ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพยักหน้าอย่างจริงจังฉงชูโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย พึมพำกับตัวเองว่า “เหตุใดข้างในจึงเงียบเช่นนี้เล่า?”นางรู้สึกสงสัย จึงยื่นมือไปเคาะประตูแต่ทันทีที่มือแตะประตู ประตูห้องตำราก็เปิดออกอย่างง่ายดาย ปรากฏว่ามิได้ล็อกเห็นฉินซูในตอนนี้หันหลังให้ประตูห้องตำรา นั่งอยู่หน้าโต๊ะด้วยความตั้งใจจดจ่อ มิรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่เมื่อเห็นดังนั้น ฉงชูโม่ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น อดมิได้ที่จะถามว่า “องค์รัชทายาท ท่านกำลังทำ…”นางยังพูดมิทันจบ ฉินซูที่กำลังยุ่งอยู่ก็มือสั่น จากนั้นก็มีเสียง “ตู้ม” ดังขึ้น!ควันหนาทึบพวยพุ่งขึ้นตรงหน้าฉินซู กลิ่นฉุนดินปืนฟุ้งกระจายไปทั่วห้องตำราในทันทีทั้งฉงชูโม่และตู๋กูโฉ่วเยวี่ยต่างตกตะลึง อ้าปากค้างจ้องมองฉินซูฉินซูหันกลับมา บ่นด้วยน้ำเสียงตัดพ้อว่า “ฉงชูโม่ ตัวข้าไปทำอะไรให้เจ้าแค้นหรือไร? ถึงได้ร้องโวยวายอย่างนั้น!”ตอนนี้เขาดูมอมแมม มิหล่อเหลาเหมือนอย่างเคยที่น่าขันยิ่งกว่านั้นคือ ตอนที่เขาพูด ยังมีควันพวยพุ่งออกมาจากปากเขาอีกด้วย“พรวด... ฮ่าฮ่าฮ่า!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยกลั้นหัวเราะไว้ได้ครู่หนึ่ง ก็ทนมิไหว ต้องเอามือกุมท้องหัวเราะออกมาเสียงดังฉง
“เหตุใดข้าต้องอายด้วย? ชิงเหยาเป็นสตรีของข้า ข้าจะทำสิ่งใดกับนางก็เป็นเรื่องปกติ!”ฉินซูพูดจบก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วพูดหยอกล้อว่า “ว่าแต่ เจ้าอยากจะร่วมด้วยหรือไม่? เหมือนอย่างเมื่อคืน…”สีหน้าของฉงชูโม่เปลี่ยนเป็นเย็นชา นางสะบัดแส้ในมือออกมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆรูม่านตาของฉินซูหดเล็กลง และถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยสัญชาตญาณ!เมื่อเห็นว่าฉินซูหลบได้อีกครั้ง ฉงชูโม่ก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “ตอบสนองได้เร็วเพียงนี้ ยังจะอ้างว่ามิรู้วรยุทธอีกรึ วันนี้หม่อมฉันจะสัมผัสทักษะอันน่าประทับใจขององค์รัชทายาทสักหน่อย!”พูดจบ นางก็สะบัดข้อมือ แส้ในมือก็พุ่งเข้าใส่ฉินซูราวกับผ้าไหมที่กำลังโบกสะบัดฉินซูรีบพูดว่า “ฉงชูโม่ ตัวข้าแค่ล้อเล่นกับเจ้า เจ้าจะต้องจริงจังถึงเพียงนี้เชียวหรือ? หากเจ้ายังมิหยุด ข้าจะเอาเรื่องเมื่อคืนไปพูดแล้ว!”ได้ยินดังนั้น ฉงชูโม่ก็หยุดทันที แล้วดุว่า “องค์รัชทายาท ท่านเป็นถึงรัชทายาท ยังมาข่มขู่หม่อมฉัน ท่านทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ได้อย่างไร!”“เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นรัชทายาท ยังกล้าลงมือกับข้า เจ้ามิไร้ยางอายหรือไร?”“หึ ก็แค่รัชทายาทที่รอวันถูกปลด!”“ถึงอย่างไรก็เป็นร
