เซียวหลันยวนไม่ได้พาฟู่จาวหนิงไปที่โถงใหญ่ด้านหน้า แต่พานางมายังห้องอุ่น ด้านนอกมีต้นแปะก๊วยสูงใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ช่วงนี้ใบแปะก๊วยดกหนา มีเพียงด้านเดียวที่มีสีเขียวแซมเหลืองถึงตอนนั้นถ้าหากทั้งต้นเปลี่ยนเป็นสีเหลือง พอขับเด่นกับห้องอุ่นที่เป็นกระเบื้องแดงละเขียว ก็ไม่รู้ว่าจะงดงามขนาดไหนแต่ว่าเวลานี้ฟู่จาวหนิงก็ไม่มีกะจิตกะใจมาชื่นชมความงามนางมองเซียวหลันยวนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่หลังจากนั่งลงก็ให้นางตรวจอาการแบบไม่รีบไม่ร้อน และก็ถามนางว่าทำไมจึงต้องไปตั้งแผง"แน่นอนว่าเพื่อเลี้ยงชีพน่ะสิ ยังจะมีเรื่องอะไรได้อีก?""ท่านหมอหนิงแค่ไปรับป้ายอนุญาตหมอมาชิ้นหนึ่งจากโรงหมอเมตตาก็พอนี่ แค่ถือป้ายอนุญาตหมอก็สามารถไปเป็นหมอในโรงหมอต่างๆ ได้แล้ว ในแคว้นเจา ตัวตนฐานะของหมอก็สูงส่ง ท่านหมอหนิงไม่รู้หรอกหรือ?"โรงหมอเมตตา?ป้ายอนุญาตหมอ?นางไม่รู้เลยจริงๆ!หรือว่าสิ่งเหล่านี้คือเรื่องที่ทุกคนควรรู้?"โรงหมอเมตตาทุกปีจะมีการทดสอบวิชาแพทย์ ทุกปีจะมีสามด่าน หลังจากสอบผ่านผลลัพธ์ก็จะแบ่งเป็นสามระดับ แบ่งเป็นป้ายตราสีม่วงแดงเขียว ระดับของป้ายอนุญาตหมอสามชนิดนี้ล้วนส
จินเสวี่ยยกชาเดินเข้ามานางชงชามาสองถ้วย เดินไปทางเซียวหลันยวนก่อนเซียวหลันยวนกลับเอ่ยขึ้นว่า "ยกชาไปให้ท่านหมอหนิงก่อนเลย ให้นางชิมดูว่าเหมาะหรือไม่"จินเสวี่ยตะลึงงันไป "ให้ท่านหมอหนิงทั้งสองใบเลยหรือ?""ถูกต้อง"จินเสวี่ยในใจตกตะลึงเล็กน้อย กัดริมฝีปากล่าง ยกชาสองถ้วยนี้ไปหาฟู่จาวหนิง"ท่านหมอหนิงเชิญดื่มชา"ฟู่จาวหนิงแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นลูกไม้เล็กๆ ตอนที่นางเดินเข้ามานางหมุนถาดไปด้านหนึ่งแต่ฟู่จาวหนิงก็ยังมองออกว่า เมื่อครู่นี้นางกำลังจะยกชาถ้วยไหนให้เซียวหลันยวนมือของนางกลับข้ามถ้วยตรงหน้าไป แล้วยกถ้วยชาที่อยู่ด้านในแทน นั่นคือแก้วที่จะยกมาให้เซียวหลันยวนนั่นเองจินเสวี่ยขมวดคิ้วนางไม่เข้าใจว่าท่านหมอหนิงหมายความว่าอย่างไร นางยกมาเช่นนี้ คนที่เป็นแขกไม่ใช่ว่าต้องรับถ้วยที่อยู่ใกล้ที่สุดใบนั้นหรือ?ท่านหมอหนิงคนนี้เรื่องมากเสียจริงชายที่นางชงมาให้ท่านอ๋อง กับชาที่ชงให้แขกทั่วไป แน่นอนว่าไม่ใช่แบบเดียวกัน!น้ำที่ชงให้กับท่านอ๋องก็นำเอาหิมะบนกิ่งบ๊วยออกมาต้มแล้วเก็บไว้ ใบชาที่ใช้ก็เป็นใบชาจากต้นชาโบราณพันปีของยอดเขาโยวชิง ล้ำค่าเอามากๆชาเช่นนี้มีแต่ท่านอ๋องที่
