พริมโรสหันหลังให้เวทีทันที เมื่อเห็นผู้แทนพิเศษจากเปเรซขึ้นไปยืนจับมือกับบรรดาผู้นำแต่ละประเทศ เพื่อให้ผู้สื่อข่าวได้ถ่ายรูป หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบห้อง แสกนหาสิ่งผิดปกติจากความเคลื่อนไหวเพื่อความเรียบร้อย จากนั้นล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อ รีบกดเปิดแอปพลิเคชันแชทเลือกชื่อผู้รับ แล้วพิมพ์ข้อความบางอย่างลงไปอย่างรวดเร็ว กดปุ่มส่งแล้วสอดเก็บในเสื้อสูททันทีโดยที่ไม่ได้ดูหน้าจอด้วยซ้ำ
“ฉันนี่แทบจะกรีดร้อง! ทำไมเจ้าชายเปเรซถึงงานดีขนาดนี้นะ!” พริมโรสเหลือบตาดูคนตรงหน้า เห็นนักข่าวคนหนึ่งหน้าตาแดงระเรื่อ แววตาคลั่งไคล้ ยกหลังมืออุดปากทำท่าคล้ายอยากจะกรีดร้องออกมาจริงๆ
“ใช่ๆ เห็นแล้วน้ำเดิน! งานดีขนาดนี้ไม่ควรมีคนเดียวในโลกจริงๆ!”
ข้างบนเวทีถ่ายรูปเสร็จแล้ว และกำลังทยอยเดินกันลงมา เจ้าชายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความที่เข้ามาก่อนหน้านี้ พลันปากอ้าตาค้าง สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ตะลึงงันจนขาชะงักนิ่งยืนอยู่กับที่ แต่แล้วก็ยกยิ้มมุมปากอย่างยากสังเกตเห็น ความยโสบนใบหน้าหายไปอย่างไร้ร่องรอย แววตาอ่อนโยนทอดมองไปยังแผ่นหลังเล็กบางของคนที่อยู่ข้างหน้าเวทีด้านล่างอย่างอบอุ่น
“ตายแล้ว! มองมาทางนี้แล้ว! ถ้ามองนานกว่านี้ ฉันจะตามไปถึงโรงแรมที่ประทับเลยนะ โทษฐานที่ทำให้หัวใจเต้นแรง!”
“แต่เหมือนจะมองมาไม่ถึงเรานะ มองใครล่ะ? มีใครน่าสนใจกว่าพวกเราอีกเหรอ?” นักข่าวอีกคนชะเง้อคอมองซ้ายมองขวาหาเป้าหมาย จนสายตาเหลือบมาตกที่คนตรงหน้าพอดี
“อุ๊ย! ความหล่อเข้าตา! ของดีอยู่ข้างหน้าแท้ๆ ทำไมมองไม่เห็นแต่แรกล่ะนี่!” นักข่าวสาวมองหน้าพริมโรส ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ส่งยิ้มมาให้เธอหวานเยิ้มเสียจนแทบจะหยดลงพื้น
มุมปากพริมโรสยกยิ้มขึ้นข้างหนึ่งอย่างนึกขัน ภายใต้แมสที่ปิดไว้ครึ่งหน้า เผยให้เห็นเพียงนัยน์ตาคมหวานที่กำลังหรี่ลงนิดหนึ่ง แต่เพียงแค่นั้น ก็ทำให้สองสาวบิดตัวม้วน ด้วยความเขินอายไปเลยทีเดียว รูปลักษณ์ของพริมโรสตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับหนุ่มน้อยหน้าตาดีคนหนึ่ง
“เขาเป็นบอดี้การ์ดของเจ้าชายไม่ใช่หรอ ขอช่องทางติดต่อเลยดิ!” เพื่อนสาวใช้ศอกกระทุ้งข้างตัวเพื่อนอีกคน กระตุ้นให้รีบลงมือปฏิบัติการ
“ไม่กล้าอะ! ฉันพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง เธอสื่อสารให้หน่อยสิ!”
“ฉันก็พูดไม่ได้เหมือนกันอะ ว้า!..น่าเสียดาย! ผู้ตกมาจากฟ้าแล้วแท้ๆ แต่ก็คว้าเอาไว้ไม่ได้! อยากจะหยุมหัวตัวเองนักเชียว!”
พริมโรสผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเป็นเชิงขอผ่านทาง เพราะเจ้าชายเดินลงจากเวทีไปแล้ว เธอเลยจะเดินตามเขาไป
“กรี๊ด! เป็นผู้ที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนมาก พลังเกินต้าน! ฉันจะเก็บทรงไม่อยู่แล้ว!”
พริมโรสยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย เพิ่งจะรู้ว่าหน้าตาอย่างเธอก็เฟี้ยวในสายตาสาวๆ ได้เหมือนกัน
บึ้ม!! บึ้ม!! บึ้ม!!เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นติดๆ กันอยู่ภายนอกอาคารสามครั้ง เจ้าชายคว้าข้อมือพริมโรสแล้วดึงเข้าหาตัว มืออีกข้างหันไปจับแขนน้องสาวเอาไว้ ยืนรอดูสถานการณ์กันอยู่ ไม่วิ่งไปมาวุ่นวายเหมือนคนอื่น
“ท่านหญิง! เชิญตามมาทางนี้ครับ!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาประกบ
พริมโรสดึงมือเจ้าชาย ให้เดินตามเจ้าหน้าที่คนนั้นไปก่อน เพราะเส้นทางที่เขานำไป ตรงกันกับผังข้อมูลที่ได้รับมา ซึ่งเธอและกลุ่มราชองครักษ์ได้ศึกษาเส้นทางเข้าออกนี้ตั้งแต่ที่ประชุมกันแล้ว
ขณะที่กำลังเดินตามกันไปนั้น เธอก็เหลียวดูรอบตัวไปด้วย ซึ่งจากที่เห็นมีเพียงผู้นำอเมริโกย ที่มีบอดี้การ์ดส่วนตัวเข้ามาอารักขา แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ของทีแลนด์มาประสานงานช่วยเหลือ ผู้นำคนอื่นๆ บางคนก็ยังหมอบอยู่ ไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลเช่นกัน
“ฝ่าบาท! เตรียมพร้อม หม่อมฉันว่ามันผิดปกติ!” เธอพูดกับเขาเป็นภาษาอาหรับ เขาแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทักถามอะไร พยักหน้ารับแต่โดยดี
"คิวซีๆ-เหตุห้าหนึ่งหนึ่ง-หนึ่งเก้าอายบอล-หนึ่งห้าจุดนัดหมาย!"
"โรเจอร์ โอเวอร์!"
หญิงสาวแจ้งเหตุทางวิทยุสื่อสาร ให้องครักษ์ทุกคน ได้รับทราบถึงเหตุระเบิดและการถูกโจมตี ให้ทุกคนรีบมารวมตัวกันที่จุดนัดหมาย ซึ่งแต่ละคนก็ตอบรับกลับมา
ผ่านไปไม่กี่นาที ก็ปรากฎกลุ่มคนชุดดำกรูกันเข้ามาในห้องโถง ถืออาวุธครบมือเปิดฉากยิงใส่คนคุ้มกันของผู้นำอเมริโกยทันที และยังกราดยิงผู้คนจนล้มร่วงกันระนาว พริมโรสหน้าซีดเผือดเมื่อคิดได้ว่าถ้าเจ้าชายไม่เดินออกมาจากจุดที่ยืนอยู่ตรงนั้นเสียก่อน ก็คงเป็นศพไปแล้วเหมือนกัน
เสียงผู้คนต่างก็กรีดร้องตะโกน อย่างตะลึงตะลานทำอะไรไม่ถูก บางคนเอาแต่กุมศีรษะยืนนิ่งกรีดร้องอย่างตื่นตระหนกเพียงอย่างเดียว บางคนมีสติก็รีบหมอบราบลงไปกับพื้นเพื่อหลบการโจมตีของกระสุนที่เสียงดังจนแสบแก้วหู และยังมีคนที่สติหลุดกระเจิดกระเจิงกลัวจะโดนลูกหลงจึงวิ่งหลบหนีกันไปมาอย่างลนลาน ทำให้รอดพื้นเงื้อมมือมัจจุราชได้เพียงแค่บางส่วน
พริมโรสเหลียวไปดูเจ้าหน้าที่ รักษาความปลอดภัยคนนั้นอย่างสงสัย บางทีเขาอาจจะเป็นคนของบิดาเธอก็ได้
แต่ทำไมถึงเลือกช่วยเฉพาะคณะเราล่ะ??
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้น พาออกมาเส้นทางฉุกเฉิน จนออกมาทางด้านหลังนอกตัวอาคาร ซึ่งองครักษ์ที่สังเกตการณ์อยู่ภายนอก จอดรถกันกระสุนรอเจ้านายอยู่แล้ว ส่วนองครักษ์ที่ดูแลความเรียบร้อยภายในงาน ก็ออกมาได้แล้วบางส่วน
“อาจจะมีคนของเราติดอยู่ข้างใน รบกวนคุณช่วยประสานงานแจ้งให้เราทราบด้วย!” เธอบอกกับเจ้าหน้าที่คนนั้นเป็นภาษาอังกฤษ
“ได้ครับ ผมจะเข้าตรวจสอบให้เดี๋ยวนี้!”