ฉงชูโม่ตกใจสุดขีด นางรีบรวบรวมพลังปราณในร่างกาย และถอยกลับอย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้น อาภรณ์ของนางก็ยังถูกแรงระเบิดจนทำให้ขาดวิ่น แขนของนางยังถูกเศษเหล็กบาดจนเป็นแผลอีกด้วย!แม้แต่ต้นไม้ใหญ่รอบ ๆ ลำต้นก็ยังถูกแรงระเบิดจนเป็นรูพรุนไปหมด!หลังจากคลื่นระเบิดสงบลง นางก็ยืนตะลึงอยู่กับที่ด้วยความตกใจนี่...นี่มันดอกไม้ไฟงั้นหรือ?ในขณะเดียวกันกับที่เสียงระเบิดดังขึ้นที่กำแพงเมือง เหล่าทหารยามก็ตกใจกับเสียงระเบิดที่ดังขึ้นอย่างฉับพลันหลังจากได้สติ หัวหน้ากองรักษาการณ์ก็ตะโกนทันทีว่า “ข้าศึกบุกโจมตี! ตั้งรับเร็วเข้า! พวกเจ้า จงตามข้าไปตรวจตราสถานการณ์!”เมื่อพูดจบ เขาก็รีบพาลูกน้องวิ่งไปยังทิศทางที่เสียงดังมามินาน พวกเขาก็เห็นคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น สภาพมอมแมม อาภรณ์ขาดรุ่งริ่งหัวหน้ากองรักษาการณ์ชักดาบออกมาทันที พร้อมตะโกนเสียงดังว่า “เฮ้ย! ใครกัน กล้ามาสร้างความวุ่นวายขนาดนี้ที่เชิงเขาเมืองหลงเฉิง จับตัวมา!”“ขอรับ!”เหล่าทหารกองรักษาการณ์กำลังจะเข้าไป แต่ในตอนนั้นคนผู้นั้นก็หันกลับมา ตะโกนเสียงเย็นชาว่า “เบิกตาของพวกเจ้าดูให้ดีว่าข้าเป็นใคร!”เมื่อได้ยินดังนั้น หัวหน้ากองรักษา
“อ้อ เจ้าดูท่าทางโทรมมาก ไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำเถอะ ไม่มีคำสั่งของข้า ไม่มีใครไปรบกวนเจ้าหรอก”“ท่าน… ฮึ่ม องค์รัชทายาท หม่อมฉันจะจำเรื่องนี้ไว้ ท่านควรจะระวังตัวไว้ให้ดี อย่าให้หม่อมฉันจับได้ว่าท่านทำสิ่งใดมิดีเถอะ”ฉงชูโม่จ้องฉินซูด้วยสายตาคุกคามแล้วหันหลังเดินออกไปฉินซูรู้สึกมิพอใจเล็กน้อย และบ่นพึมพำว่า “ทำเป็นหยิ่งไปได้ หากไม่มีอำนาจขององค์จักรพรรดิหนุนหลัง ข้าจะจับเจ้ากดลงพื้นแล้วถูไถให้ดู เชื่อหรือไม่!”วันรุ่งขึ้นฉินซูสั่งให้ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปตลาดอีกครั้ง เพื่อซื้อวัตถุดิบสำหรับทำดินปืนครั้งนี้ ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยได้ดินประสิวมาสองก้อนใหญ่เท่ากำปั้นด้วยประสบการณ์จากครั้งก่อน ฉินซูจึงสามารถผสมดินปืนได้อย่างง่ายดาย หลังจากผสมลูกเหล็กและเศษเหล็กเข้าไป เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจหลังจากนั้น เขาก็ส่งคนไปที่ร้านตีเหล็กเพื่อทำลูกเหล็กทรงรีขนาดเท่ากำปั้นประมาณเจ็ดหรือแปดลูกแม้ว่างานฝีมือในยุคนั้นจะหยาบ แต่ก็ยังสามารถตอบสนองความต้องการของฉินซูได้เมื่อเขาได้ลูกเหล็กเล็ก ๆ มา เขาก็เอามันมาตอกตะปูที่ด้านบนของลูกเหล็กเพื่อทำรูจากนั้น เขาก็เทดินปืนสีดำที่ผสมกับเศษเหล็กเข้าไป หล
