แชร์

บทที่ 131

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
คนนี้มิใช่ใครอื่น นอกจากลูกน้องของหูก่วงเผิงที่ชื่อหวังอู่

“ว่ามา คุณชายของเจ้าตอนนี้อยู่ที่ใด?”

หวังอู่กัดฟันแน่น ส่ายหัวมิหยุด

“มิพูดใช่หรือไม่? ดีมาก ข้าจะดูว่าเจ้าจะปากแข็งได้นานแค่ไหน”

ฉงชูโม่แสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย ยกเท้าขึ้นอีกครั้ง

หวังอู่ตกใจกลัว รีบพูดว่า “ท่านจอมยุทธหญิงโปรดไว้ชีวิต ไว้ชีวิตด้วย คุณชายของพวกเราอยู่ที่โรงเตี๊ยมที่ท่านพักอาศัย รอให้พวกท่านถูกพิษสลบแล้วจะพังประตูเข้ามา…”

“ดีเลย จะได้มิต้องไปหาเขาที่จวนผู้ว่าการมณฑล!”

ได้ยินคำพูดของฉงชูโม่ หวังอู่ถึงกับตกตะลึง

เขาประหลาดใจมากว่า เหตุใดอีกฝ่ายถึงกล้าหาญเพียงนี้ ทั้งที่รู้ว่าหูก่วงเผิงเป็นบุตรชายของผู้ว่าการมณฑล แต่ยังกล้าที่จะต่อต้าน

ฉงชูโม่เตะด้วยขาเพียงครั้งเดียว หวังอู่ก็เหมือนว่าวที่เชือกป่านขาด พลันลอยละลิ่วออกไป

จากนั้นก็ตกลงมาจากชั้นสามของโรงน้ำชา มิรู้ว่าเป็นหรือตาย

ฉงชูโม่ก็ก็เคลื่อนไหวร่างกาย เหาะกลับไปที่โรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกัน

ประตูห้องที่ฉินซูอยู่นั้นก็ถูกคนข้างนอกเตะจนเปิดออก

ชายร่างใหญ่หลายคนกระโดดเข้ามา

ผู้นำมิใช่ใครอื่นนอกจากหูก่วงเผิง!

เขาเพิ่งเข้ามา ก็เห็นฉินซูที่ยังก
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 132

    หนึ่งในนั้นตะโกนเสียงเข้มว่า “เจ้าอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม คุณชายของเราเป็นบุตรชายคนเดียวของผู้ว่าการหูโจว หากเขาเป็นอะไรไป เจ้ามีชีวิตอีกร้อยชีวิตก็ยังชดใช้มิพอ!”“งั้นก็ลองดูสิ!”ฉงชูโม่หน้าเปลี่ยนสีและกำลังจะลงมือทันใดนั้น ฉินซูก็ลุกขึ้นยืนและโบกมือว่า “ชูโม่ ช่างเถอะ อย่าฆ่าเขาเลย!”ฉงชูโม่ขมวดคิ้วและถามด้วยความสับสน “เขาหาเรื่องเรามาหลายครั้งแล้ว แถมยังวางยาพิษอีก เหตุใดต้องปล่อยเขาไปง่าย ๆ เช่นนี้?”ก่อนที่ฉินซูจะตอบ หูก่วงเผิงก็ฝืนความเจ็บปวดและพูดขึ้นก่อนว่า “เจ้าหนู ตอนนี้รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วใช่หรือไม่? สายไปแล้ว! ข้าบอกเจ้าไว้เลย เรื่องนี้ยังมิจบ พวกเจ้าสองคนเตรียมตัวติดคุกได้เลย รอข้าหายดีก่อนเถอะ ข้าจะคิดบัญชีกับพวกเจ้าทีละเรื่อง!”ฉินซูพูดอย่างมิใส่ใจว่า “ฆ่าคนก็แค่ตัดหัว ทว่าหากปล่อยให้เจ้าตายง่าย ๆ เช่นนั้นก็คงเสียเปล่า”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของหูก่วงเผิงก็จมดิ่งลง และลางสังหรณ์ที่มิดีก็ผุดขึ้นมาฉินซูพยักหน้าไปทางฉงชูโม่ แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ไว้ชีวิตสุนัขอย่างเขา ให้เขาได้ลิ้มรสชาติของการเป็นขันทีเถอะ”ฉงชูโม่ยิ้มและพยักหน้า มองไปที่หูก่วงเผิงด้วยสายตาเย็นชาร่างก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 133

