ชู่เอ๋อที่กำลังนั่งอ่านจดหมายฉบับเก่าๆ วนไปวนมาด้วยความคิดถึงเจ้าของจดหมาย และวันนี้นางก็เฝ้ารอม้าเร็วมาส่งจดหมายของพระสวามี แต่ชะเง้อคอมองประตูของจวน มองแล้วมองอีกก็ยังคงเงียบไม่มีวี่แววว่าจะมีผู้ใดมาเยือนจวนสักคน
“คุณหนูไปกินข้าวกันเถอะเจ้าค่ะ หลันหลงเตรียมมื้อเช้าเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” หลันหลงเห็นคุณหนูตัวเองตื่นเช้ามารอจดหมายรักจากท่านอ๋องตู้ก็นึกสงสาร เพราะนี่ก็เริ่มสายแล้ว แต่ม้าเร็วยังมินำจดหมายมาส่งสักที
“เราไม่หิวหลันหลง เจ้าไปกินเถอะ ไม่ต้องห่วงข้า”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ ไปเถอะหลันหลง ข้าจะนั่งอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน”
“เจ้าค่ะ งั้นหลันหลงไปนำขนมและน้ำชามาให้คุณหนูนะเจ้าคะ”
“อือ...ไปเถอะหลันหลง”
นางตอบโดยมิสนใจจะมองสาวใช้ นางหยิบจดหมายฉบับเมื่อวานขึ้นมาอ่านวนซ้ำอีก และตั้งแต่เช้าก็อ่านหลายรอบแล้ว อ่านจนจำเนื้อความในจดหมายได้ขึ้นใจ ด้านหลันหลงมองคุณหนูของตัวเองแล้วก็เดินไปจัดเตรียมขนมน้ำชามาให้คุณหนู
เฮ้อ!
ผ่านไปนานจนแน่ใจแล้วว่าวันนี้ไม่มีจดหมายจากตู้เหลียงเฉิงแน่นอน นางก็ลุ
ปึก! เสียงประตูปิดแนบสนิทพร้อมกับเพลิงกามสวาทได้เริ่มบรรเลงขึ้น เมื่อเสื้อผ้าอาภรณ์ของชู่เอ๋อถูกปลดเปลื้องออกด้วยมือของพระสวามี ตู้เหลียงเฉิงปลดเปลื้องอาภรณ์ของนางยอดรักและของตนออกทิ้งแล้วอุ้มนางไปยังเตียงนอนนุ่มที่อยู่ห่างจากหน้าประตูมิไกลนัก “อ่ะ...อื้อ ท่านอ๋องตู้ ท่าน...อ่า...ท่านกำลังแกล้งหม่อมฉันใช่รึไม่เพคะ” ตอนนี้ชู่เอ๋อรู้แล้วว่าแท้จริงแล้วพระสวามีหาได้เกรี้ยวโกรธตัวเองไม่ “หึหึ...ข้าแกล้งอันใดเจ้ายอดรักของข้า” ปากหนาที่เคลื่อนไล้จูบขบเม้มลำคอระหงผละออกมาเอ่ยถามนางในดวงใจ “ก่อนหน้านี้ท่านมิได้โกรธหม่อมฉันใช่รึไม่เพคะ” หึหึ เขาทำเพียงขำตอบ และนั่นก็ยิ่งทำให้ชู่เอ๋อรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อโดนอ๋องตู้ร้อยเล่ห์หลอกอีกครั้ง “ท่านมันคนร้อยเล่ห์”&nbs
