จ้าวซ่านลู่มัวเมากับการได้บดจูบปากของแม่นางคนงามของตัวเอง ตอนนี้เขารู้เพียงว่าไม่อาจปล่อยให้นางได้หลุดพ้นคืนนี้ไปได้ คืนนี้เขาต้องได้ครอบครองกายสาวหอมหวานของซู่หลิงเถียน ปากน้อยช่างเจรจาถูกบดจูบควานกินความหวานของโพรงปาก ก่อนจะถอนจูบร้อนออกมาแล้วยกอุ้มร่างเล็กเปราะบางไปยังเตียง
“อือ...จะ...จ้าวซ่านลู่ ท่านปล่อยข้าไปได้ไหม” เมื่อถูกยกอุ้มให้นอนไปบนเตียง ตอนนี้เธอหูอื้อตาลายไปหมด และยกมือขึ้นเช็ดถูปากตัวเองแรงๆ จนไม่สนใจว่าลิปสติกสีแดงสวยจะเปื้อน เพราะตอนนี้มันเปื้อนตั้งแต่ถูกคนหื่นบังคับจูบแล้ว เพราะปากของเขาก็แดงไปด้วยสีลิปสติกของเธอเหมือนกัน
“หึ! เห็นทีจะไม่ได้แล้วเถียนเถียน ข้าไม่อาจอดทนรอให้เจ้าพร้อมได้อีกแล้ว ข้าจะทำให้เจ้าพร้อมสมยอมเป็นเมียข้าเอง ชายาข้า” หากเธอไม่พร้อม เขานี่แหละอ๋องใหญ่จะทำให้นางพรั่งพร้อมโอนอ่อนร่างกายร้องเรียกหาเขาให้ได้ในคืนนี้ คืนพิเศษที่จะผูกพันเขาและเธอให้อยู่ด้วยกันตลอดกาล
“ข้าถามท่านหนึ่งคำถามจะได้รึไม่จ้าวซ่านลู่”
“ถามมาสิ ข้าตอบเจ้าได้ทุกคำถาม”
“ทำไมถึงอยากครอบครองข้า ทั้งๆ ที่ข้าไม่ได้รักท่าน”
“เจ้าไม่ได้รักข้างั้นรึเถียนเถียน”
“ใช่ ข้าไม่ได้รักท่าน แล้วทำไมท่านถึงอยากได้ข้าเป็นชายานักล่ะ”
“ถ้าข้าไม่รักท่าน ข้าคงไม่ทำแบบนี้หรอกเถียนเถียน ตอนนี้เจ้าไม่รักข้าไม่เป็นไร แต่หลังจากนี้เจ้าจะต้องรักข้า มองแค่ข้าคนเดียวแน่นอน ข้ามั่นใจ” น้ำเสียงหนักแน่นของอ๋องใหญ่เอ่ยบอกซู่หลิงเถียนจนเธอรู้สึกทำตัวไม่ถูก และหัวใจก็เต้นแรงไปกับคำพูดและรอยยิ้มของเขาที่ส่งมาให้
“เถียนเถียน เจ้าจำไว้ ต่อไปนี้ห้ามพูดว่าไม่รักข้าอีก ข้าเจ็บเจ้ารู้ไหม” เขาบอกนางเสียงเข้มพร้อมคว้าดึงมือเล็กของคนบนเตียงมาแนบอกซ้ายของตัวเองที่หัวใจเต้นแรงผิดจังหวะ
“ท่านรักข้างั้นเหรอจ้าวซ่านลู่ ทั้งๆ ที่เราเพิ่งเจอกันไม่นานเนี่ยนะ”
“หากความรักของเจ้าต้องใช้เวลา มันก็คงจะนานจนข้ารอไม่ไหว แต่หากความรักของข้าใช้ตรงนี้หาใช่เวลาเหมือนเจ้าไม่เถียนเถียน” เขาชี้ที่อกของตัวเองเพื่อบอกย้ำให้นางรู้ว่าความรักของเขาที่มีต่อนางนั้นล้วนเกิดขึ้นจากตรงนี้หาใช่เวลาอย่างที่นางใช้ตัดสินไม่
คำพูดเกี้ยวสาวของอ๋องใหญ่ผู้นี้ทำให้ซู่หลิงเถียนไปไม่ถูก ตอบกลับไม่ถูก เมื่อเจอสายตาเว้าวอนขอความรัก หัวใจเธอก็ดันอ่อนไหวและยิ่งสายตาอันทรงเสน่ห์ของจ้าวซ่านลู่เสียแล้วสิ จะบอกว่าไม่รักได้เต็มปากก็ดูจะเป็นการโกหก ใช่...โกหกตัวเองและหลอกลวงหัวใจดวงน้อยตัวเองที่โดนอีกฝ่ายยั่วยวนจนไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“คืนนี้เข้าหอกับข้า เป็นของข้านะเถียนเถียน แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าความรักของข้านั้นมีเพียงเจ้า ปรารถนาเพียงเจ้า จริงอยู่ก่อนหน้าข้ามีสนมเผยเผย แต่หากหลังจากนี้ไป ข้าจักมีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น” เขาบอกเป็นคำมั่นกับนาง
“ข้าไม่อาจยอมท่านได้ ข้า...”
“เจ้ารังเกียจข้า?”
