“อือ ยะ...อย่ามาทำแบบนี้นะ ถ้าไม่ปล่อยจะคุยกันได้ยังไง เป็นถึงอ๋องใหญ่ ใช่ไหม อ๋องใหญ่”
“อือ...ข้าเป็นอ๋องใหญ่ จวนสิบสี่ และที่นี่ก็จวนข้า และเจ้าก็มาโผล่ที่นี่ ฉะนั้นต่อไปนี้เจ้าคือของข้า เป็นสมบัติของข้า”
ว้าย!
“ปล่อยนะ ไอ้อ๋องใหญ่จอมหื่น” ซู่หลิงเถียนดิ้นเมื่อถูกยกอุ้มขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ด้วยความกลัวตกก็กอดรั้งไหล่หนาของเขาไว้
หึหึ
อ๋องใหญ่ทำเพียงแค่ยิ้มขำในลำคอแล้วก้าวเดินยาวๆ กลับไปยังเตียงที่นอนก่อนหน้านี้พร้อมกับเหวี่ยงร่างเล็กที่ยกอุ้มลงไปกับเตียง
ตุ้บ!
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะจ้าวซ่านลู่” เธอบอกเขาพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นเมื่อตั้งตัวได้ก็มองหาทางเอาตัวรอดอีก แต่พอได้มองสบสายตาดุดันเด็ดเดี่ยวของชายตรงหน้าแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลาย เมื่อรู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองข้ามมาอยู่อีกภพอีกมิติหนึ่งของโลก แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง หรือนี่คือความฝัน เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเคลื่อนตัวไปหาคนที่ยืนอยู่ปลายเตียงแล้วยกมือขึ้นตวัดเต็มแรงใส่หน้าของอีกฝ่าย
เผียะ!
หน้าอ๋องใหญ่หันไปตามแรงตบแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เขากัดกรามแกร่งแน่นแล้วหันมาเอาเรื่องกับแม่นางแสนงาม แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร นางก็ถามเขาก่อน
“นะ...นายเจ็บไหม”
“เจ็บ” เขาตอบสั้นๆ ส่วนซู่หลิงเถียนก็ไม่ได้ซักถามต่อ เพราะดูสีหน้าแล้วคงเจ็บจริงนั่นแหละ แสดงว่าไม่ได้ฝัน นี่คือความจริง
“แล้วเจ้าตบหน้าข้าทำไมเถียนเถียน”
“ก็ฉันนึกว่าตัวเองฝันเลยตบหน้าท่านดู”
“ฝันงั้นเหรอ เจ้าโง่รึเปล่าเถียนเถียน จะฝันได้ยังไง และเจ้าแทนตัวเองแปลกๆ จนข้างงหมดแล้วว่าเจ้าพูดอะไรกันแน่เถียนเถียน ว่าแต่ตุนหวงของเจ้าอยู่แห่งหนใด อยู่ไกลจากแคว้นหยวนของข้ารึไม่” แม้จะรู้สึกโกรธและขุ่นเคืองที่หญิงงามตบหน้า เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าลงไม้ลงมือกับเขาเลยสักครั้ง แต่ก็เก็บความขุ่นเคืองไว้ในอกเมื่อหน้าตาใสซื่อเหมือนคนหลงทางของซู่หลิงเถียนทำให้เขาโต้ตอบไม่ลง
“ไกลมาก ตอนนี้ฉัน...ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะกลับไปที่นั่นได้ยังไง แต่กระจกนั่น...กระจกนั่นมันเหมือนกระจกที่ห้องของข้าเลย” เธอชี้มือไปยังกระจกที่ตัวเองไปยืนหลบซ่อนอยู่ข้างหลังก่อนหน้านี้
“กระจกนั่นเหรอ ข้าเพิ่งได้มาเมื่อวานนี้ แล้วมันจะเหมือนของเจ้าได้ยังไงเถียนเถียน” อ๋องใหญ่มองตามแล้วก็หันมาถามอย่างสงสัย แล้วก็นึกถึงเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นมา เพราะเขาเองก็เห็นนางในกระจกก่อนที่นางจะมานอนอยู่บนเตียงเขาเหมือนกัน
“จริงๆ นะ มันเหมือนกระจกของฉัน และ...” เธอเงียบไปเมื่อไม่รู้ว่าจะพูดดีไหมว่าเมื่อวานเธอเองก็เห็นเขาสะท้อนในกระจกเหมือนกัน
“เจ้าเงียบทำไมเถียนเถียน” อ๋องใหญ่ถามคนงามตรงหน้าที่ขมวดคิ้วใช้ความคิดอยู่
“คือว่า...”