“ลุย!” ตู้เหลียงเฉิงร้องสั่งทหารของตัวเองและเหล่าแม่ทัพของตัวเองให้บุกโจมตีกบฏในยามเช้ามืดเฮ!เสียงทหารและเสียงม้าศึกได้วิ่งควบบุกเข้าโจมตีค่ายของกบฏด้วยความห้าวหาญ เสียงดาบดังกระทบกันหนักหน่วงพร้อมเสียงร้องโหยหวนของกบฏและทหารที่พลาดพลั้งเสียท่าเพล้ง! ฉัวะ! เพล้ง! ฉัวะ! เสียงคมดาบกระทบกระทั่งกันพร้อมเสียงร้องทรมานของผู้เสียท่า“ท่านอ๋องตู้มิต้องห่วงทางนี้ ท่านนำทหารของเราไปในเมืองจับกุมท่านอ๋องมู่เถอะพ่ะย่ะค่ะ” เสียงเข้มทุ้มของแม่ทัพใหญ่ชู่เว่ยเอ่ยดังขึ้น“งั้นทางนี้ข้าฝากท่านอาจารย์ด้วย ข้ากับฟ่านตงจักไปจับท่านอ๋องมู่ก่อนที่ทางนั้นจะไหวตัวทัน”“พ่ะย่ะค่ะ” ชู่เว่ยรับคำแล้วควบม้าไปร่วมต่อสู้กับทหารคนอื่น“ตามข้ามาฟ่านตง และพวกเจ้าด้วย” เสียงเข้มเอ่ยเหี้ยมพร้อมควบม้าวิ่งไปอีกทางทันที โดยมีฟ่านตงและเหล่าทหารศึกควบม้าวิ่งตามเขาไปกุก กุดุดุก กุดุมู่เหลียงเฉิงไม่รู้เลยว่าตอนนี้ค่ายลับของตัวเองได้ถูกตู้เหลียงเฉิงปราบ
ฮือ!เสียงหอบเหนื่อยของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกับสองเท้าหยุดวิ่งเมื่อคิดว่าหนีมาไกลจนปลอดภัยแล้ว แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตัวเกร็งเมื่อมีดาบยื่นมาจากด้านหลังจ่อที่ลำคอของนาง“คิดเหรอว่าจะหนีรอด หากไม่มีเจ้า ท่านพี่อ๋องตู้ก็คงเลือกข้าเป็นพระชายา” เสียงเล็กแหลมดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับเจ้าของต้นเสียงเดินมาหยุดตรงหน้านาง ชู่เอ๋อมองเจ้าของน้ำเสียงเล็กแหลมน่าเกลียดด้วยความเดือดดาล แต่ทำอะไรไม่ได้เมื่อที่คอมีดาบจ่ออยู่“ทหารจับตัวมันไป” ท่านหญิงหมิงเทียนเอ่ยสั่งทหารของตนเองให้จับชู่เอ๋อและหลันหลงพร้อมสั่งมัดมือมัดปากของทั้งสองก่อนจะพาขึ้นรถม้าตัวเอง“อือ...ยัยท่านหญิง อ่ะ...อื้อ” แล้วเสียงชู่เอ๋อก็หลุดหายไปในลำคอเมื่อมีผ้าปิดปากเผียะ!“ตอนนี้ชีวิตของเจ้าอยู่ในกำมือข้า นังชู่เอ๋อ” มือเล็กตวัดตบหน้าของชู่เอ๋อก่อนจะเดินขึ้นรถม้าตัวเองไปแล้วชู่เอ๋อและสาวใช้ก็ถูกทหารของนางลากดึงขึ้นรถม้าตามหลังไป และทันทีที่ทุกคนขึ้นมาบนรถม้าแล้ว รถม้าก็เคลื่อนตัวไปทันที“หลิงหลิง เจ้าไปดักรอที่หน้าจวนอ๋องตู้เพื่อส่งข่
ภาพที่ตู้เหลียงเฉิงตวัดดาบตัดหัวของมู่เหลียงเฉิงทำให้หลิงหลิงสาวใช้ของท่านหญิงหมิงเทียนแทบก้าวขาไม่ออก ความโหดเหี้ยมของท่านอ๋องตู้นั้นสังหารพี่ชายเพียงดาบเดียว หลิงหลิงก้าวเท้าออกมาจากที่ซ่อนของตัวเองเดินเข้าไปหาท่านอ๋องตู้ที่กำลังจะเดินไปทางม้าของท่านอ๋อง “เจ้าหลิงหลิง คนของท่านหญิงหมิงเทียนนี่” เขามองไปทางคนที่เดินตัวสั่นมาทางตนเองพร้อมเอ่ยถาม “เพคะท่านอ๋องตู้ หม่อมฉันมาส่งข่าวเพคะ” “ข่าวอะไรของเจ้า” “ท่านหญิงหมิงเทียนให้หม่อมฉันมาทูลท่านอ๋องตู้ว่าตอนนี้พระชายาชู่เอ๋อนั้นอยู่กับท่านหญิงที่ตำหนักเพคะ” นางเอ่ยเสียงสั่นเบาในลำคอ “ขอบใจเจ้าที่มาบอกข้า หากเจ้าไม่มาบอก ข้าคงตามหาพระชายาแบบไร้จุดหมาย” น้ำเสียงเข้มห้าวเอ่ยพร้อมกับเหวี่ยงตัวโหนขึ้นหลังม้า “ฟ่านตง เจ้าเข้าไปในวังหลวงก่อน เราจะไปหาพ
“ชู่เอ๋อ”ตู้เหลียงเฉิงรีบวิ่งไปหาพระชายาที่นั่งคุกเข่ากับพื้นทันที พร้อมกับผลักทหารสองนายที่ยืนขนาบข้างนางออก “ชู่เอ๋อ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้” อ๋องหนุ่มรีบแก้มัดที่มือและผ้าที่ปิดปากนางออกอย่างรวดเร็ว “ข้าจะไม่ทำโทษพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าทำตามคำสั่งของท่านหญิง ไสหัวไปซะ ก่อนที่ข้าจะตัดหัวพวกเจ้า” เมื่อให้อิสระแม่ยอดดวงใจแล้วเขาก็หันมาตวาดเสียงแข็งใส่ทหาร และทหารทั้งสองก็รีบไปอย่างรวดเร็วด้วยรู้ดีว่าท่านอ๋องตู้เป็นคนเลือดเย็น “ท่านอ๋องตู้” ชู่เอ๋อโอบกอดชายคนรักแน่น “ปลอดภัยแล้ว ต่อจากนี้เราจะอยู่ด้วยกัน จักไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีกชู่เอ๋อของพี่” เขาดันนางออกห่างพร้อมพรมจูบดวงหน้างามแล้วมาหยุดที่แก้มนวลเนียนที่ฟกช้ำ “ใครทำเจ้าชายาข้า” “หม่อมฉันโดนท่านหญิงหมิงเทียนตบเพคะ” นางตอบเสีย
เมื่อบ้านเมืองสงบ หน้าด่านนอกก็สงบ ตอนนี้ชู่เอ๋อก็ตั้งครรภ์ได้สามเดือน และท่านหญิงหมิงเทียนก็เช่นกัน ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันนับตั้งแต่นั้นมา ท่านหญิงหมิงเทียนก็แวะเวียนมาที่จวนอ๋องตู้บ่อยๆ “ท่านอ๋องตู้” ชู่เอ๋อเอ่ยเรียกพระสวามีที่เพิ่งกลับมาจากด่านหน้าเมือง และคล้อยหลังตู้เหลียงเฉิงก็คือบิดาของนาง “ท่านพ่อ” “ชู่เอ๋อเป็นอย่างไรบ้าง ท่านอ๋องตู้บอกว่าเจ้าแพ้ท้องยังมิหาย” ชู่เว่ยเอ่ยถามบุตรสาวที่ตอนนี้อวบอิ่มกว่าแต่ก่อนเพราะเจ้าตัวเล็กในครรภ์ “ก็เพลียเจ้าค่ะท่านพ่อ กินอะไรก็อาเจียน” นางเอ่ยตอบบิดาของนางที่เดินมานั่งเก้าอี้ข้างๆ นาง “ก็อย่างที่ท่านอาจารย์เห็นนั่นแหละ ข้าล่ะสงสารชู่เอ๋อที่ต้องมาลำบากเพราะลูกของข้า หากเป็นไปได้ข้าอยากแพ้ท้องแทนนาง” ตู้เหลียงเฉิงเอ่ย “ท่านอ๋องตู้ก็...มิลำบากหรอกเพคะ หม่อมฉันทนได้
