ฮัลดาเดินฮัมเพลงในลำคอมาตลอดทาง หลังจากองครักษ์คนเมื่อวันก่อน มาตามให้เธอไปที่ห้องเดิมอีกครั้ง เมื่อตอนเช้ามืด เพื่อนๆ ในห้องไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปและเพิ่งจะกลับเข้ามา
หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในห้องขนาดกว้างขวางที่พักรวมกันอยู่สี่คน พอเห็นว่าทุกคนกำลังวุ่นวายรีดผ้า อีกคนพับ อีกคนแขวน อีกคนนั่งปักผ้า เธอก็เลยเดินแยกตัวไปนั่งตรงอื่น กินน้ำชากับของว่างอย่างสบายใจ เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งหันมาเห็นจึงพูดออกไปตรงๆ
“ฮัลดา! เธอเห็นไหมว่าพวกเรากำลังทำงานมือไม่ว่างกันทุกคน”
“เห็น! แล้วยังไงหรอ?” ฮัลดาตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“แล้วเธอจะนั่งให้รากงอกเป็นเจ้านาย เพื่อเอาเปรียบพวกเราอยู่อย่างนั้นหรือไง?”
“ก็ฝึกตัวเองให้ชินสิ! อีกหน่อยไม่มีฉันอยู่ช่วยทำงาน พวกเธอจะทำยังไงกันล่ะ!”
“ฟังจากน้ำเสียง เหมือนเธอจะออกจากวังไปแต่งงาน?”
“โลกนี้อะไรก็ไม่แน่นอน เหมือนในนิทานไง ทำงานเป็นนางซินงกๆ วันนี้ อาจจะปุบปับเปลี่ยนฐานะเป็นเจ้าหญิงในวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้ใครจะรู้!”
“แต่นี่มันโลกแห่งความเป็นจริง! มาช่วยฉันทำงานเดี๋ยวนี้!!”
ประตูห้องพักถูกเปิดพรวดออก หญิงสาวสี่ห้าคนเดินเร็วเข้ามาด้วยอาการดีอกดีใจ
“ทุกคนๆ! เชคฮ์อิสราร์กับพระคู่หมั้นมาแล้ว!!”
“จริงรึ? แล้วเชคฮ์เป็นยังไงบ้าง?” สาวๆ ทั้งสี่ทิ้งงานในมือรอฟังข่าวคราวอย่างใจจดใจจ่อ
“มีอาการบาดเจ็บที่ขา! ฉันเห็นท่านนั่งรถวีลแชร์ให้พระคู่หมั้นเข็นเข้ามา”
“พระคู่หมั้น? ชัยเคาะฮ์ไลลา?”
“ไม่ใช่! ท่านยังไม่ได้แนะนำกับพวกเรา เลยยังไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน แต่พระสิริโฉมงดงามมาก คอยดูแลเชคฮ์ไม่ห่างเลย”
ความอยากรู้ทำให้ฮัลดาลุกจากที่นั่งเดิม มานั่งข้างๆ กลุ่มสาวๆ ที่เพิ่งเข้ามาใหม่
“ทำไมเชคฮ์ถึงบาดเจ็บได้ล่ะ? แล้วท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงบอกว่าเพิ่งจะมาล่ะ?” ฮัลดาถามอย่างสงสัย เพราะลึกๆ ในใจก็แอบหวั่นวิตกอย่างหาสาเหตุไม่ได้
“เธอนอนไม่พอหรือไงฮัลดา! ตั้งแต่ที่ท่านออกไปประชุมที่ศูนย์ประชุมนานาชาติ ก็เพิ่งจะกลับมาเมื่อสักครู่นี้แหละ แถมยังบาดเจ็บจากการโดนลอบสังหารถึงสองครั้งด้วยนะ!”
“ไม่จริง! ฉันเพิ่งจะเจอกับท่าน! แล้วก็เดินเหินได้เป็นปกติ เรี่ยวแรงมหาศาลไม่ได้บาดเจ็บอะไรเสียหน่อย!”
