เซียวหลันยวนดื่มชาที่ดีที่สุดจนชินแล้วเขาก่อนหน้านี้พาจินเสวี่ยกับไป๋ซวงมา ก็เพราะว่าสาวใช้สองคนนี้ล้วนชงชาได้ยอดเยี่ยมหรือก็คือ ชาถ้วยนี้ถ้าหากให้คนทั่วไปดื่มก็ยังพอไหว แม้จะขมแต่ก็ยังหวาน ถึงอย่างไรในจวนอ๋องเจวี้ยนก็ยังไม่มีใบชาที่แย่มากนักแต่ว่าสำหรับเซียวหลันยวนที่ปากจู้จี้ไปแล้ว ถือว่าย่ำแย่มากจนไม่รู้จะพรรณนาอย่างไรเลยทีเดียวเขาฝืนกลืนลงไป ขว้างชาถ้วยนั้นออกไปนอกหน้าต่างเสียงถ้วยชาแตกด้านนอก ทำให้จินเสวี่ยทิ้งตัวลงคุกเข่าทันที!"ท่านอ๋องโปรดให้อภัยด้วย! จินเสวี่ยไม่ได้ต้องการให้ท่านอ๋องดื่มชาเช่นนี้!"เซียวหลันยวนไม่พูดอะไร ลุกขึ้นยืน เดินมาเบื้องหน้าฟู่จาวหนิง ดึงชาจากมือนางไปดื่ม"นี่" นั่นมันของที่นางดื่มไปแล้วนะฟู่จาวหนิงถลึงตามองเซียวหลันยวน รู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนคนนี้สติไม่ดีทำไมถึงมาดื่มชาที่คนแปลกหน้าดื่มไปแล้วกัน?เซียวหลันยวนดื่มไปอึกหนึ่งก็เข้าใจแล้ว เขาวางถ้วยชาลงหนักๆ เสียงดังปังจินเสวี่ยหน้าขาวซีด รีรบหมุนตัวคุกเข่าลงมาทางนี้"เมื่อครู่ข้าพูดไว้ว่าอย่างไร? ให้เจ้าชงชาดีดีให้กับท่านหมอหนิงจนกว่าที่นางจะพอใจ แต่ผลลัพธ์เจ้ากลับชงชาเช่นนี้หรือ?""ท่า
"แต่ว่า ท่านหมอหนิงเคยผิดใจกับหมอเทวดาหลี่หรือไม่? ถ้าหากเคยผิดใจกับหมอเทวดาหลี่ จะเข้าร่วมพิธีเดิมพันโอสถก็ต้องระมัดระวังหน่อย เขาจะต้องมาล้างแค้นแน่ๆ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นมาอีก"อ๋องเจวี้ยนดูท่ากำลังวังชาจะดีแล้ว และเหมือนจะไม่ต้องการตรวจดูอาการด้วย เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับก่อนแล้วกัน"ฟู่จาวหนิงยืนขึ้นมา ไม่รอให้เขาพูดอีก รีบสาวเท้าออกจากจวนอ๋องเจวี้ยนไปหลังจากออกมานางก็ออกเดินพลางบ่นเซียวหลันยวน คนผู้นี้เห็นได้ชัดว่ามองออกแล้วว่านางเป็นใคร ไม่เช่นนั้นคงไม่เอ่ยถึงเรื่องที่นางผิดใจกับหมอเทวดาหลี่แน่นางก็ก็แค่ผิดใจกับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นนี่?แต่ว่า อ๋องเจวี้ยนทำไมต้องมาพูดเรื่องพิธีเดิมพันโอสถกับนางตั้งมากมายขนาดนี้กันนี่ทำเอาความอยากรู้อยากเห็นของนางพุ่งขึ้นมาทันทีฟู่จาวหนิงวันนี้ได้เงินมาส่วนหนึ่ง มือปราบเจียงทางนั้นก็ซื่อตรงจริงๆ บอกว่าจะช่วยนางหาข่าว แต่ก็ไม่เอาเงินของนาง พอบวกกับที่ชิงอีให้มาเมื่อครู่ เงินในมือนางก็ซื้อของได้ไม่น้อยเลยทีเดียวนางหาสถานที่ไปล้างเครื่องแต่งหน้าจากนั้นจึงไปซื้อของ ผ้านวมเข็มด้ายเครื่องเสบียงถ่านไหมเงินก็ซื้อมาไม่น้อย และมีคนในแผงช่วยนางส่ง
