ฉงชูโม่ตอบกลับด้วยสายตาแน่วแน่ว่า “ไปหาสหาย เป็นสหายที่สำคัญมากคนหนึ่ง”แม่ทัพใหญ่อันดับหนึ่งเดินทางไกลนับพันลี้เพื่อไปหาสหาย แสดงว่าสหายคนนี้ต้องสำคัญมากขนาดไหน ฉินซูก็พอจะนึกออกดังนั้นเขาจึงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “แฟนหรือ?”ฉงชูโม่ถามกลับด้วยความสับสนมิเข้าใจว่า “องค์รัชทายาท แฟนคืออะไรหรือ?”“เอ่อ... หมายความว่า คนที่อยู่ในใจ เจ้าจะไปหลงโย่วเพื่อตามหาคนที่อยู่ในใจเจ้าใช่หรือไม่?”ฉงชูโม่มีแววตาสั่นไหว มิได้ยอมรับ แต่ก็มิได้ปฏิเสธเมื่อเห็นดังนั้น ฉินซูจึงเบ้ปากพูดว่า “เจ้าจะไปตามหาคนที่อยู่ในใจ แต่กลับต้องการให้ตัวข้าไปเป็นเพื่อน เจ้า เห็นตัวข้าเป็นเครื่องมือหรือไร ตีให้ตายข้าก็มิไป”ฉงชูโม่ใจร้อนขึ้น กระทืบเท้าและพูดว่า “องค์รัชทายาท อย่างน้อยหม่อมฉันก็ช่วยท่านกำจัดแขนขาของอ๋องจิ้นไปข้างหนึ่ง ท่านตอบแทนผู้มีพระคุณเช่นนี้หรือ? อีกอย่าง ที่หลงโย่วก็มีที่เที่ยวมากหลาย ท่านไปเที่ยวสักหน่อยก็มิเสียหายอะไร ไฉนท่านมิไปเล่า?”“ไม่มีเหตุผลอะไร ตัวข้ามิอยากไป หากเจ้าอยากไป เจ้าก็เข้าวังไปขอเสด็จพ่อเองก็สิ้นเรื่อง ด้วยฐานะของเจ้า พระองค์ต้องทรงอนุญาตอยู่แล้ว”“เรื่องที่หม่อมฉ
ด้วยรูปร่างหน้าตาและสัดส่วนที่สวยงามของฉงชูโม่ บุรุษปกติคงมีมิกี่คนที่สามารถต้านทานเสน่ห์ของนางได้ แต่สวีหลายกลับมองนางเป็นแค่น้องสาวเสมอมา นับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าประหลาดใจ“ดังนั้น องค์รัชทายาท ท่านพอจะเสด็จไปกับหม่อมฉันสักครั้งได้หรือไม่? เพียงแค่ท่านตอบตกลง หม่อมฉัน ฉงชูโม่ จะติดหนี้บุญคุณท่าน ท่านน่าจะทรงทราบดีว่า หนี้บุญคุณของหม่อมฉัน ฉงชูโม่ มิใช่สิ่งที่หาได้ง่าย ๆ”“ในเมื่อเจ้าพูดมาถึงเพียงนี้ หากตัวข้ายังมิตอบตกลง ก็คงดูเป็นคนไร้น้ำใจเกินไปแล้ว”ฉงชูโม่ถามด้วยสีหน้าที่ดีใจว่า “ท่านตอบตกลงแล้วใช่หรือไม่เพคะ?”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย และเตือนว่า “ข้าตอบตกลงก็จริง แต่มีข้อแม้ว่า ในการเดินทางไปหลงโย่วครั้งนี้ เจ้าต้องเชื่อฟังข้า”ฉงชูโม่ดีใจจนออกนอกหน้า รีบตอบตกลงทันที “แน่นอน ไม่มีปัญหาเพคะ เพียงแค่องค์รัชทายาทตอบตกลง หม่อมฉันจะเชื่อฟังท่านทุกอย่าง!”“เช่นนั้นก็ตกลง รอตู๋กูโฉ่วเยวี่ยมาถึง ตัวข้าจะให้เขาเตรียมการ”สีหน้าของฉงชูโม่เปลี่ยนไปเล็กน้อย “องค์รัชทายาท เรื่องนี้มิสามารถให้ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยรู้ได้ และมิสามารถให้เขาตามไปได้เพคะ!”“เหตุใดเล่า?”“ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยป็
