ผมเริ่มจีบคุณแล้วนะ
“หน้าเปลี่ยนสีเลย ไหวไหม”
เรือแล่นออกจากฝั่งได้เกือบครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงจุดจบสายแข็ง มายาเริ่มมีอาการพะอืดพะอม
“ยังไหวอยู่ค่ะ แต่อีกนานไหมคะกว่าจะถึง”
“พี่ครับใกล้ถึงหรือยัง”
เบนเขาก็ไม่เคยมาที่เกาะแห่งนี้เหมือนกัน จึงตะโกนถามคนขับเรือต่อ เพราะคงเป็นคนเดียวที่รู้คำตอบ
“เรามาได้ครึ่งทางแล้วครับ”
คนขับหันมาตอบ แต่ก็ไม่ได้สนใจกับภาพที่เห็นเสียเท่าไหร่ เขาคงจะรู้สึกชินกับการที่เห็นคนเมาเรือ
“ใกล้แล้ว คุณนอนพิงผมดีกว่า แล้วหลับไปเลย พยายามอย่าคิดว่านั่งเรืออยู่”
คนพูดใช้มือค่อยๆโน้มศีรษะของหญิงสาวให้ลงมาแนบกับอกของเขา มือหนาโอบกอดร่างเล็กไว้ และพยายามขยับให้เธออยู่ในท่าที่นอนได้สบายที่สุด
มายานอนขดตัวคุดคู้อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม เธอพยายามจะหลับ แต่ร่างกายมันไม่ยอม ดื้อดึง
“อ้วก! อั้ว !”
เมื่อเรือจอด หญิงสาวก็รีบลุกออกจากอกหนา และอาเจียนอาหารเช้าออกมาหมด โชคดีที่เธอหันหน้าออกนอกเรือทัน
“อ้วกออกมาให้หมด คุณจะได้รู้สึกดีขึ้น”
เบนลูบหลังหญิงสาว เพราะเขาเคยเห็นเวลามีคนกำลังอาเจียน อีกคนจะคอยลูบหลังให้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันจะช่วยอะไรได้ไหม
“ดีขึ้นแล้วค่ะ ถึงเสียที”
มายาหยิบผ้าเช็ดหน้า จากมือของคนที่ยืนลูบหลังเธอด้วยความเป็นห่วง มาเช็ดปากที่อาจจะเปรอะตอนเธออาเจียนออกมา
“ดีขึ้นแล้ว ก็ค่อยๆก้าวลงจากเรือนะ เดินเล่นชายหาดก่อน คุณอาจจะรู้สึกดีขึ้น”
คนเรือช่วยกันขนของลง และมีคนของรีสอร์ตมาคอยเพื่อรับกระเป๋าเสื้อผ้าและพาทั้งคู่ไปยังรีสอร์ตที่อยู่อีกฝากของเกาะ
“ดีขึ้นไหม พอได้เดิน” คนตัวใหญ่ถามเพราะกลัวเธอจะมีอาการแย่ไปกว่านี้
“ดีขึ้นแล้วค่ะ พอได้อยู่บนพื้นทราย ไม่ต้องโคลงเคลงเหมือนตอนอยู่ในเรือ ก็เวียนหัวน้อยลง”
“เฮ้อ! สบายใจหน่อย ผมก็ไม่เคยเป็นด้วย ก็ไม่รู้จะช่วยคุณยังไง ดีขึ้นก็ดีแล้ว ป่านนี้รถของรีสอร์ตคงจะกำลังรอเราอยู่”
“รีสอร์ตอยู่ไกลจากที่นี่เหรอคะ ถึงต้องมีรถมารับเรา”
“อยู่อีกฝั่งของเกาะ รีสอร์ตที่ผมจองไว้ อยู่ห่างจากความวุ่นวาย ผู้คนไม่เยอะเหมือนแถวท่าเรือ ไม่รู้ว่าคุณจะชอบไหม”
เบนคิดว่ามายาน่าจะต้องการความสงบ ความเงีบ เป็นส่วนตัว เพราะเธอกำลังต้องการรักษาบาดแผลในหัวใจ
“ฉันชอบทั้งนั้นแหละค่ะ แค่เห็นน้ำทะเล เห็นหาดทราย ความสวยของที่นี่ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นแล้ว”
รถจากรีสอร์ต พาคนทั้งคู่ขับผ่านตลาด โรงพยาบาล และชุมชนของคนที่นี่ ยิ่งรถวิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ รีสอร์ตที่เคยอยู่ติดๆกัน ก็เริ่มห่างกันมากขึ้น เหมือนเป็นพื้นที่ ที่ต้องการความส่วนตัว
“รีสอร์ตที่นี่ ถ้าจะราคาแพงมาก ยิ่งออกมาจากเขตชุมชน แต่ละหลังดูใหญ่ บางหลังก็มีสระว่ายน้ำ เหมือนเป็นบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่งเลยนะคะ”
มายาเคยฝันอยากมาเที่ยวแบบนี้ตอนเด็กๆ แต่เธอไม่เคยคิดเลย ว่าเธอจะมีวันนี้ ฐานะอย่างเธอแค่พยุงตัวเองให้เรียนจบ ช่วยนันทาส่งบ้านจนไม่ต้องโดนยึด เธอกับพี่สาวก็แทบแย่แล้ว
“ก็มีหลายราคา แต่อย่าพูดเรื่องถูกหรือแพงเลย มันขึ้นอยู่ว่า เรามีความสุขแค่ไหน ที่ได้มาพักผ่อนที่นี่”
สำหรับลูกชายนักธุกิรจที่รวยเป็นพันๆล้านอย่างเบน เขาไม่รู้หรอกว่าแบบไหนเรียกว่าแพง แบบไหนเรียกว่าถูก เขารู้แต่ว่าความสุขที่เขาได้มันคุ้มกับค่าของเงินที่เสียไปหรือไม่ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องบนเตียง เขาก็จ่ายตามความพอใจที่ได้ จากการปรนเปรอของผู้หญิงแต่ละคนไม่เท่ากัน
