เริ่มต้นใหม่
เบนได้เริ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมโดยการรับช่วงต่อจากเพื่อนของบิดาที่ขายบริษัทต่อให้กับพ่อของเขา เพื่อแลกกับหุ้นบางส่วนในธุรกิจของกิตติที่สิงคโปร์
“คุณนันทาครับ คอนโดของเราจะเปิดให้เช่าต้นเดือนหน้า ผมจะยกให้คุณดูแลทุกอย่างแทนผม โดยที่ผมจะทำหน้าที่ดูแลเรื่องของกฎหมายเท่านั้นครับ”
นันทาเป็นคนเก่าแก่ของบิดาของเบน เธอเคยอยู่สิงคโปร์อยู่พักหนึ่ง กิตติส่งเธอมาดูแลบ้านและทรัพย์สมบัติในเมืองไทยให้กับครอบครัวเขา
“ทำไมล่ะคะ ” นันทาถามด้วยความแปลกใจ
“ผมเป็นแค่ลูกจ้างของคุณกิตติอีกที หุ้นส่วนใหญ่ยังเป็นเพื่อนของคุณท่านครับ ดังนั้นการดูแลเรื่องการเงินผมจึงขอยกให้เป็นหน้าที่ของคุณนันทา ส่วนผมจะช่วยเรื่องอื่น โดยเฉพาะเรื่องกฎหมายและการตลาดครับ”
เบนพูดปดเพราะเขาอยากมาเริ่มต้นใหม่ในฐานะของคนธรรมดา ไม่ใช่ลูกชายเจ้าของธุรกิจพันล้าน เพราะถ้าเขายังคงเป็นเบนลูกชายของกิตติเศรษฐีไทยในสิงคโปร์ ชีวิตเขาก็คงไม่พ้นมีผู้หญิงที่หิวเงินมารุมล้อม และคงไม่มีผู้หญิงดีที่ไหนอยากมายุ่งเกี่ยวกับเขา ถ้าได้รู้ชื่อเสียงอันไม่น่าน่าจดจำของเขา
“คุณเบนคะ ตอนนี้คอนโดของเราถูกจองเต็มทุกห้องแล้วนะคะ เราจะเปิดให้ทุกห้องเข้าอยู่ได้อีกสิบวันค่ะ”
นันทาอดที่จะมารายงานเจ้านายไม่ได้ แต่เธอก็พูดคุยแบบธรรมดา ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไร
“ครับ ส่วนในเรื่องของสัญญา ผมตรวจดูเรียบร้อยแล้วนะครับ ที่เหลือคุณนันทาจัดการได้เลยนะครับ”
ธุรกิจคอนโดของชายหนุ่มดำเนินไปได้ด้วยดี เขาให้นันทาดูแลเรื่องเงินทุกอย่าง โดยการทำบัญชีรายงานเขาทุกเดือน แต่ให้ใช้ชื่อในรายงานเรื่องการเงินเป็นชื่อของกิตติแทน
เบนใช้เวลาในการเดินทางหาที่ดิน ที่เหมาะกับการสร้างคอนโดนแห่งใหม่ เพราะที่นี่เขาสามารถไว้ใจนันทาให้ดูแลทุกเรื่องได้แล้ว
“ผู้หญิงที่มาช่วยคุณทำงานอยู่บ่อยๆใครกันครับ”
ชายหนุ่มถาม หลังจากสังเกตจากการดูกล้องวงจรปิดในห้องทำงานของนันทา และพบว่ามีผู้หญิงที่ดูเด็กกว่าเขา เข้ามาช่วยนันทาทำงานอยู่บ่อยๆ
“มายาค่ะ เธอเป็นน้องสาวแท้ๆของฉันค่ะ เธอกำลังเรียนอยู่ปีสุดท้ายแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้วค่ะ”
“อืม ก็ดีเหมือนกัน มาช่วยทำงาน เวลาคุณนันทางานยุ่งๆจะได้มีคนช่วย”
“เอ้ามาพอดีเลยค่ะ” นันทาชี้มือไปที่น้องสาวที่กำลังเดินเข้าประตูมา
“แนะนำว่าผมคือทนายความของที่นี่นะครับ” ชายหนุ่มหันไปกำชับ
“สวัสดีค่ะ”
มายายหมือไหว้เบนทันที เพราะเธอแน่ใจว่าเขาต้องอายุมากกว่าเธอแน่นอน
“นี่คือคุณเบน ทนายความของคุณกิตติ หุ้นส่วนของบริษัทจ้า”
นันทาแนะนำตามที่ชายหนุ่มกำชับไว้ทุกประการ เพราะเธอก็เข้าใจว่าเบนคือลูกน้องคนสนิทของหุ้นส่วนใหญ่ ที่มาทำหน้าที่เรื่องกฎหมายเท่านั้น
“ฉันชื่อมายาค่ะ เป็นน้องสาวของพี่นันทา” หญิงสาวแนะนำตัว
“ฉันรู้แล้วแหละ คุณนันทาเพิ่งพูดถึงเธอให้ฟัง ขยันดีนะมาช่วยงานพี่สาวเกือบทุกวัน”
เบนรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวตรงหน้า เพราะใบหน้าของเธอดูเรียบร้อย จริงใจ ไม่เหมือนสาวๆรุ่นเดียวกันที่เขาเคยเจอที่สิงคโปร์
“ฉันไปก่อนนะ พรุ่งนี้อาจไม่ได้เข้ามาที่นี่มีอะไรโทรไปนะครับ”
ชายหนุ่มเดินแยกออกมาจากพี่น้องทั้งคู่ เพื่อไปนั่งในรถแอบดูทั้งคู่จากกล้องวงจรปิดที่เขาติดไว้ในห้องทำงานของนันทา ด้วยความสนใจในตัวของมายา เพราะรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูกถึงแม้จะเพิ่งได้เจอหน้ากันเพียงแค่ครั้งแรก ปกติชายหนุ่มจะเห็นผ่านทางกล้องวงจรปิดอย่างเดียว