“ว่าอะไรเถียนเถียน”
“ก็เมื่อวานฉัน ข้าเห็นท่านในกระจกก่อนจะนอน และภาพที่เห็นก็เป็นภาพของท่านกับผู้หญิงคนหนึ่งบนเตียงนี้ และกำลัง...” เธอหยุดพูดก้มหน้าม้วนอาย
“หืม! เจ้าเห็นข้ากับสนมของข้าสินะ” เขารู้เลยว่านางเห็นตัวเองตอนไหน
อือ!
เธอพยักหน้าตอบ แม้ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่น่าจะใช่สนมของเขา
“และรู้อะไรไหมเถียนเถียน เมื่อวานข้าก็เห็นเจ้าในกระจกเหมือนกัน เจ้านอนหลับบนเตียงและในห้องก็ไม่คุ้นตา มันเหมือนไม่ใช่ที่นี่”
“ก็แน่ล่ะ ก็นั่นปัจจุบัน แต่ที่นี่คืออดีต” เธอรีบตอบสวนเขาทันที
“เจ้าพูดอะไร ข้าไม่เข้าใจ”
“ไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ ตอนนี้ฉัน ข้าออกไปจากที่นี่ได้ไหม?”
“เจ้าจะไปไหน และชุดของเจ้าคงไม่เหมาะจะออกไปจากที่นี่แน่ เดี๋ยวข้าจะให้เด็กรับใช้มาดูแลเจ้า และห้ามดื้อห้ามหนี เพราะทหารของข้าจะเฝ้าประตูไว้”
“แล้วท่านจะไปไหนจ้าวซ่านลู่”
“ข้าจะไปพบเสด็จพ่อในวัง”
เขาตอบสั้นๆ แล้วก็เดินจากไปทันที ส่วนซู่หลิงเถียนก็ได้แต่มองตามแผ่นหลังของชายที่เพิ่งรู้จักจนเขาหายลับไปจากการมองเห็น ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วถอนหายใจแรงๆ กลิ้งไปมา ก่อนจะลุกขึ้นไปดูกระจกโบราณอีกครั้ง มันต้องมีอะไรแน่ เพราะเมื่อวานมันมีแสงออกมา และเมื่อวานเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือจะเกิดการหักเหของแสงทำให้เธอฝันแบบนี้ หรือไม่ก็ทะลุมาอีกมิติหนึ่ง
“โอ๊ย! ปวดหัว! อะไรกันเนี่ย เถียนเถียน” เธอยกมือกุมขมับตัวเองพร้อมกับมีคนเดินเข้ามาหา และก็ไม่ต้องเดาอะไร เมื่ออีกฝ่ายเรียกเธอว่า ‘คุณหนู’ คงเป็นคนที่จ้าวซ่านลู่ให้มาดูแลเธอแน่นอน
ซู่หลิงเถียนนั่งเท้าคางตัวเองที่สวนของจวนสิบสี่ ช่างเหมือนในละครโบราณเหลือเกิน ทุกอย่างสวยงาม ไม่อยากจะเชื่อว่าจะหลุดมาอยู่ในมิติอดีตได้สามสัปดาห์แล้ว ตอนนี้จะว่าไปเธอก็ปรับตัวเป็นคนโบราณไปเต็มตัวแล้วก็ว่าได้ “คุณหนู ท่านอ๋องใหญ่มาเจ้าค่ะ” นี่คือเสียงของหมิงเหนียน สาวใช้คู่ใจที่จ้าวซ่านลู่ให้มาดูแลติดตามเธอจนตอนนี้สนิทสนมกันและเป็นเพื่อนคนเดียวของเธอก็ว่าได้ “อือ...ข้ารู้แล้ว”ปากบอกรู้ แต่ก็ไม่สนใจคนที่มานั่งลงตรงข้ามตัวเองตรงหน้ากลับหยิบกล้วยที่ถาดตรงหน้ามาปอกกินไม่สนใจแล้วก็มองไปทางอื่น ก็อ๋องใหญ่ที่ทุกคนนับถือน่ะตัวดีเลย ชีวิตของเธอมันวุ่นวายเพราะเขา ตอนกลางคืนเขาก็คอยจ้องแต่จะเอาเปรียบตลอด ไหนจะสนมของเขาอีก ที่มาคอยหาเรื่องเธอแทบจะวันเว้นวัน “หมิงเหนียนบอกว่าเจ้าไม่ยอมกินข้าวเช้า” อ๋องใหญ่ถามคนที่สนใจกล้วยในมือมากกว่าตัวเองที่นั่งตรงหน้าของนาง “ก็ข้าไม่หิว” เธอตอบสั้นๆ “ไม่หิวก็ต้องกิน ช่วงนี้เจ้าซูบผอมมากเถียนเถียน” “ก็ข้าไดเอท” เธอตอบแล้ววางกล้วยที่กินยังไม่หมดลงที่เดิม “ไดเอทคืออะไร?” จ้าวซ่านลู่ถามอย่างสงสัย
