"แต่ว่า ท่านหมอหนิงเคยผิดใจกับหมอเทวดาหลี่หรือไม่? ถ้าหากเคยผิดใจกับหมอเทวดาหลี่ จะเข้าร่วมพิธีเดิมพันโอสถก็ต้องระมัดระวังหน่อย เขาจะต้องมาล้างแค้นแน่ๆ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นมาอีก"อ๋องเจวี้ยนดูท่ากำลังวังชาจะดีแล้ว และเหมือนจะไม่ต้องการตรวจดูอาการด้วย เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับก่อนแล้วกัน"ฟู่จาวหนิงยืนขึ้นมา ไม่รอให้เขาพูดอีก รีบสาวเท้าออกจากจวนอ๋องเจวี้ยนไปหลังจากออกมานางก็ออกเดินพลางบ่นเซียวหลันยวน คนผู้นี้เห็นได้ชัดว่ามองออกแล้วว่านางเป็นใคร ไม่เช่นนั้นคงไม่เอ่ยถึงเรื่องที่นางผิดใจกับหมอเทวดาหลี่แน่นางก็ก็แค่ผิดใจกับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นนี่?แต่ว่า อ๋องเจวี้ยนทำไมต้องมาพูดเรื่องพิธีเดิมพันโอสถกับนางตั้งมากมายขนาดนี้กันนี่ทำเอาความอยากรู้อยากเห็นของนางพุ่งขึ้นมาทันทีฟู่จาวหนิงวันนี้ได้เงินมาส่วนหนึ่ง มือปราบเจียงทางนั้นก็ซื่อตรงจริงๆ บอกว่าจะช่วยนางหาข่าว แต่ก็ไม่เอาเงินของนาง พอบวกกับที่ชิงอีให้มาเมื่อครู่ เงินในมือนางก็ซื้อของได้ไม่น้อยเลยทีเดียวนางหาสถานที่ไปล้างเครื่องแต่งหน้าจากนั้นจึงไปซื้อของ ผ้านวมเข็มด้ายเครื่องเสบียงถ่านไหมเงินก็ซื้อมาไม่น้อย และมีคนในแผงช่วยนางส่ง
บนหัวกำแพงมีคุณชายที่ดูอายุอยู่ระหว่างเด็กชายกับชายหนุ่มคนหนึ่ง สวมผ้าคลุมผ้าทอสีฟ้าอ่อนทับด้วยสีเงิน เหมือนกับกำลังส่งแสงระยับ เขาชันเข่าข้างหนึ่ง มือข้างหนึ่งพาดไว้บนหัวเข่า ถือขลุ่ยหยกไว้เลาหนึ่ง ขลุ่ยหยกบนมือโบกไหวเบาๆ ท่าทางสบายๆ เป็นอิสระใบหน้าคุณชายก็ราวกับภาพวาดที่จิตรกรรังสรรค์มาอย่างประณีต ดวงตาดำริมฝีปากแดง มีไฝสีแดงเล็กๆ อยู่ระหว่างคิ้ว ผิวหนังขาวกว่าหิมะ ขาวเสียจนมองไม่เห็นตำหนิใดๆ ทั้งสิ้นกำแพงข้างๆ นี้อันที่จริงก็เป็นแค่กำแพงดินธรรมดา แล้วยังมีตะไคร่บางส่วนเกาะอีกด้วย มีร่องรอยลมฝนพัดเซาะ แต่ด้านบนมีคุณชายที่นั่งอยู่ราวกับเซียนคนหนึ่ง จนกำแพงนี้ราวกับเปลี่ยนเป็นดูมีเสน่ห์มนตราขึ้นมาฟู่จาวหนิงเองก็มองแค่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถอยออกมาหลายก้าวเงยหน้ามองแบบนี้ นางเมื่อยคอเพียงแต่ในเมืองหลวงแคว้นเจา ตอนไหนกันที่มีบุคคลแบบนี้อยู่ ในความทรงจำของ"คุณหนูฟู่"เองก็ไม่มีปรากฎ"ผงยาของท่านเมื่อครู่นี้ ขายให้ข้าหน่อยได้ไหม?""ไม่ขาย"ฟู่จาวหนิงขายยารักษาคน สิ่งของที่เอาไว้ป้องกันตัวเหล่านี้นางแค่เตรียมไว้ให้ตนเองกับคนในบ้านใช้ไว้เผื่อป้องกันเท่านั้น จะไม่นำมาขายเด็ดขาดมิเ