“ขอบคุณค่ะ พวกเราไป!” เธอหันไปบอกคนอื่นๆ ให้รีบออกเดินทาง
พริมโรสให้สองพี่น้องขึ้นนั่งด้านหลังแล้วปิดประตู ส่วนตัวเองกำลังจะเดินไปขึ้นขี่บิ๊กไบค์เพื่อคอยอารักขา แต่เขาก็เปิดประตูมาจับแขนเธอเอาไว้ แล้วดึงให้มานั่งข้างๆ
“เข้ามา! อย่าขัดคำสั่ง ไม่งั้นเจ็บตัวแน่!” หญิงสาวไม่โยกโย้ รีบทำตามคำสั่งแต่โดยดี ขึ้นไปนั่งชิดประตู แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดหารายงานข่าวในจุดเกิดเหตุ ขณะที่รถลีมูซีนกันกระสุนพร้อมหน่วยอารักขาเต็มอัตราได้เร่งออกเดินทางกลับโรงแรมที่พักทันที
เจ้าชายอิสราร์ ไม่อยากให้ภรรยาเอาชีวิตไปเสี่ยง ในสถานการณ์ที่กำลังล่อแหลม รถลีมูซีนกันกระสุนคันนี้ มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เป็นเลิศ สามารถป้องกันได้แม้แต่เครื่องยิงลูกระเบิดแบบโปเจคไทค์ แข็งแรงทนทานต่อการถูกยิงด้วยจรวดหรือถูกชนด้วยอุกาบาต ถังน้ำมันมีเกราะหุ้มไว้ชั้นนอก เสริมด้วยโฟมชนิดพิเศษเพื่อป้องกันการระเบิด หรือแม้จะถูกโจมตีโดยตรงด้วยอาวุธ
“เป็นพวกไหนกันนะ? ช่างอุกอาจจริงๆ!” รินรดาบ่น
“สังเกตไหมว่า เจ้าหน้าที่คนนั้นตรงดิ่งมาหาเราก่อนเลย!” เจ้าชายหันมาพูดกับพริมโรส เธอพยักหน้าแต่ไม่ตอบอะไร พอดีกับเสียงรายงานข่าวภาษาอังกฤษจากสำนักข่าวต่างประเทศในทีแลนด์ดังขึ้นมา
“มีรายงานข่าวที่ยังไม่ได้กรองจากกองทัพแจ้งว่า จะมีการลอบสังหารผู้นำอเมริโกย และชาติพันธมิตรในการประชุมอเมริโกย-อาเซียนสมัยพิเศษในครั้งนี้ รองประธานาธิบดีได้ออกมาแถลงการณ์ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหาร ท่านประธานาธิบดีก็คือ ประเทศเรียซัส และเนื่องจากทางเรียซัสทำเรื่องเลวร้ายกับอเมริโกยแบบนี้ ทางรัฐฯก็จะขอตอบโต้เรียซัสแบบเต็มกำลังเช่นกัน
รองประธานาธิบดีอเมริโกยยังกล่าวประนามเรียซัส และแสดงความเสียใจต่อชาวทีแลนด์ และประเทศพันธมิตรที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด ที่สูญเสียบุคคลสำคัญจากเหตุการณ์การก่อวินาศกรรมของกลุ่มผู้ก่อการร้าย และทางอเมริโกยจะมอบอาวุธที่จำเป็นต่อการป้องกันการป้องกันภัยทั้งทางอากาศ และทางบก เพื่อป้องกันการก่อเหตุร้ายแรงในทุกรูปแบบให้กับทางทีแลนด์ และจะมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และเศรษฐกิจให้ด้วย นอกจากนี้ยังยืนยันว่าอเมริโกยและชาติพันธมิตรจะตอบโต้เรียซัสต่อไป เพื่อลงโทษการก่ออาชญากรรมและการกระทำผิดต่างๆ
ในขณะที่ประเทศเรียซัสก็ออกมาตอบโต้ว่า ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการวินาศกรรมในทีแลนด์ และกล่าวประนามการกระทำที่เกินกว่าเหตุของอเมริโกย ที่ยิงอาวุธพิสัยไกลโจมตีสถานที่ผลิตพลังงาน และที่ตั้งทางทหารของเรียซัสโดยที่ไม่มีความผิด
และหากเกิดการก่อวินาศกรรมจากฝ่ายอเมริโกยอีก ทางเรียซัสจะดำเนินการตอบโต้ ด้วยความรุนแรง ในระดับเท่าเทียมกับภัยคุกคามที่เกิดขึ้นกับเรียซัส และตอนนี้ดูเหมือนว่าสงครามระหว่างอเมริโกย และเรียซัสกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!”
“ทำไมทั้งสองฝ่ายถึงแถลงข่าวได้รวดเร็วทั้งๆ ที่เพิ่งจะเกิดเหตุแท้ๆ!” พริมโรสตั้งข้อสังเกต เงยหน้าจากจอมือถือหันไปมองคนนั่งข้างๆ
“คงเป็นแผนการณ์ของคนคนนั้น ยั่วยุให้สองประเทศนี้ก่อสงคราม แล้วเขาก็นั่งรอดูเสือกัดกันอย่างสะใจ!”