“มิใช่อย่างนั้นเพคะ หม่อมฉันแค่รู้สึกแปลกใจกับคำพูดเมื่อครู่ของท่าน 'หากความรักของทั้งสองนั้นมั่นคงและยืนยาว จะต้องคำนึงถึงการอยู่ใกล้ชิดกันทุกเช้าค่ำไปด้วยเหตุใดกัน' องค์รัชทายาท คำนี้ช่างไพเราะเหลือเกินเพคะ”แววตาที่หลินชิงเหยาจ้องมองฉินซู เปี่ยมไปด้วยความชื่นชมฉินซูอดมิได้ที่จะยิ้มออกมาประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้ แตกต่างจากโลกที่เขาข้ามมิติมาอย่างมากด้วยเหตุนี้ ความรู้ที่เขามีจึงมีประโยชน์ในโลกใบนี้เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “มิใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่ครั้งนี้ข้าอาจจะต้องออกไปสิบวันครึ่งเดือน ดังนั้นตอนนี้…”เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วอุ้มหลินชิงเหยาขึ้นในอ้อมแขนหลินชิงเหยาร้องออกมา แต่เมื่อตั้งสติได้ นางก็หน้าแดงเล็กน้อยและโอบแขนรอบคอของฉินซูฉินซูมิพูดอะไร หันหลังแล้วเดินก้าวใหญ่ไปทางโรงอาบน้ำตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่เขาได้ลองเล่นในน้ำพุร้อน เขาก็ตกหลุมรักความรู้สึกนั้นไปแล้วหลังจากเข้าไปในโรงอาบน้ำ เขาก็จูบไปที่ริมฝีปากเล็ก ๆ ที่สวยงามของหลินชิงเหยา ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบสนองอย่างรู้ใจมินานนัก อาภรณ์ก็กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นข้าง ๆ บ่ออาบน้ำผิวน้ำในบ่ออาบน้ำที่เคยสงบ
จากนั้นน้ำเสียงของนางก็เย็นชาลงอย่างกะทันหัน แล้วพูดต่อว่า “แน่นอน หากองค์รัชทายาทอยากตายเอง ข้าก็ก้าวก่ายมากมายขนาดนั้นมิได้”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินชิงเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย มิพูดอะไรอีกดวงตาของฉงชูโม่กลอกกลับไปมองอย่างรวดเร็ว และพูดอย่างแผ่วเบาว่า “องค์รัชทายาท หม่อมฉันจะล่วงหน้าไปก่อน พวกเราจะพบกันที่ป่าท้อนอกประตูเมืองทิศใต้”พูดจบนางก็หันหลังกลับและเดินออกไปก่อนหลินชิงเหยาถามด้วยความสับสนเล็กน้อย “องค์รัชทายาท ไฉนพี่หญิงชูโม่ถึงมิรอท่านเล่าเพคะ?”“ใครจะไปรู้ บางทีนางอาจจะไปบอกลาเซี่ยหลาน เพราะพวกนางมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน”ฉินซูอยู่กับหลินชิงเหยาสักพัก จากนั้นจึงกลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดลำลองภายใต้สายตาที่ลังเลขอหลินชิงเหยา ในที่สุด ฉินซูวางห่อผ้าไว้บนหลังม้าแล้วขี่ม้าออกไป มินาน เขาก็มาถึงป่าท้อนอกเมืองทิศใต้เห็นฉงชูโม่รออยู่ที่นั่นแล้ว“องค์รัชทายาท เวลาล่วงเลยมามากแล้ว พวกเราออกเดินทางกันเถิด พยายามไปให้ถึงเมืองอวี๋หางก่อนตะวันตกดิน”“ได้ ไปกันเถอะ”ฉินซูสะบัดแส้ ควบม้าตะบึงไปทางทิศใต้“พี่ใหญ่สวี รอข้าก่อนนะ!”ฉงชูโม่พึมพำ มองไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ ค
