ฟู่จาวหนิงยื่นหัวออกมามอง จึงพบว่าจุดที่เจ้าอารามยืนอยู่นั้นแปลกประหลาดหน่อยๆตรงหน้าเขามีแท่นหินแท่นหนึ่ง ด้านบนไม่รู้สลักอะไรไว้ แล้วยังมีรางที่ดูซับซ้อนอยู่ ปลายรางมีลูกปัดหยกหลายขนาดหลายสีฝังอยู่ด้วยแท่นหินนั้นสูงประมาณเอวเขาด้านหน้าคือหน้าต่างหินธรรมชาตินั่นตอนนี้เป็นช่วงกลางวัน แสงด้านนอกสาดส่องเข้ามา ดังนั้นในถ้ำจึงไม่มืดนักแต่ว่าฟู่จาวหนิงยังพบว่าในถ้ำภูเขานี้ รอบๆ ยังมีเสาหินบางส่วนยื่นออกมา เสาหินทุกต้นฝังลูกปัดหยกขนาดกำปั้นเด็กเอาไว้เม็ดหนึ่งนางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที จึงก้าวออกไปข้างๆ สองก้าว เข้าหาเม็ดที่อยู่ใกล้ที่สุด ก้มหน้าลงไปดูแน่นอน รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ ไม่ควรเข้าไปแตะสุ่มสี่สุ่มห้า นี่เป็นมารยาท ดังนั้นนางจึงเพียงแค่มอง ไม่ยื่นมือออกไปเพียงแต่พอมองดู ฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึงนี่มันอะไรกันเนี่ย?ก่อนหน้านี้ฮูหยินเฉิงถึงกับต้องแจ้นไปเมืองหลวงไกลนับพันลี้เพื่อกำไลหยกดาราตงฉิงวงหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเซียวหลันยวนยังเคยบอกว่า หยกดาราตงฉิงตอนนี้หายากมาก ถึงอย่างไรตงฉิงก็หายสาบสูญไปแล้วแต่ตอนนี้ที่นางเห็นนี่มันอะไรกัน?ลูกปัดหยกขนาดเท่า
ฟู่จาวหนิงเหล่มองเขาผาดหนึ่ง ยื่นมือไปหยิกแขนของเขาตาของเขายังคมกว่านางอีกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังนิ่งขนาดนี้อีก ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยถ้าฮูหยินเฉิงรู้ว่าเจ้าอารามที่นี่มีหยกดารามากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดความคิดอะไรขึ้น?เหมือนเจ้าอารามก็น่าจะรู้ว่านางต้องการหยกดาราด้วยกระมัง? ไม่แบ่งให้นางสักหน่อย แต่ยังให้นางเดินทางนับพันลี้ออกไปหา? เรื่องนี้ดูแล้ว ที่ฮูหยินเฉิงบอกมาเองว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าอาราม เจ้าอารามเชื่อใจนางมาก ความน่าเชื่อถือเรื่องนี้ลดลงไปกว่าครึ่งเลยทีเดียวขณะที่ฟู่จาวหนิงกำลังคิดว่า ถ้าทีหลังตอนที่ฮูหยินเฉิงเข้ามาพูดไร้สาระต่อหน้านางอีกนางก็จะสะบัดเรื่องนี้แทงใจอีกฝ่ายไปเลย เจ้าอารามก็ตอบคำถามของเซียวหลันยวนมา"ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกว่า เจ้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีชะตาต้องกัน แต่ดูเหมือนเจ้าไม่ค่อยเชื่อ วันนี้เลยอยากให้เจ้าได้เห็นด้วยตัวเองน่ะ"พอได้ยินคำนี้ของเจ้าอาราม หน้าเซียวหลันยวนก็ขรึมลงมาเขาไม่คิดว่าเจ้าอารามจะมีความคิดเช่นนี้"ไม่จำเป็นหรอก"ตอนนี้เขาแต่งงานกับฟู่จาวหนิงแล้ว จะให้เขามาเห็นว่ามีชะตาต้องกันกับหญิงสาวคนอื่น คิดจะทำอะไรกัน?เซียวหลัน