“ไปหลอนมาจากไหน? ไม่บาดเจ็บได้ไง! หลายคนที่ออกไปต้อนรับท่าน เป็นพยานได้ว่าท่านต้องให้องครักษ์ประคองออกจากรถเลยทีเดียว!” ฮัลดาตกใจจนเข่าทรุด ทิ้งตัวลงนั่งคล้ายคนหมดเรี่ยวแรง แต่แล้วก็เหมือนนึกอะไรได้รีบผลุนผลันออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนมองตามหลังไปอย่างงุนงง
…
ฮัลดารีบเดินตรงมาที่พนักงานต้อนรับอย่างใจร้อน พนักงานยิ้มทักทาย กำลังจะเอ่ยประโยคแสตนดาร์ดเซอร์วิส แต่คนตรงหน้ากลับตัดบทชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
“เอ่อคุณคะ! ฉันเป็นคนของเจ้าชายอิสราร์ อยากสอบถามหน่อยค่ะว่า ชื่อผู้เข้าพักห้องหนึ่งสี่ศูนย์ห้าชื่ออะไร?”
“ต้องขออภัยด้วยค่ะ ทางโรงแรมไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของลูกค้าได้”
“อ่า พอดีว่าเชคฮ์ให้ฉันมาสอบถามเพื่อจะเปิดห้องพักเพิ่ม ไม่ทราบว่าในชั้นนั้นมีห้องว่างกี่ห้อง”
“อันนี้ตอบได้ ห้องพักของโรงแรมตอนนี้เต็มทุกชั้นแล้วค่ะ เนื่องจากเจ้าชายอิสราร์ และเจ้าชายอิดรีสมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก อ้อ! และ…”
“ขอบคุณค่ะ” ฮัลดาเมื่อได้รับคำตอบจึงกำมือแน่น รีบเดินจากมาอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เจ้าชายอิดรีสงั้นรึ?
ฮัลดารู้สึกเจ็บใจ เธอคิดมาตลอดว่าเป็นคนที่เธอใฝ่ฝันอยู่ แต่กลับกลายเป็นเหยื่อราคะให้กับคนใจทราม มิหนำซ้ำยังวางแผนใส่ร้ายให้เธอเข้าใจว่าเป็นฝีมือของเจ้าชายอิสราร์อีก คนผู้นี้ต้องการจะทำอะไร แล้วเธอเป็นแค่ลูกสาวผู้ดูแลเจ้าชายเท่านั้น แผนใส่ร้ายที่วางแผนมานานนี้มีความหมายกับเขาแค่ไหนกัน
หรือเพื่อยุยงให้เกิดความแตกแยก! กับใคร? พระคู่หมั้นไลลาอย่างนั้นรึ?
หญิงสาวชะงักในความคิด เพราะเพิ่งจะนึกออกว่า เสื้อที่ชายคนนั้นสวมมาในวันนี้มีกระดุมหายไปสองเม็ด ซึ่งตอนที่เธอเก็บกระดุมเม็ดแรกได้นั้น เธอยังแอบไว้ในตู้เสื้อผ้า และได้หายไปก่อนที่เธอจะได้กระดุมเม็ดที่สองมา
…………………….
“ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของประเทศทำให้ประชาชนออกมาประท้วงขับไล่คณะรัฐบาลตามท้องถนนอย่างกว้างขวาง ต่างประนามนโยบายที่ผู้นำประเทศขายฝันไว้ตอนหาเสียงที่สัญญาว่าจะทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นยิ่งกว่าสมัยที่เจ้าชายอิสราร์นั่งอยู่ในตำแหน่งบริหารประเทศก่อนที่จะลาออกแต่ผ่านมาเกือบปีความเป็นอยู่ของประชาชนกลับแย่ลง ทั้งจากปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน การบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาล และการยืนกรานพัฒนาโครงการอาวุธชีวภาพ ที่ส่งผลให้นานาชาติคว่ำบาตรเปเรซ ยิ่งเมื่อมาเจอการระบาดของไวรัส ยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้เศรษฐกิจของเปเรซถดถอยลง
ชาวเปเรซชนชั้นกลางต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ ส่วนชนชั้นแรงงานจำนวนมากก็ตกไปอยู่ใต้เส้นความยากจน และการดำเนินธุรกิจก็เป็นไปด้วยความยากลำบากเช่นกัน
การไร้ความสามารถของรัฐบาลและผู้นำประเทศจึงเป็นแรงผลักดันให้ประชาชนรู้สึกว่าถึงคราวต้องเปลี่ยนแปลง แม้จะเจอการปราบปรามอย่างรุนแรง แต่กลุ่มผู้ประท้วงก็ยังคงไม่ล่าถอย ด้วยความเชื่อที่ว่าพระเจ้าอยู่เคียงข้างกับพวกเขา และพระองค์ทรงพร้อมที่จะช่วยเหลือพวกเขาที่กำลังยากลำบาก พระองค์จะดลบันดาลให้พวกเขามีชัยเหนือความอยุติธรรมนี้ได้ พวกเขาพร้อมจะสู้ให้ถึงที่สุด แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม”
