ซู่หลิงเถียนนั่งเท้าคางตัวเองที่สวนของจวนสิบสี่ ช่างเหมือนในละครโบราณเหลือเกิน ทุกอย่างสวยงาม ไม่อยากจะเชื่อว่าจะหลุดมาอยู่ในมิติอดีตได้สามสัปดาห์แล้ว ตอนนี้จะว่าไปเธอก็ปรับตัวเป็นคนโบราณไปเต็มตัวแล้วก็ว่าได้
“คุณหนู ท่านอ๋องใหญ่มาเจ้าค่ะ” นี่คือเสียงของหมิงเหนียน สาวใช้คู่ใจที่จ้าวซ่านลู่ให้มาดูแลติดตามเธอจนตอนนี้สนิทสนมกันและเป็นเพื่อนคนเดียวของเธอก็ว่าได้
“อือ...ข้ารู้แล้ว”
ปากบอกรู้ แต่ก็ไม่สนใจคนที่มานั่งลงตรงข้ามตัวเองตรงหน้ากลับหยิบกล้วยที่ถาดตรงหน้ามาปอกกินไม่สนใจแล้วก็มองไปทางอื่น ก็อ๋องใหญ่ที่ทุกคนนับถือน่ะตัวดีเลย ชีวิตของเธอมันวุ่นวายเพราะเขา ตอนกลางคืนเขาก็คอยจ้องแต่จะเอาเปรียบตลอด ไหนจะสนมของเขาอีก ที่มาคอยหาเรื่องเธอแทบจะวันเว้นวัน
“หมิงเหนียนบอกว่าเจ้าไม่ยอมกินข้าวเช้า” อ๋องใหญ่ถามคนที่สนใจกล้วยในมือมากกว่าตัวเองที่นั่งตรงหน้าของนาง
“ก็ข้าไม่หิว” เธอตอบสั้นๆ
“ไม่หิวก็ต้องกิน ช่วงนี้เจ้าซูบผอมมากเถียนเถียน”
“ก็ข้าไดเอท” เธอตอบแล้ววางกล้วยที่กินยังไม่หมดลงที่เดิม
“ไดเอทคืออะไร?” จ้าวซ่านลู่ถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้สักอย่างจะได้ไหม ว่าแต่ท่านเถอะจ้าวซ่านลู่ ท่านมีธุระอะไรกับข้า เจอกันทุกวันไม่เบื่อรึไงหึ” เธอกระชากเสียงถามเขา
“ไม่เบื่อ ก็ข้าชอบที่จะได้อยู่ใกล้เจ้า แล้วเจ้าล่ะ เบื่อรึที่เห็นหน้าข้าทุกวัน” ชอบที่นางเรียกชื่อเขาไม่ได้เรียกเขาเหมือนคนอื่น
“ใช่ เบื่อมาก รำคาญมากด้วย และข้าขอแยกห้องนอนกับท่านได้รึไหม”
“ไม่ได้ เจ้าต้องอยู่ห้องเดียวกับข้า”
“แต่ข้าไม่อยากอยู่กับท่าน หมิงเหนียนเรากลับห้องกันเถอะ ข้าอยากพักผ่อนแล้ว” ว่าจบก็ลุกขึ้นเดินหนีทันที ส่วนหมิงเหนียนก็ได้แต่ย่อตัวทำความเคารพท่านอ๋องแล้วรีบเดินตามคุณหนูตัวเองไป
“ท่านอ๋องขอรับ” เสี่ยวถังที่อยู่ด้วยเอ่ยขึ้นเมื่อเหลือกันสองนายบ่าว
“เจ้ามีอะไรเสี่ยวถัง”
“เรื่องอ๋องเล็กขอรับ”
“รายงานมา และคนที่ลอบเข้ามาในจวนข้า ตอนนี้เจ้าจับได้แล้วรึยัง” เมื่อสองวันก่อนมีผู้ไม่ได้รับเชิญบุกรุกมาจวนสิบสี่ในยามวิกาล และโชคดีที่ตอนนั้นซู่หลิงเถียนนอนหลับไปแล้ว ตอนนี้เขากลัวแต่แม่นางคนงามจะเป็นอันตราย เพราะข่าวเรื่องที่เขารับหญิงแปลกหน้าไร้ที่มาที่ไปได้แพร่ไปทั่วเมืองแล้ว และเรื่องนี้ก็รู้ถึงเสด็จพ่อของเขาจนต้องเรียกเขาเข้าพบด่วนเมื่อตอนเช้า
“ยังขอรับ”