เซียวหลันยวนแน่นอนว่าไม่บีบให้ฟู่จาวหนิงเห็นด้วย แม้ว่านางจะได้ยินประโยคนั้นจากเจ้าอารามแล้วหวั่นไหวมากก็ตามอันที่จริงเขาก็อยาก เขาอยากจะดูว่าตนเองกับจาวหนิงชะตาต้องกันหรือไม่หลายปีมานี้ได้ยินว่าเขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นชะตาต้องกันมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เจ้าอารามก็แนะนำให้เขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่งงานกันด้วยเหตุผลนี้เซียวหลันยวนคิดในใจ ถ้าเพื่อทำนายออกมา แล้วดวงชะตาของเขากับจาวหนิงต้องกันมากกว่าล่ะ?เช่นนั้นหลังจากนี้พวกเขาก็ไม่ต้องเอาเขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาผูกได้ด้วยกันแล้วใช่ไหม? เอาจริงๆ เขาฟังมาจนเบื่อแล้ว ฟังจนรำคาญด้วยแต่ฟู่จาวหนิงไม่ยอม เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไร"พระชายา อ๋องเจวี้ยนเป็นคนที่สำคัญมากในราชวงศ์แคว้นเจา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นร้อนรนขึ้นมา "อันที่จริงต่อให้ไม่มาหาเจ้าอาราม ก่อนหน้าที่เขาจะแต่งงานก็ต้องมีการดูดวงสมพงษ์ของทั้งสองฝ่ายก่อน ทำนายว่าวาสนาคุ่ครองนี้จะสมบูรณ์หรือไม่ ข้าได้ยินว่าก่อนหน้านี้พวกท่านก็ไม่ได้ทำนายกัน นี่มันไม่สมเหตุสมผล"นางอยากให้ฟู่จาวหนิงทำนายมาก!ด้วยประสบการณ์ที่ฟู่จาวหนิงหมั้นหมายกับเซียวเหยียนจิ่ง แล้วยังถอนหมั้นกลางถนนก่อนหน้านี
ฟู่จาวหนิงอันที่จริงไม่ค่อยเข้าใจว่าเจ้าอารามทำไมจึงอยากจะให้นางดูให้ได้ให้เขาทำนายชะตาของเซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้วทำไมล่ะ? ต่อให้เข้ากันได้ นางก็ไม่สนใจ ดูไปแล้วมันจะมีความหมายอะไร?"ต่อให้เปลี่ยนไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า" ฟู่จาวหนิงกระพริบตาปริบๆกระทั่งเจ้าอารามก็ยังไม่เคยเจอคนแบบฟู่จาวหนิงคนมากมายมาอ้อนวอนให้เขาช่วยทำนาย อยากจะให้เขาช่วยแก้ไขโชคชะตา คำนวณหาฤกษ์ดีฤกษ์ร้าย แต่ฟู่จาวหนิงกลับบอกว่าไม่ต้องการนี่คือไม่ได้อยากรู้กับโชคชะตาของตนเองแม้แต่น้อยเลยหรือ? แต่ก็ควรอยากรู้อนาคตนี่นา?"ถ้าอย่างนั้นท่านก็ห้ามอ๋องเจวี้ยนทำนายไม่ได้สิ" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน ทำไมอ๋องเจวี้ยนต้องฟังนางด้วยล่ะ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน"ข้าไม่ได้ห้ามเขาทำนาย แค่เจ้าอารามถามว่าข้าอยากดูไหม ซึ่งข้าก็บอกว่าไม่สนใจเท่านั้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจ้องตาแป๋วไปทางเซียวหลันยวน "อ๋องเจวี้ยน ขอเชิญท่านมาทำนายชะตาของพวกเรา..."เซียวหลันยวนตัดบทนาง"ถ้าข้าจะทำนาย ข้าก็ไม่อยากทำนายชะตาที่เกี่ยวกับเจ้า เป็นอย่างที่พระชายาบอก ไม่ว่าพวกเราจะมีชะตาอย่างไร พวกเราก็ไม่สนใจทั้งนั้
เสียงของเจ้าอารามดังขึ้นแผ่วเบาข้างหู ทำให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่เดิมคิดจะร้องด้วยความตกใจกลืนมันกลับลงไป พยายามทำให้ตนเองใจเย็นลงมาในเมื่อองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบอกว่าพวกเขาดูอยู่ได้ เช่นนั้นไม่ดูก็จะเสียโอกาสฟู่จาวหนิงดึงเซียวหลันยวนเดินเข้าไปใกล้ๆ ดังนั้นพวกเขาเองก็เห็นตาข่ายระยางเลือดละเอียดบนแท่นหินแล้วแรงกดอากาศในถ้ำหินเหมือนจะต่ำลงมาหน่อย