“เงินซื้อความสุขได้จริงๆนะคะ แม้แต่ความรักยังใช้เงินซื้อได้เลย”
รอยยิ้มที่เริ่มจะมี เมื่อหายเมาเรือ ตอนนี้มันหายไปอีกรอบ ภาพความทรงจำเก่า ๆ คำขอแต่งงานที่อดีตแฟนหนุ่มเคยคุกเข่าและพูดคำสัญญาไว้กับเธอ มันกลับเข้ามาสู่ความคิดเธออีกครั้ง
“เงินซื้อความรักไม่ได้หรอก นอกจากคน ๆ นั้น ไม่ได้รู้สึกว่ารักจริงๆ ถึงได้ตกอยู่ในใต้อำนาจของเงิน”
เบนถึงเขามีเงินมากแค่ไหน เขาก็รู้ว่าเงินของเขาไม่สามารถทำให้ผู้หญิงเหล่านั้นรักในตัวเขาได้ สาวๆเหล่านั้นต่างก็ชอบแต่เงินตราฐานะของเขา มากกว่ารักจากหัวใจ
“ก็คงจริงมั้งค่ะ คำว่ารัก ใครก็พูดได้ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรคะ ว่าใครรักเราหรือพูดแค่เพียงหลอกให้เราตายใจ”
หญิงสาวถามจากความสงสัยจากหัวใจที่ไม่ประสีประสาในเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เธอไม่รู้ว่าความรักจริงๆมันหน้าตาเป็นยังไง
“การกระทำไง เวลาจะช่วยคุณเห็นการกระทำของคนที่บอกว่ารักคุณ ถ้าเรารักใครสักคน เราจะไม่ทำให้คนๆนั้นต้องเสียใจหรือทุกข์ นอกจากเราจะไม่ได้ตั้งใจ”
สาเหตุที่เบน ต้องใส่คำว่า นอกจากเราไม่ได้ตั้งใจลงไป เพราะเขาคิดว่า บางครั้งเราก็อาจเผลอทำให้คนที่เรารักเสียใจเพียงเพราะเราคิดไม่ถึงหรืออาจคิดต่างจากคนรักก็เท่านั้น
“สักวันฉันคงได้เจอคนที่รักฉันและฉันก็รักเขา”
“คุณได้เจอคนที่รักคุณแล้วนะ แต่คุณยังไม่ต้องเชื่อในคำพูดเขา เพราะเวลาเท่านั้นจะช่วยให้คุณรู้จักว่ารักแท้มันเป็นยังไง”
โชคดีที่ทั้งคู่นั่งกะบะหลัง รถของรีสอร์ตมา เลยไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะมาได้ยิน
“คุณหมายความว่าอะไรคะ ทำไมถึงได้บอกว่าฉันเจอคนที่รักฉันแล้ว ใครล่ะคะ ” มายาสงสัย
“คุณลืมไปแล้วเหรอ ว่าผมพูดอะไรกับคุณ ก่อนที่เราจะนั่งเรือมาที่นี่”
“จำไม่ได้หรอกค่ะ คุณพูดเยอะตลอดทาง”
“ผมพูดว่า ผมจะขอจีบคุณทันทีที่เรามาถึงเกาะนี้”
เบนจับมือหญิงสาวที่นั่งห้อยขาอยู่หลังรถกะบะข้างๆเขา เพื่อให้เธอมั่นใจว่าสิ่งที่เขาพูด เขาจริงจัง ไม่ใช่ต้องการเล่นๆกับเธอ
“นี่คุณกำลังจีบฉันจริง ๆ เหรอคะ”
มายาไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน เพราะผู้ชายที่ดีพร้อมไปหมด ทั้งรูปร่างหน้าตา หน้าที่การงานอย่างเบน จะมาสนใจในตัวผู้หญิงจน ๆ อย่างเธอ
“จริงสิ ผมจีบจริง แล้วคุณจะยอมให้ผมจีบไหมล่ะ”
ท่าทางทะเล้น ขี้เล่น และแววตาที่เจ้าชู้ของคนพูด ทำให้หญิงสาวไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้มายาเริ่มเชื่อใจเขา ว่าเขาคงไม่ได้มาหลอกเธอ เพื่อสนุกๆ หรือหวังอะไร เธอจึงพยักหน้าแทนคำตอบ
“ขอบบบ....คุณนะคร๊าบบบ”
ชายหนุ่มลากเสียง ทำท่าตลก เพราะอยากให้คนหน้ามุ่ยกลับมาสดใสอีกครั้ง
“จีบยากหน่อยนะคะ หัวใจมันเจ็บอยู่”
มายาทำท่าทะเล้น สองมือขยี้ตาเหมือนเด็กที่ร้องไห้ แต่ใบหน้าของเธอกลับมายิ้มอีกครั้ง อย่างสดใส
“กุญแจครับ ทางเรามีโทรศัพท์ในห้องให้ ลูกค้าสามารถโทรสั่งอาหารหรือของใช้ที่จำเป็นได้ตลอด แต่ไปเกินห้าทุ่มนะครับ”
พนักงานของรีสอร์ตยื่นกุญแจพวงเล็กให้กับเบน ก่อนที่จะช่วยกันยกของลงมาเก็บไว้ในห้อง
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ”
ระหว่างรอคนของรีสอร์ตขนของลงจากรถ เบนพามายาเดินชมรอบๆ รีสอร์ต ที่ล้อมไปด้วยสวนมะพร้าว และด้านหน้าก็เป็นชายหาดส่วนตัวสีขาวสะอาดตา
