พนักงานส่วนใหญ่เลิกงานแล้ว แต่รามิลกับเลขายังต้องอยู่ล่วงเวลาเป็นประจำทุกวัน เขากำลังเซ็นเอกสารอนุมัติ พลันเหลือบไปเห็นแสงสว่างที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างแฟ้ม จึงสไลด์กดรับแล้วเปิดสปีคเกอร์โฟน
“พี่ชาย!”
“ว่าไง! มีอะไรด่วนหรือเปล่าโทรมาป่านนี้?”
“ยายหนูค่ะ อยู่ๆ ก็หลับไปยี่สิบชั่วโมง เป็นแบบนี้มาสองวันแล้ว ศิดากับคุณรามเลยพาแกไปโรงพยาบาล หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคเจ้าหญิงนิทราที่ทำให้อยู่ในภาวะหลับนาน แกตื่นมาตอนหิวแล้วก็กินเยอะมาก จำใครไม่ได้เลยเหมือนกำลังละเมอ แล้วก็หลับไปอีก พี่ชายจะมาเยี่ยมแกหน่อยไหมคะ?”
“ภาวะแทรกซ้อนอื่นล่ะ?”
“ไม่มีค่ะ แสกนสมองก็ปกติ คุณหมอยังแปลกใจ”
“เคยล้มหรือได้รับความกระทบเทือนถึงสมองหรือเปล่า ทำไมหลับมาราธอนขนาดนั้น?”
“ไม่เคยเลยค่ะ ศิดายืนยัน! และนี่แหละที่คุณหมอยังหาสาเหตุไม่ได้ เพราะคนในครอบครัว ก็ไม่มีใครมีความผิดปกติในเรื่องนี้เลย.. พี่ชาย! ยังมีอีกเรื่องหนึ่งค่ะ! เลขาศิดาเพิ่งจะเอามาให้ดู มีบทสัมภาษณ์ของเจ้าชายเปเรซพระองค์หนึ่งในแมกกาซีน ทีนี้มีอยู่ภาพหนึ่งถ่ายติดหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังท่าน หน้าเหมือนศิดาราวกับฝาแฝดเลยค่ะ ถึงแม้จะหันข้างแต่ดูยังไงก็เหมือน ศิดาเห็นแล้วใจสั่นไปหมดเลย ถ้าพี่ชายมาถึงแล้วจะเอาให้ดูนะคะ”
“อืม แล้วเจอกัน!”
เจ้าชายเปเรซงั้นรึ??
ตั้งแต่ที่ได้เจอรดาในคืนนั้น เขาก็ไม่ได้หยุดที่จะตามหาเธอเลย และได้ติดต่อสอบถามกับทางโรงแรม แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถให้รายละเอียดของผู้เข้าพักได้ จึงติดต่อไปยังผู้จัดการซึ่งก็ให้มาแค่ข้อมูลของผู้จัดงานเท่านั้น
เขาจึงจ้างทีมนักสืบในวันรุ่งขึ้น และมีเพียงสีของชุดและการแต่งตัวของหญิงสาวเป็นคีย์เวิร์ดในการค้นหา ซึ่งนักสืบก็มืออาชีพจริงๆ รายงานผลมาว่าคืนนั้นมีคนแต่งชุดสีเดียวกันห้าคน และหนึ่งในนั้นก็คือท่านหญิง และลงรายชื่อเพียงผู้แทนพระองค์มกุฏราชกุมาร อิสราร์ และผู้ติดตาม ซึ่งก็เป็นชาวเปเรซทั้งหมด
ในเมื่อเป็นดังนั้น ท่านหญิงที่เป็นภคินีของเจ้าชายก็ไม่มีทางเลยว่าจะเป็นรดา เพราะเธอเป็นคนทีแลนด์ไม่ใช่ประชาชนชาวเปเรซ เขาจึงให้นักสืบหยุดตามหา
จนอีกวันหนึ่ง เขาได้ไปงานเลี้ยงธุรกิจระดับประเทศ และได้พบกับภริยาท่านนายกรัฐมนตรี จึงได้สอบถามถึงเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้น เท้าความกันนานมาก จนในที่สุดคุณหญิงจำได้ และบอกว่าหญิงสาวคนนั้นก็คือท่านหญิง ซึ่งเป็นภคินีของมกุฏราชกุมารประเทศเปเรซ ทำให้เขาเกิดความขัดแย้ง ในความคิดขึ้นมาทันที เลยให้นักสืบไปสืบค้นประวัติของท่านหญิงอย่างละเอียด
รามิลตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู พอเขาเงยหน้าเลขาก็เปิดเข้ามาทันที
“บอสคะ! คุณเมธติดต่อมาแล้วค่ะ ให้แจ้งบอสว่าท่านหญิงปลอดภัยดี กำลังตามหาเจ้าชายกับพระคู่หมั้นอยู่เหมือนกัน คุณเมธกำลังขับรถไปที่โรงแรมและรอคำสั่งของบอสอยู่ค่ะ”
“เราจะพาท่านหญิงไปทางปกติไม่ได้ เอางี้!..บอกคุณเมธให้รออยู่ที่นั่น ผมจะขับเรือยอร์ชไปที่โรงแรมและให้คุณเมธพาท่านหญิงไปที่คอนโด ผมจะเอารถไปโรงพยาบาลก่อน เสร็จธุระแล้วจะตามไป”
“บอสจะออกไปตอนนี้เลยหรือเปล่าคะ?”
