“หัวหน้าจากสัญญาณจีพีเอส เป้าหมายอยู่อาคารทางขวามือนี้ครับ!”
“เลี้ยวเข้าไปเลย!”
คนขับรถได้เลี้ยวเข้าไปในโมเทล และจอดใกล้กับตำแหน่งของหมุดที่ปักอยู่บนแผนที่ในสมาร์ทโฟน ซึ่งอยู่ด้านหน้าที่จอดรถของห้องหนึ่งที่มีม่านปิดบังไว้อย่างมิดชิด ชายฉกรรจ์ร่างกำยำที่มีรอยแผลเป็นตรงกึ่งกลางคิ้วซ้าย ได้เปิดประตูลงมาจากรถเป็นคนแรก พร้อมชักอาวุธออกมาจากซองปืนข้างเอวมาเตรียมพร้อมไว้ในมือ ตามมาด้วยชายคนที่ถือสมาร์ทโฟน เขามีหน้าที่คอยตรวจจับหาสัญญาณจีพีเอสจากชิปติดตามตัวของเชื้อพระวงศ์พระองค์หนึ่ง
คนขับรถเปิดประตูลงมาทีหลัง แต่เดินนำหน้าไปก่อนอย่างรวดเร็ว เขายื่นมือกำผ้าม่านที่บังสายตาสะบัดไปข้างหนึ่งให้เปิดออกกว้าง แล้วเบี่ยงตัวหันไปมองชายที่มีรอยแผลเป็นที่เดินตามมาด้านหลัง ซึ่งก็พยักหน้าเป็นการยืนยันทันที ที่เห็นว่าเป็นรถยนต์ของเป้าหมายที่กำลังตามหาอยู่
ชายคนที่ทำหน้าที่ตรวจจับสัญญาณ มองที่หน้าจอสมาร์ทโฟน ตรงตำแหน่งปัจจุบันของลูกศร เขาเงยหน้าขึ้นแล้วชี้นิ้วทำสัญญาณมือไปยังห้องที่ปิดสนิทอยู่นั้น
คนขับรถชักปืนออกมาเตรียมพร้อม แต่ขณะที่กำลังจะเดินตรงไปที่ประตู กลับมีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น ที่ด้านหลังพวกเขา ชายทั้งสามจึงหันหลังไปมองพร้อมกันเป็นจุดเดียวอย่างระมัดระวัง
“พี่ๆๆ!! พวกพี่จะทำอะไร ห้องนี้มีลูกค้าแล้ว เอารถไปจอดตรงที่ว่างๆ นู่นไป!” พนักงานพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ สีหน้าและแววตากวนบาทาอย่างร้ายกาจ แต่แล้วเขาก็ต้องชี้มือค้างกลางอากาศ ร่างทั้งร่างแข็งค้างแม้แต่น้ำลายก็ยังไม่กล้าจะกลืน เมื่อชายรูปร่างกำยำคนที่อยู่ใกล้เขาที่สุดยกปืนขึ้นมาจ่อที่หัว แล้วพูดด้วยโทนเสียงข่มขู่ที่ไม่ดังมากนัก แต่กลับทำให้เขากลัวจนฉี่เหนียวแถมเสียวเกร็งไปจนถึงต่อมหมวกไต แข้งขาอ่อนแรงจนทรุดร่างลงไปคุกเข่ากับพื้น
“เปิดประตู!” ชายคนที่เล็งปืนพูดเสียงเบาเป็นภาษาอังกฤษ พนักงานยกมือสองข้างขึ้นระดับไหล่ มองคนที่กำลังจ่อปืนไว้ที่หัวตัวเองอย่างตื่นตระหนก เพราะฟังไม่ออกว่าเขาต้องการอะไร จึงเค้นเสียงตอบไปเท่าที่พูดได้ว่าไอๆ โนๆ อย่างตะกุกตะกัก คนขับรถจึงพูดเป็นภาษาทีแลนด์กับเขาแทน
“ได้ๆๆ!!” พนักงานพยักหน้าหงึกๆ สอดมือสั่นๆ เข้าไปในกระเป๋าล้วงเอาพวงกุญแจออกมา แล้วรีบไปไขประตูให้ทันที
พอพนักงานหมุนลูกบิด ชายคนขับรถก็ถีบประตูแล้วลั่นไกกระหน่ำยิงไปรอบห้องจนหมดแม็ก หลังเสียงปืนสงบลง สองคนที่หลบอยู่ข้างประตูก็รีบเข้ามาเสริม แต่ภายในห้องกลับว่างเปล่าไร้เงาร่างของผู้คน มีแค่แหวนที่วางทิ้งไว้ให้พวกเขาได้ดูต่างหน้าอยู่บนเตียงเพียงวงเดียวเท่านั้น
“ไปลากพนักงานคนนั้นมา!” ชายคนที่มีรอยแผลเป็นตวาดออกมาอย่างฉุนเฉียว ทำให้ใบหน้าที่เหี้ยมเกรียมอยู่แล้วยิ่งดูชั่วร้ายมากขึ้นไปอีก
…
พนักงานได้พาคนทั้งสามมาดูกล้องวงจรปิด ที่บันทึกไว้ก่อนหน้าที่พวกเขาจะมาถึง จึงเห็นว่าก่อนที่กล้องวงจรปิดหน้าห้องพักและกล้องตัวที่ติดอยู่ตรงทางเข้าออกจะใช้การไม่ได้นั้น ได้มีหนุ่มน้อยหน้าตาดีคนหนึ่งมาด้อมๆ มองๆ ที่ใต้ฐานกล้อง จากนั้นสัญญาณภาพก็ขาดหายไป ชายร่างกำยำจึงติดต่อไปที่ศูนย์บัญชาการลับ เพื่อให้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดของกรมทางหลวงที่อยู่ด้านหน้าโมเทล เพื่อดูรถทุกคันที่เข้าออกในช่วงเวลานั้น
…………………….
