“หัวหน้าจากสัญญาณจีพีเอส เป้าหมายอยู่อาคารทางขวามือนี้ครับ!”“เลี้ยวเข้าไปเลย!”คนขับรถได้เลี้ยวเข้าไปในโมเทล และจอดใกล้กับตำแหน่งของหมุดที่ปักอยู่บนแผนที่ในสมาร์ทโฟน ซึ่งอยู่ด้านหน้าที่จอดรถของห้องหนึ่งที่มีม่านปิดบังไว้อย่างมิดชิด ชายฉกรรจ์ร่างกำยำที่มีรอยแผลเป็นตรงกึ่งกลางคิ้วซ้าย ได้เปิดประตูลงมาจากรถเป็นคนแรก พร้อมชักอาวุธออกมาจากซองปืนข้างเอวมาเตรียมพร้อมไว้ในมือ ตามมาด้วยชายคนที่ถือสมาร์ทโฟน เขามีหน้าที่คอยตรวจจับหาสัญญาณจีพีเอสจากชิปติดตามตัวของเชื้อพระวงศ์พระองค์หนึ่ง คนขับรถเปิดประตูลงมาทีหลัง แต่เดินนำหน้าไปก่อนอย่างรวดเร็ว เขายื่นมือกำผ้าม่านที่บังสายตาสะบัดไปข้างหนึ่งให้เปิดออกกว้าง แล้วเบี่ยงตัวหันไปมองชายที่มีรอยแผลเป็นที่เดินตามมาด้านหลัง ซึ่งก็พยักหน้าเป็นการยืนยันทันที ที่เห็นว่าเป็นรถยนต์ของเป้าหมายที่กำลังตามหาอยู่ชายคนที่ทำหน้าที่ตรวจจับสัญญาณ มองที่หน้าจอสมาร์ทโฟน ตรงตำแหน่งปัจจุบันของลูกศร เขาเงยหน้าขึ้นแล้วชี้นิ้วทำสัญญาณมือไปยังห้องที่ปิดสนิทอยู่นั้นคนขับรถชักปืนออกมาเตรียมพร้อม แต่ขณะที่กำลังจะเดินตรงไปที่ประตู กลับมีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น ที่ด้านหลัง
“ฝ่าบาท…ชัยเคาะฮ์ไลลามาขอพบพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายอิดรีส กำลังดูข่าวเหตุการณ์ระเบิด ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติในทีวี พอได้ยินชื่อของคนที่มาพบจึงเลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจไลลาเดินตามหลังเด็กรับใช้เข้ามาด้านใน ฝืนข่มความรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจลึกๆ เนื่องจากเคยได้ยินคำเล่าลือเกี่ยวกับอุปนิสัยของท่านลุงซึ่งเป็นบิดาของเขา ที่มีพฤติกรรมคล้ายกับพวกไซโคพาธ ที่มีความผิดปกติทางจิตใต้สำนึก ขาดความยับยั้งชั่งใจ ไม่เกรงกลัวต่อการกระทำผิด อย่างการลอบวางยาพิษสังหารบิดา ทั้งยังปลอมแปลงพระบรมราชโองการแต่งตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์ เขาซึ่งเป็นลูกชายย่อมมียีนที่ไร้จิตสำนึก ของฆาตกรถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม มาบ้างเป็นแน่ แต่ระดับของความรุนแรงจะน้อยหรือมาก คงขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูในวัยเด็กประกอบไปด้วยเธอได้ยินมานานแล้วว่า เขาเป็นคนเก็บตัวไม่ออกสื่อ ทั้งยังเป็นพวกชอบต่อต้านสังคม เย็นชาและไม่แยแสกับทุกสิ่งรอบตัว และอีกกระแสหนึ่งก็บอกว่าเขาเป็นพวกเพลย์บอยเจ้าชู้เสเพล เป็นด้านมืดที่ไม่เปิดเผยให้ใครได้เห็น ยิ่งทำให้เธอมั่นใจว่าเขาคงมีความสับสนเกี่ยวกับบุคลิกภาพในตัวเองอยู่พอสมควร และคงได้รับความผิดปกตินั้นมาด้วยเป็นแน่แท้ เพีย
