข้างหูฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงรู้สึกประหลาดใจพอตรงหน้าสว่าง หอสองชั้นหอหนึ่งก็ปรากฏขึ้น"เอ๋? ที่นี่ดูใหญ่โตกว่ามากเลย""คุณหนู อาเขย นายท่านกำลังรอท่านข้าวเย็นกับพวกท่าน""ท่านลุงยังไม่กินอีกหรือ? ค่ำขนาดนี้ยังทนหิวรอพวกเราได้อย่างไรกัน?" ฟู่จาวหนิงรีบดึงเซียวหลันยวนเ
เสิ่นเสวียนเชื่อใจเซียวหลันยวนแล้วจริงๆอันที่จริงเซียวหลันยวนเองก็รู้สึกเกินคาด"ข้าคิดว่าท่านลุงอย่างน้อยก็คงรอให้สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินหายดี ตรวจสอบความจริงจนชัดเจนเสียก่อน"พอยืนยันว่าเรื่องในครั้งนั้นไม่เกี่ยวกับพวกเขา และเขาจะไม่ล้างแค้นอีกจึงค่อยหันมาเชื่อใจเขาแต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินยังไม่ทันหายดี เขายังมีท่าทีเป็นศัตรูกับสามีภรรยาตระกูลฟู่อยู่ เสิ่นเสวียนกลับเชื่อใจเขาขึ้นมาแล้ว"น่าจะเพราะท่านลุงตรวจสอบอะไรเจอเข้ากระมัง?" ฟู่จาวหนิงคาดเดา"ก็ไม่แน่ ท่านลุงเองถ้าตรวจสอบพบอะไรเข้า จะต้องพูดออกมาแล้วแน่นอน ไม่จำเป็นต้องมาปิดบังพวกเรา""นั่นก็..."ฟู่จาวหนิงก็ไม่เข้าใจขึ้นมาเหมือนกันว่าเพราะอะไรพอเห็นท่าทางสงสัยของนาง เซียวหลันยวนเองกลับเข้าใจขึ้นมาแล้วเขาหัวเราะเสียงต่ำขึ้นมา"ท่านลุงนี่มันจิ้งจอกเฒ่าชัดๆ""อื๋อ?""ท่านลุงแบท่าทีของเขาออกมาแล้ว คือจะบอกกับข้าว่า เขาเชื่อใจตัวข้า เชื่อว่าถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเจอกับอะไร ข้าจะไม่ระบายความโกรธ จะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับความรักระหว่างเรา"เสิ่นเสวียนใช้สิ่งนี้มาบอกกับเขา ไม่ว่าอย่างไร ท่าทีของตระกูลเสิ่นก็แสด
สวนคะนึงเป็นสถานที่ที่หรูหราไปทุกส่วนสัดจริงๆ ตอนแรกสุดพวกเขายังมองไม่ออก ที่เข้ามาในซอยยาวลึกเงียบสงบก็มองไม่ออกเอาเสียเลย ว่าในนี้จะมีสวนคะนึงใหญ่ขนาดนี้อยู่ด้วยฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ ว่าซอยที่เงียบสงบนี้ก็เหมือนจะมีค่ายกลประตูพิเศษอยู่ด้วยกระมัง ไม่น่าจะใช่สถานที่ที่ใครก็บุกเข้ามาได้"เครื่องนอนในนี้เป็นของที่ตากใหม่ทั้งหมด อบกลิ่นสนไว้จางๆ เสื้อผ้าในชั้นกำแพงล้วนเป็นของใหม่ทั้งหมด คุณหนูกับอาเขยสามารถเปลี่ยนได้ตามใจชอบ น้ำในเตาทองแดงบนเตาถ่านก็ค่อนข้างร้อน ตอนที่ดื่มคุณหนูกับอาเขยโปรดระวังด้วย"เสี่ยวเยว่เอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา "ประตูทางขวาด้านในหากเดินเข้าไปจะมีน้ำพุร้อนอยู่ คุณหนูกับอาเขยสามารถอาบน้ำที่นั่นได้ หากมีเรื่องให้ข้าน้อยรับใช้..."ฟู่จาวหนิงตาเป็นประกายน้ำพุร้อน?ใช้แบบที่นางคิดนั่นหรือเปล่า? น้ำพุร้อนในร่ม? ไม่ใช่กระมัง หรูได้ขนาดนี้เชียว!"ไม่ต้องแล้ว พวกเจ้าไปเถอะ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยต้องการให้สาวใช้มาปรนนิบัติข้างกาย และรู้ว่าตอนฟู่จาวหนิงอาบน้ำก็ไม่ต้องการเช่นกัน ดังนั้นจึงปฏิเสธไปตรงๆเสี่ยวเยว่พยักหน้า "เช่นนั้นข้าน้อยขอพาเสี
ตัวฟู่จาวหนิงไหลลงไปในน้ำเซียวหลันยวนตกตะลึง รีบเข้าไปอุ้มนางขึ้นมาพออุ้มขึ้นมา ก็เหมือนจะมีปฏิกิริยาอยู่บ้าง เหมือนเปลือกตาจะเผยอเล็กน้อย น่าจะเพราะพอเห็นเขาจึงปิดลงไปอีกนางยังขดตัวเข้ามาในอ้อมกอดเขา เสียงก็งึมงำเหมือนละเมอ"อายวน ข้าง่วง"ไม่เคยได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงเช่นนี้พูดกับเขามาก่อน ดูออดอ้อนเสียเหลือเกิน แค่สี่คำนี้ก็ทำเอากระดูกของเซียวหลันยวนอ่อนยวบไปแล้วเดิมทีเขาที่เลือดกำลังพล่านไปทั้งตัว ตอนนี้ใจก็อ่อนลงมาเสียอย่างนั้นนางคงเหนื่อยแล้วจริงๆแล้วเขายังคิดอย่างป่าเถื่อนอีกว่าตอนที่อาบน้ำด้วยกันจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ต้องตื่นเต้นเร้าใจอีก"เจ้านอนเถอะ" เสียงทุ้มต่ำของเขาปลอบมาคำหนึ่ง หลังจากนั้นก็ปลดเสื้อผ้าที่เปียกของนางออก หยิบชุดคลุมนอกสะอาดที่อยู่ข้างๆ มา จากนั้นก็อุ้มนางไปบนเตียงเขาไปหยิบชุดมาชุดหนึ่งจากตู้ที่กำแพง เปลี่ยนให้กับนางอย่างเบามือที่สุดฟู่จาวหนิงก็เหมือนรู้ว่าเป็นเขา จึงไม่ได้ขัดขืน แล้วยังให้ความร่วมมือด้วย เพียงแต่ง่วงหนักมาก กระทั่งหนังตายังหนักจนลืมไม่ขึ้นเซียวหลันยวนตั้งแต่เล็กจนโตเคยทำเรื่องอย่างการปรนนิบัติคนเช่นนี้เสียที่ไหน?แ
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้