รถตู้ที่ส่งไปรับเจ้าชายอิสราร์กับพริมโรสได้พามาที่คอนโดมิเนียมสุดหรูระดับไฮเอนด์ริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งพอหญิงสาวได้เห็นก็ถึงกับตื่นตะลึงไปกับความเลิศหรูอลังการของสถานที่ทั้งภายในและภายนอก เธอรู้ว่ารุ่นพี่มีฐานะทางบ้านที่ร่ำรวย แต่คิดไม่ถึงว่าจะเกินเบอร์ของความมั่งคั่งไปมากมายถึงเพียงนี้ เพราะคอนโดลักษณะนี้จะเรียกว่าแบรนด์เด็ดเรสซิเดนซ์ ที่มีการผสมผสานโครงการที่อยู่อาศัยร่วมกับแบรนด์โรงแรมชั้นนำ ทำให้มีบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมี่ยมเทียบเท่าโรงแรมระดับโลก
การดีไซน์จะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จนกลายเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญ และเป็นแรร์ไอเทมที่หายากเพราะมีที่ตั้งติดริมแม่น้ำมากที่สุด ทำให้มีราคาสูงเป็นอันดับสี่ของทีแลนด์เลยทีเดียว
พริมโรสอุทานออกมาอย่างพึงพอใจ เมื่อเห็นการออกแบบทางเข้าออกที่เชื่อมต่อกับลานจอดรถ ซึ่งสามารถตรงเข้าที่พักได้เลยโดยไม่จำเป็นจะต้องไปผ่านล็อบบี้ที่ด้านล่าง เป็นการเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้พักอาศัยได้ดียิ่งขึ้นไปอีก
หญิงสาวเปิดประตูลงไปก่อนเมื่อรถจอดสนิท เธอยิ้มให้ผู้ดูแลสถานที่ที่มายืนต้อนรับ และหันไปมององครักษ์ที่กำลังประคองสามีให้นั่งบนวีลแชร์ เธอพยักหน้าให้เขาเข็นรถพาเจ้านายสำรวจไปโดยรอบ ในขณะที่ชายหนุ่มสูงศักดิ์กำลังสอบถามข้อมูลกับผู้ดูแลอย่างละเอียดไปด้วย จนมาหยุดมองที่วิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำในมุมมองร้อยแปดสิบองศาผ่านกระจกที่ยาวจากพื้นจรดเพดานอย่างสนอกสนใจ
“ฝ่าบาทสอบถามราวกับต้องการจะซื้อที่นี่อย่างนั้นแหละ” หญิงสาวเดินมายืนข้างๆ เขาละสายตา ที่กำลังมองไปยังที่ตั้งของพระราชวัง หันมาคุยกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไม่ใช่ผม แต่เป็นรดา”
“หืม? อย่าบอกนะว่า ท่านหญิงก็อยู่ในวงการอสังหาฯด้วยเหมือนกัน?”