“อืม แล้วพรุ่งนี้ผมไม่เข้านะ ช่วยเลื่อนนัดให้ด้วย”
“ได้ค่ะ!” เลขารับคำ แล้วไปหยิบกุญแจเรือยอร์ชมาวางไว้ให้บนโต๊ะ
……………………
เจ้าชายอิดรีสเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนรอเขาอยู่ที่หน้าประตู เขารู้สึกคุ้นหน้าเพราะเคยเห็นเดินตามหลังไลลาทุกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าเธอคือใคร และมายืนรอเขาที่นี่ทำไม
“อัสลามุอะลัยกุม” หญิงสาวยกมือแตะหน้าอกย่อตัวพร้อมน้อมตัวลงทำความเคารพอย่างชดช้อย
“วะอะลัยกุมมุสลาม เหมือนฉันจะคุ้นหน้าเธอ” เนญ่าชะงักเล็กน้อย ถึงแม้ตามหลักศาสนาจะมีจะกฎข้อห้ามแบ่งแยกพื้นที่ชายหญิงเป็นสัดส่วน และลูกหลานเชื้อพระวงศ์ก็มีเป็นจำนวนมาก แต่เธอเป็นน้องสาวของคนที่เขาให้ความสนใจ น่าจะเคยเห็นและรู้จักเธอมาบ้าง แต่นี่เขาทำราวกับว่ามีสายตาไว้มองเพียงแค่พี่สาวเธอเท่านั้น
“หม่อมฉันชื่อเนญ่า เป็นน้องสาวของพี่หญิงไลลาเพคะ”
“อ้อ! แล้วมาที่นี่ มีอะไรอย่างนั้นรึ?”
“จะไม่เชิญหม่อมฉันไปดื่มน้ำชาข้างในก่อนหรือเพคะ?” เจ้าชายอิดรีสเลิกคิ้วอย่างแปลกใจอีกครั้ง เพราะด้วยท่าทีของการมาพบผู้ชายในที่รโหฐาน ช่างแตกต่างจากผู้เป็นพี่อยู่มาก
“เชิญ” องครักษ์เปิดประตูออกกว้าง เจ้าชายอิดรีสจึงเดินนำเข้าไปยังห้องรับแขก แล้วนั่งลงที่โซฟาตัวยาว เนญ่าเดินมานั่งลงใกล้ๆ กัน เขามองนิ่งแต่ไม่ได้ขยับหนี
“ฝ่าบาทคงแปลกใจว่าหม่อมฉันมาที่นี่ทำไม ใช่ไหมเพคะ?” ชายหนุ่มพยักหน้า ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องร้ายแรง” เนญ่าหัวเราะแต่งจริตเล็กน้อย ให้ดูน่ารักน่าเอ็นดู
“หม่อมฉันมาเสนอตัวเอง ถ้ารอพี่หญิงเอ่ยปากชาตินี้หม่อมฉันคงไม่ได้แต่งงาน!” คราวนี้เจ้าชายไม่ได้เลิกคิ้ว เพียงแต่หรี่ตาลงอย่างประเมิน มองท่าทีของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง
“เธอรู้หรือเปล่าว่า ทำแบบนี้มันเป็นกิริยาที่ไม่งาม สตรีโมสเลมไม่ควรทำตัวเช่นนี้ เธอคิดว่าบทลงโทษของข้อห้ามเหล่านั้นมีไว้เพื่อประดับคัมภีร์อย่างนั้นรึ?”
“หม่อมฉันไม่ได้ทำผิดอะไรนี่เพคะ ถ้าฝ่าบาทจะแต่งงานกับพี่หญิง หม่อมฉันก็เท่ากับเป็นชายาอีกคนของพระองค์ เพราะพี่หญิงรับปากหม่อมฉันไว้นานแล้ว!”
“หึ! ท่านอารู้หรือไม่ว่าลูกสาวของเขามีความคิดพิลึกพิลั่นกันแบบนี้ อุ้ปส์!” เจ้าชายอิดรีสตกใจ เพราะเนญ่าจู่โจมริมฝีปากของเขาทันทีอย่างร้อนแรง เขาไม่ได้ผลักออกแต่ก็ไม่ได้ตอบสนอง รอดูว่าหญิงสาวจะปล่อยตัวไปถึงไหน แต่เพียงไม่นานเธอก็ถอนริมฝีปากออก มองเขาอย่างตัดพ้อ
“หม่อมฉันมาเสนอตัวให้ถึงที่ ทำไมฝ่าบาทจึงทำหมางเมินกับหม่อมฉันเช่นนี้!”
