บนหัวกำแพงมีคุณชายที่ดูอายุอยู่ระหว่างเด็กชายกับชายหนุ่มคนหนึ่ง สวมผ้าคลุมผ้าทอสีฟ้าอ่อนทับด้วยสีเงิน เหมือนกับกำลังส่งแสงระยับ เขาชันเข่าข้างหนึ่ง มือข้างหนึ่งพาดไว้บนหัวเข่า ถือขลุ่ยหยกไว้เลาหนึ่ง ขลุ่ยหยกบนมือโบกไหวเบาๆ ท่าทางสบายๆ เป็นอิสระใบหน้าคุณชายก็ราวกับภาพวาดที่จิตรกรรังสรรค์มาอย่างประณีต ดวงตาดำริมฝีปากแดง มีไฝสีแดงเล็กๆ อยู่ระหว่างคิ้ว ผิวหนังขาวกว่าหิมะ ขาวเสียจนมองไม่เห็นตำหนิใดๆ ทั้งสิ้นกำแพงข้างๆ นี้อันที่จริงก็เป็นแค่กำแพงดินธรรมดา แล้วยังมีตะไคร่บางส่วนเกาะอีกด้วย มีร่องรอยลมฝนพัดเซาะ แต่ด้านบนมีคุณชายที่นั่งอยู่ราวกับเซียนคนหนึ่ง จนกำแพงนี้ราวกับเปลี่ยนเป็นดูมีเสน่ห์มนตราขึ้นมาฟู่จาวหนิงเองก็มองแค่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถอยออกมาหลายก้าวเงยหน้ามองแบบนี้ นางเมื่อยคอเพียงแต่ในเมืองหลวงแคว้นเจา ตอนไหนกันที่มีบุคคลแบบนี้อยู่ ในความทรงจำของ"คุณหนูฟู่"เองก็ไม่มีปรากฎ"ผงยาของท่านเมื่อครู่นี้ ขายให้ข้าหน่อยได้ไหม?""ไม่ขาย"ฟู่จาวหนิงขายยารักษาคน สิ่งของที่เอาไว้ป้องกันตัวเหล่านี้นางแค่เตรียมไว้ให้ตนเองกับคนในบ้านใช้ไว้เผื่อป้องกันเท่านั้น จะไม่นำมาขายเด็ดขาดมิเ
คนเยอะขนาดนี้ไปดูอาการเซียวหลันยวนหรือ?"ท่านอ๋องของพวกเท่านก่อนหน้านี้ไม่เคยเชิญหมอจากโรงหมอเมตตามาตรวจอาการหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นอย่างประหลาดใจถ้าว่าตามหลักการคือเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อหมอในโรงหมอเมตตาถือว่าเป็นกลุ่มคนที่มีวิชาแพทย์ดีที่สุดในแคว้นเจาแล้ว เช่นนั้นเซียวหลันยวนก็ต้องมาหาพวกเขาก่อนเป็นอันดับแรกจึงจะถูก"ก่อนหน้าเคยเคยเชิญมาแล้ว"ผู้ดูแลจงไม่รู้ว่าท่านหมอหนิงคนนี้เป็นคนเช่นไร เพียงแต่เมื่อวานนี้ตอนที่มาท่านอ๋องก็ดูจะมีท่าทีที่ดีกับเขา ดังนั้นเขาจึงพูดมากขึ้นหน่อย แต่ตอนนี้พูดต่อไปไม่ได้อีกแล้ว"ท่านหมอหนิง อย่างนั้นไปรอที่ศาลาข้างๆ ก่อนเถิด ข้าไปแจ้งท่านอ๋องสักครู่ดีไหม?""ได้เลย"ตอนที่ฟู่จาวหนิงกำลังรอก็เห็นเฝิ่นซิงกับหงจั๋วยกชาเข้ามา พวกนางทั้งสองคนเห็นนางแล้ว แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดเลยนางรู้สึกประหลาดมาก ทำไมผู้ดูแลจงชิงอีกับเฝิ่นซิงหงจั๋วก็ยังมองนางไม่ออก แล้วเซียวหลันยวนทำไมจึงมองออกกัน?หรือว่าพวกจงเจี้ยนทางนั้นแอบบอกมา?ถึงอย่างไรนางตอนแรกสุดก็ออกจากห้องตนเองมาด้วยสภาพของท่านหมอหนิงนี่นะแต่ฟู่จาวหนิงพอคิดๆ ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ สำหรับความเชื่อใจต่อจ