จากนั้นแสงก็หม่นลงมาท้องฟ้าด้านนอกไม่รู้ทำไมถึงมืดลง ควบเมฆดำขึ้นมาผืนใหญ่ตาข่ายระยางเลือดบนแท่นหินค่อยๆ ไหลเวียนขึ้นมา จากนั้นลูกปัดหยกเหล่านั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวไปตามรางสีท้องฟ้ามืดลงกว่าเดิมเพียงไม่นาน ลูกปัดหยกรอบๆ พวกนั้นก็หมุนวนขึ้นมาลูกปัดหยกมากมายขนาดนั้น มีทั้งหมุนเร็วหมุนช้าแตกต่างกันไป ตอนที่หมุนก็เกิดเสียงเสียดสีแตกต่างกันออกมาในเสียงเองก็ไม่เหมือนกัน มีทั้งเสียงแซ่กๆๆ มีทั้งเสียงจิ๊กๆๆ มีทั้งเสียงกึกๆๆ ดังเบาแตกต่างกัน แม้จะเป็นเสียงที่เบามา แต่พอมากขนาดนี้ เสียงเล็กๆพอรวมกันขึ้นมา ก็ทำให้คนมองข้ามไปไม่ได้เช่นกันฟู่จาวหนิงมองลูกปัดหยกเหล่านั้น ในใจตกตะลึงนี่เป็นกลไกที่ละเอียดมาก? หรือว่าเป็นค่ายกลอะไรกันนะ?เพียง
ลูกปัดที่ลอยอยู่บนถ้ำหินสั่นเบาๆ ลูกปัดด้านล่างยังคงหมุน ปราณหมอกหนาขึ้นเรื่อยๆลูกปัดหยกที่หมุนไปตามรางเหล่านั้นบนแท่นหินหมุนอยู่ครู่หนึ่งก็จมลงไปจากนั้นบนแท่นหินก็ค่อยๆ ปรากฎอักษรขนาดใหญ่ออกมาหลายตัวอัปมงคล มงคล เหมาะสม ความตาย ลึกลับ เปลี่ยนแปลง ตัดขาด การเกิด ความยินดีอักษรเหล่านี้เขียนออกมาจากฝุ่นพิเศษ ตอนนี้กำลังเปล่งแสงสลัวๆ วับๆ แวมๆ"ชะตาขององค์หญิงใหญ่กับอายวน ลองดูหน่อยว่าลงเอยได้จริงหรือเปล่า"เจ้าอารามยื่นมือ นิ้วมือแตะเบาๆ ไปยังลูกปัดสีชมพูกับสีม่วง เหมือนพาลูกปัดสองลูกนี้วาดรูปอะไรออกมาลูกปัดสองลูกนั้นก็เหมือนถูกนิ้วของเขาแตะอย่างเชื่อฟัง นิ้วของเขาไปถึงไหนก็ลอยตามไปถึงนั่น ไม่นานนัก ลูกปัดทั้งสองลูกก็ชนกันเบาๆ จากนั้นเหมือนสูญเสียพลังการลอย ร่วงลงมากะทันหันสายตาของเจ้าอารามกับซางจื่อจ้องเขม็งไปที่ตำแหน่งตกของลูกปัดลูกปัดสองเมม็ด ร่วงลงมาบนอักษรเหมาะสม ยังคงหมุนอยู่"พวกเขาทั้งสองเป็นคู่ที่ฟ้าประทานให้จริงๆ ชะตายังคงต้องกันอยู่" เสียงเจ้าอารามแผ่วเบามากและตอนที่เขาทำนาย องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ได้ยินเสียงของเขาอย่างสิ้นเชิง นางเหมือนกับเข้าไปอยู่ในภวังค์แ
พอเห็นชีวิตจากในภวังค์นี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกตื่นเต้นจนน้ำตาไหลพรากลงมา ถึงแม้อ๋องเจวี้ยนจะไม่เคยใกล้ชิดกับนางเลย แล้วยังจากไปเร็วด้วย แต่นางก็รู้สึกว่าชายคนนั้นเป็นสามีของนาง รู้สึกภาคภูมิใจมากคนบนโลกไม่รู้ว่าอิจฉานางมากขนาดไหน แล้วเด็กที่รับเป็นลูกบุญธรรมคนนั้น โลกภายนอกก็ยังคิดว่าเป็นสายเลือดของนางกับอ๋องเจวี้ยนจริง นอกจากคนในที่รู้เรื่องไม่กี่คนแล้ว ไม่มีใครรู้ว่านางไม่เคยหลับนอนกับอ๋องเจวี้ยนเลยองค์จักรพรรดิพี่ชายนางภายหลังก็ไม่ใช่ว่าไม่มาหาเรื่องนาง ทว่าล้วนถูกอ๋องเจวี้ยนขวางเอาไว้หมดกระทั่งว่า เขาไม่ให้ลมฝนด้านนอกทำอะไรนางได้เลย พวกเขาแม้จะไม่ใช่สามีรรยาอย่างแท้จริง แต่เส้นทางเบื้องหน้านางก็ถูกกลบถมจนเรียบสะดวกและเพราะโชคดีของนาง อ๋องเจวี้ยนพ้นจากอันตรายมาได้หลายครั้ง แล้วยังหาวัตถุดิบยาหาย้ายล้ำค่าหลายชนิดกลับมาด้วย ชีวิตของเขาจึงยืดไปได้หลายปีจากที่คนนอกเห็น พวกเขาเป็นสามีภรรยาที่เข้ากันได้ดีมาก ต่างปกป้องส่งเสริมซึ่งกันและกันชีวิตนั้นของนาง ถูกปกป้องเอาไว้อย่างดี และยังเป็นชีวิตที่มีเกียรติต่อให้ตอนที่นางตาย ก็ยังมีความเสียใจจางๆ อยู่บ้าง เสียใจที่ตอนอ๋องเ