ตามหลักปฏิบัติ ได้กำหนดความสัมพันธ์ ที่มีขอบเขตของชายหญิงก่อนแต่งงานไว้อย่างเคร่งครัด ทำให้ไม่มีอิสระในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ถ้ามีโอกาสได้ถึงเนื้อถึงตัวกัน ผู้ชายก็จะหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ และเธอก็เคยแอบเห็นบิดาเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
“ฉันไม่รังเกียจถ้าเธอจะลดตัวเป็นแค่ผู้หญิงอุ่นเตียง แต่จะไม่มีวันรับเป็นชายารองเด็ดขาด! กลับไปบอกให้พี่สาวเธอมาคุยกับฉันเรื่องนี้ดีกว่า ฉันจะไม่ตกลงอะไรกับเธอทั้งนั้น!” เจ้าชายอิดรีสพูดจบก็ลุกขึ้นยืน “กลับไปเถอะ! บอกพี่สาวเธอว่าฉันยินดีต้อนรับเสมอ!”
เนญ่าเห็นเขายกยิ้มมุมปากข้างหนึ่งอย่างชั่วร้าย ไม่เข้าใจความนัยลึกซึ้งที่เขาพูดเท่าไหร่นัก แต่ถ้าฟังดูเผินๆ ก็เหมือนจะให้เธอขออนุญาตพี่สาวก่อน นี่ล่ะประเด็น เธอไม่อยากเป็นรองพี่สาวอีกต่อไปแล้ว ถ้าเธอสามารถมัดใจเขาไว้ได้ มีทางว่าเขาอาจจะยกเธอขึ้นเป็นชายาเอก
เนญ่าตัดสินใจได้ดังนั้น ก็ไปนั่งลงคุกเข่าตรงหน้าเขา ช้อนสายตาขึ้นมองอย่างยั่วยวน มือข้างหนึ่งลูบไล้จากข้อเท้าสูงขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างแผ่วเบา
“ให้หม่อมฉันอุ่นเตียงให้ฝ่าบาทคืนนี้นะเพคะ ขอเพียงแค่ได้เป็นคนของพระองค์ จะให้หม่อมฉันอยู่ในฐานะใดก็ได้ หม่อมฉันยินยอมทำตามทั้งนั้น!” น้ำเสียงอ่อนหวานพูดด้วยกิริยาอ่อนน้อมถ่อมตัว แสดงความตั้งใจให้เห็นว่ายินดีจะมอบกายถวายชีวิตตั้งแต่นาทีนี้ไปเลยทีเดียว
ชายหนุ่มไม่ออกปากห้าม เมื่อมือเรียวเล็ก ลูบไล้มาจนถึงความนูนตรงเป้ากางเกงอย่างเชื่องช้านุ่มนวล
เสื้อคลุมถูกแหวกออกไปทางด้านข้าง มือเรียวสอดเข้าไปจับขอบกางเกงแล้วดึงลง ปลดปล่อยลำเอ็นแข็งขมึงให้เด้งผึงออกมาอย่างเป็นอิสระ เนญ่าตาลุกวาว รู้สึกสมใจที่คิดถูก เขาไม่ได้ใจแข็งอย่างที่แสดงออกมาสักนิด
หญิงสาวขยับกายเข้าชิด จนท่อนลำอวบใหญ่ จ่ออยู่ที่ปาก แววตาเยือกเย็นของชายหนุ่ม มองคนที่นั่งคุกเข่าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไร้ความรู้สึก ราวกับเจ้าชีวิตที่นั่งอยู่บนที่สูง มองลงไปดูทาสรับใช้ผู้ต่ำต้อยที่นั่งอยู่เบื้องล่าง มุมปากเยาะหยันที่แทบมองไม่เห็นยกขึ้นนิดหนึ่งแล้วเลือนหาย เมื่ออ่านเจตนาของสายตายั่วยวนที่กำลังมองมานั้นได้อย่างชัดแจ้ง
เนญ่ากอบกุมท่อนเอ็นไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นจึงค่อยๆ รูดขึ้นรูดลงช้าๆ ปลายลิ้นเล็กแลบเลียอยู่ตรงปลายหัวสีชมพูคล้ำ แล้วอ้าปากครอบไปบนหัวหยัก รูดเน้นเข้าไปจนลึกทีละนิด วาดเรียวลิ้นลิ้มรสชาติท่อนเนื้อหวานที่อยู่ภายในไปโดยรอบแล้วค่อยๆ ถอยออก
ปากนุ่มดูดเน้นลำเอ็น ตามแนวเส้นที่นูน ย้อนขึ้นไปจนถึงปลาย มือเล็กบีบคลึงนุ่มนวลที่ก้อนกลมทั้งสองลูกของเขา แล้วครอบท่อนลำไว้รูดอมลึกเข้าไปจนความยาวชนกับผนังคอ ขยับโยกศีรษะรูดเข้ารูดออกอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นเมื่อรู้สึกถึงฝ่ามือที่กำลังขยุ้มผมรวบเอาไว้ในมือ