“ข้าน้อยแน่ใจว่ามีองค์รัชทายาทคนเดียว จะว่าไปก็แปลกจริง องค์รัชทายาทออกไปโดยไม่มีองครักษ์หรือผู้ติดตาม...”ฉินเหยี่ยนมีสีหน้าเหี้ยมโหด กล่าวด้วยเจตนาสังหาร “อยู่คนเดียว ถือว่าเป็นเรื่องดี!”ขุนนางประจำจวนอ๋องซุนฉีที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินดังนั้นก็ถามด้วยความตกใจ “ท่านอ๋อง หรือว่าท่านทรงจะ…”ระหว่างที่พูดอยู่นั้น เขาก็ทำท่าปาดคอเมื่อเห็นเช่นนั้น สีหน้าขององครักษ์ก็ซีดเผือดการลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาท เป็นอาชญากรรมร้ายแรง!แต่เขาก็มิกล้าพูดอะไร รีบก้มหน้าลง ทำเหมือนมิเห็นมิได้ยินสิ่งใด ฉินเหยี่ยนหัวเราะอย่างเย็นชา “เรื่องนี้เรามิสามารถลงมือเองได้ ซุนฉี เจ้าเอาป้ายของข้าไปที่สำนักอาทิตย์อัสดง”“ข้าน้อยรับบัญชา!”ซุนฉีรับคำสั่งด้วยความเคารพ จากนั้นก็ควบม้าออกจากเมืองหลงเฉิง ตรงไปยังสำนักอาทิตย์อัสดงที่ชานเมือง ในเวลาเดียวกัน จวนอ๋องหนิง จวนอ๋องฉี และจวนอ๋องอื่น ๆ ก็ส่งคนออกจากเมืองไปยังทิศทางต่าง ๆ กันหนึ่งชั่วยามต่อมาสำนักบู๊ลิ้มรอบเมืองหลงเฉิง ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวนกพิราบสื่อสารจำนวนมากบินขึ้นไปบนฟ้า มุ่งหน้าไปทางทิศใต้......ดวงอาทิตย์เคลื่อนต่ำลง แสงสุดท้ายของวันย้อ
เจ้าของโรงเตี๊ยมทำหน้าลำบากใจพลางพูดว่า “ท่านทั้งสอง ขออภัยอย่างยิ่ง ตอนนี้โรงเตี๊ยมของเรามีห้องว่างเหลือเพียงห้องเดียวเท่านั้น”“เหลือห้องเดียว?!”ฉงชูโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหันไปพูดกับฉินซูว่า “องค์… เอ่อ นายท่าน พวกเราไปหาโรงเตี๊ยมที่อื่นกันเถิด”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย กำลังจะหันหลังกลับแต่ในเวลานั้น เจ้าของโรงเตี๊ยมก็เตือนว่า “ท่านทั้งสอง บอกตามตรง ตอนนี้โรงเตี๊ยมในเมืองนี้ส่วนใหญ่ก็เต็มหมดแล้ว”ฉงชูโม่มิเชื่อเลยสักนิด เยาะเย้ยว่า “เจ้าหลอกใครกัน เมืองนี้มีขนาดเท่านี้ โรงเตี๊ยมก็ต้องมีอย่างน้อยแปดหรือสิบแห่ง แค่นี้ก็เต็มแล้วงั้นหรือ?”เจ้าของโรเตี๊ยมพูดอย่างจริงจังว่า “ท่านมิทราบ ทางราชสำนักได้ส่งข่าวมาว่า องค์จักรพรรดิจะรวมเหล่าบัณฑิตทั่วแคว้นมาสักการะขงจื๊อในวันผู้สูงอายุ”“ดังนั้น บัณฑิตจากบริเวณใกล้เคียงก็เลยมาที่นี่ทั้งหมด แล้วยังมีคนจากสำนักบู๊ลิ้มบางส่วน พวกเขาก็มาพักที่เมืองอวี๋หางของเราด้วยเช่นกัน”“มิใช่ข้าจะคุยโม้ ทว่าหากมาช้ากว่านี้อีกนิด ห้องพักที่ดีที่สุดห้องสุดท้ายของเราก็จะไม่มีเหลือแล้ว”เขายังพูดมิทันจบ ก็มีชายหนุ่มสองคนสวมชุดบัณฑิตเดินเข้ามาจากนอกประตู
