ผู้เฒ่าสามฟู่เห็นไห่ฉางจวิ้นหนีไปแล้ว ในใจก็ตกตะลึงเดือดดาลเพื่อนคนไหนของฟู่จาวหนิงกัน ที่ให้ยืมองครักษ์ที่ร้ายกาจขนาดนี้มา?แต่ว่าตอนนี้พวกขยะที่เขาเลี้ยงไว้พวกนี้ก็สู้จงเจี้ยนไม่ได้ เขายังจะมีวิธีอะไรได้อีก?"จาวหนิง เจ้าตอนนี้อวดดีเสียเหลือเกิน พอมีคนช่วยเข้าหน่อยก็ไม่เห็นผู้อาวุโสญาติมิตรอยู่ในสายตาแล้วหรือ?" ผู้เฒ่าสามฟู่มองฟู่จาวหนิงเคร่งขรึมกลับมาอย่างองอาจคิดจะสั่งสอนนาง แต่ผลลัพธ์กลับถูกตบหน้าย้อนกลับมาจนบารมีหดหาย โมโหเสียจนหัวใจจะวายอยู่แล้ว"ก่อนหน้านี้ข้าก็ยังเห็นพวกท่านอยู่ในสายตาเหมือนกัน ผลลัพธ์คือพวกท่านดันกำเริบเสิบสานจนกลายเป็นเม็ดทราย ที่วันวันเข้ามาแทงตาข้าจนเจ็บปวด ตอนนี้ข้าคิดกระจ่างแล้ว ว่าควรจะให้พวกท่านกลับไปอยู่ที่ของพวกท่าน ให้พวกท่านรู้ว่าตัวเองมีกำพืดอะไร"ฟู่จาวหนิงประสานสายตากับผู้เฒ่าสามฟู่ ใบหน้าสงบนิ่ง ไม่มีแววหวาดกลัวแม้แต่น้อยผู้เฒ่าสามฟู่พอเห็นสายตาที่เย็นชาแหลมคมเช่นนี้ของนาง ก็ตระหนักขึ้นมาได้แล้วว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ"ข้าจะคอยดู ว่าเด็กสาวกำพร้าพ่อแม่อย่างเจ้า จะสร้างคลื่นลมได้แค่ไหน"ผู้เฒ่าสามฟู่พูดจบ ก็สะบัดชายเสื้
"ท่านผู้เฒ่า นางไปแล้ว"ในห้อง ฮูหยินสามได้ยินเสียงฝีเท้าของฟู่จาวหนิงกับจงเจี้ยนห่างออกไป จึงเพิ่งถอนหายใจยาว แต่ว่าพอเห็นลูกชายที่นอนอยู่บนเตียง น้ำตาของนางก็ไหลลงมาอีกครั้ง"ท่านผู้เฒ่า แล้วจะทำอย่างไรกันดี? ฟู่จาวหนิงเปลี่ยนไปน่ากลัวขนาดนี้แล้ว""นางก็แค่มีองครักษ์ที่วิชายุทธ์ไม่เลวเท่านั้น แต่ว่าองครักษ์คนหนึ่งจะป้องกันตาเฒ่ากับนางได้พร้อมกันหรือ? นางมักจะมีเวลาที่อยู่คนเดียวเสมอ อดทนไปก่อนเถอะ รอจนเรือนหลังนี้ขายออกไป พอพวกเรารับเงินกับบ้านที่แลกมา ก็คอยดูว่านางกับตาเฒ่านั่นจะไปนอนข้างถนนกันอย่างไร"ผู้เฒ่าสามฟู่ดวงตาเหี้ยมโหดมาดร้าย"ถึงตอนนั้นพกวเขาจะอยู่ก็ไม่มีที่ให้อยู่ พวกเจาค่อยหาคนจำนวนหนึ่งบุกไปก็ได้" เขามองไปยังลูกชายบนเตียง ไม่พูดอะไรอีกฟู่จาวหนิงกลับมาถึงห้องของตนเองพอปิดประตูลง นางก็แวบเข้าไปในห้องเภสัชทันทีห้องเภสัชตอนนี้เหมือนกับเป็นช่องว่างของนางแล้ว นางสามารถสกัดยาอยู่ในนี้ได้ และสามารถนำสิ่งของฝากเอาไว้ในนี้ได้ด้วยยิ่งไปกว่านั้นนางยังพบว่าของที่ใส่เข้ามายังรักษาสภาพตอนที่เก็บเข้ามาได้โดยไม่เปลี่ยนแปลงแต่ว่า เก็บสิ่งมีชีวิตเข้ามาก็เพิ่งจะทำเป็นครั้ง