“พี่นันคะ ทนายคนนี้เขาชื่ออะไรนะคะ มายาฟังไม่ชัดแต่ไม่กล้าถามต่อหน้าเขาเมื่อกี้”
หญิงสาวได้ยินชื่อของชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักไม่ชัดแต่จะถามตอนนั้นเลยก็กลัวจะเสียมารยาท เพราะรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังมองเธออย่างสนใจ
“ชื่อคุณเบนจ้า หล่อไหม”
นันทาถามน้องสาวคนเดียวของเธอเพราะเธอแอบสังเกตเห็นแววตาที่ชายหนุ่มมองน้องสาวแบบสนใจ และมายาเองก็เอาแต่ก้มหน้าเพราะความเขินอาย
“ดูเจ้าชู้เสียมากกว่าค่ะ มองทีมายาขนลุกไปทั้งตัว”
คนพูดทำท่าขนลุกไปด้วย จนพี่สาวอดหัวเราะกับสีหน้าและท่าทางของน้องสาวไม่ได้
“เราสองพี่น้องนี่งานการไม่ทำ มานินทาคนอื่นอยู่ได้ ไปมายาไปทำบัญชีให้พี่ต่อ เดี่ยวพี่จะขึ้นไปชั้นห้าเสียหน่อย นัดกับลูกค้าไว้”
นันทาไว้ใจให้น้องสาวทำบัญชีแทนเธอ เพราะน้องสาวสามารถทำมันได้ดีเพราะมายาเป็นคนหัวไว เรียนรู้ทุกอย่างได้เร็ว
“ฝนตกมองแทบไม่เห็นทางเลยนะคะ”
สองคนพี่น้องขับรถกลับบ้าน กลางสายฝนที่ตกอย่างหนัก แค่ฝนก็แย่แล้ว ลมข้างนอกยังพัดแรง จนนันทาต้องพยายามเพ่งมองทาง เพราะกระจกมีแต่เม็ดฝนจนมองแทบไม่เห็นทาง
“ว๊าย”
เสียงร้องของหญิงสาวที่ดังพร้อมกัน เมื่อรู้สึกได้ว่า มีบางอย่างกำลังพุ่งชนรถของพวกเธอ
“คุณนันทาเป็นอย่างไรบ้างครับ”
เบนมาโรงพยาบาลทันที หลังจากทางตำรวจโทรศัพท์ไปตามเบอร์โทรศัพท์ล่าสุดของนันทา
“คุณนันทาบาเจ็บที่บริเวณขา ต้องทำการผ่าตัด ส่วนคุณมายาเธอแค่ตกใจ จนสลบไป ตอนนี้ฟื้นแล้ว อยู่ในห้องฉุกเฉินครับ”
เบนจัดการดูแลเรื่องการรักษานันทา ให้คุณหมอสามารถดำเนินการด้วยวิธีที่ดีที่สุด เรื่องค่าใช้จ่ายเขาจะเป็นคนดูแลเอง หลังจาเสร็จสิ้นในส่วนของพี่สาว ชายหนุ่มก็ตามไปดูมายาที่ห้องฉุกเฉิน
“รอใบสั่งยาจากคุณหมอ แล้วก็กลับบ้านได้เลยค่ะ ”
พยาบาลเดินมาชี้แจงเมื่อเบนต้องการถามอาการของมายา
“คุณนอนรออยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวผมจะไปจัดการเรื่องยาให้ ส่วนพี่สาวคุณปลอดภัยแล้ว เหลือต้องทำการผ่าตัดรักษากระดูกที่ขา แต่คงไม่ใช่วันนี้ ”
“ฉันไม่กลับ ฉันจะอยู่เฝ้าพี่นันทา” มายาเป็นห่วงพี่สาว
“คืนนี้พี่สาวของคุณยังต้องรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยหนัก อย่างไรคุณก็เข้าไปเฝ้าไม่ได้ คุณควรกลับไปพัก และติดต่อหาสามีของพี่สาวคุณเพื่อให้เขามาดูแลภรรยาให้เร็วที่สุด”
มายาห่วงพี่สาวจนลืมไปเลยว่า เธอยังไม่ได้โทรศัพท์ไปบอกพี่เขยที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัดให้รู้ข่าวของภรรยาตัวเองเลย
“คุณอยู่กับพี่สาวสองคนเหรอ”
เบนชวนหญิงสาวคุย เมื่อเขากำลังขับรถไปส่งเธอที่บ้าน เพราะกลัวมายาจะเอาแต่กังวลเรื่องพี่สาว
“ใช่ค่ะ นานๆทีพี่เขยถึงจะกลับมา เพราะบางครั้งพี่นันทาก็เป็นคนไปหาพี่เขยเอง”
“คุณไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องค่ารักษาพยาบาลของพี่สาวนะ ผมจะจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“คุณเบนจะจ่ายให้เหรอคะ”
มายาหันไปถามชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่ เพื่อความแน่ใจ ว่าเธอได้ยินและเข้าใจไม่ผิด
“เอ่อ..ผมหมายถึง ทางบริษัทจะดูแลให้ ผมได้บอกเรื่องนี้กับเจ้านายที่สิงคโปร์แล้ว ท่านบอกให้ดูแลคุณนันทาให้ดีที่สุดครับ”
เบนรู้ตัว ว่าตัวเองเผลอพูดออกไป จนเกือบทำให้หญิงสาวที่นั่งข้างๆสงสัย เขาจึงรีบแก้ตัวทันที
“ฝากขอบคุณ เจ้านายพี่นันทาด้วยนะคะ โรงพยาบาลเป็นของเอกชน ฉันยอมรับเลย ว่าแอบกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่”
“ครับแล้วผมจะบอกให้ ส่วนเรื่องรถทางประกันจะจัดการเพราะเป็นประกันชั้นหนึ่ง” เบนอธิบาย