บนหัวกำแพงมีคุณชายที่ดูอายุอยู่ระหว่างเด็กชายกับชายหนุ่มคนหนึ่ง สวมผ้าคลุมผ้าทอสีฟ้าอ่อนทับด้วยสีเงิน เหมือนกับกำลังส่งแสงระยับ เขาชันเข่าข้างหนึ่ง มือข้างหนึ่งพาดไว้บนหัวเข่า ถือขลุ่ยหยกไว้เลาหนึ่ง ขลุ่ยหยกบนมือโบกไหวเบาๆ ท่าทางสบายๆ เป็นอิสระใบหน้าคุณชายก็ราวกับภาพวาดที่จิตรกรรังสรรค์มาอย่างประณีต ดวงตาดำริมฝีปากแดง มีไฝสีแดงเล็กๆ อยู่ระหว่างคิ้ว ผิวหนังขาวกว่าหิมะ ขาวเสียจนมองไม่เห็นตำหนิใดๆ ทั้งสิ้นกำแพงข้างๆ นี้อันที่จริงก็เป็นแค่กำแพงดินธรรมดา แล้วยังมีตะไคร่บางส่วนเกาะอีกด้วย มีร่องรอยลมฝนพัดเซาะ แต่ด้านบนมีคุณชายที่นั่งอยู่ราวกับเซียนคนหนึ่ง จนกำแพงนี้ราวกับเปลี่ยนเป็นดูมีเสน่ห์มนตราขึ้นมาฟู่จาวหนิงเองก็มองแค่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถอยออกมาหลายก้าวเงยหน้ามองแบบนี้ นางเมื่อยคอเพียงแต่ในเมืองหลวงแคว้นเจา ตอนไหนกันที่มีบุคคลแบบนี้อยู่ ในความทรงจำของ"คุณหนูฟู่"เองก็ไม่มีปรากฎ"ผงยาของท่านเมื่อครู่นี้ ขายให้ข้าหน่อยได้ไหม?""ไม่ขาย"ฟู่จาวหนิงขายยารักษาคน สิ่งของที่เอาไว้ป้องกันตัวเหล่านี้นางแค่เตรียมไว้ให้ตนเองกับคนในบ้านใช้ไว้เผื่อป้องกันเท่านั้น จะไม่นำมาขายเด็ดขาดมิเ
คนเยอะขนาดนี้ไปดูอาการเซียวหลันยวนหรือ?"ท่านอ๋องของพวกเท่านก่อนหน้านี้ไม่เคยเชิญหมอจากโรงหมอเมตตามาตรวจอาการหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นอย่างประหลาดใจถ้าว่าตามหลักการคือเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อหมอในโรงหมอเมตตาถือว่าเป็นกลุ่มคนที่มีวิชาแพทย์ดีที่สุดในแคว้นเจาแล้ว เช่นนั้นเซียวหลันยวนก็ต้องมาหาพวกเขาก่อนเป็นอันดับแรกจึงจะถูก"ก่อนหน้าเคยเคยเชิญมาแล้ว"ผู้ดูแลจงไม่รู้ว่าท่านหมอหนิงคนนี้เป็นคนเช่นไร เพียงแต่เมื่อวานนี้ตอนที่มาท่านอ๋องก็ดูจะมีท่าทีที่ดีกับเขา ดังนั้นเขาจึงพูดมากขึ้นหน่อย แต่ตอนนี้พูดต่อไปไม่ได้อีกแล้ว"ท่านหมอหนิง อย่างนั้นไปรอที่ศาลาข้างๆ ก่อนเถิด ข้าไปแจ้งท่านอ๋องสักครู่ดีไหม?""ได้เลย"ตอนที่ฟู่จาวหนิงกำลังรอก็เห็นเฝิ่นซิงกับหงจั๋วยกชาเข้ามา พวกนางทั้งสองคนเห็นนางแล้ว แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดเลยนางรู้สึกประหลาดมาก ทำไมผู้ดูแลจงชิงอีกับเฝิ่นซิงหงจั๋วก็ยังมองนางไม่ออก แล้วเซียวหลันยวนทำไมจึงมองออกกัน?หรือว่าพวกจงเจี้ยนทางนั้นแอบบอกมา?ถึงอย่างไรนางตอนแรกสุดก็ออกจากห้องตนเองมาด้วยสภาพของท่านหมอหนิงนี่นะแต่ฟู่จาวหนิงพอคิดๆ ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ สำหรับความเชื่อใจต่อจ
"อะไรนะ?"ป้ายตราสีม่วงเป็นป้ายอนุญาตหมอระดับสูงของโรงหมอเมตตานะ!ปกติต้องเริ่มจากป้ายไม้ก่อน จากนั้นครั้งถัดไปค่อยเข้ารับการสอบ พอผ่านแล้วค่อยยกระดับป้ายตราตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพอเอ่ยปากก็จะเอาป้ายตราสีม่วงให้ท่านหมอหนิง!"อ๋องเจวี้ยน ท่านกำลังล้อเล่นกับพวกเราอยู่หรือ?""