    ฉินซูอดมิได้ที่จะยิ้มออกมา ฉงชูโม่เมื่อครู่นี้ช่างน่ารักเสียจริงหลังจากที่ฉงชูโม่กลับไปที่ห้องแล้ว สีหน้าของนางก็เริ่มซับซ้อนขึ้นเมื่อนึกถึงฉากที่นางจูบกับฉินซูเมื่อครู่ ความคิดของนางก็เริ่มสับสนวุ่นวาย“หรือว่า... ข้าชอบฉินซูเข้าแล้ว? มิใช่ มิใช่ แน่นอนว่ามิใช่แบบนั้น...”ฉงชูโม่รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว เพื่อสลัดความคิดแปลก ๆ นี้ออกไปจากหัวของนาง……ภายในจวนผู้ว่าการมณฑลชายวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบปี กำลังจิบชาอยู่ในห้องโถงใหญ่บุคคลผู้นี้คือผู้ว่าการมณฑลหลงโย่ว หูเฟิงทันใดนั้น คนรับใช้คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรน“นายท่าน นายท่าน มิดีแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”หูเฟิงทำหน้าเคร่ง แล้วดุว่า “มีเรื่องอะไรต้องตะโกนโวยวาย เสียกิริยา!”“นายท่าน คุณชายโดนคนทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่กับหมอหลี่ที่ข้างจวนขอรับ!”“ว่ากระไรนะ?!”หูเฟิงลุกขึ้นยืนทันที แล้วรีบก้าวออกจากประตู มุ่งหน้าไปยังโรงหมอข้างบ้านเมื่อมาถึงโรงหมอ เขาถามชายชราผมหงอกคนหนึ่งว่า “หมอหลี่ ลูกชายข้า ก่วงเผิง เขาเป็นอย่างไรบ้าง?”“ใต้เท้าหู นี่… เอ่อ…”หมอหลี่ถอนหายใจแล้วส่ายหัวหูเฟิงร้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 134

    เมื่อหูเฟิงสั่งการ พวกผู้ตรวจการและเจ้าหน้าที่ก็รีบเร่งเข้าไปในโรงเตี๊ยมซุ่นเฟิงอย่างรวดเร็วเจ้าของโรงเตี๊ยมถูกพวกเขาเตะจนล้มลงไปกองกับพื้นเห็นพวกเขามาด้วยท่าทีดุร้าย เสี่ยวเอ้อร์และลูกค้าในโรงเตี๊ยมต่างก็หลีกทางให้ ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวภายในห้องพักชั้นสามฉงชูโม่มาถึงหน้าห้องของฉินซู เคาะประตู แล้วตะโกนว่า “องค์รัชทายาท มีคนมาแล้ว”“โอ้ ข้ากำลังอาบน้ำ เจ้าไปรับมือแทนก่อน”เมื่อได้ยินคำพูดของฉินซู หน้าผากของฉงชูโม่ก็เผยความมิพอใจในเวลานี้ มีเสียงโกรธดังมาจากทางเดิน “เป็นนาง เป็นนางสารเลวนั่น!”เมื่อเห็นดังนั้น หัวหน้าผู้ตรวจการขมวดคิ้วทันทีและถามว่า “มิใช่หรอกกระมัง? เป็นนางที่ทำร้ายลูกชายของท่านผู้ว่าการมณฑลหูอย่างนั้นหรือ?”“ใช่แล้ว เป็นนาง นางยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอีกคน ตอนนี้น่าจะยังอยู่ในห้อง หัวหน้าผู้ตรวจการหลิว นางผู้นี้มีฝีมือมิธรรมดา ท่านอย่าประมาท รีบนำคนไปจัดการพร้อมกันเถอะ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวหน้าผู้ตรวจการหลิวก็ตะโกนออกมาทันที “นางแม่มด เจ้ากล้าทำร้ายบุตรชายของผู้ว่าการมณฑลหู ยังมิรีบมามอบตัวอีก!”ฉงชูโม่แสยะยิ้มอย่างดูถูกแล้วถามว่า “แล้วหูเฟิงอยู