“ฝ่าบาทรู้ว่าเป็นใคร?”
“รู้! ประธานาธิบดีของอเมริโกย ร่วมมือกับเปเรซส่งสายลับไปลอบสังหารเขาหลายครั้ง แต่เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ คนผู้นี้ไม่มีทางวางแผนแค่รอบเดียว ตอนนี้ก็คงกำลังเตรียมดำเนินการแผนต่อไปแล้วแน่ๆ เขาเป็นคนที่โหดเหี้ยม น่ากลัว วางแผนและลงมือทำทันที แต่ที่คิดไม่ถึงคือถึงกับยั่วยุให้เกิดสงคราม!”
“แต่น้องกำลังกังวลว่า นี่อาจจะไม่ใช่ฝีมือของเขาทั้งหมดหรือเปล่า?” เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน รินรดาค่อนข้างแน่ใจว่าต้องเป็นไปในลักษณะต่างสถานที่แต่มีผลลัพธ์เดียว อาศัยเหตุการณ์มาทำให้เห็นว่าลงมือพร้อมกันเท่านั้น
“ฉันก็เห็นด้วยกับท่านหญิงนะคะ” ที่แน่ๆ ทีแลนด์ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ไม่มากก็น้อย
แต่จู่ๆ ก็มีกลุ่มคนที่เป็นพนักงานก่อสร้าง เข้ามาขวางถนนทำให้ต้องจอดรอทั้งขบวน และเป็นทางแยกพอดี พริมโรสสื่อสารทางวิทยุให้ทุกคนเฝ้าระวัง เพราะรถพระที่นั่งเป็นลีมูซีนที่คันยาวกว่าคันอื่นในขบวน จะเป็นที่สังเกตได้ง่าย
และในขณะนั้นเองก็มีอะไรบางอย่าง พุ่งเข้ามากระแทกที่รถสองครั้งซ้อน ครั้งแรกเป็นการตกกระทบบนหลังคาแล้วระเบิดออกเสียงดังสนั่นจนรถสะเทือน แต่อานุภาพยังไม่รุนแรงพอที่จะทำให้ตัวรถได้รับความเสียหาย เพียงแต่ทำให้ทัศนวิสัยรอบข้างเต็มไปด้วยฝุ่นควันที่รายล้อม จนมองไม่เห็นอะไรเลยไปชั่วขณะ และการกระแทกกระเทือนในครั้งที่สองนี้เอง ที่ทำให้ตัวรถสั่นไหวอย่างรุนแรงจนเสียการทรงตัว หมุนคว้างไปชนเข้ากับเสาไฟไฮแมตที่ทำด้วยเหล็กริมถนนทางหลวง และอยู่ในสภาพพลิกคว่ำ
“ว้าย!!” เสียงรินรดาร้องขึ้นมาก่อนจะเงียบสนิทราวกับปิดสวิตช์
พริมโรสสลัดศีรษะที่กำลังมึนและเต็มไปด้วยเสียงวิ้งๆ ดังอื้ออึงก้องอยู่ในหู พอค่อยยังชั่วก็หันไปมองคนที่อยู่ข้างๆ ที่กำลังอยู่ในลักษณะกลับหัวเพราะติดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งเขากำลังหันมองมาที่เธอเช่นกัน
"ท่านหญิงล่ะเพคะ เป็นไงบ้าง?" ชายหนุ่มหันไปทางน้องสาวที่กำลังหมดสติ คลำสำรวจหาร่องรอยบาดเจ็บ
"ไม่มีบาดแผล คงแค่สลบ" เขาพูดแล้วเอื้อมมือจับเพดาน พยายามทรงตัวแบบกลับหัว โดยเอาเท้ายันไว้ แล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออก จากนั้นพยุงตัวเธอไว้ และปลดตัวล็อคนิรภัย อย่างระมัดระวัง เพราะน้ำหนักตัวอาจจะทำให้ร่วงลงมากระแทกได้
เขาหันไปทางน้องสาว พร้อมๆ กับที่พริมโรสกำลังตรวจดูว่าหน้าต่างบานไหนออกง่ายที่สุด จากนั้นก็เปิดออกแล้วค่อยๆ คลานออกไปก่อน ตอนนี้บรรดาองครักษ์ต่างก็รีบวิ่งกรูกันเข้ามา พวกเขารู้ดีว่ามีเวลาไม่มากนัก ต้องรีบช่วยคนทั้งสามออกมาให้ได้ก่อนที่จะสายเกินไป ถึงแม้รถคันนี้จะป้องกันระเบิดจากภายนอกได้ แต่ใครจะรู้ว่าอาจจะมีน้ำมันรั่วจนทำให้เกิดภัยร้ายภายใน ที่ไม่คาดคิดขึ้นมาก็ได้
"ไปดูคนขับด้วย!" หญิงสาวร้องบอกด้วยความเป็นห่วง