“ปัง! ไม่ได้เรื่อง!” เขาตบโต๊ะตรงหน้าด้วยความโกรธเมื่อเสี่ยวถังทำงานช้ากว่าทุกครั้ง
“เสี่ยวถังจะรีบตามสืบให้เร็วที่สุดขอรับท่านอ๋องใหญ่”
“อือ...และไปตามพ่อบ้านหลี่มาพบข้าด้วย ข้าจะให้จัดงานมงคล เพราะข้าได้ทูลกับเสด็จพ่อแล้วว่าข้าจะแต่งพระชายาเข้าจวน” เขาบอกสั่งทหารคู่ใจ
“ขอรับ ว่าแต่ท่านอ๋องใหญ่จะแต่งตั้งแม่คุณหนูเถียนเถียนเป็นพระชายาจริงรึขอรับ”
“ถ้าไม่ใช่นางจะเป็นใครได้เล่า ไปจัดการตามที่ข้าสั่งได้แล้ว”
“ขอรับ” เขารับคำและคำนับแล้วเดินถอยออกไปเพื่อไปทำตามคำสั่งของท่านอ๋องที่เคารพของตัวเอง
“อยากรู้นักว่าเจ้าจะดื้อไปได้อีกแค่ไหนเถียนเถียน อีกไม่นานเจ้าจะเป็นของข้าแล้ว” มือใหญ่ยกขึ้นลูบสันกรามแกร่งตัวเองไปมาพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเมื่อนึกถึงหน้าของแม่นางคนงามที่แสนดื้อรั้นของตนเอง
ข้ามมิติมาแต่งงานที่แท้จริง ตอนนี้ซู่หลิงเถียนนั่งอยู่บนเตียงมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ตอนนี้เธอนั่งรออ๋องใหญ่ เจ้าบ่าวของเธอเข้ามาในห้องเพื่อมาเปิดผ้าคลุมให้ตัวเอง หัวใจของสาวยุคสองพันยี่สิบเต้นรัวๆ ตื่นเต้นและสับสนไปหมดในตอนนี้ เธอบอกไม่ถูกว่าทำไมต้องยอมขนาดนี้ ยอมให้เขาบังคับจับแต่งงาน แม้จะได้ตำแหน่งชายา แต่สนมของเขาล่ะ เธอไม่ต้องการเป็นที่หนึ่ง แต่เธอต้องการเป็นรักเดียวและภรรยาคนเดียวของสามี เกลียดนักคนเจ้าชู้มักมากอย่างจ้าวซ่านลู่
“หมิงเหนียน เจ้าอยู่กับข้าก่อนนะ อย่าเพิ่งออกไป” มือเล็กคว้ามือสาวรับใช้ที่ยืนข้างๆ มากุมไว้
“เจ้าค่ะคุณหนู”
“หมิงเหนียน ถ้าข้าหนีไปตอนนี้จะเป็นอะไรไหม” เธอลองถามหมิงเหนียนดู
“คุณหนูท่านพูดอะไรออกมา อย่าคิดแบบนั้นเชียวนะเจ้าคะ ท่านอ๋องใหญ่ใจดีกับคุณหนูก็จริง แต่กับพวกบ่าว ท่านอ๋องใหญ่ไม่ได้ใจดีด้วยเลย สงสารหมิงเหนียนเถอะนะเจ้าคะ หมิงเหนียนยังไม่อยากตาย”
“เจ้าก็พูดไปได้ ข้าก็แค่พูดเล่นแค่นั้นเอง อีกอย่างถ้าหนีไป ข้าก็ไม่รู้จะหนีไปไหนเหมือนกัน เพราะชีวิตข้าตั้งแต่มาที่นี่ก็อยู่แต่ในจวนสิบสี่ ไม่เคยออกไปข้างนอกเลยสักครั้ง” พูดแล้วก็เบื่อหน่ายชีวิตต้องมาติดที่ยุคโบราณแบบนี้
“คุณหนูลองขอท่านอ๋องใหญ่ดูสิเจ้าคะ”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยขอออกไปข้างนอก ไปเดินตลาดนะหมิงเหนียน ข้าขอแล้ว แต่จ้าวซ่านลู่ให้ข้าไปได้ที่ไหนกันล่ะ เนี่ยก็บังคับให้ข้าแต่งงานด้วย บังคับให้ข้าเป็นพระชายา บังคับนั่นนี่จนข้าอึดอัดและรำคาญไปหมดแล้วตอนนี้”