ถูกต้อง อ๋องเจวี้ยน นี่มันไม่สอดคล้องกับกฎ""ถึงแม้ท่านหมอหนิงจะอายุมากแล้ว แต่การรับป้ายอนุญาตหมอก็ยังต้องค่อยเป็นค่อยไป"หมอเหล่านี้ราวกับถูกเหยียบหาง คนนั้นพูดทีคนนี้พูดทีกันขึ้นมาฟู่จาวหนิงเองก็มองเซียวหลันยวนอย่างตกตะลึงแม้ว่านางจะมั่นใจอย่างมากต่อวิชาแพทย์ของตนเอง และรู้สึกว่าต่อให้ต้องสอบ ก็สามารถได้รับป้ายตราสีม่วงมาแน่ แต่เหมือนเซียวหลันยวนพอเอ่ยปากก็จะให้คนของโรงหมอเมตตาส่งป้ายตราสีม่วงให้เขาทันที นางเองก็รู้สึกว่านี่มันอังการไปหน่อยเซียวหลันยวนเอ่ยเสียงเรียบ "ทำไมหรือ พวกเจ้าในโรงหมอเมตตาตั้งมากมายล้วนรักษษข้าไม่ได้ แต่ท่านหมอหนิงกลับจัดการไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว เอาแค่จุดนี้ วิชาแพทย์ของเขาไม่ใช่ว่าเหนือกว่าทุกท่านแล้วหรือ? แล้วก็ วันนั้นที่ข้าไอเป็นเลือด หมอเทวดาหลี่ขเ้ามาก็ยังต้องยกมือยอมแพ้ แต่ท่านห
"ขอรับ""ชิงอี ส่งงคนตามพวกเขาไปรับป้ายอนุญาตหมอมา" พอเป้าหมายเสร็จสิ้น อ๋องเจวี้ยนก็เริ่มไล่แขกแล้ว "เรื่องที่พวกเจ้าพูดมาก่อนหน้านี้ ข้าปฏิเสธ ส่งแขก"หมอชราหลายคนถูกส่งออกมานอกจวนอ๋องเจวี้ยนเช่นนี้ เป้าหมายยังไม่สำเร็จแถมยังต้องจ่ายชดเชยป้ายตราสีม่วงไปอีกชิ้น แต่ละคนล้วนตั้งสติกันไม่ทันเลยทีเดียวลมด้านนอกพัดหวิว พวกเขาจึงได้สติกันขึ้นมา"พวกเราเมื่อครู่ไม่ควรไปรับปากเลย ตั้งกี่ปีแล้วที่ไม่มีคนได้รับป้ายตราสีม่วงไป? แล้วจะให้ไปแบบแปลกๆ เช่นนี้น่ะหรือ?""จริงด้วย หมอเทวดาหลี่รู้เรื่องนี้เข้าคงได้โกรธเป็นบ้าเป็นหลัง"หมอเทวดาหลี่หลายปีนี้ก็กว้างขวางในเมืองหลวงมาก เพราะหมอที่สอบผ่านแล้วได้ตรานี้มามีน้อยเสียเหลือเกิน"วินิจฉัยยากับเดิมพันหมอสองรายการนี้ เอาชนะได้ง่ายๆ เสียที่ไหน? ครั้งนี้มีวัตถุดิบยาล้ำค่าไม่น้อยที่ส่งมาจากต่างแดน พวกเราก็ยังไม่แน่ว่าจะมองออกทั้งหมด แล้วก็เดิมพันหมอนั่น เขาที่อยู่ในภูเขามาตลอดจะได้เจอกับผู้ป่วยมาสักเท่าไร ได้ทดลองมาแล้วสักกี่ครั้งกัน ชนะไม่ได้หรอก""ถูกต้อง พวกเราส่งป้ายตราสีม่วงให้เขาไปก่อน ถึงตอนนั้นค่อยเก็บกลับมาแล้วกัน ถึงอย่างไรก็จะผิดใจกับ
ไทเฮาล้มป่วยเสียแล้วและก่อนหน้านางจะล้มป่วย คืนก่อนสาวใช้ในวังที่คอยคุ้มกันช่วงกลางคืนได้ยินนางฝันร้าย ในฝันตะโกนออกมาคำหนึ่ง และเพราะประโยคนี้ จึงทำให้องค์จักรพรรดิวันนี้ประกาศว่าตอนที่อ๋องเจวี้ยนเข้าวังให้พาฟู่จาวหนิงมาด้วยกันบนรถม้า ฟู่จาวหนิงฟังถึงจุดนี้ก็ขมวดคิ้วถาม "ไทเฮาพูดอะไรออกมาหรือ?"นางทำไมรู้สึกว่า มีเงามืดกำลังปกคลุมลงมาหาตัวเองหรือเปล่า?"สาวใช้ชาววังที่ชื่อเป่าเยวี่ยคนนั้นบอกว่า ไทเฮาตะโกนว่า สกุลฟู่ ข้าขอร้องล่ะ" เซียวหลันยวนสวมหน้ากากครึ่งหน้า บนใบหน้าอีกด้านหนึ่งสีหน้าเรียบเฉย มองไม่ออกเลยว่าเขาเชื่อหรือไม่เชื่อกันแน่"สกุลฟู่?"ฟู่จาวหนิงร้องจิ๊ "ไทเฮาเพิ่งจะพบข้าแค่ครั้งเดียว แต่ก็ยังไม่เคยเรียกข้าว่าสกุลฟู่เลยนะ""ดังนั้น องค์จักรพรรดิจึงให้เจ้าเข้าวังเพื่อจะถามให้ชัด""นั่งอยู่กับบ้านเฉยๆ เคราะห์ก็ร่วงลงมาจากฟ้าจริงๆ" ฟู่จาวหนิงนวดหน้าผากอย่างจำใจรถม้ามาถึงนอกวัง พวกเขาลงจากรถเปลี่ยนเป็นรถม้าเดินในวังตอนนี้ฝนตกลงมาเล็กน้อย ถูกลมฤดูใบไม้ร่วงพัดจนหมอกลงฟู่จาวหนิงเข้าวังจักรพรรดิเป็นครั้งแรก รู้สึกว่าตกแต่งได้ตระการตามาก ยิ่งใหญ่เรียบง่าย งดงามรโหฐา