เซียวหลันยวนดื่มชาที่ดีที่สุดจนชินแล้วเขาก่อนหน้านี้พาจินเสวี่ยกับไป๋ซวงมา ก็เพราะว่าสาวใช้สองคนนี้ล้วนชงชาได้ยอดเยี่ยมหรือก็คือ ชาถ้วยนี้ถ้าหากให้คนทั่วไปดื่มก็ยังพอไหว แม้จะขมแต่ก็ยังหวาน ถึงอย่างไรในจวนอ๋องเจวี้ยนก็ยังไม่มีใบชาที่แย่มากนักแต่ว่าสำหรับเซียวหลันยวนที่ปากจู้จี้ไปแล้ว ถือว่าย่ำแย่มากจนไม่รู้จะพรรณนาอย่างไรเลยทีเดียวเขาฝืนกลืนลงไป ขว้างชาถ้วยนั้นออกไปนอกหน้าต่างเสียงถ้วยชาแตกด้านนอก ทำให้จินเสวี่ยทิ้งตัวลงคุกเข่าทันที!"ท่านอ๋องโปรดให้อภัยด้วย! จินเสวี่ยไม่ได้ต้องการให้ท่านอ๋องดื่มชาเช่นนี้!"เซียวหลันยวนไม่พูดอะไร ลุกขึ้นยืน เดินมาเบื้องหน้าฟู่จาวหนิง ดึงชาจากมือนางไปดื่ม"นี่" นั่นมันของที่นางดื่มไปแล้วนะฟู่จาวหนิงถลึงตามองเซียวหลันยวน รู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนคนนี้สติไม่ดีทำไมถึงมาดื่มชาที่คนแปลกหน้าดื่มไปแล้วกัน?เซียวหลันยวนดื่มไปอึกหนึ่งก็เข้าใจแล้ว เขาวางถ้วยชาลงหนักๆ เสียงดังปังจินเสวี่ยหน้าขาวซีด รีรบหมุนตัวคุกเข่าลงมาทางนี้"เมื่อครู่ข้าพูดไว้ว่าอย่างไร? ให้เจ้าชงชาดีดีให้กับท่านหมอหนิงจนกว่าที่นางจะพอใจ แต่ผลลัพธ์เจ้ากลับชงชาเช่นนี้หรือ?""ท่า
"แต่ว่า ท่านหมอหนิงเคยผิดใจกับหมอเทวดาหลี่หรือไม่? ถ้าหากเคยผิดใจกับหมอเทวดาหลี่ จะเข้าร่วมพิธีเดิมพันโอสถก็ต้องระมัดระวังหน่อย เขาจะต้องมาล้างแค้นแน่ๆ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นมาอีก"อ๋องเจวี้ยนดูท่ากำลังวังชาจะดีแล้ว และเหมือนจะไม่ต้องการตรวจดูอาการด้วย เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับก่อนแล้วกัน"ฟู่จาวหนิงยืนขึ้นมา ไม่รอให้เขาพูดอีก รีบสาวเท้าออกจากจวนอ๋องเจวี้ยนไปหลังจากออกมานางก็ออกเดินพลางบ่นเซียวหลันยวน คนผู้นี้เห็นได้ชัดว่ามองออกแล้วว่านางเป็นใคร ไม่เช่นนั้นคงไม่เอ่ยถึงเรื่องที่นางผิดใจกับหมอเทวดาหลี่แน่นางก็ก็แค่ผิดใจกับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นนี่?แต่ว่า อ๋องเจวี้ยนทำไมต้องมาพูดเรื่องพิธีเดิมพันโอสถกับนางตั้งมากมายขนาดนี้กันนี่ทำเอาความอยากรู้อยากเห็นของนางพุ่งขึ้นมาทันทีฟู่จาวหนิงวันนี้ได้เงินมาส่วนหนึ่ง มือปราบเจียงทางนั้นก็ซื่อตรงจริงๆ บอกว่าจะช่วยนางหาข่าว แต่ก็ไม่เอาเงินของนาง พอบวกกับที่ชิงอีให้มาเมื่อครู่ เงินในมือนางก็ซื้อของได้ไม่น้อยเลยทีเดียวนางหาสถานที่ไปล้างเครื่องแต่งหน้าจากนั้นจึงไปซื้อของ ผ้านวมเข็มด้ายเครื่องเสบียงถ่านไหมเงินก็ซื้อมาไม่น้อย และมีคนในแผงช่วยนางส่ง
บนหัวกำแพงมีคุณชายที่ดูอายุอยู่ระหว่างเด็กชายกับชายหนุ่มคนหนึ่ง สวมผ้าคลุมผ้าทอสีฟ้าอ่อนทับด้วยสีเงิน เหมือนกับกำลังส่งแสงระยับ เขาชันเข่าข้างหนึ่ง มือข้างหนึ่งพาดไว้บนหัวเข่า ถือขลุ่ยหยกไว้เลาหนึ่ง ขลุ่ยหยกบนมือโบกไหวเบาๆ ท่าทางสบายๆ เป็นอิสระใบหน้าคุณชายก็ราวกับภาพวาดที่จิตรกรรังสรรค์มาอย่างประณีต ดวงตาดำริมฝีปากแดง มีไฝสีแดงเล็กๆ อยู่ระหว่างคิ้ว ผิวหนังขาวกว่าหิมะ ขาวเสียจนมองไม่เห็นตำหนิใดๆ ทั้งสิ้นกำแพงข้างๆ นี้อันที่จริงก็เป็นแค่กำแพงดินธรรมดา