หญิงสาวตวัดสายตาขึ้นมอง สบสายตาดำสนิทที่กำลังหรี่ลงมองที่เธอนิ่งอย่างไม่ละสายตา ใบหน้าคมสันกัดกรามไว้แน่นอย่างพยายามควบคุมอารมณ์เต็มที่ หญิงสาวลอบยิ้มร้ายในใจ หมายมั่นว่าจะทำให้เขาระเบิดอารมณ์ออกมาให้ได้
"ซี้ดด!..." ชายหนุ่มเผลอครางออกมาอย่างสุดกลั้น ขยุ้มผมในกำมือรั้งให้ใบหน้าของคนด้านล่างเงยแหงน พร้อมเอวหนาก็ขยับกระแทกแก่นกายผลักดันให้มันลึกเข้าไปคับแน่นอยู่ในปาก ชักเข้าชักออกถี่รัว โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไรกับแรงกระทุ้งของเขา
“อ่อกๆๆๆ!!” เขาถอนท่อนลำออกเมื่อได้ยินเสียงสำลัก เกือบจะปลดปล่อยออกมาแล้ว แต่สะกดใจไว้ได้เสียก่อน
เคร้ง!!
เสียงของตกกระแทกพื้นดังขึ้นมาทำลายความเงียบ เนญ่าตกใจสะดุ้งสุดตัวรีบหันไปมอง แต่ชายหนุ่มกลับมองผู้มาใหม่อย่างไม่ยี่หระ
“ฝะ..ฝ่าบาท!...” ไลลาตะลึงมองตาค้างกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า เธอรู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก คิดว่าเขาจะจริงใจ แต่ทว่ากลับมาเห็นเขาทำแบบนี้ต่อหน้าต่อตา
เธอให้คนคอยจับตาดูเนญ่า เพื่อไม่ให้ไปก่อเรื่องกับเจ้าชายอิสราร์ ไม่คาดคิดว่าน้องสาวตัวดีจะตลบหลังมายั่วยวนคู่หมายคนใหม่ถึงที่นี่ ยิ่งคิดไม่ถึงว่าจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้
นัยน์ตาคมกล้าสีดำสนิทสาดประกายเจิดจ้าราวกับมีเปลวไฟหล่อเลี้ยงอยู่ เขายืดตัวขึ้นตรงอย่างไม่สะทกสะท้าน ดึงขอบกางเกงขึ้น ถอดเสื้อคลุมตัวยาวออก โยนโปะลงไปบนศีรษะ ของคนที่นั่งอยู่กับพื้นอย่างไม่แยแส แล้วหมุนกายเดินย่างสามขุมตรงไปหาร่างอรชรที่เป็นเป้าหมายทันที
ไลลายืนนิ่งยังไม่ทันมีปฏิกิริยาใดๆ เพราะด้วยความไร้เดียงสาและไม่เคยเห็นมาก่อน จึงมัวแต่จ้องมองตรงส่วนที่นูนออกมาอย่างผิดรูปนั้นเขม็ง ซึ่งดุนดันออกมาให้สะดุดสายตาตลอดเวลาขณะที่เขากำลังเคลื่อนไหว จวบจนเมื่อเขาคว้าต้นแขนจึงเพิ่งจะรู้ตัว
“อ๊ะ! ฝ่าบาท! จะพาหม่อมฉันไปไหน ปล่อยนะ!” เสียงหวานประท้วงออกมาอย่างปั้นปึ่ง เขาพยายามจะดึงให้เดินตามเข้าไปในห้อง แต่เธอก็ขืนตัวไว้สุดฤทธิ์ไม่ยอมให้เขาทำตามอำเภอใจ
“มานี่!” ชายหนุ่มกระชากเข้าไปจนได้ แล้วปิดประตูปังใหญ่ หมุนร่างบอบบางพิงผนังข้างประตู
“อยากเห็นนักไม่ใช่เหรอ ก็จะให้เห็นได้เต็มตาไง!”
“ไม่! บ้าๆ! ปล่อย! หม่อมฉันไม่ได้อยากเห็น จะทำอะไร! หยุดนะ!” หญิงสาวร้องเสียงหลง ไม่ว่าเธอจะปัดป้องอย่างไรก็ไม่สามารถต้านทานมือแข็งแรงของเขาไว้ได้
มือข้างหนึ่งจับต้นแขนเธอไว้แน่น อีกข้างไม่ได้อยู่นิ่งปลดนั่นดึงนี่อย่างเชี่ยวชาญ จนเสื้อตัวบนหลุดรุ่ยกระโปรงตัวยาวถูกรูดซิบออกปล่อยให้ร่วงลงไปกองกับพื้น
“น้องสาวเธอมาปลุกให้มันตื่นแล้ว เธอต้องรับผิดชอบ!”
“ใครปลุกก็ให้คนนั้นไปปลอบสิ! อย่ามายุ่งกับหม่อมฉัน! ของสาธารณะ หม่อมฉันรังเกียจ!” ทั้งๆ ที่กลัวแต่ก็ยังไม่วายเถียง
“หึ! รังเกียจ หรือหึง?” เขาถามชิดริมฝีปาก ซึ่งหญิงสาวก็โต้ตอบอย่างไม่ลดละ
“ไม่หึง! ไม่ชอบ! ขยะแขยง! อุ้ปส์!”
เขาฉกริมฝีปากร้อนผ่าวมาปิดปากเธอไว้ บดขยี้อย่างหนักหน่วงที่ริมฝีปากอวดดีกับเขา ขบเม้มคลึงกลีบปากแดงก่ำของเธอชั่วครู่แล้วกัด
“อื๊อๆๆๆ!” ความรู้สึกเจ็บตรงริมฝีปากทำให้เธอร้องออกมา และดิ้นรนขัดขืนมากกว่าเดิม ทั้งทุบทั้งผลักแต่ร่างกายแข็งแกร่งกำยำของเขาก็ไม่ยอมถอยห่าง เสียงที่เปล่งร้องตะโกนอยู่ในลำคอกลายเป็นเสียงอู้อี้ที่แยกไม่ออกว่ากำลังบ่นหรือต้องการจะก่นด่ากันแน่
ปลายลิ้นร้อนเริ่มบุกรุกเข้าไปในปากของคนที่อ่อนแอกว่าในยามที่เธอเผยออ้าปาก กระหวัดพันเกี่ยวลิ้นเล็กอ่อนนุ่ม ดูดกลืนเสียงหอบหายใจอย่างตื่นตระหนกของเธอ ก่อนจะบังคับชิมลิ้มรสความหอมหวานภายในอย่างป่าเถื่อน
เขาถอนปากออกมาเล็กน้อย ก่อนจะขยับใบหน้าแนบชิดสัมผัสกับกลีบปากนุ่มอีกครั้ง ขบเม้มอย่างอ้อยอิ่ง บดคลึงแล้วดูดดึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนริมฝีปากอิ่มบวมแดงไปหมด ยิ่งสัมผัสก็ยิ่งรู้สึกถึงความหอมหวาน ไม่ว่าจะตักตวงเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอร่างเล็กบางประกบอยู่ระหว่างความร้อนผ่าวจากตัวเขา และความแข็งเย็นของผนัง แผงอกหนาภายใต้เนื้อผ้าเสียดสีกับความอวบอิ่มใต้บราเนื้อบางอย่างจงใจต้นขาด้านในถูกความแข็งนูน ที่กำลังร้อนจัดจากร่างของเขาแผดเผาทั้งที่มีเสื้อผ้ากีดขวางอยู่ ความรู้สึกเสียวซ่านยากจะบรรยายเกิดขึ้นจากจุดที่อ่อนไหวแล้วค่อยๆ ลุกลามแผ่ซ่านไปทั่วท้องน้อยพร้อมกับความวาบหวิวที่แทรกซึมไปทั่วทั้งร่าง แรงต่อต้านของเธอแทบจะไม่มีเหลือแล้วชายหนุ่มครางเสียงต่ำในลำคอ ปลายลิ้นว่องไวไล้ความชุ่มชื้นตรงผนังด้านในริมฝีปากล่างนุ่มอุ่น ก่อนจะถอนริมฝีปากออก ลมหายใจเป่ารดอยู่ที่ใบหูบอบบางเบาๆ ขณะที่ฝ่ามือใหญ่ อุ่นร้อนสอดเข้าไปใต้บราเนื้อบางทางด้านหลัง แล้วปลดตะขออย่างคล่องแคล่ว ลูบไล้แผ่นหลังที่ร่างเปลือยเปล่า นุ่มเนียนมืออย่างอดใจไม่ไหว จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนมาด้านหน้าแล้วกอบกุมไว้เต็มในอุ้งมือ เคล้นคลึงความ
ฮัลดาเดินตามองครักษ์มายังห้องที่เขาบอกว่าเชคฮ์อิสราร์ให้เธอมาหา ซึ่งอยู่สูงกว่าชั้นที่เธอพักสองชั้น เธอดูข่าวลอบวางระเบิดจากในทีวีรู้สึกเป็นห่วงเขามาก จึงทิ้งงานทุกอย่างในมือแล้วรีบเดินตามมาอย่างรวดเร็วองครักษ์แง้มประตูทิ้งไว้ ทำให้เห็นว่าภายในมืดมาก มีเพียงไฟจากนอกหน้าต่างลอดผ่านเข้ามาได้เท่านั้น เธอค่อนข้างกลัวความมืดจึงเดินเข้าไปด้วยความรู้สึกที่หวาดหวั่นนิดๆ ปัง!!ฮัลดายืนสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงประตูปิดดังสนั่น ยกมือทาบหน้าอก ยืนตัวสั่นเทาอยู่กลางห้องด้วยความตกใจ“ว้าย!” หญิงสาวกระโดดหนีไปทางหนึ่ง เมื่อเห็นเงาวูบวาบเข้ามาใกล้ แต่พอเห็นร่างนั้นถนัดตาก็ยิ่งตกตะลึงเธอจำเขาได้ คืนที่เธอเสียความบริสุทธิ์ครั้งแรกเขาก็ใส่หน้ากากสีทองครึ่งหน้าแบบนี้ ในตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าชายลึกลับเป็นใครจึงดิ้นรนขัดขืน ทำให้ไข้ขึ้นนอนซมเพราะป่วยไปหลายวัน เพราะยิ่งดิ้นเขายิ่งกระทำชำเราอย่างรุนแรงจนเจ็บระบมไปหมด เป็นเวลานานกว่าจะหนำใจเขา แล้วก็จากไปท่ามกลางแสงสลัว เหลือเพียงกระดุมเม็ดหนึ่งทิ้งไว้เท่านั้นเธอดูแลเสื้อผ้าเขาอยู่มีหรือจะไม่รู้ว่ากระดุมที่มีตัวอักษรไอเอสนั้นเป็นของใคร และพอไปตรวจดูก็พบว่
ขณะที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาของการวัดใจ จู่ๆ โทรศัพท์ที่หัวเตียงก็ดังขึ้น พร้อมๆ กับเงาใต้ประตูที่ผ่านไปวูบหนึ่งอย่างรวดเร็ว เนื่องจากภายในห้องนอนปิดไฟมืดแต่ด้านนอกเปิดไฟสว่าง ทำให้ผู้บุกรุกอยู่ในจุดที่เสียเปรียบ เจ้าชายอิสราร์ชูนิ้วขึ้นสองนิ้วแล้วกระดกสองครั้งชี้ไปที่ประตู หญิงสาวพยักหน้า เพราะเธอก็เห็นเหมือนกันว่ามีสองเงาที่วิ่งผ่านไปพร้อมๆ กันพริมโรสทำสัญญาณบอกเขาว่าเธอจะจัดการไอ้คนนี้ แล้วจะย้ายไปอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาทำสัญญาณมือตอบกลับว่าโอเคตามแผนของเธอไม่กี่วินาทีประตูก็แง้มออกอย่างเชื่องช้า ปลายกระบอกปืนโผล่เข้ามาอย่างเงียบเชียบ เธอรอให้ประตูเปิดกว้างขึ้นอีกหน่อย จากนั้นก็กระแทกเท้าถีบไปโดยแรงปึง!! “โอ๊ก!!” คนร้ายร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อถูกประตูกระแทกที่หัวก่อนจะกระเด็นไปอัดอยู่ระหว่างประตูกับผนัง ทันใดนั้นพริมโรสก็ทะลึ่งตัวลุกพรวดขึ้น ฟาดกระบอกปืนไปที่ข้อมือของมันจนปืนร่วงลงพื้น แล้วตีลังกาข้ามไปอยู่อีกด้านหนึ่งเหนี่ยวไกปืนเล็งไปที่หัวของมันสองนัดคนร้ายตัวสะบัดล้มทั้งยืนคาปากประตู เธอโยนปืนของคนร้ายลอยออกไปนอกห้อง ในพริบตานั้นก็มีเสียงปืนยิงวัตถุที่เธอเพิ่งจะโยนออกไปอย่างกระหน่
ฮัลดาเดินฮัมเพลงในลำคอมาตลอดทาง หลังจากองครักษ์คนเมื่อวันก่อน มาตามให้เธอไปที่ห้องเดิมอีกครั้ง เมื่อตอนเช้ามืด เพื่อนๆ ในห้องไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปและเพิ่งจะกลับเข้ามา หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในห้องขนาดกว้างขวางที่พักรวมกันอยู่สี่คน พอเห็นว่าทุกคนกำลังวุ่นวายรีดผ้า อีกคนพับ อีกคนแขวน อีกคนนั่งปักผ้า เธอก็เลยเดินแยกตัวไปนั่งตรงอื่น กินน้ำชากับของว่างอย่างสบายใจ เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งหันมาเห็นจึงพูดออกไปตรงๆ“ฮัลดา! เธอเห็นไหมว่าพวกเรากำลังทำงานมือไม่ว่างกันทุกคน”“เห็น! แล้วยังไงหรอ?” ฮัลดาตอบอย่างไม่ใส่ใจ“แล้วเธอจะนั่งให้รากงอกเป็นเจ้านาย เพื่อเอาเปรียบพวกเราอยู่อย่างนั้นหรือไง?”“ก็ฝึกตัวเองให้ชินสิ! อีกหน่อยไม่มีฉันอยู่ช่วยทำงาน พวกเธอจะทำยังไงกันล่ะ!”“ฟังจากน้ำเสียง เหมือนเธอจะออกจากวังไปแต่งงาน?”“โลกนี้อะไรก็ไม่แน่นอน เหมือนในนิทานไง ทำงานเป็นนางซินงกๆ วันนี้ อาจจะปุบปับเปลี่ยนฐานะเป็นเจ้าหญิงในวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้ใครจะรู้!”“แต่นี่มันโลกแห่งความเป็นจริง! มาช่วยฉันทำงานเดี๋ยวนี้!!”ประตูห้องพักถูกเปิดพรวดออก หญิงสาวสี่ห้าคนเดินเร็วเข้ามาด้วยอาการดีอกดีใจ“ทุกคนๆ! เชคฮ์อิสราร์กับพ