“ก็ใช่จริงๆ” ใบหน้าหล่อเหลา ผุดรอยยิ้มพึงพอใจ แผ่ไปถึงดวงตา ดูดีมีเสน่ห์เสียจนน่าหลงใหล มุมปากของหญิงสาวเผลออมยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว
“ตระกูลอัลฟูลันสายเราจะมีธุรกิจหลายอย่าง และส่วนใหญ่รดาจะดูแลแทนผมทั้งหมด นี่ก็เห็นว่ากำลังมองหาลู่ทาง ขยายการลงทุนมาที่ทีแลนด์ เพราะตั้งใจสืบหาครอบครัวของตัวเองไปด้วย”
“มีอะไรให้หม่อมฉันช่วยก็บอกได้เลยนะเพคะ หม่อมฉันจะทำทุกทางให้ท่านหญิงได้พบกับครอบครัวให้ได้!”
“ยายรดาโชคดีที่มีพี่สะใภ้อย่างคุณ และคุณก็โชคดีที่ได้จดทะเบียนกับสามีแห่งชาติอย่างผม เพราะนอกจากจะหน้าตาดีแล้ว ยังมีสายตาที่แหลมคม สามารถรู้ได้ทันทีว่า อะไรคือของดีมีคุณค่า สมกับเป็นมกุฏราชกุมารของเปเรซโดยแท้จริง!”
พริมโรสคิ้วกระตุก ยืนไว้อาลัยให้กับประโยคยกหางตัวเองที่ลื่นไหลอย่างเป็นธรรมชาติของเขา เธอมีภูมิต้านทานเรื่องการพูดจาโดยไม่กระดากปากแบบนี้มาสักพักแล้ว จึงไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาให้เห็นเหมือนเมื่อก่อนอีก
เสียงฝีเท้าที่ดังอยู่ด้านนอก กำลังเดินเข้ามาที่ห้องรับแขก พริมโรสจึงหันไปมอง
“รุ่นพี่!!” หญิงสาวกระโดดตัวลอย เข้าไปจับแขนเขาเขย่าแรง ชายหนุ่มวางฝ่ามือใหญ่ทับบนมือเรียวเล็ก รู้สึกยินดีอยู่ในใจที่ได้กลับมาพบกันอีก
“ยัยลูกเป็ดขี้เหร่! โตเป็นสาวแล้วสวยไม่บันยะบันยังขนาดนี้ได้ยังไง ฮึ!”
“มันสวยแบบไหนอะคะ สวยแบบเหลือทน หรือเป็นสวยแบบหักโหม?” ชายหนุ่มหัวเราะอย่างเอ็นดู กำลังจะอ้าปากตอบ แต่มีเสียงกระแอมไอดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน สายตาจึงเลื่อนเลยไปทางด้านหลังของหญิงสาว
“อ้าว! ขอโทษครับ! ผมมัวแต่ดีใจเลยไม่ทันได้สังเกต!” ชายหนุ่มพูดขณะเดินเข้าไปหาบุรุษที่นั่งอยู่บนรถเข็น พร้อมส่งมือให้จับเพื่อทักทายแบบสากล “ผมรามิล เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยของพริมโรส”
“ผมอิสราร์ เป็นสามีของพริมโรส ยินดีที่ได้รู้จักครับ” พริมโรสตวัดสายตามองสามีอย่างหมั่นไส้ คำพูดของเขาแฝงไว้ด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ซึ่งก็พอจะเดาเจตนาออกว่าต้องการจะทำอะไร
ชักจะเกินไปละ เดี๋ยวนี้ถึงกับประกาศตัวออกมาเอง! ได้ข่าวว่ายังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ทำเหมือนเด็กขี้หวงของไปได้! ชิ!
รามิลเบิกตากว้างแล้วหันไปพูดกับหญิงสาวรุ่นน้อง
“เธอมีสกิลในเรื่องนี้ด้วยเหรอ? เซอร์ไพร์สมาก! ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเธอจะได้แต่งงานก่อนฉันเสียอีก!”
คนดูแลสถานที่นำกาแฟ และของว่างมาวางที่โต๊ะรับแขกหน้าโซฟาชุดหนึ่ง จากนั้นก็วางอีกชุดไว้ให้ผู้ติดตามอีกสองคนที่โต๊ะเล็กริมหน้าต่าง รามิลจึงผายมือเชื้อเชิญแขกทั้งสองให้ดื่มกาแฟ พริมโรสเข็นรถวีลแชร์ให้มาอยู่ใกล้กับโซฟาด้านที่เธอนั่งอยู่ ส่งถ้วยกาแฟพร้อมจานรองให้เขา ขณะที่ปากอิ่มก็บ่นไปด้วยอย่างกระเง้ากระงอด
“ยังไม่ได้เข้าพิธีหรอกค่ะ! ฉันถูกล่อลวงน่ะ! เขาบังคับทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ!!” ชายหนุ่มชะงักมือที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม เหลือบตาคม ขึ้นมองใบหน้าบึ้งตึงพวงแก้มพองออกจนปากยู่นั้น พลางย้อนถามเบาๆ อย่างเยาะหยัน
“เดี๋ยว!! ให้พูดใหม่! ใครกันแน่ที่โดนทำร้ายร่างกาย และจิตใจ!”