สีหน้าฟู่จาวหนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ใจเองก็ดิ่งลงมาเพราะนางจำได้ว่าตนเองไม่ได้เดินมาที่นี่ แต่ตอนนี้ นางกลับยืนอยู่ข้างๆ องค์หญิงใหญ่ทั้งหมดที่นางเห็นเมื่อครู่ มันเข้าไปอยู่ในภวังค์ชัดๆหรือก็คือ ตอนที่ไม่รู้ตัว นางก็ถูกหลอกแล้วไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดนี่ทำให้นางรู้สึกผวาลึกๆ ต่อเจ้าอารามยอดเขาโยวชิง ความสามารถของเจ้าอาราม มากเกินกว่าที่นางจินตนาการไว้ นางเองก็เพิ่งเคยเจอกับคนที่สามารถบงการนางได้แบบนี้เป็นครั้งแรกปณิธานของฟู่จาวหนิงแรงกล้ามาก ก่อนหน้านี้นางเคยเจอคนที่คิดจะสะกดจิตนาง แต่ก็ทำไม่สำเร็จแต่ตอนนี้เจ้าอารามทำสำเร็จแล้ว แล้วยังทำให้นางเข้าสู่ภวังค์อย่างไม่รู้ตัวด้วย"เสี่ยวฟู่" เจ้าอารามไม่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของนาง น้ำเสียงยังคงดูอบอุ่น "เจ้าลองดูว่าชะตาของเจ้ากับอายวน ลูกปัดชะตาทั้งสองคนอยู่บนตัวหนังสือไหน นั่นคือผลลัพธ์"ฟู่จาวหนิงสูดลมหายใจลึก มองไปทางเซียวหลันยวนก่อนเซียวหลันยวนเองก็ยืนอยู่ข้างนาง ตอนนี้ก้มหน้านิ่ง ดวงตาปิดอยู่ชัดเจนมาก ว่าเขาเองก็ติดกับแล้วหรือก้คือ พวกเขาแม้จะปฏิเสธการทำนายชะตา แต่ก็ปฏิเสธไม่เป็นผล เจ้าอารามทำให้พวกเขา 'เห็นด้วย' ไปแล้
ถัดจากนี้สำหรับพวกหลานหรงก็ถือเป็นการท้าทายที่มากกว่าแล้วจากที่ท่านอ๋องคาดการณื ตงฉิงจะต้องมีกลไกลและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแน่นอน น่าจะมีวิะีการที่ทำให้ตงฉิงได้กลับมาเห็นตะวันได้อีกครั้ง ที่ไม่ใช่การขุดทีละนิดๆ ของกำลังคนพวกของหลานหรงต้องหาวิะีให้พบ บางทีอาจจะเป็นกลไก?"ที่นี่ในเมื่อเป็นเมืองเก่าที่ตระกูลของราชครูตงฉิงอยู่ ก็น่าจะมีโอกาส นายท่านเคยพูดไว้ ตระกูลของราชครูตงฉิงมีพลังกำลังทรัพย์ที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ เมืองชิงเย่เป็นรากฐานของพวกเขา ไม่มีทางปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มสลายไปแบบนี้แน่"หลานหรงหยิบจดหมายที่เซียวหลันยวนเขียนไว้ออกมา ด้านบนยังวาดรูปของเครื่องพยากรณ์ไว้ บางทีคงต้องหาจุดที่สามารถใช้เครื่องพยากรณ์นี้จดหมาย เพียงไม่นานก็ถูกส่งไปหาเซียวหลันยวนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกำลังสาละวนอยู่ในภูเขาช่วงเช้า และได้รับอะไรมาไม่น้อยนางเจอโสมม่วงร้อยปีต้นหนึ่ง!เดิมทีสิ่งนี้ก็ถือเป็นของที่สุดยอดมากแล้ว ผลลัพธ์คือยังพบวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้เคยบอกกับนางแต่พันธมิตรโอสถไม่เคยพบมาก่อนอีกหลายชนิดด้วยวัตถุดิบยาพวกนั้น ว่ากันว่าในพันธมิตรโอสถมีแขกลึกลับ
นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากหาหยกดาราพบให้รีบส่งออกไปก่อน"ขอรับ"หลานหรงลองสังเกตุทะเลสาบนี้อีกหน่อย วักน้ำขึ้นมาชิม น้ำสะอาดหวาดชื่น น้ำดีที่หาได้ยาก!ที่นี่จะใช่ตำแหน่งที่เมืองหลวงตงฉิงอยู่จริงไหม?"พักกันดีแล้วใช่ไหม? เข้ามาตักน้ำ"หลานหรงเรียกคนเข้ามาทันทีทุกคนเห็นต้นกำเนิดน้ำแบบนี้ก็ดีอกดีใจ เมื่อวานตอนค่ำน้ำถูกดื่มไปจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากระหายกันจะแย่"ก่อไฟต้มน้ำ"เดิมทีตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของพวกเขา จะไปที่ไหนก็ล้วนกินน้ำดิบไปตรงๆ แบบนี้สะดวกดี ไม่ได้พิถีพิถันมาก แต่ฟู่จาวหนิงบอกพวกเขาไว้ น้ำจะอย่างไรก็ต้องต้มก่อนถึงจะดี ด้านในอาจจะมีไข่แมลงหรือเชื้อโรคอะไรอยู่ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงเชื่อฟัง ถ้ามีเวลาและเงื่อนไขเพียงพอ พวกเขาก็จะต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่มครั้งนี้พอเห็นน้ำสกปรกขยะแขยงมามากมาย พวกเขาจึงทำตามกฏนี้อย่างเคร่งครัดตอนที่พวกเขาต้มน้ำ หลานหรงเดินไปบนทางเดินเล็กๆ ในทะเลสาบเส้นนั้น ตรงไปทางดงดอกไม้ผืนนั้นเดินอยู่กลางทะเลสาบ สองด้านล้วนเป็นน้ำใสสะอาด สะท้อนภาพฟ้าเมฆคราม ทิวทัศน์งดงามดูกว้างใหญ่ถ้าตงฉิงในอดีตยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าจะงดงามขนา
หลานหรงพากลุ่มค้นหามานานมากแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาเจอเมืองเล็กเมืองหนึ่งถูกดินปกคลุมไป ถนนหนทางบ้านเรือนล้วนถูกกลบฝังไปแล้ว แต่ฝนตกมาห่าใหญ่ หลังจากดินภูเขาถูกชะล้างไป ก็มีหลังคาเรือนเล็กๆ บางส่วนโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาดังนั้นหลานหรงจึงยืนยันว่าตงฉิงตอนนั้นถูกกลับฝังไปแล้วจริงๆพวกเขาเจอกับทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากเข้ามาก็พบว่ายิ่งเดินก็ยิ่งยาว และไม่รู้ว่าตรงไปที่ไหนด้วยแต่สองด้านของทางเดินก็ปรากฏศาลาหรือบ้านเป็นระยะๆ อธิบายได้ว่าแต่ก่อนนี่เป็นถนนที่อยู่บนพื้นดิน ส่วนถนนของเมืองเล็กจะตรงไปที่ไหน นอจากเมืองใหญ๋แล้วก็อาจจะเป็นวังหลวงดังนั้นตอนนั้นหลานหรงจึงออกคำสั่งให้เดินตรงไป จนหาทางออกพบคิดไม่ถึงว่าเดินมาสิบกว่าวัน ยังดีที่ด้านในยังมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยังขุดน้ำขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายไปแล้วแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยหลังจากผ่านไปสิบวันในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว แล้วจึงเห็นสถานที่นี้เข้า"พี่ใหญ่ ที่นั่นคงไม่ได้ฝังเมืองไว้อีกแห่งหรอกกระมัง?" ลูกน้องเดินเข้ามา ยื่นถุงใส่น้ำให้เขา ด้านในเหลือแค่อึกเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้หลานหรงไม่ได้ดื่มเลย ให้พวกเขาไปจนหมด ตอนนี้