แล้วยังมีตะไคร่บางส่วนเกาะอีกด้วย มีร่องรอยลมฝนพัดเซาะ แต่ด้านบนมีคุณชายที่นั่งอยู่ราวกับเซียนคนหนึ่ง จนกำแพงนี้ราวกับเปลี่ยนเป็นดูมีเสน่ห์มนตราขึ้นมาฟู่จาวหนิงเองก็มองแค่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถอยออกมาหลายก้าวเงยหน้ามองแบบนี้ นางเมื่อยคอเพียงแต่ในเมืองหลวงแคว้นเจา ตอนไหนกันที่มีบุคคลแบบนี้อยู่ ในความทรงจำของ"คุณหนูฟู่"เองก็ไม่มีปรากฎ"ผงยาของท่านเมื่อครู่นี้ ขายให้ข้าหน่อยได้ไหม?""ไม่ขาย"ฟู่จาวหนิงขายยารักษาคน สิ่งของที่เอาไว้ป้องกันตัวเหล่านี้นางแค่เตรียมไว้ให้ตนเองกับคนในบ้านใช้ไว้เผื่อป้องกันเท่านั้น จะไม่นำมาขายเด็ดขาดมิเ
คนเยอะขนาดนี้ไปดูอาการเซียวหลันยวนหรือ?"ท่านอ๋องของพวกเท่านก่อนหน้านี้ไม่เคยเชิญหมอจากโรงหมอเมตตามาตรวจอาการหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นอย่างประหลาดใจถ้าว่าตามหลักการคือเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อหมอในโรงหมอเมตตาถือว่าเป็นกลุ่มคนที่มีวิชาแพทย์ดีที่สุดในแคว้นเจาแล้ว เช่นนั้นเซียวหลันยวนก็ต้องมาหาพวกเขาก่อนเป็นอันดับแรกจึงจะถูก"ก่อนหน้าเคยเคยเชิญมาแล้ว"ผู้ดูแลจงไม่รู้ว่าท่านหมอหนิงคนนี้เป็นคนเช่นไร เพียงแต่เมื่อวานนี้ตอนที่มาท่านอ๋องก็ดูจะมีท่าทีที่ดีกับเขา ดังนั้นเขาจึงพูดมากขึ้นหน่อย แต่ตอนนี้พูดต่อไปไม่ได้อีกแล้ว"ท่านหมอหนิง อย่างนั้นไปรอที่ศาลาข้างๆ ก่อนเถิด ข้าไปแจ้งท่านอ๋องสักครู่ดีไหม?""ได้เลย"ตอนที่ฟู่จาวหนิงกำลังรอก็เห็นเฝิ่นซิงกับหงจั๋วยกชาเข้ามา พวกนางทั้งสองคนเห็นนางแล้ว แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดเลยนางรู้สึกประหลาดมาก ทำไมผู้ดูแลจงชิงอีกับเฝิ่นซิงหงจั๋วก็ยังมองนางไม่ออก แล้วเซียวหลันยวนทำไมจึงมองออกกัน?หรือว่าพวกจงเจี้ยนทางนั้นแอบบอกมา?ถึงอย่างไรนางตอนแรกสุดก็ออกจากห้องตนเองมาด้วยสภาพของท่านหมอหนิงนี่นะแต่ฟู่จาวหนิงพอคิดๆ ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ สำหรับความเชื่อใจต่อจ
"อะไรนะ?"ป้ายตราสีม่วงเป็นป้ายอนุญาตหมอระดับสูงของโรงหมอเมตตานะ!ปกติต้องเริ่มจากป้ายไม้ก่อน จากนั้นครั้งถัดไปค่อยเข้ารับการสอบ พอผ่านแล้วค่อยยกระดับป้ายตราตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพอเอ่ยปากก็จะเอาป้ายตราสีม่วงให้ท่านหมอหนิง!"อ๋องเจวี้ยน ท่านกำลังล้อเล่นกับพวกเราอยู่หรือ?""