พนักงานส่วนใหญ่เลิกงานแล้ว แต่รามิลกับเลขายังต้องอยู่ล่วงเวลาเป็นประจำทุกวัน เขากำลังเซ็นเอกสารอนุมัติ พลันเหลือบไปเห็นแสงสว่างที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างแฟ้ม จึงสไลด์กดรับแล้วเปิดสปีคเกอร์โฟน“พี่ชาย!”“ว่าไง! มีอะไรด่วนหรือเปล่าโทรมาป่านนี้?”“ยายหนูค่ะ อยู่ๆ ก็หลับไปยี่สิบชั่วโมง เป็นแบบนี้มาสองวันแล้ว ศิดากับคุณรามเลยพาแกไปโรงพยาบาล หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคเจ้าหญิงนิทราที่ทำให้อยู่ในภาวะหลับนาน แกตื่นมาตอนหิวแล้วก็กินเยอะมาก จำใครไม่ได้เลยเหมือนกำลังละเมอ แล้วก็หลับไปอีก พี่ชายจะมาเยี่ยมแกหน่อยไหมคะ?”“ภาวะแทรกซ้อนอื่นล่ะ?”“ไม่มีค่ะ แสกนสมองก็ปกติ คุณหมอยังแปลกใจ”“เคยล้มหรือได้รับความกระทบเทือนถึงสมองหรือเปล่า ทำไมหลับมาราธอนขนาดนั้น?”“ไม่เคยเลยค่ะ ศิดายืนยัน! และนี่แหละที่คุณหมอยังหาสาเหตุไม่ได้ เพราะคนในครอบครัว ก็ไม่มีใครมีความผิดปกติในเรื่องนี้เลย.. พี่ชาย! ยังมีอีกเรื่องหนึ่งค่ะ! เลขาศิดาเพิ่งจะเอามาให้ดู มีบทสัมภาษณ์ของเจ้าชายเปเรซพระองค์หนึ่งในแมกกาซีน ทีนี้มีอยู่ภาพหนึ่งถ่ายติดหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังท่าน หน้าเหมือนศิดาราวกับฝาแฝดเลยค่ะ ถึงแม้จะหันข้างแต่ดูยังไง
เขาถอนปากออกมาเล็กน้อย ก่อนจะขยับใบหน้าแนบชิดสัมผัสกับกลีบปากนุ่มอีกครั้ง ขบเม้มอย่างอ้อยอิ่ง บดคลึงแล้วดูดดึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนริมฝีปากอิ่มบวมแดงไปหมด ยิ่งสัมผัสก็ยิ่งรู้สึกถึงความหอมหวาน ไม่ว่าจะตักตวงเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอร่างเล็กบางประกบอยู่ระหว่างความร้อนผ่าวจากตัวเขา และความแข็งเย็นของผนัง แผงอกหนาภายใต้เนื้อผ้าเสียดสีกับความอวบอิ่มใต้บราเนื้อบางอย่างจงใจต้นขาด้านในถูกความแข็งนูน ที่กำลังร้อนจัดจากร่างของเขาแผดเผาทั้งที่มีเสื้อผ้ากีดขวางอยู่ ความรู้สึกเสียวซ่านยากจะบรรยายเกิดขึ้นจากจุดที่อ่อนไหวแล้วค่อยๆ ลุกลามแผ่ซ่านไปทั่วท้องน้อยพร้อมกับความวาบหวิวที่แทรกซึมไปทั่วทั้งร่าง แรงต่อต้านของเธอแทบจะไม่มีเหลือแล้วชายหนุ่มครางเสียงต่ำในลำคอ ปลายลิ้นว่องไวไล้ความชุ่มชื้นตรงผนังด้านในริมฝีปากล่างนุ่มอุ่น ก่อนจะถอนริมฝีปากออก ลมหายใจเป่ารดอยู่ที่ใบหูบอบบางเบาๆ ขณะที่ฝ่ามือใหญ่ อุ่นร้อนสอดเข้าไปใต้บราเนื้อบางทางด้านหลัง แล้วปลดตะขออย่างคล่องแคล่ว ลูบไล้แผ่นหลังที่ร่างเปลือยเปล่า นุ่มเนียนมืออย่างอดใจไม่ไหว จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนมาด้านหน้าแล้วกอบกุมไว้เต็มในอุ้งมือ เคล้นคลึงความ