“แล้วเจ้าจะไปเป็นของใครได้ถ้าไม่ใช่ของข้า เจ้ามาเพื่อเป็นของข้าเถียนเถียน” เขาพูดพร้อมกับเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงออกให้อีกฝ่าย “ไม่เป็นของใครทั้งนั้น ไม่ว่าของเจ้าหรือของใคร ข้าก็ไม่เป็นทั้งนั้น” หึหึ “แต่ตอนนี้เจ้าเป็นของข้าแล้วเถียนเถียน เจ้าแต่งงานกับข้าแล้ว” “ท่านบังคับ” “ถ้าเจ้าดื้อไม่ยอม ข้าก็ไม่บังคับ แต่เจ้าก็ยินยอมพร้อมใจแต่งงานเองมิใช่รึ” อ๋องใหญ่เอ่ยเมื่อนึกถึงหลายวันก่อนที่เขาบอกสาวงามที่ตรึงใจตั้งแต่แรกเห็นในกระจกจนตอนนี้มากุมหัวใจที่แข็งกระด้างของเขาไปเสียแล้ว หากนางดื้อไม่ยอม เขาก็จะไม่บังคับ แต่นางยอม แถมไม่โวยวายด้วย “ก็วันนั้นข้าคิดว่าท่านพูดเล่นกับข้า ใครจะคิดว่าวันนี้จะได้แต่งงานจริงๆ ข้ายังไม่อยากแต่งงาน” “แต่ตอนนี้ก็แต่งแล้ว และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เราต้องทำมันด้วยกันแล้วนะเจ้า” “ข้าไม่พร้อม” “แต่ข้าพร้อม เจ้าก็รู้มิใช่รึว่าข้าต้องการเจ้ามากแค่ไหน นอนหลับบนเตียงด้วยกันทุกค่ำคืนแต่ไม่อาจแตะต้องได้ ข้าทรมานมากแค่ไหน เจ้ารู้รึไม่”น้ำเสียงแววตาของเขาที่จดจ้องมายังซู่หลิงเถียนนั้นแสดงคว
ซู่หลิงเถียน หรือเถียนเถียน วัย 20 ปี ได้กระจกเก่าแก่แกะสลักลวดลายสวยงามมาเป็นมรดกจากพ่อและแม่ที่เสียไปเพราะอุบัติเหตุเมื่อสองเดือนก่อน และทรัพย์สมบัติทุกอย่างก็ตกเป็นของเธอ แต่ต้องอยู่คนเดียวบนโลกอันโหดร้ายแห่งนี้ ซู่หลิงเถียนใบหน้าสวยจิ้มลิ้ม ผิวขาวนวลเนียน ดวงตาเล็กเหมือนสาวทั่วไปของเมืองตุนหวง ประเทศจีน งานอดิเรกของซู่หลิงเถียนคือวาดรูปและเปิดร้านคาเฟ่เล็กๆ งานทุกอย่างคือความชอบ ความฝันของเธอ แต่ตอนนี้ความสนุกกับการได้ทำสิ่งที่ชอบเริ่มหายไป เมื่อพ่อกับแม่ที่รักยิ่งได้จากไปแบบไม่มีวันหวนกลับ มือเรียวสวยลูบไล้ไปมาตามขอบกระจกที่ตั้งอยู่ในห้องนอน ยิ่งนับวันกระจกที่ได้มายิ่งทำให้เธอหลงใหลชอบเหมือนมีอะไรสักอย่างซ่อนอยู่ในกระจก เธอเคยได้ยินมาว่ากระจกโบราณเป็นกระจกมาจากคุณทวดของคุณแม่ที่ส่งทอดสืบต่อกันมาและตอนนี้มาตกอยู่ในมือของเธอ เธอจะต้องยกให้ลูกสาวในอนาคต ซึ่งซู่หลิงเถียนมองไม่ออกเลยว่าตัวเองจะยกให้ใครได้ เพราะเธอยังไม่มีแฟนและไม่คิดจะมีด้วย เมื่อเสพลวดลายของกรอบกระจกที่ตั้งอยู่จนพอใจแล้ว เธอก็เดินหน้าเศร้าไปยังห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำ วันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์