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 135

    เมื่อได้ยินเสียงนี้ หูเฟิงก็ตกตะลึงทันที รู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นเคยในขณะที่เขากำลังตกใจ ฉินซูก็เดินลงมาพร้อมกับมือไขว้หลัง แล้วยิ้มอย่างมิยิ้มด้านหลังเขา ฉงชูโม่ก็เดินตามมาติด ๆหัวหน้าผู้ตรวจการหลิวชี้นิ้วไปที่ฉินซูและฉงชูโม่แล้วพูดว่า “ผู้ว่าการมณฑล นางเป็นแม่มด คนผู้นี้ต้องเป็นพวกเดียวกับนางแม่มดนี่ ท่านรีบ…”ก่อนที่เขาจะพูดจบ หูเฟิงก็เตะเขาล้มลงกับพื้น!หัวหน้าผู้ตรวจการหลิวถึงกับงงทันที ถามด้วยความสับสนว่า “ผู้ว่าการมณฑล ท่านเตะข้าด้วยเหตุใดเล่า?”เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของหูเฟิงดูแย่ยิ่งกว่ากินแมลงวันเสียอีกเขางอเข่าลง “ตุ้บ” คุกเข่าลงต่อหน้าฉินซูทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “ข้าน้อยหูเฟิง ขอถวายบังคมองค์รัชทายาท เมื่อครู่ลูกน้องได้ล่วงเกิน ขอองค์ชายทรงเมตตา ประทานอภัยให้พวกเราด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”“หา?! นี่… นี่เป็นองค์รัชทายาทหรือ?!”หัวหน้าผู้ตรวจการหลิวและคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึงเมื่อได้สติ พวกเขาก็ซวนเซและคุกเข่าลงเป็นแถวฉินซูมองหูเฟิงด้วยสายตาเย็นชา พูดด้วยความสนใจว่า “หูเฟิง เจ้าพาคนมากมากมายถึงเพียงนี้ ตั้งใจจะลอบสังหารข้ารึ?”หูเฟิงใจหายวาบ เหงื่อเย็นไหลอาบหน้า ส

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 136

    เสี่ยวเอ้อร์เดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และกล่าวว่า “เถ้าแก่ วันนี้แขกที่ห้องพิเศษชั้นสามมีเรื่องทะเลาะกับลูกชายของผู้ว่าการมณฑลหู ผู้ว่าการมณฑลหูคงจะมาที่นี่เพราะเรื่องนี้แน่ ๆ”“ถ้าอย่างนั้น แขกสองคนนั้นคงมิใช่คนธรรมดาแล้วกระมัง?”“คงมิใช่คนธรรมดา พวกเขาดูเหมือนมีบุคลิกของความสูงศักดิ์โดยกำเนิด โดยเฉพาะคุณชายผู้นั้น หน้าตาหล่อเหลา ผิวพรรณดี ดูก็รู้ว่าเป็นคนมีบุญวาสนา”เถ้าแก่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เร็วเข้า รีบไปเอาโสมป่าอายุร้อยปีของข้ามา เดี๋ยวข้าจะไปคารวะแขกผู้สูงศักดิ์สองท่านนี้!”เห็นเถ้าแก่ดูร้อนรน เสี่ยวเอ้อร์ก็รีบเตือนว่า “เถ้าแก่ ตอนนี้ดึกแล้ว ไปรบกวนโดยพลการเกรงว่าจะทำให้แขกมิพอใจ ไฉนมิรอไปคารวะวันพรุ่งตอนส่งอาหารไปให้แขกเล่าขอรับ!”เถ้าแก่พยักหน้าเห็นด้วย และกล่าวชมเชย “นี่ เจ้านี่มันฉลาดจริง ๆ เดือนนี้ข้าจะเพิ่มเงินเดือนให้เจ้าเป็นสองเท่า!”“ขอบคุณเถ้าแก่ ขอบคุณเถ้าแก่ขอรับ!”เสี่ยวเอ้อร์ยิ้มแก้มปริด้วยความดีใจ“ทุกท่าน แยกย้ายกันไปได้แล้ว อย่ามารบกวนแขกผู้มีเกียรติของเรา”เถ้าแก่โบกมือไปยังทุกคน พร้อมกับออกคำสั่งไล่แขกเมื่อฝูงชนสลายตัวไป เขาจึงปิดประตูร้านและ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 137