เขากุมมือนางแน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ซษงจื่อหยิบตำราเก่าม้วนหนึ่งเข้ามา ด้านบนเขียนเรื่องตระกูลถังเขาชิงถงไว้""แล้วยังไงหรือ?"นี่มันเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?"หนิงหนิงรู้ไหมว่าเขาชิงถงมีชื่อเสียงในการผลิตอะไร?""อะไรหรือ?""วัตถุดิบยาน่ะ" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วไม่ใช่สิ แม้ว่านางจะเป็นหมอ แม้ว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบยามาก แม้จะคิดหาวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่ตลอด แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดต้องยอมนับญาติเพื่อวัตถุดิบยานี่?"เซียวหลันยวนท่านรู้ไหมว่าอะไรคือความมั่งคั่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจ?" นางใช้ศอกกระทุ้งเขาไปทีนึงถังอู๋เจวี้ยนฟังพวกเขาแอบกระซิบกระซาบกัน ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ"ข้าว่านะ พวกท่านต้องมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้าแบบนี้ด้วยรึ? มีอะไรบอกมาตรงๆ ก็พอแล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ปู่ข้าเพิ่งจะพบว่า สมัยหนุ่มๆ เขาเคยท่องยุทธภพไปกับผู้อาวุดสจี้กับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจึงนับว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน""อ๋า?"จุดนี้ฟู่จาวหนิงกลับไม่รู้เรื่องเลย!"ผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ของท่านหรือ?" ถังอู๋เจวี้ยนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าฟู่จาวหนิง "น
ไปแท่นชมดาวช่วงจื่อ(23.00-01.00น.)หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "แท่นชมดาวเป็นสถานที่แบบไหน?""แท่นชมดาวต้องเดินขึ้นไปจากตำหนักถวายเครื่องหอม อีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีศาลาอยู่ ด้านนอกศาลามีลานอยู่แห่งหนึ่ง เวลาที่อากาศดีจะมองเห็นดาวระยิบระยับ เหมือนยื่นมือไปเด็ดมาได้เลย"เซียวหลันยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าแท่นชมดาวเคยมีศิษย์คนหนึ่งตกลงไป หลังจากนั้นจึงปิดตายไว้ ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว"สถานที่อันตรายหรือ? ทำไมถึงมีคนตกลงไปได้?"แล้วเจ้าอารามให้พวกเราไปที่นั่นทำไมกัน?"เซียวหลันยวนมองซางจื่อซางจื่อส่ายหัว "เจ้าอารามไม่ได้บอกอะไร แต่ว่า เหมือนน่าจะไปชมดาวกระมัง"แท่นชมดาวถ้าไม่ไปชมดาวแล้วจะไปทำอะไรได้?แต่พวกเขาดูชวนฝันขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วยังนัดไปดูดาวช่วงจื่ออีกฟู่จาวหนิงถามซางจื่อ "นอกจากเราสองคน ยังเรียกใครไปอีกไหม?""เจ้าอารามให้องค์หญิงใหญ่ไปด้วย"โอ๋? ฟู่จาวหนิงอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ "แยกกันไม่ได้เลยว่างั้น?"สวรรค์ให้อภัยนางด้วย เดิมทีนางไม่ใช่คนใจแคบช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ ใครให้เจ้าอารามสร้างภวังค์เฮงซวยให้นาง แล้วไปสร้างภวังค์ที่เซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่เป็นสา