ซู่หลิงเถียน หรือเถียนเถียน วัย 20 ปี ได้กระจกเก่าแก่แกะสลักลวดลายสวยงามมาเป็นมรดกจากพ่อและแม่ที่เสียไปเพราะอุบัติเหตุเมื่อสองเดือนก่อน และทรัพย์สมบัติทุกอย่างก็ตกเป็นของเธอ แต่ต้องอยู่คนเดียวบนโลกอันโหดร้ายแห่งนี้ ซู่หลิงเถียนใบหน้าสวยจิ้มลิ้ม ผิวขาวนวลเนียน ดวงตาเล็กเหมือนสาวทั่วไปของเมืองตุนหวง ประเทศจีน งานอดิเรกของซู่หลิงเถียนคือวาดรูปและเปิดร้านคาเฟ่เล็กๆ งานทุกอย่างคือความชอบ ความฝันของเธอ แต่ตอนนี้ความสนุกกับการได้ทำสิ่งที่ชอบเริ่มหายไป เมื่อพ่อกับแม่ที่รักยิ่งได้จากไปแบบไม่มีวันหวนกลับ มือเรียวสวยลูบไล้ไปมาตามขอบกระจกที่ตั้งอยู่ในห้องนอน ยิ่งนับวันกระจกที่ได้มายิ่งทำให้เธอหลงใหลชอบเหมือนมีอะไรสักอย่างซ่อนอยู่ในกระจก เธอเคยได้ยินมาว่ากระจกโบราณเป็นกระจกมาจากคุณทวดของคุณแม่ที่ส่งทอดสืบต่อกันมาและตอนนี้มาตกอยู่ในมือของเธอ เธอจะต้องยกให้ลูกสาวในอนาคต ซึ่งซู่หลิงเถียนมองไม่ออกเลยว่าตัวเองจะยกให้ใครได้ เพราะเธอยังไม่มีแฟนและไม่คิดจะมีด้วย เมื่อเสพลวดลายของกรอบกระจกที่ตั้งอยู่จนพอใจแล้ว เธอก็เดินหน้าเศร้าไปยังห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำ วันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์
ร่างเล็กขยับพลิกตัวไล่ความขี้เกียจในยามเช้าเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับปรับระดับการมองเห็นของสายตาให้คุ้นชินกับความสว่างในยามเช้า เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวของตัวเองเปลี่ยนไปแล้ว ส่วนคนที่นอนร่วมเตียงเดียวกับหญิงสาวก็ตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว และก็ตกใจมากเมื่อตื่นขึ้นมาก็มีหญิงสาวที่เจอในกระจกเมื่อคืนมานอนอิงแอบซุกอกตัวเอง จ้าวซ่านลู่มองสำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มและเสื้อผ้าที่นางแต่งแล้วก็เกิดความสงสัย และที่สำคัญนางมาได้ยังไงกัน แล้วนางมาจากไหน แต่จะมาจากไหนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญตอนนี้คือเขาชอบแม่นางคนนี้แล้วสิ ปากนิด จมูกหน่อย ผิวแก้มนวลเนียนสีระเรื่อเหมือนลูกท้อมิมีผิดเพี้ยน “วันนี้ต้องไปเปิดร้าน” ซู่หลิงเถียนพึมพำกับตัวเองแล้วลุกก้าวลงจากเตียงโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัวของตัวเองที่เปลี่ยนไปเลยสักนิด “เอ๊ะ! กระจกทำไมมาตั้งตรงนี้ แล้วห้องน้ำ แล้ว...ที่นี่ที่ไหนเนี่ย” เธอเพิ่งมองไปรอบๆ ห้องที่ตัวเองตื่นมาในเช้านี้ว่ามันเปลี่ยนไป มันไม่ใช่ห้องของตัวเอง แล้วก็ต้องร้องตกใจอีกครั้งเมื่อมองไปเห็นผู้ชายอยู่บนเต