"อะไรนะ?"ป้ายตราสีม่วงเป็นป้ายอนุญาตหมอระดับสูงของโรงหมอเมตตานะ!ปกติต้องเริ่มจากป้ายไม้ก่อน จากนั้นครั้งถัดไปค่อยเข้ารับการสอบ พอผ่านแล้วค่อยยกระดับป้ายตราตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพอเอ่ยปากก็จะเอาป้ายตราสีม่วงให้ท่านหมอหนิง!"อ๋องเจวี้ยน ท่านกำลังล้อเล่นกับพวกเราอยู่หรือ?""ถูกต้อง อ๋องเจวี้ยน นี่มันไม่สอดคล้องกับกฎ""ถึงแม้ท่านหมอหนิงจะอายุมากแล้ว แต่การรับป้ายอนุญาตหมอก็ยังต้องค่อยเป็นค่อยไป"หมอเหล่านี้ราวกับถูกเหยียบหาง คนนั้นพูดทีคนนี้พูดทีกันขึ้นมาฟู่จาวหนิงเองก็มองเซียวหลันยวนอย่างตกตะลึงแม้ว่านางจะมั่นใจอย่างมากต่อวิชาแพทย์ของตนเอง และรู้สึกว่าต่อให้ต้องสอบ ก็สามารถได้รับป้ายตราสีม่วงมาแน่ แต่เหมือนเซียวหลันยวนพอเอ่ยปากก็จะให้คนของโรงหมอเมตตาส่งป้ายตราสีม่วงให้เขาทันที นางเองก็รู้สึกว่านี่มันอังการไปหน่อยเซียวหลันยวนเอ่ยเสียงเรียบ "ทำไมหรือ พวกเจ้าในโรงหมอเมตตาตั้งมากมายล้วนรักษษข้าไม่ได้ แต่ท่านหมอหนิงกลับจัดการไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว เอาแค่จุดนี้ วิชาแพทย์ของเขาไม่ใช่ว่าเหนือกว่าทุกท่านแล้วหรือ? แล้วก็ วันนั้นที่ข้าไอเป็นเลือด หมอเทวดาหลี่ขเ้ามาก็ยังต้องยกมือยอมแพ้ แต่ท่านห
"ขอรับ""ชิงอี ส่งงคนตามพวกเขาไปรับป้ายอนุญาตหมอมา" พอเป้าหมายเสร็จสิ้น อ๋องเจวี้ยนก็เริ่มไล่แขกแล้ว "เรื่องที่พวกเจ้าพูดมาก่อนหน้านี้ ข้าปฏิเสธ ส่งแขก"หมอชราหลายคนถูกส่งออกมานอกจวนอ๋องเจวี้ยนเช่นนี้ เป้าหมายยังไม่สำเร็จแถมยังต้องจ่ายชดเชยป้ายตราสีม่วงไปอีกชิ้น แต่ละคนล้วนตั้งสติกันไม่ทันเลยทีเดียวลมด้านนอกพัดหวิว พวกเขาจึงได้สติกันขึ้นมา"พวกเราเมื่อครู่ไม่ควรไปรับปากเลย ตั้งกี่ปีแล้วที่ไม่มีคนได้รับป้ายตราสีม่วงไป? แล้วจะให้ไปแบบแปลกๆ เช่นนี้น่ะหรือ?""จริงด้วย หมอเทวดาหลี่รู้เรื่องนี้เข้าคงได้โกรธเป็นบ้าเป็นหลัง"หมอเทวดาหลี่หลายปีนี้ก็กว้างขวางในเมืองหลวงมาก เพราะหมอที่สอบผ่านแล้วได้ตรานี้มามีน้อยเสียเหลือเกิน"วินิจฉัยยากับเดิมพันหมอสองรายการนี้ เอาชนะได้ง่ายๆ เสียที่ไหน? ครั้งนี้มีวัตถุดิบยาล้ำค่าไม่น้อยที่ส่งมาจากต่างแดน พวกเราก็ยังไม่แน่ว่าจะมองออกทั้งหมด แล้วก็เดิมพันหมอนั่น เขาที่อยู่ในภูเขามาตลอดจะได้เจอกับผู้ป่วยมาสักเท่าไร ได้ทดลองมาแล้วสักกี่ครั้งกัน ชนะไม่ได้หรอก""ถูกต้อง พวกเราส่งป้ายตราสีม่วงให้เขาไปก่อน ถึงตอนนั้นค่อยเก็บกลับมาแล้วกัน ถึงอย่างไรก็จะผิดใจกับ