“ฝนมันตก จนมองอะไรแทบไม่เห็น ตอนที่เกิดเหตุตอนแรกฉันคิดว่า มีรถพุ่งมาชนพวกเรา ที่ไหนได้ กลายเป็นเราพุ่งไปชนกับต้นไม้เองเสียอย่างนั้น”
มายารู้สึกสงสาร เป็นห่วง และเสียใจกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น เธออยากช่วยพี่สาวให้ได้มากกว่านี้ แต่เธอกลับทำอะไรไม่ได้เลย
“พี่เขยของคุณจะเดินทางมาถึงเมื่อไหร่”
“คืนนี้ค่ะ ”
สามีของนันทา เดินทางทันทีหลังจากรู้เรื่อง และเขาลางานเพื่อเตรียมมาดูแลภรรยาเรียบร้อยแล้ว
“คืนนี้คุณก็พักผ่อน อย่ากังวลอะไร คุณเองก็บาดเจ็บ” ชายหนุ่มแอบเห็นมายาแอบเช็ดน้ำตาที่เธอพยายามเก็บกลั้นมันไว้
“ฉันช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลย” หญิงสาวบีบมือตัวเองด้วยความกังวล
“ช่วยได้สิ อย่างน้อยงานที่คอนโด คุณก็ต้องไปดูแลแทนคุณนันทา เพราะคุณก็เคยช่วยอยู่ มาน่าจะมีปัญหาอะไร”
“ค่ะ คุณเบนบอกคุณท่านที่สิงคโปร์ด้วยนะคะ ว่าฉันจะทำแทนพี่นันทาเองไม่ต้องเป็นห่วง
“รักษาตัวเองให้ดี ทำหน้าที่แทนพี่สาวคุณ แค่นี้คุณก็เป็นน้องส่าวที่ดีแล้ว ส่วนเรื่องงานไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะบอกท่านให้”
เบนไม่คิดเลยว่า วันนี้เขาต้องกลายเป็นคนแข็งแกร่งเพื่อให้คนข้างๆได้พึ่งพิง เพราะผู้หญิงแต่ละคนที่เข้าในชีวิตเขา ไม่เคยมีเลย ที่เขาจะต้องมาดูแลแบบนี้
ขโมย “จูบเป็นแล้วใช่ไหม” เบนดึงตัวหญิงสาวให้แยกออกจากเขา ทั้งที่มายากำลังหลับตาพริ้มและเผลอปล่อยตัวเอง ไปตามอารมณ์ที่ถูกชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์อย่างเบนหยิบยื่นให้ “ผมจูบคุณได้ทั้งที่ผมไม่ได้เป็นแฟนคุณ และผมก็สามารถทำได้มากกว่านี้ ถ้าผมต้องการ มายาเข้าใจหรือยัง ว่าความรัก กับการมีสัมพันธ์ทางกายมันคือเรื่องเดียวกันไหม ผมให้คำตอบคุณแล้วนะ” ชายหนุ่มก็มีอารมณ์ไม่ต่างจากมายาตอนนี้ แถมมีมากกว่าด้วยซ้ำ แต่เขาตั้งใจแล้วว่า มาอยู่เมืองไทยครั้งนี้ เขาจะเป็นคนใหม่ และหญิงสาวตรงหน้า ก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะมองเธอไร้ค่าเหมือนคนอื่นที่เคยผ่านมา “ไปอาบน้ำแล้วเข้านอน อย่าคิดเรื่องนี้อีก ตอนนี้คุณต้องเรียนให้จบ ดูแลพี่สาวและที่สำคัญต้องไปช่วยผมทำงานแทนพี่สาวคุณ” เบนมั่นใจว่าผู้หญิงตรงหน้า ยังคงบริสุทธิ์อยู่และเขาก็ไม่ต้องการทำลายเธอเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เขาจึงขอตัวกลับบ้าน เพราะถ้าขืนอยู่นานเขาก็ไม่ไว้ใจตัวเองเหมือนกัน ตั้งแต่นันทาประสบอุบัติเหตุ สามีของเธอก็พาเธอไปอยู่ด้วยที่ต่างจังหวัด เพราะเขาต้องทำงานและจะได้ดูแลภรรยาได้อย่างใกล้ชิด เ
สืบ หลังจากที่รู้เรื่องที่แฟนของมายามีภรรยาอยู่แล้ว และเธอกำลังตั้งครรภ์ เบนก็ตัดสินใจที่จะยังไม่บอกเรื่องนี้กับหญิงสาว เพราะเขายังต้องการรู้ว่า แมนอยู่เบื้องหลังการยักยอกเงินของบริษัทหรือไม่ นักสืบกลับมารับงานอีกครั้ง หลังจากทำงานที่เร่งด่วนสำเร็จแล้ว เมื่อได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากเบน นักสืบก็ไปดำเนินการหาข้อมูลต่อทันที “เย็นแล้วกลับบ้านยังงละวันนี้” เบนเดินเข้าไปหามายาในห้องทำงาน เห็นเธอกำลังเตรียมตัวเก็บของเพื่อกลับบ้าน จึงลองถามเธอเพราะใจจริงเขาก็อยากไปส่งเธอที่บ้าน “เดี๋ยวแมนมารับค่ะ” คนตอบสีหน้าดูมีความสุข “แฟนของเธอ เขาทำงานที่ไหน ถึงได้มีเวลามาหาเธอช่วงกลางวันบ่อยๆ” ชายหนุ่มแกล้งทำเสียงจริงจังถาม “ฉันไม่ได้ออกไปไหนในเวลางานเลยนะคะ” หญิงสาวทำท่าตกใจ “ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย แค่สงสัยว่าแฟนของคุณทำงานแถวนี้เหรอถึงได้มาหาได้บ่อยๆ” “เปล่าค่ะ เขาทำงานรับส่งเอกสาร เวลาผ่านมาทางนี้ก็ถึงจะแวะมาหา” คนตอบสีหน้าดีขึ้น “แล้วเวลากลับเขามารับทุกวันใช่ไหม ที่ถามก็เป็นห่วง บ้านอยู่ไกลจากบริษัท แถมต้องกลับค่ำมืดทุกวัน”