ร่างเล็กขยับพลิกตัวไล่ความขี้เกียจในยามเช้าเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับปรับระดับการมองเห็นของสายตาให้คุ้นชินกับความสว่างในยามเช้า เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวของตัวเองเปลี่ยนไปแล้ว ส่วนคนที่นอนร่วมเตียงเดียวกับหญิงสาวก็ตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว และก็ตกใจมากเมื่อตื่นขึ้นมาก็มีหญิงสาวที่เจอในกระจกเมื่อคืนมานอนอิงแอบซุกอกตัวเอง จ้าวซ่านลู่มองสำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มและเสื้อผ้าที่นางแต่งแล้วก็เกิดความสงสัย และที่สำคัญนางมาได้ยังไงกัน แล้วนางมาจากไหน แต่จะมาจากไหนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญตอนนี้คือเขาชอบแม่นางคนนี้แล้วสิ ปากนิด จมูกหน่อย ผิวแก้มนวลเนียนสีระเรื่อเหมือนลูกท้อมิมีผิดเพี้ยน “วันนี้ต้องไปเปิดร้าน” ซู่หลิงเถียนพึมพำกับตัวเองแล้วลุกก้าวลงจากเตียงโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัวของตัวเองที่เปลี่ยนไปเลยสักนิด “เอ๊ะ! กระจกทำไมมาตั้งตรงนี้ แล้วห้องน้ำ แล้ว...ที่นี่ที่ไหนเนี่ย” เธอเพิ่งมองไปรอบๆ ห้องที่ตัวเองตื่นมาในเช้านี้ว่ามันเปลี่ยนไป มันไม่ใช่ห้องของตัวเอง แล้วก็ต้องร้องตกใจอีกครั้งเมื่อมองไปเห็นผู้ชายอยู่บนเต
“แล้วเจ้าจะไปเป็นของใครได้ถ้าไม่ใช่ของข้า เจ้ามาเพื่อเป็นของข้าเถียนเถียน” เขาพูดพร้อมกับเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงออกให้อีกฝ่าย “ไม่เป็นของใครทั้งนั้น ไม่ว่าของเจ้าหรือของใคร ข้าก็ไม่เป็นทั้งนั้น” หึหึ “แต่ตอนนี้เจ้าเป็นของข้าแล้วเถียนเถียน เจ้าแต่งงานกับข้าแล้ว” “ท่านบังคับ” “ถ้าเจ้าดื้อไม่ยอม ข้าก็ไม่บังคับ แต่เจ้าก็ยินยอมพร้อมใจแต่งงานเองมิใช่รึ” อ๋องใหญ่เอ่ยเมื่อนึกถึงหลายวันก่อนที่เขาบอกสาวงามที่ตรึงใจตั้งแต่แรกเห็นในกระจกจนตอนนี้มากุมหัวใจที่แข็งกระด้างของเขาไปเสียแล้ว หากนางดื้อไม่ยอม เขาก็จะไม่บังคับ แต่นางยอม แถมไม่โวยวายด้วย “ก็วันนั้นข้าคิดว่าท่านพูดเล่นกับข้า ใครจะคิดว่าวันนี้จะได้แต่งงานจริงๆ ข้ายังไม่อยากแต่งงาน” “แต่ตอนนี้ก็แต่งแล้ว และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เราต้องทำมันด้วยกันแล้วนะเจ้า” “ข้าไม่พร้อม” “แต่ข้าพร้อม เจ้าก็รู้มิใช่รึว่าข้าต้องการเจ้ามากแค่ไหน นอนหลับบนเตียงด้วยกันทุกค่ำคืนแต่ไม่อาจแตะต้องได้ ข้าทรมานมากแค่ไหน เจ้ารู้รึไม่”น้ำเสียงแววตาของเขาที่จดจ้องมายังซู่หลิงเถียนนั้นแสดงคว