ถูกต้อง อ๋องเจวี้ยน นี่มันไม่สอดคล้องกับกฎ""ถึงแม้ท่านหมอหนิงจะอายุมากแล้ว แต่การรับป้ายอนุญาตหมอก็ยังต้องค่อยเป็นค่อยไป"หมอเหล่านี้ราวกับถูกเหยียบหาง คนนั้นพูดทีคนนี้พูดทีกันขึ้นมาฟู่จาวหนิงเองก็มองเซียวหลันยวนอย่างตกตะลึงแม้ว่านางจะมั่นใจอย่างมากต่อวิชาแพทย์ของตนเอง และรู้สึกว่าต่อให้ต้องสอบ ก็สามารถได้รับป้ายตราสีม่วงมาแน่ แต่เหมือนเซียวหลันยวนพอเอ่ยปากก็จะให้คนของโรงหมอเมตตาส่งป้ายตราสีม่วงให้เขาทันที นางเองก็รู้สึกว่านี่มันอังการไปหน่อยเซียวหลันยวนเอ่ยเสียงเรียบ "ทำไมหรือ พวกเจ้าในโรงหมอเมตตาตั้งมากมายล้วนรักษษข้าไม่ได้ แต่ท่านหมอหนิงกลับจัดการไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว เอาแค่จุดนี้ วิชาแพทย์ของเขาไม่ใช่ว่าเหนือกว่าทุกท่านแล้วหรือ? แล้วก็ วันนั้นที่ข้าไอเป็นเลือด หมอเทวดาหลี่ขเ้ามาก็ยังต้องยกมือยอมแพ้ แต่ท่านห
"ขอรับ""ชิงอี ส่งงคนตามพวกเขาไปรับป้ายอนุญาตหมอมา" พอเป้าหมายเสร็จสิ้น อ๋องเจวี้ยนก็เริ่มไล่แขกแล้ว "เรื่องที่พวกเจ้าพูดมาก่อนหน้านี้ ข้าปฏิเสธ ส่งแขก"หมอชราหลายคนถูกส่งออกมานอกจวนอ๋องเจวี้ยนเช่นนี้ เป้าหมายยังไม่สำเร็จแถมยังต้องจ่ายชดเชยป้ายตราสีม่วงไปอีกชิ้น แต่ละคนล้วนตั้งสติกันไม่ทันเลยทีเดียวลมด้านนอกพัดหวิว พวกเขาจึงได้สติกันขึ้นมา"พวกเราเมื่อครู่ไม่ควรไปรับปากเลย ตั้งกี่ปีแล้วที่ไม่มีคนได้รับป้ายตราสีม่วงไป? แล้วจะให้ไปแบบแปลกๆ เช่นนี้น่ะหรือ?""จริงด้วย หมอเทวดาหลี่รู้เรื่องนี้เข้าคงได้โกรธเป็นบ้าเป็นหลัง"หมอเทวดาหลี่หลายปีนี้ก็กว้างขวางในเมืองหลวงมาก เพราะหมอที่สอบผ่านแล้วได้ตรานี้มามีน้อยเสียเหลือเกิน"วินิจฉัยยากับเดิมพันหมอสองรายการนี้ เอาชนะได้ง่ายๆ เสียที่ไหน? ครั้งนี้มีวัตถุดิบยาล้ำค่าไม่น้อยที่ส่งมาจากต่างแดน พวกเราก็ยังไม่แน่ว่าจะมองออกทั้งหมด แล้วก็เดิมพันหมอนั่น เขาที่อยู่ในภูเขามาตลอดจะได้เจอกับผู้ป่วยมาสักเท่าไร ได้ทดลองมาแล้วสักกี่ครั้งกัน ชนะไม่ได้หรอก""ถูกต้อง พวกเราส่งป้ายตราสีม่วงให้เขาไปก่อน ถึงตอนนั้นค่อยเก็บกลับมาแล้วกัน ถึงอย่างไรก็จะผิดใจกับ
"ดูการเคลื่อนไหวของทูตแคว้นหมิ่นอีกหน่อย"เซียวหลันยวนรู้สึกว่าตอนนี้ยังออกไปไม่ได้ อย่างน้อยก็ดูก่อนว่าทูตของแคว้นหมิ่นเจรจากับองค์จักรพรรดิได้หรือไม่ฟู่จาวหนิงดึงเขานั่งลง อ้อมไปอยู่ด้านหลังแล้วนวดหัวให้เขาหลายวันนี้เขาเองก็ยุ่งเหลือเกิน ต้องจัดการเรื่องตั้งมากมาย นางเหนื่อย เขาเองก็ไม่ได้สบายเท่าไรนัก"แคว้นหมิ่นต้องการตงฉิง เรื่องนี้ท่านคิดอย่างไรบ้างล่ะ?"ตงฉิง ถึงอย่างไรก็เป็นของเขาเขาตอนนี้คงผู้สืบทอดหนึ่งเดียวของตงฉิงตงฉิงตอนนี้ต่อให้ยังไม่เห็นท้องฟ้าเห็นตะวัน แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีเจ้าของถ้าหากแคว้นหมิ่นต้องการคลังสมบัติกับเหมืองแร่ของตงฉิง ก็เท่ากับต้องการสิ่งของของเซียวหลันยวน จากความเข้าใจต่อเซียวหลันยวนของฟู่จาวหนิง เขาจะไม่ทนดูของของตนเองถูกแบ่งออกไปแน่เซียวหลันยวนสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายและสบายที่นิ้วของนางนำมา"ตงฉิง ข้าไม่ยอมยกให้อยู่แล้ว"ตงฉิง เขามีจุดประสงค์อื่นอยู่แล้วของที่เป็นของเขา เขาไม่มีทางยอมให้เปล่าๆ แบบนี้ไหนจะเรื่องนี้ แม้เขาเป็นคนแคว้นเจา แต่ตอนที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตงฉิงครั้งนั้น แคว้นเจารู้แต่ก็ไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ในอดีตเคยรับบุ