ฮัลดาเดินตามองครักษ์มายังห้องที่เขาบอกว่าเชคฮ์อิสราร์ให้เธอมาหา ซึ่งอยู่สูงกว่าชั้นที่เธอพักสองชั้น เธอดูข่าวลอบวางระเบิดจากในทีวีรู้สึกเป็นห่วงเขามาก จึงทิ้งงานทุกอย่างในมือแล้วรีบเดินตามมาอย่างรวดเร็วองครักษ์แง้มประตูทิ้งไว้ ทำให้เห็นว่าภายในมืดมาก มีเพียงไฟจากนอกหน้าต่างลอดผ่านเข้ามาได้เท่านั้น เธอค่อนข้างกลัวความมืดจึงเดินเข้าไปด้วยความรู้สึกที่หวาดหวั่นนิดๆ ปัง!!ฮัลดายืนสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงประตูปิดดังสนั่น ยกมือทาบหน้าอก ยืนตัวสั่นเทาอยู่กลางห้องด้วยความตกใจ“ว้าย!” หญิงสาวกระโดดหนีไปทางหนึ่ง เมื่อเห็นเงาวูบวาบเข้ามาใกล้ แต่พอเห็นร่างนั้นถนัดตาก็ยิ่งตกตะลึงเธอจำเขาได้ คืนที่เธอเสียความบริสุทธิ์ครั้งแรกเขาก็ใส่หน้ากากสีทองครึ่งหน้าแบบนี้ ในตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าชายลึกลับเป็นใครจึงดิ้นรนขัดขืน ทำให้ไข้ขึ้นนอนซมเพราะป่วยไปหลายวัน เพราะยิ่งดิ้นเขายิ่งกระทำชำเราอย่างรุนแรงจนเจ็บระบมไปหมด เป็นเวลานานกว่าจะหนำใจเขา แล้วก็จากไปท่ามกลางแสงสลัว เหลือเพียงกระดุมเม็ดหนึ่งทิ้งไว้เท่านั้นเธอดูแลเสื้อผ้าเขาอยู่มีหรือจะไม่รู้ว่ากระดุมที่มีตัวอักษรไอเอสนั้นเป็นของใคร และพอไปตรวจดูก็พบว่
ขณะที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาของการวัดใจ จู่ๆ โทรศัพท์ที่หัวเตียงก็ดังขึ้น พร้อมๆ กับเงาใต้ประตูที่ผ่านไปวูบหนึ่งอย่างรวดเร็ว เนื่องจากภายในห้องนอนปิดไฟมืดแต่ด้านนอกเปิดไฟสว่าง ทำให้ผู้บุกรุกอยู่ในจุดที่เสียเปรียบ เจ้าชายอิสราร์ชูนิ้วขึ้นสองนิ้วแล้วกระดกสองครั้งชี้ไปที่ประตู หญิงสาวพยักหน้า เพราะเธอก็เห็นเหมือนกันว่ามีสองเงาที่วิ่งผ่านไปพร้อมๆ กันพริมโรสทำสัญญาณบอกเขาว่าเธอจะจัดการไอ้คนนี้ แล้วจะย้ายไปอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาทำสัญญาณมือตอบกลับว่าโอเคตามแผนของเธอไม่กี่วินาทีประตูก็แง้มออกอย่างเชื่องช้า ปลายกระบอกปืนโผล่เข้ามาอย่างเงียบเชียบ เธอรอให้ประตูเปิดกว้างขึ้นอีกหน่อย จากนั้นก็กระแทกเท้าถีบไปโดยแรงปึง!! “โอ๊ก!!” คนร้ายร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อถูกประตูกระแทกที่หัวก่อนจะกระเด็นไปอัดอยู่ระหว่างประตูกับผนัง ทันใดนั้นพริมโรสก็ทะลึ่งตัวลุกพรวดขึ้น ฟาดกระบอกปืนไปที่ข้อมือของมันจนปืนร่วงลงพื้น แล้วตีลังกาข้ามไปอยู่อีกด้านหนึ่งเหนี่ยวไกปืนเล็งไปที่หัวของมันสองนัดคนร้ายตัวสะบัดล้มทั้งยืนคาปากประตู เธอโยนปืนของคนร้ายลอยออกไปนอกห้อง ในพริบตานั้นก็มีเสียงปืนยิงวัตถุที่เธอเพิ่งจะโยนออกไปอย่างกระหน่
ฮัลดาเดินฮัมเพลงในลำคอมาตลอดทาง หลังจากองครักษ์คนเมื่อวันก่อน มาตามให้เธอไปที่ห้องเดิมอีกครั้ง เมื่อตอนเช้ามืด เพื่อนๆ ในห้องไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปและเพิ่งจะกลับเข้ามา หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในห้องขนาดกว้างขวางที่พักรวมกันอยู่สี่คน พอเห็นว่าทุกคนกำลังวุ่นวายรีดผ้า อีกคนพับ อีกคนแขวน อีกคนนั่งปักผ้า เธอก็เลยเดินแยกตัวไปนั่งตรงอื่น กินน้ำชากับของว่างอย่างสบายใจ เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งหันมาเห็นจึงพูดออกไปตรงๆ“ฮัลดา! เธอเห็นไหมว่าพวกเรากำลังทำงานมือไม่ว่างกันทุกคน”“เห็น! แล้วยังไงหรอ?” ฮัลดาตอบอย่างไม่ใส่ใจ“แล้วเธอจะนั่งให้รากงอกเป็นเจ้านาย เพื่อเอาเปรียบพวกเราอยู่อย่างนั้นหรือไง?”