ในบ้านไม่มีอะไรดีดีกินแล้ว อย่างพวกผ้าห่มเสื้อผ้าก็ยังขาดแคลน พวกเขาสวมกันแต่เสื้อผ้าเก่าๆ มาหลายปีแล้วและอีกไม่ถึงสี่เดือนก็จะปีใหม่แล้ว อากาศเองก็เย็นขึ้นทุกวัน ฟู่จาวหนิงไม่อยากให้พวกเขาหน้าหนาวนี้เป็นเหมือนที่ผ่านมา ต้องหนาวกันตัวสั่นงันงกดังนั้น เรื่องอื่นก็ล้วนปล่อยไปก่อน นางต้องหาเงินเสียก่อน แล้วซื้อของเข้ามาในบ้าน"ข้าจะลองหาทางดู"ฟู่จาวหนิงเอ่ยกับเสี่ยวเถาว่า "เจ้าบอกกับข้าหน่อย ของจำเป็นที่ต้องซื้อในบ้านมีอะไรบ้าง ยังไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เจ้าลองพูดของที่จำเป็นต้องซื้อหน่อย ถึงตอนนั้นข้าจะไปซื้อมา"เสี่ยวเถาอยากจะบอกว่า แล้วคุณหนูจะไปหาเงินซื้อของมาจากไหนกันล่ะแต่ว่าคุณหนูช่วงนี้ก็เปลี่ยนไปมากเลย นางเองก็ไม่อยากจะทำลายความกระตือรือร้นของคุณหนูด้วย"ถ้าหากบอกว่าที่ต้องการที่สุด ก็คือในห้องท่านผู้เฒ่าควรจะผ้านวมใหม่เสียที ฝ้ายในผ้านวมของท่านผู้เฒ่าเกาะเป็นก้อนหมดแล้ว เวลาคลุมลงไปทั้งหนักทั้งไม่อุ่น""แล้วก็ อากาศก็ใกล้จะหนาวแล้ว ยังต้องการถ่านไหมเงินอีกด้วย ถ่านธรรมดากลิ่นแรงเกินไป ท่านผู้เฒ่าอาจจะรับไม่ไหว แต่ถ่านไหมเงินเองก็แพงเหลือเกิน""ถ้าหากช่วงนี้ สุขภาพขอ
ถนนเส้นนี้ยาวเป็นพิเศษ คึกคักมาก ร้านรวงแผงลอยขายของก็มากมี คนสัญจรไปมากับรถม้าก็มีอยู่ไม่ขาดสาย แต่ถนนสายนี้กลับมีร้ายขายยาอยู่เพียงร้านเดียวที่ท้ายถนน ห่างจากโรงหมอไกลโขเลยทีเดียวอาจจะเพราะที่นี่เป็นเมืองหลวงด้วยกระมังฟู่จาวหนิงหาสถานที่ วางถุงใส่ของลง ล้วงม้านั่งไม้ตัวเล็กตัวหนึ่งออกมาจากในถุงนางเอาผ้าผืนหนึ่งมาปูลงบนม้านั่งไม้ ด้านบนก็วางถ้วยไม้ไผ่ใบใหญ่ใบหนึ่งถ้วยไม้ไผ่ใบนี้นางเลื่อยตัดออกมาจากในเขาจันทร์ลับฟ้า ในสามวันนั้นใช้มันคอยดื่มน้ำหลังจากวางเสร็จ ฟู่จาวหนิงก็ล้วงของที่เหมือนกับตอไม้เล็กๆ อีกชิ้นหนึ่งออกมา ใช้มันแทนเก้าอี้แล้วนั่งลงไปทางด้านซ้ายของนางเป็นแผงน้ำชาเล็กๆ แผงหนึ่ง เป็นแค่รถเข็นที่วางเตาถ่านใบเล็กอุ่นกาน้ำชาใหญ่สองกาไว้เท่านั้น มีป้าคนหนึ่งคอยดูอยู่ ทางขวามือก็เป็นลุงอีกคนหนึ่ง ด้านหน้ามีตะกร้าไม้ไผ่วางอยู่คู่หนึ่ง มีหน่อไม้แห้งอยู่ด้านในมากพอควรป้ากับลุงมองคนแก่ตัวเล็กคนนี้ รู้สึกแปลกประหลาดเล็กๆ"ท่านผู้เฒ่า นี่ท่านมาขายอะไรหรือ?" ป้าถามขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ก่อนนางไม่รู้หนังสือ บนผ้าที่ฟู่จาวหนิงปูไว้บนม้านั่งเขียนว่าอะไรนางอ่านไม่ออก"ข้าน่ะน