พริมโรสหันไปมองสามีที่นั่งกอดอกฟังรายงานข่าวทางทีวีด้วยท่าทีเรียบเฉย ไม่แสดงอาการตื่นตระหนกตกใจออกมาให้เห็น ราวกับรู้เรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นนี้อยู่แล้ว หรือไม่เขาก็อาจจะอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็ได้ตามที่เธอสงสัย
หญิงสาวหันไปมองอีกด้าน เห็นท่านหญิงนั่งเหม่อลอย คล้ายกำลังขบคิดอะไรบางอย่าง ไม่ได้สนใจข่าวใหญ่โตของบ้านเมืองแม้แต่น้อย ซึ่งผิดปกติวิสัยเป็นอย่างมาก
เกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เจ้าชายไม่อยู่หรือเปล่า??
“ท่านหญิงคะ?”
“...”
พริมโรสเรียกอีกสองสามครั้งก็เงียบเช่นเคย จนเจ้าชายอิสราร์คงเห็นว่าผิดปกติเหมือนกันจึงเรียกดังกว่าเธอ ปรากฏว่าท่านหญิงสะดุ้งสุดตัว ทำหน้าเหลอหลาคล้ายว่าทำไมต้องเรียกเสียงดัง
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ปะ..เปล่าเพคะ! เอ่อ..ความจริงก็ไม่โอเคนิดหน่อย ท่านพี่! ยังจำเรื่องราวที่เกิดกับเราตอนที่ท่านแม่นำหินพ่อมดลาบราดอไลต์มาได้ไหมเพคะ?”
“จำได้ ทำไมรึ?”
“ท่านพี่เชื่อเรื่องมหัศจรรย์นั่นไหม?
“ตอนนั้นไม่เชื่อแต่ก็ไม่ลบหลู่ แต่ตอนนี้…” พริมโรสหันไปมองเมื่อเขาหยุดพูด แล้วก็สัมผัสได้ว่าเรื่องราวความเชื่อของเขานั้นเกี่ยวข้องกับเธอ เพราะสายตาที่มองมานั้นทั้งอ่อนโยนและอ่อนหวานจนเกือบทำให้หัวใจหวิว “แต่ตอนนี้พี่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์!”
รินรดาได้ยินดังนั้นก็เม้มปาก ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบา
“ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่แค่ความฝัน!”
“มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ? ไหนเล่าให้ฟังหน่อยซิ” รินรดาลุกพรวดขึ้นเดินมานั่งข้างพี่ชาย จับมือของเขาไว้แน่นทั้งสองมือ คล้ายต้องการกำลังใจที่มหาศาล
“ผู้ชายคนนั้น! คนที่น้องฝันถึงเขาตอนสมัยเด็กๆ เขามีตัวตนอยู่จริง และฝันถึงเขาล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว น้องจำเขาไม่ได้จนกระทั่งเกิดเหตุเมื่อวานนี้!”
“ใคร? อย่าบอกนะว่า…”
“ใช่เพคะคุณรามิล! เขาคือคุณรามิล เมื่อวานเขาขอให้น้องไปที่โรงพยาบาลเพื่อพบใครคนหนึ่ง แต่พอออกจากลิฟต์น้องก็เกิดอาการใจสั่นแล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง และในเวลาเดียวกัน พยาบาลก็ออกมาแจ้งว่าหลานสาวของเขาจู่ๆ ชีพจรก็หยุดเต้น มิหนำซ้ำแม่ของเด็กคนนั้นก็เกิดอาการเจ็บที่อก จนเป็นลมขณะที่กำลังจะไปดูอาการของลูกสาว
น้องได้ยินเพียงเท่านั้นก็หมดสติไป ช่วงที่เข้าสู่ในห้วงฝันน้องเห็นผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนกับน้องราวกับฝาแฝด เขายิ้มให้แล้วถามว่า น้องชื่อรินรดาหรือเปล่า เพราะหน้าตาเหมือนเขาต้องใช่น้องสาวของเขาอย่างแน่นอน แล้วเขาก็ชี้ให้ดูเด็กคนหนึ่งอายุราวๆ สองถึงสามขวบ แต่พอน้องจะเอ่ยปากถามก็ฟื้นสติขึ้นมาเสียก่อน”
“ฉันว่าจะถามท่านหญิงหลายครั้งแล้วลืม ใครเป็นคนตั้งชื่อให้คุณหรือคะ?
