นี่คืออาสะใภ้สามที่มาพักอาศัยในบ้านนาง แต่กลับผันตัวจากแขกเป็นเจ้าบ้าน แล้วยังช่วยคนนอกมารังแกนางคนเป็นญาติ ญาติบ้าญาติบออะไร"ไห่ฉางจวิ้น ถ้าเจ้ายังไม่หยุดมือ ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นเสียงเย็นชา"เอาไหมใจโลหิตคืนมาให้ข้า!"ไห่ฉางจวิ้นจู่ๆ ก็สายตาโหดเหี้ยม กัดฟัน จากนั้นก็พ่นน้ำลายมาทางใบหน้าของฟู่จาวหนิงอย่างฉับพลันฟู่จาวหนิงหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยกมือขึ้นมากั้นใบหน้าเอาไว้น้ำลายเหล่านั้นพ่นเข้ามาบนแขนเสื้อของนาง และเปียกขึ้นมาทันที แผ่ลงไปที่ผิวหนัง ลวกขึ้นมาจนแขนนางราวกับถูกเข็มพิษแทงไห่ฉางจวิ้นต้องมีพิษอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในฟันแน่!ฟู่จาวหนิงคว้าแขนเสื้อแล้วออกแรงกระชากฉีกทันที ฉีกแขนเสื้อข้างนั้นออกมา จนเผยให้เห็นแท่นแขนทั้งลำบนท่อนแขนมีจุดแดงเล็กๆ เกิดขึ้นมานับสิบ บวมขึ้นเป็นตุ่มเลือดพิษนี้ ก็รุนแรงอหังการเสียจริง!ไห่ฉางจวิ้นเมื่อครู่พ่นมาทางใบหน้านาง เห็นได้ชัดว่าจะทำลายโฉมใบหน้าของนาง!"ดูสิ พวกเจ้ารีบดู ฟู่จาวหนิงหน้าไม่อายเสียจริง นี่ถึงกับฉีกเสื้อผ้าตนเองออกมาต่อหน้าผู้ชายอย่างพวกเจ้า!"ฮูหยินสามร้องแจ้วขึ้นมา เรียกให้คนใช้เหล่านั้นจ้องม
"คุณหนูฟู่!"จงเจี้ยนปรากฎตัวขึ้นกะทันหัน พอเห็นสภาพของฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสี ยื่นมือไปยังไห่ฉางจวิ้นบนพื้นทันทีเสื้อผ้าวันนี้ของไห่ฉางจวิ้นมีผ้าระบายคลุมไหล่อยู่ ถูกเขาฉีกออกไป แล้วพาดลงไปบนตัวของฟู่จาวหนิง"เจ้ามันสมควรตาย"ไห่ฉางจวิ้นเดิมทีคิดจะชักเข็มออก กระตุ้นกำลังภายในตนเองให้เลือดลมเดินสะดวก และพอคิดจะลุกขึ้น เสื้อผ้าก็ถูกกระชากขาด นางก็โมโหจนหน้าเบี้ยวไปเลยทันทีฟู่จาวหนิงพอเห็นจงเจี้ยนที่เปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายธรรมดาแล้วก็พยักหน้าให้ คว้าชิ้นผ้าระบายนั้นไว้แล้วพันไปบนท่อนแขน เพียงพริบตาก็เหมือนนางมีแขนเสื้อเพิ่มขึ้นมาข้างหนึ่งเมื่อครู่นางตอนที่นางเห็นผู้เฒ่าสามฟู่พาคนเข้ามาก็เอียงตัวหลบไว้แล้ว ไม่ยอมให้พวกเขาได้เห็นท่อนแขนของตนเองสายตาของนางมองไปทางชายหนุ่มข้างกายผู้เฒ่าสามฟู่คนนั้นชายคนนั้นอายุราวยี่สิบห้ายี่สิบหก รูปร่างสูงใหญ่ ดูแล้วเหมือนจะมีพลังวัวพลังความอย่างไรอย่างนั้น สายตาที่จับจ้องมาที่นางเหมือนหมาป่าจ้องชิ้นเนื้อมันนางคิดถึงคำพูดสาวใช้สองคนนั้น และมีการคาดเดาต่อตัวตนฐานะของชายคนนี้ขึ้นมาสายตาที่มองไปทางผู้เฒ่าสามฟู่ก็ยิ่งเย็นชาลงไปอีก"ฟู่จาว
"เจ้าว่าอะไรนะ!"ผู้เฒ่าสามฟู่หน้าเปลี่ยนสีก่อนหน้านี้ฟู่จาวหนิงกล้าพูดแบบนี้กับเขาเสียที่ไหนนางแม้ว่าบางครั้งจะพูดว่าว่าที่นี่เป็นบ้านของนาง แต่ก็ล้วนอ่อนแอทุกครั้ง ไม่เหมือนตอนนี้ที่กล้าด่ากราดออกมาอย่างไม่น่าฟังเช่นนี้เลย"หูชองท่านไม่ดีหรือ? ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวข้าก็จะไล่พวกท่านออกจากตระกูลฟู่อยู่แล้ว พวกท่านไม่คู่ควรกับที่นี่""ใครก็ได้! จับนางกดเอาไว้ ตบปากเสียก่อนยี่สิบที! ข้าจะดูว่านางไปเอาความกล้านี้มาจากไหน ก็แค่พาผู้ชายนอกบ้านเข้ามาคนหนึ่ง กลับคิดว่ามีคนคอยช่วยจนทำอะไรก็ได้เช่นนั้นหรือ!"ข้าทาสร่างกำยำคนนั้นก็พุ่งเข้าหาฟู่จาวหนิงทันทีดูท่าทางของเขา เห็นได้ชัดว่าจะพุ่งเข้ามาใช้แขนโอบรัดร่างนางไว้ กอดนางไว้ให้ขยับไม่ได้"บังอาจ!"จงเจี้ยนเดือดดาล เขามองออกถึงสายตาน่ารังเกียจของข้าทาสคนนี้ ว่าสายตาของเขาเอาแต่จ้องมองที่ไหน?เขาโบกกระบี่แทงไปที่ข้าทาสคนนั้นข้าทาสกลับยื่นมือขึ้นกันกระบี่ของเขา และได้ยินเสียงดังเคร้ง จงเจี้ยนสัมผัสได้ว่ากระบี่กระทบเข้ากับของที่เหมือนแผ่นเหล็กพอมองไป ก็เห็นว่าบนแขนของข้าทาสนี้มีเกราะแขนเหล็กสวมอยู่สองชิ้น"เฮอะ!" ข้าทาสเห็นว่าตนเอง
ผู้เฒ่าสามฟู่เห็นไห่ฉางจวิ้นหนีไปแล้ว ในใจก็ตกตะลึงเดือดดาลเพื่อนคนไหนของฟู่จาวหนิงกัน ที่ให้ยืมองครักษ์ที่ร้ายกาจขนาดนี้มา?แต่ว่าตอนนี้พวกขยะที่เขาเลี้ยงไว้พวกนี้ก็สู้จงเจี้ยนไม่ได้ เขายังจะมีวิธีอะไรได้อีก?"จาวหนิง เจ้าตอนนี้อวดดีเสียเหลือเกิน พอมีคนช่วยเข้าหน่อยก็ไม่เห็นผู้อาวุโสญาติมิตรอยู่ในสายตาแล้วหรือ?" ผู้เฒ่าสามฟู่มองฟู่จาวหนิงเคร่งขรึมกลับมาอย่างองอาจคิดจะสั่งสอนนาง แต่ผลลัพธ์กลับถูกตบหน้าย้อนกลับมาจนบารมีหดหาย โมโหเสียจนหัวใจจะวายอยู่แล้ว"ก่อนหน้านี้ข้าก็ยังเห็นพวกท่านอยู่ในสายตาเหมือนกัน ผลลัพธ์คือพวกท่านดันกำเริบเสิบสานจนกลายเป็นเม็ดทราย ที่วันวันเข้ามาแทงตาข้าจนเจ็บปวด ตอนนี้ข้าคิดกระจ่างแล้ว ว่าควรจะให้พวกท่านกลับไปอยู่ที่ของพวกท่าน ให้พวกท่านรู้ว่าตัวเองมีกำพืดอะไร"ฟู่จาวหนิงประสานสายตากับผู้เฒ่าสามฟู่ ใบหน้าสงบนิ่ง ไม่มีแววหวาดกลัวแม้แต่น้อยผู้เฒ่าสามฟู่พอเห็นสายตาที่เย็นชาแหลมคมเช่นนี้ของนาง ก็ตระหนักขึ้นมาได้แล้วว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ"ข้าจะคอยดู ว่าเด็กสาวกำพร้าพ่อแม่อย่างเจ้า จะสร้างคลื่นลมได้แค่ไหน"ผู้เฒ่าสามฟู่พูดจบ ก็สะบัดชายเสื้
"ท่านผู้เฒ่า นางไปแล้ว"ในห้อง ฮูหยินสามได้ยินเสียงฝีเท้าของฟู่จาวหนิงกับจงเจี้ยนห่างออกไป จึงเพิ่งถอนหายใจยาว แต่ว่าพอเห็นลูกชายที่นอนอยู่บนเตียง น้ำตาของนางก็ไหลลงมาอีกครั้ง"ท่านผู้เฒ่า แล้วจะทำอย่างไรกันดี? ฟู่จาวหนิงเปลี่ยนไปน่ากลัวขนาดนี้แล้ว""นางก็แค่มีองครักษ์ที่วิชายุทธ์ไม่เลวเท่านั้น แต่ว่าองครักษ์คนหนึ่งจะป้องกันตาเฒ่ากับนางได้พร้อมกันหรือ? นางมักจะมีเวลาที่อยู่คนเดียวเสมอ อดทนไปก่อนเถอะ รอจนเรือนหลังนี้ขายออกไป พอพวกเรารับเงินกับบ้านที่แลกมา ก็คอยดูว่านางกับตาเฒ่านั่นจะไปนอนข้างถนนกันอย่างไร"ผู้เฒ่าสามฟู่ดวงตาเหี้ยมโหดมาดร้าย"ถึงตอนนั้นพกวเขาจะอยู่ก็ไม่มีที่ให้อยู่ พวกเจาค่อยหาคนจำนวนหนึ่งบุกไปก็ได้" เขามองไปยังลูกชายบนเตียง ไม่พูดอะไรอีกฟู่จาวหนิงกลับมาถึงห้องของตนเองพอปิดประตูลง นางก็แวบเข้าไปในห้องเภสัชทันทีห้องเภสัชตอนนี้เหมือนกับเป็นช่องว่างของนางแล้ว นางสามารถสกัดยาอยู่ในนี้ได้ และสามารถนำสิ่งของฝากเอาไว้ในนี้ได้ด้วยยิ่งไปกว่านั้นนางยังพบว่าของที่ใส่เข้ามายังรักษาสภาพตอนที่เก็บเข้ามาได้โดยไม่เปลี่ยนแปลงแต่ว่า เก็บสิ่งมีชีวิตเข้ามาก็เพิ่งจะทำเป็นครั้ง
ในบ้านไม่มีอะไรดีดีกินแล้ว อย่างพวกผ้าห่มเสื้อผ้าก็ยังขาดแคลน พวกเขาสวมกันแต่เสื้อผ้าเก่าๆ มาหลายปีแล้วและอีกไม่ถึงสี่เดือนก็จะปีใหม่แล้ว อากาศเองก็เย็นขึ้นทุกวัน ฟู่จาวหนิงไม่อยากให้พวกเขาหน้าหนาวนี้เป็นเหมือนที่ผ่านมา ต้องหนาวกันตัวสั่นงันงกดังนั้น เรื่องอื่นก็ล้วนปล่อยไปก่อน นางต้องหาเงินเสียก่อน แล้วซื้อของเข้ามาในบ้าน"ข้าจะลองหาทางดู"ฟู่จาวหนิงเอ่ยกับเสี่ยวเถาว่า "เจ้าบอกกับข้าหน่อย ของจำเป็นที่ต้องซื้อในบ้านมีอะไรบ้าง ยังไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เจ้าลองพูดของที่จำเป็นต้องซื้อหน่อย ถึงตอนนั้นข้าจะไปซื้อมา"เสี่ยวเถาอยากจะบอกว่า แล้วคุณหนูจะไปหาเงินซื้อของมาจากไหนกันล่ะแต่ว่าคุณหนูช่วงนี้ก็เปลี่ยนไปมากเลย นางเองก็ไม่อยากจะทำลายความกระตือรือร้นของคุณหนูด้วย"ถ้าหากบอกว่าที่ต้องการที่สุด ก็คือในห้องท่านผู้เฒ่าควรจะผ้านวมใหม่เสียที ฝ้ายในผ้านวมของท่านผู้เฒ่าเกาะเป็นก้อนหมดแล้ว เวลาคลุมลงไปทั้งหนักทั้งไม่อุ่น""แล้วก็ อากาศก็ใกล้จะหนาวแล้ว ยังต้องการถ่านไหมเงินอีกด้วย ถ่านธรรมดากลิ่นแรงเกินไป ท่านผู้เฒ่าอาจจะรับไม่ไหว แต่ถ่านไหมเงินเองก็แพงเหลือเกิน""ถ้าหากช่วงนี้ สุขภาพขอ
ถนนเส้นนี้ยาวเป็นพิเศษ คึกคักมาก ร้านรวงแผงลอยขายของก็มากมี คนสัญจรไปมากับรถม้าก็มีอยู่ไม่ขาดสาย แต่ถนนสายนี้กลับมีร้ายขายยาอยู่เพียงร้านเดียวที่ท้ายถนน ห่างจากโรงหมอไกลโขเลยทีเดียวอาจจะเพราะที่นี่เป็นเมืองหลวงด้วยกระมังฟู่จาวหนิงหาสถานที่ วางถุงใส่ของลง ล้วงม้านั่งไม้ตัวเล็กตัวหนึ่งออกมาจากในถุงนางเอาผ้าผืนหนึ่งมาปูลงบนม้านั่งไม้ ด้านบนก็วางถ้วยไม้ไผ่ใบใหญ่ใบหนึ่งถ้วยไม้ไผ่ใบนี้นางเลื่อยตัดออกมาจากในเขาจันทร์ลับฟ้า ในสามวันนั้นใช้มันคอยดื่มน้ำหลังจากวางเสร็จ ฟู่จาวหนิงก็ล้วงของที่เหมือนกับตอไม้เล็กๆ อีกชิ้นหนึ่งออกมา ใช้มันแทนเก้าอี้แล้วนั่งลงไปทางด้านซ้ายของนางเป็นแผงน้ำชาเล็กๆ แผงหนึ่ง เป็นแค่รถเข็นที่วางเตาถ่านใบเล็กอุ่นกาน้ำชาใหญ่สองกาไว้เท่านั้น มีป้าคนหนึ่งคอยดูอยู่ ทางขวามือก็เป็นลุงอีกคนหนึ่ง ด้านหน้ามีตะกร้าไม้ไผ่วางอยู่คู่หนึ่ง มีหน่อไม้แห้งอยู่ด้านในมากพอควรป้ากับลุงมองคนแก่ตัวเล็กคนนี้ รู้สึกแปลกประหลาดเล็กๆ"ท่านผู้เฒ่า นี่ท่านมาขายอะไรหรือ?" ป้าถามขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ก่อนนางไม่รู้หนังสือ บนผ้าที่ฟู่จาวหนิงปูไว้บนม้านั่งเขียนว่าอะไรนางอ่านไม่ออก"ข้าน่ะน
มีคนไม่น้อยเข้าไปรวมตัวกันที่นั่น"เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น?""มีแม่นางคนหนึ่งอาเจียนออกมาแล้ว!"แผงร้านทางนั้นถูกคนล้อมเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในกลุ่มคน ผู้ชายคนหนึ่งร้องขึ้นอย่างลนลาน"ไม่เกี่ยวกับข้านะ ของที่ข้าทำสะอาด ไม่มีทางที่กินแล้วจะเป็นอะไรแน่นอน"ฟู่จาวหนิงตอนที่ได้ยินเสียงหญิงสาวอาเจียนก็วิ่งตรงมาทางนี้แล้วพอนางเข้าไป ก็ยื่นมือแหวกวงล้อมคนหนาแน่นเหล่านั้น และก็แผดเสียงขึ้นว่า "หมอมาแล้วหมอมาแล้ว หลีกหน่อย"คนอื่นพอได้ยินว่าหมอมาแล้วจึงรีบหลีกทาง"ทำไมถึงมีหมออยู่พอดีด้วยกันล่ะ?"เจ้าของแผงขายของคนนั้นพอได้ยินว่ามีหมอ ก็ราวกับคว้าเอาฟางช่วยชีวิตได้แล้ว รีบพุ่งเข้ามาคฉุดฟู่จาวหนิง "ท่านหมอ ท่านรีบมาดูนางเร็ว แม่นางคนนี้ซื้อขนมปิ่งจากร้านข้า แต่พอนางกินไปคำหนึ่ง นางก็หันหน้าอาเจียนออกมาทันที นี่เป็นไปได้อย่างไรที่ขนมปิ่งของข้าจะไม่สะอาด?""ปล่อยมือปล่อยมือ พ่อหนุ่มปล่อยมือข้าก่อน"เจ้าของแผงนี้น่าจะนวดแป้งมานาน กำลังแรงมือมีมากพอควร ฟู่จาวหนิงเกือบจะโดนฉุดจนล้มคว่ำไปแล้วนางตะโกนว่าพ่อหนุ่ม จากนั้นพอเงยหน้าก็เห็นชายหนุ่มอายุราวสี่สิบกว่าๆเอาล่ะ จากการแต่งตัวเช่นนี้ข
ต่อให้ชินอ๋องเซียวติดโรคระบาด ถ้าตอนนี้ฟู่จาวหนิงเป็นภรรยาเขา พวกเขาก็คงไม่ต้องมากลัวแบบนี้!ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนที่ถูกส่งไปขังในคุกใหญ่ตั้งหลายวัน จนป่านนี้ก็ยังเรียบร้อยดีไม่เป็นอะไรหรือ?จวนอ๋องเจวี้ยนก็ถูกองค์จักรพรรดิบอกว่าห้ามออกไปข้างนอกส่งเดชเหมือนกัน แล้วดูตอนนี้สิ?ฟู่จาวหนิงไม่ใช่ว่าอยากออกไปไหนก็ออกได้หรือ?ฟู่จาวหนิงแบบนั้น เขาอยากได้มาจริงๆ!ถ้าตอนนั้นไม่มีหลี่จื่อเหยา ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายารัฐทายาทของเขาแล้ว ไม่ใช่ขยะอย่างหลี่จื่อเหยาคนนี้!พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในสายตาเซียวเหยียนจิ่งที่มองหลี่จื่อเหยาก็มีแต่ความเกลียดชังหลี่จื่อเหยาสบกับสายตาของเขา ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือก ใจนางเย็นวาบไปทันทีนี่คือพี่เซียวที่นางรักมาหลายปีหรือ? ถึงแม้สองปีนี้จะทะเลาะกับเขาอย่างหนัก แต่ตอนนี้เอง นางเพิ่งรู้สึกถึงความหนาวเย็นจนเสียดกระดูกหลี่จื่อเหยาเองก็เกลียดเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมาทันทีเช่นกัน"ท่านอยากจะส่งข้าออกไป ข้าจะไม่..." ออกไปหรอกนางยังพูดไม่ทันจบ เซียวเหยียนจิ่งก็ตัดบทนางแล้ว มองไปทางหมอเทวดาหลี่ "ถัดจากนี้ในเมืองหลวงอาจจะเกิดการแตกตื่นกลัวกันเพร
"ข้าเกรงว่าถ้าออกไปจากจวนอ๋อง คนอื่นก็จะจับจ้องไปที่ท่านพ่อตา"เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าหมอเทวดาหลี่สมองจะง่ายไปหน่อย เขาไม่คิดจะไปที่อื่นเลยเขาสะกดความหงุดหงิดไว้ พูดออกมาอย่างละเอียด"โดยเฉพาะพระชายาอ๋องเจวี้ยน นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ไปแล้ว ตอนนี้เองก็เป็นคนของสมาคมหมอใหญ่แล้วด้วย พอท่านกลับมา คนทั้งเมืองก็น่าจะอยากเห็นการตัดสินเด็ดขาดของพวกท่านทั้งสองกระมัง? ถึงตอนนั้นความสนใจทั้งหมดก็จะอยู่บนตัวท่าน ท่านซื้อยาอะไรไป คงถูกขุดคุ้ยออกมาแน่"ดวงตาหมอเทวดาหลี่หรี่ลงแม้จะรู้มานานแล้วว่าคนในดวงใจเซียวเหยียนจิ่งไม่ใช่ลูกสาวเขา แต่ตอนนี้ดูท่านเขาอยากจะสะบัดหลี่จื่อเหยาทิ้งเสียเหลือเกิน เขารู้สึกใจเย็นเยียบ ยิ่งไปกว่านั้นยังโมโหมาก"หลี่จื่อเหยาอยู่ในสภาพหนี้แล้ว ในจวนอ๋องไม่ใช่ว่าเหมาะสมที่สุดแล้วหรือ? ถึงอย่างไรจวนชินอ๋องเซียวของพวกเจ้า จะเอายาเอาคนก็ยังดีกว่าข้าตัวคนเดียวตั้งเยอะ? เจ้าอยากสลัดนางทิ้งขนาดนี้เชียว?""ท่านพ่อตา นี่ข้าทำเพื่อหลี่จื่อเหยานะ ตอนนี้องค์จักรพรรดิจับตามาที่จวนชินอ๋องเซียว พ่อของข้าทางนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างเลย ถ้าหากในจวนอ๋องวุ่นวายขึ้นมา ถึงตอนนั้
หลี่จื่อเหยาขนาดมือก็ยังยกไม่ขึ้น จึงเปิดหนังตาจ้องมองนางเจ้าคนชั้นต่ำ! เห็นสภาพนางแบบนี้ยังมีแรงดื่มน้ำเองอีกหรือ? ยังไม่รีบประคองนางขึ้นมาป้อนอีก!"เจ้าต้องป้อนนาง!" หมอเทวดาหลี่ร้องขึ้นมาสาวใช้แทบจะร้องไห้แล้ว ไม่ นางร้องออกมาแล้วจริงๆ นางน้ำตาร่วงพลางปรคองตัวหลี่จื่อเหยาขึ้นมา เอาแก้วจ่อไปที่มุมปากหลี่จื่อเหยาระยะใกล้ค่แนี้ สาวใช้ได้กลิ่นบนหน้าของหลี่จื่อเหยาแล้วจริงๆ เหม็นเอามากๆเซียวเหยียนจิ่งมองฉากนี้ อดถอยออกมาอีกก้าวหนึ่งไม่ได้เขามองไปทางพวกสาวใช้หญิงรับใช้อีกเหลือเหล่านั้น ถามขึ้นเสียงต่ำ "นางป่วยมานานแค่ไหนแล้ว?"ดันไม่ยอมมาบอกเขา!สาวใช้กับหญิงรับใช้ร่างกำยำไม่กล้าเงยหน้ากัน"ท…ท่านรัฐทายาท พวกเราเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ หลายวันมานี้พระชายารัฐทยาทก็เอาแต่นอนหลับอยู่ในห้อง ไม่ได้ลุขึ้นมาสางผมมแต่งหน้า ตอนที่กินข้าวก็ให้พวกเราเอาข้าวส่งเข้าป นางกินเสร็จพวกเราก็จะเข้ามาเก็บ""ใช่เลย ตอนที่พวกเราเข้าไปเก็บ พระชายารัฐทายาทพอกิเสร็จ นางก็จะกลับไปนอนต่อบนเตียง พวกเราจึงไม่ได้มองนางอย่างละเอียด"เมื่อคืนนี้พวกนางไม่ได้เห็นหลี่จื่อเหยาเลยเอาจริงๆ เป็นเพราะชินอ๋องเซียวกับ
หมอเทวดาหลี่อยากจะตะคอกถามหญิงสาว: เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?มีภรรยาคนไหนบ้าง ที่แอบขโมยรื้อทองของพ่อสามี?ต่อให้ชินอ๋องเซียวจะซ่อนกล่องทองแทงไว้ที่หัวเตียงจริง แต่เจ้าไปค้นหาได้หรือไรกัน?เขาถลึงตาโต อยากจะตบฉาดลูกสาวเสียทีหนึ่ง ให้นางได้รู้สึกตัว แต่พอเห็นใบหน้าเน่าเปื่อยของนาง มองใบหน้าที่บวมจนผิดปกติของนาง หมอเทวดาหลี่ก็ยังถอยออกมาอีกหลายก้าวเขาแทบจะไม่ต้องเข้าไปตรวจแล้ว สภาพนี้ของหลี่จื่อเหยาคงเลี่ยงไม่พ้นแล้ว จะต้องเป็นโรคสกปรกโรคนั้นแน่นอนแต่ว่า เพราะอะไรกัน? แค่ไปพลิกค้นเตียงของชินอ๋องเซียวหรือ?เหตุผลนี้พูดออกไป จะมีคนเชื่อไหม?อาจจะมีคนเชื่อ แต่จะต้องมีคนคิดมากแน่ ภรรยาคนหนึ่ง ไปรื้อเตียงของพ่อสามี! เรื่องนี้ถ้าลือออกไป ชื่อเสียงย่อยยับป่นปี้แน่!ถึงแม้ตัวหมอเทวดาหลี่เองจะไม่ค่อยได้เรื่องนัก แต่ก็ยังคิดเรื่องที่โง่เง่าขนาดนี้ไม่ออก!"เจ้าขาดเงินเท่าไรกันแน่? เจ้าอยู่ในจวนอ๋องไม่ได้กินไม่ได้ดื่มหรือไรกัน?" ยากจนขนาดต้องเข้าไปรื้อเตียงพ่อสามีเลยหรือ?เซียวเหยียนจิ่งพอได้ยินคำพูดหลี่จื่อเหยาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อพอได้ยินหมอเทวดาหลี่ถามมาเช่นนี้ เขาก็หน้าดำร้องขึ้นมา "จวนอ๋อ
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา
ที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือ กระทั่งคนเทขยะก็ยังไม่กล้าเข้ามา บอกว่าขยะของจวนชินอ๋องเซียวก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีพิษ แค่สูดดมก็อาจจะติดเชื้อได้"เดิมทีในจวนอ๋องยังมีคนงานอยู่บางส่วน บ้านอยู่ภายนอก ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่กล้ามา คนในอุทยานเอง กระทั่งประตูเมืองก็ยังไม่เข้ามา ของกินของดื่มในจวนอ๋องทุกวันก็ไม่มีใครส่งเข้ามา ตนเองจะออกไปซื้อก็ไม่ได้""หมายความว่าอย่างไร?" เซียวเหยียนจิ่งคิดว่าตนเองฟังผิด กระทั่งออกไปซื้อของก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ?"รัฐทายาท คนที่ขายเนื้อขายผักด้านนอก ล้วนกลัวคนในจวนเรากันหมด ดังนั้นจึงไม่ขายของให้พวกเราชั่วคราว! บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิก็ยังถือว่าถูกต้อง ถึงอย่างไร องค์จักรรพรรดิก็ออกราชโองการมาแล้ว ว่าห้ามท่านอ๋อนเข้าเมืองหลวง""องค์จักรพรรดิรู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่อุทยานด้านนอกหรือ?" เซียวเหยียนจิ่งหน้าขรึมลงมา"ขอรับ รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ผู้เช่าทำนาทั้งหมดในอุทยานก็ไม่ให้เข้าเมืองแล้ว เสบียงที่ผลิตในอุทยาทก็ไม่อนุญาตให้ส่งมาเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะเอากลับไปกินที่จวนอ๋องก็ยังไม่ได้""มีเหตุผลแบบนี้ด้วยรึ! พวกเขาคิดจะให้จวนชินอ๋องเซียวอดตายก
สาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งมารับหมอเทวดาหลี่กลางทาง ก็เพราะอาการป่วยของชินอ๋องเซียวเขาถามหมอหลายคนในเมืองหลวงไปแล้ว ล้วนเป็นหมอที่มีวิชาแพทย์ดีมากทั้งนั้น ผลคือไม่มีใครรักษาได้สักคนกระทั่งยังไม่แน่ใจว่าติดโรคระบาดมาได้อย่างไรด้วยซ้ำองครักษ์ที่ไปหาคนป่วยคนนั้นไม่เป็นอะไรกันเลย แต่คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสคนป่วยคนนั้นอย่างชินอ๋องเซียวกลับติดมาเสียได้ นี่จะอธิบายกันอย่างไรล่ะ?เขาเองก็ไปหาฟู่จาวหนิงมไ่ได้ ยิ่งไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพ่อของตนเองติดโรคระบาดนั้นด้วย ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบไปรับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอเทวดาหลี่อย่างน้อยก็เป็นพ่อตาเขานะถึงแม้พวกเราก่อนหน้านี้จะทะเลาะกันบ่อย จนแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่จื่อเหยาที่อยู่ในจวนชินอ๋องเซียวก็แทบจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วไม่ว่านางจะอาละวาดแค่ไหน เซียวเหยียนจิ่งก็ไม่สนใจนาง ไม่พบนางด้วยซ้ำ เขาส่งหญิงรับใช้ที่ตัวใหญ่แรงเยอะไปให้หลี่จื่อเหยาหลายคน กระทั่งสาวใช้ก็ยังมีพละกำลังอย่างมากด้วย คอยจับตานางดูไว้ทุกวันกระทั่งยังวางยาพิษออกฤทธิ์ช้ากับหลี่จื่อเหยาอีก พิษนั่นเซียวเหยียนจิ่งหามาอย่างยากลำบาก เขาเคยทดลองแล
"ข้าเดาว่าอีกไม่นานนางน่าจะจัดงานเลี้ยงอะไรอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมาเชิญอันชิงด้วย"ฟู่จาวหนิงคิดถึงนิสัยเฉินฮ่าวปิง รู้สึกว่านางได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง จะต้องเคลื่อนไหวอะไรแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบไปเช่นนี้ จะบอกไม่จดจำอันชิง ก็ดูจะเป็นไปได้อยู่"แล้วไม่ไปได้ไหม?" องค์หญิงหนานฉือขมวดคิ้ว"ไม่ไปก็ได้อยู่" เซียวหลันยวนพูดขึ้นมาอันเหนียนถอนหายใจ "ท่านอ๋อง ท่านน่ะได้ พวกเราที่เป็นขุนนางตัวเล็กตัวน้อย ปฏิเสธคนส่งเดชไม่ได้นี่สิ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาพูดซะน่าอดสูแบบนี้ นี่ใช้อันเหนียนไหมเนี่ย?ความคิดของอันเหนียนคนนี้ ไม่เคยจะเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไรฟู่จาวหนิงไม่ได้คิดจะอ้อมค้อมเหมือนพวกเขาสองคน พอได้ยินอันเหนียนพูดเช่นนี้ นางก็ตอบรับมาตรงๆ"อันชิงเองก็ถือว่าไปผิดใจกับเฉินฮ่าวปิงเพราะข้าเหมือนกัน ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงมาหาเรื่องนาง พวกท่านก็มาบอกข้าเลย"ในตาอันเหนียนมีรอยยิ้ม "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณพระชายาแทนชิงชิงด้วย"เป้าหมายใหญ่สุดที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อประโยคนี้ไม่ใช่หรือ? ฟู่จาวหนิงถ้ายอมปกป้องอันชิงหน่อย เขาก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว"เฮอะ" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด "เจ้านี่ม
อันเหนียนแปลงโฉมเป็นชายกลางคนคนหนึ่ง พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงสายตาตกอยู่บนตัวสาวใช้คนนั้น หัวเราะพรวดออกมา"องค์หญิงแปลงโฉมใช้ได้นี่นา หน้าย่นลงมาแล้วนั่น"สาวใช้ที่ดูลับๆ ล่อๆ คนนึ้นยืดตัวตรง เงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตานางมองฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาด "ข้าแต่งแบบนี้แล้ว เจ้ายังปราดเดียวก็รู้เลยหรือ?""ใบหู คางกับคอขององค์หญิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ช่องโหว่เหล่านั้นหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยืนอยู่ข้างๆนาง ทั้งสองคนล้วนมององค์หญิงหนานฉืออย่างสนอกสนใจขนาดพระชายาชี้ช่องโหว่พวกนี้ออกมาแล้ว แต่พวกนางก็ยังมองไม่ออก ดูท่าสายตาของพระชายาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากเลยองค์หญิงหนานฉือเบ้ปาก "ตอนที่ข้าออกมาก็ส่องกระจกตั้งหลายรอบแล้วนา ขนาดข้าเองยังมองไม่ออกเลย"คอใบหูและมือของนาง ทาจนดำไว้ชั้นหนึ่ง มีช่องโหว่ตรงไหนกันอันเหนียนเอ่ยขึ้นว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเรียนวิชาแพทย์มานะ ต้องมองคนได้เฉียบคมกว่าพวกเราอยู่แล้ว""นี่เกี่ยวกับเรียนแพทย์ตรงไหนกัน" องค์หญิงหนานฉือไม่ค่อยเข้าใจฟู่จาวหนิงพยักหน้าให้อันเหนียน แสดงท่าทีชื่นชม "ผู้ตรวจการอันพูดถูกต้อง