“ก็ฝึกตัวเองให้ชินสิ! อีกหน่อยไม่มีฉันอยู่ช่วยทำงาน พวกเธอจะทำยังไงกันล่ะ!”“ฟังจากน้ำเสียง เหมือนเธอจะออกจากวังไปแต่งงาน?”“โลกนี้อะไรก็ไม่แน่นอน เหมือนในนิทานไง ทำงานเป็นนางซินงกๆ วันนี้ อาจจะปุบปับเปลี่ยนฐานะเป็นเจ้าหญิงในวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้ใครจะรู้!”“แต่นี่มันโลกแห่งความเป็นจริง! มาช่วยฉันทำงานเดี๋ยวนี้!!”ประตูห้องพักถูกเปิดพรวดออก หญิงสาวสี่ห้าคนเดินเร็วเข้ามาด้วยอาการดีอกดีใจ“ทุกคนๆ! เชคฮ์อิสราร์กับพ
พอพ้นสายตาผู้คนฮัลดาก็กัดฟันกรอด มือสองข้างกำไว้แน่น ไม่เคยรู้สึกพ่ายแพ้เช่นนี้มาก่อน เมื่อนึกตอนที่เจ้าชายอิสราร์แนะนำผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าผู้นั้นในฐานะพระคู่หมั้นให้พวกเธอได้รู้จัก หัวใจของฮัลดารู้สึกเจ็บแปลบ หน้าอกหายใจสะท้อนรัวถี่ด้วยความโกรธ พูดตอกย้ำตัวเองราวกับสะกดจิตว่ายอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ เชคฮ์เป็นที่รักและเคารพของประชาชน สมควรจะสมรสกับคนในชาติและศาสนาเดียวกัน เธอไม่มีวันยอมให้คนนอกมาทำให้ศาสนาที่บริสุทธิ์ในนามของพระเจ้าต้องเสื่อมเสียเป็นอันขาดฮัลดาเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องส่วนตัว อย่างใช้ความคิด เค้นสมองหาหนทาง ที่จะปกป้องบุคคลที่ตัวเองรัก จากคนที่ไม่เหมาะสมอย่างเต็มที่ และสิ่งแรกที่เธอคิดได้ก็คือ ต้องหาวิธีบังคับข่มขู่หรือลักพาตัว เพื่อให้คนผู้นั้นเห็นว่าการอยู่ใกล้ชิด กับเชคฮ์อิสราร์ มันอันตรายต่อชีวิตมากแค่ไหน พอคิดได้ดังนั้น เธอก็ส่งข้อความหา คนที่จะสามารถช่วยให้แผนนี้ของเธอสัมฤทธิ์ผลในทันที…………………….วันนี้เจ้าชายอิสราร์จะอยู่ที่ทีแลนด์เป็นคืนสุดท้าย จึงชวนพริมโรสไปดินเนอร์ แบบเชฟส์เทเบิ้ลที่ห้องอาหาร และบาร์สุดชิคบนดาดฟ้าของโรงแรม หญิงสาวตอบรับด้วยความยินดีเพ
ค่ำคืนแห่งพระเกียรติ ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ ณ พระราชวังขององค์สุลต่าน งานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพถูกเนรมิตขึ้น อย่างวิจิตรตระการตา ทุกซอกทุกมุมของพระราชวังส่องประกายด้วยโคมไฟแก้วเจียระไนระยิบระยับ พรมแดงทอดยาวจากบันไดสู่โถงต้อนรับ โต๊ะอาหารเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ พร้อมเครื่องเงินแท้ที่ขัดเงาจนแวววาว เมนูรสเลิศจากเชฟมิชลิน ถูกเสิร์ฟแบบคอร์ส เคียงคู่กับเครื่องดื่มชั้นสูงจากทั่วทุกมุมโลก ขับกล่อมด้วยเสียงดนตรีออร์เคสตร้า ที่บรรเลงอย่างไพเราะ ทำให้ค่ำคืนนี้ สมพระเกียรติขององค์สุลต่านอย่างถึงที่สุด