รามิลหัวเราะอย่างเห็นขัน ขณะที่ฟังประโยคจิกกัดของคนทั้งคู่ ทั้งที่เป็นคำพูดประชดประชันกันไปมา แต่กลับแฝงน้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่ไว้ด้วยอย่างลึกซึ้ง
“ผมนับถือคุณจริงๆ ที่สามารถมัดยัยนี่ไว้ได้อยู่มือ โดยไม่บาดเจ็บหรือพิการ ซึ่งไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน!”
“ผมเชื่อ! เคยโดนกับตัวมาแล้วเหมือนกัน!” เจ้าชายอิสราร์พูดเสียงเรียบ
องครักษ์ที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม สบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย รู้สึกซาบซึ้งถึงความเมตตาอันไร้ขอบเขต ของผู้เป็นนายหญิงขึ้นมาทันใด ที่ยังอุตส่าห์ยั้งมือไว้ไมตรี ทิ้งแค่รอยฟกช้ำดำเขียวไว้ให้พวกเขาเท่านั้น
พริมโรสเบะปาก แค่นเสียงฮึอยู่ในลำคออย่างไม่สบอารมณ์
“ผู้ชาย! พอสู้ไม่ได้ก็มาหาว่าเราบ้าพลัง! ก่อนลงมือทำไมไม่คิด!”
“ก็เธอมันตัวประหลาด! ใครจะไปคาดถึง ว่าจะมีคนเช่นนี้อยู่บนโลก! ใครอยู่ใกล้ถ้าไม่บาดเจ็บก็ล้มตาย!..” รามิลพูดอย่างไม่ทันได้คิด ทำให้ต้องชะงักกึกไปในทันที “โอ๊ย! ขอโทษ! พี่ไม่ได้ตั้งใจ!” เจ้าชายอิสราร์สะดุดใจ แต่พอเห็นสีหน้าอึมครึม ที่ยากจะอ่านออกของภรรยา ก็เลยไม่ได้ทักถาม เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
“คุณเป็นเจ้าของคอนโดนี้หรือครับ?”
“ใช่ครับ เพิ่งจะสร้างเสร็จไม่นาน และเริ่มตกแต่งเมื่อเดือนที่แล้ว! เอ่อ..ขอโทษ คุณเป็นชาวเปเรซหรือเปล่าครับ?”
“ครับ” เจ้าชายอิสราร์รู้สึกทึ่ง ในไหวพริบ และความช่างสังเกตของเขา ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติ ของนักธุรกิจแถวหน้าที่ประสบความสำเร็จ
“เยี่ยม! ผมกำลังศึกษาเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจและข้อดีข้อเสียในการลงทุนที่เปเรซ จะรังเกียจไหมครับถ้าผมจะขอข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนนี้”
“ยินดีครับ เผอิญว่าบริษัทของผม ก็สนใจจะหาผู้ร่วมทุนในทีแลนด์อยู่เหมือนกัน นับว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่ดีระหว่างเรา”
“ก่อนหน้านี้ ผมได้รับการติดต่อ จากนักลงทุนของเปเรซ ในนามบริษัทอัลฟูลันเรียลเอสเตท ผ่านทางท่านทูตทีแลนด์ประจำเปเรซ พอจะรู้จักบริษัทนี้ไหมครับ?”
“อ่า ครับ คงจะเป็นน้องสาวผมเอง เขาดูแลเรื่องอสังหาฯ ให้กับธุรกิจในเครืออัลฟูลันเป็นส่วนใหญ่”
“จุดใต้ตำตอ! ผู้บริหารอยู่ตรงหน้าผมนี่เอง!”
“เดี๋ยวค่ะ! ก่อนที่คุณพี่ทั้งสองจะคุยกันยาว ขออนุญาตขัดจังหวะการสนทนาด้วยความเคารพ ฉันอยากจะรบกวนรุ่นพี่ ช่วยติดตามสอบถามถึงอาการของท่านหญิงให้หน่อยค่ะ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าฉันออกหน้าเอง เกรงว่าฝ่ายตรงข้าม อาจจะหาร่องรอยของพวกเราเจอได้อย่างรวดเร็ว!”
“ได้! เดี๋ยวจะให้คนไปสอบถามตามโรงพยาบาล และที่โรงแรมที่พัก ไหนลองเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ ทั้งหมดให้ฟังหน่อยซิ!”
…………………….