เมื่อบ้านเมืองสงบ หน้าด่านนอกก็สงบ ตอนนี้ชู่เอ๋อก็ตั้งครรภ์ได้สามเดือน และท่านหญิงหมิงเทียนก็เช่นกัน ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันนับตั้งแต่นั้นมา ท่านหญิงหมิงเทียนก็แวะเวียนมาที่จวนอ๋องตู้บ่อยๆ “ท่านอ๋องตู้” ชู่เอ๋อเอ่ยเรียกพระสวามีที่เพิ่งกลับมาจากด่านหน้าเมือง และคล้อยหลังตู้เหลียงเฉิงก็คือบิดาของนาง “ท่านพ่อ” “ชู่เอ๋อเป็นอย่างไรบ้าง ท่านอ๋องตู้บอกว่าเจ้าแพ้ท้องยังมิหาย” ชู่เว่ยเอ่ยถามบุตรสาวที่ตอนนี้อวบอิ่มกว่าแต่ก่อนเพราะเจ้าตัวเล็กในครรภ์ “ก็เพลียเจ้าค่ะท่านพ่อ กินอะไรก็อาเจียน” นางเอ่ยตอบบิดาของนางที่เดินมานั่งเก้าอี้ข้างๆ นาง “ก็อย่างที่ท่านอาจารย์เห็นนั่นแหละ ข้าล่ะสงสารชู่เอ๋อที่ต้องมาลำบากเพราะลูกของข้า หากเป็นไปได้ข้าอยากแพ้ท้องแทนนาง” ตู้เหลียงเฉิงเอ่ย “ท่านอ๋องตู้ก็...มิลำบากหรอกเพคะ หม่อมฉันทนได้
“ชู่เอ๋อ”ตู้เหลียงเฉิงรีบวิ่งไปหาพระชายาที่นั่งคุกเข่ากับพื้นทันที พร้อมกับผลักทหารสองนายที่ยืนขนาบข้างนางออก “ชู่เอ๋อ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้” อ๋องหนุ่มรีบแก้มัดที่มือและผ้าที่ปิดปากนางออกอย่างรวดเร็ว “ข้าจะไม่ทำโทษพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าทำตามคำสั่งของท่านหญิง ไสหัวไปซะ ก่อนที่ข้าจะตัดหัวพวกเจ้า” เมื่อให้อิสระแม่ยอดดวงใจแล้วเขาก็หันมาตวาดเสียงแข็งใส่ทหาร และทหารทั้งสองก็รีบไปอย่างรวดเร็วด้วยรู้ดีว่าท่านอ๋องตู้เป็นคนเลือดเย็น “ท่านอ๋องตู้” ชู่เอ๋อโอบกอดชายคนรักแน่น “ปลอดภัยแล้ว ต่อจากนี้เราจะอยู่ด้วยกัน จักไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีกชู่เอ๋อของพี่” เขาดันนางออกห่างพร้อมพรมจูบดวงหน้างามแล้วมาหยุดที่แก้มนวลเนียนที่ฟกช้ำ “ใครทำเจ้าชายาข้า” “หม่อมฉันโดนท่านหญิงหมิงเทียนตบเพคะ” นางตอบเสีย