บรรดาผู้นำจากนานาประเทศ และทูตานุทูต ต่างตบเท้าเข้าร่วมงาน แขกเหรื่อล้วนเอ่ยปากชื่นชม ถึงบรรยากาศที่ได้รับการจัดเตรียมมาอย่างไร้ที่ติ และผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของงานนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เจ้าหญิงไลลา สตรีหมายเลขหนึ่ง พระชายาของเจ้าชายอิดรีส ผู้ลงมาดูแลทุกอย่างด้วยตนเอง อย่างละเอียดถี่ถ้วน บางคนถึงกับกล่าวชมต่อหน้าเจ้าชายอิดรีส ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้เขาจะยังคงยืนสงบนิ่งในท่าทีสุขุมเช่นเคย แต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ตนเลือกคู่ครองไม่ผิด สายตาของอิดรีส
แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่รินรดา พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้ และไกลในเวลาเดียวกัน“ถึงเวลาแล้ว...จงทำตามสัญญา!”รินรดารู้สึกเหมือนร่างกายของเธอกำลังล่องลอย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ตกลงไปในความเวิ้งว้างอันไร้จุดสิ้นสุด เธอพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ไม่พบใครเธอหลับตาลงแล้วทันใดนั้น ภาพอดีตของเธอเมื่ออายุสิบห้าปีก็ย้อนกลับมา เธอเห็นตัวเองยืนอยู่หน้าหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในห้องลับใต้พระราชวัง ความศักดิ์สิทธิ์ของมันทำให้เธอรู้สึกได้ ถึงพลังลี้ลับที่ซ่อนอยู่ภายใน เธอท่องบทสวดที่แอบจดจำไว้ พร้อมกับอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิต นั่นคือ..การตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็เริ่มฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งถึงปัจจุบันเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองยืนอยู่ในอุโมงค์ที่ทอดยาวไปสู่แสงสว่างที่อยู่เบื้องหน้า เธอรู้ว่านี่คือจุดที่ผู้ตายต้องเดินผ่านไปยังภพหน้า แต่แล้วเสียงอันศักดิ์สิทธิ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง“รินรดา เธอยังมีสิทธิ์เลือกเส้นทางของตนเองอยู่นะ”เบื้องหน้าของเ
ค่ำคืนแห่งความสุขมาถึง... ท้องฟ้ายามราตรีของอาณาจักรเปเรซประดับไปด้วยแสงจันทร์และดวงดาวระยิบระยับ ขณะที่ปราสาทหลวง ถูกประดับด้วยผ้าม่านสีขาว และทอง ลวดลายอาหรับอันวิจิตร เจิดจรัสด้วยแสงไฟนวลอบอุ่น ของไฟระย้าคริสตัลสะท้อนแสง จนดูงดงามราวสรวงสวรรค์ ดอกไม้หายากจากทั่วทั้งอาณาจักร ถูกจัดวางประดับประดาไปทั่วบริเวณ สร้างบรรยากาศที่งดงาม ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย ภายในห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง พรมเนื้อละเอียดทอดยาวตั้งแต่ประตูไปจนถึงแท่นพิธี โต๊ะเลี้ยงอาหารค่ำประดับด้วยผ้าปักทอง ดอกกุหลาบและลิลลี่ขาวบริสุทธิ์ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ ตัดกับแสงเทียนที่กระพริบไหว ม่านบางเบาปลิวไสวไปตามสายลมเย็นของค่ำคืน พระราชพิธีอภิเษกสมรส ถูกจัดขึ้นตามขนบธรรมเนียม เป็นพิธีนิกะห์อันศักดิ์สิทธิ์ของโมเสลม ภายใต้กฎหมายชารีอะห์ และธรรมเนียมของราชวงศ์ ซึ่งแสดงถึงความงดงาม และเปี่ยมไปด้วยความหมาย นักวิชาการศาสนา(อุละมาอ์) ผู้ประกอบพิธี นั่งอยู่บนแท่นหินอ่อน ด้านข้างมีพยานฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พร้อมด้วยบุคคลสำคัญจากราชวงศ์และข้าราชบริพาร เจ้าชายอิสราร์ ประทับยืนในชุดทางการขององค์มกุฏราชกุมาร เสด็จเข้ามายังแท่นพิธี พระอ
บรรยากาศภายในพระราชวังเปเรซวันนี้ เต็มไปด้วยความสงบและเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ครบหนึ่งร้อยวันแห่งการจากไปของเจ้าหญิงรินรดา องค์สุลต่านทรงมีพระราชดำริให้จัด ‘โรงทานขนาดใหญ่’ เพื่อแจกจ่ายอาหาร และสิ่งของจำเป็นแก่ประชาชนผู้ยากไร้ ถือเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับ ภายในโรงทานถูกจัดขึ้นอย่างเป็นระเบียบ เต็นท์ขนาดใหญ่ถูกกางเรียงรายภายในลานกว้างของลานพิธีหน้าพระราชวัง โต๊ะยาวหลายตัวถูกตั้งไว้ สำหรับแจกจ่ายอาหารร้อนที่ปรุงสำเร็จ และขนมหวานอาหรับ เช่น บาสบูซาและกุนาฟา รวมถึงน้ำดื่มเย็นๆ สำหรับประชาชนที่มาร่วมรับแจกอาหาร บรรดาข้าราชบริพาร และอาสาสมัครจากประชาชน ต่างช่วยกันแจกจ่ายด้วยรอยยิ้ม แม้จะเป็นวันแห่งความอาลัย แต่ทุกคนก็เต็มใจทำความดี เพื่อเป็นบุญกุศล ให้แก่เจ้าหญิงผู้ล่วงลับ นอกจากอาหารแล้ว ยังมีจุดแจกอาหารแห้ง และของใช้จำเป็น เช่น อินทผลัม ข้าวสาร น้ำมันพืช เครื่องปรุงรส สบู่ และยาสามัญ เพื่อให้ผู้ยากไร้สามารถนำกลับไปใช้ที่บ้านได้ ภายในงานยังมีแพทย์อาสา คอยตรวจสุขภาพเบื้องต้นให้กับประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการช่วยเหลือสังคม ที่เจ้าหญิงรินรดาเคยผลักดั
เสียงไซเรนรถพยาบาลแผดก้องไปทั่วท้องถนน แต่รามิลไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น หูของเขาอื้อไปหมด มีเพียงเสียงลมหายใจบางเบาของรินรดา ที่กำลังแผ่วลงทุกขณะ เป็นสิ่งเดียวที่เขากำลังโฟกัส เลือดของเธอเปรอะเปื้อนเต็มมือเขา ลามไปตามแขนเสื้อ แผ่นอก และหยดลงเป็นทางบนเปลพยาบาล ร่างเล็กที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา บัดนี้กลับนอนแน่นิ่ง แต่ถึงอย่างนั้น เธอยังคงยิ้มให้เขา “คุณ..รามิล…” เสียงของเธอเบาหวิวแทบไม่ได้ยิน “รดา! เดี๋ยวเราก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว… แค่ทนไว้ก่อนนะรดา อย่าหลับนะ ได้ยินผมไหม!?” รามิลกุมมือหญิงสาวแน่น น้ำเสียงสั่นเครือ ความกลัวถาโถมเข้าใส่จนเขาหายใจแทบไม่ออก รินรดาไอออกมาเป็นเลือด ก่อนจะระบายลมหายใจบางเบา “ท่านพี่… ปลอดภัยไหม?” หัวใจของรามิลเหมือนถูกบีบจนแหลกสลาย เธอกำลังอาการสาหัส