::ณ ศูนย์บัญชาการลับ::
ชายฉกรรจ์ที่มีรอยแผลเป็น ยืนกอดอกจ้องคลิปที่ได้จากกล้องวงจรปิดของกรมทางหลวงอย่างเคร่งเครียด ตั้งแต่รถยนต์ต้องสงสัยออกมาจากโมเทล แล้วเลี้ยวเข้าไปในร้านอาหาร เปลี่ยนเป็นคันใหม่โดยจอดคันเก่าไว้ที่เดิม และต่อมารถคันใหม่นั้นก็ได้เลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถของโรงแรมหรูใจกลางเมืองหลวง
ซึ่งตรงจุดนั้นกล้องวงจรปิดค่อนข้างมัวเล็กน้อย และมีรถส่งสินค้าคันหนึ่งจอดบังอยู่ ขณะที่รถส่งสินค้ากำลังเอาของลง รถเป้าหมายก็ได้ขับออกไปจากลานจอดรถ เขาจึงได้รีบสั่งการให้ลูกน้องทั้งหมดแยกกันออกติดตามร่องรอยรถยนต์ของเป้าหมายไปในทันที
แล้วคนทั้งหมดก็รีบผลุนผลันออกไป โดยที่ยังไม่ทันได้ดูเลยว่า หลังจากที่รถส่งสินค้าขับออกไปจากจุดนั้น ก็มีรถตู้คันหนึ่งถอยออกจากช่องที่จอดรถของวีไอพี แล้วขับตามรถส่งสินค้าออกไปอย่างไม่เร่งร้อน
“ฝ่าบาท…ชัยเคาะฮ์ไลลามาขอพบพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายอิดรีส กำลังดูข่าวเหตุการณ์ระเบิด ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติในทีวี พอได้ยินชื่อของคนที่มาพบจึงเลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจไลลาเดินตามหลังเด็กรับใช้เข้ามาด้านใน ฝืนข่มความรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจลึกๆ เนื่องจากเคยได้ยินคำเล่าลือเกี่ยวกับอุปนิสัยของท่านลุงซึ่งเป็นบิดาของเขา ที่มีพฤติกรรมคล้ายกับพวกไซโคพาธ ที่มีความผิดปกติทางจิตใต้สำนึก ขาดความยับยั้งชั่งใจ ไม่เกรงกลัวต่อการกระทำผิด อย่างการลอบวางยาพิษสังหารบิดา ทั้งยังปลอมแปลงพระบรมราชโองการแต่งตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์ เขาซึ่งเป็นลูกชายย่อมมียีนที่ไร้จิตสำนึก ของฆาตกรถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม มาบ้างเป็นแน่ แต่ระดับของความรุนแรงจะน้อยหรือมาก คงขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูในวัยเด็กประกอบไปด้วยเธอได้ยินมานานแล้วว่า เขาเป็นคนเก็บตัวไม่ออกสื่อ ทั้งยังเป็นพวกชอบต่อต้านสังคม เย็นชาและไม่แยแสกับทุกสิ่งรอบตัว และอีกกระแสหนึ่งก็บอกว่าเขาเป็นพวกเพลย์บอยเจ้าชู้เสเพล เป็นด้านมืดที่ไม่เปิดเผยให้ใครได้เห็น ยิ่งทำให้เธอมั่นใจว่าเขาคงมีความสับสนเกี่ยวกับบุคลิกภาพในตัวเองอยู่พอสมควร และคงได้รับความผิดปกตินั้นมาด้วยเป็นแน่แท้ เพีย
พนักงานส่วนใหญ่เลิกงานแล้ว แต่รามิลกับเลขายังต้องอยู่ล่วงเวลาเป็นประจำทุกวัน เขากำลังเซ็นเอกสารอนุมัติ พลันเหลือบไปเห็นแสงสว่างที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างแฟ้ม จึงสไลด์กดรับแล้วเปิดสปีคเกอร์โฟน“พี่ชาย!”“ว่าไง! มีอะไรด่วนหรือเปล่าโทรมาป่านนี้?”“ยายหนูค่ะ อยู่ๆ ก็หลับไปยี่สิบชั่วโมง เป็นแบบนี้มาสองวันแล้ว ศิดากับคุณรามเลยพาแกไปโรงพยาบาล หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคเจ้าหญิงนิทราที่ทำให้อยู่ในภาวะหลับนาน แกตื่นมาตอนหิวแล้วก็กินเยอะมาก จำใครไม่ได้เลยเหมือนกำลังละเมอ แล้วก็หลับไปอีก พี่ชายจะมาเยี่ยมแกหน่อยไหมคะ?”