มีคนไม่น้อยเข้าไปรวมตัวกันที่นั่น"เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น?""มีแม่นางคนหนึ่งอาเจียนออกมาแล้ว!"แผงร้านทางนั้นถูกคนล้อมเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในกลุ่มคน ผู้ชายคนหนึ่งร้องขึ้นอย่างลนลาน"ไม่เกี่ยวกับข้านะ ของที่ข้าทำสะอาด ไม่มีทางที่กินแล้วจะเป็นอะไรแน่นอน"ฟู่จาวหนิงตอนที่ได้ยินเสียงหญิงสาวอาเจียนก็วิ่งตรงมาทางนี้แล้วพอนางเข้าไป ก็ยื่นมือแหวกวงล้อมคนหนาแน่นเหล่านั้น และก็แผดเสียงขึ้นว่า "หมอมาแล้วหมอมาแล้ว หลีกหน่อย"คนอื่นพอได้ยินว่าหมอมาแล้วจึงรีบหลีกทาง"ทำไมถึงมีหมออยู่พอดีด้วยกันล่ะ?"เจ้าของแผงขายของคนนั้นพอได้ยินว่ามีหมอ ก็ราวกับคว้าเอาฟางช่วยชีวิตได้แล้ว รีบพุ่งเข้ามาคฉุดฟู่จาวหนิง "ท่านหมอ ท่านรีบมาดูนางเร็ว แม่นางคนนี้ซื้อขนมปิ่งจากร้านข้า แต่พอนางกินไปคำหนึ่ง นางก็หันหน้าอาเจียนออกมาทันที นี่เป็นไปได้อย่างไรที่ขนมปิ่งของข้าจะไม่สะอาด?""ปล่อยมือปล่อยมือ พ่อหนุ่มปล่อยมือข้าก่อน"เจ้าของแผงนี้น่าจะนวดแป้งมานาน กำลังแรงมือมีมากพอควร ฟู่จาวหนิงเกือบจะโดนฉุดจนล้มคว่ำไปแล้วนางตะโกนว่าพ่อหนุ่ม จากนั้นพอเงยหน้าก็เห็นชายหนุ่มอายุราวสี่สิบกว่าๆเอาล่ะ จากการแต่งตัวเช่นนี้ข
"ท่านหมอ ท่าน ท่านไม่ต้องสนใจพวกเขา ข้าเชื่อใจท่าน" คุณหนูชุดกระโปรงเขียวมองฟู่จาวหนิง "ข้ารู้สึกดีขึ้นมาแล้วจริงๆ"นางรู้สึกว่าที่ฟู่จาวหนิงกดจุดชีพจรบนมือนางไว้เช่นนี้ ตนเองก็รู้สึกดีขึ้นมาแล้ว"ท่านหมอ ข้าจะไม่เป็นไรใช่ไหม?"นางกระทั่งรู้สึกว่าตนเองไม่เป็นไรแล้วจริงๆ แค่กินแล้วท้องเสียเท่านั้นชายหนุ่มร้านขนมปิ่งตอนนี้ก็ไม่ทำการค้าแล้ว รีบวิ่งตรงเข้ามา จ้องตาแป๋วไปที่ฟู่จาวหนิง "ท่านหมอ แม่นางคนนี้ไม่เป็นไรแล้วจริงๆ ใช่ไหม? ขนมปิ่งของข้าสะอาดจริงๆ มันไม่มีปัญหาจริงๆ นะ!"เขาแทบจะร้องไห้อยู่แล้วคุณหนูชุดกระโปรงเขียวเองก็กัดริมฝีปาก "ข้าไม่โทษเจ้า""จริงหรือ? ขอบคุณคุณหนู ขอบคุณคุณหนูมาก!" เจ้าของร้านขนมปิ่งรีบโค้งตัวให้นางทันทีแต่พอเขาหันกลับไปมองแผงร้านของตนเอง เดิมทีเขายังพอขายได้ แต่ตอนนี้กลับไม่มีเลยสักคน จินตนาการได้เลยว่าถัดจากนี้เขาไม่ต้องคิดจะขายขนมปิ่งอีกแล้ว"ไม่ได้สิ ท่านหมอ ท่านหมอต้องช่วยข้านะ ดูทีว่าคุณหนูคนนี้เป็นอะไร ไม่เช่นนั้นต่อให้นางไม่ติดใจอะไรกับข้า แต่ข้าจะพูดแต่ปากมันก็ไม่ได้เหมือนกัน"ชายหนุ่มแผงขนมปิ่งเอาแต่คำนับฟู่จาวหนิงไม่หยุด"อย่าเอะอะ อย่า
