"ท่านหมอ ท่าน ท่านไม่ต้องสนใจพวกเขา ข้าเชื่อใจท่าน" คุณหนูชุดกระโปรงเขียวมองฟู่จาวหนิง "ข้ารู้สึกดีขึ้นมาแล้วจริงๆ"นางรู้สึกว่าที่ฟู่จาวหนิงกดจุดชีพจรบนมือนางไว้เช่นนี้ ตนเองก็รู้สึกดีขึ้นมาแล้ว"ท่านหมอ ข้าจะไม่เป็นไรใช่ไหม?"นางกระทั่งรู้สึกว่าตนเองไม่เป็นไรแล้วจริงๆ แค่กินแล้วท้องเสียเท่านั้นชายหนุ่มร้านขนมปิ่งตอนนี้ก็ไม่ทำการค้าแล้ว รีบวิ่งตรงเข้ามา จ้องตาแป๋วไปที่ฟู่จาวหนิง "ท่านหมอ แม่นางคนนี้ไม่เป็นไรแล้วจริงๆ ใช่ไหม? ขนมปิ่งของข้าสะอาดจริงๆ มันไม่มีปัญหาจริงๆ นะ!"เขาแทบจะร้องไห้อยู่แล้วคุณหนูชุดกระโปรงเขียวเองก็กัดริมฝีปาก "ข้าไม่โทษเจ้า""จริงหรือ? ขอบคุณคุณหนู ขอบคุณคุณหนูมาก!" เจ้าของร้านขนมปิ่งรีบโค้งตัวให้นางทันทีแต่พอเขาหันกลับไปมองแผงร้านของตนเอง เดิมทีเขายังพอขายได้ แต่ตอนนี้กลับไม่มีเลยสักคน จินตนาการได้เลยว่าถัดจากนี้เขาไม่ต้องคิดจะขายขนมปิ่งอีกแล้ว"ไม่ได้สิ ท่านหมอ ท่านหมอต้องช่วยข้านะ ดูทีว่าคุณหนูคนนี้เป็นอะไร ไม่เช่นนั้นต่อให้นางไม่ติดใจอะไรกับข้า แต่ข้าจะพูดแต่ปากมันก็ไม่ได้เหมือนกัน"ชายหนุ่มแผงขนมปิ่งเอาแต่คำนับฟู่จาวหนิงไม่หยุด"อย่าเอะอะ อย่า
คุณหนูเจียงสีหน้าเองก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดนางเองก้ได้ยินคำพูดของคนเหล่านี้"ท่านหมอ"ฟู่จาวหนิงรีบโบกมือ "ไม่ใช่ไม่ใช่ อย่าไปฟังคนปากเหม็นพวกนั้น เจ้าป่วยน่ะ โรคทางเดินอาหาร"นางมองไปยังคนหนุ่มเหล่านั้น ตะคอกใส่ไปหลายคำ "ไปๆๆ! แต่ละคนก็ปากเปราะอย่างกับตัวอะไรดี!"นางชี้ไปทางชายหนุ่มที่พูดเรื่อยเปื่อยขึ้นมาคนแรกสุด "เจ้าน่ะ ปกติดื่มแต่น้ำดิบ แล้วยังไม่ค่อยใส่ใจสุขอนามัยอีกด้วย ตอนนี้ในท้องเจ้ามีพยาธิอยู่เต็มไปหมดแล้ว!""แล้วก็เจ้า ดวงตามีแต่เส้นเลือด ใต้ตาคล้ำเขียว ผิวหนังออกเหลือง ตับของเจ้าย่ำแย่แล้ว!""นั่นใครน่ะ ไม่ต้องหลบ คนที่แบกตะกร้านั่นน่ะ เจ้าเมื่อครู่ที่ยกเท้าเดินเหิน หัวเข่ามีเสียงกรอบแกรบ โรคไขข้อเก่ากำเริบสินะ?"ฟู่จาวหนิงชี้กวาด พูดออกมาจนคนเหล่านั้นถลึงตาดต มีคนที่ตกตะลึงและมีคนที่โกรธเคือง"อืม พอพูดถึงโรคไขข้ออักเสบ อีกสองวันจะมีฝนฤดูใบไม้ร่วงแล้ว หลังจากฝนตกอากาศก็จะเย็นจัดลงมา พรุ่งนี้ข้าจะมาขายยาซางหานที่นี่ พวกเจ้าถ้าหากต้องการ ก็รีบมาให้ไวหน่อย ขายแค่ยี่สิบห่อเท่านั้น"เพราะว่านางขาดตัวยาอยู่"แล้วก็ลูกกลอนไล่พยาธิ พรุ่งนี้จะมาขายก่อนสิบเม็ด คนที่อยากได้ก