“คุณเบนคะ ฉันไม่สบายใจ เรื่องเงินที่...” หญิงสาวรู้สึกละอายใจ จนไม่กล้าพูดออกมา
“เรื่องเงินที่คุณเอามาจากบริษัท กลับจากที่นี่ไป ผมจะให้คุณยืมเงินและเอาใส่เข้าในบัญชีแทน คุณสบายใจได้”
เบนรู้ว่าถ้าเขาพูดว่า จะเป็นคนชดใช้เงินทั้งหมดเองหญิงสาวคงปฎิเสธ แต่ถ้าเขาจะบอกเธอว่าไม่เป็นไร เธอก็อาจจะสงสัย ว่าเขาก็เป็นเพียงแค่พนักงานคนหนึ่งเหมือนเธอ ทำไมถึงกล้าพูดว่าไม่เป็นไรแทนนายท่านเจ้าของบริษัทได้
“ขอบคุณนะคะ ฉันจะรีบหามาคืนคุณให้เร็วที่สุด”
สองมือเล็กยกขึ้นไหว้ชายหนุ่มตรงหน้า ด้วยความซาบซึ้งในทุกการช่วยเหลือที่เขามีให้กับเธอ
“ผมกำลังจีบคุณนะ ผมก็ต้องทำให้คุณเห็นสิ ว่าผมเป็นคนดีและจริงใจกับคุณแค่ไหน”
มายาหันมามองสบตาคนพูด เพราะคิดว่าเขาคงทำหน้าทะเล้นเหมือนที่เขาชอบทำ แต่ชายหนุ่มกับมองเธอด้วยแววตาที่ดูจริงใจและจริงจังมากกว่าคำพูดของเขาเสียอีก
“เขาขนของเสร็จแล้วเราเข้าที่พักกันเถอะค่ะ” มายาอยากเห็นข้างในที่พักแล้ว ว่าจะสวยเหมือนข้างนอกไหม
คืนแรกกับทะเลและชายแปลกหน้า “สวยมากเลยค่ะ ข้างนอกว่าดูดีแล้ว ข้างในยิ่งดูดีเข้าไปอีก” หญิงสาวตื่นตาตื่นใจ กับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ที่พักแบบนี้เธอไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้มาพัก เพราะดูจากการตกแต่งก็รู้เลยว่าราคาคงไม่ธรรมดาแน่นอน “ในนี้ไม่มีห้องนอนนะ มีแต่ห้องครัว ห้องน้ำและที่ในห้องน้ำจะมีห้องแต่งตัวให้ คุณไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีพื้นที่ส่วนตัว” เบนตั้งใจเลือกที่นี่ เพราะถูกใจตรงที่ไม่มีห้องนอน มีเพียงที่นอนที่มีลักษณะคล้ายกับโซฟาแต่มีขนาดใหญ่ สามารถนอนได้สองคนสบายๆ วางอยู่ใจกลางห้องโถง เขากลัวว่าถ้ามีห้องนอนเป็นสัดเป็นส่วน จะยิ่งทำให้เขาหาโอกาศใกล้ชิดกับคนที่พาด้วยยากขึ้น แบบนี้เธอกับเขาต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลายกเว้นก็แต่ตอนอาบน้ำและทำธุระส่วนตัวเท่านั้น “แบบนี้เราก็ต้องนอนด้วยกันสิคะ” “ถ้าคุณไม่ไว้ใจผม ผมนอนข้างนอกก็ได้” มายาแค่ถาม โดยที่เธอยังไม่ทันได้คิดอะไร แต่คนตอบทำท่าทางประชดประชันแกมน้อยใจ จนคนถามรู้สึกผิด“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ฉันแค่ถาม ถ้าไม่ไว้ใจคุณแล้วจะมาด้วยถึงที่นี่ไหม หรือคุณคิดว่าที่ฉันยอมมาที่นี่เพราะเห็นแก่ที่คุณช่วยปกป
คืนนี้ที่เต็มใจ “ฉันไม่คู่ควรกับคุณ อย่าลดตัวลงมารักคนอย่างฉันดีกว่า” มายารู้สึกเหมือนที่เธอพูดจริงๆ “ผมก็แค่พนักงานบริษัทเหมือนคุณ ถึงเงินเดือนจะมากกว่า แต่เราก็เป็นคนเหมือนกัน” ชายหนุ่มบรรจงจูบปากบางอย่างนุ่มนวล เมื่อเห็นคนที่กำลังโดนจูบไม่ขัดขืนอะไร เขาจึงเริ่มเพิ่มความรุนแรง ลิ้นสากค่อยเลียริมฝีบากสีชมพูให้เปิดอ้าขึ้น ก่อนที่มันจะเข้าไปสาละวนดูดดื่มความหวานจากในนั้นอย่างสุขสำราญใจ “คุณเบนพอเถอะค่ะ” หญิงสาวรีบพูดเมื่อปากหนาละออกจากปากของเธอ “คุณไม่รักผมใช่ไหม” เบนถามด้วยแววตาที่ไม่เหมือนกัน อารมณ์แห่งรักมันกำหนัดจนแทบจะขาดใจ “ฉันกลัว กลัวคุณจะหลอกเหมือนที่แมนหลอกฉัน” หญิงสาวพูดความจริง “ถ้าอย่างนั้นผมไม่หยุดนะ เพราะผมรู้ว่าผมจริงใจกับคุณแค่ไหน ผมจะไม่แตะต้องตัวคุณเลย ถ้าคุณบอกว่าคุณไม่รักไม่ต้องการผม” “ฉันรักคุณค่ะ... คุณเบน” คำว่ารักหลุดออกจากปากไป มายาก็หลับตาลง ได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นตามเสียงของหัวใจเรียกร้อง เมื่อชายหนุ่มชิมรสความหวานจากปากเล็กของคนตรงหน้าจนอิ่มเอมใจ สองมือหนาซุกซนเข้าไปใต้เสื้อย