“ฟิ้ว!”ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมคมแหวกผ่านอากาศ ลูกธนูแหลมคมพุ่งตรงเข้ามาจากนอกหน้าต่างราวกับสายฟ้าม่านตาของฉงชูโม่หดตัวเล็กน้อย มือเรียวดั่งหยกยื่นออกไปคว้าลูกธนูที่พุ่งเข้ามาไว้ในมือทันที!นางขว้างลูกธนูกลับไปเพียงชั่วพริบตา เสียงร้องโหยหวนก็ดังมาจากภายนอกทันใดนั้น ก็มีคนตะโกนว่า “แย่แล้ว ถูกจับได้ หนีเร็ว!”ฉงชูโม่ยิ้มเย็นชาและพูดกับฉินซู “ท่านอยู่ที่นี่เงียบ ๆ อย่าออกมา”หลังจากที่นางพูดจบ นางก็คว้าดาบยาวขึ้นมา พลันกระโดดข้ามหน้าต่างออกไปด้วยความคล่องแคล่วราวกับมังกรทะลวงประตูเมื่อเห็นสิ่งนี้ฉินซูได้แต่ส่ายหน้าอย่างช่วยมิได้และพูดว่า “แม้จะเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่ง แต่ยังไร้ประสบการณ์ในยุทธภพนัก มองมิออกด้วยซ้ำว่านี่เป็นแผนล่อเสือออกจากถ้ำ”และเป็นเช่นนั้นจริง ๆมินานหลังจากที่ฉงชูโม่ออกไป ร่างสองร่างก็พุ่งเข้ามาจากนอกหน้าต่างอย่างว่องไว!เป็นคนชุดดำสองคน แม้ว่าจะปิดหน้าไว้ แต่แววตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร!ฉินซูเพียงแค่เหลือบมองพวกเขาด้วยแววตาเรียบเฉย และถามอย่างมิใส่ใจว่า “มีเพียงพวกเจ้าสองคนเองรึ?”หนึ่งในนั้นหัวเราะเยาะ “ฮ่าฮ่า องค์รัชทายาท ทรงกล้าหาญมากจริ
“แกร๊ง!”ดาบใหญ่เล่มนั้นหักเป็นชิ้น ๆ ร่างของเขาปลิวออกไปเหมือนกับว่าวป่านขาดก่อนที่เขาจะตกถึงพื้น เขาก็กระอักเลือดออกมาหลายคำเมื่อร่างกระแทกพื้น เขาก็สิ้นใจไปแล้ว!ฉงชูโม่มิรีรอ พลันกระโดดขึ้นไปในอากาศ ชักดาบคมกริบออกจากฝัก!“ฟึ่บ!”แสงเย็นวาบผ่าน ปราณแห่งดาบอันแหลมคมหลายสายพุ่งตรงไปยังคนชุดดำเหล่านั้น“อ๊าก!!”หลังจากกรีดร้องดังขึ้นหลายครั้ง คนชุดดำเหล่านั้นก็ล้มลงไปกองกับพื้นทั้งหมด!ที่ขาของพวกเขามีรูเลือดอยู่ เลือดสดไหลออกมาอย่างควบคุมมิได้ฉงชูโม่ยกดาบคมกริบของนางขึ้น และถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “บอกมา! ใครส่งพวกเจ้ามา?”คนชุดดำคนหนึ่งทนความเจ็บปวดและตะเบ็งเสียงออกมาว่า “จะฆ่าก็ฆ่าเลย ไยต้องพูดให้มากความ!”“คิดว่าข้ามิกล้าฆ่าเจ้ารึ!”ฉงชูโม่ยกดาบขึ้นและฟันลงไป ศีรษะของคนที่เพิ่งพูดเมื่อครู่ก็กลิ้งไปกับพื้นทันที!เมื่อคนอื่นเห็นสิ่งนี้ คนที่เหลือก็ต่างหวาดกลัวพวกเขามิคาดคิดว่า ฉงชูโม่ที่เป็นเพียงสตรีจะมีความเด็ดขาด และฆ่าคนโดยมิลังเลเช่นนี้ฉงชูโม่จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยเสียงเย็น “ข้าจะถามเป็นครั้งสุดท้าย บอกข้ามาใครอยู่เบื้องหลังพวกเจ้า มิเช่นนั้นก
หวังฉือกล่าวด้วยความจริงจัง "ข้ากังวลว่า หลังจากที่องค์รัชทายาทเสด็จกลับมา องค์จักรพรรดิจะทรงกดดันพระองค์หนักขึ้น!"เนี่ยหงโบกมือ "พูดตอนนี้ยังเร็วเกินไป บางทีช่วงนี้องค์รัชทายาทอาจจะสร้างความดีความชอบมากมาย จนองค์จักรพรรดิทรงพอพระทัยแล้วก็เป็นได้!""ที่พูดก็มีเหตุผล เอาเถิด คอยดูว่าองค์จักรพรรดิจะทรงมีปฏิกิริยาอย่างไรหลังจากที่องค์รัชทายาทเสด็จกลับมา"......ในขณะเดียวกันภายในจวนอ๋องหนิงฉินเซียวถามองครักษ์ข้างกาย "อวี๋เฟิงไปไหน เหตุใดยังมิกลับมา?"