    หูก่วงเผิงอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างมิอยากจะเชื่อ “ว่า ว่ากระไรนะ? องค์รัชทายาท?! ท่านพ่อ ท่านจำคนผิดหรือไม่? คนผู้นั้นจะเป็นองค์รัชทายาทได้อย่างไร?”“ข้าก็อยากจะจำผิดเหมือนกัน ตอนต้นปีก่อนที่ข้าไปเมืองหลวง ข้าเคยเห็นองค์รัชทายาทในห้องทรงพระอักษร แถมยังมิใช่แค่ครั้งเดียว ข้าจะจำผิดได้อย่างไร! เจ้าลูกอกตัญญู คนอื่นตั้งมากมายเจ้ามิไปหาเรื่อง ดันไปหาเรื่ององค์รัชทายาท เจ้าว่าตอนนี้จะทำอย่างไรดี? บอกข้ามาสิ!”“ข้า… ฮือ ๆ จบแล้ว องค์รัชทายาทต้องมิปล่อยข้าไปแน่ ท่านพ่อ ข้ามิอยากตาย ท่านรีบคิดหาวิธีหน่อย ข้ามิอยากตาย”“ตอนนี้รู้จักร้องไห้แล้วหรือ? ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกเจ้าให้รู้จักยับยั้งชั่งใจบ้าง เจ้ากลับเอาคำพูดของข้าไปทิ้งหูซ้ายทะลุหูขวา เจ้าลูกมิรักดี กล้าแม้กระทั่งวางยาพิษองค์รัชทายาท หากองค์รัชทายาทเอาเรื่องขึ้นมา นี่มันเป็นความผิดร้ายแรงถึงขึ้นประหารเก้าชั่วโคตร ตระกูลหูของเราต้องถูกเจ้าทำลายจนย่อยยับ”หูเฟิงทุบอกตบเท้า ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหล“ฮือ ๆ ท่านพ่อ ลูกสำนึกผิดแล้ว ช่วยหาวิธีหน่อยเถอะ ถ้าลูกตายไป ตระกูลหูของเราก็จะสิ้นสูญแล้ว!”หูเฟิงพึมพำด้วยความเศร้าโศกว่า “ต่อให้เจ้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 138

    เมื่อได้ยินคำพูดของหูก่วงเผิง สีหน้าของหูเฟิงก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความโหดเหี้ยมแววตาของเขาเป็นประกายอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็พยักหน้าอย่างแน่วแน่!“เจ้ารักษาตัวให้หายดี เดี๋ยวเรื่องนี้พ่อจะจัดการเอง!”หลังจากพูดจบ หูเฟิงก็หันไปกำชับเม่ยเหนียงว่า “สิ่งที่ก่วงเผิงพูดเมื่อครู่นี้ เจ้าจำไว้ว่าอย่าแพร่งพรายออกไปแม้แต่คำเดียว มิเช่นนั้นตระกูลหูของเราจะต้องเผชิญกับหายนะ”ใบหน้างดงามของเม่ยเหนียงซีดเผือด รีบส่ายหัว “นายท่าน เมื่อครู่นี้ข้ามิได้ยินอะไรเลย และจะมิพูดอะไรออกไปอย่างแน่นอน”“เช่นนั้นก็ดี เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เจ้ากลับไปพักผ่อนให้สบาย เลี้ยงดูลูกในท้องให้ดี คลอดลูกชายอ้วนท้วนสมบูรณ์ให้ข้า”เม่ยเหนียงพยักหน้าซ้ำ ๆ แล้วรีบออกไปหูเฟิงเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ แล้วถามจางเฉวียนว่า “คนของสำนักเบญจพิษ พักอยู่ที่ใด?”“ผู้ว่าการมณฑล พวกเขาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมสี่เยวี่ย อยู่มิไกลจากที่นี่ขอรับ”“ไป เชิญพวกเขามาที่นี่ รีบไป!”“ข้าน้อยรับคำสั่งขอรับ!”จางเฉวียนรับคำสั่งด้วยความเคารพ แล้วรีบออกไปสองเค่อต่อมาจางเฉวียนก็กลับมา!มีชายหลายคนสวมเสื้อคลุมสีดำเดินตามหลังเขาชายเหล่านี้มีส