กลัวทุกอย่างไม่เหมือนเดิม “ตื่นแล้วเหรอครับ...” เบนกลับเข้ามาจากห้องครัว ในชุดที่ใส่ผ้ากันเปื้อนไว้ มือไม้ยังมีกลิ่นอาหารติดตัว “ค่ะ ทำไมคุณตื่นแล้วไม่ปลุกฉันล่ะคะ” หญิงสาวในชุดนอนยังงัวเงียอยู่ เพราะเมื่อคืนเธอเมาหนักไปหน่อย จึงตื่นสายกว่าทุกวัน “เห็นคุณนอนหลับสบายเลยไม่อยากกวน ผมทำข้าวต้มไว้ ลุกล้างหน้าล้างตาแล้วไปกินที่หน้าบ้านกัน” กลิ่นข้าวต้มหอมมาจากในครัว มายาได้กลิ่นแล้วพาคิดถึงนันพี่สาวของเธอ ซึ่งป่านนี้คงกลับมาทำงานแล้ว หญิงสาวลุกจากที่นอนไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วเดินออกมากินข้าวที่หน้าบ้าน มุมเดิมกับที่เธอนั่งดื่มไวน์เมื่อคืน “อร่อยไหม” คนทำถาม “อร่อยมากเลยค่ะ คุณเบนเก่งมากเลยนะคะ ทั้งทำงานเก่งแล้วยังทำกับข้าวเก่งอีก” คนกินออกปากชม “ไว้เราอยู่ด้วยกัน ผมจะทำให้คุณกินทุกวันเลยนะ”คนพูดยิ้มอย่างสดใส แต่คนฟังหัวใจกับหวาดกลัว กลัวว่ารักครั้งนี้จะอยู่กับเธอไม่นาน ยิ่งเขาดีกับเธอเท่าไหร่ มายายิ่งกลัวมากขึ้น“เราจะอยู่ที่นี่ถึงวันไหนคะ” หญิงสาวถามเพราะเธอยังไม่อยากกลับ“พรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับกัน คุณอยากกลั
หายตัวไป “พี่นันทาคิดถึงจังเลยค่ะ” หญิงสาวโผกอดพี่สาวทันที ที่เห็นหน้ากัน เพราะตั้งแต่มายาต้องไปรักาตัวอยู่กับสามีทั้งคู่ก็ไม่ได้เจอกันเลย “ไปดูงานมาสนุกไหม” คำถามของพี่สาวทำเอาหญิงสาวหันไปมองหน้าคนมาส่ง ด้วยรอยยิ้มแบบรู้กัน แต่ไม่มีใครกล้าขำออกมา เพราะกลัวนันทาจะสงสัยเอาได้ “สนุกค่ะ พี่นันทาหายดีแล้วใช่ไหมคะ” “พี่หายดีได้สักพักแล้ว แต่คุณเบนบอกว่าท่านไม่อยากให้พี่รีบมาทำงาน เพราะกลัวจะหายไม่สนิทดี” นันทาหันไปมองสบตากับลูกน้องคนสนิมของเจ้าของบริษัทด้วยความซาบซึ้ง เพราะตลอดเวลาที่เธอพักรักษาตัว เธอได้เงินเดือนเท่าเดิมตามปกติ สำหรับนันทาแล้ว ท่านเป็นคนดีที่ชาตินี้คงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” มายาเดินมาส่งชายหนุ่มที่รถ หญิงสาวรู้สึกใจหาย กลัวทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม กลัวเบนจะเปลี่ยนไป เธอไม่อยากต้องเจ็บซ้ำซากอีก หัวใจมันอ่อนแอเกินกว่าจะรับได้อีก “คุณเบนคะ เรื่องระหว่างเรา...”มายาไม่กล้าพูดต่อเพราะเธอไม่รู้จะเรียกความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นว่าอะไร“บนเกาะเป็นแบบไหน ที่นี่ก็ยังคงเป็นแ
ลูกสะใภ้“เบน คุณหายไปไหนมาคะตั้งหลายเดือน ลิซ่าโทรไปหาคุณก็ไม่ติด”นางเอกสาวที่กำลังมีชื่อเสียงของสิงคโปร์เดินมาทักทายชายหนุ่มที่กำลังดื่มคนเดียวอยู่ที่โต๊ะ“คุณน่ะเหรอที่โทรหาผม ปกติผมโทรไปคุณยังไม่ค่อยว่างจะคุยด้วยเลย”ก่อนที่จะตัดสินใจกลับไปอยู่เมืองไทย ชายหนุ่มเคยพยายามจีบลิซ่านางเอกสาว แต่เธอกลับไม่เล่นด้วย เพราะมีเป้าหมายที่ดีกว่าเบนรออยู่“คนเคยเจอกัน เคยทักทายกัน จะไม่ให้คิดถึงได้อย่างไรล่ะคะ”สาวสวยหุ่นเซ็กซี่เดินมาหย่อนสะโพกผายนั่งใกล้กับขาของชายหนุ่ม ชิดจนแทบเกือบจะนั่งบนตักกันอยู่แล้ว“มาคนเดียวหรือครับวันนี้ แล้วคนที่กำลังเป็นข่าวกับคุณล่ะไม่มาด้วยเหรอ”ชายหนุ่มกำลังหมายถึงนักธุรกิจชื่อดังอันดับต้นๆของสิงคโปร์ ที่กำลังมีข่าวว่าควงกันอยู่กับนางเอกดัง“เขาไปอเมริกาค่ะ แมววว...ไม่อยู่หนูก็เลยร่าเริง”มือเล็กค่อยๆลูบไล้ท่อนแขนของชายหนุ่ม ใบหน้าสวยซบลงบนอก เป็นการแสดงออกที่ทอดสะพานอย่างเห็นได้ชัดมือหนาโอบไหล่นางเอกสาว ก่อนที่จะเอาหน้าซุกไล้ไปตามซอกคอ แบบไม่อายสายตาของคนใกล้ๆที่มองดูอยู่อยู่ดีๆ ชายหนุ่มก็ผลักหญิงสาวที่เขากำลังปรนเปรอ รสสวาทให้ เมื่อภาพของมายาผลุดขึ