ฉงชูโม่ตอบกลับด้วยสายตาแน่วแน่ว่า “ไปหาสหาย เป็นสหายที่สำคัญมากคนหนึ่ง”แม่ทัพใหญ่อันดับหนึ่งเดินทางไกลนับพันลี้เพื่อไปหาสหาย แสดงว่าสหายคนนี้ต้องสำคัญมากขนาดไหน ฉินซูก็พอจะนึกออกดังนั้นเขาจึงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “แฟนหรือ?”ฉงชูโม่ถามกลับด้วยความสับสนมิเข้าใจว่า “องค์รัชทายาท แฟนคืออะไรหรือ?”“เอ่อ... หมายความว่า คนที่อยู่ในใจ เจ้าจะไปหลงโย่วเพื่อตามหาคนที่อยู่ในใจเจ้าใช่หรือไม่?”ฉงชูโม่มีแววตาสั่นไหว มิได้ยอมรับ แต่ก็มิได้ปฏิเสธเมื่อเห็นดังนั้น ฉินซูจึงเบ้ปากพูดว่า “เจ้าจะไปตามหาคนที่อยู่ในใจ แต่กลับต้องการให้ตัวข้าไปเป็นเพื่อน เจ้า เห็นตัวข้าเป็นเครื่องมือหรือไร ตีให้ตายข้าก็มิไป”ฉงชูโม่ใจร้อนขึ้น กระทืบเท้าและพูดว่า “องค์รัชทายาท อย่างน้อยหม่อมฉันก็ช่วยท่านกำจัดแขนขาของอ๋องจิ้นไปข้างหนึ่ง ท่านตอบแทนผู้มีพระคุณเช่นนี้หรือ? อีกอย่าง ที่หลงโย่วก็มีที่เที่ยวมากหลาย ท่านไปเที่ยวสักหน่อยก็มิเสียหายอะไร ไฉนท่านมิไปเล่า?”“ไม่มีเหตุผลอะไร ตัวข้ามิอยากไป หากเจ้าอยากไป เจ้าก็เข้าวังไปขอเสด็จพ่อเองก็สิ้นเรื่อง ด้วยฐานะของเจ้า พระองค์ต้องทรงอนุญาตอยู่แล้ว”“เรื่องที่หม่อมฉ
ด้วยรูปร่างหน้าตาและสัดส่วนที่สวยงามของฉงชูโม่ บุรุษปกติคงมีมิกี่คนที่สามารถต้านทานเสน่ห์ของนางได้ แต่สวีหลายกลับมองนางเป็นแค่น้องสาวเสมอมา นับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าประหลาดใจ“ดังนั้น องค์รัชทายาท ท่านพอจะเสด็จไปกับหม่อมฉันสักครั้งได้หรือไม่? เพียงแค่ท่านตอบตกลง หม่อมฉัน ฉงชูโม่ จะติดหนี้บุญคุณท่าน ท่านน่าจะทรงทราบดีว่า หนี้บุญคุณของหม่อมฉัน ฉงชูโม่ มิใช่สิ่งที่หาได้ง่าย ๆ”“ในเมื่อเจ้าพูดมาถึงเพียงนี้ หากตัวข้ายังมิตอบตกลง ก็คงดูเป็นคนไร้น้ำใจเกินไปแล้ว”ฉงชูโม่ถามด้วยสีหน้าที่ดีใจว่า “ท่านตอบตกลงแล้วใช่หรือไม่เพคะ?”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย และเตือนว่า “ข้าตอบตกลงก็จริง แต่มีข้อแม้ว่า ในการเดินทางไปหลงโย่วครั้งนี้ เจ้าต้องเชื่อฟังข้า”ฉงชูโม่ดีใจจนออกนอกหน้า รีบตอบตกลงทันที “แน่นอน ไม่มีปัญหาเพคะ เพียงแค่องค์รัชทายาทตอบตกลง หม่อมฉันจะเชื่อฟังท่านทุกอย่าง!”“เช่นนั้นก็ตกลง รอตู๋กูโฉ่วเยวี่ยมาถึง ตัวข้าจะให้เขาเตรียมการ”สีหน้าของฉงชูโม่เปลี่ยนไปเล็กน้อย “องค์รัชทายาท เรื่องนี้มิสามารถให้ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยรู้ได้ และมิสามารถให้เขาตามไปได้เพคะ!”“เหตุใดเล่า?”“ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยป็