คนเยอะขนาดนี้ไปดูอาการเซียวหลันยวนหรือ?"ท่านอ๋องของพวกเท่านก่อนหน้านี้ไม่เคยเชิญหมอจากโรงหมอเมตตามาตรวจอาการหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นอย่างประหลาดใจถ้าว่าตามหลักการคือเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อหมอในโรงหมอเมตตาถือว่าเป็นกลุ่มคนที่มีวิชาแพทย์ดีที่สุดในแคว้นเจาแล้ว เช่นนั้นเซียวหลันยวนก็ต้องมาหาพวกเขาก่อนเป็นอันดับแรกจึงจะถูก"ก่อนหน้าเคยเคยเชิญมาแล้ว"ผู้ดูแลจงไม่รู้ว่าท่านหมอหนิงคนนี้เป็นคนเช่นไร เพียงแต่เมื่อวานนี้ตอนที่มาท่านอ๋องก็ดูจะมีท่าทีที่ดีกับเขา ดังนั้นเขาจึงพูดมากขึ้นหน่อย แต่ตอนนี้พูดต่อไปไม่ได้อีกแล้ว"ท่านหมอหนิง อย่างนั้นไปรอที่ศาลาข้างๆ ก่อนเถิด ข้าไปแจ้งท่านอ๋องสักครู่ดีไหม?""ได้เลย"ตอนที่ฟู่จาวหนิงกำลังรอก็เห็นเฝิ่นซิงกับหงจั๋วยกชาเข้ามา พวกนางทั้งสองคนเห็นนางแล้ว แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดเลยนางรู้สึกประหลาดมาก ทำไมผู้ดูแลจงชิงอีกับเฝิ่นซิงหงจั๋วก็ยังมองนางไม่ออก แล้วเซียวหลันยวนทำไมจึงมองออกกัน?หรือว่าพวกจงเจี้ยนทางนั้นแอบบอกมา?ถึงอย่างไรนางตอนแรกสุดก็ออกจากห้องตนเองมาด้วยสภาพของท่านหมอหนิงนี่นะแต่ฟู่จาวหนิงพอคิดๆ ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ สำหรับความเชื่อใจต่อจ
"อะไรนะ?"ป้ายตราสีม่วงเป็นป้ายอนุญาตหมอระดับสูงของโรงหมอเมตตานะ!ปกติต้องเริ่มจากป้ายไม้ก่อน จากนั้นครั้งถัดไปค่อยเข้ารับการสอบ พอผ่านแล้วค่อยยกระดับป้ายตราตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพอเอ่ยปากก็จะเอาป้ายตราสีม่วงให้ท่านหมอหนิง!"อ๋องเจวี้ยน ท่านกำลังล้อเล่นกับพวกเราอยู่หรือ?""ถูกต้อง อ๋องเจวี้ยน นี่มันไม่สอดคล้องกับกฎ""ถึงแม้ท่านหมอหนิงจะอายุมากแล้ว แต่การรับป้ายอนุญาตหมอก็ยังต้องค่อยเป็นค่อยไป"หมอเหล่านี้ราวกับถูกเหยียบหาง คนนั้นพูดทีคนนี้พูดทีกันขึ้นมาฟู่จาวหนิงเองก็มองเซียวหลันยวนอย่างตกตะลึงแม้ว่านางจะมั่นใจอย่างมากต่อวิชาแพทย์ของตนเอง และรู้สึกว่าต่อให้ต้องสอบ ก็สามารถได้รับป้ายตราสีม่วงมาแน่ แต่เหมือนเซียวหลันยวนพอเอ่ยปากก็จะให้คนของโรงหมอเมตตาส่งป้ายตราสีม่วงให้เขาทันที นางเองก็รู้สึกว่านี่มันอังการไปหน่อยเซียวหลันยวนเอ่ยเสียงเรียบ "ทำไมหรือ พวกเจ้าในโรงหมอเมตตาตั้งมากมายล้วนรักษษข้าไม่ได้ แต่ท่านหมอหนิงกลับจัดการไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว เอาแค่จุดนี้ วิชาแพทย์ของเขาไม่ใช่ว่าเหนือกว่าทุกท่านแล้วหรือ? แล้วก็ วันนั้นที่ข้าไอเป็นเลือด หมอเทวดาหลี่ขเ้ามาก็ยังต้องยกมือยอมแพ้ แต่ท่านห