ความจริง “คือหนู.....” มายาพยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมด แต่ก็ไม่พอที่จะกล้าตอบไป “ตอบมาตามที่คิดเลย ฉันกับภรรยาเป็นคนมีเหตุผลพอ” กิตติช่วยพูดให้หญิงสาว กล้าพูดในสิ่งที่คิดมากขึ้น “หนูมีคนรักอยู่แล้วค่ะ แล้วหนูคิดว่าหนูกับลูกชายคุณท่าน เราน่าจะไม่เคยรู้จักกัน คนเราถ้าไม่ได้รักกัน อยู่ด้วยกันไปก็ไม่มีความสุข” มายารวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อพูดสิ่งที่เธอคิด ถึงแม้ลึกๆเธออยากจะประชดเบน ที่เขาหายหน้าไปเลย เหมือนได้เธอแล้วก็คิดจะทิ้ง แต่หัวใจของเธอมันรักเขาเกินกว่าจะทำอย่างที่คิดได้ “คนรักของเธอใช่คนนี้ไหม” “คุณเบน” เสียงสองพี่น้องเรียกชื่อชายหนุ่มพร้อมกันอย่างตกใจ “นี่เบน ลูกชายคนเดียวของฉัน ทั้งสองคนคงรู้จักดีแล้ว” มายารู้สึกทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ ที่ในที่สุดเธอก็ถูกเขาหลอกเหมือนที่ถูกแมนหลอก “หนูยังไม่ตอบฉันเลย ว่าผู้ชายคนนี้ใช่คนรักของหนูไหม” กิตติทวงคำตอบ “ไม่ใช่ค่ะ คนรักของหนูชื่อเบน เขาเป็นแค่เพียงพนักงานคนหนึ่งที่ท่านไว้ใจมาก ไม่ใช่ลูกชายเจ้าของบริษัท” คนทั้งห้องต่างพากันอมยิ้ม ที่เห็นมายาฝีปากเก่งขึ้น
ตอนที่1คิดถึงความหลัง ดาวิกาเพิ่งเสร็จสิ้นจากงานศพแม่ที่ต่างจังหวัด พอเดินทางมาถึงกรุงเทพ เธอก็ต้องมารีบมาเปิดร้านขายข้าวราดแกงทันที เพราะหยุดไปนานเดี๋ยวลูกค้าประจำจะหายหมด ความเหนื่อยล้าปกติหัวถึงหมอน หญิงสาวก็แทบจะหลับทันที แต่วันนี้เธอกลับคิดถึงความหลังที่ผ่านมาเกือบห้าปีแล้ว แต่เธอยังไม่เคยลืมมัน5ปีที่แล้ว เด็กสาวในวัยเพียงสิบสี่ปี เธอต้องมานั่งรอมารดาขายข้าวราดแกงที่หน้าห้างสรรพสินค้าทุกวัน เธอใช้เวลานั้นเข้ามานั่งอ่านหนังสือโดยการซื้อไอศกรีมหนึ่งแท่งและนั่งจนกว่าแม่ของเธอจะเก็บร้านเสร็จ “ใกล้สอบแล้วเหรอ ช่วงนี้เห็นอ่านหนังสือทุกวันเลย” ปองภพยามของห้างมักจะเดินมาทักทายกับดาวิกาแบบนี้บ่อย ๆ บางครั้งก็มีขนมมาฝาก หญิงสาวเงยหน้าจากหนังสือด้วยความดีใจ เพราะวันนี้เธอนั่งจนห้างใกล้ปิดแล้ว แต่ยังไม่เห็นวี่แววของปองภพเลย “พรุ่งนี้ก็สอบแล้วค่ะ เหนื่อยไหมคะพี่ภพวันนี้ เห็นแม่บอกว่ามีคนเข้ามาทะเลาะกันในห้างด้วย” ชายหนุ่มถอนหายใจแต่ยังคงยิ้มอยู่ เขามองหน้าคนถามเหมือนมีคำพูดมากมายแต่ก็พูดออกมาเพียงสั้น ๆ
ตอนที่ 2ห่วงอยู่ห่าง ๆ “รีบไปซื้อของเลย เจ้านายเราสั่งหลายอย่าง จะได้รีบกลับมาช่วยกันทำ” ดาวิกาดีใจที่วันนี้เธอจะมีรายได้หลายทาง เพราะกำไรจากอาหารที่เจ้านายของน้องชายสั่ง พอค่าน้ำค่าไฟเดือนนี้เลย “ทำให้สุดฝีมือเลยนะพี่ดา วันหลังเขาจะได้สั่งอีก พนักงานก็จะได้ประหยัดกันด้วย” ดอมดูตื่นเต้นกว่าพี่สาวเสียอีก อาจเป็นเพราะเขาดีใจที่สามารถทำให้ครอบครัวมีรายได้เพิ่มขึ้น หลังจากวันนั้นมาปองภพก็สั่งกับข้าวมาเลี้ยงลูกน้องอยู่บ่อย ๆ จนทุกคนพากันแปลกใจ ที่นายของพวกเขาช่วงนี้ใจดีเป็นพิเศษ “ดอมต่อไปนี้ทุกเช้า เอาผัดกระเพราใส่หน่อไม้และหมูทอด มาให้ผมทุกวันเลยนะ เออแล้วอย่าลืมข้าวด้วยล่ะ” ปองภพส่งปิ่นโตของเขาให้กลับลูกน้อง ปิ่นโตอันนี้เป็นแบบเดียวสีเดียวกับที่ดาวิกาเคยซื้อให้เขาในวันเกิด แต่อันที่หญิงสาวซื้อให้ เขาไม่ได้เอามาจากวัดจึงซื้อใหม่ให้เหมือน ทุกอย่าง ชายหนุ่มหวังว่า เมนูอาหารที่เขาสั่ง กับปิ่นโตจะทำให้ ดาวิกา นึกถึงเขาขึ้นมาบ้าง เพื่อน ๆ ในอู่ต่างแปลกใจที่เจ้านายพวกเขา ติดใจฝีมือพี่สาวของดอ