“มะ...ไม่ๆ ข้าไม่ได้รังเกียจท่านจ้าวซ่านลู่ แต่ข้ายังไม่พร้อมจริงๆ ข้ายังไม่พร้อม”
“ตอนนี้เจ้าไม่พร้อม แต่หลังจากนี้เจ้าจักพร้อม เชื่อข้าเถียนเถียน”
“ไม่ว่าข้าจะพูดยังไง ท่านก็จะบังคับเข้าหอกับข้าให้ได้ว่างั้น”
“อือ” เขาพยักหน้าตอบนาง
“ถ้าข้าไม่ยอม”
“ก็จะใช้กำลัง”
“ท่าน...”
“ยอมข้า ได้โปรดเถียนเถียน ตอนนี้เจ้าเป็นชายาข้าแล้วและจักสมบูรณ์แบบเมื่อข้าและเจ้าประสานกายเป็นหนึ่งเดียวกัน หากเจ้ากลัวเรื่องอนาคต เจ้าไม่ต้องกลัวและกังวลสิ่งใด ข้าจักมีเจ้าเพียงคนเดียวและจักทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน เชื่อข้าเถียนเถียน” หากวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็พร้อมจะทำทุกทางทุกอย่างเพื่อผูกรั้งซู่หลิงเถียนไว้ ไม่รู้ว่าที่ที่นางจากมาอยู่แห่งหนใด แต่เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เธอจากไปแน่นอน
“ท่านปลดสนมเผยเผยเพื่อข้าได้ไหมจ้าวซ่านลู่ ข้าต้องการเป็นหนึ่งเดียว ไม่ต้องการให้ท่านมีใครอื่นนอกจากข้า หากข้ายอมท่านแล้ว” นางต่อรอง เพราะเป็นเรื่องเดียวที่ทำให้ติดขัดในอก
“ข้าทำมิได้ สนมเผยเผยเป็นบุตรสาวของนายพลเผยหวง”
“หึหึ...สรุปยังไงท่านก็มีข้าแค่คนเดียวไม่ได้อยู่ดี ถ้างั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีข้าคนนี้ก็ได้ ปล่อยข้าไปเถิดจ้าวซ่านลู่”
“เจ้าเข้าใจข้าด้วยเถิดเถียนเถียน ถึงจะมีนาง ใจข้าก็มีเพียงเจ้า ได้โปรดเป็นของข้า ชายาข้า ให้ข้าได้เชยชมเจ้าสักทีเถิดคนงาม”
อ๋องใหญ่ผลักร่างเล็กให้นอนราบไปกับเตียงนอนนุ่ม ค่ำคืนนี้เขาไม่หวังอะไรไปมากกว่ากายสาวตรงหน้า แม่นางหนึ่งเดียวที่ฉุดดึงกระชากดวงหทัยของเขาไปตั้งแต่แรกที่เจอกัน
“ท่านมันคนเห็นแก่ตัว”
“หากเจ้าคิดว่าความรักที่ข้ามีให้เจ้าเป็นความเห็นแก่ตัวก็ย่อมได้ เพราะข้าเห็นแก่ตัวอย่างท่านกล่างหาจริงเถียนเถียน ได้โปรดสมยอมข้าเป็นหนึ่งเดียวกับข้า” ร่างใหญ่โตเคลื่อนไหวคร่อมทับร่างเล็กใต้ร่าง มือใหญ่หยาบกร้านลูบไล้ไปตามพวงแก้มนวลเนียนแล้วจูบแผ่วเบาเคลื่อนไล้ซุกไซ้ลำคอระหง ไม่สนใจว่าซู่หลิงเถียนจะผลักไสตัวเองออกห่าง
“อือ...ท่านใจร้าย ข้าเกลียดท่านนักจ้าวซ่านลู่”
เขาเม้มปากแน่นเมื่อนางบอกว่าเกลียดตัวเอง แต่หากเกลียดเพียงใดตอนนี้เขาก็ไม่สนใจ สิ่งเดียวที่อ๋องใหญ่สนใจคือการได้เข้าหอกับนางในดวงใจเท่านั้น เขาปิดปากอวบอิ่มนุ่มหวานของซู่หลิงเถียน บดจูบหนักหน่วงเอาแต่ใจ สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปพัวพันกับเรียวลิ้นเล็กที่ถูกเขาไล่ต้อนอย่างจนมุม
“อ่า...อื้อ” เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากของทั้งสอง พร้อมกับมือใหญ่ของอ๋องใหญ่เคลื่อนไหวลูบไล้ปลดเปลื้องชุดของนางออกไปอย่างชำนาญ พร้อมปลดเครื่องประดับบนผมมากมายออกให้นางได้สบายหัว
“อ่า...อื้อ” ความหวานของโพรงปากเล็กทำให้อ๋องใหญ่บดคลอเคลียไม่ยอมห่าง จัดการเสื้อผ้าหลายชั้นออก ไม่นานนักร่างเล็กของซู่หลิงเถียนก็เปิดเผยให้เห็นแก่สายตา ผิวขาวนวลเนียนน่าสัมผัสทำให้ท่อนเนื้อมังกรกลางหว่างขาของจ้าวซ่านลู่ตื่นตัวปวดร้าวขึ้นมาทันที
“อ่า...ข้าไม่อาจอดทนได้อีกต่อไปแล้วเถียนเถียน แม้ตายข้าก็ยอม ขอแค่ได้เข้าหอกับเจ้า”