"ขอรับ""ชิงอี ส่งงคนตามพวกเขาไปรับป้ายอนุญาตหมอมา" พอเป้าหมายเสร็จสิ้น อ๋องเจวี้ยนก็เริ่มไล่แขกแล้ว "เรื่องที่พวกเจ้าพูดมาก่อนหน้านี้ ข้าปฏิเสธ ส่งแขก"หมอชราหลายคนถูกส่งออกมานอกจวนอ๋องเจวี้ยนเช่นนี้ เป้าหมายยังไม่สำเร็จแถมยังต้องจ่ายชดเชยป้ายตราสีม่วงไปอีกชิ้น แต่ละคนล้วนตั้งสติกันไม่ทันเลยทีเดียวลมด้านนอกพัดหวิว พวกเขาจึงได้สติกันขึ้นมา"พวกเราเมื่อครู่ไม่ควรไปรับปากเลย ตั้งกี่ปีแล้วที่ไม่มีคนได้รับป้ายตราสีม่วงไป? แล้วจะให้ไปแบบแปลกๆ เช่นนี้น่ะหรือ?""จริงด้วย หมอเทวดาหลี่รู้เรื่องนี้เข้าคงได้โกรธเป็นบ้าเป็นหลัง"หมอเทวดาหลี่หลายปีนี้ก็กว้างขวางในเมืองหลวงมาก เพราะหมอที่สอบผ่านแล้วได้ตรานี้มามีน้อยเสียเหลือเกิน"วินิจฉัยยากับเดิมพันหมอสองรายการนี้ เอาชนะได้ง่ายๆ เสียที่ไหน? ครั้งนี้มีวัตถุดิบยาล้ำค่าไม่น้อยที่ส่งมาจากต่างแดน พวกเราก็ยังไม่แน่ว่าจะมองออกทั้งหมด แล้วก็เดิมพันหมอนั่น เขาที่อยู่ในภูเขามาตลอดจะได้เจอกับผู้ป่วยมาสักเท่าไร ได้ทดลองมาแล้วสักกี่ครั้งกัน ชนะไม่ได้หรอก""ถูกต้อง พวกเราส่งป้ายตราสีม่วงให้เขาไปก่อน ถึงตอนนั้นค่อยเก็บกลับมาแล้วกัน ถึงอย่างไรก็จะผิดใจกับ
ไทเฮาล้มป่วยเสียแล้วและก่อนหน้านางจะล้มป่วย คืนก่อนสาวใช้ในวังที่คอยคุ้มกันช่วงกลางคืนได้ยินนางฝันร้าย ในฝันตะโกนออกมาคำหนึ่ง และเพราะประโยคนี้ จึงทำให้องค์จักรพรรดิวันนี้ประกาศว่าตอนที่อ๋องเจวี้ยนเข้าวังให้พาฟู่จาวหนิงมาด้วยกันบนรถม้า ฟู่จาวหนิงฟังถึงจุดนี้ก็ขมวดคิ้วถาม "ไทเฮาพูดอะไรออกมาหรือ?"นางทำไมรู้สึกว่า มีเงามืดกำลังปกคลุมลงมาหาตัวเองหรือเปล่า?"สาวใช้ชาววังที่ชื่อเป่าเยวี่ยคนนั้นบอกว่า ไทเฮาตะโกนว่า สกุลฟู่ ข้าขอร้องล่ะ" เซียวหลันยวนสวมหน้ากากครึ่งหน้า บนใบหน้าอีกด้านหนึ่งสีหน้าเรียบเฉย มองไม่ออกเลยว่าเขาเชื่อหรือไม่เชื่อกันแน่"สกุลฟู่?"ฟู่จาวหนิงร้องจิ๊ "ไทเฮาเพิ่งจะพบข้าแค่ครั้งเดียว แต่ก็ยังไม่เคยเรียกข้าว่าสกุลฟู่เลยนะ""ดังนั้น องค์จักรพรรดิจึงให้เจ้าเข้าวังเพื่อจะถามให้ชัด""นั่งอยู่กับบ้านเฉยๆ เคราะห์ก็ร่วงลงมาจากฟ้าจริงๆ" ฟู่จาวหนิงนวดหน้าผากอย่างจำใจรถม้ามาถึงนอกวัง พวกเขาลงจากรถเปลี่ยนเป็นรถม้าเดินในวังตอนนี้ฝนตกลงมาเล็กน้อย ถูกลมฤดูใบไม้ร่วงพัดจนหมอกลงฟู่จาวหนิงเข้าวังจักรพรรดิเป็นครั้งแรก รู้สึกว่าตกแต่งได้ตระการตามาก ยิ่งใหญ่เรียบง่าย งดงามรโหฐา