“ภาวะแทรกซ้อนอื่นล่ะ?”“ไม่มีค่ะ แสกนสมองก็ปกติ คุณหมอยังแปลกใจ”“เคยล้มหรือได้รับความกระทบเทือนถึงสมองหรือเปล่า ทำไมหลับมาราธอนขนาดนั้น?”“ไม่เคยเลยค่ะ ศิดายืนยัน! และนี่แหละที่คุณหมอยังหาสาเหตุไม่ได้ เพราะคนในครอบครัว ก็ไม่มีใครมีความผิดปกติในเรื่องนี้เลย.. พี่ชาย! ยังมีอีกเรื่องหนึ่งค่ะ! เลขาศิดาเพิ่งจะเอามาให้ดู มีบทสัมภาษณ์ของเจ้าชายเปเรซพระองค์หนึ่งในแมกกาซีน ทีนี้มีอยู่ภาพหนึ่งถ่ายติดหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังท่าน หน้าเหมือนศิดาราวกับฝาแฝดเลยค่ะ ถึงแม้จะหันข้างแต่ดูยังไง
เขาถอนปากออกมาเล็กน้อย ก่อนจะขยับใบหน้าแนบชิดสัมผัสกับกลีบปากนุ่มอีกครั้ง ขบเม้มอย่างอ้อยอิ่ง บดคลึงแล้วดูดดึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนริมฝีปากอิ่มบวมแดงไปหมด ยิ่งสัมผัสก็ยิ่งรู้สึกถึงความหอมหวาน ไม่ว่าจะตักตวงเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอร่างเล็กบางประกบอยู่ระหว่างความร้อนผ่าวจากตัวเขา และความแข็งเย็นของผนัง แผงอกหนาภายใต้เนื้อผ้าเสียดสีกับความอวบอิ่มใต้บราเนื้อบางอย่างจงใจต้นขาด้านในถูกความแข็งนูน ที่กำลังร้อนจัดจากร่างของเขาแผดเผาทั้งที่มีเสื้อผ้ากีดขวางอยู่ ความรู้สึกเสียวซ่านยากจะบรรยายเกิดขึ้นจากจุดที่อ่อนไหวแล้วค่อยๆ ลุกลามแผ่ซ่านไปทั่วท้องน้อยพร้อมกับความวาบหวิวที่แทรกซึมไปทั่วทั้งร่าง แรงต่อต้านของเธอแทบจะไม่มีเหลือแล้วชายหนุ่มครางเสียงต่ำในลำคอ ปลายลิ้นว่องไวไล้ความชุ่มชื้นตรงผนังด้านในริมฝีปากล่างนุ่มอุ่น ก่อนจะถอนริมฝีปากออก ลมหายใจเป่ารดอยู่ที่ใบหูบอบบางเบาๆ ขณะที่ฝ่ามือใหญ่ อุ่นร้อนสอดเข้าไปใต้บราเนื้อบางทางด้านหลัง แล้วปลดตะขออย่างคล่องแคล่ว ลูบไล้แผ่นหลังที่ร่างเปลือยเปล่า นุ่มเนียนมืออย่างอดใจไม่ไหว จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนมาด้านหน้าแล้วกอบกุมไว้เต็มในอุ้งมือ เคล้นคลึงความ
ฮัลดาเดินตามองครักษ์มายังห้องที่เขาบอกว่าเชคฮ์อิสราร์ให้เธอมาหา ซึ่งอยู่สูงกว่าชั้นที่เธอพักสองชั้น เธอดูข่าวลอบวางระเบิดจากในทีวีรู้สึกเป็นห่วงเขามาก จึงทิ้งงานทุกอย่างในมือแล้วรีบเดินตามมาอย่างรวดเร็วองครักษ์แง้มประตูทิ้งไว้ ทำให้เห็นว่าภายในมืดมาก มีเพียงไฟจากนอกหน้าต่างลอดผ่านเข้ามาได้เท่านั้น เธอค่อนข้างกลัวความมืดจึงเดินเข้าไปด้วยความรู้สึกที่หวาดหวั่นนิดๆ ปัง!!ฮัลดายืนสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงประตูปิดดังสนั่น ยกมือทาบหน้าอก ยืนตัวสั่นเทาอยู่กลางห้องด้วยความตกใจ“ว้าย!” หญิงสาวกระโดดหนีไปทางหนึ่ง เมื่อเห็นเงาวูบวาบเข้ามาใกล้ แต่พอเห็นร่างนั้นถนัดตาก็ยิ่งตกตะลึงเธอจำเขาได้ คืนที่เธอเสียความบริสุทธิ์ครั้งแรกเขาก็ใส่หน้ากากสีทองครึ่งหน้าแบบนี้ ในตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าชายลึกลับเป็นใครจึงดิ้นรนขัดขืน ทำให้ไข้ขึ้นนอนซมเพราะป่วยไปหลายวัน เพราะยิ่งดิ้นเขายิ่งกระทำชำเราอย่างรุนแรงจนเจ็บระบมไปหมด เป็นเวลานานกว่าจะหนำใจเขา แล้วก็จากไปท่ามกลางแสงสลัว เหลือเพียงกระดุมเม็ดหนึ่งทิ้งไว้เท่านั้นเธอดูแลเสื้อผ้าเขาอยู่มีหรือจะไม่รู้ว่ากระดุมที่มีตัวอักษรไอเอสนั้นเป็นของใคร และพอไปตรวจดูก็พบว่
