"คุณหนูฟู่!"จงเจี้ยนปรากฎตัวขึ้นกะทันหัน พอเห็นสภาพของฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสี ยื่นมือไปยังไห่ฉางจวิ้นบนพื้นทันทีเสื้อผ้าวันนี้ของไห่ฉางจวิ้นมีผ้าระบายคลุมไหล่อยู่ ถูกเขาฉีกออกไป แล้วพาดลงไปบนตัวของฟู่จาวหนิง"เจ้ามันสมควรตาย"ไห่ฉางจวิ้นเดิมทีคิดจะชักเข็มออก กระตุ้นกำลังภายในตนเองให้เลือดลมเดินสะดวก และพอคิดจะลุกขึ้น เสื้อผ้าก็ถูกกระชากขาด นางก็โมโหจนหน้าเบี้ยวไปเลยทันทีฟู่จาวหนิงพอเห็นจงเจี้ยนที่เปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายธรรมดาแล้วก็พยักหน้าให้ คว้าชิ้นผ้าระบายนั้นไว้แล้วพันไปบนท่อนแขน เพียงพริบตาก็เหมือนนางมีแขนเสื้อเพิ่มขึ้นมาข้างหนึ่งเมื่อครู่นางตอนที่นางเห็นผู้เฒ่าสามฟู่พาคนเข้ามาก็เอียงตัวหลบไว้แล้ว ไม่ยอมให้พวกเขาได้เห็นท่อนแขนของตนเองสายตาของนางมองไปทางชายหนุ่มข้างกายผู้เฒ่าสามฟู่คนนั้นชายคนนั้นอายุราวยี่สิบห้ายี่สิบหก รูปร่างสูงใหญ่ ดูแล้วเหมือนจะมีพลังวัวพลังความอย่างไรอย่างนั้น สายตาที่จับจ้องมาที่นางเหมือนหมาป่าจ้องชิ้นเนื้อมันนางคิดถึงคำพูดสาวใช้สองคนนั้น และมีการคาดเดาต่อตัวตนฐานะของชายคนนี้ขึ้นมาสายตาที่มองไปทางผู้เฒ่าสามฟู่ก็ยิ่งเย็นชาลงไปอีก"ฟู่จาว
"เจ้าว่าอะไรนะ!"ผู้เฒ่าสามฟู่หน้าเปลี่ยนสีก่อนหน้านี้ฟู่จาวหนิงกล้าพูดแบบนี้กับเขาเสียที่ไหนนางแม้ว่าบางครั้งจะพูดว่าว่าที่นี่เป็นบ้านของนาง แต่ก็ล้วนอ่อนแอทุกครั้ง ไม่เหมือนตอนนี้ที่กล้าด่ากราดออกมาอย่างไม่น่าฟังเช่นนี้เลย"หูชองท่านไม่ดีหรือ? ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวข้าก็จะไล่พวกท่านออกจากตระกูลฟู่อยู่แล้ว พวกท่านไม่คู่ควรกับที่นี่""ใครก็ได้! จับนางกดเอาไว้ ตบปากเสียก่อนยี่สิบที! ข้าจะดูว่านางไปเอาความกล้านี้มาจากไหน ก็แค่พาผู้ชายนอกบ้านเข้ามาคนหนึ่ง กลับคิดว่ามีคนคอยช่วยจนทำอะไรก็ได้เช่นนั้นหรือ!"ข้าทาสร่างกำยำคนนั้นก็พุ่งเข้าหาฟู่จาวหนิงทันทีดูท่าทางของเขา เห็นได้ชัดว่าจะพุ่งเข้ามาใช้แขนโอบรัดร่างนางไว้ กอดนางไว้ให้ขยับไม่ได้"บังอาจ!"จงเจี้ยนเดือดดาล เขามองออกถึงสายตาน่ารังเกียจของข้าทาสคนนี้ ว่าสายตาของเขาเอาแต่จ้องมองที่ไหน?เขาโบกกระบี่แทงไปที่ข้าทาสคนนั้นข้าทาสกลับยื่นมือขึ้นกันกระบี่ของเขา และได้ยินเสียงดังเคร้ง จงเจี้ยนสัมผัสได้ว่ากระบี่กระทบเข้ากับของที่เหมือนแผ่นเหล็กพอมองไป ก็เห็นว่าบนแขนของข้าทาสนี้มีเกราะแขนเหล็กสวมอยู่สองชิ้น"เฮอะ!" ข้าทาสเห็นว่าตนเอง