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 139

    “ท่านรองเจ้าสำนักเฝิง ขอถามว่าท่านรับคำสั่งจากใคร?”“ใต้เท้าหู สิ่งที่มิควรถามก็อย่าถาม ท่านเพียงแค่ต้องรู้ว่า ผู้ที่สามารถทำให้สำนักเบญจพิษของเราสยบยอมได้ ย่อมมีสถานะที่มิธรรมดา”หูเฟิงครุ่นคิดเล็กน้อย ก็เดาได้ว่าคนที่สำนักเบญจพิษรับคำสั่ง คงเป็นหนึ่งในบรรดาองค์ชายหลาย ๆ พระองค์ มิเช่นนั้น ใครจะกล้าบังอาจมาลอบสังหารองค์รัชทายาทกัน!เขาพูดอย่างช้า ๆ ว่า “ข้าเข้าใจแล้ว แล้วมิทราบว่า พวกท่านวางแผนจะลงมือเมื่อใด?”“เร็วที่สุดก็ต้องรอวันพรุ่ง คนของเรายังมามิครบ”“เช่นนั้น ทางการจะต้องให้ความร่วมมืออย่างไร ท่านบอกมาได้เลย”เฝิงไป่จงลูบคางแล้วพูดว่า “ตอนแรก พวกเราก็ลังเลว่าจะลงมือตรง ๆ เลยดีหรือไม่ แต่ในเมื่อใต้เท้าหูจะเข้าร่วมด้วย เช่นนั้นก็…”เขาโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูของหูเฟิงเบา ๆ สองสามประโยคหูเฟิงเบิกตากว้าง แล้วก็ตบต้นขาตัวเองดังลั่น!“ดี! ทำตามนี้เลย! ถึงเวลาหากความแตกขึ้นมา ข้าก็มีข้อแก้ตัวแล้ว!”“หากใต้เท้าหูตกลง วันพรุ่งข้าจะส่งคนมาแจ้งข่าว แต่ข้าขอพูดให้ชัดเจนก่อน หากใต้เท้าหูคิดหักหลังพวกเรา ถึงองค์รัชทายาทจะมิฆ่าท่าน พวกเราสำนักเบญจพิษก็จะมิปล่อยท่านไปแน่”“ท่าน

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 712

    เซี่ยหลานตกใจลนลาน รีบแก้ตัวว่า “มิใช่อย่างนั้น ชูโม่ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าจะกอดพระองค์ได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำกับข้าเช่นไร”ฉงชูโม่จึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยหลานเคยถูกฉินซูฉีกอาภรณ์และทำให้อับอายนางจึงคลายความสงสัยในใจ “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง จะตกใจไปไยเล่า”“หึ กล้าล้อข้ารึ ข้ามิคุยกับเจ้าแล้ว” เซี่ยหลานแสร้งทำเป็นโกรธแล้วหันหลังเดินไปฉงชูโม่เห็นดังนั้นจึงรีบตามไป “เซี่ยหลาน ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าใจน้อยนักเลย”มองดูทั้งสองคนที่ทำราวกับว่าตนเป็นอากาศธาตุ ฉินซูก็จนคำจะกล่าวโชคดีที่ในเวลานั้นหลินชิงเหยาเดินเข้ามานางคล้องแขนฉินซูพลางกล่าวด้วยความนัยลึกซึ้งว่า “องค์รัชทายาท อากาศหนาวเย็นเช่นนี้อย่าประทับอยู่ข้างนอกเลยเพคะ ข้างนอกแม้จะเย็น แต่ดีที่ตำหนักบูรพาของเรามีบ่อน้ำพุร้อน องค์รัชทายาทจะเสด็จลงไปแช่เพื่อคลายความหนาวเหน็บหรือไม่เพคะ?”“ไปสิ ไยจึงมิไป!”ฉินซูเข้าใจความหมายในทันที จึงจับมือหลินชิงเหยาแล้วรีบเข้าไปในโรงอาบน้ำอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นเขาก็ได้รำลึกถึงความหลังกับหลินชิงเหยาอีกครั้งในขณะเดียวกันเหลยเจิ้นได้รับพระบัญชาให้มายังห้องทรงอัก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 711