คุณหนูเจียงสีหน้าเองก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดนางเองก้ได้ยินคำพูดของคนเหล่านี้"ท่านหมอ"ฟู่จาวหนิงรีบโบกมือ "ไม่ใช่ไม่ใช่ อย่าไปฟังคนปากเหม็นพวกนั้น เจ้าป่วยน่ะ โรคทางเดินอาหาร"นางมองไปยังคนหนุ่มเหล่านั้น ตะคอกใส่ไปหลายคำ "ไปๆๆ! แต่ละคนก็ปากเปราะอย่างกับตัวอะไรดี!"นางชี้ไปทางชายหนุ่มที่พูดเรื่อยเปื่อยขึ้นมาคนแรกสุด "เจ้าน่ะ ปกติดื่มแต่น้ำดิบ แล้วยังไม่ค่อยใส่ใจสุขอนามัยอีกด้วย ตอนนี้ในท้องเจ้ามีพยาธิอยู่เต็มไปหมดแล้ว!""แล้วก็เจ้า ดวงตามีแต่เส้นเลือด ใต้ตาคล้ำเขียว ผิวหนังออกเหลือง ตับของเจ้าย่ำแย่แล้ว!""นั่นใครน่ะ ไม่ต้องหลบ คนที่แบกตะกร้านั่นน่ะ เจ้าเมื่อครู่ที่ยกเท้าเดินเหิน หัวเข่ามีเสียงกรอบแกรบ โรคไขข้อเก่ากำเริบสินะ?"ฟู่จาวหนิงชี้กวาด พูดออกมาจนคนเหล่านั้นถลึงตาดต มีคนที่ตกตะลึงและมีคนที่โกรธเคือง"อืม พอพูดถึงโรคไขข้ออักเสบ อีกสองวันจะมีฝนฤดูใบไม้ร่วงแล้ว หลังจากฝนตกอากาศก็จะเย็นจัดลงมา พรุ่งนี้ข้าจะมาขายยาซางหานที่นี่ พวกเจ้าถ้าหากต้องการ ก็รีบมาให้ไวหน่อย ขายแค่ยี่สิบห่อเท่านั้น"เพราะว่านางขาดตัวยาอยู่"แล้วก็ลูกกลอนไล่พยาธิ พรุ่งนี้จะมาขายก่อนสิบเม็ด คนที่อยากได้ก
พอเห็นคนที่เข้ามา คุณหนูเจียงสีหน้าก็เปลี่ยนไป ป้าหลิวเองก็เข้ามาขวางด้านหน้าคุณหนูเจียงด้วยสัญชาตญาณฟู่จาวหนิงกลับรู้จักคนผู้นี้ชายหนุ่มชุดหรูหูใหญ่อวบอ้วนคนนี้ชื่อว่าหลินเซี่ยงเวย หลินเซี่ยงเวยคือคนที่แอบชอบฟู่เจียวเจียว ดังนั้นก่อนหน้านี้เขาก็ได้ยินจึงฟังคำยุยงของฟู่เจียวเจียวให้มากลั่นแกล้งฟู่จาวหนิงบิดาของหลินเซี่ยงเวยเปิดโรงเตี๊ยมไว้หลายแห่งกับโรงจำนำอีกแห่งหนึ่ง ในครอบครัวจึงถือว่ามีกิจการอยู่บ้าง พอเทียบกับคนเหล่านั้นของตระกูลฟู่ คุณค่าฐานะก็สูงกว่าพอควรเลยทีเดียวแต่ฟู่เจียวเจียวก็ยกตนขึ้นสูงเสียเหลือเกิน เอาแค่คอยใช้ประโยชน์หลินเซี่ยงเวยมาโดยตลอด ไม่คิดจะแต่งงานกับเขาเลย"เจียงอวี่เซียง เจ้านี่ก็หนีเก่งเสียจริง ก่อนหน้านี้ข้าอยู่บนโรงเตี๊ยมเรียกเจ้า แต่เจ้ากลับวิ่งหนีหรือ?"ลำบากให้เขาต้องไล่ตามมาทั้งถนนอีก!เจียงอวี่เซียงมองเขา สีหน้าไม่ดีเอามากๆ "คุณชายหลิน ข้าไม่ได้ยินท่านเรียกข้าเลย จะว่าไป ต่อให้ท่านเรียกข้าข้าต้องฟังท่านด้วยหรือ?""เฮอะ! เจ้าก็กล้าเสียเหลือเกิน คิดว่ามีพ่อเป้นมือปราบเล็ก ก็จะมาเถียงข้าได้หรือ? ได้ยินแม่เลี้ยงเจ้าบอกว่า พ่อของเจ้าจะให้เจ้ามาจั