ผู้เฒ่าสามฟู่เห็นไห่ฉางจวิ้นหนีไปแล้ว ในใจก็ตกตะลึงเดือดดาลเพื่อนคนไหนของฟู่จาวหนิงกัน ที่ให้ยืมองครักษ์ที่ร้ายกาจขนาดนี้มา?แต่ว่าตอนนี้พวกขยะที่เขาเลี้ยงไว้พวกนี้ก็สู้จงเจี้ยนไม่ได้ เขายังจะมีวิธีอะไรได้อีก?"จาวหนิง เจ้าตอนนี้อวดดีเสียเหลือเกิน พอมีคนช่วยเข้าหน่อยก็ไม่เห็นผู้อาวุโสญาติมิตรอยู่ในสายตาแล้วหรือ?" ผู้เฒ่าสามฟู่มองฟู่จาวหนิงเคร่งขรึมกลับมาอย่างองอาจคิดจะสั่งสอนนาง แต่ผลลัพธ์กลับถูกตบหน้าย้อนกลับมาจนบารมีหดหาย โมโหเสียจนหัวใจจะวายอยู่แล้ว"ก่อนหน้านี้ข้าก็ยังเห็นพวกท่านอยู่ในสายตาเหมือนกัน ผลลัพธ์คือพวกท่านดันกำเริบเสิบสานจนกลายเป็นเม็ดทราย ที่วันวันเข้ามาแทงตาข้าจนเจ็บปวด ตอนนี้ข้าคิดกระจ่างแล้ว ว่าควรจะให้พวกท่านกลับไปอยู่ที่ของพวกท่าน ให้พวกท่านรู้ว่าตัวเองมีกำพืดอะไร"ฟู่จาวหนิงประสานสายตากับผู้เฒ่าสามฟู่ ใบหน้าสงบนิ่ง ไม่มีแววหวาดกลัวแม้แต่น้อยผู้เฒ่าสามฟู่พอเห็นสายตาที่เย็นชาแหลมคมเช่นนี้ของนาง ก็ตระหนักขึ้นมาได้แล้วว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ"ข้าจะคอยดู ว่าเด็กสาวกำพร้าพ่อแม่อย่างเจ้า จะสร้างคลื่นลมได้แค่ไหน"ผู้เฒ่าสามฟู่พูดจบ ก็สะบัดชายเสื้
"ท่านผู้เฒ่า นางไปแล้ว"ในห้อง ฮูหยินสามได้ยินเสียงฝีเท้าของฟู่จาวหนิงกับจงเจี้ยนห่างออกไป จึงเพิ่งถอนหายใจยาว แต่ว่าพอเห็นลูกชายที่นอนอยู่บนเตียง น้ำตาของนางก็ไหลลงมาอีกครั้ง"ท่านผู้เฒ่า แล้วจะทำอย่างไรกันดี? ฟู่จาวหนิงเปลี่ยนไปน่ากลัวขนาดนี้แล้ว""นางก็แค่มีองครักษ์ที่วิชายุทธ์ไม่เลวเท่านั้น แต่ว่าองครักษ์คนหนึ่งจะป้องกันตาเฒ่ากับนางได้พร้อมกันหรือ? นางมักจะมีเวลาที่อยู่คนเดียวเสมอ อดทนไปก่อนเถอะ รอจนเรือนหลังนี้ขายออกไป พอพวกเรารับเงินกับบ้านที่แลกมา ก็คอยดูว่านางกับตาเฒ่านั่นจะไปนอนข้างถนนกันอย่างไร"ผู้เฒ่าสามฟู่ดวงตาเหี้ยมโหดมาดร้าย"ถึงตอนนั้นพกวเขาจะอยู่ก็ไม่มีที่ให้อยู่ พวกเจาค่อยหาคนจำนวนหนึ่งบุกไปก็ได้" เขามองไปยังลูกชายบนเตียง ไม่พูดอะไรอีกฟู่จาวหนิงกลับมาถึงห้องของตนเองพอปิดประตูลง นางก็แวบเข้าไปในห้องเภสัชทันทีห้องเภสัชตอนนี้เหมือนกับเป็นช่องว่างของนางแล้ว นางสามารถสกัดยาอยู่ในนี้ได้ และสามารถนำสิ่งของฝากเอาไว้ในนี้ได้ด้วยยิ่งไปกว่านั้นนางยังพบว่าของที่ใส่เข้ามายังรักษาสภาพตอนที่เก็บเข้ามาได้โดยไม่เปลี่ยนแปลงแต่ว่า เก็บสิ่งมีชีวิตเข้ามาก็เพิ่งจะทำเป็นครั้ง