ขณะที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาของการวัดใจ จู่ๆ โทรศัพท์ที่หัวเตียงก็ดังขึ้น พร้อมๆ กับเงาใต้ประตูที่ผ่านไปวูบหนึ่งอย่างรวดเร็ว เนื่องจากภายในห้องนอนปิดไฟมืดแต่ด้านนอกเปิดไฟสว่าง ทำให้ผู้บุกรุกอยู่ในจุดที่เสียเปรียบ เจ้าชายอิสราร์ชูนิ้วขึ้นสองนิ้วแล้วกระดกสองครั้งชี้ไปที่ประตู หญิงสาวพยักหน้า เพราะเธอก็เห็นเหมือนกันว่ามีสองเงาที่วิ่งผ่านไปพร้อมๆ กันพริมโรสทำสัญญาณบอกเขาว่าเธอจะจัดการไอ้คนนี้ แล้วจะย้ายไปอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาทำสัญญาณมือตอบกลับว่าโอเคตามแผนของเธอไม่กี่วินาทีประตูก็แง้มออกอย่างเชื่องช้า ปลายกระบอกปืนโผล่เข้ามาอย่างเงียบเชียบ เธอรอให้ประตูเปิดกว้างขึ้นอีกหน่อย จากนั้นก็กระแทกเท้าถีบไปโดยแรงปึง!! “โอ๊ก!!” คนร้ายร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อถูกประตูกระแทกที่หัวก่อนจะกระเด็นไปอัดอยู่ระหว่างประตูกับผนัง ทันใดนั้นพริมโรสก็ทะลึ่งตัวลุกพรวดขึ้น ฟาดกระบอกปืนไปที่ข้อมือของมันจนปืนร่วงลงพื้น แล้วตีลังกาข้ามไปอยู่อีกด้านหนึ่งเหนี่ยวไกปืนเล็งไปที่หัวของมันสองนัดคนร้ายตัวสะบัดล้มทั้งยืนคาปากประตู เธอโยนปืนของคนร้ายลอยออกไปนอกห้อง ในพริบตานั้นก็มีเสียงปืนยิงวัตถุที่เธอเพิ่งจะโยนออกไปอย่างกระหน่
ฮัลดาเดินฮัมเพลงในลำคอมาตลอดทาง หลังจากองครักษ์คนเมื่อวันก่อน มาตามให้เธอไปที่ห้องเดิมอีกครั้ง เมื่อตอนเช้ามืด เพื่อนๆ ในห้องไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปและเพิ่งจะกลับเข้ามา หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในห้องขนาดกว้างขวางที่พักรวมกันอยู่สี่คน พอเห็นว่าทุกคนกำลังวุ่นวายรีดผ้า อีกคนพับ อีกคนแขวน อีกคนนั่งปักผ้า เธอก็เลยเดินแยกตัวไปนั่งตรงอื่น กินน้ำชากับของว่างอย่างสบายใจ เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งหันมาเห็นจึงพูดออกไปตรงๆ“ฮัลดา! เธอเห็นไหมว่าพวกเรากำลังทำงานมือไม่ว่างกันทุกคน”“เห็น! แล้วยังไงหรอ?” ฮัลดาตอบอย่างไม่ใส่ใจ“แล้วเธอจะนั่งให้รากงอกเป็นเจ้านาย เพื่อเอาเปรียบพวกเราอยู่อย่างนั้นหรือไง?”“ก็ฝึกตัวเองให้ชินสิ! อีกหน่อยไม่มีฉันอยู่ช่วยทำงาน พวกเธอจะทำยังไงกันล่ะ!”“ฟังจากน้ำเสียง เหมือนเธอจะออกจากวังไปแต่งงาน?”“โลกนี้อะไรก็ไม่แน่นอน เหมือนในนิทานไง ทำงานเป็นนางซินงกๆ วันนี้ อาจจะปุบปับเปลี่ยนฐานะเป็นเจ้าหญิงในวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้ใครจะรู้!”“แต่นี่มันโลกแห่งความเป็นจริง! มาช่วยฉันทำงานเดี๋ยวนี้!!”ประตูห้องพักถูกเปิดพรวดออก หญิงสาวสี่ห้าคนเดินเร็วเข้ามาด้วยอาการดีอกดีใจ“ทุกคนๆ! เชคฮ์อิสราร์กับพ