องครักษ์กล่าวอย่างนอบน้อม "ทูลท่านอ๋องหนิง อวี๋เฟิงลาพักผ่อนสองสามวัน บอกว่ามีธุระกลับบ้านเกิด ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว เกรงว่าเขาจะกลับไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ""เช่นนั้นหรือ แล้วตอนนี้ข้างนอกมีความเคลื่อนไหวใดบ้าง?""ทูลท่านอ๋องหนิง บ่ายวันนี้ ถ้อยคำหมิ่นเบื้องสูงแพร่กระจายไปทั่วโรงเหล้า โรงน้ำชา บัดนี้ทุกที่ที่ผู้คนพลุกพล่านในหลงเฉิง ต่างก็พูดถึงเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ"ฉินเซียวเผยรอยยิ้มอย่างผู้มีชัย "ดีมาก กลยุทธ์ของหมู่เฟยนั้นช่างเยี่ยมยอด ทำเช่นนี้ จดหมายขององค์รัชทายาทก็เป็นเพียงเศษกระดาษ มิอาจเป็นภัยต่อข้าได้อีก!"พูดจบก็สั่งองครักษ์ "เจ้าจงไ
หวังฉือเพิ่งกินอาหารเย็นเสร็จ กำลังจะกลับไปที่ห้องตำราในขณะนั้นคนรับใช้ก็มารายงานว่า "ใต้เท้าหวัง ท่านเสนาธิการหลิวมาขอพบ บอกว่ามีเรื่องด่วนขอรับ""หลิวเว่ยมาหรือ? เชิญเขาเข้ามาเร็ว""ขอรับ!"ครู่ต่อมา หลิวเว่ยก็เดินพรวดพราดเข้ามา "ใต้เท้าหวัง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เมื่อครู่ศาลต้าหลี่ของเราได้รับจดหมายนิรนาม เนื้อความดูหมิ่นเบื้องสูง ข้าน้อยมิกล้าตัดสินใจเอง จึงต้องมาปรึกษาท่าน"เขาพูดพลางยื่นจดหมายให้หวังฉือกวาดตาอ่านพร้อมด้วยสีหน้าตกตะลึง!"เหลวไหล เมืองหลวงอยู่ใต้พระบาทองค์จักรพรรดิ ยังมีคนกล้าพูดจาบจ้วงเช่นนี้ คนส่งจดหมายเป็นใครกัน?""มิเห็นตัวคน เพียงแต่ถ้อยความหมิ่นเบื้องสูงเช่นนี้ หากมิระวังอาจจะถูกบั่นคอได้ ใต้เท้าหวัง ท่านคิดว่าใครเป็นคนทำ?"หวังฉือหรี่ตาลง กล่าวว่า "ช่วงนี้ในราชสำนัก องค์รัชทายาทกำลังตกเป็นจุดสนใจ เกรงว่าจะมีคนใช้เรื่องนี้ใส่ร้ายพระองค์ มิได้การ ข้าต้องไปหาเนี่ยหงที่สำนักผู้ตรวจการ"พูดจบเขาก็รีบร้อนออกจากประตูไปแต่เมื่อถึงหน้าประตูจวน ก็เห็นเนี่ยหงเดินมาอย่างรีบร้อน"ใต้เท้าเนี่ย ข้ากำลังจะไปหาท่านพอดี ท่านมาได้อย่างไร?"เนี่ยหงกล่าวด้วยสีหน้าเค
อาจารย์สอนหนังสือทั้งสามคนตกใจจนแทบสิ้นสติ ขาอ่อนทรุดลงกับพื้น!เห็นดาบกำลังจะฟันลงบนร่างพวกเขาแต่ในขณะนั้นเอง เสียงแหวกอากาศแหลมคมก็ดังขึ้น'ฟิ้ว!'ลูกธนูแหวกอากาศอย่างรวดเร็ว ปักเข้าที่หน้าอกของอวี๋เฟิงอย่างแม่นยำ!ร่างของอวี๋เฟิงไหวเอน หันกลับไปมองอย่างยากลำบากเห็นเพียงข้างหลังมิไกล อ้ายเถียนง้างธนูยิงออกมาอีกดอก!หลังจากอวี๋เฟิงถูกยิงอีกดอก ก็ล้มลงกับพื้น พลันสิ้นใจทันใด!เมื่อเห็นดังนั้น อาจารย์สอนหนังสือทั้งสามก็คุกเข่าลงกับพื้น ขอบคุณฉินเหยี่ยนและพรรคพวก"ขอบพระคุณท่านวีรบุรุษที่ช่วยชีวิต ขอบพระคุณท่านวีรบุรุษที่ช่วยชีวิต!"ฉินเหยี่ยนโบกมือ ถามเสียงเรียบ "บอกมา เหตุใดอ๋องหนิงจึงส่งคนมาสังหารพวกเจ้า?""เอ่อ..."อาจารย์สอนหนังสือทั้งสามมองหน้ากัน มีความกังวลฉินเหยี่ยนคำราม "ตัวข้าช่วยพวกเจ้าได้ ก็ฆ่าพวกเจ้าได้ บอกความจริงมา!"เมื่อเห็นฉินเหยี่ยนเรียกแทนตัวว่า 'ตัวข้า’ ทั้งสามก็เข้าใจในทันใดว่า คนตรงหน้าคือองค์ชาย!จึงรีบเล่าเรื่องการเลียนแบบลายมือ คัดลอกจดหมายให้แก่อ๋องหนิงจนหมดเปลือกเมื่อรู้ว่าจดหมายที่คัดลอกเป็นถ้อยความหมิ่นเบื้องสูง ฉินเหยี่ยนก็มีสีหน้าเคร่ง