องครักษ์ส่วนหนึ่งช่วยกันเปิดประตูทั้งสองด้าน แล้วนำเจ้านายทั้งสองคนออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่แล้วก็เกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นอีกจนได้ เมื่อมีเสียงบิดเร่งของมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่ดังจนประสาทหูแทบแตก คล้ายกำลังวิ่งมาด้วยความเร็วสูง
หางตาของพริมโรส เหลือบเห็นประกายแสงอย่างหนึ่งกระทบตา ตั้งแต่มอเตอร์ไซค์คันนั้นกำลังพุ่งตรงเข้ามา สัญชาตญาณที่ตื่นตัวทำให้เธอหันหน้าไปมองทันที แล้วความรู้สึกเย็นเยียบก็เข้ามาบีบรัดที่หัวใจอย่างกะทันหัน เมื่อเห็นว่าเขา กำลังตกอยู่ในอันตราย สมองยังไม่ทันประมวลผล แต่ร่างกายกลับกระโดดเข้าหาร่างสูงของสามีไปแล้ว จนล้มกลิ้งลงไปกับพื้นฟุตบาท พร้อมกับตะโกนดังก้อง
“ทุกคนระวัง!!” หญิงสาวร้องเตือนผู้ใต้บังคับบัญชา แต่แล้วเธอก็ต้องตกตะลึงจนแทบลืมหายใจ เมื่อคนที่อยู่ใต้ร่างพลิกตัวกลับมากดเธอไว้กับพื้นแทน พร้อมกับโอบกอดร่างเล็ก ของเธอเอาไว้อย่างแน่นหนาเพื่อเป็นเกราะป้องกันภัย
และในชั่วพริบตา คนที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ ก็ยกปากกระบอกปืนเอเคสี่สิบเจ็ดขึ้นมา สาดกระสุนรัวใส่บรรดาองครักษ์ ที่กำลังยืนรายล้อมรอบตัวรถจนล้มลงราวกับใบไม้ร่วง และมีองครักษ์บางคนได้ถลาเข้ามาปกป้องเจ้านายไว้ คนที่โดนยิงจึงล้มลงบนตัวของพวกเขาแทน ถึงแม้จะใส่เสื้อเกราะกันกระสุนไว้ แต่ก็อาจจะมีบางคนที่พลาดไปโดนจุดตายที่ไม่ได้ป้องกันจนทำให้เสียชีวิต
ฝ่ายองครักษ์ชักปืน ยิงปะทะกับคนร้ายเสียงลั่นสนั่นเมือง จนรถยนต์ที่สัญจรไปมาทางฝั่งคู่ขนาน ต้องหักรถหลบเบี่ยงหนีวิถีกระสุนกันเป็นการใหญ่ ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัว พร้อมกับเปล่งเสียงอุทาน รู้สึกเหมือนถูกบางอย่างกระแทก และเจาะเข้าไปในผิวเนื้อที่ขาอย่างรุนแรง ก่อนจะรู้สึกหนักและชาไปทั้งแถบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้คลายแรงที่กอดรัดร่างเล็กบางออกแม้แต่น้อยแต่แล้วเสียงรัวสาดกระสุนนัดแล้วนัดเล่าก็หยุดลง พร้อมกับร่างของคนร้ายที่ถูกระดมยิงจุดตายที่ไร้สิ่งป้องกัน จนเป็นรูพรุนไปทั่วใบหน้า และลำคอ แทบมองไม่เห็นเนื้อดี อาบด้วยสีแดงฉานที่เต็มไปด้วยเลือดทั่วทั้งร่าง นอนแผ่หราท่ามกลางปลอกกระสุน ที่ร่วงกราวราวกับลูกเห็บอย่างน่าสยดสยอง“ฝ่าบาท! ฝ่าบาท! หัวหน้า!” บรรดาองครักษ์ที่รอดชีวิตกรูกันมาดึงร่างที่ไร้ชีวิต ของเพื่อนร่วมงาน ที่นอนทับถมบนตัวของเจ้านายออก “โรส! คุณเป็นไงบ้าง?” เสียงทุ้มกระซิบถามเสียงแผ่วโหย ดูอ่อนแรงอย่างผิดปกติ“หม่อมฉันจะไม่กินกล้วยทับอีกเลยตลอดชีวิต!” หญิงสาวพูดเล่นด้วยความโล่งใจหวังจะให้เขาหัวเราะ แต่เขากลับหน้าซีดจนแทบไม่มีสีเลือด“โอ๊ย!!” ชายหนุ่มร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แล้วกัดฟันแน่