ภาพที่ตู้เหลียงเฉิงตวัดดาบตัดหัวของมู่เหลียงเฉิงทำให้หลิงหลิงสาวใช้ของท่านหญิงหมิงเทียนแทบก้าวขาไม่ออก ความโหดเหี้ยมของท่านอ๋องตู้นั้นสังหารพี่ชายเพียงดาบเดียว หลิงหลิงก้าวเท้าออกมาจากที่ซ่อนของตัวเองเดินเข้าไปหาท่านอ๋องตู้ที่กำลังจะเดินไปทางม้าของท่านอ๋อง “เจ้าหลิงหลิง คนของท่านหญิงหมิงเทียนนี่” เขามองไปทางคนที่เดินตัวสั่นมาทางตนเองพร้อมเอ่ยถาม “เพคะท่านอ๋องตู้ หม่อมฉันมาส่งข่าวเพคะ” “ข่าวอะไรของเจ้า” “ท่านหญิงหมิงเทียนให้หม่อมฉันมาทูลท่านอ๋องตู้ว่าตอนนี้พระชายาชู่เอ๋อนั้นอยู่กับท่านหญิงที่ตำหนักเพคะ” นางเอ่ยเสียงสั่นเบาในลำคอ “ขอบใจเจ้าที่มาบอกข้า หากเจ้าไม่มาบอก ข้าคงตามหาพระชายาแบบไร้จุดหมาย” น้ำเสียงเข้มห้าวเอ่ยพร้อมกับเหวี่ยงตัวโหนขึ้นหลังม้า “ฟ่านตง เจ้าเข้าไปในวังหลวงก่อน เราจะไปหาพ
ฮือ!เสียงหอบเหนื่อยของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกับสองเท้าหยุดวิ่งเมื่อคิดว่าหนีมาไกลจนปลอดภัยแล้ว แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตัวเกร็งเมื่อมีดาบยื่นมาจากด้านหลังจ่อที่ลำคอของนาง“คิดเหรอว่าจะหนีรอด หากไม่มีเจ้า ท่านพี่อ๋องตู้ก็คงเลือกข้าเป็นพระชายา” เสียงเล็กแหลมดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับเจ้าของต้นเสียงเดินมาหยุดตรงหน้านาง ชู่เอ๋อมองเจ้าของน้ำเสียงเล็กแหลมน่าเกลียดด้วยความเดือดดาล แต่ทำอะไรไม่ได้เมื่อที่คอมีดาบจ่ออยู่“ทหารจับตัวมันไป” ท่านหญิงหมิงเทียนเอ่ยสั่งทหารของตนเองให้จับชู่เอ๋อและหลันหลงพร้อมสั่งมัดมือมัดปากของทั้งสองก่อนจะพาขึ้นรถม้าตัวเอง“อือ...ยัยท่านหญิง อ่ะ...อื้อ” แล้วเสียงชู่เอ๋อก็หลุดหายไปในลำคอเมื่อมีผ้าปิดปากเผียะ!“ตอนนี้ชีวิตของเจ้าอยู่ในกำมือข้า นังชู่เอ๋อ” มือเล็กตวัดตบหน้าของชู่เอ๋อก่อนจะเดินขึ้นรถม้าตัวเองไปแล้วชู่เอ๋อและสาวใช้ก็ถูกทหารของนางลากดึงขึ้นรถม้าตามหลังไป และทันทีที่ทุกคนขึ้นมาบนรถม้าแล้ว รถม้าก็เคลื่อนตัวไปทันที“หลิงหลิง เจ้าไปดักรอที่หน้าจวนอ๋องตู้เพื่อส่งข่
“ลุย!” ตู้เหลียงเฉิงร้องสั่งทหารของตัวเองและเหล่าแม่ทัพของตัวเองให้บุกโจมตีกบฏในยามเช้ามืดเฮ!เสียงทหารและเสียงม้าศึกได้วิ่งควบบุกเข้าโจมตีค่ายของกบฏด้วยความห้าวหาญ เสียงดาบดังกระทบกันหนักหน่วงพร้อมเสียงร้องโหยหวนของกบฏและทหารที่พลาดพลั้งเสียท่าเพล้ง! ฉัวะ! เพล้ง! ฉัวะ! เสียงคมดาบกระทบกระทั่งกันพร้อมเสียงร้องทรมานของผู้เสียท่า“ท่านอ๋องตู้มิต้องห่วงทางนี้ ท่านนำทหารของเราไปในเมืองจับกุมท่านอ๋องมู่เถอะพ่ะย่ะค่ะ” เสียงเข้มทุ้มของแม่ทัพใหญ่ชู่เว่ยเอ่ยดังขึ้น“งั้นทางนี้ข้าฝากท่านอาจารย์ด้วย