ตอนที่ 11เติมเต็ม ดาวิกาก้าวเข้ามาเป็นสะใภ้ในครอบครัวของทรงธรรมอย่างเต็มตัวและเต็มใจ เธอเป็นที่รักของยมโดยอย่างมาก เพราะหญิงสาวทำกับข้าวได้ถูกปากแม่สามี วันนี้เป็นวันที่ทรงธรรมจะได้กลับบ้านหลังจากที่ต้องไปนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสองเดือน ในส่วนของคดีก็ยังดำเนินต่อไป โดยที่ทรงธรรมปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนาย เขาไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เพราะมันทำให้เขาเจ็บปวด หลานสาวทั้งสองคนที่เป็นลูกของผจญ ทรงธรรมในฐานะลุงได้ยกที่ดินให้คนละสองไร่ ซึ่งราคาตอนนี้ก็ไร่ละเป็นล้าน พร้อมเงินในบัญชีที่ทั้งคู่จะเบิกไปใช้ได้ก็ต่อเมื่ออายุยี่สิบปีบริบูรณ์อีกคนละห้าแสนบาท “ที่พ่อทำแบบนี้ พ่อไม่ได้คิดจะให้ผจญมันสำนึกได้ แต่เพราะหลานทั้งสองคนไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ถ้าผจญต้องติดคุก จะได้มีที่ดินเอาไว้ขายเอาเงินมาใช้จ่ายกัน เราโตแล้ว ต้องแยกให้ออกว่าเรื่องบางเรื่องมันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทุกคน” ปองภพชื่นชมในการตัดสินใจของบิดา คนดี ๆ แบบนี้ไม่น่าจะมีใครมาคิดร้ายด้วยเลย เพราะท่านมีแต่ให้จริง ๆ ยมโดยเรียกลูกชายและลูกสะใภ้เข้ามาใกล้ๆ เธอมีบางอย่างอ
ตอนที่ 10ความจริงที่เจ็บปวด ยมโดยโอบกอดลูกชายด้วยความดีใจและเรียกดาวิกาเข้ามากอดด้วย เธอร้องไห้แต่เหมือนยังมีสติ “ฟังแม่นะพล พ่อถูกทำร้าย แม่คิดว่าเมื่อครั้งที่แล้วก็ใช่ แต่ครั้งนี้มันคงหวังให้พ่อพิการหรือไม่ก็ตายเองจากอาการสาหัส และแม่ก็พอเดาออกว่าใคร” ปองพลฟังด้วยความตื่นเต้น เพราะเขาไม่เคยรู้เลยว่าพ่อแม่บุญธรรมของเขามีศัตรู “ใครกันครับ” “น้องชายของพ่อ เพราะวันที่ลูกมาหาแม่และกลับไป เราสองคนได้พูดถึงเรื่องการทำพินัยกรรม พ่อกับแม่จะยกเงินและหุ้นในอู่ต่อเรือของครอบครัวพ่อคืนให้พี่น้องเขา ส่วนทรัพย์สินที่พ่อกับแม่สร้างกันขึ้นมาเอง เราจะยกให้ลูก และวันที่เราพูดเรื่องนี้ก็มีเพียงแม่บ้านที่อยู่ด้วย แต่อีกวันน้องชายคนเล็กของพ่อก็พาหลาน ๆ มาหา” ปองพลตกใจมาก เพราะในบรรดาพี่น้องของพ่อบุญธรรมเขา มีน้องชายคนเล็กเพียงคนเดียวที่ยังไปมาหาสู่กันตลอด “คุณผจญ ท่านดูเป็นคนอ่อนโยนและดูเป็นห่วงพ่อมาก มันจะเป็นเรื่องจริงเหรอครับ” “เขามาที่นี่พร้อมหลาน ๆ และถามพ่อกับแม่เรื่องอู่ที่พ่อกับแม่มีอยู่ เขาพยายามพูดให้เห็นว่าพลเป็นเพียงแค่ล
ตอนที่ 9อุบัติเหตุ ปองภพดีใจที่สุดที่วันนี้มาถึง วันที่เขาได้พูดความจริงและดาวิกาก็ยอมที่จะแต่งงานตามคำขอของเขา ข่าวเรื่องที่ปองภพไม่สบายทำให้ทรงธรรมร้อนใจมากจึงได้รีบเดินทางมาหา โชคดีที่จังหวัดที่เขาอยู่มีสนามบินอยู่ไม่ไกล จึงไม่ใช่เรื่องยากในการเดินทาง “ปองภพลูก” ดอมพาทรงธรรมมาหาปองภพที่ห้องเช่าของเขา ภาพห้องเช่า ข้าวของที่ใช้สำหรับทำกับข้าวขาย และดาวิกากับน้อง อดทำให้ทรงธรรมรู้สึกสงสารไม่ได้ “พ่อได้ข่าวว่าไม่สบาย แม่เขาก็ร้อนใจสั่งให้พ่อมาดูด้วยตาตัวเอง” ปองภพดีขึ้นแล้ว พยายามทรงตัวขึ้นมานั่งคุยกับบิดาที่เดินทางไกลมาด้วยความเป็นห่วง “ไข้ลดตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วครับพ่อ” คนป่วยพูดจบก็หันไปทางดาวิกา เพราะทั้งสองคนยังไม่ได้รู้จักกันเลย “ดา พ่อของพี่” หญิงสาวยกมือไหว้ หัวใจของเธอมันสั่นอย่างบอกไม่ถูก บุคลิกท่าทางของทรงธรรมมีความเป็นทั้งผู้ใหญ่และผู้ดี จนเธอรู้สึกต่ำต้อยเกินไปที่จะไปเป็นสะใภ้ของเขา “น่ารักกว่าที่ฉันคิดไว้นะ เห็นพลเล่าให้ฟังว่าทำกับข้าวเก่งมาก ไว้แต่งงานกันแล้ว ไปหาทำเลเปิดร้