"แต่ท่านอ๋อง..."ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฉินเซียวก็กล่าวแทรกขึ้นมาก่อน "มิคัดลอกก็ตาย พวกเจ้าเลือกเอาเอง!"เมื่อฉินเซียวพูดจบ องครักษ์หน้าประตูก็ชักดาบรบออกมาเมื่อได้ยินเสียงดาบแหลมคม นักปราชญ์ทั้งสามก็หน้าซีด ตัวอ่อนปวกเปียกทรุดลงกับพื้นฉินเซียวพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลง "ข้าเพียงต้องการให้พวกเจ้าเลียนแบบลายมือบนนั้นแล้วคัดลอกเท่านั้น อีกอย่างเรื่องนี้ก็มีแค่พวกเราที่รู้ ข้าจะมิแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป พวกเจ้าจะกลัวหาปะไร!""ที่สำคัญ ตราบใดที่พวกเจ้าทำตามที่ข้าบอก ทองเหล่านี้ก็จะเป็นของพวกเจ้า เมื่อมีเงินเหล่านี้ก็พอที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสุขสบาย หรือแม้แต่รับอนุภรรยาอีกสักสองสามคนก็ยังเหลือเฟือ พวกเจ้าจะลังเลกระไรเล่า?"เมื่อได้ยินฉินเซียวพูดเช่นนี้ พวกเขาทั้งสามก็มองหน้ากันแล้วพยักหน้า"พ่ะย่ะค่ะ พวกเราจะทำตามที่ท่านอ๋องบัญชา!""ดีมาก ใครก็ได้ จัดเตรียมพู่กันและหมึกให้ที!"จากนั้นอาจารย์สอนเขียนอักษรทั้งสามคนก็เลียนแบบลายมือบนจดหมายหลังจากผ่านไปครึ่งวัน พวกเขาก็เลียนแบบลายมือบนนั้นได้สำเร็จ คัดลอกออกมาคนละชุดฉินเซียวมองดูแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ "ดีมาก ลำบากพวกเจ้าแล้ว ทอง
เกาส่วงมิเข้าใจความหมายของฉินซู แต่ตอนนี้เขามิกล้าโกหกอีก จึงทำได้เพียงพยักหน้า"ตอนที่ข้าน้อยอยู่จวนอ๋องหนิง ข้าน้อยเป็นผู้ดูแลจวน ดังนั้นลายมือของอ๋องหนิง ข้าน้อยรู้จักดีพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูก็นำจดหมายที่ได้มาจากทั่วป๋าเฮ่าออกมา จากนั้นเขาก็แสดงให้ดูเพียงบางส่วน แล้วถามว่า "นี่ใช่ลายมือของฉินเซียวหรือไม่?"เกาส่วงมองดูแล้วตอบ "ใช่แน่ ๆ พ่ะย่ะค่ะ""ดีมาก!"ฉินซูพยักหน้าอย่างพอใจแล้วพูดกับสวีเซี่ยงเฉียนว่า "ดูแลพวกเขาให้ดี หากพวกเขาตาย เจ้าก็เอาหัวมาประเคนข้าได้เลย!"สวีเซี่ยงเฉียนจิตใจกระตุกวูบ รีบกล่าว "องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย รับรองว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!"เมื่อพูดจบ เขาก็เรียกให้ลูกน้องมัดเกาส่วงและคนอื่น ๆ เอาไว้ตงฟางไป๋สอบถาม "องค์รัชทายาท จะจัดการกับโจรป่าเหล่านี้อย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?"ฉินซูตั้งใจจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด แต่เมื่อใคร่ครวญแล้วก็กล่าวว่า "เจ้านำคนไปส่งยังที่ว่าการอำเภอเหยียนอัน ให้ผู้ว่าการอำเภอเอาตัวพวกมันไปตัดหัวประจานกลางตลาดเสีย"ถานเหวยกล่าวสรรเสริญ "องค์รัชทายาททรงพระปรีชาสามารถ ด้วยวิธีนี้ ยังทำให้พวกคนต่ำช้าที่มีใจคิดคดหวาด