ฟู่จาวหนิงเห็นเขาเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงถามขึ้นอย่างอดไม่อยู่"รู้สึกว่าเขาไม่ควรโง่ขนาดนี้"เซียวหลันยวนคิดถึงท่วงท่าสง่าผ่าเผยสมัยที่จักรพรรดิยังวัยหนุ่ม คิดถึงตอนที่เขายังเด็ก ตอนที่องค์จักรพรรดิยิ้มแย้มทักทายเขา แต่พอหันกลับก็วางแผนเกือบทำเขาจมบ่อน้ำตายครั้งนั้น เขามองไม่ออกถึงแผนการที่องค์จักรพรรดิสร้างขึ้นมาจริงๆต่อมาให้คนไปตรวจสอบก็ยังตรวจสอบอะไรไม่ได้ หลักฐานทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเชื่อมั่นสัญชาตญาณตนเองเกินไป เขาก็คงถูกหลอกผ่านไปแล้วแต่ว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิกลับโง่แบบนี้ไปแล้วหรือ?"ก่อนหน้านี้ที่ข้าจับชีพจรให้องค์จักรพรรดิ ก็ไม่พบว่าเขาโดนยาพิษอะไร" ฟู่จาวหนิงนึกย้อนกลับไปตอนที่จับชีพจรให้องค์จักรพรรดิ "แต่ว่า จับชีพจรเองก็ไม่ได้แม่นยำไปเสียทั้งหมด ถ้าหากโดนพิษที่ออกฤทธิ์ช้ามาหลายปีจนทำร้ายสมองเข้า ก็ไม่แน่ว่าจะตรวจหาพบ"ฟู่จาวหนิงมองเขา "ท่านสงสัยเรื่องนี้หรือ?"เขาน่าจะสงสัยว่าองค์จักรพรรดิถูกวางยาพิษ พอสะสมนานวันเข้าจึงกระทบไปถึงสมองจะว่าไปก็ไม่แน่ว่าจะเป็นไปไม่ได้"เป็นไปได้ แต่ในเมื่อเจ้าตรวจไม่เจอ ก็อธิบายว่าต่อให้ถูกว
เสิ่นเชี่ยวยืนยันว่าไม่ได้ยินเรื่องขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลยจริงๆพอเซียวหลันยวนกลับมา ฟู่จาวหนิงจึงถามขึ้นเซียวหลันยวนก็มีแหล่งข่าวของตนเองอยู่"นางกับหยวนอี้อยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนบาดเจ็บ หยวนอี้หนักหน่อย ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่งตัวเป็นสาวใช้วัง พักฟื้นอยู่ด้วยกันในวังราชนิเวศน์ ทั้งสองคนไม่ออกไปไหนเลย"เซียวหลันยวนหลังจากกลับมาก็พักผ่อนไปหนึ่งวัน จากนั้นก็เริ่มจัดการธุระเรื่องต่างๆองค์จักรพรรดิยังไม่เรียกเขาเข้าวัง ตอนนี้น่าจะยังกลัวอยู่หน่อยๆ กลัวเขาที่เพิ่งกลับมาจากเมืองเจ้อ จะถูกติดโรคระบาดมาหรือเปล่าเรื่องครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกความขี้ขลาดกลัวตายขององค์จักรพรรดิ เขาเองก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้รู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองเจ้อ องค์จักรพรรดิขี้เกียจจะไปถาม เพราะถ้าจะถามขึ้นมาจริงๆ เป็นไปได้มากว่าจะถูกเขาพูดไปถึงช่วงหลัง แล้วถามหาความรับผิดชอบเรื่องวัตถุดิบยากับเสบียงเหล่านั้นระดับความขี้เหนียวขนาดนั้นขององค์จักรพรรดิ จะยอมออกมาได้อย่างไร?ดังนั้นเรื่องนี้เกรงว่าคงมีแต่จะยื้อออกไปเรื่อยๆ ลากไปจนกว่าโหยวจางเหวินจะเข้าวังเซียวหลันยวนตอนนี้ก็ขี้เกียจไปคิดเล็กคิดน้อยกับอง
ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวมองจูเฉียนเฉี่ยน"คนทั้งหมดล้วนกำลังยุ่งกับเรื่องสำคัญ ยุ่งกันจนหัวหมุน ใครมีเวลามาสนใจเรื่องไร้สาระของเจ้ากัน? อย่าคิดว่าทุกคนเขาจะเอาแต่คิดเรื่องความรักที่ไม่เหมาะสมนี้! หมอฟู่เองก็ไม่ได้คิดจะแกล้งอะไรเจ้า แค่ไม่อยากให้เจ้าทำเรื่องเสียต่างหาก""ข้าไปทำเรื่องเสียตอนไหนกัน? ข้าก็ช่วยอยู่ที่นั่นตลอด ข้าเองก็ช่วยไปตั้งเยอะไม่ใช่หรือไง?" จูเฉียนเฉี่ยนน้อยใจ"เช่นนั้นเจ้าก็ทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้เรอะ? ยังคิดจะตามไปเมืองหลวงอีก?""ท่านลุง หรือข้าจะต้องเป็นยายแก่ที่ไม่ได้แต่งงานไปตลอดชีวิตกัน? พ่อกับแม่ข้าจะไม่วางใจเอานะ!" จูเฉียนเฉี่ยนตาแดงรื้นขึ้นมานางมองไปยังรถม้าที่แล่นห่างออกไป รู้ว่าตอนนี้ตนเองตามไปไม่ทันแล้ว เสียใจจนอยากจะร้องไห้"ใครไม่ให้เจ้าแต่งงานกัน? ข้าจะให้ป้าของเจ้าหาคู่ครองที่เหมาะสมให้เจ้เาอง""ชีวิตของข้าไม่เหมาะกับคนธรรมดา!" จูเฉียนเฉี่ยนร้องขึ้นมาอีกนางแต่งงานส่งเดชไม่ได้"เช่นนั้นก็หาคนที่เหมาะก็จบแล้วนี่!" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวตะคอกเสียงขรึมถึงอย่างไรถ้าเขาทำให้จูเฉียนเฉี่ยนไประรานตระกูลฟู่ ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีหน้าไปพบหมอฟู่แล้วจูเฉียนเฉ
และมีเหล่าขุนนางใหญ่แอบคุยกันถึงเรื่องนี้องค์จักรพรรดิโมโหจนล้มป่วยส่วนเหล่าทูตจากแคว้นหมิ่นก็ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง หลังจากหยวนอี้กลับมา ก็บอกกับภายนอกว่าไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม แล้วจึงอยู่แต่ในวังราชนิเวศน์ไม่ออกไปพบใครตอนนี้ยังออกไปลำบากแต่ความเป็นจริงคือเนื่องจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบาดเจ็บ จำเป็นต้องหลบเพื่อพักฟื้นก่อนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็แต่งตัวเป็นสาวใช้วังซ่อนอยู่ในวังราชนิเวศน์ระหว่างทางจากเมืองเจ้อกลับเมืองหลวง นางเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด เฉินเซียวตายไปแล้ว องครักษ์ของนางก็ตาย เหลือแค่นางคนเดียว ตอนนี้จึงจำใจต้องพึ่งพาหยวนอี้ไปก่อนไม่ใช่แค่หยวนอี้ที่บาดเจ็บ นางเองก็บาดเจ็บด้วยก่อนหน้านี้ป่วยไปรอบหนึ่ง บวกกับการบาดเจ็บครั้งนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผอมลงไปมากเมืองเจ้อเองก็สงบไปอีกหลายวันครึ่งเดือนต่อมา ฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ควบคุมโรคระบาดเอาไว้ได้ทั้งหมด เมืองเจ้อยกเลิกการปิดเมืองคนทั้งเมืองล้วนดีใจกันอย่างบ้าคลั่งวันที่ฟู่จาวหนิงจะออกจากเมืองเจ้อ ประชาชนทั้งเมืองก็มาล้อมส่งที่ถนนอยู่ในเมืองเจ้อนานขนาดนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกผูกพันกับเมืองเจ้อขึ้นมาแล้ว แต่