“เป็นชื่อบนสายรัดข้อมือของเด็กอ่อนที่ติดตัวเขาตอนที่ท่านแม่ไปพบน่ะ คล้ายกับว่าถูกพาตัวออกมาจากโรงพยาบาลแล้วมาทิ้งไว้” เจ้าชายอิสราร์ตอบแทนเพราะเขาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย และอยู่ในวัยที่พอจะจำอะไรได้บ้างแล้ว
“ไม่มีชื่อของโรงพยาบาลหรือเพคะ?”
“ไม่มี มีแต่ชื่อ-นามสกลุล หมายเลขเอ็ชเอ็น วันเกิด และบาร์โค้ดเท่านั้น ท่านแม่ให้องครักษ์ไปสอบถามที่สถานีตำรวจเผื่อมีคนแจ้งเด็กหาย และให้ตำรวจไปสอบถามตามโรงพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียงแต่ก็ไม่มีข้อมูลเด็กอีกเช่นกัน ท่านแม่สงสารเลยติดต่อทางสถานทูตขอรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ว่าแต่คุณรามิลเขาต้องการให้เธอไปพบใคร?”ประโยคหลังเขาหันไปถามน้องสาว
“น้องก็ไม่รู้! เพราะพอน้องฟื้นเขาก็พาไปหาท่านพี่ที่เพนท์เฮ้าส์”
“แล้วที่บอกว่าจำเขาไม่ได้ จนกระทั่งเกิดเหตุเมื่อวานนี้ล่ะ ทำไมถึงจำได้และคิดว่าเป็นเขา?” พี่ชายถามอย่างสงสัย
“ก่อนน้องจะฟื้น เหตุการณ์ตอนที่เจอเขาครั้งแรกกับครั้งสุดท้ายผ่านเข้ามารวดเร็วมาก อย่างกับกำลังดูหนังที่เร่งสปีดให้เร็วกว่าปกติเพียงแต่ไม่มีเสียง ทำให้น้องจำเขาได้ทันที”
“บอกให้เขารู้หรือเปล่า?”
“เปล่า..ไม่ได้คุยกันเลยเพคะ ตอนนั่งมาในรถเขาก็ให้น้องนอนพักตลอด…” พริมโรสหันไปมองเพราะจู่ๆ หญิงสาวก็หยุดพูด แล้วก็หน้าแดงจัดขึ้นมาจนเห็นได้ชัด “เอ่อ..น้องรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอตัวไปนอนพักก่อนนะเพคะ ขอตัวนะคะ” พริมโรสพยักหน้ารับอย่างงุนงงเล็กน้อย รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ ไป แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถาม ซึ่งทางพี่ชายก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นเหมือนกัน
……………………
หินลาบราดอไลต์ (Labradorite) : มีจุดเด่นในการแสดงปรากฎการณ์ทางแสงในเนื้อแร่(Shiller's effect) คือ ลาบราดอร์เรสเซนต์(labradorescence) ที่จะเกิดการหักเหแสงเป็นสีรุ้งแบบหางนกยูง สีน้ำเงิน สีทอง สีเขียวซีด หรือสีแดงแบบทองแดง โทนสีอาจะเป็นสีน้ำเงินเข้มที่ แตกต่างกันไป
ความเชื่อในเรื่องของลาบราดอไลต์หินพ่อมด : ทำให้พลังวิเศษของตัวเองเกิดขึ้นได้ ช่วยเพิ่มความสามารถทางจิตและความสามารถในการใช้กระแสจิต การทำนายอนาคตและการเรียกคืนในอดีต ช่วยในการเคลื่อนย้ายจิต เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการกลับมามีความสุข และความฟื้นคืนความปกติของชีวิต และตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกของการผจญภัยและการเปลี่ยนแปลง