น้ำเสียงแหบพร่าของอ๋องใหญ่ดังรดใบหน้าสวยของหล่อนที่แต่งแต้มสวยงามในวันนี้ ไม่ว่าจะตอนไหน สำหรับเขาแล้วนางก็สวยตรึงใจ ความสวยงามเปิดเผยให้เห็นชัดตา ความขาวนวลเนียนช่างน่าหลงใหล มือใหญ่วางทาบทับสองเต้าของแม่ยอดดวงใจพร้อมนวดคลึงเฟ้น
“อ่ะ...อื้อ เจ็บนะ” ความไม่คุ้นชินและแปลกใหม่ทำให้มือเล็กยกมือปัดตีมือใหญ่ออกจากหน้าอกของตัวเอง สองแก้มนวลแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย แต่มือใหญ่ก็ดื้อดึงไม่ยอมผละออกกลับดึงมือเธอขึ้นมาจูบเสียด้วยซ้ำ “อือ...อย่าห้ามข้าเลยเถียนเถียน ตอนนี้ข้าไม่อาจหยุดทุกอย่างได้แล้ว เจ้าสวยเช่นนี้ ข้าจะปล่อยไปได้ยังไงกันเล่า ว่าไหมชายาข้า” กาลนี้จ้าวซ่านลู่ได้บอกกับตัวเองไว้แล้วว่าจักมีแค่เพียงนางคนเดียวเท่านั้น หญิงอื่นใดก็เทียบเท่าซู่หลิงเถียนไม่ได้ ปากหนาขบเม้มเคลื่อนไล้ซุกไซ้ซอกคอระหงไล้มายังเนินอกอวบอูม กายสาวของนางเคลื่อนไหวบิดเร่าส่ายหนี แต่กลับเป็นการตอบสนองมากกว่าเมื่อกายของซู่หลิงเถียนนั้นแอ่นเด้งเร่าขึ้นหาตัวเขา แม้ว่านางจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็เป็นการตอบสนองที่ให้ความร้อนรุ่มดีเหลือเกิน “จ้าวซ่านล่ะ...ท่าน อ่า...อื้อ” เสียงครางกระเส่าหวามไปกับสัมผัสหวามแปลกใหม่ที่อ๋องใหญ่กำลังยัดเยียดให้เธอ มันทำให้ร้อนวูบไหวในอกและท้องน้อย อยากจะผลักไสเขาออกห่าง แต่ก็ยากเหลือเกิน เรี่ยวแรงที่เคยมีมันหดหายไปไหนหมดเธอก็ไม่รู้ “อ่า...เจ้าต้องการข้าแล้วคนงามของข้า อ่า...เ
เมื่อสองกายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน จากความเจ็บปวดที่ท่อนเนื้อมังกรหยกของอ๋องใหญ่สอดแทรกกรีดกรายเข้าไปในกายสาวคับแน่นไร้เดียงสาของซู่หลิงเถียนเปลี่ยนเป็นความปรารถนาซ่านสุขแทนในตอนนี้ และนางก็ปล่อยตัวเองไปกับการชักนำของคนเหนือร่าง จ้าวซ่านลู่ใจเต้นแรงและหัวใจของนางในดวงใจก็เต้นแรงไม่ต่างกัน เสียงหอบหายใจดังถี่สลับกันขึ้นลงของทั้งสองพร้อมเสียงกายเนื้อดังกระทบกระทั่งกันหนักหน่วงเป็นจังหวะสอดกระแทกลึกในกายของแม่นางคนงามทำให้เขาอิ่มเอมในอกจนระบายยิ้มตลอดการเคลื่อนไหวโยกเร่าบดเอวสอบ “อ่า...ชายาข้า อ่า...” พั่บ! พั่บ! พั่บ! ร่างบางขยับพลิกตัวไปมาบนเตียงขับไล่ความปวดเมื่อยของร่างกายพร้อมกับขยับตัวจะลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องสูดปากเจ็บตรงกลางหว่างขาของตัวเองจนต้องเบิกตากว้างตื่นเต็มตาเมื่อภาพเมื่อคืนไหลย้อนเข้ามาในหัว เธอร้องกรี๊ดลั่นตำหนักทันที กรี๊ด! “พระชายาเป็นอะไรรึเจ้าคะ” สาวใช้คนสนิทรีบวิ่งเข้ามาหาทันทีเมื่อนายของตัวเองร้องลั่นห้อง “จ้าวซ่านลู่อยู่ไหนหมิงเหนียน” เธอถามหาตัวต้นเหตุทันที “ท่านอ๋องใหญ่ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ในวัง