ข้ากับฟ่านตงจักไปจับท่านอ๋องมู่ก่อนที่ทางนั้นจะไหวตัวทัน”“พ่ะย่ะค่ะ” ชู่เว่ยรับคำแล้วควบม้าไปร่วมต่อสู้กับทหารคนอื่น“ตามข้ามาฟ่านตง และพวกเจ้าด้วย” เสียงเข้มเอ่ยเหี้ยมพร้อมควบม้าวิ่งไปอีกทางทันที โดยมีฟ่านตงและเหล่าทหารศึกควบม้าวิ่งตามเขาไปกุก กุดุดุก กุดุมู่เหลียงเฉิงไม่รู้เลยว่าตอนนี้ค่ายลับของตัวเองได้ถูกตู้เหลียงเฉิงปราบ
ปึก! เสียงประตูปิดแนบสนิทพร้อมกับเพลิงกามสวาทได้เริ่มบรรเลงขึ้น เมื่อเสื้อผ้าอาภรณ์ของชู่เอ๋อถูกปลดเปลื้องออกด้วยมือของพระสวามี ตู้เหลียงเฉิงปลดเปลื้องอาภรณ์ของนางยอดรักและของตนออกทิ้งแล้วอุ้มนางไปยังเตียงนอนนุ่มที่อยู่ห่างจากหน้าประตูมิไกลนัก “อ่ะ...อื้อ ท่านอ๋องตู้ ท่าน...อ่า...ท่านกำลังแกล้งหม่อมฉันใช่รึไม่เพคะ” ตอนนี้ชู่เอ๋อรู้แล้วว่าแท้จริงแล้วพระสวามีหาได้เกรี้ยวโกรธตัวเองไม่ “หึหึ...ข้าแกล้งอันใดเจ้ายอดรักของข้า” ปากหนาที่เคลื่อนไล้จูบขบเม้มลำคอระหงผละออกมาเอ่ยถามนางในดวงใจ “ก่อนหน้านี้ท่านมิได้โกรธหม่อมฉันใช่รึไม่เพคะ” หึหึ เขาทำเพียงขำตอบ และนั่นก็ยิ่งทำให้ชู่เอ๋อรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อโดนอ๋องตู้ร้อยเล่ห์หลอกอีกครั้ง “ท่านมันคนร้อยเล่ห์”&nbs
ชู่เอ๋อที่กำลังนั่งอ่านจดหมายฉบับเก่าๆ วนไปวนมาด้วยความคิดถึงเจ้าของจดหมาย และวันนี้นางก็เฝ้ารอม้าเร็วมาส่งจดหมายของพระสวามี แต่ชะเง้อคอมองประตูของจวน มองแล้วมองอีกก็ยังคงเงียบไม่มีวี่แววว่าจะมีผู้ใดมาเยือนจวนสักคน“คุณหนูไปกินข้าวกันเถอะเจ้าค่ะ หลันหลงเตรียมมื้อเช้าเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” หลันหลงเห็นคุณหนูตัวเองตื่นเช้ามารอจดหมายรักจากท่านอ๋องตู้ก็นึกสงสาร เพราะนี่ก็เริ่มสายแล้ว แต่ม้าเร็วยังมินำจดหมายมาส่งสักที“เราไม่หิวหลันหลง เจ้าไปกินเถอะ ไม่ต้องห่วงข้า”“แต่...”“ไม่มีแต่ ไปเถอะหลันหลง ข้าจะนั่งอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน”“เจ้าค่ะ งั้นหลันหลงไปนำขนมและน้ำชามาให้คุณหนูนะเจ้าคะ”“อือ...ไปเถอะหลันหลง”นางตอบโดยมิสนใจจะมองสาวใช้ นางหยิบจดหมายฉบับเมื่อวานขึ้นมาอ่านวนซ้ำอีก และตั้งแต่เช้าก็อ่านหลายรอบแล้ว อ่านจนจำเนื้อความในจดหมายได้ขึ้นใจ ด้านหลันหลงมองคุณหนูของตัวเองแล้วก็เดินไปจัดเตรียมขนมน้ำชามาให้คุณหนูเฮ้อ!ผ่านไปนานจนแน่ใจแล้วว่าวันนี้ไม่มีจดหมายจากตู้เหลียงเฉิงแน่นอน นางก็ลุ