พอพ้นสายตาผู้คนฮัลดาก็กัดฟันกรอด มือสองข้างกำไว้แน่น ไม่เคยรู้สึกพ่ายแพ้เช่นนี้มาก่อน เมื่อนึกตอนที่เจ้าชายอิสราร์แนะนำผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าผู้นั้นในฐานะพระคู่หมั้นให้พวกเธอได้รู้จัก หัวใจของฮัลดารู้สึกเจ็บแปลบ หน้าอกหายใจสะท้อนรัวถี่ด้วยความโกรธ พูดตอกย้ำตัวเองราวกับสะกดจิตว่ายอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ เชคฮ์เป็นที่รักและเคารพของประชาชน สมควรจะสมรสกับคนในชาติและศาสนาเดียวกัน เธอไม่มีวันยอมให้คนนอกมาทำให้ศาสนาที่บริสุทธิ์ในนามของพระเจ้าต้องเสื่อมเสียเป็นอันขาดฮัลดาเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องส่วนตัว อย่างใช้ความคิด เค้นสมองหาหนทาง ที่จะปกป้องบุคคลที่ตัวเองรัก จากคนที่ไม่เหมาะสมอย่างเต็มที่ และสิ่งแรกที่เธอคิดได้ก็คือ ต้องหาวิธีบังคับข่มขู่หรือลักพาตัว เพื่อให้คนผู้นั้นเห็นว่าการอยู่ใกล้ชิด กับเชคฮ์อิสราร์ มันอันตรายต่อชีวิตมากแค่ไหน พอคิดได้ดังนั้น เธอก็ส่งข้อความหา คนที่จะสามารถช่วยให้แผนนี้ของเธอสัมฤทธิ์ผลในทันที…………………….วันนี้เจ้าชายอิสราร์จะอยู่ที่ทีแลนด์เป็นคืนสุดท้าย จึงชวนพริมโรสไปดินเนอร์ แบบเชฟส์เทเบิ้ลที่ห้องอาหาร และบาร์สุดชิคบนดาดฟ้าของโรงแรม หญิงสาวตอบรับด้วยความยินดีเพ
“ท่านหญิง คุณรามิลมาขอพบเจ้าค่ะ”พวงแก้มนวลแดง ระเรื่อขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่อ ที่กำลังคิดถึงอยู่ เธอกำลังทบทวนเหตุการณ์ในคืนนั้นที่ทำให้หัวใจเต้นแรงจนควบคุมไม่ได้“บอกให้เขารอสักครู่”“เจ้าค่ะ”วันนั้นที่เธอหมดสติในโรงพยาบาล แต่กลับฟื้นขึ้นมาในลักษณะที่นอนหนุนเขาอยู่ครึ่งตัว ศีรษะวางอยู่บนต้นแขนแก้มแนบอยู่กับอก ปลายนิ้วเรียวของเขาลูบไล้พวงแก้มอย่างทะนุถนอม แม้หลับตาก็ยังสัมผัสได้ว่าดวงตารุ่มร้อนคู่นั้นจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา พอเธอลืมตาขึ้นจึงสบประสานสายตาลึกล้ำดำสนิทของเขาราวกับกำลังต้องมนต์ไปโดยไม่รู้ตัว เธอยังมองเห็นความปีติยินดีที่ไม่สามารถอธิบายได้ เปี่ยมล้นจนเผยออกมาให้เห็นทางดวงตาของเขา ความห่วงใยฉายชัดออกมาอย่างชัดเจน และบอกเล่าถึงความรักความคิดถึงที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจและไม่เคยจะลบเลือน เธอมองสีหน้าที่กำลังเคลิบเคลิ้ม อยู่กับความทรงจำอันสวยงามในอดีตนานอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้นมาอย่างตื้นตันใจ “ผมอยากจูบคุณ อนุญาตไหม?” หญิงสาวหลับตาสัมผัสความรู้สึกจากอ้อมกอดอันทรงพลังที่กำลังถ่ายเทความอบอุ่นมาให้เธออย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายของเขาแผ่อวลเข้ามาปะทะจมูกแล้วโอบล้อมเธอเอาไว้