สองเดือนที่อยู่ที่นี่และอยู่ในตำแหน่งพระชายาของอ๋องใหญ่ ชีวิตเหมือนเรียบง่าย แต่ไม่เลยสักนิด ทุกวันต้องคอยรับมือกับสนมเผยเผย แม้ว่าจ้าวซ่านลู่จะไม่สนใจนาง ไม่ไปค้างกับนาง ไม่เรียกหานาง แต่ก็ยังไม่อาจไว้ใจได้ เพราะขึ้นชื่อว่าผู้ชายไม่มีทางจะรักเดียวใจเดียวได้ และเขาก็ตามติดเธอจนแทบจะหายใจไม่ออก ยามอ๋องเล็กมาก็ชอบพูดขัดตลอด แต่เธอก็ชอบที่เขาหึงหวงเธอกับน้องชายของเขา “หมิงเหนียนถูหลังให้ขาหน่อย” ซู่หลิงเถียนบอกสาวรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังให้ถูหลังให้ตัวเอง ตอนนี้เธอนั่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำไม้ขนาดใหญ่ในห้องอาบน้ำที่โรยไปด้วยดอกไม้กลิ่นหอม “อือ...นั่นแหละหมิงเหนียน เจ้าดูแลข้าดีจนข้าไม่อยากกลับไปโลกของข้าแล้วนะเนี่ย” ซู่หลิงเถียนพึมพำพร้อมกับยกมือตีน้ำเล่นเมื่อเข้าใจว่าคนที่ถูหลังให้ตัวเองตอนนี้คือหมิงเหนียน “ถูแรงอีกนิดหมิงเหนียน นั่นแหละ ดีมากเลย พรุ่งนี้เราไปตลาดกันไหม ข้าอยากไป คืนนี้ข้าจะขอจ้าวซ่านลู่ให้เขาอนุญาตเราให้ออกไปข้างนอก” เธอพูดพร้อมกับแหงนหน้าเอี้ยวหันมาหาคนข้างหลัง แต่แล้วก็ต้องอ้าปากค้างตาโตเมื่อคนที่ถูหลังให้ไม่ใช่หมิงเหนียน
จวนสิบสี่เต็มไปด้วยความหวาน เมื่อเจ้าของจวนนั้นเต็มไปด้วยความรัก ตอนนี้อ๋องใหญ่นั่งเท้าคางมองดูพระชายาที่กำลังนั่งฝนหมึกให้ตัวเองอยู่ มีนางอยู่ด้วยแล้วเขาจักมีจิตใจทำงานได้อย่างไรเล่า ก็นางคอยส่งยิ้มให้ตลอดยามที่สบตากับเขา “ลู่ลู่ ท่านไม่เขียนต่อแล้วรึ” นางหยุดฝนหมึกถามพระสวามี “ข้าอยากมองเจ้านานๆ” “ก็มองทุกวัน รีบเขียนเถอะ เดี๋ยวต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้แล้วไม่ใช่เหรอ” “ข้าไม่อยากไปเลยยอดดวงใจข้า” มือที่จับพู่กันอยู่ก็ปล่อยวางลงพร้อมยื่นไปจับคางมนของซู่หลิงเถียนแล้วเคลื่อนตัวไปใกล้ชิดพร้อมเชยคางมนเล็กให้เงยขึ้นแล้วโน้มลงมาจูบอ่อนโอน “อื้อ...ท่านน่ะ เดี๋ยวเสี่ยวถังกับหมิงเหนียนมาเห็นเข้าหรอก” “ข้าสั่งแล้ว ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก ข้าว่า...” “อย่าคิดเชียวนะ” “ข้าคิดอะไร ข้าก็แค่จะชวนเจ้าออกไปเดินเล่นในสวน หรือว่าเจ้าคิดว่า...” “คิดว่าไปเดินเล่นนั่นแหละ ข้าถามท่านได้ไหมลู่ลู่” “เจ้าจะถามอะไรข้าเถียนเถียน” “ท่านรักข้าจริงๆ เหรอ” “ถ้าข้าไม่รักเจ้าจะให้รักใครเล่าเถียนเถียน แล้วเจ้
แม้หมอที่เก่งทั่วแคว้นหยวนที่มาดูอาการของซู่หลิงเถียน แต่ละคนก็ส่ายหน้าบอกว่าพิษได้วิ่งเข้าสู่หัวใจและกระแสเลือดแล้วช่วยไม่ทันแล้ว อ๋องใหญ่ได้แต่นอนกอดร่างที่นอนหายใจรวยรินของพระชายาอยู่บนเตียง และไม่ลืมสั่งให้เสี่ยวถังนำตัวพระสนมเผยเผยและฉู่ผิงไปสังหาร อย่าให้ได้มีลมหายใจให้เขาได้เห็นอีก “ตื่นมาเถิดเถียนเถียนของข้า ตื่นมาคุยกับข้าเถียนเถียน ข้าลู่ลู่ของเจ้าอยู่นี่แล้ว” จ้าวซ่านลู่ดึงมือเล็กซีดเซียวขึ้นมาจูบพร้อมดึงรั้งร่างเธอเข้ามากอดแนบแน่น แล้วก็เห็นปิ่นปักผมที่ซ่อนไว้ที่เอวเล็กของเธอ เขาจึงจับมาดู แค่ก! แค่ก! แค่ก! เธอไอพร้อมกับลืมตาที่หนักอึ้งขึ้นมา “ละ...ลู่” เสียงแผ่วเบาดังขึ้น แต่ก็ทำให้เขาได้ยินชัดว่านางเรียกตน “ข้าอยู่นี่เถียนเถียน ข้าอยู่นี่ดวงใจข้า” “แค่ก! แค่ก! ลู่ลู่ ข้าซื้อปิ่นให้ท่าน” น้ำเสียงแผ่วระรินเหนื่อยหอบ “ข้าเห็นแล้ว สวยมากยอดดวงใจข้า อย่าจากข้าไปยอดสวาทของข้า” มือใหญ่จับหน้าของเธอพร้อมแนบหน้าตัวเองไปกับหน้าที่เริ่มเย็นและซีดกว่าเดิมของเธอ “ข้าอยากบอกว่าข้าดีใจ...แค่ก! ดะ...ดีใจที่