“เจ้าอึดอัดขนาดนั้นเลยรึเถียนเถียน” หมิงเหนียนไม่ได้ตอบ แต่เป็นเสียงทุ้มเข้มของคนที่กำลังถูกนินทาดังแทรกขึ้นมา
“ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ ท่านอ๋องใหญ่มาแล้ว” หมิงเหนียนดึงมือตัวเองออกจากมือเจ้านายสาวแล้วย่อตัวทำความเคารพทั้งสอง ก่อนจะเดินหายไปเงียบๆ จากห้อง
“หมิงเหนียนนะหมิงเหนียน” ซู่หลิงเถียนบ่นให้สาวใช้ส่วนตัวพร้อมกับถามคนที่เดินมานั่งข้างๆ ตัวเอง เพราะเธอรับรู้ได้ถึงแรงไหวยวบของพื้นที่ข้างๆ
“ท่านบังคับข้าจนข้าอึดอัด และข้าก็ไม่ได้อยากแต่งงานเป็นพระชายาของท่านสักหน่อย”
“แล้วเจ้าจะไปเป็นของใครได้ถ้าไม่ใช่ของข้า เจ้ามาเพื่อเป็นของข้าเถียนเถียน” เขาพูดพร้อมกับเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงออกให้อีกฝ่าย “ไม่เป็นของใครทั้งนั้น ไม่ว่าของเจ้าหรือของใคร ข้าก็ไม่เป็นทั้งนั้น” หึหึ “แต่ตอนนี้เจ้าเป็นของข้าแล้วเถียนเถียน เจ้าแต่งงานกับข้าแล้ว” “ท่านบังคับ” “ถ้าเจ้าดื้อไม่ยอม ข้าก็ไม่บังคับ แต่เจ้าก็ยินยอมพร้อมใจแต่งงานเองมิใช่รึ” อ๋องใหญ่เอ่ยเมื่อนึกถึงหลายวันก่อนที่เขาบอกสาวงามที่ตรึงใจตั้งแต่แรกเห็นในกระจกจนตอนนี้มากุมหัวใจที่แข็งกระด้างของเขาไปเสียแล้ว หากนางดื้อไม่ยอม เขาก็จะไม่บังคับ แต่นางยอม แถมไม่โวยวายด้วย “ก็วันนั้นข้าคิดว่าท่านพูดเล่นกับข้า ใครจะคิดว่าวันนี้จะได้แต่งงานจริงๆ ข้ายังไม่อยากแต่งงาน” “แต่ตอนนี้ก็แต่งแล้ว และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เราต้องทำมันด้วยกันแล้วนะเจ้า” “ข้าไม่พร้อม” “แต่ข้าพร้อม เจ้าก็รู้มิใช่รึว่าข้าต้องการเจ้ามากแค่ไหน นอนหลับบนเตียงด้วยกันทุกค่ำคืนแต่ไม่อาจแตะต้องได้ ข้าทรมานมากแค่ไหน เจ้ารู้รึไม่”น้ำเสียงแววตาของเขาที่จดจ้องมายังซู่หลิงเถียนนั้นแสดงคว
ซู่หลิงเถียน หรือเถียนเถียน วัย 20 ปี ได้กระจกเก่าแก่แกะสลักลวดลายสวยงามมาเป็นมรดกจากพ่อและแม่ที่เสียไปเพราะอุบัติเหตุเมื่อสองเดือนก่อน และทรัพย์สมบัติทุกอย่างก็ตกเป็นของเธอ แต่ต้องอยู่คนเดียวบนโลกอันโหดร้ายแห่งนี้ ซู่หลิงเถียนใบหน้าสวยจิ้มลิ้ม ผิวขาวนวลเนียน ดวงตาเล็กเหมือนสาวทั่วไปของเมืองตุนหวง ประเทศจีน งานอดิเรกของซู่หลิงเถียนคือวาดรูปและเปิดร้านคาเฟ่เล็กๆ งานทุกอย่างคือความชอบ ความฝันของเธอ แต่ตอนนี้ความสนุกกับการได้ทำสิ่งที่ชอบเริ่มหายไป เมื่อพ่อกับแม่ที่รักยิ่งได้จากไปแบบไม่มีวันหวนกลับ มือเรียวสวยลูบไล้ไปมาตามขอบกระจกที่ตั้งอยู่ในห้องนอน ยิ่งนับวันกระจกที่ได้มายิ่งทำให้เธอหลงใหลชอบเหมือนมีอะไรสักอย่างซ่อนอยู่ในกระจก เธอเคยได้ยินมาว่ากระจกโบราณเป็นกระจกมาจากคุณทวดของคุณแม่ที่ส่งทอดสืบต่อกันมาและตอนนี้มาตกอยู่ในมือของเธอ เธอจะต้องยกให้ลูกสาวในอนาคต ซึ่งซู่หลิงเถียนมองไม่ออกเลยว่าตัวเองจะยกให้ใครได้ เพราะเธอยังไม่มีแฟนและไม่คิดจะมีด้วย เมื่อเสพลวดลายของกรอบกระจกที่ตั้งอยู่จนพอใจแล้ว เธอก็เดินหน้าเศร้าไปยังห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำ วันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์
ร่างเล็กขยับพลิกตัวไล่ความขี้เกียจในยามเช้าเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับปรับระดับการมองเห็นของสายตาให้คุ้นชินกับความสว่างในยามเช้า เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวของตัวเองเปลี่ยนไปแล้ว ส่วนคนที่นอนร่วมเตียงเดียวกับหญิงสาวก็ตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว และก็ตกใจมากเมื่อตื่นขึ้นมาก็มีหญิงสาวที่เจอในกระจกเมื่อคืนมานอนอิงแอบซุกอกตัวเอง จ้าวซ่านลู่มองสำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มและเสื้อผ้าที่นางแต่งแล้วก็เกิดความสงสัย และที่สำคัญนางมาได้ยังไงกัน แล้วนางมาจากไหน แต่จะมาจากไหนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญตอนนี้คือเขาชอบแม่นางคนนี้แล้วสิ ปากนิด จมูกหน่อย ผิวแก้มนวลเนียนสีระเรื่อเหมือนลูกท้อมิมีผิดเพี้ยน “วันนี้ต้องไปเปิดร้าน” ซู่หลิงเถียนพึมพำกับตัวเองแล้วลุกก้าวลงจากเตียงโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัวของตัวเองที่เปลี่ยนไปเลยสักนิด “เอ๊ะ! กระจกทำไมมาตั้งตรงนี้ แล้วห้องน้ำ แล้ว...ที่นี่ที่ไหนเนี่ย” เธอเพิ่งมองไปรอบๆ ห้องที่ตัวเองตื่นมาในเช้านี้ว่ามันเปลี่ยนไป มันไม่ใช่ห้องของตัวเอง แล้วก็ต้องร้องตกใจอีกครั้งเมื่อมองไปเห็นผู้ชายอยู่บนเต
“อือ ยะ...อย่ามาทำแบบนี้นะ ถ้าไม่ปล่อยจะคุยกันได้ยังไง เป็นถึงอ๋องใหญ่ ใช่ไหม อ๋องใหญ่” “อือ...