วิ่งตามกันมาได้สักพัก เขาก็ชะลอความเร็ว แล้วผลักประตูบันไดหนีไฟให้เปิดออก ดึงมือหญิงสาวให้ตามเข้ามาแล้วผลักร่างบางให้ติดผนัง ล็อกข้อมือข้างหนึ่งกดไว้เหนือศีรษะ โน้มใบหน้าฉกวูบเข้ามาหมายจะประกบจุมพิตที่ริมฝีปากอิ่ม พริมโรสตกใจแต่ยังเบนหน้าออกข้างเบี่ยงหนีได้ทัน จุมพิตจึงพลาดเป้าไปกระแทกโดนที่แก้มนุ่ม ฝ่ามือใหญ่ข้างที่ยังว่างประคองใบหน้าด้านข้างของเธอไว้ แล้วบังคับให้หันเข้าหาริมฝีปากเขาอย่างมุ่งร้ายหญิงสาวผ่อนแรงต่อต้านลงนิดหนึ่ง แล้วสอดมือข้างที่ยังเป็นอิสระลอดเข้ามาตรงที่ว่างระหว่างช่องแขนด้านในอย่างว่องไว ชูมือขึ้นเหนือลำคอ แล้วกระแทกนิ้วชี้ กับนิ้วกลาง จิ้มตรงตำแหน่งกรามใต้หูอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง “โอ๊ยย!!” ร่างสูงสะดุ้งสุดตัวร้องออกมาเสียงลั่นอย่างคิดไม่ถึง เขาพยายามเอียงตัวหนีความเจ็บปวด แต่นิ้วที่ร้ายพอๆ กับนิสัยของเจ้าของก็ยังตามกดย้ำอย่างหนักหน่วงไม่ลดละ จนร่างของอีกฝ่ายโค้งเอียงลงไปตามศีรษะลักษณะคล้ายน้ำในหูไม่เท่ากันจนเสียสมดุล พอกดได้ระยะที่ต้องการก็เหนี่ยวคอเป้าหมายเพื่อยกตัวเขาให้ลอยขึ้น พร้อมกับง้างเข่าโจมตีไปที่รังไข่อย่างเต็มเหนี่ยว“โอ๊กกก!!” ร่างสูงตัวงอลงคล้า
“ชัยค์เคาะฮ์ไลลา เชคฮ์อักมัลฝากข้อความให้ทูลฝ่าบาทว่ามีเรื่องด่วนที่เปเรซต้องรีบไปจัดการ ขอเดินทางกลับไปก่อน อนุญาตให้ฝ่าบาทอยู่เที่ยวที่ทีแลนด์สักเดือนสองเดือนค่อยเดินทางกลับก็ได้เพคะ”“หือ? ด่วนขนาดต้องยอมเดินทางแออัดไปกับคนทั่วไปเลยเนี่ยนะ? แล้วเนญ่าล่ะออกมาจากห้องหรือยัง?” “ชัยค์เคาะฮ์เนญ่าออกไปก่อนฝ่าบาทอีกเพคะ และยังไม่กลับเข้ามา”“ไปไหน?”“มีนัดกับเชคฮ์อิสราร์เพคะ”“อะไรนะ?” ไลลาตกใจ เรื่องนี้เป็นไม่ได้อย่างแน่นอน เธอเพิ่งจะแยกกับเชคฮ์อิสรามาได้สักพัก คิดว่าต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลแน่ๆ จึงหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความหาเจ้าชายอิดรีสทันที…“ฝ่าบาท! จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงแรม ช่วงเวลาที่เด็กรับใช้ของชัยค์เคาะฮ์เนญ่าแจ้งมา ปรากฏว่าไม่มีพ่ะย่ะค่ะ ช่วงเวลาดังกล่าวหายไปกลายเป็นจอดำ ตอนนี้ทางทีมรักษาความปลอดภัยของโรงแรมกำลังสืบสวนเรื่องนี้ และสอบถามทางเราว่าต้องการจะแจ้งความไว้ก่อนหรือไม่”“แล้วช่วงเวลาก่อนหน้าล่ะ? เช็กย้อนหลังไปยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย ดูว่าได้ออกจากห้องไปไหนมาก่อนที่จะไปตามนัดหรือเปล่า!”“ตรวจสอบเรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะ ตามคลิปและผลรายงานที่สรุปส่งไปให้เมื่อสักครู่”เจ้าชา