บ่นแล้วก็หยิบกระเป๋าเดินออกจากร้านไป ส่วนเจ้าของร้านก็มองดูออเดอร์แล้วรีบไปชงลาเต้ร้อนให้ลูกค้าทันที พร้อมกับหยิบคุกกี้จัดใส่จานให้ลูกค้าด้วย แม้ไม่ได้สั่ง แต่เธอก็อยากแถมให้ “กาแฟค่ะ” “ขอบคุณค่ะ” น้ำเสียงทุ้มสุภาพดังขึ้นพร้อมกับหันมามองทางซู่หลิงเถียนและสายตาของทั้งสองก็สบประสานกัน “ลู่ลู่” ถาดในมือตกลงกระทบพื้นพร้อมกับโถมกายเข้ากอดชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้าทันที ส่วนคนที่ถูกจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวก็นิ่งเกร็ง “ลู่ลู่...ฮือๆๆ ฉันคิดถึงคุณเหลือเกิน ฮือๆ” แล้วเสียงสะอื้นไห้ก็ดังตามมาพร้อมกับผลักเขาออกห่างแล้วจูบหอมแก้มของชายหนุ่มแรงๆ “หยุดก่อนครับ หยุดก่อน”เขาดันหน้าเธอออกห่างเมื่อตอนนี้เขางงไปหมดแล้ว และแปลกใจที่เธอรู้จักชื่อเล่นของเขา และยิ่งงงคือเธอมาบอกรักและมาจูบเขาแบบนี้อีก “ลู่ลู่ คุณจำฉันไม่ได้เหรอ เถียนเถียนของคุณไง ฮือๆๆ” เขาส่ายหน้าตอบเธอพร้อมกับพูดตอบ “ฟังผมนะครับ ผมไม่รู้หรอกนะ คุณรู้จักชื่อเล่นผมได้ยังไง และเราเคยรู้จักกันตอนไหน เท่าที่รู้เราเพิ่งเจอกันเองนะครับ” จ้าวซ่านลู่บอกอย่างสุภาพ ฮือๆๆๆ
การมีหญิงสาวเข้ามาในชีวิตทำให้ความรู้สึกของประธานหนุ่มไม่มั่นคง จากที่เคยเป็นคนเคร่งขรึมกลับมีรอยยิ้มแต้มบนใบหน้าอันงดงามตลอดเวลาที่อยู่กับเธอ ผู้ที่บอกว่าเขาเป็นแฟน แม้ตอนแรกเขาจะไม่คุ้นชินกับคำว่า ‘แฟน’ ที่เธอยัดเยียดให้ แต่ในตอนนี้เขากลับมองหาแค่เธอ และเธอคนเดียวเท่านั้น ‘ซู่หลิงเถียน’ ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่มีสาวเจ้ามาป่วนในชีวิตประจำวันยิ่งทำให้คุ้นเคยกับเธอ และมักมีภาพฝันและภาพซ้อนมาให้เห็นเสมอ ก่อนหน้านี้เขาเคยประสบอุบัติเหตุหลับเป็นเจ้าชายนิทราไปสองเดือนกว่าและพอฟื้นขึ้นมาในมือก็มีปิ่นปักผมโบราณของคุณทวดอยู่ เขาจำได้ดีว่าของชิ้นนี้เป็นของตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ยิ่งไปกว่านั้นเขากลับรู้สึกว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้หลับเลยสักนิด แต่เขาไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่คุ้นเคย บวกกับเรื่องที่ได้ฟังซู่หลิงเถียนพูดกรอกหูตลอดเวลายิ่งชัดเจน “ท่านประธาน” เสียงทุ้มห้าวของเลขาดังขึ้นเรียกสติของเขาให้กลับมาอยู่กับเรื่องปัจจุบัน “ฮึ! มีอะไรเสี่ยวถัง” เขาถามเลขาของตัวเอง “ตอนนี้ห้องประชุมพร้อมแล้วครับท่าน” “อือ...นายไปก่อนเถอะ แล้วเถียนเถียนกลับไปรึยัง” เขาถา
ในห้องประชุมที่ตึงเครียด แต่ท่านประธานกลับยิ้มแย้มตลอดการประชุมและมีเผลอหลุดขำออกมาด้วยทั้งๆ ที่เรื่องประชุมเป็นเรื่องที่เครียดพอดู แต่ท่านประธานกลับขำหัวเราะออกมาให้ได้ยินบ่อยๆ จนเลขาส่วนตัวอย่างเสี่ยวถังต้องสะกิดเตือนสติเจ้านายหนุ่มตัวเองบ่อยๆ “ทุกคนไปทำแผนการตลาดมาให้ฉันดูอีกทีนะ สำหรับการประชุมวันนี้พอแค่นี้ก่อน นี่ก็สองชั่วโมงแล้ว ทุกคนคงอยากกลับบ้านไปหาครอบครัว เพราะนี่ก็เลยเวลาเลิกงานมาครึ่งชั่วโมงแล้ว”ท่านประธานที่ไม่เคยเห็นอกเห็นใจพนักงาน แต่วันนี้เห็นอกเห็นใจจนทำให้พนักงานงง แต่ก็พากันรีบเก็บข้าวของเพื่อกลับบ้าน เพราะตอนนี้เลยเวลาเลิกงานมาครึ่งชั่วโมงแล้ว “เสี่ยวถัง นายสั่งข้าวให้ฉันสองที่นะ ฉันจะทานก่อนค่อยกลับ” เมื่อพนักงานทุกคนออกไปหมดแล้ว เขาจึงสั่งเลขาให้สั่งข้าวมาให้ตัวเองและซู่หลิงเถียนด้วย “ครับ ท่านประธาน” “วันนี้ฉันจะกลับเอง นายไม่ต้องรอฉันหรอก เอากุญแจรถไว้ให้ฉันก็พอ” “ครับ”แล้วเลขาหนุ่มที่รู้ใจเจ้านายกว่าใครก็รีบไปทำตามคำสั่งทันที ส่วนตัวจ้าวซ่านลู่ เขาก็รีบลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมตรงไปยังห้องทำงานของตัวเ