“หัวหน้าจากสัญญาณจีพีเอส เป้าหมายอยู่อาคารทางขวามือนี้ครับ!”“เลี้ยวเข้าไปเลย!”คนขับรถได้เลี้ยวเข้าไปในโมเทล และจอดใกล้กับตำแหน่งของหมุดที่ปักอยู่บนแผนที่ในสมาร์ทโฟน ซึ่งอยู่ด้านหน้าที่จอดรถของห้องหนึ่งที่มีม่านปิดบังไว้อย่างมิดชิด ชายฉกรรจ์ร่างกำยำที่มีรอยแผลเป็นตรงกึ่งกลางคิ้วซ้าย ได้เปิดประตูลงมาจากรถเป็นคนแรก พร้อมชักอาวุธออกมาจากซองปืนข้างเอวมาเตรียมพร้อมไว้ในมือ ตามมาด้วยชายคนที่ถือสมาร์ทโฟน เขามีหน้าที่คอยตรวจจับหาสัญญาณจีพีเอสจากชิปติดตามตัวของเชื้อพระวงศ์พระองค์หนึ่ง คนขับรถเปิดประตูลงมาทีหลัง แต่เดินนำหน้าไปก่อนอย่างรวดเร็ว เขายื่นมือกำผ้าม่านที่บังสายตาสะบัดไปข้างหนึ่งให้เปิดออกกว้าง แล้วเบี่ยงตัวหันไปมองชายที่มีรอยแผลเป็นที่เดินตามมาด้านหลัง ซึ่งก็พยักหน้าเป็นการยืนยันทันที ที่เห็นว่าเป็นรถยนต์ของเป้าหมายที่กำลังตามหาอยู่ชายคนที่ทำหน้าที่ตรวจจับสัญญาณ มองที่หน้าจอสมาร์ทโฟน ตรงตำแหน่งปัจจุบันของลูกศร เขาเงยหน้าขึ้นแล้วชี้นิ้วทำสัญญาณมือไปยังห้องที่ปิดสนิทอยู่นั้นคนขับรถชักปืนออกมาเตรียมพร้อม แต่ขณะที่กำลังจะเดินตรงไปที่ประตู กลับมีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น ที่ด้านหลัง
“ฝ่าบาท…ชัยเคาะฮ์ไลลามาขอพบพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายอิดรีส กำลังดูข่าวเหตุการณ์ระเบิด ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติในทีวี พอได้ยินชื่อของคนที่มาพบจึงเลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจไลลาเดินตามหลังเด็กรับใช้เข้ามาด้านใน ฝืนข่มความรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจลึกๆ เนื่องจากเคยได้ยินคำเล่าลือเกี่ยวกับอุปนิสัยของท่านลุงซึ่งเป็นบิดาของเขา ที่มีพฤติกรรมคล้ายกับพวกไซโคพาธ ที่มีความผิดปกติทางจิตใต้สำนึก ขาดความยับยั้งชั่งใจ ไม่เกรงกลัวต่อการกระทำผิด อย่างการลอบวางยาพิษสังหารบิดา ทั้งยังปลอมแปลงพระบรมราชโองการแต่งตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์ เขาซึ่งเป็นลูกชายย่อมมียีนที่ไร้จิตสำนึก ของฆาตกรถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม มาบ้างเป็นแน่ แต่ระดับของความรุนแรงจะน้อยหรือมาก คงขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูในวัยเด็กประกอบไปด้วยเธอได้ยินมานานแล้วว่า เขาเป็นคนเก็บตัวไม่ออกสื่อ ทั้งยังเป็นพวกชอบต่อต้านสังคม เย็นชาและไม่แยแสกับทุกสิ่งรอบตัว และอีกกระแสหนึ่งก็บอกว่าเขาเป็นพวกเพลย์บอยเจ้าชู้เสเพล เป็นด้านมืดที่ไม่เปิดเผยให้ใครได้เห็น ยิ่งทำให้เธอมั่นใจว่าเขาคงมีความสับสนเกี่ยวกับบุคลิกภาพในตัวเองอยู่พอสมควร และคงได้รับความผิดปกตินั้นมาด้วยเป็นแน่แท้ เพีย
พนักงานส่วนใหญ่เลิกงานแล้ว แต่รามิลกับเลขายังต้องอยู่ล่วงเวลาเป็นประจำทุกวัน เขากำลังเซ็นเอกสารอนุมัติ พลันเหลือบไปเห็นแสงสว่างที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างแฟ้ม จึงสไลด์กดรับแล้วเปิดสปีคเกอร์โฟน“พี่ชาย!”“ว่าไง! มีอะไรด่วนหรือเปล่าโทรมาป่านนี้?”“ยายหนูค่ะ อยู่ๆ ก็หลับไปยี่สิบชั่วโมง เป็นแบบนี้มาสองวันแล้ว ศิดากับคุณรามเลยพาแกไปโรงพยาบาล หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคเจ้าหญิงนิทราที่ทำให้อยู่ในภาวะหลับนาน แกตื่นมาตอนหิวแล้วก็กินเยอะมาก จำใครไม่ได้เลยเหมือนกำลังละเมอ แล้วก็หลับไปอีก พี่ชายจะมาเยี่ยมแกหน่อยไหมคะ?”