"พระสนมลี่กำลังชื่นชมนิสัยของพระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่หรือ" ฮองเฮาเหลือบมองนางเย็นชาผาดหนึ่งพระสนมลี่ส่ายหัวยิ้มตอบ "หม่อมฉันมิกล้าที่จะชื่นชมพระชายาอ๋องเจวี้ยนแบบนี้หรอก"ฟู่จาวหนิงก็ขี้เกียจจะอธิบายว่าทำไมนางจึงแต่งกายด้วยชุดเก่าเข้ามา ถึงอย่างไรก็ไม่มีคนส่งชุดองค์ทรงเครื่องที่พระชายาควรมีไปให้นางสักชุดอยู่แล้วฟู่จาวหนิงยังไม่ทันจะอ้าปาก ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของเซียวหลันยวนดังขึ้น "พระชายาอ๋องเจวี้ยนแบบไหนหรือ? ข้ายังยืนอยู่ที่นี่นะ คิดว่าข้าตายไปแล้วหรือไรกัน?"พระสนมลี่หน้าเปลี่ยนสี"อ๋องเจวี้ยน ข้า""ข้าไม่ได้ให้พระชายาเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเข้าวัง ก็เพราะได้ยินว่าไทเฮาป่วยหนัก ใจก็ร้อนรน จึงไม่ได้สนใจเรื่องพิธีรีตอง ขนาดองค์จักรพรรดิคงจะไม่จ้องจับผิด ทำไมกัน นี่วนมาให้พวกเจ้าจ้องจับผิดแทนแล้วหรือ?"อ๋องเจวี้ยนพูดมาอีกคำหนึ่ง ครั้งนี้ทำเอาฮองเฮาเหน้าเปลี่ยนสีไปด้วยฟู่จาวหนิงประทับใจในตัวเซียวหลันยวนขึ้นอีกหน่อยแล้วยังพอไหว อยู่ต่อหน้าคนอื่นยังรู้จักมาปกป้องนาง ชายคนนี้ยังไม่ถือว่าเป็นสุนัขเสียทีเดียวนางก็เอ่ยตามขึ้นมาบ้าง "ท่านอ๋อง ท่านรีบร้อนคิดจะมาดูอาการป่วยของไทเฮาว่าเ
ปัญหานี้ อันที่จริงฟู่จาวหนิงก็อยากรู้เหมือนกันนางไม่คิดว่าประโยคนี้มีคนแต่งขึ้นมา ถ้าจะแต่งก็ไม่จำเป็นต้องแต่งให้มันดูไร้สาระขนาดนี้ ไม่ได้มีตรรกะอะไรเลยยิ่งไปกว่านั้น ถ้าจะแต่งขึ้นจริง จะมาพูดว่า "สกุลฟู่" ทำไม บอกว่า "ฟู่จาวหนิง" ไปเลยไม่ตรงกว่าหรือสกุลฟู่ ถ้าหากสาวใช้ในวังฟังผิด ฟังเป็นชื่ออื่นขึ้นมาล่ะดังนั้น ไทเฮาตะโกนขึ้นคำหนึ่งจากฝันร้าย ก็น่าจะเป็นเรื่องจริงฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าแปลกประหลาดมาก นางรู้สึกว่าเซียวหลันยวนเองก็อยากรู้เหมือนกัน"คำถามของฮองเฮาก็แปลกเหลือเกิน ข้าบอกไปแล้วว่าเพิ่งจะเจอกับไทเฮาแค่ครั้งเดียวในวันพิธีกับอ๋องเจวี้ยน แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าไทเฮาคิดอะไรอยู่"ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก "ที่ไทเฮาร้องออกมาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคำว่าสกุลฟู่สองคำนี้ บางทีสาวใช้ในวังอาจจะฟังผิดไหม?""สาวใช้ในวังคนนั้นล่ะ" เซียวหลันยวนถามขึ้น"เรียกสาวใช้เป่าเยว่เข้ามา" องค์จักรพรรดิก็เหมือนรู้อยู่แล้วว่าพออ๋องเจวี้ยนเข้าวังจะต้องอยากเจอกับสาวใช้ในวังคนนั้น ดังนั้นจึงให้นางคอยรอไว้แล้ว"องค์จักรพรรดิให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปก่อนได้หรือไม่ จะให้พวกนางอยู่ที่นี่ดูละครกันหรือ