    “อืม เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้”ฉงชูโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คนที่สามารถสั่งการยอดฝีมือจากวังหลวงได้ ตำแหน่งของเขาต้องมิธรรมดาอย่างแน่นอน หากคนเช่นนั้นลอบให้การช่วยเหลืออ๋องฉู่ ก็อาจจะปิดบังสายตาของสำนักโหรหลวงได้จริง ๆ”ฉินซูยักไหล่อย่างจนใจ “ดูเหมือนว่าการจะสาวถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลังอ๋องฉู่จะเป็นเรื่องยาก”“ถูกต้องแล้วเพคะ ครั้งนี้อ๋องฉู่ก่อกบฏมิสำเร็จ ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น พวกเราคงจะจับจุดอ่อนของเขาได้ยากขึ้นด้วย” ฉงชูโม่เองก็รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง“ช่างเถอะ พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หากสืบสวนต่อไป เกรงว่าเสด็จพ่อจะทรงสงสัยว่าพวกเราสมคบคิดกันใส่ร้ายอ๋องฉู่”“แต่พวกเราจะปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ หรือเพคะ? ในเมื่อที่อ๋องฉู่ตั้งใจจะก่อกบฏก็เป็นเรื่องจริง”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มิอาจปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน สิ่งที่เราทำได้ในยามนี้คือรอ รอให้ฉินอวี่ทำผิดพลาดอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเมื่อเรื่องนี้ซาลงไปแล้ว เขาจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน เมื่อใดที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะต้องมีพิรุธเป็นแน่”ฉงชูโม่ถามว่า “ให้หม่อมฉ้นแอบจับตาดูเขาดีหรือไม่?”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 707

    ฉงชูโม่พยักหน้าหนักแน่น “ถูกต้องแล้วเพคะ เรื่องนี้มิใช่แค่ข้าน้อยคนเดียวที่เห็นกับตา ทหารทั้งสามทัพหลายนายก็เห็นเช่นกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอู๋ต้าวก็มิสู้ดีขึ้นมาทันตาอดีตองค์รัชทายาทสำมะเลเทเมาบัดนี้กลับสร้างคุณงามความดีครั้งยิ่งใหญ่ อีกทั้งวรยุทธ์ก็ยังลึกล้ำเกินหยั่งถึง นี่มัน… เกินความคาดหมายของเขาไปมาก!ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าเบื้องหลังฉินซูต้องมียอดฝีมือคอยชี้แนะแต่จากที่เห็นในเวลานี้ ยอดฝีมือที่ว่านั้น แท้จริงแล้วก็คือฉินซูเองกล่าวคือ ฉินซูมิเพียงแต่มีกลยุทธ์ที่เหนือชั้น แต่วรยุทธ์ก็ยังก้าวเข้าสู่ระดับที่น่าตกตะลึงซ้ำร้ายฉินซูยังจงใจปิดบังวรยุทธ์ของตนอีกด้วย!เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความระแวงที่ฉินอู๋ต้าวมีต่อฉินซูก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเห็นฉินอู๋ต้าวนิ่งอึ้งไป ฉงชูโม่ก็กล่าวต่ออย่างมีนัยแฝงว่า “ฝ่าบาท ข่าวลือเรื่ององค์รัชทายาททรงทักษะยอดเยี่ยม เกรงว่าอีกมินานคงจะแพร่สะพัดไปทั่วหลงเฉิงเพคะแต่ก็ดีเหมือนกันเพคะ เหล่าคนชั่วที่คิดจะลอบสังหารองค์รัชทายาทจะได้ประมาณตนก่อนจะลงมือ เช่นนี้แล้ว ก็จะได้มิต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยขององค์รัชทายาทให้มา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 706

    สวี่จิ้นเสนาบดีกรมโยธาธิการกล่าวว่า “องค์รัชทายาท พระองค์ได้นำหนานเยวี่ยทั้งเจ็ดมณฑลสามสิบแปดเมืองมาอยู่ภายใต้ต้าเหยียนของเรา คุณูปการอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ สมควรได้รับการประทานเครื่องยศเก้าประการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูส่ายหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าสวี่ ท่านกล่าวผิดแล้ว มีคำกล่าวว่า ใต้หล้าไพศาลล้วนเป็นแผ่นดินขององค์จักรพรรดิ บนแผ่นดินนี้ล้วนเป็นข้ารองพระบาทขององค์จักรพรรดิ ข้าในฐานะองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ย่อมถือเอาความผาสุกของราษฎรเป็นภารกิจของตน ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นหน้าที่”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูก็ประสานมือคำนับฉินอู๋ต้าวอีกครั้ง “เสด็จพ่อ ดังนั้นรางวัลอันยิ่งใหญ่อย่างเครื่องยศเก้าประการนี้ลูกมิกล้ารับไว้จริง ๆ หวังว่าเสด็จพ่อจะทรงเข้าพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าขุนนางระดับสูงก็อุทานด้วยความประหลาดใจอีกครั้งรางวัลอันยิ่งใหญ่เช่นเครื่องยศเก้าประการนี้ องค์รัชทายาทกลับปฏิเสธจริง ๆ หรือ?ต้องเท้าความว่า หากฉินซูในฐานะเป็นองค์รัชทายาทรับรางวัลนี้ ในภายภาคหน้า สถานะความสำคัญของเขาในสายตาของขุนนางและราษฎรแห่งต้าเหยียนก็แทบจะเทียบเท่ากับฉินอู๋ต้าวผู้เป็นองค์จักรพรรดิได้เลยทีเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 705