“ว่าไง? มีอะไรก็รีบๆ พูด กำลังจะขึ้นเครื่องแล้ว!” ท่านอักมัลเร่งปลายสาย เพราะได้ยินแอร์กราวนด์ประกาศเรียกผู้โดยสารในโซนที่นั่งของเขาให้ขึ้นเครื่อง ดังขึ้นมาพอดี“เหมืองบิทคอยน์ที่รัฐบีถูกพบแล้วพ่ะย่ะค่ะ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดทรัพย์สินไปทั้งหมด!”“อะไรนะ!! เพิ่งจะโดนที่รัฐเอไปหยกๆ แล้วที่รัฐบีโดนทุกที่เลยหรือเปล่า?”“ทุกที่กระหม่อม! เหมือนกับมีคนชี้เป้าระบุตำแหน่งให้เจ้าหน้าที่ ตอนนี้เหลือเพียงที่รัฐดี แต่พวกเราได้เคลื่อนย้ายเครื่องมือออกจากพื้นที่ เคลียร์สถานที่และทำลายหลักฐานหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“แล้วก่อนหน้านั้นพวกนายมัวทำอะไรกันอยู่ ไม่มีใครแจ้งเตือนก่อนเจ้าหน้าที่จะบุกเข้ามาเลยหรือไง?”“พวกเขาตัดสัญญาการเชื่อมต่ออินเนอร์เนต จากนั้นก็ตัดสัญญาณไฟฉุกเฉิน ช่างและคนที่อยู่เวรในช่วงนั้นๆ จึงมัวแต่แก้ปัญหากันอยู่ พอเจ้าหน้าที่บุกเข้ามาจึงไม่มีใครรู้ตัวเลยกระหม่อม! และเข้ายึดพร้อมกันหมดเลยทุกที่!”“แล้วคนล่ะ ยังอยู่หรือเปล่า?”“พระชนนีถูกพาตัวไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“หึย!! ไอ้พวกบ้า! ไร้ประโยชน์จริงๆ!” ท่านอักมัลตัดสายอุทานออกมาด้วยความเดือดดาล โดนบุกทลายแหล่งทำเงินก็ช่างเถอะ แต่พาคนสำคัญไปด้วยนี่
เจ้าชายอิสราร์ นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียง อ่านรายงานขอเสนออนุมัติโครงการของบริษัทที่รินรดานำมาให้เขาเซ็น พออ่านจบก็ลงลายมือชื่อเพื่อให้ดำเนินการได้ จากนั้นก็ปิดแฟ้มนำไปวางที่หัวเตียง ถอดแว่นตาวางไว้ด้านบน แล้วหยิบโทรศัพท์มาอ่านข่าวทั่วไปเพื่อฆ่าเวลาเขารู้ว่าห้ามภรรยาไม่ให้กลับไปที่เกิดเหตุอีกไม่ได้ จึงทำเป็นนิ่งเฉยแล้วตรงเข้ามาห้องนอนเลย รอเวลาให้เธอได้ทำในสิ่งที่อยากทำให้เต็มที่ เสร็จแล้วก็คงกลับมาเอง…พริมโรสออกมาจากลิฟต์แล้วตรงไปที่ห้องเกิดเหตุ บอกตรงๆ ว่าเธอไม่ใว้ใจใครทั้งนั้น โดยเฉพาะเพื่อนที่เจ้าเล่ห์อย่างเจ้าชายอิดรีส ขนาดบางรายเป็นเพื่อนที่คบกันมาเกือบสิบปี ยังลงมือทำร้ายกันได้ภายในสิบวินาที เพียงแค่มีความเห็นที่แตกต่างและมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าเพื่อนยังกลายมาเป็นศัตรูได้แบบนี้เราก็ไม่ต้องกลัวใครอีกแล้ว เพราะศัตรูที่น่ากลัวที่สุดก็คือคนที่เราเชื่อได้อย่างสนิทใจกรณีนี้ก็เช่นกัน ใครจะรู้ว่าเขาอาจจะเป็นคนเดียวกันกับคนร้ายที่สร้างสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายสามีเธอก็ได้ เพราะนี่มันเป็นพื้นที่ของเขา เพราะฉะนั้นหาหลักฐานเพื่อเป็นการป้องกันตัวเองไว้ก่อนจึงเป็นการดี