"พระสนมลี่กำลังชื่นชมนิสัยของพระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่หรือ" ฮองเฮาเหลือบมองนางเย็นชาผาดหนึ่งพระสนมลี่ส่ายหัวยิ้มตอบ "หม่อมฉันมิกล้าที่จะชื่นชมพระชายาอ๋องเจวี้ยนแบบนี้หรอก"ฟู่จาวหนิงก็ขี้เกียจจะอธิบายว่าทำไมนางจึงแต่งกายด้วยชุดเก่าเข้ามา ถึงอย่างไรก็ไม่มีคนส่งชุดองค์ทรงเครื่องที่พระชายาควรมีไปให้นางสักชุดอยู่แล้วฟู่จาวหนิงยังไม่ทันจะอ้าปาก ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของเซียวหลันยวนดังขึ้น "พระชายาอ๋องเจวี้ยนแบบไหนหรือ? ข้ายังยืนอยู่ที่นี่นะ คิดว่าข้าตายไปแล้วหรือไรกัน?"พระสนมลี่หน้าเปลี่ยนสี"อ๋องเจวี้ยน ข้า""ข้าไม่ได้ให้พระชายาเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเข้าวัง ก็เพราะได้ยินว่าไทเฮาป่วยหนัก ใจก็ร้อนรน จึงไม่ได้สนใจเรื่องพิธีรีตอง ขนาดองค์จักรพรรดิคงจะไม่จ้องจับผิด ทำไมกัน นี่วนมาให้พวกเจ้าจ้องจับผิดแทนแล้วหรือ?"อ๋องเจวี้ยนพูดมาอีกคำหนึ่ง ครั้งนี้ทำเอาฮองเฮาเหน้าเปลี่ยนสีไปด้วยฟู่จาวหนิงประทับใจในตัวเซียวหลันยวนขึ้นอีกหน่อยแล้วยังพอไหว อยู่ต่อหน้าคนอื่นยังรู้จักมาปกป้องนาง ชายคนนี้ยังไม่ถือว่าเป็นสุนัขเสียทีเดียวนางก็เอ่ยตามขึ้นมาบ้าง "ท่านอ๋อง ท่านรีบร้อนคิดจะมาดูอาการป่วยของไทเฮาว่าเ
ถัดจากนี้สำหรับพวกหลานหรงก็ถือเป็นการท้าทายที่มากกว่าแล้วจากที่ท่านอ๋องคาดการณื ตงฉิงจะต้องมีกลไกลและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแน่นอน น่าจะมีวิะีการที่ทำให้ตงฉิงได้กลับมาเห็นตะวันได้อีกครั้ง ที่ไม่ใช่การขุดทีละนิดๆ ของกำลังคนพวกของหลานหรงต้องหาวิะีให้พบ บางทีอาจจะเป็นกลไก?"ที่นี่ในเมื่อเป็นเมืองเก่าที่ตระกูลของราชครูตงฉิงอยู่ ก็น่าจะมีโอกาส นายท่านเคยพูดไว้ ตระกูลของราชครูตงฉิงมีพลังกำลังทรัพย์ที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ เมืองชิงเย่เป็นรากฐานของพวกเขา ไม่มีทางปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มสลายไปแบบนี้แน่"หลานหรงหยิบจดหมายที่เซียวหลันยวนเขียนไว้ออกมา ด้านบนยังวาดรูปของเครื่องพยากรณ์ไว้ บางทีคงต้องหาจุดที่สามารถใช้เครื่องพยากรณ์นี้จดหมาย เพียงไม่นานก็ถูกส่งไปหาเซียวหลันยวนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกำลังสาละวนอยู่ในภูเขาช่วงเช้า และได้รับอะไรมาไม่น้อยนางเจอโสมม่วงร้อยปีต้นหนึ่ง!เดิมทีสิ่งนี้ก็ถือเป็นของที่สุดยอดมากแล้ว ผลลัพธ์คือยังพบวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้เคยบอกกับนางแต่พันธมิตรโอสถไม่เคยพบมาก่อนอีกหลายชนิดด้วยวัตถุดิบยาพวกนั้น ว่ากันว่าในพันธมิตรโอสถมีแขกลึกลับ
นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากหาหยกดาราพบให้รีบส่งออกไปก่อน"ขอรับ"หลานหรงลองสังเกตุทะเลสาบนี้อีกหน่อย วักน้ำขึ้นมาชิม น้ำสะอาดหวาดชื่น น้ำดีที่หาได้ยาก!ที่นี่จะใช่ตำแหน่งที่เมืองหลวงตงฉิงอยู่จริงไหม?"พักกันดีแล้วใช่ไหม? เข้ามาตักน้ำ"หลานหรงเรียกคนเข้ามาทันทีทุกคนเห็นต้นกำเนิดน้ำแบบนี้ก็ดีอกดีใจ เมื่อวานตอนค่ำน้ำถูกดื่มไปจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากระหายกันจะแย่"ก่อไฟต้มน้ำ"เดิมทีตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของพวกเขา จะไปที่ไหนก็ล้วนกินน้ำดิบไปตรงๆ แบบนี้สะดวกดี ไม่ได้พิถีพิถันมาก แต่ฟู่จาวหนิงบอกพวกเขาไว้ น้ำจะอย่างไรก็ต้องต้มก่อนถึงจะดี ด้านในอาจจะมีไข่แมลงหรือเชื้อโรคอะไรอยู่ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงเชื่อฟัง ถ้ามีเวลาและเงื่อนไขเพียงพอ พวกเขาก็จะต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่มครั้งนี้พอเห็นน้ำสกปรกขยะแขยงมามากมาย พวกเขาจึงทำตามกฏนี้อย่างเคร่งครัดตอนที่พวกเขาต้มน้ำ หลานหรงเดินไปบนทางเดินเล็กๆ ในทะเลสาบเส้นนั้น ตรงไปทางดงดอกไม้ผืนนั้นเดินอยู่กลางทะเลสาบ สองด้านล้วนเป็นน้ำใสสะอาด สะท้อนภาพฟ้าเมฆคราม ทิวทัศน์งดงามดูกว้างใหญ่ถ้าตงฉิงในอดีตยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าจะงดงามขนา
หลานหรงพากลุ่มค้นหามานานมากแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาเจอเมืองเล็กเมืองหนึ่งถูกดินปกคลุมไป ถนนหนทางบ้านเรือนล้วนถูกกลบฝังไปแล้ว แต่ฝนตกมาห่าใหญ่ หลังจากดินภูเขาถูกชะล้างไป ก็มีหลังคาเรือนเล็กๆ บางส่วนโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาดังนั้นหลานหรงจึงยืนยันว่าตงฉิงตอนนั้นถูกกลับฝังไปแล้วจริงๆพวกเขาเจอกับทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากเข้ามาก็พบว่ายิ่งเดินก็ยิ่งยาว และไม่รู้ว่าตรงไปที่ไหนด้วยแต่สองด้านของทางเดินก็ปรากฏศาลาหรือบ้านเป็นระยะๆ อธิบายได้ว่าแต่ก่อนนี่เป็นถนนที่อยู่บนพื้นดิน ส่วนถนนของเมืองเล็กจะตรงไปที่ไหน นอจากเมืองใหญ๋แล้วก็อาจจะเป็นวังหลวงดังนั้นตอนนั้นหลานหรงจึงออกคำสั่งให้เดินตรงไป จนหาทางออกพบคิดไม่ถึงว่าเดินมาสิบกว่าวัน ยังดีที่ด้านในยังมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยังขุดน้ำขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายไปแล้วแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยหลังจากผ่านไปสิบวันในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว แล้วจึงเห็นสถานที่นี้เข้า"พี่ใหญ่ ที่นั่นคงไม่ได้ฝังเมืองไว้อีกแห่งหรอกกระมัง?" ลูกน้องเดินเข้ามา ยื่นถุงใส่น้ำให้เขา ด้านในเหลือแค่อึกเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้หลานหรงไม่ได้ดื่มเลย ให้พวกเขาไปจนหมด ตอนนี้