พอเห็นคนที่เข้ามา คุณหนูเจียงสีหน้าก็เปลี่ยนไป ป้าหลิวเองก็เข้ามาขวางด้านหน้าคุณหนูเจียงด้วยสัญชาตญาณฟู่จาวหนิงกลับรู้จักคนผู้นี้ชายหนุ่มชุดหรูหูใหญ่อวบอ้วนคนนี้ชื่อว่าหลินเซี่ยงเวย หลินเซี่ยงเวยคือคนที่แอบชอบฟู่เจียวเจียว ดังนั้นก่อนหน้านี้เขาก็ได้ยินจึงฟังคำยุยงของฟู่เจียวเจียวให้มากลั่นแกล้งฟู่จาวหนิงบิดาของหลินเซี่ยงเวยเปิดโรงเตี๊ยมไว้หลายแห่งกับโรงจำนำอีกแห่งหนึ่ง ในครอบครัวจึงถือว่ามีกิจการอยู่บ้าง พอเทียบกับคนเหล่านั้นของตระกูลฟู่ คุณค่าฐานะก็สูงกว่าพอควรเลยทีเดียวแต่ฟู่เจียวเจียวก็ยกตนขึ้นสูงเสียเหลือเกิน เอาแค่คอยใช้ประโยชน์หลินเซี่ยงเวยมาโดยตลอด ไม่คิดจะแต่งงานกับเขาเลย"เจียงอวี่เซียง เจ้านี่ก็หนีเก่งเสียจริง ก่อนหน้านี้ข้าอยู่บนโรงเตี๊ยมเรียกเจ้า แต่เจ้ากลับวิ่งหนีหรือ?"ลำบากให้เขาต้องไล่ตามมาทั้งถนนอีก!เจียงอวี่เซียงมองเขา สีหน้าไม่ดีเอามากๆ "คุณชายหลิน ข้าไม่ได้ยินท่านเรียกข้าเลย จะว่าไป ต่อให้ท่านเรียกข้าข้าต้องฟังท่านด้วยหรือ?""เฮอะ! เจ้าก็กล้าเสียเหลือเกิน คิดว่ามีพ่อเป้นมือปราบเล็ก ก็จะมาเถียงข้าได้หรือ? ได้ยินแม่เลี้ยงเจ้าบอกว่า พ่อของเจ้าจะให้เจ้ามาจั
เจียงอวี่เซียงปกติมีปฏิกิริยารวดเร็วฉับไว ถึงอย่างไรนางก็มีมือปราบเป็นบิดา ตั้งแต่เล็กก็เสี้ยมสอนวิทยายุทธ์ง่ายๆ ให้แก่นางแต่ตอนนี้นางป่วยอยู่ เมื่อครู่พออาเจียนเสร็จก็อ่อนแรงมาก ตั้งตัวกลับมาไม่ทัน ดังนั้นฝ่ามือนี้ของหลินเซี่ยงเวยนางจึงหลบไม่พ้น"คิดจะทำอะไร?"แขนข้างหนึ่งของฟู่จาวหนิงคว้าข้อมือหลินเซี่ยงเวยไว้ ส่วนมืออีกข้างก็กดลงไปบนจุดชีพจรที่แขนของเขาหลินเซี่ยงเวยรู้สึกว่าแขนทั้งท่อนของตนเองชาไปในทันที จะยกอย่างไรก็ยกไม่ขึ้น"ผู้เฒ่าอย่างเจ้า ทำอะไรกับข้ากัน?"หลินเซี่ยงเวยเปลี่ยนมืออีกข้างพัดลงมาทันที ฟู่จาวหนิงก็ทำให้แขนอีกข้างของเขาชาไปด้วยเช่นกันตอนนี้แขนสองข้างของเขาห้อยลงอย่างหมดเรี่ยวแรง พอคู่กับร่างอวบอ้วนของเขา ดูแล้วก็น่าขันเสียเหลือเกินป้าหลิวเองก็ยังหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ฟู่จาวหนิงดึงเจียงอวี่เซียงถอยออกมา นางยังใช้ขาเกี่ยวแผงร้านของตนเองถอยออกมาด้วย ดึงให้ห่างจากหลินเซี่ยงเวยหน่อยถึงอย่างไรตอนนี้หลินเซี่ยงเวยก็ถูกอาเจียนเลอะไปทั้งตัวแล้ว"ผู้เฒ่าอย่างข้าก็แค่กดจุดชีพจรเจ้าลงไปเท่านั้น ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะมีบุญคุณความแค้นอะไรกันมา แต่คุณหนูคนนี้ตอ