เอ็นจิเนียและเมนเทนแนนซ์ กำลังทำการตรวจสอบรอบเครื่องบินอย่างละเอียดหรือที่เรียกว่าทรานซิทเช็ค ซึ่งใช้เวลาประมาณสามสิบนาที อีกทั้งยังเป็นหน้าที่ของนักบินที่ต้องตรวจความพร้อมอีกรอบ เพื่อให้มั่นใจว่าจะทำการบินได้อย่างปลอดภัยสูงสุดพริมโรสเดินตามกัปตัน สำรวจความเรียบร้อยทั่วไป อย่างเงียบๆ ไม่พยายามไปรบกวนสมาธิของเขา เครื่องบินส่วนตัวลำนี้จอดอยู่บริเวณอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคล ซึ่งเป็นไพรเวทเทอร์มินอลแบบวีไอพี แยกส่วนออกจากท่าจอดอากาศยานทั่วไปของสนามบิน"ถ้าคุณสนใจ สามารถไปนั่งที่อ็อบเสิฟเฝอะสีท ได้นะครับ" กัปตันอนุญาตอย่างใจดี ซึ่งอ็อบเสิฟเฝอะสีทเป็นที่นั่งด้านหลังกัปตันเรียกว่าที่นั่งสังเกตการณ์ พริมโรสยิ้มให้อย่างสุภาพ "ขอบคุณค่ะ ฉันแค่ตรวจสอบทั่วๆ ไปในฐานะผู้ดูแลความปลอดภัยของเชคฮ์เท่านั้นค่ะ แค่กัปตันอนุญาตให้ฉันเดินไปด้วยกันอย่างนี้ ก็รู้สึกเกรงใจมากแล้ว" พริมโรสกล่าวอย่างนอบน้อม"อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ผมเข้าใจดีว่าความปลอดภัยของเชคฮ์ย่อมมาก่อนเสมอ เพียงแต่ผมประหลาดใจนิดหน่อยที่คุณทุ่มเท และใส่ใจในการทำงานมากกว่าองครักษ์คนอื่นๆ เสียอีก" เขาได้ยินพวกลูกเรือคุยกันว่า เชคฮ์กับหัวหน้าอง
ไลลายังไม่ได้หลับ กำลังนึกถึงคำขอร้องของน้องสาวอย่างลำบากใจ เนญ่าขอให้เธอรับเป็นขายารองของเจ้าชายอิดรีสอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม ในฐานะลูกผู้หญิงเหมือนกันก็พอจะเข้าใจถึงความสูญเสียอันน่าขมขื่น และยิ่งรู้สึกแย่ที่สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในครอบครัวของเธอเอง แต่การที่จะไปยัดเยียดผู้หญิงให้เขาทั้งๆ ที่เห็นอยู่กับตาแล้วว่าเขาไม่ได้แยแสน้องสาวเธอเลยสักนิด ดูจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเองเสียมากกว่า เธอจึงปฎิเสธไปตรงๆ และจะช่วยหาวิธีแก้ไขปัญหาทางอื่นให้ แต่ก็กลายเป็นคนที่โหดร้ายและแล้งน้ำใจในสายตาอีกฝ่ายขึ้นมาทันที"ถ้าพี่หญิงไม่ช่วย น้องจะฆ่าตัวตายหนีความอัปยศ! ถ้าไม่ใช่เชคฮ์อิสราร์เป็นคนทำก็ต้องเป็นเชคฮ์อิดรีส เหตุมันเกิดในพื้นที่ของเขาจะปัดความรับผิดชอบทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ยังไง! เผลอๆ เขาอาจจะเป็นคนบงการก็ได้ โรงแรมมีระบบรักษาความปลอดภัยหลายชั้น ใครหน้าไหนจะกล้าเข้ามา!" “อย่าพูดจาเพ้อเจ้อ! เขาจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงในเมื่อเขาอยู่กับพี่ตลอดเวลา!”“น้องไม่รับรู้ ถ้าพี่หญิงไม่ช่วย น้องจะทำร้ายตัวเองจนกว่าพี่หญิงจะยอม!” ไลลารู้ว่าน้องสาวกำลังกดดันให้เธอรู้สึกผิดทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ได้
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้