เมื่อบ้านเมืองสงบ หน้าด่านนอกก็สงบ ตอนนี้ชู่เอ๋อก็ตั้งครรภ์ได้สามเดือน และท่านหญิงหมิงเทียนก็เช่นกัน ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันนับตั้งแต่นั้นมา ท่านหญิงหมิงเทียนก็แวะเวียนมาที่จวนอ๋องตู้บ่อยๆ “ท่านอ๋องตู้” ชู่เอ๋อเอ่ยเรียกพระสวามีที่เพิ่งกลับมาจากด่านหน้าเมือง และคล้อยหลังตู้เหลียงเฉิงก็คือบิดาของนาง “ท่านพ่อ” “ชู่เอ๋อเป็นอย่างไรบ้าง ท่านอ๋องตู้บอกว่าเจ้าแพ้ท้องยังมิหาย” ชู่เว่ยเอ่ยถามบุตรสาวที่ตอนนี้อวบอิ่มกว่าแต่ก่อนเพราะเจ้าตัวเล็กในครรภ์ “ก็เพลียเจ้าค่ะท่านพ่อ กินอะไรก็อาเจียน” นางเอ่ยตอบบิดาของนางที่เดินมานั่งเก้าอี้ข้างๆ นาง “ก็อย่างที่ท่านอาจารย์เห็นนั่นแหละ ข้าล่ะสงสารชู่เอ๋อที่ต้องมาลำบากเพราะลูกของข้า หากเป็นไปได้ข้าอยากแพ้ท้องแทนนาง” ตู้เหลียงเฉิงเอ่ย “ท่านอ๋องตู้ก็...มิลำบากหรอกเพคะ หม่อมฉันทนได้
“ชู่เอ๋อ”ตู้เหลียงเฉิงรีบวิ่งไปหาพระชายาที่นั่งคุกเข่ากับพื้นทันที พร้อมกับผลักทหารสองนายที่ยืนขนาบข้างนางออก “ชู่เอ๋อ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้” อ๋องหนุ่มรีบแก้มัดที่มือและผ้าที่ปิดปากนางออกอย่างรวดเร็ว “ข้าจะไม่ทำโทษพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าทำตามคำสั่งของท่านหญิง ไสหัวไปซะ ก่อนที่ข้าจะตัดหัวพวกเจ้า” เมื่อให้อิสระแม่ยอดดวงใจแล้วเขาก็หันมาตวาดเสียงแข็งใส่ทหาร และทหารทั้งสองก็รีบไปอย่างรวดเร็วด้วยรู้ดีว่าท่านอ๋องตู้เป็นคนเลือดเย็น “ท่านอ๋องตู้” ชู่เอ๋อโอบกอดชายคนรักแน่น “ปลอดภัยแล้ว ต่อจากนี้เราจะอยู่ด้วยกัน จักไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีกชู่เอ๋อของพี่” เขาดันนางออกห่างพร้อมพรมจูบดวงหน้างามแล้วมาหยุดที่แก้มนวลเนียนที่ฟกช้ำ “ใครทำเจ้าชายาข้า” “หม่อมฉันโดนท่านหญิงหมิงเทียนตบเพคะ” นางตอบเสีย
ภาพที่ตู้เหลียงเฉิงตวัดดาบตัดหัวของมู่เหลียงเฉิงทำให้หลิงหลิงสาวใช้ของท่านหญิงหมิงเทียนแทบก้าวขาไม่ออก ความโหดเหี้ยมของท่านอ๋องตู้นั้นสังหารพี่ชายเพียงดาบเดียว หลิงหลิงก้าวเท้าออกมาจากที่ซ่อนของตัวเองเดินเข้าไปหาท่านอ๋องตู้ที่กำลังจะเดินไปทางม้าของท่านอ๋อง “เจ้าหลิงหลิง คนของท่านหญิงหมิงเทียนนี่” เขามองไปทางคนที่เดินตัวสั่นมาทางตนเองพร้อมเอ่ยถาม “เพคะท่านอ๋องตู้ หม่อมฉันมาส่งข่าวเพคะ” “ข่าวอะไรของเจ้า” “ท่านหญิงหมิงเทียนให้หม่อมฉันมาทูลท่านอ๋องตู้ว่าตอนนี้พระชายาชู่เอ๋อนั้นอยู่กับท่านหญิงที่ตำหนักเพคะ” นางเอ่ยเสียงสั่นเบาในลำคอ “ขอบใจเจ้าที่มาบอกข้า หากเจ้าไม่มาบอก ข้าคงตามหาพระชายาแบบไร้จุดหมาย” น้ำเสียงเข้มห้าวเอ่ยพร้อมกับเหวี่ยงตัวโหนขึ้นหลังม้า “ฟ่านตง เจ้าเข้าไปในวังหลวงก่อน เราจะไปหาพ