ไทเฮาล้มป่วยเสียแล้วและก่อนหน้านางจะล้มป่วย คืนก่อนสาวใช้ในวังที่คอยคุ้มกันช่วงกลางคืนได้ยินนางฝันร้าย ในฝันตะโกนออกมาคำหนึ่ง และเพราะประโยคนี้ จึงทำให้องค์จักรพรรดิวันนี้ประกาศว่าตอนที่อ๋องเจวี้ยนเข้าวังให้พาฟู่จาวหนิงมาด้วยกันบนรถม้า ฟู่จาวหนิงฟังถึงจุดนี้ก็ขมวดคิ้วถาม "ไทเฮาพูดอะไรออกมาหรือ?"นางทำไมรู้สึกว่า มีเงามืดกำลังปกคลุมลงมาหาตัวเองหรือเปล่า?"สาวใช้ชาววังที่ชื่อเป่าเยวี่ยคนนั้นบอกว่า ไทเฮาตะโกนว่า สกุลฟู่ ข้าขอร้องล่ะ" เซียวหลันยวนสวมหน้ากากครึ่งหน้า บนใบหน้าอีกด้านหนึ่งสีหน้าเรียบเฉย มองไม่ออกเลยว่าเขาเชื่อหรือไม่เชื่อกันแน่"สกุลฟู่?"ฟู่จาวหนิงร้องจิ๊ "ไทเฮาเพิ่งจะพบข้าแค่ครั้งเดียว แต่ก็ยังไม่เคยเรียกข้าว่าสกุลฟู่เลยนะ""ดังนั้น องค์จักรพรรดิจึงให้เจ้าเข้าวังเพื่อจะถามให้ชัด""นั่งอยู่กับบ้านเฉยๆ เคราะห์ก็ร่วงลงมาจากฟ้าจริงๆ" ฟู่จาวหนิงนวดหน้าผากอย่างจำใจรถม้ามาถึงนอกวัง พวกเขาลงจากรถเปลี่ยนเป็นรถม้าเดินในวังตอนนี้ฝนตกลงมาเล็กน้อย ถูกลมฤดูใบไม้ร่วงพัดจนหมอกลงฟู่จาวหนิงเข้าวังจักรพรรดิเป็นครั้งแรก รู้สึกว่าตกแต่งได้ตระการตามาก ยิ่งใหญ่เรียบง่าย งดงามรโหฐา
"พระสนมลี่กำลังชื่นชมนิสัยของพระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่หรือ" ฮองเฮาเหลือบมองนางเย็นชาผาดหนึ่งพระสนมลี่ส่ายหัวยิ้มตอบ "หม่อมฉันมิกล้าที่จะชื่นชมพระชายาอ๋องเจวี้ยนแบบนี้หรอก"ฟู่จาวหนิงก็ขี้เกียจจะอธิบายว่าทำไมนางจึงแต่งกายด้วยชุดเก่าเข้ามา ถึงอย่างไรก็ไม่มีคนส่งชุดองค์ทรงเครื่องที่พระชายาควรมีไปให้นางสักชุดอยู่แล้วฟู่จาวหนิงยังไม่ทันจะอ้าปาก ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของเซียวหลันยวนดังขึ้น "พระชายาอ๋องเจวี้ยนแบบไหนหรือ? ข้ายังยืนอยู่ที่นี่นะ คิดว่าข้าตายไปแล้วหรือไรกัน?"พระสนมลี่หน้าเปลี่ยนสี"อ๋องเจวี้ยน ข้า""ข้าไม่ได้ให้พระชายาเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเข้าวัง ก็เพราะได้ยินว่าไทเฮาป่วยหนัก ใจก็ร้อนรน จึงไม่ได้สนใจเรื่องพิธีรีตอง ขนาดองค์จักรพรรดิคงจะไม่จ้องจับผิด ทำไมกัน นี่วนมาให้พวกเจ้าจ้องจับผิดแทนแล้วหรือ?"อ๋องเจวี้ยนพูดมาอีกคำหนึ่ง ครั้งนี้ทำเอาฮองเฮาเหน้าเปลี่ยนสีไปด้วยฟู่จาวหนิงประทับใจในตัวเซียวหลันยวนขึ้นอีกหน่อยแล้วยังพอไหว อยู่ต่อหน้าคนอื่นยังรู้จักมาปกป้องนาง ชายคนนี้ยังไม่ถือว่าเป็นสุนัขเสียทีเดียวนางก็เอ่ยตามขึ้นมาบ้าง "ท่านอ๋อง ท่านรีบร้อนคิดจะมาดูอาการป่วยของไทเฮาว่าเ