"เรียนพระชายา ชามนี้เป็นของท่านอ๋อง พ่อครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องจนชินแล้ว ทำตามรสชาติที่ท่านอ๋องชอบ"คนที่เข้ามายกชามหมี่น้ำใสไปไว้ตรงหน้าเซียวหลันยวน ส่วนอีกชามวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ชามนี้คุณชายถังเป็นคนทำ คุณชายถังบอกว่านี่เป็นหมี่ที่คนเขาชิงถงชื่นชอบ ลุงของเขาก็ชอบมาก ดังนั้นจึงลงมือทำชามนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ เชิญพระชายาชิม""ถังอู๋เจวี้ยนเป็นคนทำหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นเขาหน้าขรึมลงจริงๆ"กลัวว่าเขาจะวางยาพิษไหม?" ฟู่จาวหนิงพูดติดตลก"พระชายาวางใจ คุณชายถังตอนที่ปรุงในห้องครัวพวกเราคอยดูอยู่ตลอด ใช้แต่วัตถุดิบในห้องครัวเท่านั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน" คนที่นำเข้ามาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนแม้จะรู้สึกจี๊ดในใจที่ถังอู๋เจวี้ยนประจบนางขนาดนี้ แต่จุดนี้ก็ยังต้องยอมรับ: "ถ้าเขากล้ามาวางยาพิษเจ้าที่นี่จริงก็แสดงว่าไม่กลัวตาย"เขากวาดล้างเขาชิงถงทิ้งทั้งหมดได้ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หยิบตะเกียบขึ้น "สู้ท่านลองชิมไหม? แล้วชามนั้นท่านให้ข้ากิน"นางรู้ว่าถ้าตนเองก
ฟู่จาวหนิงเห็นปฏิกิริยาของเซียวหลันยวน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอารามฝึกบำเพ็ญ แต่งงานไม่ได้หรือ?"ก่อนหน้านี้นางเหมือนได้ยินว่าอารามนี้ของเจ้าอาราม ไม่ใช่อารามเต๋าที่ไว้สำหรับฝึกบำเพ็ญเต๋า แล้วก็ไม่เคยได้ยินด้วยว่าจะแต่งงานไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของเจ้าอารามยังน่าหลงใหลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงสาวมาชอบแต่จากคำพูดของเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ บนยอดเขาโยวชิงนี้ไม่มีนายหญิงอยู่จริงๆ ไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่ติดตามเจ้าอารามแล้วเลี้ยงดูเขามาจนโต"ได้ยินว่า ตอนเจ้าอารามยังหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่" เซียวหลันยวนนึกๆ จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ "แต่ต่อมาไม่รู้ทำไมจึงไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญสมัยยังเด็กน่ะ""แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ?""ไม่รู้สิ ต่อมาข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย และยิ่งไม่เคยถามด้วย"เซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้าน นิสัยเองก็ค่อนข้างเย็นชา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองก็จะไม่ถามไม่ไถ่ให้มันมากความ"ก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้าอารามไม่ค่อยคุยเร่องส่วนตัวกันนัก เคารพเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แขาแค่เอ็นดูข้า ไม่ได้สนิท