ทะเล “พร้อมบินหรือยัง” เบนหันมาทำท่าเหมือนเขากำลังจะเหยียบคันเร่ง เพื่องเร่งความเร็วรถ เมื่อทั้งคู่ออกมาพ้นตัวเมืองหลวง เข้าสู่เขตต่างจังหวัด จนคนนั่งข้างๆทำท่าตกใจ “ไม่ขับเร็วนะคะ ฉันกลัว กลัวอย่างวันนั้น” เบนหันไปมองหน้าหญิงสาวที่ตอนแรกเขาตั้งใจจะแกล้ง แต่คนขับลืมคิดไปว่า มายาเพิ่งผ่านอุบัติเหตุครั้งใหญ่มา จนเธอกับพี่สาวเกือบเอาชีวิตไม่รอด “ผมล้อเล่นนะ ไม่เอาไม่ทำหน้าแบบนี้ เรื่องบางเรื่องเราก็อย่าไปคิดถึงมัน อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้กับทุกคนและคุณโชคดี คิดแบบนี้สิ ไหนหันมายิ้มสิ ” มายาหันหน้ามาทำหน้าฝืนยิ้ม ให้กับเจ้านาย จนตัวเธอเห็นหน้าตัวเองในกระจกยังอดขำหน้าฝืนยิ้มของตัวเองไม่ได้ “หัวเราะแบบนี้ น่ารักกว่าหน้าเมื่อกี้เยอะเลย” สองคนมองหน้ากันแล้วพากันหัวเราะ ต่างคนต่างเป็นตัวของตัวเองอย่างไม่ต้องกลัวใครเห็นหรือได้ยิน เพราะภายในรถมีแค่เขาสองคนเท่านั้น “นานแล้วนะคะ ที่ฉันไม่ได้หัวเราะแบบนี้” มายาเปลี่ยนเสียง แต่ใบหน้ายังคงยิ้มอยู่ “ทำไมล่ะ” เบนสงสัย “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่รู้สึกชีวิตตัวเองไม่ได้ขำ
หัวใจมันหวั่นไหว“เป็นอะไรทำไมตาแดงแบบนั้น คุณร้องไห้เหรอมายา”เบนมองหน้าหญิงสาวที่ก่อนขึ้นไปยังยิ้มสดชื่นดีอยู่ แต่พอเขาลงมาเธอกลับตาบวมช้ำเพราะผ่านการร้องไห้มา“เปล่าค่ะ นั่งหาวรอคุณจนน้ำตาไหล ขยี้ไปขยี้มาตาเลยแดง”คนตัวเล็กโกหกเพราะไม่อยากทำให้คนตรงหน้า มองแฟนเธอไปในทางที่ไม่ดีมากกว่านี้“ง่วงก็ไม่หลับไป เดี๋ยวผมลงมาก็ปลุกเอง”เบนเองก็ไม่ได้เชื่อในคำโกหกของมายา แต่ก็ไหลตามน้ำไปเพราะไม่อยากขัดคอ“หลับตรงนี้เหรอคะ มีหวังได้กรนหรือไม่ก็น้ำลายไหลยืด จนคนเดินผ่านไปผ่านมามองกันเป็นแถวแน่ๆ”หญิงสาวทำท่านอนกรน กับท่าน้ำลายไหลยืดจนเบนเองเห็นแล้วอดขำในความน่ารักของเธอไม่ได้“เดี๋ยวพาไปเที่ยว เลี้ยงข้าว จ่ายโอทีหนักๆ เป็นค่าตอบแทนแล้วกัน ไม่ต้องยิ้ม เงินท่านทั้งนั้น ไม่ใช่เงินผม”เรื่องงานเสร็จแล้ว เหลือแต่เรื่องของเราเท่านั้น ภายในใจของเบนกำลังต้องการรู้จักผู้หญิงที่เขาพามาด้วยให้มากขึ้น“ร้านอาหารร้านนี้ผมไม่เคยไปหรอกนะ แต่เห็นเขาแชร์กันเยอะ เลยอยากลอง”เมื่อรถจอดสนิท คนขับก็รีบบอก เพราะกลัวว่าถ้าร้านไม่ดี อาหารไม่อร่อยจะโดน คนที่เขาพามาด้วยตำหนิเอา“คนเยอะเลย มีแต่รถหรูๆทั้งนั้น ราคาคงแพงน
หลักฐาน สิ่งแรกที่ทำเมื่อชายหนุ่มกลับถึงบ้านคือการเปิดโทรศัพท์ เพื่อฟังคลิปเสียงที่นักสืบส่งมาให้ ‘ทำไมมาทำงานแบบนี้’ (นักสืบ) ‘รายได้มันดีนี่ครับ แถมทำตอนกลางคืน กลางวันก็ยังมีเวลาไปทำงานได้’ (แมน) ‘เราชอบผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่ พี่ว่าเราดูไม่เป็นจริง’ (นักสืบ) ‘ผมได้หมด ได้หมดถ้าสดชื่น ผมไม่ได้สนใจอะไรกับคำว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่ผมสนใจแค่ว่า ผมอยู่กับใคร แล้วใครให้ผมได้มากกว่ากัน’(แมน) จากการฟังคลิปเสียง ที่ยาวนานเกือบสิบห้านาที นอกจากบทสนทนาที่ส่อไปทางอนาจารแบบรักร่วมเพศระหว่างชายกับชายแล้ว ก็ยังเป็นการพูดถึงผู้หญิงต่างๆที่เข้ามาในชีวิตของแมนมายาเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่แมนพูดถึง แม้ว่าเขาจะไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่สิ่งที่เขาเล่าให้นักสืบที่ปลอมตัวไปซื้อบริการเขาฟัง เบนก็พอเดาได้ว่าหมายถึงผู้หญิงที่เขากำลังสนใจอยู่คืนนั้นที่มายาอยู่กับเบนที่ทะเล แมนก็ได้พูดถึงจนชายหนุ่มเข้าใจเรื่องได้ทันที ว่าเงินที่แมนโทรมาขอ และอ้างว่าขับรถชนคน แท้ที่จริง เขาเสียการพนันบอลและกำลังโดนเจ้าหนี้เล่นงานนอกจากคลิปเสียง สิ่งที่นักสืบส่งมาด้วย คือใบทะเบียนส