พอพ้นสายตาผู้คนฮัลดาก็กัดฟันกรอด มือสองข้างกำไว้แน่น ไม่เคยรู้สึกพ่ายแพ้เช่นนี้มาก่อน เมื่อนึกตอนที่เจ้าชายอิสราร์แนะนำผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าผู้นั้นในฐานะพระคู่หมั้นให้พวกเธอได้รู้จัก หัวใจของฮัลดารู้สึกเจ็บแปลบ หน้าอกหายใจสะท้อนรัวถี่ด้วยความโกรธ พูดตอกย้ำตัวเองราวกับสะกดจิตว่ายอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ เชคฮ์เป็นที่รักและเคารพของประชาชน สมควรจะสมรสกับคนในชาติและศาสนาเดียวกัน เธอไม่มีวันยอมให้คนนอกมาทำให้ศาสนาที่บริสุทธิ์ในนามของพระเจ้าต้องเสื่อมเสียเป็นอันขาดฮัลดาเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องส่วนตัว อย่างใช้ความคิด เค้นสมองหาหนทาง ที่จะปกป้องบุคคลที่ตัวเองรัก จากคนที่ไม่เหมาะสมอย่างเต็มที่ และสิ่งแรกที่เธอคิดได้ก็คือ ต้องหาวิธีบังคับข่มขู่หรือลักพาตัว เพื่อให้คนผู้นั้นเห็นว่าการอยู่ใกล้ชิด กับเชคฮ์อิสราร์ มันอันตรายต่อชีวิตมากแค่ไหน พอคิดได้ดังนั้น เธอก็ส่งข้อความหา คนที่จะสามารถช่วยให้แผนนี้ของเธอสัมฤทธิ์ผลในทันที…………………….วันนี้เจ้าชายอิสราร์จะอยู่ที่ทีแลนด์เป็นคืนสุดท้าย จึงชวนพริมโรสไปดินเนอร์ แบบเชฟส์เทเบิ้ลที่ห้องอาหาร และบาร์สุดชิคบนดาดฟ้าของโรงแรม หญิงสาวตอบรับด้วยความยินดีเพ
“ท่านหญิง คุณรามิลมาขอพบเจ้าค่ะ”พวงแก้มนวลแดง ระเรื่อขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่อ ที่กำลังคิดถึงอยู่ เธอกำลังทบทวนเหตุการณ์ในคืนนั้นที่ทำให้หัวใจเต้นแรงจนควบคุมไม่ได้“บอกให้เขารอสักครู่”“เจ้าค่ะ”วันนั้นที่เธอหมดสติในโรงพยาบาล แต่กลับฟื้นขึ้นมาในลักษณะที่นอนหนุนเขาอยู่ครึ่งตัว ศีรษะวางอยู่บนต้นแขนแก้มแนบอยู่กับอก ปลายนิ้วเรียวของเขาลูบไล้พวงแก้มอย่างทะนุถนอม แม้หลับตาก็ยังสัมผัสได้ว่าดวงตารุ่มร้อนคู่นั้นจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา พอเธอลืมตาขึ้นจึงสบประสานสายตาลึกล้ำดำสนิทของเขาราวกับกำลังต้องมนต์ไปโดยไม่รู้ตัว เธอยังมองเห็นความปีติยินดีที่ไม่สามารถอธิบายได้ เปี่ยมล้นจนเผยออกมาให้เห็นทางดวงตาของเขา ความห่วงใยฉายชัดออกมาอย่างชัดเจน และบอกเล่าถึงความรักความคิดถึงที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจและไม่เคยจะลบเลือน เธอมองสีหน้าที่กำลังเคลิบเคลิ้ม อยู่กับความทรงจำอันสวยงามในอดีตนานอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้นมาอย่างตื้นตันใจ “ผมอยากจูบคุณ อนุญาตไหม?” หญิงสาวหลับตาสัมผัสความรู้สึกจากอ้อมกอดอันทรงพลังที่กำลังถ่ายเทความอบอุ่นมาให้เธออย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายของเขาแผ่อวลเข้ามาปะทะจมูกแล้วโอบล้อมเธอเอาไว้