ในบ้านไม่มีอะไรดีดีกินแล้ว อย่างพวกผ้าห่มเสื้อผ้าก็ยังขาดแคลน พวกเขาสวมกันแต่เสื้อผ้าเก่าๆ มาหลายปีแล้วและอีกไม่ถึงสี่เดือนก็จะปีใหม่แล้ว อากาศเองก็เย็นขึ้นทุกวัน ฟู่จาวหนิงไม่อยากให้พวกเขาหน้าหนาวนี้เป็นเหมือนที่ผ่านมา ต้องหนาวกันตัวสั่นงันงกดังนั้น เรื่องอื่นก็ล้วนปล่อยไปก่อน นางต้องหาเงินเสียก่อน แล้วซื้อของเข้ามาในบ้าน"ข้าจะลองหาทางดู"ฟู่จาวหนิงเอ่ยกับเสี่ยวเถาว่า "เจ้าบอกกับข้าหน่อย ของจำเป็นที่ต้องซื้อในบ้านมีอะไรบ้าง ยังไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เจ้าลองพูดของที่จำเป็นต้องซื้อหน่อย ถึงตอนนั้นข้าจะไปซื้อมา"เสี่ยวเถาอยากจะบอกว่า แล้วคุณหนูจะไปหาเงินซื้อของมาจากไหนกันล่ะแต่ว่าคุณหนูช่วงนี้ก็เปลี่ยนไปมากเลย นางเองก็ไม่อยากจะทำลายความกระตือรือร้นของคุณหนูด้วย"ถ้าหากบอกว่าที่ต้องการที่สุด ก็คือในห้องท่านผู้เฒ่าควรจะผ้านวมใหม่เสียที ฝ้ายในผ้านวมของท่านผู้เฒ่าเกาะเป็นก้อนหมดแล้ว เวลาคลุมลงไปทั้งหนักทั้งไม่อุ่น""แล้วก็ อากาศก็ใกล้จะหนาวแล้ว ยังต้องการถ่านไหมเงินอีกด้วย ถ่านธรรมดากลิ่นแรงเกินไป ท่านผู้เฒ่าอาจจะรับไม่ไหว แต่ถ่านไหมเงินเองก็แพงเหลือเกิน""ถ้าหากช่วงนี้ สุขภาพขอ
ถนนเส้นนี้ยาวเป็นพิเศษ คึกคักมาก ร้านรวงแผงลอยขายของก็มากมี คนสัญจรไปมากับรถม้าก็มีอยู่ไม่ขาดสาย แต่ถนนสายนี้กลับมีร้ายขายยาอยู่เพียงร้านเดียวที่ท้ายถนน ห่างจากโรงหมอไกลโขเลยทีเดียวอาจจะเพราะที่นี่เป็นเมืองหลวงด้วยกระมังฟู่จาวหนิงหาสถานที่ วางถุงใส่ของลง ล้วงม้านั่งไม้ตัวเล็กตัวหนึ่งออกมาจากในถุงนางเอาผ้าผืนหนึ่งมาปูลงบนม้านั่งไม้ ด้านบนก็วางถ้วยไม้ไผ่ใบใหญ่ใบหนึ่งถ้วยไม้ไผ่ใบนี้นางเลื่อยตัดออกมาจากในเขาจันทร์ลับฟ้า ในสามวันนั้นใช้มันคอยดื่มน้ำหลังจากวางเสร็จ ฟู่จาวหนิงก็ล้วงของที่เหมือนกับตอไม้เล็กๆ อีกชิ้นหนึ่งออกมา ใช้มันแทนเก้าอี้แล้วนั่งลงไปทางด้านซ้ายของนางเป็นแผงน้ำชาเล็กๆ แผงหนึ่ง เป็นแค่รถเข็นที่วางเตาถ่านใบเล็กอุ่นกาน้ำชาใหญ่สองกาไว้เท่านั้น มีป้าคนหนึ่งคอยดูอยู่ ทางขวามือก็เป็นลุงอีกคนหนึ่ง ด้านหน้ามีตะกร้าไม้ไผ่วางอยู่คู่หนึ่ง มีหน่อไม้แห้งอยู่ด้านในมากพอควรป้ากับลุงมองคนแก่ตัวเล็กคนนี้ รู้สึกแปลกประหลาดเล็กๆ"ท่านผู้เฒ่า นี่ท่านมาขายอะไรหรือ?" ป้าถามขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ก่อนนางไม่รู้หนังสือ บนผ้าที่ฟู่จาวหนิงปูไว้บนม้านั่งเขียนว่าอะไรนางอ่านไม่ออก"ข้าน่ะน
มีคนไม่น้อยเข้าไปรวมตัวกันที่นั่น"เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น?""มีแม่นางคนหนึ่งอาเจียนออกมาแล้ว!"แผงร้านทางนั้นถูกคนล้อมเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในกลุ่มคน ผู้ชายคนหนึ่งร้องขึ้นอย่างลนลาน"ไม่เกี่ยวกับข้านะ ของที่ข้าทำสะอาด ไม่มีทางที่กินแล้วจะเป็นอะไรแน่นอน"ฟู่จาวหนิงตอนที่ได้ยินเสียงหญิงสาวอาเจียนก็วิ่งตรงมาทางนี้แล้วพอนางเข้าไป ก็ยื่นมือแหวกวงล้อมคนหนาแน่นเหล่านั้น และก็แผดเสียงขึ้นว่า "หมอมาแล้วหมอมาแล้ว หลีกหน่อย"คนอื่นพอได้ยินว่าหมอมาแล้วจึงรีบหลีกทาง"ทำไมถึงมีหมออยู่พอดีด้วยกันล่ะ?"เจ้าของแผงขายของคนนั้นพอได้ยินว่ามีหมอ ก็ราวกับคว้าเอาฟางช่วยชีวิตได้แล้ว รีบพุ่งเข้ามาคฉุดฟู่จาวหนิง "ท่านหมอ ท่านรีบมาดูนางเร็ว แม่นางคนนี้ซื้อขนมปิ่งจากร้านข้า แต่พอนางกินไปคำหนึ่ง นางก็หันหน้าอาเจียนออกมาทันที นี่เป็นไปได้อย่างไรที่ขนมปิ่งของข้าจะไม่สะอาด?""ปล่อยมือปล่อยมือ พ่อหนุ่มปล่อยมือข้าก่อน"เจ้าของแผงนี้น่าจะนวดแป้งมานาน กำลังแรงมือมีมากพอควร ฟู่จาวหนิงเกือบจะโดนฉุดจนล้มคว่ำไปแล้วนางตะโกนว่าพ่อหนุ่ม จากนั้นพอเงยหน้าก็เห็นชายหนุ่มอายุราวสี่สิบกว่าๆเอาล่ะ จากการแต่งตัวเช่นนี้ข
"ท่านหมอ ท่าน ท่านไม่ต้องสนใจพวกเขา ข้าเชื่อใจท่าน" คุณหนูชุดกระโปรงเขียวมองฟู่จาวหนิง "ข้ารู้สึกดีขึ้นมาแล้วจริงๆ"นางรู้สึกว่าที่ฟู่จาวหนิงกดจุดชีพจรบนมือนางไว้เช่นนี้ ตนเองก็รู้สึกดีขึ้นมาแล้ว"ท่านหมอ ข้าจะไม่เป็นไรใช่ไหม?"นางกระทั่งรู้สึกว่าตนเองไม่เป็นไรแล้วจริงๆ แค่กินแล้วท้องเสียเท่านั้นชายหนุ่มร้านขนมปิ่งตอนนี้ก็ไม่ทำการค้าแล้ว รีบวิ่งตรงเข้ามา จ้องตาแป๋วไปที่ฟู่จาวหนิง "ท่านหมอ แม่นางคนนี้ไม่เป็นไรแล้วจริงๆ ใช่ไหม? ขนมปิ่งของข้าสะอาดจริงๆ มันไม่มีปัญหาจริงๆ นะ!"เขาแทบจะร้องไห้อยู่แล้วคุณหนูชุดกระโปรงเขียวเองก็กัดริมฝีปาก "ข้าไม่โทษเจ้า""จริงหรือ? ขอบคุณคุณหนู ขอบคุณคุณหนูมาก!" เจ้าของร้านขนมปิ่งรีบโค้งตัวให้นางทันทีแต่พอเขาหันกลับไปมองแผงร้านของตนเอง เดิมทีเขายังพอขายได้ แต่ตอนนี้กลับไม่มีเลยสักคน จินตนาการได้เลยว่าถัดจากนี้เขาไม่ต้องคิดจะขายขนมปิ่งอีกแล้ว"ไม่ได้สิ ท่านหมอ ท่านหมอต้องช่วยข้านะ ดูทีว่าคุณหนูคนนี้เป็นอะไร ไม่เช่นนั้นต่อให้นางไม่ติดใจอะไรกับข้า แต่ข้าจะพูดแต่ปากมันก็ไม่ได้เหมือนกัน"ชายหนุ่มแผงขนมปิ่งเอาแต่คำนับฟู่จาวหนิงไม่หยุด"อย่าเอะอะ อย่า