เราจะเริ่มต้นใหม่ ที่กลางทะเลกัน“มืดแบบนี้เราจะนั่งเรือไปเลยเหรอคะ”กว่าทั้งคู่จะมาถึงทะเลท้องฟ้าก็มืดลงสนิท คนไม่เคยนั่งเรือมาก่อนอย่างมายาเริ่มเป็นกังวล“คืนนี้เราจะนอนที่ฝั่งก่อน ช่วงมรสุมแบบนี้ ข้ามไปตอนนี้มีหวังตายกันกลางทาง”“เฮ้อ!..” หญิงสาวถอนหายใจ“ทำไมกลัวเหรอ ไม่ต้องกลัวหรอก พรุ่งนี้ถึงจะได้เมาเรือ ใจเย็นนะ”คนพูดกลั้นหัวเราะไว้ในคอ เพราะกลัวหญิงสาวตรงหน้าจะงอนเขาให้อีก ที่ไปล้อเลียนเธอเรื่องอ้วก“ไม่กลัว คุณคิดแต่ว่าฉันจะเมาเรือ จริง ๆ ฉันอาจจะนั่งชมวิวข้างทางแบบสบายใจก็ได้”มายาแกล้งทำเป็นเก่ง เพราะอยากให้อีกฝ่ายเลิกล้อเธอเรื่องนี้เสียที ทั้งที่ตัวเธอเองก็พยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้ไม่เมาเรือ“เราจะพักกันที่นี่เหรอคะ”รีสอร์ตข้างทางที่ดูสวยงามแต่มายารู้สึกมันดูเงียบจนเธอเริ่มกลัวถ้าชายหนุ่มจะพักที่นี่“ผมไม่ได้จองที่พักไว้ล่วงหน้า ถ้าไปพักโรงแรมในเมือง พรุ่งนี้เราคงต้องตื่นเช้าเพื่อนเดินทางมาขึ้นเรือ แต่ถ้าเราพักแถวนี้ พรุ่งนี้เราก็ไม่ต้องรีบ คุณถามทำไมกลัวเหรอ”มายาพยักหน้าแทนคำตอบ เธอไม่เคยต้องมาพักที่แบบนี้ บรรยากาศดูเงียบ ห้องทุกห้องปิดสนิท ถ้าหากเธอต้องนอนคนเดียว มีหว
ผมเริ่มจีบคุณแล้วนะ “หน้าเปลี่ยนสีเลย ไหวไหม” เรือแล่นออกจากฝั่งได้เกือบครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงจุดจบสายแข็ง มายาเริ่มมีอาการพะอืดพะอม “ยังไหวอยู่ค่ะ แต่อีกนานไหมคะกว่าจะถึง” “พี่ครับใกล้ถึงหรือยัง” เบนเขาก็ไม่เคยมาที่เกาะแห่งนี้เหมือนกัน จึงตะโกนถามคนขับเรือต่อ เพราะคงเป็นคนเดียวที่รู้คำตอบ “เรามาได้ครึ่งทางแล้วครับ” คนขับหันมาตอบ แต่ก็ไม่ได้สนใจกับภาพที่เห็นเสียเท่าไหร่ เขาคงจะรู้สึกชินกับการที่เห็นคนเมาเรือ “ใกล้แล้ว คุณนอนพิงผมดีกว่า แล้วหลับไปเลย พยายามอย่าคิดว่านั่งเรืออยู่” คนพูดใช้มือค่อยๆโน้มศีรษะของหญิงสาวให้ลงมาแนบกับอกของเขา มือหนาโอบกอดร่างเล็กไว้ และพยายามขยับให้เธออยู่ในท่าที่นอนได้สบายที่สุด มายานอนขดตัวคุดคู้อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม เธอพยายามจะหลับ แต่ร่างกายมันไม่ยอม ดื้อดึง “อ้วก! อั้ว !” เมื่อเรือจอด หญิงสาวก็รีบลุกออกจากอกหนา และอาเจียนอาหารเช้าออกมาหมด โชคดีที่เธอหันหน้าออกนอกเรือทัน “อ้วกออกมาให้หมด คุณจะได้รู้สึกดีขึ้น” เบนลูบหล
คืนแรกกับทะเลและชายแปลกหน้า “สวยมากเลยค่ะ ข้างนอกว่าดูดีแล้ว ข้างในยิ่งดูดีเข้าไปอีก” หญิงสาวตื่นตาตื่นใจ กับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ที่พักแบบนี้เธอไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้มาพัก เพราะดูจากการตกแต่งก็รู้เลยว่าราคาคงไม่ธรรมดาแน่นอน “ในนี้ไม่มีห้องนอนนะ มีแต่ห้องครัว ห้องน้ำและที่ในห้องน้ำจะมีห้องแต่งตัวให้ คุณไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีพื้นที่ส่วนตัว” เบนตั้งใจเลือกที่นี่ เพราะถูกใจตรงที่ไม่มีห้องนอน มีเพียงที่นอนที่มีลักษณะคล้ายกับโซฟาแต่มีขนาดใหญ่ สามารถนอนได้สองคนสบายๆ วางอยู่ใจกลางห้องโถง เขากลัวว่าถ้ามีห้องนอนเป็นสัดเป็นส่วน จะยิ่งทำให้เขาหาโอกาศใกล้ชิดกับคนที่พาด้วยยากขึ้น แบบนี้เธอกับเขาต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลายกเว้นก็แต่ตอนอาบน้ำและทำธุระส่วนตัวเท่านั้น “แบบนี้เราก็ต้องนอนด้วยกันสิคะ” “ถ้าคุณไม่ไว้ใจผม ผมนอนข้างนอกก็ได้” มายาแค่ถาม โดยที่เธอยังไม่ทันได้คิดอะไร แต่คนตอบทำท่าทางประชดประชันแกมน้อยใจ จนคนถามรู้สึกผิด“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ฉันแค่ถาม ถ้าไม่ไว้ใจคุณแล้วจะมาด้วยถึงที่นี่ไหม หรือคุณคิดว่าที่ฉันยอมมาที่นี่เพราะเห็นแก่ที่คุณช่วยปกป