นิ้วของเจ้าอารามเคาะเบาๆ บนโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบเบาๆ วาดผ่านบนเตาถ่านข้างๆ พริบตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไม่เห็น ก็มีผงฝุ่นลอดจากระหว่างนิ้วของเขาปลิวเข้าไปในไฟของเตา แล้วเผาไหม้เป็นกลิ่นหอมจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ทันได้รู้สึกเลยนางกำลังมองเจ้าอารามอย่างตกตะลึง"เจ้าอารามกำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? ข้าจำได้ชัดเจนแท้ๆ แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"ชายคนนั้นที่นางกอด ความรู้สึกที่ริมฝีปากชุ่มชื้นอ่อนนุ่มตอนที่จูบ ใจที่เต้นระรัว มันแจ่มชัดอย่างมาก แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ เจ้ามองข้านะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองดวงตาเขาข้างหูยังได้ยินจังหวะเคาะโต๊ะเบาๆ ของเขามองดวงตาที่ดูเหมือนมีความเมตตาต่อสรรพชีวิตของเจ้าอาราม นางก็ตะลึงงันไป"ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เป็นแค่ภวังค์ อีกไม่นานเจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ถ้ามีคนพูดเรื่องนี้อีก เจ้าก็แค่บอกว่าตนเองพูดเล่นไปก็พอ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น"เสียงของเจ้าอารามค่อยๆ ไหลเข้ามาในหู แฝงไว้ด้วยการปลอบโยนที่แข็งแกร่งสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มเลือนรางไปบ้าง"เป็นแค่ภวังค์หรือ?""ใช่แล้ว""ไม่เกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆเจ้าอารามกำลังล้างถ้วยชา ไม่มองนาง"ใช่แล้ว""ตอนองค์หญิงใหญ่ยังเล็ก ข้าเคยทำนายว่าเจ้าจะมีเคราะห์ภัย ขอแค่ผ่านเคราะห์ภัยนั้นได้ แล้วมาอยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ชะตาของเจ้าก็จะดีขึ้น โชคดีตลอดไปสงบสุขจนแก่เฒ่า"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำพูดเขาในที่สุดก็ได้สติกลับมา"เคราะห์อะไรหรือ?""ตอนนี้ดูแล้ว เคราะห์นั้นน่าจะอยู่บนตัวฝ่าบาทต้าชื่อ และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นแม่นางที่ฉลาด ตัดสินใจเด็ดขาด หนีออกมาจากวังหลวงต้าชื่อ วังจักรพรรดิต้าชื่อกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเข้าประตูวังไปก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเล คำนี้นำมาพูดกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ถือว่าถูกต้องอย่างมาก"เจ้าอารามล้างชาไปรอบหนึ่ง ชงชามาสองถ้วย ยกขึ้นมาให้นาง "ดื่มชาเถอะ ชาของอายวน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเมื่อครู่ร้องไห้ไปยกใหญ่ ตอนนี้คอเองก็แหบพร่าไปหมดแล้ว กระหายมากด้วย พอสูดๆ จมูก นางจึงยกถ้วยช้านั่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น"ดื่มทีละนิด ระวังลวกปาก" เจ้าอารามเตือนนางทันที"โอ้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ต่อหน้าเขาก็ดูว่าง่ายขึ้นมาก ถอนหายใจแล้วหันมาจิบเบาๆในที่สุดก็ได้ดื่มชานี้แล้ว ทำไมนางถึงไม่ดีใ