ฮือ!เสียงหอบเหนื่อยของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกับสองเท้าหยุดวิ่งเมื่อคิดว่าหนีมาไกลจนปลอดภัยแล้ว แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตัวเกร็งเมื่อมีดาบยื่นมาจากด้านหลังจ่อที่ลำคอของนาง“คิดเหรอว่าจะหนีรอด หากไม่มีเจ้า ท่านพี่อ๋องตู้ก็คงเลือกข้าเป็นพระชายา” เสียงเล็กแหลมดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับเจ้าของต้นเสียงเดินมาหยุดตรงหน้านาง ชู่เอ๋อมองเจ้าของน้ำเสียงเล็กแหลมน่าเกลียดด้วยความเดือดดาล แต่ทำอะไรไม่ได้เมื่อที่คอมีดาบจ่ออยู่“ทหารจับตัวมันไป” ท่านหญิงหมิงเทียนเอ่ยสั่งทหารของตนเองให้จับชู่เอ๋อและหลันหลงพร้อมสั่งมัดมือมัดปากของทั้งสองก่อนจะพาขึ้นรถม้าตัวเอง“อือ...ยัยท่านหญิง อ่ะ...อื้อ” แล้วเสียงชู่เอ๋อก็หลุดหายไปในลำคอเมื่อมีผ้าปิดปากเผียะ!“ตอนนี้ชีวิตของเจ้าอยู่ในกำมือข้า นังชู่เอ๋อ” มือเล็กตวัดตบหน้าของชู่เอ๋อก่อนจะเดินขึ้นรถม้าตัวเองไปแล้วชู่เอ๋อและสาวใช้ก็ถูกทหารของนางลากดึงขึ้นรถม้าตามหลังไป และทันทีที่ทุกคนขึ้นมาบนรถม้าแล้ว รถม้าก็เคลื่อนตัวไปทันที“หลิงหลิง เจ้าไปดักรอที่หน้าจวนอ๋องตู้เพื่อส่งข่
“ลุย!” ตู้เหลียงเฉิงร้องสั่งทหารของตัวเองและเหล่าแม่ทัพของตัวเองให้บุกโจมตีกบฏในยามเช้ามืดเฮ!เสียงทหารและเสียงม้าศึกได้วิ่งควบบุกเข้าโจมตีค่ายของกบฏด้วยความห้าวหาญ เสียงดาบดังกระทบกันหนักหน่วงพร้อมเสียงร้องโหยหวนของกบฏและทหารที่พลาดพลั้งเสียท่าเพล้ง! ฉัวะ! เพล้ง! ฉัวะ! เสียงคมดาบกระทบกระทั่งกันพร้อมเสียงร้องทรมานของผู้เสียท่า“ท่านอ๋องตู้มิต้องห่วงทางนี้ ท่านนำทหารของเราไปในเมืองจับกุมท่านอ๋องมู่เถอะพ่ะย่ะค่ะ” เสียงเข้มทุ้มของแม่ทัพใหญ่ชู่เว่ยเอ่ยดังขึ้น“งั้นทางนี้ข้าฝากท่านอาจารย์ด้วย ข้ากับฟ่านตงจักไปจับท่านอ๋องมู่ก่อนที่ทางนั้นจะไหวตัวทัน”“พ่ะย่ะค่ะ” ชู่เว่ยรับคำแล้วควบม้าไปร่วมต่อสู้กับทหารคนอื่น“ตามข้ามาฟ่านตง และพวกเจ้าด้วย” เสียงเข้มเอ่ยเหี้ยมพร้อมควบม้าวิ่งไปอีกทางทันที โดยมีฟ่านตงและเหล่าทหารศึกควบม้าวิ่งตามเขาไปกุก กุดุดุก กุดุมู่เหลียงเฉิงไม่รู้เลยว่าตอนนี้ค่ายลับของตัวเองได้ถูกตู้เหลียงเฉิงปราบ
ปึก! เสียงประตูปิดแนบสนิทพร้อมกับเพลิงกามสวาทได้เริ่มบรรเลงขึ้น เมื่อเสื้อผ้าอาภรณ์ของชู่เอ๋อถูกปลดเปลื้องออกด้วยมือของพระสวามี ตู้เหลียงเฉิงปลดเปลื้องอาภรณ์ของนางยอดรักและของตนออกทิ้งแล้วอุ้มนางไปยังเตียงนอนนุ่มที่อยู่ห่างจากหน้าประตูมิไกลนัก “อ่ะ...อื้อ ท่านอ๋องตู้ ท่าน...อ่า...ท่านกำลังแกล้งหม่อมฉันใช่รึไม่เพคะ” ตอนนี้ชู่เอ๋อรู้แล้วว่าแท้จริงแล้วพระสวามีหาได้เกรี้ยวโกรธตัวเองไม่ “หึหึ...ข้าแกล้งอันใดเจ้ายอดรักของข้า” ปากหนาที่เคลื่อนไล้จูบขบเม้มลำคอระหงผละออกมาเอ่ยถามนางในดวงใจ “ก่อนหน้านี้ท่านมิได้โกรธหม่อมฉันใช่รึไม่เพคะ” หึหึ เขาทำเพียงขำตอบ และนั่นก็ยิ่งทำให้ชู่เอ๋อรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อโดนอ๋องตู้ร้อยเล่ห์หลอกอีกครั้ง “ท่านมันคนร้อยเล่ห์”&nbs