ตอนที่ 11เติมเต็ม ดาวิกาก้าวเข้ามาเป็นสะใภ้ในครอบครัวของทรงธรรมอย่างเต็มตัวและเต็มใจ เธอเป็นที่รักของยมโดยอย่างมาก เพราะหญิงสาวทำกับข้าวได้ถูกปากแม่สามี วันนี้เป็นวันที่ทรงธรรมจะได้กลับบ้านหลังจากที่ต้องไปนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสองเดือน ในส่วนของคดีก็ยังดำเนินต่อไป โดยที่ทรงธรรมปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนาย เขาไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เพราะมันทำให้เขาเจ็บปวด หลานสาวทั้งสองคนที่เป็นลูกของผจญ ทรงธรรมในฐานะลุงได้ยกที่ดินให้คนละสองไร่ ซึ่งราคาตอนนี้ก็ไร่ละเป็นล้าน พร้อมเงินในบัญชีที่ทั้งคู่จะเบิกไปใช้ได้ก็ต่อเมื่ออายุยี่สิบปีบริบูรณ์อีกคนละห้าแสนบาท “ที่พ่อทำแบบนี้ พ่อไม่ได้คิดจะให้ผจญมันสำนึกได้ แต่เพราะหลานทั้งสองคนไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ถ้าผจญต้องติดคุก จะได้มีที่ดินเอาไว้ขายเอาเงินมาใช้จ่ายกัน เราโตแล้ว ต้องแยกให้ออกว่าเรื่องบางเรื่องมันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทุกคน” ปองภพชื่นชมในการตัดสินใจของบิดา คนดี ๆ แบบนี้ไม่น่าจะมีใครมาคิดร้ายด้วยเลย เพราะท่านมีแต่ให้จริง ๆ ยมโดยเรียกลูกชายและลูกสะใภ้เข้ามาใกล้ๆ เธอมีบางอย่างอ
ตอนที่ 10ความจริงที่เจ็บปวด ยมโดยโอบกอดลูกชายด้วยความดีใจและเรียกดาวิกาเข้ามากอดด้วย เธอร้องไห้แต่เหมือนยังมีสติ “ฟังแม่นะพล พ่อถูกทำร้าย แม่คิดว่าเมื่อครั้งที่แล้วก็ใช่ แต่ครั้งนี้มันคงหวังให้พ่อพิการหรือไม่ก็ตายเองจากอาการสาหัส และแม่ก็พอเดาออกว่าใคร” ปองพลฟังด้วยความตื่นเต้น เพราะเขาไม่เคยรู้เลยว่าพ่อแม่บุญธรรมของเขามีศัตรู “ใครกันครับ” “น้องชายของพ่อ เพราะวันที่ลูกมาหาแม่และกลับไป เราสองคนได้พูดถึงเรื่องการทำพินัยกรรม พ่อกับแม่จะยกเงินและหุ้นในอู่ต่อเรือของครอบครัวพ่อคืนให้พี่น้องเขา ส่วนทรัพย์สินที่พ่อกับแม่สร้างกันขึ้นมาเอง เราจะยกให้ลูก และวันที่เราพูดเรื่องนี้ก็มีเพียงแม่บ้านที่อยู่ด้วย แต่อีกวันน้องชายคนเล็กของพ่อก็พาหลาน ๆ มาหา” ปองพลตกใจมาก เพราะในบรรดาพี่น้องของพ่อบุญธรรมเขา มีน้องชายคนเล็กเพียงคนเดียวที่ยังไปมาหาสู่กันตลอด “คุณผจญ ท่านดูเป็นคนอ่อนโยนและดูเป็นห่วงพ่อมาก มันจะเป็นเรื่องจริงเหรอครับ” “เขามาที่นี่พร้อมหลาน ๆ และถามพ่อกับแม่เรื่องอู่ที่พ่อกับแม่มีอยู่ เขาพยายามพูดให้เห็นว่าพลเป็นเพียงแค่ล
ตอนที่ 9อุบัติเหตุ ปองภพดีใจที่สุดที่วันนี้มาถึง วันที่เขาได้พูดความจริงและดาวิกาก็ยอมที่จะแต่งงานตามคำขอของเขา ข่าวเรื่องที่ปองภพไม่สบายทำให้ทรงธรรมร้อนใจมากจึงได้รีบเดินทางมาหา โชคดีที่จังหวัดที่เขาอยู่มีสนามบินอยู่ไม่ไกล จึงไม่ใช่เรื่องยากในการเดินทาง “ปองภพลูก” ดอมพาทรงธรรมมาหาปองภพที่ห้องเช่าของเขา ภาพห้องเช่า ข้าวของที่ใช้สำหรับทำกับข้าวขาย และดาวิกากับน้อง อดทำให้ทรงธรรมรู้สึกสงสารไม่ได้ “พ่อได้ข่าวว่าไม่สบาย แม่เขาก็ร้อนใจสั่งให้พ่อมาดูด้วยตาตัวเอง” ปองภพดีขึ้นแล้ว พยายามทรงตัวขึ้นมานั่งคุยกับบิดาที่เดินทางไกลมาด้วยความเป็นห่วง “ไข้ลดตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วครับพ่อ” คนป่วยพูดจบก็หันไปทางดาวิกา เพราะทั้งสองคนยังไม่ได้รู้จักกันเลย “ดา พ่อของพี่” หญิงสาวยกมือไหว้ หัวใจของเธอมันสั่นอย่างบอกไม่ถูก บุคลิกท่าทางของทรงธรรมมีความเป็นทั้งผู้ใหญ่และผู้ดี จนเธอรู้สึกต่ำต้อยเกินไปที่จะไปเป็นสะใภ้ของเขา “น่ารักกว่าที่ฉันคิดไว้นะ เห็นพลเล่าให้ฟังว่าทำกับข้าวเก่งมาก ไว้แต่งงานกันแล้ว ไปหาทำเลเปิดร้