เจียงอวี่เซียงพอเห็นบิดานางเริ่มคุมปากไม่อยู่อีกแล้ว จึงร้องเรียกหยุดเขาไว้"เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องพวกนั้นแล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวเขา ยังมีพ่ออยู่" มือปราบเจียงยังหันไปขอบคุณอย่างเป็นทางการกับฟู่จาวหนิงด้วย"ท่านหมอหนิงใช่หรือไม่? บุญคุณของท่านข้าสกุลเจียงจดจำไว้ในใจแล้ว"มือปราบเจียงยังร้องเรียกพวกพี่น้องด้านนอกเหล่านั้น "เหล่าพี่น้องเอ๋ยเข้ามารู้จักเสียหน่อย ท่านผู้นี้คือท่านหมอหนิง มีบุญคุณกับเซียงเอ๋อร์ของข้า ดลังจากนี้ท่านหมอหนิงก็เป็นคนของบ้านข้าแล้ว เหล่าพี่น้องที่ลาดตระเวณบนถนนเส้นนี้ก็ช่วยดูแลหน่อยนะ""ขอรับ! หัวหน้า ท่านวางใจเลย หลังจากนี้พวกเราจะคอยคุ้มกันท่านหมอหนิงเอง"มือปราบเหล่านั้นล้วนตอบรับคิกคักกันขึ้นมา ขณะเดียวกันยังทยอยไปพูดกับร้านรวงข้างๆ ด้วยว่า "ห้ามรังแกท่านหมอหนิงนะ"สำหรับคนที่มีอำนาจแล้ว มือปราบเป็นเพียงแค่คนตัวเล็กจ้อยแต่สำหรับร้านรวงต่างๆ แล้ว มือปราบก็เท่ากับตำรวจดีดีนี่เอง พวกเขาล้วนเคารพยำเกรงกันฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดว่าออกมาวางแผงแค่นี้ตนเองจะเจอกับที่พึ่งเล็กๆ เหล่านี้ ยิ้มตาหยีเขียนใบสั่งยาให้กับเจียงอวี่เซียง"ท่านหมอหนิง ท่านช่วยข้าจัดยาเลยเถิด
"ไป ไปเชิญท่านหมอชราคนนั้นมาหน่อย"ตอนอ๋องเจวี้ยนพูดประโยคนี้ เน้นคำว่า "เชิญ" หนักแน่นเป็นพิเศษชิงอีมองหมอชราคนนั้น รู้สึกว่าไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ถ้าจะพูดว่าพิเศษ ก็น่าจะเป็นอายุอานามขนาดนี้ เป็นหมอก็หาเงินได้ตั้งมากมาย แต่กลับมาตั้งแผงร้านที่นี่หรือ?"ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้" ชิงอีก็รีบเดินไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงโบมือลากับพ่อลูกมือปราบเจียง จากนั้นก็เห็นชิงอีเดินตรงเข้ามาหานางนางมองไปทางรถม้านั่นด้วยสัญชาตญาณนิ่งไว้ อย่าลนลาน"พี่ชายสุดหล่อคนนี้ มีตรงไหนไม่สบายหรือ? มาๆๆ แม้ว่าข้าจะรักษาโรคที่ยากและซับซ้อนโดยเฉพาะ แต่เพื่อเลี้ยงชีพ จะโรคธรรมดาข้าก็ไม่ปฏิเสธ"ชิงอีหน้าดำขึ้นมาจู่ๆ เขาก็คิดถึงคำพูดที่ฟู่จาวหนิงพูดกับเขาในวันแรกที่พบกับตนเองท่านอ๋องจะเชิญคนผู้นี้มา คงไม่ใช่ว่าอาการกำเริบจนต้องรีบหาหมอ แล้วคิดจะลองให้หมอตามแผงมาลองดูว่ารักษาอาการเขาได้หรือไม่หรอกกระมัง?เช่นนั้นเขาก็ลองทดสอบวิชาแพทย์ของหมอชราคนนี้แทนท่านอ๋องก่อนแล้วกันพอคิดถึงจุดนี้ ชิงอีก็หน้าขรึม ยื่นมือออกมา "เช่นนั้นท่านก็ดูให้ข้าหน่อยเถิด"อ๋องเจวี้ยนบนรถม้าพอเห็นท่าทีของชิงอี ก็เอามือกุมหน้าผาก