แต่ยังเป็นห่วงพี่ชายมากกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก “ปลอดภัย! เขาปลอดภัย..” รามิลเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นสะอื้น “ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องเสี่ยงขนาดนี้ด้วยฮึ!?” “เพราะเขาคือ… พี่ชายของฉัน” รินรดายิ้มจางๆ เสียงเธอขาดหายเป็นช่วงๆ เปลือกตาของเธอหนักอึ้งลงทุกที “รดา! อย่าหลับนะ! มองผมสิ มองผม!” มือของเธอใน
เสียงโกลาหลของฝูงชนยังคงดังก้องทั่วลานพิธี แต่แล้วจู่ๆ ผู้คนก็เริ่มแหวกออกเป็นสองทาง ราวกับคลื่นน้ำที่ถูกแบ่งออกโดยพลังที่มองไม่เห็น ท่ามกลางช่องว่างที่เปิดออก ปรากฏร่างของชายคนหนึ่ง เขายืนอยู่ในเงามืด แฝงตัวอยู่ในกลุ่มประชาชนที่กำลังแตกตื่น ในมือของเขากำปืนไรเฟิล ที่บรรจุกระสุนเจาะเกราะแน่น สายตาคมกริบกวาดไปรอบบริเวณอย่างระแวดระวัง ก่อนจะกลับมาตรึงอยู่ที่เป้าหมาย บุรุษผู้ตายยากที่สุดเท่าที่เขาเคยสังหารมา ร่างสูงสง่าของเจ้าชายอิสราร์ ยืนเด่นอยู่บนลานพิธียกพื้น ราวกับถูกจัดวางให้อยู่ในระยะยิงอย่างเหมาะเจาะ โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ทุกอย่างจะต้องเกิดขึ้นเร็วที่สุด และต้องสร้างผลกระทบที่รุนแรงที่สุด ถ้าจะต้องถูกจับหลังจากเหนี่ยวไก อย่างน้อยก็ขอให้มันได้ตาย..เพื่อสังเวยผู้ที่ข้ารักและเคารพเหนือสิ่งอื่นใด ผู้ที่สมควรได้รับทุกสิ่งที่ปรารถนาบนโลกใบนี้!! “ตอนนี้แหละ!!” อาซีฟพึมพำกับตัวเองก่อนจะรีบยกปืนขึ้น ปึ่ก! แรงกระชากอย่างรุนแรง ทำให้ปืนในมือของอาซีฟหายไปในพริบตา เขาตวัดสายตาไปด้านข้าง แววตาเปลี่ยนเป็นโทสะสีเข้มจัด แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่ชิงอาวุธไปจากมือเขา
ท้องฟ้าเหนือลานพิธี ถูกย้อมด้วยแสงสีทองของอาทิตย์ยามสายัณห์ แต่ภายใต้ความสว่างนั้น กลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศอันหนักอึ้ง เสียงกระซิบกระซาบแผ่วเบา ของประชาชนเริ่มดังขึ้นเป็นระลอก เมื่อหญิงสูงศักดิ์ผู้หนึ่งก้าวเข้ามาในบริเวณลานพิธีอย่างสง่างาม พระชนนีแห่งเปเรซ ทรงฉลองพระองค์อย่างวิจิตร แต่ละย่างก้าวของพระนางแผ่รัศมีแห่งอำนาจ ทรงเชิดพระพักตร์เล็กน้อย ดวงเนตรเจิดจ้า เต็มไปด้วยความแน่วแน่และภาคภูมิ เสียงกระซิบเริ่มดังขึ้นทีละน้อย จากวงนอก ค่อยๆ แพร่กระจายออกไป “พระชนนีเสด็จ!” “พระนางมาเพื่อกอบกู้เปเรซ!” “พระมารดาของพวกเรา!” เสียงเรียกขานพระนามดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ มีเสียงโห่ร้องต้อนรับทุกที่ที่พระนางก้าวย่างผ่านไป ราวกับคลื่นมหาชนที่กำลังโหมกระหน่ำ พระชนนีทอดพระเนตรภาพตรงหน้าแล้ว ไม่อาจห้ามรอยแย้มสรวลที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ พระนางประสบความสำเร็จแล้ว ประชาชนกำลังเทิดทูนพระองค์ และนี่คือโอกาส ที่พระองค์จะประกาศตน ในฐานะผู้นำที่จะกอบกู้เอกราชของชาวเปเรซ จากเงื้อมมือแห่งความอยุติธรรม ขององค์สุลต่าน แต่แล้ว... เสียงอื้ออึงของฝูงชนก็เปลี่ยนไป จากเสียงเชียร์เป็น