วิ่งตามกันมาได้สักพัก เขาก็ชะลอความเร็ว แล้วผลักประตูบันไดหนีไฟให้เปิดออก ดึงมือหญิงสาวให้ตามเข้ามาแล้วผลักร่างบางให้ติดผนัง ล็อกข้อมือข้างหนึ่งกดไว้เหนือศีรษะ โน้มใบหน้าฉกวูบเข้ามาหมายจะประกบจุมพิตที่ริมฝีปากอิ่ม พริมโรสตกใจแต่ยังเบนหน้าออกข้างเบี่ยงหนีได้ทัน จุมพิตจึงพลาดเป้าไปกระแทกโดนที่แก้มนุ่ม ฝ่ามือใหญ่ข้างที่ยังว่างประคองใบหน้าด้านข้างของเธอไว้ แล้วบังคับให้หันเข้าหาริมฝีปากเขาอย่างมุ่งร้ายหญิงสาวผ่อนแรงต่อต้านลงนิดหนึ่ง แล้วสอดมือข้างที่ยังเป็นอิสระลอดเข้ามาตรงที่ว่างระหว่างช่องแขนด้านในอย่างว่องไว ชูมือขึ้นเหนือลำคอ แล้วกระแทกนิ้วชี้ กับนิ้วกลาง จิ้มตรงตำแหน่งกรามใต้หูอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง “โอ๊ยย!!” ร่างสูงสะดุ้งสุดตัวร้องออกมาเสียงลั่นอย่างคิดไม่ถึง เขาพยายามเอียงตัวหนีความเจ็บปวด แต่นิ้วที่ร้ายพอๆ กับนิสัยของเจ้าของก็ยังตามกดย้ำอย่างหนักหน่วงไม่ลดละ จนร่างของอีกฝ่ายโค้งเอียงลงไปตามศีรษะลักษณะคล้ายน้ำในหูไม่เท่ากันจนเสียสมดุล พอกดได้ระยะที่ต้องการก็เหนี่ยวคอเป้าหมายเพื่อยกตัวเขาให้ลอยขึ้น พร้อมกับง้างเข่าโจมตีไปที่รังไข่อย่างเต็มเหนี่ยว“โอ๊กกก!!” ร่างสูงตัวงอลงคล้า
“ชัยค์เคาะฮ์ไลลา เชคฮ์อักมัลฝากข้อความให้ทูลฝ่าบาทว่ามีเรื่องด่วนที่เปเรซต้องรีบไปจัดการ ขอเดินทางกลับไปก่อน อนุญาตให้ฝ่าบาทอยู่เที่ยวที่ทีแลนด์สักเดือนสองเดือนค่อยเดินทางกลับก็ได้เพคะ”“หือ? ด่วนขนาดต้องยอมเดินทางแออัดไปกับคนทั่วไปเลยเนี่ยนะ? แล้วเนญ่าล่ะออกมาจากห้องหรือยัง?” “ชัยค์เคาะฮ์เนญ่าออกไปก่อนฝ่าบาทอีกเพคะ และยังไม่กลับเข้ามา”“ไปไหน?”“มีนัดกับเชคฮ์อิสราร์เพคะ”“อะไรนะ?” ไลลาตกใจ เรื่องนี้เป็นไม่ได้อย่างแน่นอน เธอเพิ่งจะแยกกับเชคฮ์อิสรามาได้สักพัก คิดว่าต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลแน่ๆ จึงหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความหาเจ้าชายอิดรีสทันที…“ฝ่าบาท! จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงแรม ช่วงเวลาที่เด็กรับใช้ของชัยค์เคาะฮ์เนญ่าแจ้งมา ปรากฏว่าไม่มีพ่ะย่ะค่ะ ช่วงเวลาดังกล่าวหายไปกลายเป็นจอดำ ตอนนี้ทางทีมรักษาความปลอดภัยของโรงแรมกำลังสืบสวนเรื่องนี้ และสอบถามทางเราว่าต้องการจะแจ้งความไว้ก่อนหรือไม่”“แล้วช่วงเวลาก่อนหน้าล่ะ? เช็กย้อนหลังไปยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย ดูว่าได้ออกจากห้องไปไหนมาก่อนที่จะไปตามนัดหรือเปล่า!”“ตรวจสอบเรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะ ตามคลิปและผลรายงานที่สรุปส่งไปให้เมื่อสักครู่”เจ้าชา
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้