“ภาวะแทรกซ้อนอื่นล่ะ?”“ไม่มีค่ะ แสกนสมองก็ปกติ คุณหมอยังแปลกใจ”“เคยล้มหรือได้รับความกระทบเทือนถึงสมองหรือเปล่า ทำไมหลับมาราธอนขนาดนั้น?”“ไม่เคยเลยค่ะ ศิดายืนยัน! และนี่แหละที่คุณหมอยังหาสาเหตุไม่ได้ เพราะคนในครอบครัว ก็ไม่มีใครมีความผิดปกติในเรื่องนี้เลย.. พี่ชาย! ยังมีอีกเรื่องหนึ่งค่ะ! เลขาศิดาเพิ่งจะเอามาให้ดู มีบทสัมภาษณ์ของเจ้าชายเปเรซพระองค์หนึ่งในแมกกาซีน ทีนี้มีอยู่ภาพหนึ่งถ่ายติดหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังท่าน หน้าเหมือนศิดาราวกับฝาแฝดเลยค่ะ ถึงแม้จะหันข้างแต่ดูยังไง
เขาถอนปากออกมาเล็กน้อย ก่อนจะขยับใบหน้าแนบชิดสัมผัสกับกลีบปากนุ่มอีกครั้ง ขบเม้มอย่างอ้อยอิ่ง บดคลึงแล้วดูดดึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนริมฝีปากอิ่มบวมแดงไปหมด ยิ่งสัมผัสก็ยิ่งรู้สึกถึงความหอมหวาน ไม่ว่าจะตักตวงเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอร่างเล็กบางประกบอยู่ระหว่างความร้อนผ่าวจากตัวเขา และความแข็งเย็นของผนัง แผงอกหนาภายใต้เนื้อผ้าเสียดสีกับความอวบอิ่มใต้บราเนื้อบางอย่างจงใจต้นขาด้านในถูกความแข็งนูน ที่กำลังร้อนจัดจากร่างของเขาแผดเผาทั้งที่มีเสื้อผ้ากีดขวางอยู่ ความรู้สึกเสียวซ่านยากจะบรรยายเกิดขึ้นจากจุดที่อ่อนไหวแล้วค่อยๆ ลุกลามแผ่ซ่านไปทั่วท้องน้อยพร้อมกับความวาบหวิวที่แทรกซึมไปทั่วทั้งร่าง แรงต่อต้านของเธอแทบจะไม่มีเหลือแล้วชายหนุ่มครางเสียงต่ำในลำคอ ปลายลิ้นว่องไวไล้ความชุ่มชื้นตรงผนังด้านในริมฝีปากล่างนุ่มอุ่น ก่อนจะถอนริมฝีปากออก ลมหายใจเป่ารดอยู่ที่ใบหูบอบบางเบาๆ ขณะที่ฝ่ามือใหญ่ อุ่นร้อนสอดเข้าไปใต้บราเนื้อบางทางด้านหลัง แล้วปลดตะขออย่างคล่องแคล่ว ลูบไล้แผ่นหลังที่ร่างเปลือยเปล่า นุ่มเนียนมืออย่างอดใจไม่ไหว จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนมาด้านหน้าแล้วกอบกุมไว้เต็มในอุ้งมือ เคล้นคลึงความ
ฮัลดาเดินตามองครักษ์มายังห้องที่เขาบอกว่าเชคฮ์อิสราร์ให้เธอมาหา ซึ่งอยู่สูงกว่าชั้นที่เธอพักสองชั้น เธอดูข่าวลอบวางระเบิดจากในทีวีรู้สึกเป็นห่วงเขามาก จึงทิ้งงานทุกอย่างในมือแล้วรีบเดินตามมาอย่างรวดเร็วองครักษ์แง้มประตูทิ้งไว้ ทำให้เห็นว่าภายในมืดมาก มีเพียงไฟจากนอกหน้าต่างลอดผ่านเข้ามาได้เท่านั้น เธอค่อนข้างกลัวความมืดจึงเดินเข้าไปด้วยความรู้สึกที่หวาดหวั่นนิดๆ ปัง!!ฮัลดายืนสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงประตูปิดดังสนั่น ยกมือทาบหน้าอก ยืนตัวสั่นเทาอยู่กลางห้องด้วยความตกใจ“ว้าย!” หญิงสาวกระโดดหนีไปทางหนึ่ง เมื่อเห็นเงาวูบวาบเข้ามาใกล้ แต่พอเห็นร่างนั้นถนัดตาก็ยิ่งตกตะลึงเธอจำเขาได้ คืนที่เธอเสียความบริสุทธิ์ครั้งแรกเขาก็ใส่หน้ากากสีทองครึ่งหน้าแบบนี้ ในตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าชายลึกลับเป็นใครจึงดิ้นรนขัดขืน ทำให้ไข้ขึ้นนอนซมเพราะป่วยไปหลายวัน เพราะยิ่งดิ้นเขายิ่งกระทำชำเราอย่างรุนแรงจนเจ็บระบมไปหมด เป็นเวลานานกว่าจะหนำใจเขา แล้วก็จากไปท่ามกลางแสงสลัว เหลือเพียงกระดุมเม็ดหนึ่งทิ้งไว้เท่านั้นเธอดูแลเสื้อผ้าเขาอยู่มีหรือจะไม่รู้ว่ากระดุมที่มีตัวอักษรไอเอสนั้นเป็นของใคร และพอไปตรวจดูก็พบว่