ประชาชนเหล่านี้เรื่องอื่นล้วนไม่รู้ ถึงอย่างไรสิ่งที่รู้ก็คือเขาไม่เห็นจวนรัฐทายาทเซียวอยู่ในสายตาเลยดังนั้น ประชาชนรอบๆ จึงรีบคุกเข่าลงอย่างลนลานฟู่จาวหนิงมองท่าทีเช่นนี้ของพวกเขา ก็พูดอะไรไม่ออกเล็กๆ"ยังไม่ขึ้นรถหรือ?"เซียวหลันยวนเอ่ยปาก นางจึงรีบปีนขึ้นไปบนรถม้าหลังจากปล่อยม่านรถลงมา เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "ท่าทางการขึ้นรถของท่านผู้เฒ่าดูคล่องแคล่วเสียเหลือเกิน"ฟู่จาวหนิง "ข้าเป็นหมอนะ ให้ความสำคัญกับการบำรุง ร่างกายสุขภาพแข็งแรง""เช่นนั้นหรือ?" เซียวหลันยวนกลั้นหัวเราะ "ท่านหมอสกุลใดหรือ?"ฟู่จาวหนิงเองก็ชักงักไปเดิมทีที่บอกกับคนอื่นว่านางสกุลหนิ่งก็เพราะขี้เกียจจะมานั่งแต่งชื่อสกิล ดังนั้นชื่อปลอมของนางเลยตัดสินใจกลับชื่อของตัวเองเสีย กลับมาเป็นหนิงจาวฟู่ซะ แต่ว่าพอมาอยู่กับเซียวหลันยวน นางก็รู้สึกว่าตนเองประมาทเกินไปเสียแล้ว"หนิง"ไหนๆ ก็ปลอมออกมาแล้ว นางเองจะแก้ไขอีกรอบก็กระไรอยู่ในดวงตาเซียวหลันยวนมีรอยยิ้มขึ้นอีกคั้งหนิงหรือ ขี้เกียจขนาดนี้เชียว"ท่านหมอหนิงเมื่อครู่เห็นแผลเป็นของข้าแล้วใช่หรือไม่? รู้สึกอย่างไรบ้าง?"ก็ไม่อะไร น่าเกลียดเสียไม่มีฟู่จา
เซียวหลันยวนไม่ได้พาฟู่จาวหนิงไปที่โถงใหญ่ด้านหน้า แต่พานางมายังห้องอุ่น ด้านนอกมีต้นแปะก๊วยสูงใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ช่วงนี้ใบแปะก๊วยดกหนา มีเพียงด้านเดียวที่มีสีเขียวแซมเหลืองถึงตอนนั้นถ้าหากทั้งต้นเปลี่ยนเป็นสีเหลือง พอขับเด่นกับห้องอุ่นที่เป็นกระเบื้องแดงละเขียว ก็ไม่รู้ว่าจะงดงามขนาดไหนแต่ว่าเวลานี้ฟู่จาวหนิงก็ไม่มีกะจิตกะใจมาชื่นชมความงามนางมองเซียวหลันยวนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่หลังจากนั่งลงก็ให้นางตรวจอาการแบบไม่รีบไม่ร้อน และก็ถามนางว่าทำไมจึงต้องไปตั้งแผง"แน่นอนว่าเพื่อเลี้ยงชีพน่ะสิ ยังจะมีเรื่องอะไรได้อีก?""ท่านหมอหนิงแค่ไปรับป้ายอนุญาตหมอมาชิ้นหนึ่งจากโรงหมอเมตตาก็พอนี่ แค่ถือป้ายอนุญาตหมอก็สามารถไปเป็นหมอในโรงหมอต่างๆ ได้แล้ว ในแคว้นเจา ตัวตนฐานะของหมอก็สูงส่ง ท่านหมอหนิงไม่รู้หรอกหรือ?"โรงหมอเมตตา?ป้ายอนุญาตหมอ?นางไม่รู้เลยจริงๆ!หรือว่าสิ่งเหล่านี้คือเรื่องที่ทุกคนควรรู้?"โรงหมอเมตตาทุกปีจะมีการทดสอบวิชาแพทย์ ทุกปีจะมีสามด่าน หลังจากสอบผ่านผลลัพธ์ก็จะแบ่งเป็นสามระดับ แบ่งเป็นป้ายตราสีม่วงแดงเขียว ระดับของป้ายอนุญาตหมอสามชนิดนี้ล้วนส