ข้าเป็นอ๋องใหญ่ จวนสิบสี่ และที่นี่ก็จวนข้า และเจ้าก็มาโผล่ที่นี่ ฉะนั้นต่อไปนี้เจ้าคือของข้า เป็นสมบัติของข้า” ว้าย! “ปล่อยนะ ไอ้อ๋องใหญ่จอมหื่น” ซู่หลิงเถียนดิ้นเมื่อถูกยกอุ้มขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ด้วยความกลัวตกก็กอดรั้งไหล่หนาของเขาไว้ หึหึ อ๋องใหญ่ทำเพียงแค่ยิ้มขำในลำคอแล้วก้าวเดินยาวๆ กลับไปยังเตียงที่นอนก่อนหน้านี้พร้อมกับเหวี่ยงร่างเล็กที่ยกอุ้มลงไปกับเตียง ตุ้บ! “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะจ้าวซ่านลู่” เธอบอกเขาพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นเมื่อตั้งตัวได้ก็มองหาทางเอาตัวรอดอีก แต่พอได้มองสบสายตาดุดันเด็ดเดี่ยวของชายตรงหน้าแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลาย เมื่อรู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองข้ามมาอยู่อีกภพอีกมิติหนึ่งของโลก แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง หรือนี่คือความฝัน เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเคลื่อนตัวไปหาคนที่ยืนอยู่ปลายเตียงแล้วยกมือขึ้นตวัดเต็มแรงใส่หน้าของอีกฝ่าย เผียะ! หน้าอ๋องใหญ่หันไปตามแรงตบแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เขากัดกรามแกร่งแ
“แล้วเจ้าจะไปเป็นของใครได้ถ้าไม่ใช่ของข้า เจ้ามาเพื่อเป็นของข้าเถียนเถียน” เขาพูดพร้อมกับเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงออกให้อีกฝ่าย “ไม่เป็นของใครทั้งนั้น ไม่ว่าของเจ้าหรือของใคร ข้าก็ไม่เป็นทั้งนั้น” หึหึ “แต่ตอนนี้เจ้าเป็นของข้าแล้วเถียนเถียน เจ้าแต่งงานกับข้าแล้ว” “ท่านบังคับ” “ถ้าเจ้าดื้อไม่ยอม ข้าก็ไม่บังคับ แต่เจ้าก็ยินยอมพร้อมใจแต่งงานเองมิใช่รึ” อ๋องใหญ่เอ่ยเมื่อนึกถึงหลายวันก่อนที่เขาบอกสาวงามที่ตรึงใจตั้งแต่แรกเห็นในกระจกจนตอนนี้มากุมหัวใจที่แข็งกระด้างของเขาไปเสียแล้ว หากนางดื้อไม่ยอม เขาก็จะไม่บังคับ แต่นางยอม แถมไม่โวยวายด้วย “ก็วันนั้นข้าคิดว่าท่านพูดเล่นกับข้า ใครจะคิดว่าวันนี้จะได้แต่งงานจริงๆ ข้ายังไม่อยากแต่งงาน” “แต่ตอนนี้ก็แต่งแล้ว และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เราต้องทำมันด้วยกันแล้วนะเจ้า” “ข้าไม่พร้อม” “แต่ข้าพร้อม เจ้าก็รู้มิใช่รึว่าข้าต้องการเจ้ามากแค่ไหน นอนหลับบนเตียงด้วยกันทุกค่ำคืนแต่ไม่อาจแตะต้องได้ ข้าทรมานมากแค่ไหน เจ้ารู้รึไม่”น้ำเสียงแววตาของเขาที่จดจ้องมายังซู่หลิงเถียนนั้นแสดงคว