ซู่หลิงเถียนนั่งเท้าคางตัวเองที่สวนของจวนสิบสี่ ช่างเหมือนในละครโบราณเหลือเกิน ทุกอย่างสวยงาม ไม่อยากจะเชื่อว่าจะหลุดมาอยู่ในมิติอดีตได้สามสัปดาห์แล้ว ตอนนี้จะว่าไปเธอก็ปรับตัวเป็นคนโบราณไปเต็มตัวแล้วก็ว่าได้ “คุณหนู ท่านอ๋องใหญ่มาเจ้าค่ะ” นี่คือเสียงของหมิงเหนียน สาวใช้คู่ใจที่จ้าวซ่านลู่ให้มาดูแลติดตามเธอจนตอนนี้สนิทสนมกันและเป็นเพื่อนคนเดียวของเธอก็ว่าได้ “อือ...ข้ารู้แล้ว”ปากบอกรู้ แต่ก็ไม่สนใจคนที่มานั่งลงตรงข้ามตัวเองตรงหน้ากลับหยิบกล้วยที่ถาดตรงหน้ามาปอกกินไม่สนใจแล้วก็มองไปทางอื่น ก็อ๋องใหญ่ที่ทุกคนนับถือน่ะตัวดีเลย ชีวิตของเธอมันวุ่นวายเพราะเขา ตอนกลางคืนเขาก็คอยจ้องแต่จะเอาเปรียบตลอด ไหนจะสนมของเขาอีก ที่มาคอยหาเรื่องเธอแทบจะวันเว้นวัน “หมิงเหนียนบอกว่าเจ้าไม่ยอมกินข้าวเช้า” อ๋องใหญ่ถามคนที่สนใจกล้วยในมือมากกว่าตัวเองที่นั่งตรงหน้าของนาง “ก็ข้าไม่หิว” เธอตอบสั้นๆ “ไม่หิวก็ต้องกิน ช่วงนี้เจ้าซูบผอมมากเถียนเถียน” “ก็ข้าไดเอท” เธอตอบแล้ววางกล้วยที่กินยังไม่หมดลงที่เดิม “ไดเอทคืออะไร?” จ้าวซ่านลู่ถามอย่างสงสัย
“อือ ยะ...อย่ามาทำแบบนี้นะ ถ้าไม่ปล่อยจะคุยกันได้ยังไง เป็นถึงอ๋องใหญ่ ใช่ไหม อ๋องใหญ่” “อือ...ข้าเป็นอ๋องใหญ่ จวนสิบสี่ และที่นี่ก็จวนข้า และเจ้าก็มาโผล่ที่นี่ ฉะนั้นต่อไปนี้เจ้าคือของข้า เป็นสมบัติของข้า” ว้าย! “ปล่อยนะ ไอ้อ๋องใหญ่จอมหื่น” ซู่หลิงเถียนดิ้นเมื่อถูกยกอุ้มขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ด้วยความกลัวตกก็กอดรั้งไหล่หนาของเขาไว้ หึหึ อ๋องใหญ่ทำเพียงแค่ยิ้มขำในลำคอแล้วก้าวเดินยาวๆ กลับไปยังเตียงที่นอนก่อนหน้านี้พร้อมกับเหวี่ยงร่างเล็กที่ยกอุ้มลงไปกับเตียง ตุ้บ! “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะจ้าวซ่านลู่” เธอบอกเขาพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นเมื่อตั้งตัวได้ก็มองหาทางเอาตัวรอดอีก แต่พอได้มองสบสายตาดุดันเด็ดเดี่ยวของชายตรงหน้าแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลาย เมื่อรู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองข้ามมาอยู่อีกภพอีกมิติหนึ่งของโลก แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง หรือนี่คือความฝัน เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเคลื่อนตัวไปหาคนที่ยืนอยู่ปลายเตียงแล้วยกมือขึ้นตวัดเต็มแรงใส่หน้าของอีกฝ่าย เผียะ! หน้าอ๋องใหญ่หันไปตามแรงตบแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เขากัดกรามแกร่งแ