ตอนที่ 8เจ้าของอู่..สู่..พ่อค้าขายแกง “พ่อกับแม่ชักอยากจะเห็นหน้าอนาคตลูกสะใภ้คนนี้จัง แก้เกมได้ทันคนจริง ๆ ” ทรงธรรมฟังเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากปากของลูกชาย เขารู้สึกเห็นด้วยกับดาวิกา การที่ปองภพยืนยันว่าเขาคือคนเดิม เขาก็ต้องกลับไปลำบากอีกครั้งให้ได้ แล้วเวลาหนึ่งเดือน ไม่ใช่เรื่องที่จะฝืนทนกันได้ถ้าไม่เต็มใจ “ปองภพแล้วลูกล่ะคิดว่าทำได้ไหม” ชายหนุ่มถามคำถามนี้กับตัวเองมาทั้งคืนแล้ว และเขาก็มีคำตอบเดียวในหัวใจ “บ้านไม่มีอยู่ นอนใต้ต้นไม้ ขอข้าววัดกิน ผมก็ผ่านมาแล้ว เพิ่งจะได้เป็นคุณปองภพแค่ไม่กี่ปี ผมว่าตัวเองยังคุ้นชินกับความจนมากกว่าความรวยเสียอีก” พ่อกับแม่ได้ยินลูกชายบุญธรรมพูดแบบนี้ก็ทั้งสบายใจและดีใจ เพราะทั้งสองคนตั้งใจจะยกสมบัติทั้งหมดที่เขาสองคนหามาได้ให้กับปองพล ส่วนสมบัติที่ได้จากบรรพบุรุษ ทั้งคู่จะคืนให้กับคนในตระกูล ยมโดยหันไปพูดกับสาวมี ด้วยน้ำตานองหน้า จนทรงธรรมตกใจรีบเดินมานั่งข้าง ๆ แล้วกอดภรรยา “เราเลือกคนไม่ผิดจริง ๆ ค่ะ ภพไม่เคยลืมตัว ถึงเขาจะไม่ใช่สายเลือดแต่เขาคือผู้ให้ชี
ตอนที่ 7 เสียความรู้สึก “เป็นอะไรวันนี้ กลับบ้านทำหน้าตาเหมือนเบื่อโลก” ดาวิกาเห็นหน้าน้องชายแล้วอดถามไม่ได้ เพราะปกติกลับมาจากที่ทำงานจะร่าเริงและจะต้องมาอวดว่าวันนี้ทำงานได้เงินเท่าไหร่ แต่วันนี้กลับเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเศร้า ๆ เหมือนมีความกังวลอยู่ในใจ “พี่ดาวันเสาร์นี้ที่อู่จัดงานเลี้ยง เจ้านายผมบอกให้พี่ไปด้วย ตกลงนะ” ดอมถามเองตอบเอง และไม่ยอมมองหน้าพี่สาว ด้วยกลัวตัวเองจะเผลอแสดงพิรุธอะไรไป “พี่ไม่รู้จักใครแล้วจะให้พี่ไปทำไม” หญิงสาวเดินตามน้องชายเพื่อต้องการอยากรู้เหตุผล เพราะเธอไม่ใช่พนักงานที่นั่น “เขากินกับข้าวพี่กันทุกคน เขาก็รู้จักพี่กันทั้งนั้นและ เพื่อนผมก็ไอ้พวกที่มาช่วยยกของ ล้างของบ่อย ๆ ไปเถอะ หาซื้อชุดสวย ๆ ใส่ไปด้วยนะ งานเริ่มหนึ่งทุ่มเสาร์นี้” ดาวิกาไม่อยากขัดใจน้องชายและเห็นดอมดูอารมณ์ไม่ค่อยดีจึงไม่อยากถามต่อ ดอมปิดไฟได้เวลาเข้านอน ห้องเช่าสี่เหลี่ยมที่ไม่เล็กมาก พอให้สองพี่น้องมีมุมแยกกันส่วนตัว แต่ก็มองเห็นกันได้ ชายหนุ่มนอนมองพี่สาวที่เอาแต่เฝ้าจับโทรศัพท์ตลอด เ
ตอนที่ 6บอกผู้ใหญ่ ยมโดยแม่บุญธรรมของปองภพมีอาการไม่ค่อยดี เพราะเธอเดินไม่ได้แต่ยังพยายามที่จะลุก จนล้มหน้าคว่ำกับพื้น ทรงธรรมมีเรื่องยุ่ง ๆ เกี่ยวกับการสั่งเครื่องจักรเข้ามาในอู่ที่ใต้ ขาจึงต้องเดินทางไปจีน จึงให้ปองภพลงมาดูแลยมโดยแทนเขา “เมื่อคืนแม่ก็อยู่คนเดียวได้ ไม่เห็นต้องยุ่งยากให้ภพมาดูแม่เลย” ยมโดยเป็นผู้หญิงเก่ง เธอมาจากครอบครัวที่ยากจนเป็นชาวประมงและมาพบรักกับทรงธรรมที่เป็นลูกชายเจ้าของอู่ต่อเรือ แต่ทรงธรรมไม่ใช่ลูกชายคนโปรดเพราะดันไปรักกับผู้หญิงจน ๆ อย่างยมโดย จึงได้สมบัติมาแค่เพียงหยิบมือและมาเริ่มต้นสร้างฐานะกันใหม่ “อยู่ได้ผมเชื่อ แต่แม่ไม่อยากให้ผมมาอยู่ด้วยเหรอ” ปองภพก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขารู้จักกับครอบครัวนี้แค่ไม่กี่ปี แต่ทำไมเขารู้สึกผูกพันกับทั้งสองคนมากและเขาก็คิดว่าทั้งสองคนก็รักเขาเหมือนลูกจริง ๆ “แม่เหงาจังเลย เกิดมาก็ดันมีกรรมไม่มีลูกอย่างใครเขา เมื่อไหร่ภพจะมีเมียแม่อยากอุ้มหลาน” สายตาที่เว้าวอนของคนที่เดินไม่ได้ มันทำให้หัวใจของปองภพรู้สึกใจหาย “คุณแม่ครับ คือตอนนี้ผมมีแฟน