เขากุมมือนางแน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ซษงจื่อหยิบตำราเก่าม้วนหนึ่งเข้ามา ด้านบนเขียนเรื่องตระกูลถังเขาชิงถงไว้""แล้วยังไงหรือ?"นี่มันเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?"หนิงหนิงรู้ไหมว่าเขาชิงถงมีชื่อเสียงในการผลิตอะไร?""อะไรหรือ?""วัตถุดิบยาน่ะ" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วไม่ใช่สิ แม้ว่านางจะเป็นหมอ แม้ว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบยามาก แม้จะคิดหาวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่ตลอด แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดต้องยอมนับญาติเพื่อวัตถุดิบยานี่?"เซียวหลันยวนท่านรู้ไหมว่าอะไรคือความมั่งคั่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจ?" นางใช้ศอกกระทุ้งเขาไปทีนึงถังอู๋เจวี้ยนฟังพวกเขาแอบกระซิบกระซาบกัน ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ"ข้าว่านะ พวกท่านต้องมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้าแบบนี้ด้วยรึ? มีอะไรบอกมาตรงๆ ก็พอแล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ปู่ข้าเพิ่งจะพบว่า สมัยหนุ่มๆ เขาเคยท่องยุทธภพไปกับผู้อาวุดสจี้กับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจึงนับว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน""อ๋า?"จุดนี้ฟู่จาวหนิงกลับไม่รู้เรื่องเลย!"ผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ของท่านหรือ?" ถังอู๋เจวี้ยนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าฟู่จาวหนิง "น
ไปแท่นชมดาวช่วงจื่อ(23.00-01.00น.)หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "แท่นชมดาวเป็นสถานที่แบบไหน?""แท่นชมดาวต้องเดินขึ้นไปจากตำหนักถวายเครื่องหอม อีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีศาลาอยู่ ด้านนอกศาลามีลานอยู่แห่งหนึ่ง เวลาที่อากาศดีจะมองเห็นดาวระยิบระยับ เหมือนยื่นมือไปเด็ดมาได้เลย"เซียวหลันยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าแท่นชมดาวเคยมีศิษย์คนหนึ่งตกลงไป หลังจากนั้นจึงปิดตายไว้ ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว"สถานที่อันตรายหรือ? ทำไมถึงมีคนตกลงไปได้?"แล้วเจ้าอารามให้พวกเราไปที่นั่นทำไมกัน?"เซียวหลันยวนมองซางจื่อซางจื่อส่ายหัว "เจ้าอารามไม่ได้บอกอะไร แต่ว่า เหมือนน่าจะไปชมดาวกระมัง"แท่นชมดาวถ้าไม่ไปชมดาวแล้วจะไปทำอะไรได้?แต่พวกเขาดูชวนฝันขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วยังนัดไปดูดาวช่วงจื่ออีกฟู่จาวหนิงถามซางจื่อ "นอกจากเราสองคน ยังเรียกใครไปอีกไหม?""เจ้าอารามให้องค์หญิงใหญ่ไปด้วย"โอ๋? ฟู่จาวหนิงอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ "แยกกันไม่ได้เลยว่างั้น?"สวรรค์ให้อภัยนางด้วย เดิมทีนางไม่ใช่คนใจแคบช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ ใครให้เจ้าอารามสร้างภวังค์เฮงซวยให้นาง แล้วไปสร้างภวังค์ที่เซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่เป็นสา