โจวติ้งเจินถูกผลักออกไปจากเมืองเจ้อมาได้ครึ่งทางเขาก็ได้สติขึ้นมา พอรู้ว่าตนเองต้องถอนกำลังแบบนี้ ก็โมโหจนแทบจะเป็นลมไปอีกรอบแต่เขาก็ถ่ายหนักจนตัวโยน ตอนนี้แค่แรงจะด่าก็ยังไม่มีเพราะในป่าในเขา เขากระทั่งไม่มีกระดาษแล้ว ดังนั้นจึงต้องใช้ใบไม้กับกิ่งไม้มาจัดการ ตอนนี้รูทวารเองก็เต็มไปด้วยแผล ขยับทีก็เจ็บเหลือแสน"กลับ กลับไป..."รองขุนพลเห็นสภาพแบบนี้ของเขา ก็เอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจว่า "ท่านขุนพล ครั้งนี้พวกเราช่างมันเถอะ อ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนร่วมมือกัน วิธีการก็ชั้นต่ำมาก ไม่รู้ว่ายาพวกนั้นของพวกเขาจัดการมาอย่างไร ถ้าพวกเรายังไปอีก ไม่รู้ว่าต้องติดยากันอีกกี่รอบนะ"ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทางนั้นก็ไม่มีอะไรกินกันแล้ว เดิมทีคิดว่าวันสองวันก็น่าจะจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ใครจะคิดว่าอ๋องเจวี้ยนจะไร้เหตุผล ถึงกับใช้วิธีการแบบนี้แล้ววรยุทธ์ของอ๋องเจวี้ยนก็ห่างชั้นกับพวกเขา ตราบใดที่ไม่ต้องปะทะกับท่านขุนพล เขาก็แฝงเข้ามาในกลุ่มพวกเขาได้ ถ้าหากเข้ามาก็ไม่มีใครขวางอยู่หรอกพวกเขาถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อ ยังไม่รู้ว่าจะมีจุดจบอย่างไร ต่อให้ไม่ตายชีวิตก็น่าจะหายไปซักครึ่งอยู่"ท่านขุน
โจวติ้งเจินไม่อยากจะออกไปไกลหน่อยเสียที่ไหน?แต่เขาทำไม่ไหวน่ะสิ!ท้องเสียครั้งนี้ ลากยาวไปถึงสามวัน!คืนวันที่สอง พวกทหารที่เรี่ยวแรงหายไปก็ฟื้นกลับมาพอควรแล้ว โจวติ้งเจินกลับล้มลงไปแทนเขาถ่ายออกมาจนทั้งเนื้อตัวซีดไปหมด ไม่มีแรงจะพูดจาเลยทีเดียวตอนที่เขาเตรียมจะรองขุนพลเตรียมเข้าไปตีเมือง รองขุนพลก็เริ่มท้องเสียบ้างแล้ววันที่สาม เขาออกคำสั่งอย่างอ่อนแรงให้ทหารเข้าไปโจมตีเมือง ให้รองขุนพลน้อยหลายคนนำทหารออกไป เหล่าทหารก็ไม่มีแรงกันขึ้นมาอีก!ทหารกว่าครึ่งล้มลงไปนอนระเนระนาดอีกครั้ง ลุกกันไม่ขึ้นแผนการโจมตีเมืองถูกบีบให้หยุดชะงักอีกครั้งโจวติ้งเจินโมโหจนเกือบจะเส้นเลือดในสมองแตกเขาตอนนี้ยังมองไม่ออกที่ไหนว่าเป็นฝีมือเซียวหลันยวน?แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายวางยามาได้อย่างไร! ยาพวกนั้นทำไมถึงไม่มีสีมีกลิ่นเลย"ต้องเป็นฟู่จาวหนิงแน่ๆ ต้องเป็นยาที่นางทำขึ้นมา..."สุดท้ายโจวติ้งเจินคิดออกถึงจุดนี้ แต่ตอนนี้เขาก็ถ่ายออกมาจนตัวโหวง ลุกไม่ขึ้นที่นี่ไม่มีอะไรที่กินได้แล้ว ต่อให้ล่าสัตว์มา ตอนนี้เขาก็กลืนไม่ลงถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป โจวติ้งเจินรู้สึกว่าตัวเองต้องตายแน่รองขุนพ