ตอนที่ 5การให้ที่ยิ่งใหญ่ วันนี้ปองพลนัดดาวิกามาเจอทั้งที่ไม่ใช่วันหยุด หญิงสาวจึงต้องทำกับข้าวมาขายให้น้อยกว่าเดิมเพื่อที่จะได้หมดไวขึ้น “มีอะไรด่วนเหรอคะ พี่พลถึงต้องนัดดามาเจอวันนี้” ปองพลยื่นซองสีน้ำตาลให้กับหญิงสาว พร้อมกับซอง สีขาวเล็กอีกซองหนึ่ง “มสธ. กำลังใกล้จะปิดรับสมัครและนี่เงินลงทะเบียน เรียนต่อนะ” “เพื่ออะไรคะ พี่พลจะให้ดาเรียนต่อด้วยเงินของพี่เพื่ออะไร” ชายหนุ่มจับไหล่ทั้งสองข้างของคนรัก ด้วยท่าทีที่จริงจังและแววตาที่มั่นคง “เพื่อเรา พี่อยากสร้างครอบครัวกับดา อย่างน้อยถ้าดาเรียนจบปริญญาตรี ลูกเราจะได้ไม่ลำบาก ทำเพื่อเรานะ” ปองพลไม่รอให้อีกฝ่ายได้คิดและปฎิเสธ เขาก็ขึ้นรถรับจ้างออกไปทันที ดาวิกามองซองทั้งสองซองด้วยความไม่เข้าใจ ตอนนี้เธออายุยี่สิบกว่าแล้ว อยู่ดี ๆ ทำไมปองพลเขาถึงอยากให้เธอเรียนต่อ แต่ในเมื่อคนรักต้องการ เธอก็จะทำให้ดีที่สุด “นั่งเขียนอะไรพี่ดา เห็นทำหน้าจริงจังเชียว” ดอมถามเพราะวันนี้เขาทำโอทีแค่สองทุ่มกลับมาก็เห็นพี่สาวนั่งเขียนอะไรบางอย่างถึงขั
ตอนที่ 4ความในใจ ดาวิกากลับมาถึงบ้าน ภาพที่เธอเห็นคือข้าวของทุกอย่างที่ดอมเอาไปถูกล้างอย่างเรียบร้อย ตอนแรกเธอคิดว่าต้องกลับมาล้างเอง เพิ่งจะเคยเห็นเหมาไปแล้วยังล้างมาให้อีก หญิงสาวคิดขึ้นมาได้ว่าลืมบอกปองภพว่า หัวหน้ายามที่นี่ก็บ่นหาอยู่ อยากให้แวะมาหาเขาบ้าง เธอจึงลองโทรศัพท์กลับไปที่เบอร์ที่ชายหนุ่มโทรมา แต่ปรากฏว่าปิดเครื่อง “อะไร แยกกันได้ไม่ถึงชั่วโมงปิดเครื่อง” คนโทรได้แต่บ่นกับตัวเอง มีด้วยเหรอคนเราจะออกจากบ้านเดินทางไปที่อื่นจะปล่อยให้แบตเตอรี่หมด ดอมกลับมาจากทำงานพอดี แต่นี่ไม่ใช่เวลาเลิกงาน ดาวิกาสงสัยว่าน้องชายทำไมกลับมาก่อน “กลับมาเอาอะไร ยังไม่ใช่เวลาเลิกงานนี่” “กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เย็นนี้นายจะให้ทำโอทีคงกลับประมาณห้าทุ่มให้ชั่วโมงละ300เลยนะ ลองคิดสิตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงห้าทุ่ม 1500เลย เดือนนี้ได้เงินจ่ายค่าห้องไม่ต้องควักเงินเดือนแล้ว แต่ทำสองวันติดเลยนะพี่” หญิงสาวฟังน้องชายและคิดตาม แค่เงินเดือนตอนนี้ดอมก็ได้ถึงหมื่นสาม ยังจะมีโอให้อีกสามพัน มันดูมากไปสำหรับพนักงานใหม่
ตอนที่ 3ลองใจ นับจากวันนั้น วันที่ปองภพมาหาดาวิกา เธอก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเขาอีกเลย ทุกวันเธอจะเหลือเมนูที่เขาชอบไว้ เพราะกลัวว่าถ้าเกิดวันใดที่ปองภพมาเขาจะไม่ได้กิน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเบอร์แปลกที่หญิงสาวไม่ได้บันทึกเบอร์ไว้ เธอภาวนาขอให้ใช่คนที่เธอรอคอย “สวัสดีค่ะขอสายพี่นกค่ะ” “ไม่มีค่ะ คุณคงโทรผิดเบอร์” หญิงสาวถอนหายใจ ให้กับฝันสลายที่หายวับไปทันใด สุดท้ายเป็นแค่เพียงคนโทรผิด ดอมกลับมาที่ร้านทั้งที่เขาเพิ่งจะออกไปทำงานไม่ถึงสองชั่วโมง “พี่ดา นายให้มาเหมากับข้าวให้หมดเลย วันนี้นายจะเลี้ยงอาหารกลางวันลูกน้องและถ้าเหลือจะให้แบ่งกันกลับบ้าน” ดาวิกายืนงงด้วยความแปลกใจทำอะไรไม่ถูก ดอมและเพื่อนช่วยกันขนหม้อขึ้นรถ ปล่อยให้แม่ค้าคนสวยยืนงงอยู่คนเดียว “แล้วข้าวของพี่จะได้คืนเมื่อไหร่ พรุ่งนี้พี่ต้องทำกับข้าวแต่เช้ามืดนะ” “บ่ายนี้ผมจะเอาไปไว้ที่ห้องเอง ไม่ต้องเป็นห่วง” กับข้าวถูกขนไปหมดแล้ว ดาวิกาจึงเก็บร้าน เพราะจะได้กลับไปทำงานบ้านต่อ โชคดีของเธอที่มีคนมาเหมาจะได้มีเวลาทำงานบ้านบ้าง