ชู่เอ๋อที่กำลังนั่งอ่านจดหมายฉบับเก่าๆ วนไปวนมาด้วยความคิดถึงเจ้าของจดหมาย และวันนี้นางก็เฝ้ารอม้าเร็วมาส่งจดหมายของพระสวามี แต่ชะเง้อคอมองประตูของจวน มองแล้วมองอีกก็ยังคงเงียบไม่มีวี่แววว่าจะมีผู้ใดมาเยือนจวนสักคน“คุณหนูไปกินข้าวกันเถอะเจ้าค่ะ หลันหลงเตรียมมื้อเช้าเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” หลันหลงเห็นคุณหนูตัวเองตื่นเช้ามารอจดหมายรักจากท่านอ๋องตู้ก็นึกสงสาร เพราะนี่ก็เริ่มสายแล้ว แต่ม้าเร็วยังมินำจดหมายมาส่งสักที“เราไม่หิวหลันหลง เจ้าไปกินเถอะ ไม่ต้องห่วงข้า”“แต่...”“ไม่มีแต่ ไปเถอะหลันหลง ข้าจะนั่งอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน”“เจ้าค่ะ งั้นหลันหลงไปนำขนมและน้ำชามาให้คุณหนูนะเจ้าคะ”“อือ...ไปเถอะหลันหลง”นางตอบโดยมิสนใจจะมองสาวใช้ นางหยิบจดหมายฉบับเมื่อวานขึ้นมาอ่านวนซ้ำอีก และตั้งแต่เช้าก็อ่านหลายรอบแล้ว อ่านจนจำเนื้อความในจดหมายได้ขึ้นใจ ด้านหลันหลงมองคุณหนูของตัวเองแล้วก็เดินไปจัดเตรียมขนมน้ำชามาให้คุณหนูเฮ้อ!ผ่านไปนานจนแน่ใจแล้วว่าวันนี้ไม่มีจดหมายจากตู้เหลียงเฉิงแน่นอน นางก็ลุ
“เจ้ามาหาข้าเองชายาข้า จะวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ เจ้าก็เป็นของข้าอยู่ดีท่านหญิง มิมีใครมาแย่งเจ้าไปจากข้าได้หรอกทูนหัว อ่ะ...อื้อ” พูดจบเขาก็รั้งท้ายทอยเล็กให้แหงนเงยขึ้นพร้อมทาบทับประกบริมฝีปากหนาบดจูบคลอเคลียกลีบปากอวบฉ่ำสีระเรื่อ“อ่ะ...อื้อ” ริมฝีปากหนาบดเร่าดูดกลืนกลีบปากอ่อนนุ่มของท่านหญิง พร้อมกับมือใหญ่สากกร้านจากการทำศึกจับดาบก็ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของหญิงงามในดวงใจไปด้วย“อ่ะ...อ่อย” แข้งขาของท่านหญิงอ่อนระทวยแทบจะยืนทรงตัวอยู่มิไหวจนต้องจับไหล่หนารั้งร่างตัวเองไว้ เพลานี้นางไม่อาจต่อต้านได้เลย นางทำตัวไม่ถูก และนางก็เกลียดตัวเองยิ่งนักที่เผลอแอ่นเด้งตัวเสียดสีไปกับร่างใหญ่ของมู่เหลียงเฉิง และร้องครางเผลอไผลไปกับจูบน่ารังเกียจ“อ่า...เห็นรึไม่ว่าเจ้าตอบสนองข้าดีแค่ไหนท่านหญิง” ปากหนาผละจูบออกมาเอ่ยเย้ยหยันพร้อมกับช้อนอุ้มนางเดินไปยังเก้าอี้ตัวที่นั่งก่อนหน้านี้แล้วดันร่างน้อยเพรียวระหงของท่านหญิงให้นั่งไปกับเก้าอี้“หม่อมฉันเกลียดท่านอ๋องมู่”“ข้ารู้ว่าในใจเจ้ามีเพียงไอ้อ๋องตู้ แต่เพลานี้ร่างกายของเจ้าเป็นของพี่คนเดียวท่านหญิง” เขาตอบสวนกลับพ
ไม่เคยต้องแยกห่างกันเช่นนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ตู้เหลียงเฉิงต้องแยกห่างจากพระชายายอดรักของตนเอง เพราะหน้าที่และความปลอดภัยของนางและของทุกคนในแคว้นเฉิง เขาจึงจำเป็นต้องไปอยู่ที่ค่ายทหาร จนกว่าจะปราบกลุ่มกบฏของมู่เหลียงเฉิงได้ “คิดถึงข้าบ้างนะดวงใจข้า” มือใหญ่สากกร้านลูบไล้แก้มนวลเนียนของพระชายาคนงามที่เดินมาส่งตนเองหน้าจวนอย่างอ้อยอิ่ง “หม่อมฉันจะคิดถึงท่านอ๋องตู้เพคะ” นางตอบอย่างใสซื่อพร้อมแหงนเงยหน้าขึ้นสบตาร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า และตู้เหลียงเฉิงก็อดจะโน้มหน้าลงมาทาบทับริมฝีปากหนากับริมฝีปากอวบอิ่มแสนหวานของนางในดวงใจเสียมิได้ “อ่ะ...อื้อ” เหล่าทหาร สาวใช้ต่างพากันก้มหน้ามองเท้าตัวเองเมื่อนายกำลังสั่งลากันด้วยจูบดูดดื่ม “ท่านอ๋องตู้” นางทุบตีอกของพระสวามีไม่จริงจังนักเมื่ออีกฝ่ายผละจูบออกห่าง “ก็ข้าคิดถึงเจ้านี่ชู่เอ๋อ ไม่รู้ว่าไปคราวนี้จะได้