ซู่หลิงเถียนนั่งเท้าคางตัวเองที่สวนของจวนสิบสี่ ช่างเหมือนในละครโบราณเหลือเกิน ทุกอย่างสวยงาม ไม่อยากจะเชื่อว่าจะหลุดมาอยู่ในมิติอดีตได้สามสัปดาห์แล้ว ตอนนี้จะว่าไปเธอก็ปรับตัวเป็นคนโบราณไปเต็มตัวแล้วก็ว่าได้ “คุณหนู ท่านอ๋องใหญ่มาเจ้าค่ะ” นี่คือเสียงของหมิงเหนียน สาวใช้คู่ใจที่จ้าวซ่านลู่ให้มาดูแลติดตามเธอจนตอนนี้สนิทสนมกันและเป็นเพื่อนคนเดียวของเธอก็ว่าได้ “อือ...ข้ารู้แล้ว”ปากบอกรู้ แต่ก็ไม่สนใจคนที่มานั่งลงตรงข้ามตัวเองตรงหน้ากลับหยิบกล้วยที่ถาดตรงหน้ามาปอกกินไม่สนใจแล้วก็มองไปทางอื่น ก็อ๋องใหญ่ที่ทุกคนนับถือน่ะตัวดีเลย ชีวิตของเธอมันวุ่นวายเพราะเขา ตอนกลางคืนเขาก็คอยจ้องแต่จะเอาเปรียบตลอด ไหนจะสนมของเขาอีก ที่มาคอยหาเรื่องเธอแทบจะวันเว้นวัน “หมิงเหนียนบอกว่าเจ้าไม่ยอมกินข้าวเช้า” อ๋องใหญ่ถามคนที่สนใจกล้วยในมือมากกว่าตัวเองที่นั่งตรงหน้าของนาง “ก็ข้าไม่หิว” เธอตอบสั้นๆ “ไม่หิวก็ต้องกิน ช่วงนี้เจ้าซูบผอมมากเถียนเถียน” “ก็ข้าไดเอท” เธอตอบแล้ววางกล้วยที่กินยังไม่หมดลงที่เดิม “ไดเอทคืออะไร?” จ้าวซ่านลู่ถามอย่างสงสัย
“อือ ยะ...อย่ามาทำแบบนี้นะ ถ้าไม่ปล่อยจะคุยกันได้ยังไง เป็นถึงอ๋องใหญ่ ใช่ไหม อ๋องใหญ่” “อือ...ข้าเป็นอ๋องใหญ่ จวนสิบสี่ และที่นี่ก็จวนข้า และเจ้าก็มาโผล่ที่นี่ ฉะนั้นต่อไปนี้เจ้าคือของข้า เป็นสมบัติของข้า” ว้าย! “ปล่อยนะ ไอ้อ๋องใหญ่จอมหื่น” ซู่หลิงเถียนดิ้นเมื่อถูกยกอุ้มขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ด้วยความกลัวตกก็กอดรั้งไหล่หนาของเขาไว้ หึหึ อ๋องใหญ่ทำเพียงแค่ยิ้มขำในลำคอแล้วก้าวเดินยาวๆ กลับไปยังเตียงที่นอนก่อนหน้านี้พร้อมกับเหวี่ยงร่างเล็กที่ยกอุ้มลงไปกับเตียง ตุ้บ! “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะจ้าวซ่านลู่” เธอบอกเขาพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นเมื่อตั้งตัวได้ก็มองหาทางเอาตัวรอดอีก แต่พอได้มองสบสายตาดุดันเด็ดเดี่ยวของชายตรงหน้าแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลาย เมื่อรู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองข้ามมาอยู่อีกภพอีกมิติหนึ่งของโลก แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง หรือนี่คือความฝัน เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเคลื่อนตัวไปหาคนที่ยืนอยู่ปลายเตียงแล้วยกมือขึ้นตวัดเต็มแรงใส่หน้าของอีกฝ่าย เผียะ! หน้าอ๋องใหญ่หันไปตามแรงตบแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เขากัดกรามแกร่งแ