“ดูเหมือนพวกเราจะมาผิดงานแล้วล่ะ?” พริมโรสพูดพลางกวาดตามองรอบตัว พวกนักโทษที่ตามมาหยุดเดินทันที มองหน้ากันเลิ่กลั่ก เห็นได้ชัดว่าการกระโจนเข้ากลางวงล้อม ของมือสังหารกับตำรวจที่ติดอาวุธครบมือไม่ใช่แผนที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา “เอ่อ..พวกเรา… ฉันว่าเราควรจะให้พวกเขาจัดการกันเองไหม?” นักโทษคนหนึ่งกระซิบกับพรรคพวก “ใช่ๆ เรามันแค่คนผ่านทางมา อย่าไปขวางมือขวางเท้าพวกเขาเลย” อีกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่คนอื่นๆ จะค่อยๆ ถอยออกห่างกลุ่มลูกพี่ ไปรอดูอยู่รอบนอก พริมโรสเดินนำเตวิชกับจักรินข้ามถนนมา แล้วเดินทะลุเข้าไปกลางวงล้อมที่กำลังตึงเครียดอย่างไม่รู้สึกรู้สา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แต้มอยู่บนริมฝีปาก ก่อนจะปรายตามองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างรินรดา “โอ๊ะ!” พริมโรสยกมือเท้าสะเอว “นี่รุ่นพี่กลายเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปแล้วหรอ?” รามิลเลิกคิ้ว หัวเราะเบาๆ“แล้วทำไมสภาพเธอ ถึงเหมือนคนหลงทางอย่างนี้ล่ะ?” พริมโรสหัวเราะออกมา “ฉันเดินมาไกลมากเลยนะ จากพระราชวังมาถึงโรงพยาบาลนู่นน่ะ” “นี่!..เอาไว้ค่อยทักทายกันทีหลังได้ไหม พวกเรายังติดอยู่ในวงล้อมอยู่นะ!” เตวิชพูดเสียงเครียด สายตาเหลือบไปเห็นกลุ่มคนร
“ยังมีเรื่องด่วนอีกเรื่องนึงค่ะ หน่วยข่าวกรองแจ้งมาว่ามีสายลับคนหนึ่ง ต้องการพบบอสเป็นการส่วนตัวด่วน เขาอ้างว่ามีรายงานลับจากองค์สุลต่าน ส่งถึงบอสโดยตรงค่ะ”“องค์สุลต่าน?” รินรดาค่อนข้างแปลกใจ ร้อยวันพันปีไม่เคยมีเรื่องมีราวให้ต้องติดต่อกัน แต่ครั้งนี้กลับส่งสารมาถึงเธอโดยตรง “นี่ค่ะ สถานที่นัดพบ” เลขาปัดแท็บเล็ตบนมือนายสาว เพื่อให้ดูพิกัดของจุดนัดพบ รามิลเดินมาหยุดยืนข้างหลัง สายตาเหลือบมองในแท็บเล็ต ก่อนเอ่ยเสียงเครียด“คุณจะไปหรือไง?” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย“คงต้องไปค่ะ เขาอาจจะติดต่อท่านพี่ไม่ได้ จึงต้องส่งผ่านมาทางฉัน” “แน่ใจได้ยังไงว่าไม่มีอะไรที่ซับซ้อน? รามิลจ้องหญิงสาวเขม็ง จนเธอถอนหายใจเบาๆ “บอกตามตรงว่าไม่แน่ใจเลย เขาเป็นมนุษย์ที่เซ้นส์ผู้หญิงอย่างฉัน ไม่เคยตรวจจับอะไรได้เลย”“งั้นผมจะไปด้วย ผมเป็นห่วงคุณ”“ฉันก็เป็นห่วงคุณเหมือนกันนะคะ คุณเป็นชาวต่างชาติ ฉันไม่อยากให้มีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับคุณ ฉันเติบโตที่นี่ รู้ทางหนีทีไล่ดีกว่า ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลหรอกค่ะ คุณรอท่านพี่อิดรีสอยู่ที่นี่เถอะนะคะ”“ไม่กังวลได้ยังไง เครือข่ายในเมืองถูกทำลาย แล้วผมจะติดต่อกับคุณยั