ขณะที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาของการวัดใจ จู่ๆ โทรศัพท์ที่หัวเตียงก็ดังขึ้น พร้อมๆ กับเงาใต้ประตูที่ผ่านไปวูบหนึ่งอย่างรวดเร็ว เนื่องจากภายในห้องนอนปิดไฟมืดแต่ด้านนอกเปิดไฟสว่าง ทำให้ผู้บุกรุกอยู่ในจุดที่เสียเปรียบ เจ้าชายอิสราร์ชูนิ้วขึ้นสองนิ้วแล้วกระดกสองครั้งชี้ไปที่ประตู หญิงสาวพยักหน้า เพราะเธอก็เห็นเหมือนกันว่ามีสองเงาที่วิ่งผ่านไปพร้อมๆ กันพริมโรสทำสัญญาณบอกเขาว่าเธอจะจัดการไอ้คนนี้ แล้วจะย้ายไปอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาทำสัญญาณมือตอบกลับว่าโอเคตามแผนของเธอไม่กี่วินาทีประตูก็แง้มออกอย่างเชื่องช้า ปลายกระบอกปืนโผล่เข้ามาอย่างเงียบเชียบ เธอรอให้ประตูเปิดกว้างขึ้นอีกหน่อย จากนั้นก็กระแทกเท้าถีบไปโดยแรงปึง!! “โอ๊ก!!” คนร้ายร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อถูกประตูกระแทกที่หัวก่อนจะกระเด็นไปอัดอยู่ระหว่างประตูกับผนัง ทันใดนั้นพริมโรสก็ทะลึ่งตัวลุกพรวดขึ้น ฟาดกระบอกปืนไปที่ข้อมือของมันจนปืนร่วงลงพื้น แล้วตีลังกาข้ามไปอยู่อีกด้านหนึ่งเหนี่ยวไกปืนเล็งไปที่หัวของมันสองนัดคนร้ายตัวสะบัดล้มทั้งยืนคาปากประตู เธอโยนปืนของคนร้ายลอยออกไปนอกห้อง ในพริบตานั้นก็มีเสียงปืนยิงวัตถุที่เธอเพิ่งจะโยนออกไปอย่างกระหน่
ฮัลดาเดินฮัมเพลงในลำคอมาตลอดทาง หลังจากองครักษ์คนเมื่อวันก่อน มาตามให้เธอไปที่ห้องเดิมอีกครั้ง เมื่อตอนเช้ามืด เพื่อนๆ ในห้องไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปและเพิ่งจะกลับเข้ามา หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในห้องขนาดกว้างขวางที่พักรวมกันอยู่สี่คน พอเห็นว่าทุกคนกำลังวุ่นวายรีดผ้า อีกคนพับ อีกคนแขวน อีกคนนั่งปักผ้า เธอก็เลยเดินแยกตัวไปนั่งตรงอื่น กินน้ำชากับของว่างอย่างสบายใจ เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งหันมาเห็นจึงพูดออกไปตรงๆ“ฮัลดา! เธอเห็นไหมว่าพวกเรากำลังทำงานมือไม่ว่างกันทุกคน”“เห็น! แล้วยังไงหรอ?” ฮัลดาตอบอย่างไม่ใส่ใจ“แล้วเธอจะนั่งให้รากงอกเป็นเจ้านาย เพื่อเอาเปรียบพวกเราอยู่อย่างนั้นหรือไง?”“ก็ฝึกตัวเองให้ชินสิ! อีกหน่อยไม่มีฉันอยู่ช่วยทำงาน พวกเธอจะทำยังไงกันล่ะ!”“ฟังจากน้ำเสียง เหมือนเธอจะออกจากวังไปแต่งงาน?”“โลกนี้อะไรก็ไม่แน่นอน เหมือนในนิทานไง ทำงานเป็นนางซินงกๆ วันนี้ อาจจะปุบปับเปลี่ยนฐานะเป็นเจ้าหญิงในวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้ใครจะรู้!”“แต่นี่มันโลกแห่งความเป็นจริง! มาช่วยฉันทำงานเดี๋ยวนี้!!”ประตูห้องพักถูกเปิดพรวดออก หญิงสาวสี่ห้าคนเดินเร็วเข้ามาด้วยอาการดีอกดีใจ“ทุกคนๆ! เชคฮ์อิสราร์กับพ
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้