ร่างเล็กขยับพลิกตัวไล่ความขี้เกียจในยามเช้าเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับปรับระดับการมองเห็นของสายตาให้คุ้นชินกับความสว่างในยามเช้า เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวของตัวเองเปลี่ยนไปแล้ว ส่วนคนที่นอนร่วมเตียงเดียวกับหญิงสาวก็ตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว และก็ตกใจมากเมื่อตื่นขึ้นมาก็มีหญิงสาวที่เจอในกระจกเมื่อคืนมานอนอิงแอบซุกอกตัวเอง จ้าวซ่านลู่มองสำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มและเสื้อผ้าที่นางแต่งแล้วก็เกิดความสงสัย และที่สำคัญนางมาได้ยังไงกัน แล้วนางมาจากไหน แต่จะมาจากไหนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญตอนนี้คือเขาชอบแม่นางคนนี้แล้วสิ ปากนิด จมูกหน่อย ผิวแก้มนวลเนียนสีระเรื่อเหมือนลูกท้อมิมีผิดเพี้ยน “วันนี้ต้องไปเปิดร้าน” ซู่หลิงเถียนพึมพำกับตัวเองแล้วลุกก้าวลงจากเตียงโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัวของตัวเองที่เปลี่ยนไปเลยสักนิด “เอ๊ะ! กระจกทำไมมาตั้งตรงนี้ แล้วห้องน้ำ แล้ว...ที่นี่ที่ไหนเนี่ย” เธอเพิ่งมองไปรอบๆ ห้องที่ตัวเองตื่นมาในเช้านี้ว่ามันเปลี่ยนไป มันไม่ใช่ห้องของตัวเอง แล้วก็ต้องร้องตกใจอีกครั้งเมื่อมองไปเห็นผู้ชายอยู่บนเต
ซู่หลิงเถียน หรือเถียนเถียน วัย 20 ปี ได้กระจกเก่าแก่แกะสลักลวดลายสวยงามมาเป็นมรดกจากพ่อและแม่ที่เสียไปเพราะอุบัติเหตุเมื่อสองเดือนก่อน และทรัพย์สมบัติทุกอย่างก็ตกเป็นของเธอ แต่ต้องอยู่คนเดียวบนโลกอันโหดร้ายแห่งนี้ ซู่หลิงเถียนใบหน้าสวยจิ้มลิ้ม ผิวขาวนวลเนียน ดวงตาเล็กเหมือนสาวทั่วไปของเมืองตุนหวง ประเทศจีน งานอดิเรกของซู่หลิงเถียนคือวาดรูปและเปิดร้านคาเฟ่เล็กๆ งานทุกอย่างคือความชอบ ความฝันของเธอ แต่ตอนนี้ความสนุกกับการได้ทำสิ่งที่ชอบเริ่มหายไป เมื่อพ่อกับแม่ที่รักยิ่งได้จากไปแบบไม่มีวันหวนกลับ มือเรียวสวยลูบไล้ไปมาตามขอบกระจกที่ตั้งอยู่ในห้องนอน ยิ่งนับวันกระจกที่ได้มายิ่งทำให้เธอหลงใหลชอบเหมือนมีอะไรสักอย่างซ่อนอยู่ในกระจก เธอเคยได้ยินมาว่ากระจกโบราณเป็นกระจกมาจากคุณทวดของคุณแม่ที่ส่งทอดสืบต่อกันมาและตอนนี้มาตกอยู่ในมือของเธอ เธอจะต้องยกให้ลูกสาวในอนาคต ซึ่งซู่หลิงเถียนมองไม่ออกเลยว่าตัวเองจะยกให้ใครได้ เพราะเธอยังไม่มีแฟนและไม่คิดจะมีด้วย เมื่อเสพลวดลายของกรอบกระจกที่ตั้งอยู่จนพอใจแล้ว เธอก็เดินหน้าเศร้าไปยังห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำ วันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์