ร่างเล็กขยับพลิกตัวไล่ความขี้เกียจในยามเช้าเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับปรับระดับการมองเห็นของสายตาให้คุ้นชินกับความสว่างในยามเช้า เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวของตัวเองเปลี่ยนไปแล้ว ส่วนคนที่นอนร่วมเตียงเดียวกับหญิงสาวก็ตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว และก็ตกใจมากเมื่อตื่นขึ้นมาก็มีหญิงสาวที่เจอในกระจกเมื่อคืนมานอนอิงแอบซุกอกตัวเอง จ้าวซ่านลู่มองสำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มและเสื้อผ้าที่นางแต่งแล้วก็เกิดความสงสัย และที่สำคัญนางมาได้ยังไงกัน แล้วนางมาจากไหน แต่จะมาจากไหนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญตอนนี้คือเขาชอบแม่นางคนนี้แล้วสิ ปากนิด จมูกหน่อย ผิวแก้มนวลเนียนสีระเรื่อเหมือนลูกท้อมิมีผิดเพี้ยน “วันนี้ต้องไปเปิดร้าน” ซู่หลิงเถียนพึมพำกับตัวเองแล้วลุกก้าวลงจากเตียงโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัวของตัวเองที่เปลี่ยนไปเลยสักนิด “เอ๊ะ! กระจกทำไมมาตั้งตรงนี้ แล้วห้องน้ำ แล้ว...ที่นี่ที่ไหนเนี่ย” เธอเพิ่งมองไปรอบๆ ห้องที่ตัวเองตื่นมาในเช้านี้ว่ามันเปลี่ยนไป มันไม่ใช่ห้องของตัวเอง แล้วก็ต้องร้องตกใจอีกครั้งเมื่อมองไปเห็นผู้ชายอยู่บนเต
ซู่หลิงเถียน หรือเถียนเถียน วัย 20 ปี ได้กระจกเก่าแก่แกะสลักลวดลายสวยงามมาเป็นมรดกจากพ่อและแม่ที่เสียไปเพราะอุบัติเหตุเมื่อสองเดือนก่อน และทรัพย์สมบัติทุกอย่างก็ตกเป็นของเธอ แต่ต้องอยู่คนเดียวบนโลกอันโหดร้ายแห่งนี้ ซู่หลิงเถียนใบหน้าสวยจิ้มลิ้ม ผิวขาวนวลเนียน ดวงตาเล็กเหมือนสาวทั่วไปของเมืองตุนหวง ประเทศจีน งานอดิเรกของซู่หลิงเถียนคือวาดรูปและเปิดร้านคาเฟ่เล็กๆ งานทุกอย่างคือความชอบ ความฝันของเธอ แต่ตอนนี้ความสนุกกับการได้ทำสิ่งที่ชอบเริ่มหายไป เมื่อพ่อกับแม่ที่รักยิ่งได้จากไปแบบไม่มีวันหวนกลับ มือเรียวสวยลูบไล้ไปมาตามขอบกระจกที่ตั้งอยู่ในห้องนอน ยิ่งนับวันกระจกที่ได้มายิ่งทำให้เธอหลงใหลชอบเหมือนมีอะไรสักอย่างซ่อนอยู่ในกระจก เธอเคยได้ยินมาว่ากระจกโบราณเป็นกระจกมาจากคุณทวดของคุณแม่ที่ส่งทอดสืบต่อกันมาและตอนนี้มาตกอยู่ในมือของเธอ เธอจะต้องยกให้ลูกสาวในอนาคต ซึ่งซู่หลิงเถียนมองไม่ออกเลยว่าตัวเองจะยกให้ใครได้ เพราะเธอยังไม่มีแฟนและไม่คิดจะมีด้วย เมื่อเสพลวดลายของกรอบกระจกที่ตั้งอยู่จนพอใจแล้ว เธอก็เดินหน้าเศร้าไปยังห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำ วันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์