ความรู้สึกเช่นนี้ทรมานเสียยิ่งกว่าความตายเพียงครู่เดียว คนชุดดำก็ถูกทรมานจนหน้าซีดเผือด เหงื่อเย็นเม็ดใหญ่ไหลลงมาตามแก้มมิหยุดและสิ่งที่ทำให้เขาทนมิได้มากที่สุดคือ บัดนี้เขาขยับร่างกายมิได้แม้แต่น้อย อยากจะเอื้อมมือไปเกาก็ทำมิได้เขาทนมิไหวอีกต่อไป รีบพูด "หยุด... ขอร้องหยุดเถิด ข้าน้อยจะพูด ข้าน้อยจะพูดทุกอย่าง รีบหยุดเถิด..."ฉินซูโบกมือ!เข็มเงินที่ปักอยู่ที่จุดเจียนอวี๋บนไหล่ของเขาก็บินกลับมาที่มือของตนหลังจากเข็มเงินหลุดออก คนชุดดำก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก และหายใจหอบหนัก"พูดมา หากเจ้ากล้าปดแม้แต่ครึ่งคำ ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองบทลงโทษที่โหดร้ายกว่านี้"เมื่อได้ยินฉินซูพูดเช่นนี้ คนชุดดำก็อกสั่นขวัญแขวน!เมื่อครู่เขายังรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นแล้ว เขามิกล้าลิ้มลองบทลงโทษที่โหดร้ายกว่านั้นเมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็รีบพูด "ข้าน้อย... ข้าน้อยเป็นหนึ่งในขันทีผู้ดูแลสำนักขันทีฝ่ายพิธีการ นามว่าเกาส่วง ได้รับคำสั่งจากพระสนมเสียนเฟยให้มาลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ"เกาส่วงกลัวว่าฉินซูจะทรมานเขาต่อไป จึงพูดหมดเปลือกเมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูหรี่ตาลงเล็กน้อย เลิกคิ้วถาม "สำน
'ฉึก!'เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างแผ่วเบา เข่าซ้ายของคนชุดดำถูกปราณดัชนีของฉินซูเจาะทะลุเลือดสีแดงสดพุ่งออกมา!และคนชุดดำก็เสียหลักทรุดลงไปสีหน้าเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ตะลึงจนพูดมิออก!หลังจากตั้งสติได้ เขาก็กระแทกฝ่ามือลงบนพื้น ร่างก็พุ่งออกไป!เขางอนิ้วทั้งสิบ มือทั้งสองราวกับกรงเล็บอินทรี จิกเข้าที่คอของฉินซูอย่างแรงด้วยปราณบริสุทธิ์อันแข็งแกร่ง นิ้วทั้งสิบของเขามีความแข็งแกร่งเทียบเท่าเหล็กกล้า!"แมลงหวังโค่นต้นไม้ใหญ่ มิเจียมตัว!"ฉินซูหัวเราะเยาะ ยื่นมือออกไป จับข้อมือของคนชุดดำไว้ได้อย่างรวดเร็วจากนั้นก็ออกแรงอย่างรุนแรง!'กร๊อบ กร๊อบ!'หลังจากเสียงดังกรอบแกรบสองครั้ง กระดูกข้อมือของคนชุดดำก็แตก!กระดูกแหลมคมแทงทะลุเนื้อออกมา น่าขนลุกขนพอง"อ๊าก! มือข้า!!"คนชุดดำร้องโหยหวน หลังจากตั้งสติได้ เขาก็พูดด้วยเสียงสั่นเครือ "ท่าน ท่านเป็นผู้มีพลังระดับสวรรค์จริง ๆ!"เหตุผลที่เขาพูดเช่นนี้เป็นเพราะเขาเองเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงสุดพลังระดับนี้ แต่กลับไร้แรงต่อต้านเมื่อเผชิญหน้ากับฉินซู นี่แสดงให้เห็นว่า พลังของฉินซูแข็งแกร่งกว่าระดับปฐพี นั่นก็คือระดับสวรรค์