พอพ้นสายตาผู้คนฮัลดาก็กัดฟันกรอด มือสองข้างกำไว้แน่น ไม่เคยรู้สึกพ่ายแพ้เช่นนี้มาก่อน เมื่อนึกตอนที่เจ้าชายอิสราร์แนะนำผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าผู้นั้นในฐานะพระคู่หมั้นให้พวกเธอได้รู้จัก หัวใจของฮัลดารู้สึกเจ็บแปลบ หน้าอกหายใจสะท้อนรัวถี่ด้วยความโกรธ พูดตอกย้ำตัวเองราวกับสะกดจิตว่ายอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ เชคฮ์เป็นที่รักและเคารพของประชาชน สมควรจะสมรสกับคนในชาติและศาสนาเดียวกัน เธอไม่มีวันยอมให้คนนอกมาทำให้ศาสนาที่บริสุทธิ์ในนามของพระเจ้าต้องเสื่อมเสียเป็นอันขาดฮัลดาเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องส่วนตัว อย่างใช้ความคิด เค้นสมองหาหนทาง ที่จะปกป้องบุคคลที่ตัวเองรัก จากคนที่ไม่เหมาะสมอย่างเต็มที่ และสิ่งแรกที่เธอคิดได้ก็คือ ต้องหาวิธีบังคับข่มขู่หรือลักพาตัว เพื่อให้คนผู้นั้นเห็นว่าการอยู่ใกล้ชิด กับเชคฮ์อิสราร์ มันอันตรายต่อชีวิตมากแค่ไหน พอคิดได้ดังนั้น เธอก็ส่งข้อความหา คนที่จะสามารถช่วยให้แผนนี้ของเธอสัมฤทธิ์ผลในทันที…………………….วันนี้เจ้าชายอิสราร์จะอยู่ที่ทีแลนด์เป็นคืนสุดท้าย จึงชวนพริมโรสไปดินเนอร์ แบบเชฟส์เทเบิ้ลที่ห้องอาหาร และบาร์สุดชิคบนดาดฟ้าของโรงแรม หญิงสาวตอบรับด้วยความยินดีเพ
“ท่านหญิง คุณรามิลมาขอพบเจ้าค่ะ”พวงแก้มนวลแดง ระเรื่อขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่อ ที่กำลังคิดถึงอยู่ เธอกำลังทบทวนเหตุการณ์ในคืนนั้นที่ทำให้หัวใจเต้นแรงจนควบคุมไม่ได้“บอกให้เขารอสักครู่”“เจ้าค่ะ”วันนั้นที่เธอหมดสติในโรงพยาบาล แต่กลับฟื้นขึ้นมาในลักษณะที่นอนหนุนเขาอยู่ครึ่งตัว ศีรษะวางอยู่บนต้นแขนแก้มแนบอยู่กับอก ปลายนิ้วเรียวของเขาลูบไล้พวงแก้มอย่างทะนุถนอม แม้หลับตาก็ยังสัมผัสได้ว่าดวงตารุ่มร้อนคู่นั้นจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา พอเธอลืมตาขึ้นจึงสบประสานสายตาลึกล้ำดำสนิทของเขาราวกับกำลังต้องมนต์ไปโดยไม่รู้ตัว เธอยังมองเห็นความปีติยินดีที่ไม่สามารถอธิบายได้ เปี่ยมล้นจนเผยออกมาให้เห็นทางดวงตาของเขา ความห่วงใยฉายชัดออกมาอย่างชัดเจน และบอกเล่าถึงความรักความคิดถึงที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจและไม่เคยจะลบเลือน เธอมองสีหน้าที่กำลังเคลิบเคลิ้ม อยู่กับความทรงจำอันสวยงามในอดีตนานอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้นมาอย่างตื้นตันใจ “ผมอยากจูบคุณ อนุญาตไหม?” หญิงสาวหลับตาสัมผัสความรู้สึกจากอ้อมกอดอันทรงพลังที่กำลังถ่ายเทความอบอุ่นมาให้เธออย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายของเขาแผ่อวลเข้ามาปะทะจมูกแล้วโอบล้อมเธอเอาไว้
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้