ตอนที่ 8เจ้าของอู่..สู่..พ่อค้าขายแกง “พ่อกับแม่ชักอยากจะเห็นหน้าอนาคตลูกสะใภ้คนนี้จัง แก้เกมได้ทันคนจริง ๆ ” ทรงธรรมฟังเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากปากของลูกชาย เขารู้สึกเห็นด้วยกับดาวิกา การที่ปองภพยืนยันว่าเขาคือคนเดิม เขาก็ต้องกลับไปลำบากอีกครั้งให้ได้ แล้วเวลาหนึ่งเดือน ไม่ใช่เรื่องที่จะฝืนทนกันได้ถ้าไม่เต็มใจ “ปองภพแล้วลูกล่ะคิดว่าทำได้ไหม” ชายหนุ่มถามคำถามนี้กับตัวเองมาทั้งคืนแล้ว และเขาก็มีคำตอบเดียวในหัวใจ “บ้านไม่มีอยู่ นอนใต้ต้นไม้ ขอข้าววัดกิน ผมก็ผ่านมาแล้ว เพิ่งจะได้เป็นคุณปองภพแค่ไม่กี่ปี ผมว่าตัวเองยังคุ้นชินกับความจนมากกว่าความรวยเสียอีก” พ่อกับแม่ได้ยินลูกชายบุญธรรมพูดแบบนี้ก็ทั้งสบายใจและดีใจ เพราะทั้งสองคนตั้งใจจะยกสมบัติทั้งหมดที่เขาสองคนหามาได้ให้กับปองพล ส่วนสมบัติที่ได้จากบรรพบุรุษ ทั้งคู่จะคืนให้กับคนในตระกูล ยมโดยหันไปพูดกับสาวมี ด้วยน้ำตานองหน้า จนทรงธรรมตกใจรีบเดินมานั่งข้าง ๆ แล้วกอดภรรยา “เราเลือกคนไม่ผิดจริง ๆ ค่ะ ภพไม่เคยลืมตัว ถึงเขาจะไม่ใช่สายเลือดแต่เขาคือผู้ให้ชี
ตอนที่ 7 เสียความรู้สึก “เป็นอะไรวันนี้ กลับบ้านทำหน้าตาเหมือนเบื่อโลก” ดาวิกาเห็นหน้าน้องชายแล้วอดถามไม่ได้ เพราะปกติกลับมาจากที่ทำงานจะร่าเริงและจะต้องมาอวดว่าวันนี้ทำงานได้เงินเท่าไหร่ แต่วันนี้กลับเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเศร้า ๆ เหมือนมีความกังวลอยู่ในใจ “พี่ดาวันเสาร์นี้ที่อู่จัดงานเลี้ยง เจ้านายผมบอกให้พี่ไปด้วย ตกลงนะ” ดอมถามเองตอบเอง และไม่ยอมมองหน้าพี่สาว ด้วยกลัวตัวเองจะเผลอแสดงพิรุธอะไรไป “พี่ไม่รู้จักใครแล้วจะให้พี่ไปทำไม” หญิงสาวเดินตามน้องชายเพื่อต้องการอยากรู้เหตุผล เพราะเธอไม่ใช่พนักงานที่นั่น “เขากินกับข้าวพี่กันทุกคน เขาก็รู้จักพี่กันทั้งนั้นและ เพื่อนผมก็ไอ้พวกที่มาช่วยยกของ ล้างของบ่อย ๆ ไปเถอะ หาซื้อชุดสวย ๆ ใส่ไปด้วยนะ งานเริ่มหนึ่งทุ่มเสาร์นี้” ดาวิกาไม่อยากขัดใจน้องชายและเห็นดอมดูอารมณ์ไม่ค่อยดีจึงไม่อยากถามต่อ ดอมปิดไฟได้เวลาเข้านอน ห้องเช่าสี่เหลี่ยมที่ไม่เล็กมาก พอให้สองพี่น้องมีมุมแยกกันส่วนตัว แต่ก็มองเห็นกันได้ ชายหนุ่มนอนมองพี่สาวที่เอาแต่เฝ้าจับโทรศัพท์ตลอด เ
ตอนที่ 6บอกผู้ใหญ่ ยมโดยแม่บุญธรรมของปองภพมีอาการไม่ค่อยดี เพราะเธอเดินไม่ได้แต่ยังพยายามที่จะลุก จนล้มหน้าคว่ำกับพื้น ทรงธรรมมีเรื่องยุ่ง ๆ เกี่ยวกับการสั่งเครื่องจักรเข้ามาในอู่ที่ใต้ ขาจึงต้องเดินทางไปจีน จึงให้ปองภพลงมาดูแลยมโดยแทนเขา “เมื่อคืนแม่ก็อยู่คนเดียวได้ ไม่เห็นต้องยุ่งยากให้ภพมาดูแม่เลย” ยมโดยเป็นผู้หญิงเก่ง เธอมาจากครอบครัวที่ยากจนเป็นชาวประมงและมาพบรักกับทรงธรรมที่เป็นลูกชายเจ้าของอู่ต่อเรือ แต่ทรงธรรมไม่ใช่ลูกชายคนโปรดเพราะดันไปรักกับผู้หญิงจน ๆ อย่างยมโดย จึงได้สมบัติมาแค่เพียงหยิบมือและมาเริ่มต้นสร้างฐานะกันใหม่ “อยู่ได้ผมเชื่อ แต่แม่ไม่อยากให้ผมมาอยู่ด้วยเหรอ” ปองภพก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขารู้จักกับครอบครัวนี้แค่ไม่กี่ปี แต่ทำไมเขารู้สึกผูกพันกับทั้งสองคนมากและเขาก็คิดว่าทั้งสองคนก็รักเขาเหมือนลูกจริง ๆ “แม่เหงาจังเลย เกิดมาก็ดันมีกรรมไม่มีลูกอย่างใครเขา เมื่อไหร่ภพจะมีเมียแม่อยากอุ้มหลาน” สายตาที่เว้าวอนของคนที่เดินไม่ได้ มันทำให้หัวใจของปองภพรู้สึกใจหาย “คุณแม่ครับ คือตอนนี้ผมมีแฟน