ฟู่จาวหนิงปรับปรุงสูตรยา ใช้วัตถุดิบยาที่หาได้ทั่วไปบางส่วน แล้วตนเองก็ปรับปริมาณให้ จากนั้นทุกวันก็ให้คนของพันธมิตรต้มออกมาสามหม้อใหญ่ แล้วอุ่นบนเตาเอาไว้ตลอดคนที่มาซื้อยาเหล่านั้น สามารถใช้ชามของพันธมิตรโอสถ ตอนที่ดื่มเสร็จแล้ว ก็เอาชามกลับมาได้ตอนแรก ต่งฮ่วนจือรู้สึกว่ายาน้ำเช่นนี้ไม่น่าจะขายออก แล้วยังตั้งสามหม้อใหญ่แน่ะ หม้อนั้นก็ใบมโหฬารเลยทีเดียว เป็นหม้อใหญ่ที่เอาไว้ต้มข้าวต้มให้ผู้ประสบภัยตอนช่วงเกิดภัยพิบัติสมัยก่อนยาน้ำสามหม้อใหญ่เต็ม สามารถขายได้หลายร้อยชามแล้ววันเดียวจะขายออกได้หรือ? มีคนมากมายจะมาดื่มยาน้ำขนาดนี้เลยหรือ? ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็ไม่ใช่ของดีอะไรมากถ้าขายไม่หมดก็ต้องเททิ้ง สิ้นเปลืองวัตถุดิบยาแย่แต่ผู้อาวุโสจี้ก็ตัดสินใจทันที ให้ผู้ดูแลของพันธมิตรโอสถจัดการเรื่องนี้ผลคือพอปล่อยชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงออกไป คนที่มาดื่มยาก็ยังมากกว่าตามโรงน้ำชาหอสุราเสียอีกยาน้ำสามหม้อใหญ่ ขายหมดเกลี้ยงภายในวันเดียววันถัดมา ก็ขายขายหมดเหมือนเดิม กระทั่งมีคนไม่ได้ดื่มด้วยซ้ำ มาถามพวกเขาว่าขายยาไปต้มกินเองเลยได้ไหมแต่ฟู่จาวหนิงก็มีวิธีของนางอยู่ยาชนิดนี้ทำได้แค่ป้
ต่อมาหมอเทวดาหลี่ก็ทำหน้าขรึมคุกคามสาวใช้สองคนนั้น ถ้ายังไม่รับใช้ปรนนิบัติดีดี ก็จะขายพวกนางทั้งสองคนไปที่ซ่องโสเภณีเสียสาวใช้สองคนจึงร้องไห้ฟูมฟายเข้ามารับใช้ปรนนิบัติองค์จักรพรรดิเองก้ได้ยินเรื่องเลห่านี้ของจวนชินอ๋องเซียวแล้ว"บอกไปแล้วว่าจวนชินอ๋องเซียวต้องคอยระวังไม่ให้เข้าออก หมอเทวดาหลี่กับชินอ๋องเซียวนี่มัน..."เขาทำหน้าขรึม รู้สึกว่าตนเองไม่มีบารมีเอาเสียเลย จวนอ๋องเจวี้ยนก็ไม่เชื่อฟัง ตอนนี้จวนชินอ๋องเซียวเองก็ด้วยหรือ? ใครให้หน้าพวกเขากันถ้าไม่ใช่เพราะเขาอันที่จริงก็กลัวเจ้าโรคนั้น ตอนนี้คงเรียกเซียวเหยียนจิ่งมาด่ากราดให้เลือดซิบไปแล้ว"ตอนนี้หลี่จื่อเหยาในเมื่อถูกหมอเทวดาหลี่รับไปแล้ว เช่นนั้นก็ให้เขาไปรักษาให้ดี ข้าเองก็อยากจะเห็นว่าเขาจะรักษาเจ้าโรคนี้ได้หรือเปล่า!""องค์จักรพรรดิ พระชายาอ๋องเจวี้ยนทางนั้นต้มยาน้ำออกมา ตอนนี้สามารถป้องกันล่วงหน้าได้แล้ว หาซื้อได้ในพันธมิตรโอสถ หนึ่งชามสิบเหวิน" มีคนเข้ามารายงานกับองค์จักรพรรดิ"หนึ่งชามสิบเหวิน?" องค์จักรพรรดิใจสั่นกึก "แล้วได้ผลจริงไหม?""นี่ก็ยังไม่รู้ แต่คนที่ไปซื้อยานั้นไม่น้อยเลย โดยเฉพาะคนที่เคยสัมผัสกั