อันเหนียนรู้สึกว่า สามีภรรยาอย่างพวกเขาทั้งสองคนถ้าอยู่ด้วยกันนานอีกหน่อย อาจจะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาอีกก็ได้ดังนั้น พวกเขาจึงเป็นคู่สวรรค์สร้าง ใครก็แทรกกลางเข้าไปไม่ได้เซียวหลันยวนเดินเข้ามา เห็นอันเหนียนกำลังคุยอยู่กับฟู่จาวหนิงเขาชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงเดินเข้ามา ยืนอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิง แต่มองไปทางอันเหนียน"คุยอะไรกัน?"คุยกันสนุกเชียวนะ? เหมือนจะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอันเหนียนด้วยฟู่จาวหนิงเองก็สีหน้ามีชีวิตชีวาเหมือนกันเอาอีกแล้ว อันเหนียนก่นด่าในใจ เจอเข้ากับสายตาของเซียวหลันยวน "กำลังคุยกับพระชายา ว่าพวกท่านตอนนี้นิสัยคล้ายคลึงกันเรื่อยๆ แล้ว""อย่างนั้นหรือ? พวกเราเป็นสามีภรรยา จะคล้ายกันมันก็เรื่องปกตินี่" เซียวหลันยวนบีบแขนฟู่จาวหนิง"มือทำไมเย็นนักล่ะ?" ฟู่จาวหนิงโดนความเย็นของมือเขาดึงความสนใจไปทันที นางพลิกกลับมากุมมือเซียวหลันยวน มืออีกข้างก็ปลดหน้ากากของเขาลงมาพอปลดหน้ากากถึงจะเห็นสีหน้าของเขาดูแล้วยังดีอยู่"ฝนตกลงมาครู่หนึ่ง แล้วนอกเมืองก็อากาศเย็นมาก" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น ดึงนางมาไว้ในอ้อมกอด "หนิงหนิงให้ข้ากอดหน่อย เดี๋ยวก็อุ่นขึ้นแล้ว"แค่กๆอันเหนียน
ยาครั้งนี้ มีประสิทธิภาพมากจริงๆพอถึงตอนฟ้าสาง มีคนป่วยหนักแต่เดิมหลายคน มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเดิมทีที่ป่วยจนไม่รู้สึกตัวแล้ว วันนี้ตอนเช้าก็สามารถประคองตัวลุกขึ้นนั่งมากินข้าวต้มได้นี่ทำให้คนทั้งหมดดีใจกันมากมีผลลัพธ์เช่นนี้ ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้สึกว่าตนเองวันนี้เดินเชิดหน้ายืดหลังตรงได้เสียทีนี่อธิบายได้ว่ามีความหวังแล้วจริงๆ! ไม่สิ พูดว่าเป็นความหวังไม่ได้แล้ว มันมีผลลัพธ์ที่ดีแล้วต่างหากตอนที่ฟู่จาวหนิงวุ่นอยู่ทั้งคืน เซียวหลันยวนเองก็ออกไปทั้งคืนไม่ได้กลับมาตอนที่ฟู่จาวหนิงได้พัก ได้กินข้าวเช้า จึงเพิ่งนึกได้ว่าเซียวหลันยวนไม่รู้หายไปไหนนางถามสืออี สืออีก็ดูจะตื่นเต้นขึ้นมารางๆ"ท่านอ๋องออกเมืองไปแล้วขอรับ"ออกเมือง?เซียวหลันยวนออกจากเมือง แล้วทำไมสืออีถึงดูตื่นเต้น?"หรือจะออกไปหาโจวติ้งเจิน?" ฟู่จาวหนิงตกตะลึงถึงแม้ทหารส่วนใหญ่จะโดนพิษที่ทำให้เสียกำลังในการต่อสู้ไป แต่ก็มีส่วนน้อยที่ไม่ได้โดนพิษ หรืออาจจะมีคนที่โดนพิษไปน้อยมาก นั่นก็ยังสู้ได้อยู่นะองครักษ์ของเซียวหลันยวนส่วนใหญ่ยังอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อคืนตอนที่นางวิ่งไปดูแลคนป่วยตรงนั้นตรงนี้ ย