ตอนที่ 5การให้ที่ยิ่งใหญ่ วันนี้ปองพลนัดดาวิกามาเจอทั้งที่ไม่ใช่วันหยุด หญิงสาวจึงต้องทำกับข้าวมาขายให้น้อยกว่าเดิมเพื่อที่จะได้หมดไวขึ้น “มีอะไรด่วนเหรอคะ พี่พลถึงต้องนัดดามาเจอวันนี้” ปองพลยื่นซองสีน้ำตาลให้กับหญิงสาว พร้อมกับซอง สีขาวเล็กอีกซองหนึ่ง “มสธ. กำลังใกล้จะปิดรับสมัครและนี่เงินลงทะเบียน เรียนต่อนะ” “เพื่ออะไรคะ พี่พลจะให้ดาเรียนต่อด้วยเงินของพี่เพื่ออะไร” ชายหนุ่มจับไหล่ทั้งสองข้างของคนรัก ด้วยท่าทีที่จริงจังและแววตาที่มั่นคง “เพื่อเรา พี่อยากสร้างครอบครัวกับดา อย่างน้อยถ้าดาเรียนจบปริญญาตรี ลูกเราจะได้ไม่ลำบาก ทำเพื่อเรานะ” ปองพลไม่รอให้อีกฝ่ายได้คิดและปฎิเสธ เขาก็ขึ้นรถรับจ้างออกไปทันที ดาวิกามองซองทั้งสองซองด้วยความไม่เข้าใจ ตอนนี้เธออายุยี่สิบกว่าแล้ว อยู่ดี ๆ ทำไมปองพลเขาถึงอยากให้เธอเรียนต่อ แต่ในเมื่อคนรักต้องการ เธอก็จะทำให้ดีที่สุด “นั่งเขียนอะไรพี่ดา เห็นทำหน้าจริงจังเชียว” ดอมถามเพราะวันนี้เขาทำโอทีแค่สองทุ่มกลับมาก็เห็นพี่สาวนั่งเขียนอะไรบางอย่างถึงขั
ตอนที่ 4ความในใจ ดาวิกากลับมาถึงบ้าน ภาพที่เธอเห็นคือข้าวของทุกอย่างที่ดอมเอาไปถูกล้างอย่างเรียบร้อย ตอนแรกเธอคิดว่าต้องกลับมาล้างเอง เพิ่งจะเคยเห็นเหมาไปแล้วยังล้างมาให้อีก หญิงสาวคิดขึ้นมาได้ว่าลืมบอกปองภพว่า หัวหน้ายามที่นี่ก็บ่นหาอยู่ อยากให้แวะมาหาเขาบ้าง เธอจึงลองโทรศัพท์กลับไปที่เบอร์ที่ชายหนุ่มโทรมา แต่ปรากฏว่าปิดเครื่อง “อะไร แยกกันได้ไม่ถึงชั่วโมงปิดเครื่อง” คนโทรได้แต่บ่นกับตัวเอง มีด้วยเหรอคนเราจะออกจากบ้านเดินทางไปที่อื่นจะปล่อยให้แบตเตอรี่หมด ดอมกลับมาจากทำงานพอดี แต่นี่ไม่ใช่เวลาเลิกงาน ดาวิกาสงสัยว่าน้องชายทำไมกลับมาก่อน “กลับมาเอาอะไร ยังไม่ใช่เวลาเลิกงานนี่” “กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เย็นนี้นายจะให้ทำโอทีคงกลับประมาณห้าทุ่มให้ชั่วโมงละ300เลยนะ ลองคิดสิตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงห้าทุ่ม 1500เลย เดือนนี้ได้เงินจ่ายค่าห้องไม่ต้องควักเงินเดือนแล้ว แต่ทำสองวันติดเลยนะพี่” หญิงสาวฟังน้องชายและคิดตาม แค่เงินเดือนตอนนี้ดอมก็ได้ถึงหมื่นสาม ยังจะมีโอให้อีกสามพัน มันดูมากไปสำหรับพนักงานใหม่
ตอนที่ 3ลองใจ นับจากวันนั้น วันที่ปองภพมาหาดาวิกา เธอก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเขาอีกเลย ทุกวันเธอจะเหลือเมนูที่เขาชอบไว้ เพราะกลัวว่าถ้าเกิดวันใดที่ปองภพมาเขาจะไม่ได้กิน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเบอร์แปลกที่หญิงสาวไม่ได้บันทึกเบอร์ไว้ เธอภาวนาขอให้ใช่คนที่เธอรอคอย “สวัสดีค่ะขอสายพี่นกค่ะ” “ไม่มีค่ะ คุณคงโทรผิดเบอร์” หญิงสาวถอนหายใจ ให้กับฝันสลายที่หายวับไปทันใด สุดท้ายเป็นแค่เพียงคนโทรผิด ดอมกลับมาที่ร้านทั้งที่เขาเพิ่งจะออกไปทำงานไม่ถึงสองชั่วโมง “พี่ดา นายให้มาเหมากับข้าวให้หมดเลย วันนี้นายจะเลี้ยงอาหารกลางวันลูกน้องและถ้าเหลือจะให้แบ่งกันกลับบ้าน” ดาวิกายืนงงด้วยความแปลกใจทำอะไรไม่ถูก ดอมและเพื่อนช่วยกันขนหม้อขึ้นรถ ปล่อยให้แม่ค้าคนสวยยืนงงอยู่คนเดียว “แล้วข้าวของพี่จะได้คืนเมื่อไหร่ พรุ่งนี้พี่ต้องทำกับข้าวแต่เช้ามืดนะ” “บ่ายนี้ผมจะเอาไปไว้ที่ห้องเอง ไม่ต้องเป็นห่วง” กับข้าวถูกขนไปหมดแล้ว ดาวิกาจึงเก็บร้าน เพราะจะได้กลับไปทำงานบ้านต่อ โชคดีของเธอที่มีคนมาเหมาจะได้มีเวลาทำงานบ้านบ้าง