จวนชินอ๋องเซียวกลายเป็นขี้ปากคนทั้งเมืองไปแล้วเซียวเหยียนจิ่งอยากจะปิดเรื่องนี้ไว้ แต่ยิ่งปิดกลับยิ่งรุนแรงขึ้นกระทั่งเพราะเขาไปพยายามปิดข่าวลือ เลยมีคนบอกว่าเขาถูกพ่อสวมเขาให้เสียแล้ว หน้าตาป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี และเพราะกลัวคนจะมาล้อเลียนว่าบ้า ดังนั้นจึงพยายามอย่างหนักที่จะหยุดข่าวลือนี้ข่าวลือคาวๆ แบบนี้ ลือกันได้ไวที่สุด และลือกกันไปอย่างพิลึกพิลั่นที่สุดด้วยหลี่จื่อเหยาตอนนั้นมาพัวพันเซียวเหยียนจิ่ง ทำทุกทางเพื่อทำลายพิธีแต่งงานของเซียวเหยียนจิ่งกับฟู่จาวหนิง นางตอนนั้นเอาแต่เรียกเขาว่า "พี่เซียว" ปาวๆ แต่ตอนนี้เพิ่งผ่านไปสองปี ทำไมจึงปีนไปถึงเตียงของพ่อพี่เซียวแล้วกัน?"ถ้าไม่ใช่ครั้งนี้หลี่จื่อเหยาเป็นโรคระบาดนั่น รัฐทายาทเซียวก็คงจะยังไม่รู้เรื่องรู้ราว""เมื่อเป็นแบบนี้ จวนชินอ๋องเซียวคงจะวุ่นวายขึ้นจริงๆ แล้ว""แล้วไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นก็โชคดีแล้วที่พระชายาอ๋องเจวี้ยนตอนนั้นไม่ได้แต่งงานเข้าจวนชินอ๋องเซียว นี่ถือว่าแคล้วคลาดเลยสินะ?"ในเมืองหลวงทุกที่มีแต่คนกระซิบกระซาบกันเช่นนี้ แต่คนที่พูดถึงฟู่จาวหนิงก็มีแค่ส่วนน้อยถึงอย่างไรตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายาอ๋องเจว
เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าตอนนี้ถ้าให้คนนอกรู้เรื่องที่หลี่จื่อเหยาเป็นโรคนี้เข้า คงจะน่าอับอายมากโดยเฉพาะหลี่จื่อเหยาที่ติดโรคระบาดนั้นดังนั้นเรื่องนี้จะต้องเก็บให้สนิท ห้ามเผยแพร่ออกไปเด็ดขาดแต่คนอื่นกลับไม่คิดแบบเขาอย่างเช่นเซียวหลันยวนจังหวะที่หมอเทวดาหลี่กลับมาถึงเมืองหลวง เซียวหลันยวนก็ได้รับข่าวแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องที่เซียวเหยียนจิ่งไปรับหมอเทวดาหลี่เลยถึงแม้จะผ่านไปสามปีแล้ว แต่เรื่องที่หลี่จื่อเหยากับเซียวเหยียนจิ่งทำกับฟู่จาวหนิง เซียวหลันยวนไม่เคยปล่อยผ่านโดยเฉพาะที่ช่วงนี้เซียวเหยียนจิ่งเริ่มหันมาสนใจฟู่จาวหนิงอีกครั้งหลังจากสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกลับมา เซียวเหยียนจิ่งก็ยังแอบคิดจะทำอะไรอีก สิ่งนี้เซียวหลันยวนจะทนได้อย่างไร?ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาหลี่รับลูกสาวออกไปจากจวนชินอ๋องเซียว เซียวหลันยวนก็ได้รับข่าวแล้ว"ท่าน อ๋อง จากที่หญิงรับใช้ร่างใหญ่ในเรือนหลี่จื่อเหยาบอก หลี่จื่อเหยาไปรื้อเตียงของชินอ๋องเซียวเข้า..."องครักษ์ลับมารายงานข่าวที่ได้รับมากับเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงนั่งฟังอยู่ข้างๆ พอได้ยินเช่นนี้นางก็หัวเราะพรวดออกมานี่มันช่าง...นางยังอยากจะพ