"เรียนพระชายา ชามนี้เป็นของท่านอ๋อง พ่อครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องจนชินแล้ว ทำตามรสชาติที่ท่านอ๋องชอบ"คนที่เข้ามายกชามหมี่น้ำใสไปไว้ตรงหน้าเซียวหลันยวน ส่วนอีกชามวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ชามนี้คุณชายถังเป็นคนทำ คุณชายถังบอกว่านี่เป็นหมี่ที่คนเขาชิงถงชื่นชอบ ลุงของเขาก็ชอบมาก ดังนั้นจึงลงมือทำชามนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ เชิญพระชายาชิม""ถังอู๋เจวี้ยนเป็นคนทำหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นเขาหน้าขรึมลงจริงๆ"กลัวว่าเขาจะวางยาพิษไหม?" ฟู่จาวหนิงพูดติดตลก"พระชายาวางใจ คุณชายถังตอนที่ปรุงในห้องครัวพวกเราคอยดูอยู่ตลอด ใช้แต่วัตถุดิบในห้องครัวเท่านั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน" คนที่นำเข้ามาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนแม้จะรู้สึกจี๊ดในใจที่ถังอู๋เจวี้ยนประจบนางขนาดนี้ แต่จุดนี้ก็ยังต้องยอมรับ: "ถ้าเขากล้ามาวางยาพิษเจ้าที่นี่จริงก็แสดงว่าไม่กลัวตาย"เขากวาดล้างเขาชิงถงทิ้งทั้งหมดได้ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หยิบตะเกียบขึ้น "สู้ท่านลองชิมไหม? แล้วชามนั้นท่านให้ข้ากิน"นางรู้ว่าถ้าตนเองก
ฟู่จาวหนิงเห็นปฏิกิริยาของเซียวหลันยวน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอารามฝึกบำเพ็ญ แต่งงานไม่ได้หรือ?"ก่อนหน้านี้นางเหมือนได้ยินว่าอารามนี้ของเจ้าอาราม ไม่ใช่อารามเต๋าที่ไว้สำหรับฝึกบำเพ็ญเต๋า แล้วก็ไม่เคยได้ยินด้วยว่าจะแต่งงานไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของเจ้าอารามยังน่าหลงใหลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงสาวมาชอบแต่จากคำพูดของเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ บนยอดเขาโยวชิงนี้ไม่มีนายหญิงอยู่จริงๆ ไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่ติดตามเจ้าอารามแล้วเลี้ยงดูเขามาจนโต"ได้ยินว่า ตอนเจ้าอารามยังหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่" เซียวหลันยวนนึกๆ จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ "แต่ต่อมาไม่รู้ทำไมจึงไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญสมัยยังเด็กน่ะ""แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ?""ไม่รู้สิ ต่อมาข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย และยิ่งไม่เคยถามด้วย"เซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้าน นิสัยเองก็ค่อนข้างเย็นชา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองก็จะไม่ถามไม่ไถ่ให้มันมากความ"ก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้าอารามไม่ค่อยคุยเร่องส่วนตัวกันนัก เคารพเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แขาแค่เอ็นดูข้า ไม่ได้สนิท