“เจ้ามาหาข้าเองชายาข้า จะวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ เจ้าก็เป็นของข้าอยู่ดีท่านหญิง มิมีใครมาแย่งเจ้าไปจากข้าได้หรอกทูนหัว อ่ะ...อื้อ” พูดจบเขาก็รั้งท้ายทอยเล็กให้แหงนเงยขึ้นพร้อมทาบทับประกบริมฝีปากหนาบดจูบคลอเคลียกลีบปากอวบฉ่ำสีระเรื่อ“อ่ะ...อื้อ” ริมฝีปากหนาบดเร่าดูดกลืนกลีบปากอ่อนนุ่มของท่านหญิง พร้อมกับมือใหญ่สากกร้านจากการทำศึกจับดาบก็ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของหญิงงามในดวงใจไปด้วย“อ่ะ...อ่อย” แข้งขาของท่านหญิงอ่อนระทวยแทบจะยืนทรงตัวอยู่มิไหวจนต้องจับไหล่หนารั้งร่างตัวเองไว้ เพลานี้นางไม่อาจต่อต้านได้เลย นางทำตัวไม่ถูก และนางก็เกลียดตัวเองยิ่งนักที่เผลอแอ่นเด้งตัวเสียดสีไปกับร่างใหญ่ของมู่เหลียงเฉิง และร้องครางเผลอไผลไปกับจูบน่ารังเกียจ“อ่า...เห็นรึไม่ว่าเจ้าตอบสนองข้าดีแค่ไหนท่านหญิง” ปากหนาผละจูบออกมาเอ่ยเย้ยหยันพร้อมกับช้อนอุ้มนางเดินไปยังเก้าอี้ตัวที่นั่งก่อนหน้านี้แล้วดันร่างน้อยเพรียวระหงของท่านหญิงให้นั่งไปกับเก้าอี้“หม่อมฉันเกลียดท่านอ๋องมู่”“ข้ารู้ว่าในใจเจ้ามีเพียงไอ้อ๋องตู้ แต่เพลานี้ร่างกายของเจ้าเป็นของพี่คนเดียวท่านหญิง” เขาตอบสวนกลับพ
ไม่เคยต้องแยกห่างกันเช่นนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ตู้เหลียงเฉิงต้องแยกห่างจากพระชายายอดรักของตนเอง เพราะหน้าที่และความปลอดภัยของนางและของทุกคนในแคว้นเฉิง เขาจึงจำเป็นต้องไปอยู่ที่ค่ายทหาร จนกว่าจะปราบกลุ่มกบฏของมู่เหลียงเฉิงได้ “คิดถึงข้าบ้างนะดวงใจข้า” มือใหญ่สากกร้านลูบไล้แก้มนวลเนียนของพระชายาคนงามที่เดินมาส่งตนเองหน้าจวนอย่างอ้อยอิ่ง “หม่อมฉันจะคิดถึงท่านอ๋องตู้เพคะ” นางตอบอย่างใสซื่อพร้อมแหงนเงยหน้าขึ้นสบตาร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า และตู้เหลียงเฉิงก็อดจะโน้มหน้าลงมาทาบทับริมฝีปากหนากับริมฝีปากอวบอิ่มแสนหวานของนางในดวงใจเสียมิได้ “อ่ะ...อื้อ” เหล่าทหาร สาวใช้ต่างพากันก้มหน้ามองเท้าตัวเองเมื่อนายกำลังสั่งลากันด้วยจูบดูดดื่ม “ท่านอ๋องตู้” นางทุบตีอกของพระสวามีไม่จริงจังนักเมื่ออีกฝ่ายผละจูบออกห่าง “ก็ข้าคิดถึงเจ้านี่ชู่เอ๋อ ไม่รู้ว่าไปคราวนี้จะได้