ต่อให้ชินอ๋องเซียวติดโรคระบาด ถ้าตอนนี้ฟู่จาวหนิงเป็นภรรยาเขา พวกเขาก็คงไม่ต้องมากลัวแบบนี้!ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนที่ถูกส่งไปขังในคุกใหญ่ตั้งหลายวัน จนป่านนี้ก็ยังเรียบร้อยดีไม่เป็นอะไรหรือ?จวนอ๋องเจวี้ยนก็ถูกองค์จักรพรรดิบอกว่าห้ามออกไปข้างนอกส่งเดชเหมือนกัน แล้วดูตอนนี้สิ?ฟู่จาวหนิงไม่ใช่ว่าอยากออกไปไหนก็ออกได้หรือ?ฟู่จาวหนิงแบบนั้น เขาอยากได้มาจริงๆ!ถ้าตอนนั้นไม่มีหลี่จื่อเหยา ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายารัฐทายาทของเขาแล้ว ไม่ใช่ขยะอย่างหลี่จื่อเหยาคนนี้!พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในสายตาเซียวเหยียนจิ่งที่มองหลี่จื่อเหยาก็มีแต่ความเกลียดชังหลี่จื่อเหยาสบกับสายตาของเขา ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือก ใจนางเย็นวาบไปทันทีนี่คือพี่เซียวที่นางรักมาหลายปีหรือ? ถึงแม้สองปีนี้จะทะเลาะกับเขาอย่างหนัก แต่ตอนนี้เอง นางเพิ่งรู้สึกถึงความหนาวเย็นจนเสียดกระดูกหลี่จื่อเหยาเองก็เกลียดเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมาทันทีเช่นกัน"ท่านอยากจะส่งข้าออกไป ข้าจะไม่..." ออกไปหรอกนางยังพูดไม่ทันจบ เซียวเหยียนจิ่งก็ตัดบทนางแล้ว มองไปทางหมอเทวดาหลี่ "ถัดจากนี้ในเมืองหลวงอาจจะเกิดการแตกตื่นกลัวกันเพร
"ข้าเกรงว่าถ้าออกไปจากจวนอ๋อง คนอื่นก็จะจับจ้องไปที่ท่านพ่อตา"เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าหมอเทวดาหลี่สมองจะง่ายไปหน่อย เขาไม่คิดจะไปที่อื่นเลยเขาสะกดความหงุดหงิดไว้ พูดออกมาอย่างละเอียด"โดยเฉพาะพระชายาอ๋องเจวี้ยน นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ไปแล้ว ตอนนี้เองก็เป็นคนของสมาคมหมอใหญ่แล้วด้วย พอท่านกลับมา คนทั้งเมืองก็น่าจะอยากเห็นการตัดสินเด็ดขาดของพวกท่านทั้งสองกระมัง? ถึงตอนนั้นความสนใจทั้งหมดก็จะอยู่บนตัวท่าน ท่านซื้อยาอะไรไป คงถูกขุดคุ้ยออกมาแน่"ดวงตาหมอเทวดาหลี่หรี่ลงแม้จะรู้มานานแล้วว่าคนในดวงใจเซียวเหยียนจิ่งไม่ใช่ลูกสาวเขา แต่ตอนนี้ดูท่านเขาอยากจะสะบัดหลี่จื่อเหยาทิ้งเสียเหลือเกิน เขารู้สึกใจเย็นเยียบ ยิ่งไปกว่านั้นยังโมโหมาก"หลี่จื่อเหยาอยู่ในสภาพหนี้แล้ว ในจวนอ๋องไม่ใช่ว่าเหมาะสมที่สุดแล้วหรือ? ถึงอย่างไรจวนชินอ๋องเซียวของพวกเจ้า จะเอายาเอาคนก็ยังดีกว่าข้าตัวคนเดียวตั้งเยอะ? เจ้าอยากสลัดนางทิ้งขนาดนี้เชียว?""ท่านพ่อตา นี่ข้าทำเพื่อหลี่จื่อเหยานะ ตอนนี้องค์จักรพรรดิจับตามาที่จวนชินอ๋องเซียว พ่อของข้าทางนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างเลย ถ้าหากในจวนอ๋องวุ่นวายขึ้นมา ถึงตอนนั้