    ฉงชูโม่กำลังจะกล่าวต่อ แต่กลับสังเกตเห็นว่าฉินซูกำลังส่ายหน้าให้นางเล็กน้อยเมื่อเห็นดังนั้น คิ้วเรียวก็ขมวดเล็กน้อยด้วยความสงสัยจากนั้นเสียงของฉินซูก็ดังขึ้นในหูของนาง “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หลักฐานสำคัญหายไป”ฉินซูใช้วิชาแห่งกระแสจิต ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตได้นอกจากฉงชูโม่เมื่อได้ยินถ้อยคำของฉินซู แววตาของฉงชูโม่ก็พลันไหววูบ จากนั้นจึงกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดจะกล่าวทูลแล้วเพคะ”เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวก็มองฉงชูโม่ด้วยความสงสัยผาดหนึ่งแล้วหันไปมองฉินซูแทน“องค์รัชทายาท รายงานเรื่องคลังหลวงของหนานเยวี่ยหน่อยซิ”“ลูกน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูประสานมือแล้วพูดต่อ “ทูลเสด็จพ่อ ในการตรวจค้นคลังหลวงของหนานเยวี่ยครั้งนี้ ลูกพบผ้าไหมแพรพรรณสูงค่ามากมายนับมิถ้วน เงินแท้รวมทั้งสิ้นสิบสามล้านกว่าตำลึง ทองคำสองล้านตำลึง เสบียงอาหารก็มีมากถึงเกือบแสนต้านพ่ะย่ะค่ะ”“ลูกได้จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งล้านตำลึงจากทั้งหมดในพระนามของเสด็จพ่อ เพื่อใช้เป็นรางวัลแก่ทหารทั้งสามทัพ ส่วนพืชพรรณธัญหารก็ได้สั่งให้คนนำกลับไปเก็บไว้ที่เจียวโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 704

    ฉินอู๋ต้าวผงกศีรษะให้ฉินอวี่เล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “อ๋องฉู่ ในเมื่อชูโม่เข้าใจตัวเจ้าผิดไป เจ้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งเถิด”“ลูกรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวี่ประสานมือคำนับ แล้วกล่าวช้า ๆ ว่า “ชูโม่ ตอนที่ลงใต้ไปยังเจียวโจว ยามนั้นข้าประมาทเลินเล่อ ถูกคนสนิทขโมยตราประจำตัวไป ภายหลังจึงได้ทราบว่าเจ้าคนสารเลวนั่นถูกเติ้งหม่างซื้อตัวไปนานแล้วแม้แต่หูก่วงเซิงและคนอื่น ๆ ก็ยังแปรพักตร์ไปเข้าข้างหนานเยวี่ย กว่าข้าจะรู้ตัวทัพหนานเยวี่ยก็บุกเข้าประตูเมืองเจียวโจวแล้วด้วยความจำเป็น ข้าจึงต้องถอยกลับมาก่อน จากนั้นก็เดินทางทั้งวันทั้งคืน เมื่อกลับมาถึงหลงเฉิงก็รีบทูลเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบในทันที”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็แค่นยิ้มหยันทันที “ท่านอ๋องฉู่ ท่านทรงคิดว่าแค่โยนความผิดทั้งหมดไปให้คนสนิทขอท่านแล้วเรื่องก็จะจบลงง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?”ฉินอวี่โต้กลับว่า “สิ่งที่ตัวข้าพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง จะเรียกว่าโยนความผิดได้อย่างไร?”ฉงชูโม่มิได้โต้เถียงกับเขาต่อ แต่หันไปกล่าวกับฉินอู๋ต้าวว่า “ฝ่าบาท ที่ทะเลตงไห่ ท่านอ๋องฉู่...”ยังมิทันที่นางจะพูดจบ ขันทีน้อยคนหนึ่งก็วิ่งเข้าม

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status