ปัญหานี้ อันที่จริงฟู่จาวหนิงก็อยากรู้เหมือนกันนางไม่คิดว่าประโยคนี้มีคนแต่งขึ้นมา ถ้าจะแต่งก็ไม่จำเป็นต้องแต่งให้มันดูไร้สาระขนาดนี้ ไม่ได้มีตรรกะอะไรเลยยิ่งไปกว่านั้น ถ้าจะแต่งขึ้นจริง จะมาพูดว่า "สกุลฟู่" ทำไม บอกว่า "ฟู่จาวหนิง" ไปเลยไม่ตรงกว่าหรือสกุลฟู่ ถ้าหากสาวใช้ในวังฟังผิด ฟังเป็นชื่ออื่นขึ้นมาล่ะดังนั้น ไทเฮาตะโกนขึ้นคำหนึ่งจากฝันร้าย ก็น่าจะเป็นเรื่องจริงฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าแปลกประหลาดมาก นางรู้สึกว่าเซียวหลันยวนเองก็อยากรู้เหมือนกัน"คำถามของฮองเฮาก็แปลกเหลือเกิน ข้าบอกไปแล้วว่าเพิ่งจะเจอกับไทเฮาแค่ครั้งเดียวในวันพิธีกับอ๋องเจวี้ยน แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าไทเฮาคิดอะไรอยู่"ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก "ที่ไทเฮาร้องออกมาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคำว่าสกุลฟู่สองคำนี้ บางทีสาวใช้ในวังอาจจะฟังผิดไหม?""สาวใช้ในวังคนนั้นล่ะ" เซียวหลันยวนถามขึ้น"เรียกสาวใช้เป่าเยว่เข้ามา" องค์จักรพรรดิก็เหมือนรู้อยู่แล้วว่าพออ๋องเจวี้ยนเข้าวังจะต้องอยากเจอกับสาวใช้ในวังคนนั้น ดังนั้นจึงให้นางคอยรอไว้แล้ว"องค์จักรพรรดิให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปก่อนได้หรือไม่ จะให้พวกนางอยู่ที่นี่ดูละครกันหรือ
"ถ้าหากเป็นแค่ฝัน ข้าไม่มีทางลงโทษนางหรอก นี่ก็แค่มาถามให้ชัดเจนว่านางได้ทำอะไรไว้ลับหลังหรือเปล่า?" องค์จักรพรรดิเอ่ยขึ้น"ถ้านางบอกว่าไม่ได้ทำ องค์จักรพรรดิจะเชื่อหรือ?"องค์จักรพรรดิชะงักไปแค่ประโยคเดียวจากความฝัน เขาจะลงโทษฟู่จาวหนิงแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้"ทั้งหมดนี้รอให้ไทเฮาตื่นขึ้นมาก่อนแล้วกัน พวกเจ้าไปเข้าเฝ้าไทเฮาเถิด"เป่าเยว่นำทางเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงไปที่วังบรรทมไทเฮาพอเข้าประตู ฟู่จาวหนิงก็ได้กลิ่นยาหนักมาก ในนี้ยังมีกลิ่นธูปกำยานลางๆ อีกหลายชนิด เป็นกลิ่นหอมที่แตกต่างกัน พอปนเปอยู่ด้วยกัน กลิ่นจึงประหลาดและฉุนหนักอย่างเห็นได้ชัดแล้วยังมีหมอหลวงคอยดูแลไทเฮาอยู่อีกสองคนเซียวหลันยวนเดินเข้าไปข้างเตียงไทเฮา เห็นนางนอนอยู่บนเตียง สีหน้าขาวซีด ไม่ขยับเขยื้อน กลิ่นอายดิ่งต่ำอย่างมาก ดูแล้วเหมือนจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้วอย่างไรอย่างนั้น"อ๋องเจวี้ยน พระชายาอ๋องเจวี้ยน ไทเฮาไม่ตื่นขึ้นมาเลย" หมอหลวงรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่งฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "ให้ข้าดูไหม?""ดู" เซียวหลันยวนพยักหน้าฟู่จาวหนิงจึงเดินตรงเข้าไปจะจับชีพจรให้กับไทเฮาเป่าเยว่ตกตะลึง