ในขณะนั้นเสียงของฉินซูก็ดังมาจากป่าข้าง ๆ"ไว้ชีวิต!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดาบที่พวกตงฟางโซ่วสองคนฟันลงมาครึ่งทางก็หยุดชะงักคนชุดดำทั้งสองก็ตกใจจนเหงื่อเย็นเยียบไหลรินออกมา ราวกับได้เดินผ่านประตูนรกสวีเซี่ยงเฉียนพูดกับตงฟางโซ่ว "เจ้าเฝ้าพวกมันไว้ ข้าจะไปช่วยองค์รัชทายาท!""มิต้อง องค์รัชทายาทมียอดฝีมือช่วยเหลืออยู่ วรยุทธ์ของเราเข้าไปก็มีแต่จะสร้างความวุ่นวายเปล่า ๆ คอยคุ้มครองพวกใต้เท้าเซี่ยเถิด""ก็ได้ ข้าอยากจะเห็นเหมือนกันว่า ใครกันที่บังอาจลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาท!"สวีเซี่ยงเฉียนพูดจบ ก็เอื้อมมือไปดึงผ้าปิดหน้าของคนชุดดำทั้งสองออกและได้เห็นว่าคนทั้งสองมีใบหน้าขาวสะอาด ไม่มีหนวดเครา ลักษณะอ้อนแอ้นเหมือนสตรีเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของคนทั้งสอง สวีเซี่ยงเฉียนก็ชะงักไปเขายื่นมือไปจับที่เป้าของคนทั้งสอง จากนั้นก็อุทาน "ให้ตายสิ พวกเจ้าเป็นขันทีจากสำนักขันทีฝ่ายพิธีการ!!"เมื่อครู่เขายังรู้สึกว่าคนทั้งสองคุ้นหน้ามาก รู้สึกเหมือนเคยเจอที่ใดมาก่อนยามนี้เมื่อรู้ว่าคนทั้งสองเป็นขันที เขาก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าเคยเจอพวกเขาที่สำนักขันทีฝ่ายพิธีการขันทีจากสำนักขันทีฝ่ายพิธีการก
"น้องสอง สวีเซี่ยงเฉียน พวกเจ้าสองคนอยู่คุ้มครององค์รัชทายาทและพวกใต้เท้าถาน ส่วนที่เหลือตามข้ามา!"ตงฟางไป๋พูดจบ ก็ยกดาบรบขึ้นฟ้า นำหน้าพุ่งเข้าโรมรันหลังจากพุ่งเข้าไปในกลุ่มศัตรู ดาบรบในมือของเขาก็ฟาดฟันอย่างรุนแรง ฟันคนไปหลายคนราวกับผ่าแตงคนอื่น ๆ ก็ตามเข้าไปต่อสู้กับโจรป่าที่บ้าคลั่งเหล่านี้แม้ว่าวรยุทธ์ของโจรป่าเหล่านี้จะมิแข็งแกร่งนัก แต่ก็มีจำนวนมากแม้ตงฟางไป๋กล้าหาญถึงเพียงนี้ แต่ก็มิสามารถฆ่าพวกมันให้หมดได้ในคราวเดียวตงฟางโซ่วและสวีเซี่ยงเฉียนที่เฝ้าอยู่หน้ารถม้า จ้องมองการต่อสู้อย่างมิกะพริบตา ดาบรบในมือของพวกเขาพร้อมที่จะฟาดฟันได้ทุกเมื่อในขณะที่การต่อสู้กำลังดุเดือด จู่ ๆ ก็มีร่างคนสองร่างพุ่งออกมาจากป่าข้าง ๆ !ทั้งสองปิดหน้า สวมชุดดำ คนหนึ่งกระโดดเข้ามา โจมตีฉินซูที่อยู่ข้างรถม้า"บังอาจนักเจ้าพวกโจร!!"ตงฟางโซ่วคำราม พลันกระทืบเท้ากับพื้น ร่างพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่สวีเซี่ยงเฉียนก็มิยอมแพ้ โบกดาบรบในมือใส่ชายชุดดำอีกคนในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้ตะลุมบอนกับคนชุดดำ ร่างหนึ่งก็พุ่งออกมาจากราวป่าหลังจากปรากฏตัว เท้าทั้งสองของเขาก็เหยียบหินก้อนใหญ่ข้า