หลี่จื่อเหยาขนาดมือก็ยังยกไม่ขึ้น จึงเปิดหนังตาจ้องมองนางเจ้าคนชั้นต่ำ! เห็นสภาพนางแบบนี้ยังมีแรงดื่มน้ำเองอีกหรือ? ยังไม่รีบประคองนางขึ้นมาป้อนอีก!"เจ้าต้องป้อนนาง!" หมอเทวดาหลี่ร้องขึ้นมาสาวใช้แทบจะร้องไห้แล้ว ไม่ นางร้องออกมาแล้วจริงๆ นางน้ำตาร่วงพลางปรคองตัวหลี่จื่อเหยาขึ้นมา เอาแก้วจ่อไปที่มุมปากหลี่จื่อเหยาระยะใกล้ค่แนี้ สาวใช้ได้กลิ่นบนหน้าของหลี่จื่อเหยาแล้วจริงๆ เหม็นเอามากๆเซียวเหยียนจิ่งมองฉากนี้ อดถอยออกมาอีกก้าวหนึ่งไม่ได้เขามองไปทางพวกสาวใช้หญิงรับใช้อีกเหลือเหล่านั้น ถามขึ้นเสียงต่ำ "นางป่วยมานานแค่ไหนแล้ว?"ดันไม่ยอมมาบอกเขา!สาวใช้กับหญิงรับใช้ร่างกำยำไม่กล้าเงยหน้ากัน"ท…ท่านรัฐทายาท พวกเราเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ หลายวันมานี้พระชายารัฐทยาทก็เอาแต่นอนหลับอยู่ในห้อง ไม่ได้ลุขึ้นมาสางผมมแต่งหน้า ตอนที่กินข้าวก็ให้พวกเราเอาข้าวส่งเข้าป นางกินเสร็จพวกเราก็จะเข้ามาเก็บ""ใช่เลย ตอนที่พวกเราเข้าไปเก็บ พระชายารัฐทายาทพอกิเสร็จ นางก็จะกลับไปนอนต่อบนเตียง พวกเราจึงไม่ได้มองนางอย่างละเอียด"เมื่อคืนนี้พวกนางไม่ได้เห็นหลี่จื่อเหยาเลยเอาจริงๆ เป็นเพราะชินอ๋องเซียวกับ
หมอเทวดาหลี่อยากจะตะคอกถามหญิงสาว: เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?มีภรรยาคนไหนบ้าง ที่แอบขโมยรื้อทองของพ่อสามี?ต่อให้ชินอ๋องเซียวจะซ่อนกล่องทองแทงไว้ที่หัวเตียงจริง แต่เจ้าไปค้นหาได้หรือไรกัน?เขาถลึงตาโต อยากจะตบฉาดลูกสาวเสียทีหนึ่ง ให้นางได้รู้สึกตัว แต่พอเห็นใบหน้าเน่าเปื่อยของนาง มองใบหน้าที่บวมจนผิดปกติของนาง หมอเทวดาหลี่ก็ยังถอยออกมาอีกหลายก้าวเขาแทบจะไม่ต้องเข้าไปตรวจแล้ว สภาพนี้ของหลี่จื่อเหยาคงเลี่ยงไม่พ้นแล้ว จะต้องเป็นโรคสกปรกโรคนั้นแน่นอนแต่ว่า เพราะอะไรกัน? แค่ไปพลิกค้นเตียงของชินอ๋องเซียวหรือ?เหตุผลนี้พูดออกไป จะมีคนเชื่อไหม?อาจจะมีคนเชื่อ แต่จะต้องมีคนคิดมากแน่ ภรรยาคนหนึ่ง ไปรื้อเตียงของพ่อสามี! เรื่องนี้ถ้าลือออกไป ชื่อเสียงย่อยยับป่นปี้แน่!ถึงแม้ตัวหมอเทวดาหลี่เองจะไม่ค่อยได้เรื่องนัก แต่ก็ยังคิดเรื่องที่โง่เง่าขนาดนี้ไม่ออก!"เจ้าขาดเงินเท่าไรกันแน่? เจ้าอยู่ในจวนอ๋องไม่ได้กินไม่ได้ดื่มหรือไรกัน?" ยากจนขนาดต้องเข้าไปรื้อเตียงพ่อสามีเลยหรือ?เซียวเหยียนจิ่งพอได้ยินคำพูดหลี่จื่อเหยาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อพอได้ยินหมอเทวดาหลี่ถามมาเช่นนี้ เขาก็หน้าดำร้องขึ้นมา "จวนอ๋อ
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา