ซู่หลิงเถียนนั่งเท้าคางตัวเองที่สวนของจวนสิบสี่ ช่างเหมือนในละครโบราณเหลือเกิน ทุกอย่างสวยงาม ไม่อยากจะเชื่อว่าจะหลุดมาอยู่ในมิติอดีตได้สามสัปดาห์แล้ว ตอนนี้จะว่าไปเธอก็ปรับตัวเป็นคนโบราณไปเต็มตัวแล้วก็ว่าได้
“คุณหนู ท่านอ๋องใหญ่มาเจ้าค่ะ” นี่คือเสียงของหมิงเหนียน สาวใช้คู่ใจที่จ้าวซ่านลู่ให้มาดูแลติดตามเธอจนตอนนี้สนิทสนมกันและเป็นเพื่อนคนเดียวของเธอก็ว่าได้
“อือ...ข้ารู้แล้ว”
ปากบอกรู้ แต่ก็ไม่สนใจคนที่มานั่งลงตรงข้ามตัวเองตรงหน้ากลับหยิบกล้วยที่ถาดตรงหน้ามาปอกกินไม่สนใจแล้วก็มองไปทางอื่น ก็อ๋องใหญ่ที่ทุกคนนับถือน่ะตัวดีเลย ชีวิตของเธอมันวุ่นวายเพราะเขา ตอนกลางคืนเขาก็คอยจ้องแต่จะเอาเปรียบตลอด ไหนจะสนมของเขาอีก ที่มาคอยหาเรื่องเธอแทบจะวันเว้นวัน
“หมิงเหนียนบอกว่าเจ้าไม่ยอมกินข้าวเช้า” อ๋องใหญ่ถามคนที่สนใจกล้วยในมือมากกว่าตัวเองที่นั่งตรงหน้าของนาง
“ก็ข้าไม่หิว” เธอตอบสั้นๆ
“ไม่หิวก็ต้องกิน ช่วงนี้เจ้าซูบผอมมากเถียนเถียน”
“ก็ข้าไดเอท” เธอตอบแล้ววางกล้วยที่กินยังไม่หมดลงที่เดิม
“ไดเอทคืออะไร?” จ้าวซ่านลู่ถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้สักอย่างจะได้ไหม ว่าแต่ท่านเถอะจ้าวซ่านลู่ ท่านมีธุระอะไรกับข้า เจอกันทุกวันไม่เบื่อรึไงหึ” เธอกระชากเสียงถามเขา
“ไม่เบื่อ ก็ข้าชอบที่จะได้อยู่ใกล้เจ้า แล้วเจ้าล่ะ เบื่อรึที่เห็นหน้าข้าทุกวัน” ชอบที่นางเรียกชื่อเขาไม่ได้เรียกเขาเหมือนคนอื่น
“ใช่ เบื่อมาก รำคาญมากด้วย และข้าขอแยกห้องนอนกับท่านได้รึไหม”
“ไม่ได้ เจ้าต้องอยู่ห้องเดียวกับข้า”
“แต่ข้าไม่อยากอยู่กับท่าน หมิงเหนียนเรากลับห้องกันเถอะ ข้าอยากพักผ่อนแล้ว” ว่าจบก็ลุกขึ้นเดินหนีทันที ส่วนหมิงเหนียนก็ได้แต่ย่อตัวทำความเคารพท่านอ๋องแล้วรีบเดินตามคุณหนูตัวเองไป
“ท่านอ๋องขอรับ” เสี่ยวถังที่อยู่ด้วยเอ่ยขึ้นเมื่อเหลือกันสองนายบ่าว
“เจ้ามีอะไรเสี่ยวถัง”
“เรื่องอ๋องเล็กขอรับ”
“รายงานมา และคนที่ลอบเข้ามาในจวนข้า ตอนนี้เจ้าจับได้แล้วรึยัง” เมื่อสองวันก่อนมีผู้ไม่ได้รับเชิญบุกรุกมาจวนสิบสี่ในยามวิกาล และโชคดีที่ตอนนั้นซู่หลิงเถียนนอนหลับไปแล้ว ตอนนี้เขากลัวแต่แม่นางคนงามจะเป็นอันตราย เพราะข่าวเรื่องที่เขารับหญิงแปลกหน้าไร้ที่มาที่ไปได้แพร่ไปทั่วเมืองแล้ว และเรื่องนี้ก็รู้ถึงเสด็จพ่อของเขาจนต้องเรียกเขาเข้าพบด่วนเมื่อตอนเช้า
“ยังขอรับ”
“ปัง! ไม่ได้เรื่อง!” เขาตบโต๊ะตรงหน้าด้วยความโกรธเมื่อเสี่ยวถังทำงานช้ากว่าทุกครั้ง
“เสี่ยวถังจะรีบตามสืบให้เร็วที่สุดขอรับท่านอ๋องใหญ่”
“อือ...และไปตามพ่อบ้านหลี่มาพบข้าด้วย ข้าจะให้จัดงานมงคล เพราะข้าได้ทูลกับเสด็จพ่อแล้วว่าข้าจะแต่งพระชายาเข้าจวน” เขาบอกสั่งทหารคู่ใจ
“ขอรับ ว่าแต่ท่านอ๋องใหญ่จะแต่งตั้งแม่คุณหนูเถียนเถียนเป็นพระชายาจริงรึขอรับ”
“ถ้าไม่ใช่นางจะเป็นใครได้เล่า ไปจัดการตามที่ข้าสั่งได้แล้ว”
“ขอรับ” เขารับคำและคำนับแล้วเดินถอยออกไปเพื่อไปทำตามคำสั่งของท่านอ๋องที่เคารพของตัวเอง
“อยากรู้นักว่าเจ้าจะดื้อไปได้อีกแค่ไหนเถียนเถียน อีกไม่นานเจ้าจะเป็นของข้าแล้ว” มือใหญ่ยกขึ้นลูบสันกรามแกร่งตัวเองไปมาพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเมื่อนึกถึงหน้าของแม่นางคนงามที่แสนดื้อรั้นของตนเอง
ข้ามมิติมาแต่งงานที่แท้จริง ตอนนี้ซู่หลิงเถียนนั่งอยู่บนเตียงมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ตอนนี้เธอนั่งรออ๋องใหญ่ เจ้าบ่าวของเธอเข้ามาในห้องเพื่อมาเปิดผ้าคลุมให้ตัวเอง หัวใจของสาวยุคสองพันยี่สิบเต้นรัวๆ ตื่นเต้นและสับสนไปหมดในตอนนี้ เธอบอกไม่ถูกว่าทำไมต้องยอมขนาดนี้ ยอมให้เขาบังคับจับแต่งงาน แม้จะได้ตำแหน่งชายา แต่สนมของเขาล่ะ เธอไม่ต้องการเป็นที่หนึ่ง แต่เธอต้องการเป็นรักเดียวและภรรยาคนเดียวของสามี เกลียดนักคนเจ้าชู้มักมากอย่างจ้าวซ่านลู่
“หมิงเหนียน เจ้าอยู่กับข้าก่อนนะ อย่าเพิ่งออกไป” มือเล็กคว้ามือสาวรับใช้ที่ยืนข้างๆ มากุมไว้
“เจ้าค่ะคุณหนู”
“หมิงเหนียน ถ้าข้าหนีไปตอนนี้จะเป็นอะไรไหม” เธอลองถามหมิงเหนียนดู
“คุณหนูท่านพูดอะไรออกมา อย่าคิดแบบนั้นเชียวนะเจ้าคะ ท่านอ๋องใหญ่ใจดีกับคุณหนูก็จริง แต่กับพวกบ่าว ท่านอ๋องใหญ่ไม่ได้ใจดีด้วยเลย สงสารหมิงเหนียนเถอะนะเจ้าคะ หมิงเหนียนยังไม่อยากตาย”
“เจ้าก็พูดไปได้ ข้าก็แค่พูดเล่นแค่นั้นเอง อีกอย่างถ้าหนีไป ข้าก็ไม่รู้จะหนีไปไหนเหมือนกัน เพราะชีวิตข้าตั้งแต่มาที่นี่ก็อยู่แต่ในจวนสิบสี่ ไม่เคยออกไปข้างนอกเลยสักครั้ง” พูดแล้วก็เบื่อหน่ายชีวิตต้องมาติดที่ยุคโบราณแบบนี้
“คุณหนูลองขอท่านอ๋องใหญ่ดูสิเจ้าคะ”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยขอออกไปข้างนอก ไปเดินตลาดนะหมิงเหนียน ข้าขอแล้ว แต่จ้าวซ่านลู่ให้ข้าไปได้ที่ไหนกันล่ะ เนี่ยก็บังคับให้ข้าแต่งงานด้วย บังคับให้ข้าเป็นพระชายา บังคับนั่นนี่จนข้าอึดอัดและรำคาญไปหมดแล้วตอนนี้”
“เจ้าอึดอัดขนาดนั้นเลยรึเถียนเถียน” หมิงเหนียนไม่ได้ตอบ แต่เป็นเสียงทุ้มเข้มของคนที่กำลังถูกนินทาดังแทรกขึ้นมา
“ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ ท่านอ๋องใหญ่มาแล้ว” หมิงเหนียนดึงมือตัวเองออกจากมือเจ้านายสาวแล้วย่อตัวทำความเคารพทั้งสอง ก่อนจะเดินหายไปเงียบๆ จากห้อง
“หมิงเหนียนนะหมิงเหนียน” ซู่หลิงเถียนบ่นให้สาวใช้ส่วนตัวพร้อมกับถามคนที่เดินมานั่งข้างๆ ตัวเอง เพราะเธอรับรู้ได้ถึงแรงไหวยวบของพื้นที่ข้างๆ
“ท่านบังคับข้าจนข้าอึดอัด และข้าก็ไม่ได้อยากแต่งงานเป็นพระชายาของท่านสักหน่อย”
“แล้วเจ้าจะไปเป็นของใครได้ถ้าไม่ใช่ของข้า เจ้ามาเพื่อเป็นของข้าเถียนเถียน” เขาพูดพร้อมกับเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงออกให้อีกฝ่าย “ไม่เป็นของใครทั้งนั้น ไม่ว่าของเจ้าหรือของใคร ข้าก็ไม่เป็นทั้งนั้น” หึหึ “แต่ตอนนี้เจ้าเป็นของข้าแล้วเถียนเถียน เจ้าแต่งงานกับข้าแล้ว” “ท่านบังคับ” “ถ้าเจ้าดื้อไม่ยอม ข้าก็ไม่บังคับ แต่เจ้าก็ยินยอมพร้อมใจแต่งงานเองมิใช่รึ” อ๋องใหญ่เอ่ยเมื่อนึกถึงหลายวันก่อนที่เขาบอกสาวงามที่ตรึงใจตั้งแต่แรกเห็นในกระจกจนตอนนี้มากุมหัวใจที่แข็งกระด้างของเขาไปเสียแล้ว หากนางดื้อไม่ยอม เขาก็จะไม่บังคับ แต่นางยอม แถมไม่โวยวายด้วย “ก็วันนั้นข้าคิดว่าท่านพูดเล่นกับข้า ใครจะคิดว่าวันนี้จะได้แต่งงานจริงๆ ข้ายังไม่อยากแต่งงาน” “แต่ตอนนี้ก็แต่งแล้ว และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เราต้องทำมันด้วยกันแล้วนะเจ้า” “ข้าไม่พร้อม” “แต่ข้าพร้อม เจ้าก็รู้มิใช่รึว่าข้าต้องการเจ้ามากแค่ไหน นอนหลับบนเตียงด้วยกันทุกค่ำคืนแต่ไม่อาจแตะต้องได้ ข้าทรมานมากแค่ไหน เจ้ารู้รึไม่”น้ำเสียงแววตาของเขาที่จดจ้องมายังซู่หลิงเถียนนั้นแสดงคว
จ้าวซ่านลู่มัวเมากับการได้บดจูบปากของแม่นางคนงามของตัวเอง ตอนนี้เขารู้เพียงว่าไม่อาจปล่อยให้นางได้หลุดพ้นคืนนี้ไปได้ คืนนี้เขาต้องได้ครอบครองกายสาวหอมหวานของซู่หลิงเถียน ปากน้อยช่างเจรจาถูกบดจูบควานกินความหวานของโพรงปาก ก่อนจะถอนจูบร้อนออกมาแล้วยกอุ้มร่างเล็กเปราะบางไปยังเตียง “อือ...จะ...จ้าวซ่านลู่ ท่านปล่อยข้าไปได้ไหม” เมื่อถูกยกอุ้มให้นอนไปบนเตียง ตอนนี้เธอหูอื้อตาลายไปหมด และยกมือขึ้นเช็ดถูปากตัวเองแรงๆ จนไม่สนใจว่าลิปสติกสีแดงสวยจะเปื้อน เพราะตอนนี้มันเปื้อนตั้งแต่ถูกคนหื่นบังคับจูบแล้ว เพราะปากของเขาก็แดงไปด้วยสีลิปสติกของเธอเหมือนกัน “หึ! เห็นทีจะไม่ได้แล้วเถียนเถียน ข้าไม่อาจอดทนรอให้เจ้าพร้อมได้อีกแล้ว ข้าจะทำให้เจ้าพร้อมสมยอมเป็นเมียข้าเอง ชายาข้า” หากเธอไม่พร้อม เขานี่แหละอ๋องใหญ่จะทำให้นางพรั่งพร้อมโอนอ่อนร่างกายร้องเรียกหาเขาให้ได้ในคืนนี้ คืนพิเศษที่จะผูกพันเขาและเธอให้อยู่ด้วยกันตลอดกาล “ข้าถามท่านหนึ่งคำถามจะได้รึไม่จ้าวซ่านลู่” “ถามมาสิ ข้าตอบเจ้าได้ทุกคำถาม” “ทำไมถึงอยากครอบครองข้า ทั้งๆ ที่ข้าไม่ได้รักท่าน”
“อ่ะ...อื้อ เจ็บนะ” ความไม่คุ้นชินและแปลกใหม่ทำให้มือเล็กยกมือปัดตีมือใหญ่ออกจากหน้าอกของตัวเอง สองแก้มนวลแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย แต่มือใหญ่ก็ดื้อดึงไม่ยอมผละออกกลับดึงมือเธอขึ้นมาจูบเสียด้วยซ้ำ “อือ...อย่าห้ามข้าเลยเถียนเถียน ตอนนี้ข้าไม่อาจหยุดทุกอย่างได้แล้ว เจ้าสวยเช่นนี้ ข้าจะปล่อยไปได้ยังไงกันเล่า ว่าไหมชายาข้า” กาลนี้จ้าวซ่านลู่ได้บอกกับตัวเองไว้แล้วว่าจักมีแค่เพียงนางคนเดียวเท่านั้น หญิงอื่นใดก็เทียบเท่าซู่หลิงเถียนไม่ได้ ปากหนาขบเม้มเคลื่อนไล้ซุกไซ้ซอกคอระหงไล้มายังเนินอกอวบอูม กายสาวของนางเคลื่อนไหวบิดเร่าส่ายหนี แต่กลับเป็นการตอบสนองมากกว่าเมื่อกายของซู่หลิงเถียนนั้นแอ่นเด้งเร่าขึ้นหาตัวเขา แม้ว่านางจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็เป็นการตอบสนองที่ให้ความร้อนรุ่มดีเหลือเกิน “จ้าวซ่านล่ะ...ท่าน อ่า...อื้อ” เสียงครางกระเส่าหวามไปกับสัมผัสหวามแปลกใหม่ที่อ๋องใหญ่กำลังยัดเยียดให้เธอ มันทำให้ร้อนวูบไหวในอกและท้องน้อย อยากจะผลักไสเขาออกห่าง แต่ก็ยากเหลือเกิน เรี่ยวแรงที่เคยมีมันหดหายไปไหนหมดเธอก็ไม่รู้ “อ่า...เจ้าต้องการข้าแล้วคนงามของข้า อ่า...เ
เมื่อสองกายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน จากความเจ็บปวดที่ท่อนเนื้อมังกรหยกของอ๋องใหญ่สอดแทรกกรีดกรายเข้าไปในกายสาวคับแน่นไร้เดียงสาของซู่หลิงเถียนเปลี่ยนเป็นความปรารถนาซ่านสุขแทนในตอนนี้ และนางก็ปล่อยตัวเองไปกับการชักนำของคนเหนือร่าง จ้าวซ่านลู่ใจเต้นแรงและหัวใจของนางในดวงใจก็เต้นแรงไม่ต่างกัน เสียงหอบหายใจดังถี่สลับกันขึ้นลงของทั้งสองพร้อมเสียงกายเนื้อดังกระทบกระทั่งกันหนักหน่วงเป็นจังหวะสอดกระแทกลึกในกายของแม่นางคนงามทำให้เขาอิ่มเอมในอกจนระบายยิ้มตลอดการเคลื่อนไหวโยกเร่าบดเอวสอบ “อ่า...ชายาข้า อ่า...” พั่บ! พั่บ! พั่บ! ร่างบางขยับพลิกตัวไปมาบนเตียงขับไล่ความปวดเมื่อยของร่างกายพร้อมกับขยับตัวจะลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องสูดปากเจ็บตรงกลางหว่างขาของตัวเองจนต้องเบิกตากว้างตื่นเต็มตาเมื่อภาพเมื่อคืนไหลย้อนเข้ามาในหัว เธอร้องกรี๊ดลั่นตำหนักทันที กรี๊ด! “พระชายาเป็นอะไรรึเจ้าคะ” สาวใช้คนสนิทรีบวิ่งเข้ามาหาทันทีเมื่อนายของตัวเองร้องลั่นห้อง “จ้าวซ่านลู่อยู่ไหนหมิงเหนียน” เธอถามหาตัวต้นเหตุทันที “ท่านอ๋องใหญ่ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ในวัง
สองเดือนที่อยู่ที่นี่และอยู่ในตำแหน่งพระชายาของอ๋องใหญ่ ชีวิตเหมือนเรียบง่าย แต่ไม่เลยสักนิด ทุกวันต้องคอยรับมือกับสนมเผยเผย แม้ว่าจ้าวซ่านลู่จะไม่สนใจนาง ไม่ไปค้างกับนาง ไม่เรียกหานาง แต่ก็ยังไม่อาจไว้ใจได้ เพราะขึ้นชื่อว่าผู้ชายไม่มีทางจะรักเดียวใจเดียวได้ และเขาก็ตามติดเธอจนแทบจะหายใจไม่ออก ยามอ๋องเล็กมาก็ชอบพูดขัดตลอด แต่เธอก็ชอบที่เขาหึงหวงเธอกับน้องชายของเขา “หมิงเหนียนถูหลังให้ขาหน่อย” ซู่หลิงเถียนบอกสาวรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังให้ถูหลังให้ตัวเอง ตอนนี้เธอนั่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำไม้ขนาดใหญ่ในห้องอาบน้ำที่โรยไปด้วยดอกไม้กลิ่นหอม “อือ...นั่นแหละหมิงเหนียน เจ้าดูแลข้าดีจนข้าไม่อยากกลับไปโลกของข้าแล้วนะเนี่ย” ซู่หลิงเถียนพึมพำพร้อมกับยกมือตีน้ำเล่นเมื่อเข้าใจว่าคนที่ถูหลังให้ตัวเองตอนนี้คือหมิงเหนียน “ถูแรงอีกนิดหมิงเหนียน นั่นแหละ ดีมากเลย พรุ่งนี้เราไปตลาดกันไหม ข้าอยากไป คืนนี้ข้าจะขอจ้าวซ่านลู่ให้เขาอนุญาตเราให้ออกไปข้างนอก” เธอพูดพร้อมกับแหงนหน้าเอี้ยวหันมาหาคนข้างหลัง แต่แล้วก็ต้องอ้าปากค้างตาโตเมื่อคนที่ถูหลังให้ไม่ใช่หมิงเหนียน
จวนสิบสี่เต็มไปด้วยความหวาน เมื่อเจ้าของจวนนั้นเต็มไปด้วยความรัก ตอนนี้อ๋องใหญ่นั่งเท้าคางมองดูพระชายาที่กำลังนั่งฝนหมึกให้ตัวเองอยู่ มีนางอยู่ด้วยแล้วเขาจักมีจิตใจทำงานได้อย่างไรเล่า ก็นางคอยส่งยิ้มให้ตลอดยามที่สบตากับเขา “ลู่ลู่ ท่านไม่เขียนต่อแล้วรึ” นางหยุดฝนหมึกถามพระสวามี “ข้าอยากมองเจ้านานๆ” “ก็มองทุกวัน รีบเขียนเถอะ เดี๋ยวต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้แล้วไม่ใช่เหรอ” “ข้าไม่อยากไปเลยยอดดวงใจข้า” มือที่จับพู่กันอยู่ก็ปล่อยวางลงพร้อมยื่นไปจับคางมนของซู่หลิงเถียนแล้วเคลื่อนตัวไปใกล้ชิดพร้อมเชยคางมนเล็กให้เงยขึ้นแล้วโน้มลงมาจูบอ่อนโอน “อื้อ...ท่านน่ะ เดี๋ยวเสี่ยวถังกับหมิงเหนียนมาเห็นเข้าหรอก” “ข้าสั่งแล้ว ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก ข้าว่า...” “อย่าคิดเชียวนะ” “ข้าคิดอะไร ข้าก็แค่จะชวนเจ้าออกไปเดินเล่นในสวน หรือว่าเจ้าคิดว่า...” “คิดว่าไปเดินเล่นนั่นแหละ ข้าถามท่านได้ไหมลู่ลู่” “เจ้าจะถามอะไรข้าเถียนเถียน” “ท่านรักข้าจริงๆ เหรอ” “ถ้าข้าไม่รักเจ้าจะให้รักใครเล่าเถียนเถียน แล้วเจ้
แม้หมอที่เก่งทั่วแคว้นหยวนที่มาดูอาการของซู่หลิงเถียน แต่ละคนก็ส่ายหน้าบอกว่าพิษได้วิ่งเข้าสู่หัวใจและกระแสเลือดแล้วช่วยไม่ทันแล้ว อ๋องใหญ่ได้แต่นอนกอดร่างที่นอนหายใจรวยรินของพระชายาอยู่บนเตียง และไม่ลืมสั่งให้เสี่ยวถังนำตัวพระสนมเผยเผยและฉู่ผิงไปสังหาร อย่าให้ได้มีลมหายใจให้เขาได้เห็นอีก “ตื่นมาเถิดเถียนเถียนของข้า ตื่นมาคุยกับข้าเถียนเถียน ข้าลู่ลู่ของเจ้าอยู่นี่แล้ว” จ้าวซ่านลู่ดึงมือเล็กซีดเซียวขึ้นมาจูบพร้อมดึงรั้งร่างเธอเข้ามากอดแนบแน่น แล้วก็เห็นปิ่นปักผมที่ซ่อนไว้ที่เอวเล็กของเธอ เขาจึงจับมาดู แค่ก! แค่ก! แค่ก! เธอไอพร้อมกับลืมตาที่หนักอึ้งขึ้นมา “ละ...ลู่” เสียงแผ่วเบาดังขึ้น แต่ก็ทำให้เขาได้ยินชัดว่านางเรียกตน “ข้าอยู่นี่เถียนเถียน ข้าอยู่นี่ดวงใจข้า” “แค่ก! แค่ก! ลู่ลู่ ข้าซื้อปิ่นให้ท่าน” น้ำเสียงแผ่วระรินเหนื่อยหอบ “ข้าเห็นแล้ว สวยมากยอดดวงใจข้า อย่าจากข้าไปยอดสวาทของข้า” มือใหญ่จับหน้าของเธอพร้อมแนบหน้าตัวเองไปกับหน้าที่เริ่มเย็นและซีดกว่าเดิมของเธอ “ข้าอยากบอกว่าข้าดีใจ...แค่ก! ดะ...ดีใจที่
บ่นแล้วก็หยิบกระเป๋าเดินออกจากร้านไป ส่วนเจ้าของร้านก็มองดูออเดอร์แล้วรีบไปชงลาเต้ร้อนให้ลูกค้าทันที พร้อมกับหยิบคุกกี้จัดใส่จานให้ลูกค้าด้วย แม้ไม่ได้สั่ง แต่เธอก็อยากแถมให้ “กาแฟค่ะ” “ขอบคุณค่ะ” น้ำเสียงทุ้มสุภาพดังขึ้นพร้อมกับหันมามองทางซู่หลิงเถียนและสายตาของทั้งสองก็สบประสานกัน “ลู่ลู่” ถาดในมือตกลงกระทบพื้นพร้อมกับโถมกายเข้ากอดชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้าทันที ส่วนคนที่ถูกจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวก็นิ่งเกร็ง “ลู่ลู่...ฮือๆๆ ฉันคิดถึงคุณเหลือเกิน ฮือๆ” แล้วเสียงสะอื้นไห้ก็ดังตามมาพร้อมกับผลักเขาออกห่างแล้วจูบหอมแก้มของชายหนุ่มแรงๆ “หยุดก่อนครับ หยุดก่อน”เขาดันหน้าเธอออกห่างเมื่อตอนนี้เขางงไปหมดแล้ว และแปลกใจที่เธอรู้จักชื่อเล่นของเขา และยิ่งงงคือเธอมาบอกรักและมาจูบเขาแบบนี้อีก “ลู่ลู่ คุณจำฉันไม่ได้เหรอ เถียนเถียนของคุณไง ฮือๆๆ” เขาส่ายหน้าตอบเธอพร้อมกับพูดตอบ “ฟังผมนะครับ ผมไม่รู้หรอกนะ คุณรู้จักชื่อเล่นผมได้ยังไง และเราเคยรู้จักกันตอนไหน เท่าที่รู้เราเพิ่งเจอกันเองนะครับ” จ้าวซ่านลู่บอกอย่างสุภาพ ฮือๆๆๆ
เมื่อบ้านเมืองสงบ หน้าด่านนอกก็สงบ ตอนนี้ชู่เอ๋อก็ตั้งครรภ์ได้สามเดือน และท่านหญิงหมิงเทียนก็เช่นกัน ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันนับตั้งแต่นั้นมา ท่านหญิงหมิงเทียนก็แวะเวียนมาที่จวนอ๋องตู้บ่อยๆ “ท่านอ๋องตู้” ชู่เอ๋อเอ่ยเรียกพระสวามีที่เพิ่งกลับมาจากด่านหน้าเมือง และคล้อยหลังตู้เหลียงเฉิงก็คือบิดาของนาง “ท่านพ่อ” “ชู่เอ๋อเป็นอย่างไรบ้าง ท่านอ๋องตู้บอกว่าเจ้าแพ้ท้องยังมิหาย” ชู่เว่ยเอ่ยถามบุตรสาวที่ตอนนี้อวบอิ่มกว่าแต่ก่อนเพราะเจ้าตัวเล็กในครรภ์ “ก็เพลียเจ้าค่ะท่านพ่อ กินอะไรก็อาเจียน” นางเอ่ยตอบบิดาของนางที่เดินมานั่งเก้าอี้ข้างๆ นาง “ก็อย่างที่ท่านอาจารย์เห็นนั่นแหละ ข้าล่ะสงสารชู่เอ๋อที่ต้องมาลำบากเพราะลูกของข้า หากเป็นไปได้ข้าอยากแพ้ท้องแทนนาง” ตู้เหลียงเฉิงเอ่ย “ท่านอ๋องตู้ก็...มิลำบากหรอกเพคะ หม่อมฉันทนได้
“ชู่เอ๋อ”ตู้เหลียงเฉิงรีบวิ่งไปหาพระชายาที่นั่งคุกเข่ากับพื้นทันที พร้อมกับผลักทหารสองนายที่ยืนขนาบข้างนางออก “ชู่เอ๋อ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้” อ๋องหนุ่มรีบแก้มัดที่มือและผ้าที่ปิดปากนางออกอย่างรวดเร็ว “ข้าจะไม่ทำโทษพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าทำตามคำสั่งของท่านหญิง ไสหัวไปซะ ก่อนที่ข้าจะตัดหัวพวกเจ้า” เมื่อให้อิสระแม่ยอดดวงใจแล้วเขาก็หันมาตวาดเสียงแข็งใส่ทหาร และทหารทั้งสองก็รีบไปอย่างรวดเร็วด้วยรู้ดีว่าท่านอ๋องตู้เป็นคนเลือดเย็น “ท่านอ๋องตู้” ชู่เอ๋อโอบกอดชายคนรักแน่น “ปลอดภัยแล้ว ต่อจากนี้เราจะอยู่ด้วยกัน จักไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีกชู่เอ๋อของพี่” เขาดันนางออกห่างพร้อมพรมจูบดวงหน้างามแล้วมาหยุดที่แก้มนวลเนียนที่ฟกช้ำ “ใครทำเจ้าชายาข้า” “หม่อมฉันโดนท่านหญิงหมิงเทียนตบเพคะ” นางตอบเสีย
ภาพที่ตู้เหลียงเฉิงตวัดดาบตัดหัวของมู่เหลียงเฉิงทำให้หลิงหลิงสาวใช้ของท่านหญิงหมิงเทียนแทบก้าวขาไม่ออก ความโหดเหี้ยมของท่านอ๋องตู้นั้นสังหารพี่ชายเพียงดาบเดียว หลิงหลิงก้าวเท้าออกมาจากที่ซ่อนของตัวเองเดินเข้าไปหาท่านอ๋องตู้ที่กำลังจะเดินไปทางม้าของท่านอ๋อง “เจ้าหลิงหลิง คนของท่านหญิงหมิงเทียนนี่” เขามองไปทางคนที่เดินตัวสั่นมาทางตนเองพร้อมเอ่ยถาม “เพคะท่านอ๋องตู้ หม่อมฉันมาส่งข่าวเพคะ” “ข่าวอะไรของเจ้า” “ท่านหญิงหมิงเทียนให้หม่อมฉันมาทูลท่านอ๋องตู้ว่าตอนนี้พระชายาชู่เอ๋อนั้นอยู่กับท่านหญิงที่ตำหนักเพคะ” นางเอ่ยเสียงสั่นเบาในลำคอ “ขอบใจเจ้าที่มาบอกข้า หากเจ้าไม่มาบอก ข้าคงตามหาพระชายาแบบไร้จุดหมาย” น้ำเสียงเข้มห้าวเอ่ยพร้อมกับเหวี่ยงตัวโหนขึ้นหลังม้า “ฟ่านตง เจ้าเข้าไปในวังหลวงก่อน เราจะไปหาพ
ฮือ!เสียงหอบเหนื่อยของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกับสองเท้าหยุดวิ่งเมื่อคิดว่าหนีมาไกลจนปลอดภัยแล้ว แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตัวเกร็งเมื่อมีดาบยื่นมาจากด้านหลังจ่อที่ลำคอของนาง“คิดเหรอว่าจะหนีรอด หากไม่มีเจ้า ท่านพี่อ๋องตู้ก็คงเลือกข้าเป็นพระชายา” เสียงเล็กแหลมดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับเจ้าของต้นเสียงเดินมาหยุดตรงหน้านาง ชู่เอ๋อมองเจ้าของน้ำเสียงเล็กแหลมน่าเกลียดด้วยความเดือดดาล แต่ทำอะไรไม่ได้เมื่อที่คอมีดาบจ่ออยู่“ทหารจับตัวมันไป” ท่านหญิงหมิงเทียนเอ่ยสั่งทหารของตนเองให้จับชู่เอ๋อและหลันหลงพร้อมสั่งมัดมือมัดปากของทั้งสองก่อนจะพาขึ้นรถม้าตัวเอง“อือ...ยัยท่านหญิง อ่ะ...อื้อ” แล้วเสียงชู่เอ๋อก็หลุดหายไปในลำคอเมื่อมีผ้าปิดปากเผียะ!“ตอนนี้ชีวิตของเจ้าอยู่ในกำมือข้า นังชู่เอ๋อ” มือเล็กตวัดตบหน้าของชู่เอ๋อก่อนจะเดินขึ้นรถม้าตัวเองไปแล้วชู่เอ๋อและสาวใช้ก็ถูกทหารของนางลากดึงขึ้นรถม้าตามหลังไป และทันทีที่ทุกคนขึ้นมาบนรถม้าแล้ว รถม้าก็เคลื่อนตัวไปทันที“หลิงหลิง เจ้าไปดักรอที่หน้าจวนอ๋องตู้เพื่อส่งข่
“ลุย!” ตู้เหลียงเฉิงร้องสั่งทหารของตัวเองและเหล่าแม่ทัพของตัวเองให้บุกโจมตีกบฏในยามเช้ามืดเฮ!เสียงทหารและเสียงม้าศึกได้วิ่งควบบุกเข้าโจมตีค่ายของกบฏด้วยความห้าวหาญ เสียงดาบดังกระทบกันหนักหน่วงพร้อมเสียงร้องโหยหวนของกบฏและทหารที่พลาดพลั้งเสียท่าเพล้ง! ฉัวะ! เพล้ง! ฉัวะ! เสียงคมดาบกระทบกระทั่งกันพร้อมเสียงร้องทรมานของผู้เสียท่า“ท่านอ๋องตู้มิต้องห่วงทางนี้ ท่านนำทหารของเราไปในเมืองจับกุมท่านอ๋องมู่เถอะพ่ะย่ะค่ะ” เสียงเข้มทุ้มของแม่ทัพใหญ่ชู่เว่ยเอ่ยดังขึ้น“งั้นทางนี้ข้าฝากท่านอาจารย์ด้วย ข้ากับฟ่านตงจักไปจับท่านอ๋องมู่ก่อนที่ทางนั้นจะไหวตัวทัน”“พ่ะย่ะค่ะ” ชู่เว่ยรับคำแล้วควบม้าไปร่วมต่อสู้กับทหารคนอื่น“ตามข้ามาฟ่านตง และพวกเจ้าด้วย” เสียงเข้มเอ่ยเหี้ยมพร้อมควบม้าวิ่งไปอีกทางทันที โดยมีฟ่านตงและเหล่าทหารศึกควบม้าวิ่งตามเขาไปกุก กุดุดุก กุดุมู่เหลียงเฉิงไม่รู้เลยว่าตอนนี้ค่ายลับของตัวเองได้ถูกตู้เหลียงเฉิงปราบ
ปึก! เสียงประตูปิดแนบสนิทพร้อมกับเพลิงกามสวาทได้เริ่มบรรเลงขึ้น เมื่อเสื้อผ้าอาภรณ์ของชู่เอ๋อถูกปลดเปลื้องออกด้วยมือของพระสวามี ตู้เหลียงเฉิงปลดเปลื้องอาภรณ์ของนางยอดรักและของตนออกทิ้งแล้วอุ้มนางไปยังเตียงนอนนุ่มที่อยู่ห่างจากหน้าประตูมิไกลนัก “อ่ะ...อื้อ ท่านอ๋องตู้ ท่าน...อ่า...ท่านกำลังแกล้งหม่อมฉันใช่รึไม่เพคะ” ตอนนี้ชู่เอ๋อรู้แล้วว่าแท้จริงแล้วพระสวามีหาได้เกรี้ยวโกรธตัวเองไม่ “หึหึ...ข้าแกล้งอันใดเจ้ายอดรักของข้า” ปากหนาที่เคลื่อนไล้จูบขบเม้มลำคอระหงผละออกมาเอ่ยถามนางในดวงใจ “ก่อนหน้านี้ท่านมิได้โกรธหม่อมฉันใช่รึไม่เพคะ” หึหึ เขาทำเพียงขำตอบ และนั่นก็ยิ่งทำให้ชู่เอ๋อรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อโดนอ๋องตู้ร้อยเล่ห์หลอกอีกครั้ง “ท่านมันคนร้อยเล่ห์”&nbs
ชู่เอ๋อที่กำลังนั่งอ่านจดหมายฉบับเก่าๆ วนไปวนมาด้วยความคิดถึงเจ้าของจดหมาย และวันนี้นางก็เฝ้ารอม้าเร็วมาส่งจดหมายของพระสวามี แต่ชะเง้อคอมองประตูของจวน มองแล้วมองอีกก็ยังคงเงียบไม่มีวี่แววว่าจะมีผู้ใดมาเยือนจวนสักคน“คุณหนูไปกินข้าวกันเถอะเจ้าค่ะ หลันหลงเตรียมมื้อเช้าเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” หลันหลงเห็นคุณหนูตัวเองตื่นเช้ามารอจดหมายรักจากท่านอ๋องตู้ก็นึกสงสาร เพราะนี่ก็เริ่มสายแล้ว แต่ม้าเร็วยังมินำจดหมายมาส่งสักที“เราไม่หิวหลันหลง เจ้าไปกินเถอะ ไม่ต้องห่วงข้า”“แต่...”“ไม่มีแต่ ไปเถอะหลันหลง ข้าจะนั่งอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน”“เจ้าค่ะ งั้นหลันหลงไปนำขนมและน้ำชามาให้คุณหนูนะเจ้าคะ”“อือ...ไปเถอะหลันหลง”นางตอบโดยมิสนใจจะมองสาวใช้ นางหยิบจดหมายฉบับเมื่อวานขึ้นมาอ่านวนซ้ำอีก และตั้งแต่เช้าก็อ่านหลายรอบแล้ว อ่านจนจำเนื้อความในจดหมายได้ขึ้นใจ ด้านหลันหลงมองคุณหนูของตัวเองแล้วก็เดินไปจัดเตรียมขนมน้ำชามาให้คุณหนูเฮ้อ!ผ่านไปนานจนแน่ใจแล้วว่าวันนี้ไม่มีจดหมายจากตู้เหลียงเฉิงแน่นอน นางก็ลุ
“เจ้ามาหาข้าเองชายาข้า จะวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ เจ้าก็เป็นของข้าอยู่ดีท่านหญิง มิมีใครมาแย่งเจ้าไปจากข้าได้หรอกทูนหัว อ่ะ...อื้อ” พูดจบเขาก็รั้งท้ายทอยเล็กให้แหงนเงยขึ้นพร้อมทาบทับประกบริมฝีปากหนาบดจูบคลอเคลียกลีบปากอวบฉ่ำสีระเรื่อ“อ่ะ...อื้อ” ริมฝีปากหนาบดเร่าดูดกลืนกลีบปากอ่อนนุ่มของท่านหญิง พร้อมกับมือใหญ่สากกร้านจากการทำศึกจับดาบก็ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของหญิงงามในดวงใจไปด้วย“อ่ะ...อ่อย” แข้งขาของท่านหญิงอ่อนระทวยแทบจะยืนทรงตัวอยู่มิไหวจนต้องจับไหล่หนารั้งร่างตัวเองไว้ เพลานี้นางไม่อาจต่อต้านได้เลย นางทำตัวไม่ถูก และนางก็เกลียดตัวเองยิ่งนักที่เผลอแอ่นเด้งตัวเสียดสีไปกับร่างใหญ่ของมู่เหลียงเฉิง และร้องครางเผลอไผลไปกับจูบน่ารังเกียจ“อ่า...เห็นรึไม่ว่าเจ้าตอบสนองข้าดีแค่ไหนท่านหญิง” ปากหนาผละจูบออกมาเอ่ยเย้ยหยันพร้อมกับช้อนอุ้มนางเดินไปยังเก้าอี้ตัวที่นั่งก่อนหน้านี้แล้วดันร่างน้อยเพรียวระหงของท่านหญิงให้นั่งไปกับเก้าอี้“หม่อมฉันเกลียดท่านอ๋องมู่”“ข้ารู้ว่าในใจเจ้ามีเพียงไอ้อ๋องตู้ แต่เพลานี้ร่างกายของเจ้าเป็นของพี่คนเดียวท่านหญิง” เขาตอบสวนกลับพ
ไม่เคยต้องแยกห่างกันเช่นนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ตู้เหลียงเฉิงต้องแยกห่างจากพระชายายอดรักของตนเอง เพราะหน้าที่และความปลอดภัยของนางและของทุกคนในแคว้นเฉิง เขาจึงจำเป็นต้องไปอยู่ที่ค่ายทหาร จนกว่าจะปราบกลุ่มกบฏของมู่เหลียงเฉิงได้ “คิดถึงข้าบ้างนะดวงใจข้า” มือใหญ่สากกร้านลูบไล้แก้มนวลเนียนของพระชายาคนงามที่เดินมาส่งตนเองหน้าจวนอย่างอ้อยอิ่ง “หม่อมฉันจะคิดถึงท่านอ๋องตู้เพคะ” นางตอบอย่างใสซื่อพร้อมแหงนเงยหน้าขึ้นสบตาร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า และตู้เหลียงเฉิงก็อดจะโน้มหน้าลงมาทาบทับริมฝีปากหนากับริมฝีปากอวบอิ่มแสนหวานของนางในดวงใจเสียมิได้ “อ่ะ...อื้อ” เหล่าทหาร สาวใช้ต่างพากันก้มหน้ามองเท้าตัวเองเมื่อนายกำลังสั่งลากันด้วยจูบดูดดื่ม “ท่านอ๋องตู้” นางทุบตีอกของพระสวามีไม่จริงจังนักเมื่ออีกฝ่ายผละจูบออกห่าง “ก็ข้าคิดถึงเจ้านี่ชู่เอ๋อ ไม่รู้ว่าไปคราวนี้จะได้