นิ้วของเจ้าอารามเคาะเบาๆ บนโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบเบาๆ วาดผ่านบนเตาถ่านข้างๆ พริบตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไม่เห็น ก็มีผงฝุ่นลอดจากระหว่างนิ้วของเขาปลิวเข้าไปในไฟของเตา แล้วเผาไหม้เป็นกลิ่นหอมจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ทันได้รู้สึกเลยนางกำลังมองเจ้าอารามอย่างตกตะลึง"เจ้าอารามกำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? ข้าจำได้ชัดเจนแท้ๆ แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"ชายคนนั้นที่นางกอด ความรู้สึกที่ริมฝีปากชุ่มชื้นอ่อนนุ่มตอนที่จูบ ใจที่เต้นระรัว มันแจ่มชัดอย่างมาก แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ เจ้ามองข้านะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองดวงตาเขาข้างหูยังได้ยินจังหวะเคาะโต๊ะเบาๆ ของเขามองดวงตาที่ดูเหมือนมีความเมตตาต่อสรรพชีวิตของเจ้าอาราม นางก็ตะลึงงันไป"ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เป็นแค่ภวังค์ อีกไม่นานเจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ถ้ามีคนพูดเรื่องนี้อีก เจ้าก็แค่บอกว่าตนเองพูดเล่นไปก็พอ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น"เสียงของเจ้าอารามค่อยๆ ไหลเข้ามาในหู แฝงไว้ด้วยการปลอบโยนที่แข็งแกร่งสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มเลือนรางไปบ้าง"เป็นแค่ภวังค์หรือ?""ใช่แล้ว""ไม่เกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆเจ้าอารามกำลังล้างถ้วยชา ไม่มองนาง"ใช่แล้ว""ตอนองค์หญิงใหญ่ยังเล็ก ข้าเคยทำนายว่าเจ้าจะมีเคราะห์ภัย ขอแค่ผ่านเคราะห์ภัยนั้นได้ แล้วมาอยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ชะตาของเจ้าก็จะดีขึ้น โชคดีตลอดไปสงบสุขจนแก่เฒ่า"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำพูดเขาในที่สุดก็ได้สติกลับมา"เคราะห์อะไรหรือ?""ตอนนี้ดูแล้ว เคราะห์นั้นน่าจะอยู่บนตัวฝ่าบาทต้าชื่อ และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นแม่นางที่ฉลาด ตัดสินใจเด็ดขาด หนีออกมาจากวังหลวงต้าชื่อ วังจักรพรรดิต้าชื่อกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเข้าประตูวังไปก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเล คำนี้นำมาพูดกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ถือว่าถูกต้องอย่างมาก"เจ้าอารามล้างชาไปรอบหนึ่ง ชงชามาสองถ้วย ยกขึ้นมาให้นาง "ดื่มชาเถอะ ชาของอายวน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเมื่อครู่ร้องไห้ไปยกใหญ่ ตอนนี้คอเองก็แหบพร่าไปหมดแล้ว กระหายมากด้วย พอสูดๆ จมูก นางจึงยกถ้วยช้านั่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น"ดื่มทีละนิด ระวังลวกปาก" เจ้าอารามเตือนนางทันที"โอ้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ต่อหน้าเขาก็ดูว่าง่ายขึ้นมาก ถอนหายใจแล้วหันมาจิบเบาๆในที่สุดก็ได้ดื่มชานี้แล้ว ทำไมนางถึงไม่ดีใ