“มิใช่อย่างนั้นเพคะ หม่อมฉันแค่รู้สึกแปลกใจกับคำพูดเมื่อครู่ของท่าน 'หากความรักของทั้งสองนั้นมั่นคงและยืนยาว จะต้องคำนึงถึงการอยู่ใกล้ชิดกันทุกเช้าค่ำไปด้วยเหตุใดกัน' องค์รัชทายาท คำนี้ช่างไพเราะเหลือเกินเพคะ”แววตาที่หลินชิงเหยาจ้องมองฉินซู เปี่ยมไปด้วยความชื่นชมฉินซูอดมิได้ที่จะยิ้มออกมาประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้ แตกต่างจากโลกที่เขาข้ามมิติมาอย่างมากด้วยเหตุนี้ ความรู้ที่เขามีจึงมีประโยชน์ในโลกใบนี้เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “มิใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่ครั้งนี้ข้าอาจจะต้องออกไปสิบวันครึ่งเดือน ดังนั้นตอนนี้…”เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วอุ้มหลินชิงเหยาขึ้นในอ้อมแขนหลินชิงเหยาร้องออกมา แต่เมื่อตั้งสติได้ นางก็หน้าแดงเล็กน้อยและโอบแขนรอบคอของฉินซูฉินซูมิพูดอะไร หันหลังแล้วเดินก้าวใหญ่ไปทางโรงอาบน้ำตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่เขาได้ลองเล่นในน้ำพุร้อน เขาก็ตกหลุมรักความรู้สึกนั้นไปแล้วหลังจากเข้าไปในโรงอาบน้ำ เขาก็จูบไปที่ริมฝีปากเล็ก ๆ ที่สวยงามของหลินชิงเหยา ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบสนองอย่างรู้ใจมินานนัก อาภรณ์ก็กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นข้าง ๆ บ่ออาบน้ำผิวน้ำในบ่ออาบน้ำที่เคยสงบ
จากนั้นน้ำเสียงของนางก็เย็นชาลงอย่างกะทันหัน แล้วพูดต่อว่า “แน่นอน หากองค์รัชทายาทอยากตายเอง ข้าก็ก้าวก่ายมากมายขนาดนั้นมิได้”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินชิงเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย มิพูดอะไรอีกดวงตาของฉงชูโม่กลอกกลับไปมองอย่างรวดเร็ว และพูดอย่างแผ่วเบาว่า “องค์รัชทายาท หม่อมฉันจะล่วงหน้าไปก่อน พวกเราจะพบกันที่ป่าท้อนอกประตูเมืองทิศใต้”พูดจบนางก็หันหลังกลับและเดินออกไปก่อนหลินชิงเหยาถามด้วยความสับสนเล็กน้อย “องค์รัชทายาท ไฉนพี่หญิงชูโม่ถึงมิรอท่านเล่าเพคะ?”“ใครจะไปรู้ บางทีนางอาจจะไปบอกลาเซี่ยหลาน เพราะพวกนางมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน”ฉินซูอยู่กับหลินชิงเหยาสักพัก จากนั้นจึงกลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดลำลองภายใต้สายตาที่ลังเลขอหลินชิงเหยา ในที่สุด ฉินซูวางห่อผ้าไว้บนหลังม้าแล้วขี่ม้าออกไป มินาน เขาก็มาถึงป่าท้อนอกเมืองทิศใต้เห็นฉงชูโม่รออยู่ที่นั่นแล้ว“องค์รัชทายาท เวลาล่วงเลยมามากแล้ว พวกเราออกเดินทางกันเถิด พยายามไปให้ถึงเมืองอวี๋หางก่อนตะวันตกดิน”“ได้ ไปกันเถอะ”ฉินซูสะบัดแส้ ควบม้าตะบึงไปทางทิศใต้“พี่ใหญ่สวี รอข้าก่อนนะ!”ฉงชูโม่พึมพำ มองไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ ค